ผู้เขียน หัวข้อ: ประชาชาติที่ถูกทำลาย  (อ่าน 33064 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ น้องปุ้มปุ้ยเองค่ะ ^^

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 27
  • เพศ: หญิง
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ประชาชาติที่ถูกทำลาย
« ตอบกลับ #30 เมื่อ: ส.ค. 08, 2007, 12:15 PM »
0

พี่ Nurฯ +++++++++  ยาซากิ้ลลา ค่ะ พี่สุดสวย

บัง Kowee ++++++ ที่ต้องแอบ ก้อหนูกัว โดนเรียกร้องค่าลิขสิด นี่คะ  ;D
หน้าตาดี เพราะจิตใจงาม ^^

ออฟไลน์ นัซซอเราะฮฺ

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 54
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ประชาชาติที่ถูกทำลาย
« ตอบกลับ #31 เมื่อ: ส.ค. 08, 2007, 08:53 PM »
0

พี่ Nurฯ +++++++++  ยาซากิ้ลลา ค่ะ พี่สุดสวย



อัลฮัมดุลิลลาฮฺ   ;D 

ป.ล.  ไม่ต้อง(กัดฟัน)ขนาดน้านก็ได้   ให้ก็อปกันไปซึ่งๆหน้าก็ไม่ว่าจะใดหรอก  ^^



ด้วยจิตคารวะ
สถานภาพ : ผู้ถูกสร้าง

ออฟไลน์ นัซซอเราะฮฺ

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 54
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ประชาชาติที่ถูกทำลาย
« ตอบกลับ #32 เมื่อ: ส.ค. 08, 2007, 10:47 PM »
0
วันนี้มานำเสนอต่อจากครั้งที่แล้ว....

"สุสานแห่งกษัตริย์อูร์"  คือคำที่เซอร์วูลลีย์ใช้เรียกสิ่งที่เขาขุดพบขึ้นมา
 อันเนื่องมาจากความปิติยินดีกับการได้ขุดพบหลุมศพของเจ้าขุนมูลนายแห่งสุเมเรียน
ซึ่งมีความสง่างามและยิ่งใหญ่สมฐานะ

สิ่งเหล่านี้ได้ถูกขุดค้นบริเวณเนินโบราณที่มีความสูง  50  ฟุต
โดยพบว่ามีการซ้อนทับกันของสุสานเป็นชั้นๆ ในแนวยาว
ภายในหีบเก็บศพได้พบสิ่งของมีค่ามากมาย  ไม่ว่าจะเป็นเครื่องแก้ว  จาน  ชามทอง
สำริด  ไข่มุกเม็ดใหญ่  อัญมณี  และโลหะเงินรอบๆ โครงกระดูก
"เกือบทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว"  คือบันทึกต่อมาที่เขาเขียนไว้ในสมุดบันทึก
"แล้วการค้นพบต่างๆ  ที่เกิดขึ้นได้ตอบข้อสงสัยของเรา  มีการค้นพบศิลาจารึกจำนวนมาก
ในชั้นเถ้าถ่านซึ่งอยู่ใต้พื้นของสุสานกษัตริย์องค์หนึ่ง  มีความเก่าแก่กว่าคำจารึกบนหลุมฝังศพ
วินิจฉัยโดยกองพิสูจน์อักษร  คาดว่าศิลาจารึกเหล่านี้ถูกระบุไว้ประมาณ  3000  ปีก่อนคริสตกาล
นั่นคือ  2-3  ร้อยปีก่อนสุสานแห่งนี้"

เมื่ออุโมงค์ถูกขุดให้ลึกลงอีกชั้นดินใหม่ที่เกิดขึ้นก็เต็มไปด้วถ้วย  ชาม  กาน้ำต่างๆ
ผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นว่าเครื่องปั้นดินเผาดังกล่าวยังคงสภาพดั้งเดิมอย่างน่าประหลาดใจ
และมีลักษณะคล้ายๆ กับที่เคยพบในสุสานของกษัตริย์ 

พวกเขาตัดสินใจจะขุดให้ลึกลงเรื่อยๆ  3 ฟุต  6 ฟุต  จนถึงชั้นดินเหนียว
ทันใดนั้น  เมื่อมาถึงระยะ  10 ฟุต  ชั้นดินเหนียวก็หมดลงอย่างฉับพลัน
ใต้ชั้นดินเหนียวเหล่านั้น  พวกเขาได้พบหลักฐานชิ้นใหม่เกี่ยวกับมนุษย์
ลักษณะของเครื่องปั้นดินเผา  และคุณภาพของมันเห็นได้ชัดว่ามีการเปลี่ยนแปลงไป
เป็นเครื่องปั้นดินเผาที่ทำด้วยมือ  ไม่มีโลหะผสมอยู่  เป็นเครื่องใช้ในยุคแรกที่ทำขึ้นจากการทุบหิน
ซึ่งเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากเครื่องมือเครื่องใช้ในยุคหิน

มีเพียงอุทกภัยเท่านั้นที่สามารถอธิบายเกี่ยวกับชั้นดินเหนียวใต้เนินโบราณที่เมืองอูร์แห่งนี้

ส่วนในทะเลนั้นยังคงมีร่องรอยชัดเจนของเศษสิ่งมีชีวิตในทะเลหลงเหลืออยู่โดยจะฝังอยู่ในโคลน (*1*)

จากการวิเคราะห์ระดับจุลภาคแสดงให้เห็นว่า  การทับถมของโคลนที่ใต้เนินโบราณเมืองอูร์นั้น
เป็นผลมาจากอุทกภัยครั้งใหญ่ที่ได้ทำลายล้างอารยธรรมสุเมเรียนโบราณ
เรื่องราวของนบีนุฮฺจึงได้ถูกรวบรวมไว้ภายใต้การขุดลึกลงใต้ทะเลทรายแห่งเมโสโปเตเมีย

แม็กซ์  มัลโลวาน  ( Max  Mallowan )  ได้บรรยายแนวคิดของลีโอนาร์ด  วูลลีย์
ซึ่งได้กล่าวว่า  ดินหรือทรายกองใหญ่ที่เกิดจากการทับถมของน้ำนั้นเกิดจากมหันตภัยของน้ำท่วม
นอกจากนี้  วูลลีย์ยังได้อธิบายอีกว่า  ชั้นของพื้นดินที่เกิดจากการทับถมของน้ำท่วมนั้น
ได้แยกเมืองอูร์ออกจาก  อัล-อุบัยด์  ( Al-Ubaid )  แห่งสุเมเรียน
ซึ่งมีการวาดลวดลายบนเครื่องปั้นดินเผา  (*2*)

ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าเมืองอูร์นั้น  เป็นอีกเมืองหนึ่งในบรรดาหลายๆ เมืองที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย
วอร์เนอร์  เคลเลอร์  ได้ให้ความสำคัญของการขุดค้นที่กล่าวถึงนั้น
โดยบอกว่าซากเมืองโบราณที่อยู่ใต้ชั้นดินโคลนที่ได้จากการขุดค้นในเมโสโปเตเมียนั้น
พิสูจน์ให้เห็นว่าที่แห่งนี้ได้เคยเกิดน้ำท่วมมาก่อน  (*3*)

จากการุดค้นของเซอร์ลีโอนาร์ด  วูลลีย์  ในที่ราบเมโสโปเตเมียนั้น 
ปรากฏว่ามีชั้นดินเหนียวอยู่ในความลึก  2.5  เมตร  ซึ่งมีความเป็นได้สูงว่าชั้นดินเหนียวเหล่านี้ได้ก่อตั้งขึ้น
โดยการอุ้มน้ำจากน้ำท่วมในครั้งนั้นทั้งหมด 




ชั้นบนสุดที่เห็นเป็นสีเขียว  นั่นคือ  ที่ราบเมโสโปเตเมีย
ชั้นต่อมาสีส้ม  คือ  อารยธรรมยุคหลังน้ำท่วม
ชั้นสีน้ำตาล  คือ  ชั้นโคลน
ชั้นล่างสุด  คือ  อารยธรรมยุคก่อนน้ำท่วม

อ้างอิง  :  Click here


ส่วนอีกเมืองหนึ่งที่มีร่อยรอยของน้ำท่วมก็คือ  "เมืองคิชแห่งอาณาจักรสุเมเรียน" 
ปัจจุบันก็คือ.................


---------------------------------------------------------------------

(*1*)  เวินเนอร์  เคลเลอร์, Und  die  Bible  hat  doch  recth  (  ไบเบิ้ลในฐานะประวัติศาสตร์ ; คัมภีร์แห่งคัมภีร์ ), นิวยอร์ก: วิลเลียม  เมอร์โร, 1964,  หน้า  25-29
(*2*)  แม็ค  มัลโลวาน, คิดทบทวนอุทกภัยแห่งนุฮฺ, อิรัก: XXVI-2, 1964, หน้า70
(*3*)  เวินเนอร์  เคลเลอร์, Und  die  Bible  hat  doch  recth  (  ไบเบิ้ลในฐานะประวัติศาสตร์ ; คัมภีร์แห่งคัมภีร์ ), นิวยอร์ก: วิลเลียม  เมอร์โร, 1964,  หน้า  23-32



โปรดติดตามต่อไป...


ด้วยจิตคารวะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 11, 2007, 10:37 PM โดย Nur-fitri »
สถานภาพ : ผู้ถูกสร้าง

ออฟไลน์ musalmarn

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 796
  • เพศ: ชาย
  • สักวัน... ฉันจะขี่ม้า
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
    • ชมรมศาสนศึกษา แผนกอิสลาม มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
Re: ประชาชาติที่ถูกทำลาย
« ตอบกลับ #33 เมื่อ: ส.ค. 09, 2007, 12:11 AM »
0
ขออนุญาต ท่านนุรฯ แปะรูปหน่อยครับ



The City of Ur: Excavations have proved that Ur was leading among the old Sumerian cities of Mesopotamia. Its earliest dwellings go back some six thousands years, and after it had enjoyed prominence in the dawn of dynasties, 4800-4300 years ago, it assumed a leading position during the Third Dynasty of Ur, over 4000 years ago. In later times, although political leadership shifted to other Babylonian and Assyrian centers, it maintained its importance and kings continued to lavish their care on its temples and institutions.

pic's The city of Ur Click here

เชิญต่อ... ครับ

ด้วยจิตคารวะ <<< คำนี้เท่ดี ^^

ออฟไลน์ นัซซอเราะฮฺ

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 54
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ประชาชาติที่ถูกทำลาย
« ตอบกลับ #34 เมื่อ: ส.ค. 09, 2007, 05:37 AM »
0
ญะซากัลลอฮุค็อยร็อนเป็นอย่างยิ่ง ท่านมูซัลมารณ  ที่แวะเข้ามาอ่านและร่วมให้ข้อมูล ^^

น่าติดตาม...........เป็นที่สุด

 ;D ;D ;D



น่าปลื้มใจ..........เป็นที่สุด  ที่มีคนมาติดตามอ่าน   

 ;D ;D ;D


ด้วยจิตคารวะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 09, 2007, 05:58 AM โดย Nur-fitri »
สถานภาพ : ผู้ถูกสร้าง

ออฟไลน์ นัซซอเราะฮฺ

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 54
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ประชาชาติที่ถูกทำลาย
« ตอบกลับ #35 เมื่อ: ส.ค. 09, 2007, 06:25 AM »
0
ต่อจากการนำเสนอเมื่อครั้งที่แล้ว......

ส่วนอีกเมืองหนึ่งที่มีร่อยรอยของน้ำท่วมก็คือ  "เมืองคิชแห่งอาณาจักรสุเมเรียน" 
ปัจจุบันก็คือ  เทล  อัลอุฮัยเมอร์ ( Tel  Al-Uhaimer )
จากแหล่งข้อมูลอาณาจักรสุเมเรียนโบราณ
เมืองแห่งนี้ก็คือ  "บัลลังก์ของราชวงศ์แรกหลังจากเหตุการณ์น้ำท่วม" (*4*)

เมืองชุรุปปัก  ทางตอนใต้ของเมโสโปเตเมีย  ปัจจุบันก็คือ  เทล  ฟะเราะฮฺ  ( Tel  Farah )
ก็มีร่องรอยของน้ำท่วมเช่นเดียวกัน 
นักโบราณคดีที่เข้ามาศึกษาในเมืองนี้  นำทีมโดย  อีริค  ชมิดท์  ( Erich  Schmidt )
จากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย  ระหว่าง  ค.ศ.  1920-1930
ซึ่งก็ได้ค้นพบชั้นของพื้นดิน  แยกได้ออกเป็น  3  ชั้น  โดยมีความเก่าแก่อยู่ในช่วงปลายก่อนประวัติศาสตร์
จนถึงราชวงศ์ที่ 3  แห่งอูร์ ( 2112 - 2004  ปีก่อนคริสตกาล )
ลักษณะพิเศษส่วนใหญ่ที่พบคือเศษซากปรักหักพังที่เกิดจากความพินาศของบ้านที่สร้างอย่างแข็งแรง
รวมทั้งศิลาจารึกอักษรรูปลิ่ม  บันทึกเกี่ยกวับการปกครอง  และบัญชีรายการต่างๆ
คำต่างๆ  แสดงให้เห็นถึงสภาพสังคมที่ได้รับการพัฒนาถึงขั้นสูงแล้ว 
ในปลายทศวรรษ 4000 ปีก่อนคริกสตกาล  (*5*)

สิ่งสำคัญก็คือมีความเข้าใจกันว่าได้เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ในเมืองนี้
ในช่วง  2900-3000 ปีก่อนคริสตกาล  จากรายงานของมัลโลวาน
ลึกลงไปใต้พื้นดิน  4-5  เมตร  ชมิดท์ได้ขุดมาถึงชั้นดินสีเหลือง  ( เป็นการทับถมเกิดจากน้ำท่วม )
เป็นดินที่มีส่วนผสมของดินเหนียวและดินทราย  เป็นดินชั้นที่.................


---------------------------------------------------------------------

(*4*)  "Kish" ,  บริทตานิกา  ไมโครเพเดีย,  ฉบับ 6 หน้า 893
(*5*)  "Shurupak", บริทตานิกา  ไมโครเพเดีย, ฉบับ 10 หน้า 772



โปรดติดตามต่อไป...


ด้วยจิตคารวะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 09, 2007, 10:29 PM โดย Nur-fitri »
สถานภาพ : ผู้ถูกสร้าง

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
Re: ประชาชาติที่ถูกทำลาย
« ตอบกลับ #36 เมื่อ: ส.ค. 09, 2007, 09:34 AM »
0
ลึกลงไปใต้พื้นดิน  4-5  เมตร  ชมิดท์ได้ขุดมาถึงชั้นดินสีเหลือง  ( เป็นการทับถมเกิดจากน้ำท่วม )
เป็นดินที่มีส่วนผสมของดินเหนียวและดินทราย  เป็นดินชั้นที่................

โปรดติดตามต่อไป...

ดูการลงท้ายซิครับท่านพี่น้อง เป็นดินชั้นที่................  ;D  แบบนี้ก็ติดตามอ่านกันงอมแงมอีกตามเคย  :D

ออฟไลน์ almadany

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 346
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ประชาชาติที่ถูกทำลาย
« ตอบกลับ #37 เมื่อ: ส.ค. 09, 2007, 02:06 PM »
0
บัง Kowee ++++++ ที่ต้องแอบ ก้อหนูกัว โดนเรียกร้องค่าลิขสิด นี่คะ  ;D

ทราบมาว่า...เว๊บไซต์แห่งนี้...ไม่ได้ทำเพื่อธุระกิจ...ดังนั้นลิขสิทธิ์ย่อมไม่มีน่ะครับ...มีแต่ลิกขวิด...แหะๆ

ออฟไลน์ นัซซอเราะฮฺ

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 54
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ประชาชาติที่ถูกทำลาย
« ตอบกลับ #38 เมื่อ: ส.ค. 09, 2007, 11:14 PM »
0
ต่อจากการนำเสนอเมื่อครั้งที่แล้ว......

ลึกลงไปใต้พื้นดิน  4-5  เมตร  ชมิดท์ได้ขุดมาถึงชั้นดินสีเหลือง  ( เป็นการทับถมเกิดจากน้ำท่วม )
เป็นดินที่มีส่วนผสมของดินเหนียวและดินทราย  เป็นดินชั้นที่อยู่ใกล้กับพื้นดินมากกว่าโครงร่างของสุสาน
ชมิดท์  ได้ให้คำจำกัดความชั้นดินชั้นนี้ว่า  มีส่วนผสมของดินเหนียวกับดินทราย
ซึ่งหลงเหลือจากอาณาจักรโบราณที่ชื่อ  เคมเด็ท  นัสรฺ  ( Cemdet  Nasr ) 
มีฉายาว่า  "ทรายและต้นกำเนิดของมันในแม่น้ำ" (*6*)

จากการขุดค้นในเมืองชุรุปปัก  ร่องรอยที่พบเกี่ยวกับน้ำท่วมนั้นมีความสอดคล้องกัน
คือ  อยู่ในระหว่าง  2900-3000  ปีก่อนคริสตกาล  (*7*)

เมืองสุดท้ายที่มีปรากฏเป็นหลักฐานว่าได้รับอิทธิพลจากน้ำท่วมก็คือเมืองอีเร็ซ 
ซึ่งอยู่ทางใต้ของเมืองชุรุปปัก  ปัจจุบันคือ  เทล  อัล-วัรฺกา  ( Tel  Al-Warka )
เมืองนี้ก็เหมือนเมืองอื่นๆ  คือมีการค้นพบชั้นดินที่เกิดจากน้ำท่วม
ซึ่งอยู่ระหว่าง  2900-3000  ปีก่อนคริสตกาลเช่นกัน  (*8*)

เป็นที่ทราบกันว่า  แม่น้ำไทกริสและยูเฟรติสพาดผ่านเมโสโปเตเมียจากปลายด้านหนึ่งไปสู่อีกด้านหนึ่ง
แสดงให้เห็นว่าแม่น้ำทั้งสองสายและแหล่งน้ำอื่นๆ  อีกมากมายทั้งใหญ่และเล็กได้เอ่อล้นท่วมขึ้นมา
บวกกับน้ำฝนทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่  ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ได้ถูกกล่าวไว้ในอัลกุรอานดังนี้




11. ดังนั้น เราจึงได้เปิดประตูแห่งชั้นฟ้าให้น้ำฝนเทลงมาอย่างหนัก




12. และเราได้ทำให้แผ่นดินแยกออกเป็นตาน้ำไหลพุ่ง ดังนั้น น้ำฝนและตาน้ำได้มาบรรจบกันตามกิจการที่ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว (*1*)  

(1)  คือเราได้ให้ฝนตกลงมาจากชั้นฟ้าอย่างหนัก และได้ทำให้แผ่นดินทั้งหมดแตกแยกออกเป็นตาน้ำแล้วน้ำฝนและตาน้ำต่าง ๆ ได้มาบรรจบพบกันในสภาพที่พระองค์กำหนดไว้และเพื่อทำให้บรรดาผู้ปฏิเสธจมน้ำตาย 
( ซูเราะฮฺ  อัลเกาะมัรฺ  :  11-12 )


จากการประเมินหลักฐานที่ได้พบ
พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมตามหลักฐานดังกล่าวนั้น  กินเนื้อที่ประมาณ  160  กิโลเมตร
จากกตะวันออกถึงตะวันตก  และ  600  กิโลเมตร  จากเหนือลงใต้
แสดงให้เห็นว่าอุทกภัยได้ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของเมโสโปเตเมีย
เมื่อเรานำเมืองต่างๆ  อย่างเมืองอูร์,  อีเร็ซ,  ชุรุปปัก  และเมืองคิช  ซึ่งมีร่องรอยของน้ำท่วมมาพิจารณา
อย่างละเอียดจะพบว่ามันจะวางตัวในแนวเดียวกันอย่างต่อเนื่อง  นั่นคือเมืองเหล่านี้จะต้องได้รับ
อิทธิพลจากน้ำท่วมอย่างแน่นอน  นอกจากนี้มันน่าจะเกิดในช่วง  3000  ปีก่อนคริสตกาล  อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม  โครงสร้างทางภูมิศาสตร์ของเมโสโปเตเมียในปัจจุบันได้เปลี่ยนไปมาก
ในสมัยก่อน  ก้นแม่น้ำยูเฟรติสทอดตัวไปทางทิศตะวันออกมากกว่าในปัจจุบัน
สอดคล้องกับร่องรอยของแม่น้ำที่พาดผ่านอูร์,  อีเร็ซ,  ชุรุปปัก  และเมืองคิช
เราจะพบว่าแม่น้ำยูเฟรติสนั้นได้ท่วมและแผ่ขยายจนทำลายเมืองทั้งสี่


---------------------------------------------------------------------

(*6*)  แม็ค  มัลโลวาน, ราชวงศ์ยุคแรกในดินแดนเมโสโปเตเมีย, แคมบริดส์  แอนเชี่ยน  ฮิสโตรี่  1-2,  แคมบริดส์  :  1971,  หน้า  28
(*7*)    โยเซฟ  แคมป์เบล,  อีสเทิร์น  มิสเธอโอโลจี,  หน้า129
(*8*)  บิลลิม  เว  ยูโธปียา,  ก.ค.  1996,  176  ฟุตโน้ตหน้า  19




โปรดติดตามต่อไป...


ด้วยจิตคารวะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 10, 2007, 12:13 AM โดย Nur-fitri »
สถานภาพ : ผู้ถูกสร้าง

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: ประชาชาติที่ถูกทำลาย
« ตอบกลับ #39 เมื่อ: ส.ค. 09, 2007, 11:22 PM »
0
เข้ากระทู้นี้   รู้สึกว่าผ่อนคลายมากเลยครับ  ขออัลเลาะฮ์ทรงตอบแทนและตอบรับดุอาอ์ที่คุณ  Nur-fitri ขอไว้ด้วยนะครับ และขออัลเลาะฮ์ทรงตอบแทนสำหรับการนำเสนอความรู้แก่พี่น้อง
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ นัซซอเราะฮฺ

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 54
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ประชาชาติที่ถูกทำลาย
« ตอบกลับ #40 เมื่อ: ส.ค. 10, 2007, 10:26 PM »
0
อุทกภัยแห่งนุฮฺในศาสนาและวัฒนธรรมอื่นๆ


อุทกภัยแห่งนุฮฺนั้นเป็นที่รู้จักของคนเกือบทั้งโลกโดยผ่านการบอกเล่าจากศาสนทูตต่างๆ
ยังศาสนาที่เที่ยงแท้  แต่เมื่อผ่านหมู่คนมากๆมันก็กลายเป็นเรื่องเล่าตำนานที่มีการบิดเบือน
แม้ว่ามันจะทำให้เป็นที่รู้จักกันมากขึ้นก็ตาม

อัลลอฮฺได้ทรงถ่ายทอดเรื่องราวอุทกภัยแห่งนุฮฺไว้ให้แก่มนุษย์หลากหลายชนชาติ
โดยผ่านศาสนทูตหลายๆ ท่านและคัมภีร์หลายๆ แล่ม 
ดังนั้นมันจึงเป็นได้ทั้งบทเรียนและคำเตือน
แต่ทุกครั้งที่มีการถ่ายทอดจากศาสนทูต  ข้อความดังกล่าวก็จะถูกบิดเบือนไปจากเดิม
ทำให้เรื่องราวของอุทกภัยในครั้งนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเทพนิยายปรัมปรา
มีแต่ความเที่ยงตรงจากอัลกุรอานเท่านั้น  ที่สอดคล้องกับการพบที่ได้จากการสังเกตและได้รับการยอมรับอย่างมาก
นั่นเป็นเพราะอัลลอฮฺได้ทรงปกป้องอัลกุรอานไว้จากการเปลี่ยนแปลง
พระองค์ไม่ทรงยินยอมให้มีการบิดเบือนเป็นอันขาด  ดังที่กล่าวไว้ในอัลกุรอานดังนี้




9. แท้จริงเราได้ให้ข้อตักเตือน(อัลกุรอาน)ลงมา และแท้จริงเราเป็นผุ้รักษามันอย่างแน่นอน
( ซูเราะฮฺ  อัลฮิจรฺ  :  9 )


ต่อมาเรามาดูกันว่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นมีกล่าวไว้อย่างไรบ้างในคัมภีร์อื่นๆ  และวัฒนธรรมอื่นๆ



โปรดติดตามต่อไป...


ด้วยจิตคารวะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 11, 2007, 10:41 AM โดย Nur-fitri »
สถานภาพ : ผู้ถูกสร้าง

ออฟไลน์ นัซซอเราะฮฺ

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 54
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ประชาชาติที่ถูกทำลาย
« ตอบกลับ #41 เมื่อ: ส.ค. 10, 2007, 11:37 PM »
0
อุทกภัยแห่งนุฮฺในพันธสัญญาเก่า

คัมภีร์อันเที่ยงแท้ที่ได้ถูกประทานแก่นบีมูซา  อะลัยฮิสลาม  นั่นคือคัมภีร์เตารอต  ( Tawrah )
แทบจะไม่มีการกล่าวถึงเหตุการณ์นี้เลย 
ส่วนคัมภีร์ไบเบิลนั้น  ในคัมภีร์  5  เล่มแรกของพระคัมภีร์ไบเบิลฉบับเก่า  ( Pentateuch ) ขาดการต่อเนื่อง
เป็นระยะเวลานานจากต้นฉบับ  มิหนำซ้ำหลายๆ ส่วนของเนื้อหาที่เป็นจริงยังได้ถูกแรบไบ ( นักบวช )
ในศาสนายิวบิดเบือนไป

ศาสนทูตทุกท่านที่ได้รับการถ่ายทอด  จะถ่ายทอดต่อไปยังวงศ์วานของอิสรออีล
หลังจากสมัยของนบีมูซาทุกอย่างก็ถูกครอบงำเหมือนเช่นที่ผ่านมาและมีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาครั้งใหญ่
นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เราต้องเรียกคัมภีร์เหล่านั้นใหม่ว่า
"พระคัมภีร์ไบเบิลฉบับใหม่" ( Altered  Pentateuch )
เพราะมันไม่มีความต่อเนื่องจากฉบับดั้งเดิม  ทำให้เห็นว่ามันเป็นเพียงแค่หนังสือที่มนุษย์เขียนขึ้นมา
เพื่อบันทึกประวัติศาสตร์ของตนเองมากกว่าที่จะเป็นคัมภีร์ศาสนา 
ซึ่งไม่น่าประหลาดใจที่คัมภีร์ได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปแล้วกับการกระทำที่ค้านกับข้อความ
ในคัมภีร์จะมีเรื่องราวของนบีนุฮฺปรากฏอยู่ด้วย  แม้ว่าเนื้อหาบางส่วนจะคล้ายคลึงกับในอัลกุรอานบ้างก็ตาม

จากพันธสัญญาเก่า   :  พระเจ้าได้ประกาศแก่นุฮฺว่า  ใครก็ตามยกเว้นผู้ศรัทธา  จะถูกทำลาย
เพราะแผ่นดินเต็มไปด้วยความรุนแรง  ในการณ์นี้พระองค์ได้สั่งให้นุฮฺสร้างเรือของนุฮฺขึ้นมา
โดยพระองค์ได้อธิบายถึงวิธีการสร้างแก่นุฮฺ  และยังได้สั่งให้นุฮฺพาครอบครัวขึ้นเรือไปด้วย
( ลูกชายทั้ง  3  คน  และลูกสะใภ้ )  สิ่งมีชีวิตทุกอย่าง อย่างละ  1  คู่  และของจำเป็นทุกอย่าง

เจ็ดวันต่อมา  เมื่อถึงเวลาน้ำท่วม  แผ่นดินก็ได้ระเบิดแยกออกมา  หน้าต่างแห่งสวนสวรรค์ก็เปิดออก
และแล้วอุทกภัยครั้งใหญ่ก็กลืนทุกสิ่งทุกอย่างหายไป  ทั้งหมดนี้ใช้ระยะเวลา  40  วัน  40  คืน
เรือได้แล่นบนผิวน้ำที่ปกคลุมภูเขาทุกลูก  ผู้ที่ยอมขึ้นเรือตามนุฮฺนั้นปลอดภัย
ส่วนที่เหลือก็ถูกสายน้ำพัดพาไปจนจมไปกับน้ำ  หลังจาก  40  วัน  40  คืน  แล้วฝนก็หยุดตก
และน้ำก็ลดลงภายใน  150  วัน

ต่อมาในวันที่  17  ของเดือนที่  7  เรือก็ได้มาเกยตื้นที่ภูเขาอารารัต  ( หรือ  Agri )
นุฮฺได้ส่งนกเขาไปสืบดูว่าน้ำได้ลดลงแล้วหรือไม่  เมื่อนกไม่ได้กลับมาอีกเลยเขาจึงเข้าใจได้ทันทีว่า
น้ำลดลงแล้ว  พระเจ้าได้ทรงสั่งให้พวกเขาขึ้นฝั่งและให้อาศัยอยู่บนหน้าแผ่นดิน...

สิ่งที่ค้านกับความเป็นจริงของเรื่องราวดังกล่าวในพันธสัญญาเก่าก็คือ
จากข้อความในคัมภีร์ฉบับยาวิส  ( Yahwist  version )  กล่าวว่า  พระเจ้าได้สั่งให้นุฮฺนำสัตว์ขึ้นไป
ชนิดละ  7 ตัว  ( ทั้งตัวผู้และตัวเมีย )  พระองค์เรียกว่า  "บริสุทธิ์"  ส่วนสัตว์ที่ไม่เป็นคู่  พระองค์เรียกว่า
"ไม่บริสุทธิ์"  นี่คือสิ่งที่ค้านกับสิ่งที่ได้กล่าวมาแล้ว 
นอกจากนี้ในพันธสัญญาเก่า  ระยะเวลาที่เกิดน้ำท่วมก็มีความแตกต่างกันด้วย
จากบันทึกฉบับยาวิสกล่าวว่า  น้ำท่วมใช้เวลา  40  วัน  ในขณะที่บันทึกของฆราวาสบอกไว้ว่า  150  วัน


ต่อไปนี้คือบางส่วนของพันธสัญญาเก่าที่มีการกล่าวถึงอุทกภัยแห่งนุฮฺ

พระเจ้าทรงเห็นว่า  ความชั่วช้าของมนุษย์มีมากบนแผ่นดิน  และทรงเห็นว่า  เค้าแห่งความคิดในใจของเขา
ล้วนเป็นเรื่องร้ายเสมอไป

พระเจ้าจึงเสียพระทัยที่ได้สร้างมนุษย์ไว้บนแผ่นดิน  และโทมนัส

พระเจ้าจึงตรัสว่า  "เราจะกวาดล้างมนุษย์ที่เราได้สร้างมานี้ไปเสียจากแผ่นดิน
ทั้งมนุษย์กับบรรดาสัตว์เลื้อยคลานและนกในอากาศด้วย  เพราะว่าเราเสียใจที่ได้สร้างมา"


แต่โนอาห์เป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรพระเจ้า
  ( เยเนซิส,  6:5-8 )


พระเจ้าจึงตรัสแก่โนอาห์ว่า  "เราตัดสินใจแล้วว่า  จะให้บรรดามนุษย์ถึงความพินาศเสียที
ด้วยเหตุว่าโลกเต็มไปด้วยความทารุณ  เพราะการกระทำของมนุษย์
ดูเถิด  เราจะทำลายพวกเขาพร้อมกับแผ่นดินโลก

เจ้าจงต่อนาวาด้วยไม้สนโกเฟอร์  แล้วทำเป็นห้องๆ  และยาชันทั้งข้างในข้างนอก

จงต่อนาวานั้นตามแบบนี้  คือยาวสามร้อยศอก  กว้างห้าสิบศอก  สูงสามสิบศอก

จงทำช่องข้าง  ( หรือ  หลังคา )  บนนาวาให้สูงศอกหนึ่ง  จงตั้งประตูนาวาที่ด้านข้าง  และทำดาดฟ้าชั้นล่าง
ชั้นที่สอง  และที่สาม

เพราะดูเถิด  เราเองจะเป็นผู้ทำให้น้ำท่วมแผ่นดิน  จะทำลายมนุษย์และสัตว์ที่มีลมปราณทั้งปวงใต้ฟ้า
ทุกสิ่งที่อยู่บนแผ่นดินจะตายสิ้น

แต่เราจะตั้งพันธสัญญาไว้กับเจ้า  ให้เจ้าเข้าอยู่ในนาวา  ทั้งบุตร  ภรรยา  และบุตรสะใภ้

จงนำบรรดาสัตว์ที่มีชีวตทั้งตัวผู้และตัวเมียทุกชนิดอย่างละคู่เข้าไปไว้ในนาวา  เพื่อให้มีชีวิตรอดอยู่กับเจ้า

นกตามชนิดของมัน  สัตว์ตามชนิดของมัน  ทุกๆ ชนิดอย่างละคู่  ต้องไปกับเจ้าเพื่อให้รอดชีวิตอยู่ได้

เจ้าจงสะสมเสบียงอาหารไว้ทุกอย่าง  เป็นอาหารของเจ้าบ้าง  ของสัตว์เหล่านั้นบ้าง"

พระเจ้าทรงบัญชาให้โนอาห์ทำอย่างไร  โนอาห์ก็ทำอย่างนั้นทุกประการ
  ( เยเนซิส,  6:13-22 )


ณ  วันที่สิบเจ็ด  ของเดือนที่เจ็ด  นาวาก็ค้างอยู่บนเทือกเขาอารารัต  ( เยเนซิส,  8:4 )


จงเอาบรรดาสัตว์ที่สะอาดไปด้วยทุกชนิดอย่างละเจ็ดคู่ทั้งตัวผู้และตัวเมีย
และสัตว์ที่ไม่สะอาดอย่างละคู่ทั้งตัวผู้และตัวเมีย

นกในอากาศอย่างละเจ็ดคู่ทั้งตัวผู้และตัวเมีย  เพื่อจะช่วยชีวิตสัตว์ไว้ให้สืบพันธุ์ทั่วพื้นแผ่นดิน
  ( เยเนซิส,  7:2-3 )


"เราจะตั้งพันธสัญญาของเราไว้กับพวกเจ้า  จะไม่ทำลายบรรดามนุษย์และสัตว์โดให้น้ำท่วมอีก
และจะไม่ให้มีน้ำท่วมทำลายโลกอีกต่อไป"
  ( เยเนซิส,  9:11 )


จากพันธสัญญาเก่ากล่าวว่า  มีความสอดคล้องกับคำตัดสินที่ว่า  "ทุกอย่างบนหน้าแผ่นดินจะตาย"
น้ำท่วมได้ครอบคลุมไปทั่วทั้งโลก  ทุกประชาชาติถูกลงโทษ  ยกเว้นผู้ที่ยอมขึ้นเรือกับนุฮฺ


โปรดติดตามต่อไป...


ด้วยจิตคารวะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 11, 2007, 10:05 PM โดย Nur-fitri »
สถานภาพ : ผู้ถูกสร้าง

ออฟไลน์ นัซซอเราะฮฺ

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 54
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ประชาชาติที่ถูกทำลาย
« ตอบกลับ #42 เมื่อ: ส.ค. 10, 2007, 11:49 PM »
0
เข้ากระทู้นี้   รู้สึกว่าผ่อนคลายมากเลยครับ  ขออัลเลาะฮ์ทรงตอบแทนและตอบรับดุอาอ์ที่คุณ  Nur-fitri ขอไว้ด้วยนะครับ และขออัลเลาะฮ์ทรงตอบแทนสำหรับการนำเสนอความรู้แก่พี่น้อง

ขออัลลอฮฺทรงตอบแทนท่านที่แวะมาอ่านเช่นกัน   :)
สถานภาพ : ผู้ถูกสร้าง

ออฟไลน์ นัซซอเราะฮฺ

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 54
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ประชาชาติที่ถูกทำลาย
« ตอบกลับ #43 เมื่อ: ส.ค. 10, 2007, 11:54 PM »
0
ลึกลงไปใต้พื้นดิน  4-5  เมตร  ชมิดท์ได้ขุดมาถึงชั้นดินสีเหลือง  ( เป็นการทับถมเกิดจากน้ำท่วม )
เป็นดินที่มีส่วนผสมของดินเหนียวและดินทราย  เป็นดินชั้นที่................

โปรดติดตามต่อไป...

ดูการลงท้ายซิครับท่านพี่น้อง เป็นดินชั้นที่................  ;D  แบบนี้ก็ติดตามอ่านกันงอมแงมอีกตามเคย  :D


 ;D ;D 
สถานภาพ : ผู้ถูกสร้าง

ออฟไลน์ เด็กท่าเรือ

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 194
  • เพศ: ชาย
  • ความยำเกรงนั้น คือ กุญแจแห่งทางที่เที่ยงตรง
  • Respect: +9
    • ดูรายละเอียด
    • bantharua
Re: ประชาชาติที่ถูกทำลาย
« ตอบกลับ #44 เมื่อ: ส.ค. 11, 2007, 01:11 AM »
0


สถานที่เชื่อว่าพบซากเรือนบีนูฮฺ (Noar_Hill)

ผมคนหนึ่งทีติดตามกระทู้นี้ น่าติดตามมากครับ ขอชื่นชม

ซายากั้ลลอฮุค่อยรอ
" ท่านพึงเป็นผู้รู้ หรือผู้เล่าเรียน หรือผู้รับฟัง หรือผู้รักใคร่ (ในบุคคลเหล่านั้น)
และท่านอย่าเป็นคนที่ห้า แล้วท่านจะวิบัติอย่างแน่นอน "

 

GoogleTagged