คำอธิบายประกอบสูเราฮฺ อัตเตาบะฮฺ (التوبة - การสารภาพผิด) หรือ อัลบะรออะฮฺ (البراءة - การปลีกออก, การโมฆะสัญญา)เป็นสูเราะฮฺ มะดะนียะฮฺ มี 129 อายะฮฺ
ความหมายโดยสรุป (http://www.alquran-thai.com/ShowSurah.asp)
ซูเราะฮฺอัต-เตาบะฮฺ หรือ บะรออะฮฺ ซูเราะฮฺนี้มีสองชื่อด้วยกันคือ “ซูเราะฮฺอัต-เตาบะฮฺ” และ “ซูเราะฮฺบะรออะฮฺ” ด้วยเหตุนี้ อัล-กุรอานบางเล่มระบุว่า “อัต-เตาบะฮฺ” และบางเล่มระบุว่า “บะรออะฮฺ” และซูเราะฮฺนี้เป็นซูเราะฮฺมะดะนียะฮฺ มี 129 อายะฮฺ และเป็นซูเราะฮฺเดียวที่มิได้เริ่มด้วยบิสมิลลาฮฺฯ ทั้งนี้เนื่องจากบิสมิลลาฮฺฯ มิได้ถูกประทานลงมาพร้อมกับซูเราะฮฺนี้ ดั่งซูเราะฮฺอื่น ๆ บางทรรศนะของนักปราชญ์ระบุว่าที่มิได้เริ่มด้วยบิสมิลลาฮฺฯ นั้นเพราะถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของ ซูเราะฮฺ “อัล-อัมฟาล” และที่แยกออกมาเป็นอีกซูเราะฮฺหนึ่ง ต่างหากนั้นเพราะมีเนื้อหาสำคัญ อนึ่งส่วนใหญ่ของซูเราะฮฺถูกประทานลงมาหลังจากสงครามตะบูกซึ่งเป็นสงครามสุดท้ายในชีวิตของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ส่วนในตอนต้นของซูเราะฮฺนี้ ถูกประทานลงมาในปีที่ 9 แห่ง ฮ.ศ. หลังจากที่ได้พิชิตนครมักกะฮ์แล้วท่านนบีได้ส่งซัยยิดินาอะลีไปในฤดูกาลฮัจญ์ เพื่อนำโองการส่วนนั้นไปประกาศให้บรรดามุชริกีนได้ทราบโดยทั่วกันในระหว่างการทำฮัจญ์----------------------------------------------------------------------
เอกสารอ้างอิง
R1. The Noble Qur’an (Dr.Muhammad Taqi-ud-Din al-Hilali and Dr.Muhammad Muhsin Khan.)
R2. อัลกุรอานฉบับแปลภาษาไทย โดย มัรวาน สะมะอุน
R3. ตัฟฮีมุลกุรฺอาน(อรรถาธิบายโดย เมาลานา ซัยยิด อบุล อลา เมาดูดี แปลโดย บรรจง บินกาซัน)
R4. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน พร้อมคำแปลเป็นภาษาไทย ศูนย์กษัตริย์ฟาฮัด เพื่อการพิมพ์อัลกุรฺ อานแห่งนครมาดีนะฮ์
R5. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ฉบับภาษาไทย (โดย นายต่วน สุวรรณศาสน์-ฮัจยีอิสมาแอล บินฮัจยียะห์ยา)---------------------------------------------------------------------------
สูเราะฮฺอัตเตาบะฮฺ อายะฮฺที่ 1 - 2คำอ่าน1. บะรอ...อะตุม..มินัลลอฮิ วะเราะสูลิฮี..อิลัลละซีนะ อาฮัดตุม..มินัลมุชริกีน
2. ฟะสีหูฟิลอัรฺฎิ อัรฺบะอะตะอัชฮุริว..วะอฺละมู..อัน..นะกุม ฆ็อยรุ มุอฺญิซิลลาฮิ วะอัน..นัลลอฮะ มุคซิลกาฟิรีนคำแปล R1.1. Freedom from (all) obligations (is declared) from Allฟh and his Messenger to those of the Mushrikun (polytheists, pagans, idolaters, disbelievers in the Oneness of Allah), with whom you made a treaty.
2. So travel freely (O Mushrikun - see V.2:105) for four months (as you will) throughout the land, but know that you cannot escape (from the punishment of) Allah, and Allah will disgrace the disbelievers.คำแปล R2.1. (ความดังต่อไปนี้)เป็นการ(ประกาศ)พ้นพันธะจากอัลเลาะฮฺและศาสนทูตของพระองค์ต่อบรรดาผู้ทำสัญญา(สงบศึก)กับพวกเขา พวกเขาคือพวกที่ตั้งภาคี (เมื่อทำสัญญาแล้วพวกเขาก็ละเมิดสัญญา อัเลาะฮฺจึงสั่งโมฆะสัญญาด้วยโองการนี้จนถึงโองการที่ 32)
2. ดังนั้น (โอ้ชาวมุชริกทั้งหลาย) พวกเจ้าจงสัญจรไปเถิดในแผ่นดิน(ทุกส่วนโดยปลอดภัย) ในช่วงเวลาสี่เดือน (คือ เซาวาล, ซุลกออีดะฮฺ, ซุลฮิจยะฮฺและมุฮัรฺร็อม) และจงทราบเถิดว่า อันที่จริงพวกเจ้าหาใช่จะยังความอ่อนแอแก่อัลเลาะฮฺ (จนหระองค์ไม่สามารถลงโทษพวกเจ้า)ได้ไม่ และแน่แท้อัลเลาะฮฺทรงยังความอัปยศแก่บรรดาผู้เนรคุณทั้งมวลคำแปล R3.1. นี่เป็นการประกาศ การพ้นพันธะ(จากข้อผูกมัดทั้งหลาย) โดยอัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์แก่บรรดาผู้ตั้งภาคีที่สูเจ้าได้ทำสัญญาไว้
2. “ดังนั้น สูเจ้ามีอิสระที่สัญจรไปในแผ่นดินเป็นเวลา 4 เดือน แต่สูเจ้าจะต้องรู้ว่าสูเจ้าไม่อาจที่จะลบล้างเจตนารมณ์ของอัลลอฮฺได้ และอัลลอฮฺจะทำให้ผู้ปฏิเสธสัจธรรมตกต่ำ”คำแปล R4.1. (นี้คือประกาศ) การพ้นข้อผูกพันใด ๆ จากอัลลอฮฺ และรอซูลของพระองค์ แด่บรรดาผู้สักการะเจว็ด (มุชริกีน) ที่พวกเจ้าได้ทำสัญญาไว้
2. ดังนั้นพวกท่านจงท่องเที่ยวไปในแผ่นดินสี่เดือนและพึงรู้เถิดว่า แท้จริงพวกท่านนั้นมิใช่ผู้ที่จะทำให้อัลลอฮฺหมดความสามารถก็หาไม่ และแท้จริงอัลลอฮฺจะทรงให้ผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลายอัปยศคำแปล R5.๑. นับแต่โองการที่ ๑ จนถึงโองการที่ลงเนื้อความในประโยคสุดท้ายว่า “ถึงแม้พวกมุชริกจะชิงชังก็ตามเถิด” นี้คือประกาศตัดพันธะจากอัลเลาะห์และมุฮำมัดพระศาสนทูตของพระองค์ต่อบรรดาชนฝ่ายมุชริกที่พวกเจ้ามีสัญญาสงบศึกไว้ต่อกัน โดยไม่มีกำหนด หรือมีแต่ต่ำกว่า ๔ เดือน แต่พวกมุชริกกลับละเมิดข้อสัญญาตลอดมา ดังโองการซึ่งจะกล่าวต่อไปนี้
๒. ปวงมุสลิมทั้งหลายพึงประกาศเถิดว่า โอ้ปวงมุชริกพวกเจ้าจงจรไปเถิดโดยความปลอดภัย ในสี่เดือน ณ หน้าแผ่นดินนับแต่เดือนเชาวาล ซุลก็อิดะห์ ซุลฮิจยะห์และมุฮัรร็อม แต่แต่นั้นแล้วพวกเจ้า (พวกมุชริก) จะไม่ได้รับความปลอดภัยอีก ทั้งพวกนี้พึงรู้ไว้เถิดว่า แท้จริง พวกเจ้านั้น ใช่จะรอดพ้นการลงโทษจากอัลเลาะห์ไปได้ก็หาไม่ และจงรู้ไว้อีกเถิดว่า อัลเลาะห์นั้นทรงให้ความต่ำช้าแก่พวกกาฟิรทั้งในภาคภพนี้ด้วยการถูกสังหาร และในภาคภพหน้าด้วยการให้เข้าสู่ขุมนรก