ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 9 สูเราะฮฺอัตเตาบะฮฺ หรือสูเราะฮฺ บะรออะฮฺ  (อ่าน 10701 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺอัตเตาบะฮฺ อายะฮฺที่ 41 - 43


คำอ่าน
41. อิน..ฟิรู คิฟาเฟา..วะษิกอเลา..วะญาฮิดูบิอัมวาลิกุม วะอัน..ฟุสิกุม ฟีสะบีลิลลาฮฺ ซาลิกุม ค็อยรุลละกุม อิน..กุน..ตุม ตะอฺละมูน
42. เลากานะอะเราะฎ็อน..เกาะรีเบา..วะสะฟะร็อน..กอศิดัลลัตตะบะอูกะ วะลากิม..บะอุดัตอะลัยฮิมุชชุกเกาะฮฺ วะสะยะหฺลิฟูนะบิลลาฮิ ละวิสตะเกาะอฺนา ละเคาะร็อจญนามะอะกุม ยุฮลิกูนะ อัน..ฟุสะฮุม วัลลอฮุยะอฺละมุ อิน..นะฮุมละกาซิบูน
43. อะฟัลลอฮุ อัน..กะ ลิมะอะซิน..ตุ ละฮุมหัตตา ยะตะบัยยะนะละกัลป์ละซีนะ เศาะดะกู วะตะอฺละมัลกาซิบีน


คำแปล R1.
41. March forth, whether you are light (being healthy, young and wealthy) or heavy (being ill, old and poor), strive hard with your wealth and your lives in the Cause of Allah. This is better for you, if you but knew.
42. Had it been a near gain (booty in front of them) and an easy journey, they would have followed you, but the distance (Tabuk expedition) was long for them, and they would swear by Allah, "If we only could, we would certainly have come forth with you." They destroy their own selves, and Allah knows that they are liars.
43. May Allah forgive you (O Muhammad ). Why did you grant them leave (for remaining behind, you should have persisted as regards your order to them to proceed on Jihad), until those who told the truth were seen by you in a clear light, and you had known the liars?


คำแปล R2.
41. พวกเจ้าทั้งหลายจงออกไปเถิดทั้งเบา(มีความสะดวกในการออกรบ)และหนัก(ไม่ค่อยสพดวก)และพวกเจ้าจงพลีทรัพย์สินและชีวิตของพวกเจ้าไปในแนวทางของอัลเลาะฮฺ นั้นคือความประเสริฐสุดสำหรับพวกเจ้าหากพวกเจ้ารู้
42. มาดแม้นมีผลประโยชน์(ทรัพย์เชลยศึก)ที่อยู่ใกล้ และการเดินทางอันปานกลาง(ไม่ใกล้ไม่ไกล)แน่นอนพวกเขาก็ตามเจ้า(ออกมาทำการรบด้วยเป็นแน่) แต่ (ระยะทางที่ต้องเดินทัพโดย)ความลำเค็ญ เป็นระยะทางที่ไกลสำหรับพวกเขา (พวกเขาจึงไม่ยอมออกทำศึกด้วย) และพวกเขาจะสาบานตนต่ออัลเลาะฮฺ (เมื่อพวกเจ้ากลับจากสงครามแล้ว เป็นการแก้ตัว)ว่า “หากพวกเรามีความสามารถพอ แน่นอนพวกเราก็จะออกไปพร้อมกับพวกท่านแล้ว” พวกเขาทำลายตัวเองโดยแท้ และอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้ว่าแท้จริงพวกเขาเหล่านั้น เป็นผู้มดเท็จอย่างยิ่ง
43. อัลเลาะฮฺทรงอโหสิแก่เจ้าในกรณีที่ว่า เพราะเหตุใดเจ้าจึงอนุญาตให้พวกเขา (บางคนมิต้องออกรบ) จนกว่าจะเป็นที่เด่นชัดสำหรับเจ้า บรรดาผู้ซื่อสัตย์ (ว่ามีใครบ้าง) และจนกว่าเจ้าจะรู้ (ใครบ้างที่เป็น) พวกมดเท็จ


คำแปล R3.
41. จงออกไปเถิดไม่ว่าจะเบาหรือหนัก และจงดิ้นรนต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺด้วยทรัพย์สินและชีวิตของสูเจ้า นี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับสูเจ้า หากสูเจ้ารู้
42. โอ้ นบี ถ้าหากว่ามีช่องทางที่จะได้สิ่งตอยแทนและการเดินทางที่ง่าย แน่นอนพวกเขาก็พร้อมที่จะตามเจ้า แต่ทว่าการเดินทางนี้ดูยากลำบากสำหรับพวกเขา พวกเขายังสาบานด้วยนามของอัลลอฮิและกล่าวว่า “ถ้าพวกเราสามารถที่จะออไปได้ เราจะออกไปกับท่านอย่างแน่นอน” แต่พวกเขากำลังทำลายตัวของพวกเขาเอง เพราะอัลลอฮิทรงรู้ดีว่าพวกเขาเป็นผู้โกหก
43. โอ้ นบี ขออัลลอฮฺทรงให้อภัยเจ้า ทำไมเจ้าถึงได้ยอมให้พวกเขาอยู่ข้างหลัง ? เจ้าเองไม่น่าที่จะปล่อยพวกเขาไว้ทั้งนี้ เพี่อที่เจ้าจะได้กระจ่างชัดว่าคนไหนของพวกเขาที่พูดจริงและเจ้าจะได้รู้ว่าคนไหนของพวกเขาเป็นผู้โกหก


คำแปล R4.
41. พวกเจ้าจงออกไปกันเถิด ทั้งผู้ที่มีสภาพว่องไว และผู้ที่มีสภาพเชื่องช้า และจงเสียสละทั้งด้วยทรัพย์ของพวกเจ้า และชีวิตของพวกเจ้าในทางของอัลลอฮฺ นั่นแหละคือสิ่งที่ดียิ่งสำหรับพวกเจ้า หากพวกเจ้ารู้
42. หากมันเป็นผลได้อันใกล้ และเป็นการเป็นทางที่สะดวกและใกล้แล้วไซร้ แน่นอนพวกเขาก็ปฏิบัติตามเจ้าแล้ว แต่ทว่าระยะทางอันลำบากนั้นไกลแก่พวกเขา และพวกเขาจะสาบานต่ออัลลอฮฺว่า ถ้าหากพวกเราสามารถแล้ว แน่นอนพวกเราก็ออกไปกับพวกท่านแล้ว พวกเขากำลังทำลายชีวิตของพวกเขาเองและอัลลอฮฺนั้นทรงรู้ว่าแท้จริงพวกเขานั้นเป็นผู้กล่าวเท็จ
43. อัลลอฮฺนั้นได้ทรงอภัยโทษให้แก่เจ้าแล้ว เพราะเหตุใดเล่าเจ้าจึงอนุมัติให้แก่พวกเขา จนกว่าจะได้ประจักษ์แก่เจ้าก่อน ซึ่งบรรดาผู้ที่พูดจริง และจนกว่าเจ้าจะได้รู้บรรดาผู้ที่กล่าวเท็จ


คำแปล R5.
๔๑. พวกเจ้าจงออกทำศึกเถิด ทั้งในยามคล่องตัวและไม่คล่องตัว และพวกเจ้าจงสู้รบด้วยทรัพย์สินของพวกเจ้าและร่างกายของพวกเจ้าในวิถีทางศาสนาของอัลเลาะห์ การออกทำศึกก็ดี และการเสียสละทรัพย์สมบัติและร่างกายของพวกเจ้าไปในการสู้รบก็ดี นั่นแหละเป็นการดียิ่งสำหรับพวกเจ้า ฉะนั้น หากพวกเจ้าตระหนักดีว่ามันเป็นการดียิ่งแล้ว ก็อย่ามัวชักช้าที่จะออกทำสงครามเลย
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้เนื่องจากพวกมุนาฟิกีน (พวกตีสองหน้า) ไม่ยอมออกทำศึกสงครามในดินแดนตะบู๊ก จึงมีโอกงารจากอัลเลาะห์ลงมาว่า
๔๒. โอ้มุฮำมัด หากแม้นประกาศชักชวนปวงชนมุนาฟิกให้ออกทำศึกนั้นมีประโยชน์เห็น ๆ อยู่ และมีเส้นทางพอประมาณแล้วไซร้ พวกมุนาฟิกเหล่านั้นก็จะยอมตามคำประกาศเกณฑ์ของเจ้า เป็นการถือโอกาสแสวงทรัพย์เชลยไปด้วย แต่นี่หนทางที่จะไปทำศึกมันอยู่ห่างไกลมากพวกเหล่านั้นจึงไม่ยอมติดตามเจ้าออกรบ ครั้นเมื่อพวกเจ้า (มุอ์มิน) กลับจากทำสงครามมายังพวกมุนาฟิกีนเหล่านั้น แล้วพวกเหล่านั้นก็จะสาบานโดยออกพระนามของอัลเลาะห์เป็นการทำลายพวกตนเองด้วยคำสาบานเท็จว่า ถ้าพวกเราสามารถที่จะออกทำศึกได้แล้ว พวกเราจะออกไปทำศึกร่วมกับพวกท่านด้วย แต่อัลเลาะห์ก็ทรงรู้อยู่ว่าพวกมุนาฟิกีนเหล่านั้นย่อมเป็นผู้เท็จทั้งในด้านศรัทธาและถ้อยคำที่ว่านั้น
   ครั้งหนึ่งพระศาสดามุฮำมัด ซล.ประกาศอนุญาตให้ชนคณะหนึ่งไม่ต้องออกทำศึกสงครามได้โดยดุลยพินิจของท่านเอง จึงมีโองการจากอัลเลาะห์ลงมาติงและตำหนิพระศาสดามุฮำมัด ซล. ในฐานะที่ปล่อยโอกาสอันดีและประเสริฐยิ่ง (คือหน่วงเวลาไว้)ให้สูญไป และฐานะที่เพิกเฉยพวกเหล่านั้นไว้ ไม่มีการอนุญาตให้ออกรบเรื่อยไปจนกว่าจะถึงกำหนดหมายว่าจะออกทำศึกเมื่อไรหรือไม่
๔๓. อัลเลาะห์ได้ทรงนิรโทษข้อตำหนิให้แก่เจ้าแล้ว ทำไมเล่าเจ้าจึงยอมให้พวกมุนาฟิกเหล่านั้นไม่ต้องออกทำศึก เจ้าควรจะเฉยไว้ไม่ต้องประกาศไปก่อนจนกว่าเมื่อผู้ซื่อสัตย์ต่อคำบอกขัดข้องที่จะออกทำศึกมีขึ้นชัดแจ้งแก่เจ้า และต่อเมื่อเจ้ารู้ถึงพวกผู้เท็จ ในถ้อยคำบอกขัดข้องนั้นดีเสียก่อน


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺอัตเตาบะฮฺ อายะฮฺที่ 44 - 46


คำอ่าน
44. ลายัสตะอ์ซินุกัลละซีนะยุอ์มินูนะบิลลาฮิ วัลเยามิลอาคิริ อัย..ยุญาฮิดู บิอัมวาลิฮิม วะอัน..ฟุสิฮิม วัลลอฮุอะลีมุม..บิลมุตตะกีม
45. อิน..นะมายัสตะอ์ซินุกัลละซีนะ ลายุอ์มินูนะบิลลาฮิ วัลเยามิลอาคิริ วัรฺตาบัตกุลูบุฮุม ฟะฮุมฟีร็อยบิฮิม ยะตะร็อดดะดูน
46. วะเลาอะรอดุลคุรูญะ ละอะอัดดูละฮู อุดดะเตา..วะลากิน..กะริฮัลลอฮุม..บิอาษะฮุม ฟะษับบะเฏาะฮุม วะกัลักอุดู มะอัลกออิดีน

 
คำแปล R1.
44. Those who believe in Allah and the last Day would not ask your leave to be exempted from fighting with their properties and their lives, and Allah is the All-Knower of Al-Muttaqun (the pious - see V.2:2).
45. It is only those who believe not in Allah and the last Day and whose hearts are in doubt that ask your leave (to be exempted from Jihad). So in their doubts they waver.
46. And if they had intended to march out, certainly, they would have made some preparation for it, but Allah was averse to their being sent forth, so He made them lag behind, and it was said (to them), "Sit you among those who sit (at home)."


คำแปล R2.
44. บรรดาผู้ศรัทธาในอัลเลาะฮฺและวันสุดท้ายจะไม่ขออนุญาตจากเจ้าต่อการ(งดเว้นที่จะ)ต่อสู้ด้วย(การพลี)ทรัพย์สินและตัวของพวกเขา(ในทางของอัลเลาะฮฺ)และอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้บรรดาผู้ยำเกรง
45. ความเป็นจริงที่ขออนุญาตต่อเจ้า จะมีเพียงพวกที่ไม่ศรัทธาในอัลเลาะฮฺและวันสุดท้ายเท่านั้น และหัวใจของพวกนั้นเคลือบแคลง(สงสัยไม่แน่นอน) ดังนั้นพวกเขาจึงวกวนอยู่ในความเคลือบแคลงดังกล่าว
46. และหากพวกเขาปรารถนาจะออก(รบจริง)แล้วไซร้ แน่นอนพวกเขาก็ต้องเตรียมการเพื่อรบอย่างพร้อมสรรพ และแต่อัลเลาะฮฺทรงรังเกียจที่จะให้พวกเขาติดตาม(เจ้า ออกไปทำศึกด้วยหัวใจอันเคลือบแคลงลังเลของพวกเขา) ดังนั้นพระองค์จึงทำให้พวกเขาอิดเอื้อน และมีผู้พูด(ยุยง)ว่า “พวกท่านจงวางเฉยพร้อมกับพวกที่วางเฉยเถิด”


คำแปล R3.
44. เพราะบรรดาผู้ศรัทธาในอัลลอฮฺและวันสุดท้ายนั้นจะไม่ขอเจ้าให้ยกเว้นพวกเขาจากการญิฮาดด้วยทรัพย์สินและชีวิตของพวกเขา อัลลอฮฺทรงรู้ดีถึงผู้ที่เกรงกลัวพระองค์
45. คนที่ขอร้องเช่นนั้นก็จะมีแต่เพียงผู้ไม่ศรัทธาในอัลลอฮิและวันสุดท้ายและผู้ที่หัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความสงสัย และพวกเขาก็โอนไปเอนมาเพราะความสงสัยของพวกเขา
46. ถ้าพวกเขาตั้งใจจริงที่จะออกไปแน่นอนพวกเขาก็ต้องเตรียมตัวสำหรับมันบ้างแล้ว แต่อัลลอฮฺทรงไม่ชอบการออกไปของพวกเขา และพระองค์ได้ทรงทำให้พวกเขาอยู่รั้งหลัง และได้มีการกล่าวแก่พวกเขาว่า “จงอยู่ข้างหลังกับบรรดาผู้ที่อยู่ข้างหลังเถิด”


คำแปล R4.
44. บรรดาผู้ทีศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และวันปรโลกนั้นจะไม่ขออนุมัติต่อเจ้าในการที่พวกเขาจะเสียสละทั้งด้วยทรัพย์ของพวกเขา และชีวิตของพวกเขาและอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้ต่อบรรดาผู้ที่ยำเกรง
45. แท้จริงที่จะขออนุมัติต่อเจ้านั้นคือบรรดาผู้ที่ไม่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และวันปรโลกและหัวใจของพวกเขาสงสัยเท่านั้น แล้วในการสงสัยของพวกเขานั้นเอง พวกเขาจึงลังเลใจ
46. และหากพวกเขาต้องการออกไป แน่นอนพวกเขาต้องเตรียมสัมภาระสำหรับการออกไปนั้นแล้ว แต่ทว่าอัลลอฮฺทรงเกลียดการออกไปของพวกเขาพระองค์จึงได้ทรงกีดขวางพวกเขาไว้ และได้ถูกกล่าวว่า ท่านทั้งหลายจงนั่งอยู่กับผู้ที่นั่งทั้งหลายเถิด


คำแปล R5.
๔๔. บรรดาชนผู้ศรัทธาต่ออัลเลาะห์และวันปรภพ (อาคิเราะห์) นั้นจะไม่ขออนุญาตจากเจ้าเลยในการขอยกเว้นงดออกทำศึกด้วยทรัพย์สินของพวกเขาและร่างกายของพวกเขา แต่อัลเลาะห์ทรงรู้ยิ่งถึงพวกที่ยำเกรง
๔๕. บรรดาชนผู้มิได้ศรัทธาต่ออัลเลาะห์และวันปรภพต่างหากเล่าที่จะขออนุญาตจากเจ้าในการไม่ออกรบหัวใจของพวกเหล่านั้นที่มิได้ศรัทธาต่ออัลเลาะห์และวันปรภพมีเคลือบแคลงสงสัยในศาสนาอยู่พวกเหล่านั้นจึงวกวนอยู่ในความสงสัยนั้น
๔๖. และถ้าแม้ว่า พวกเหล่านั้นที่เป็นมุนาฟิกอยากจะออกไปทำศึกร่วมกับเจ้าพวกเหล่านั้นก็ต้องตระเตรียมอาวุทธยุทโธปกรณ์และเสบียงกรังกันเป็นการใหญ่ แต่อัลเลาะห์มิได้พึงปรารถนาจะให้พวกเหล่านั้นออกศึก พระองค์จึงทรงให้พวกเหล่านั้นอิดเอื้อนอยู่ และมีนัยคล้ายกับพวกนั้นถูกสั่งว่า พวกเจ้าจงร่วมอยู่กับพวกที่อยู่เฉยทั้งหลายมีผู้เจ็บป่วยอาพาธ ผู้หญิง และเด็ก ๆ เถิด


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺอัตเตาบะฮฺ อายะฮฺที่ 47 - 49


คำอ่าน
47. เลาเคาะเราะญูฟีกุม..มาซาดูกุม อิลลาเคาะบาเลา..วะละเอาเฎาะอู คิลาละกุม ยับฆูนะกุมุลฟิตนะตะ วะฟีกุมสัม..มาอูนะละฮุม วัลลอฮุอะลีมมุม..บิซซอลิมีน
48. ละเฆาะดิบตะเฆาะวุลฟิตนะตะ มิน..ก็อบลุ วะก็อลละบูละกัลป์อุมูเราะ หัตตาญา...อัลหักกุ วะเซาะฮะเราะอัมรุลลอฮิ วะฮุมการิฮูน
49. วะมินฮุม..มัย..ยะกูลุอ์ซัลลี วะลาตัฟติน..นี อะลา ฟิลฟิตนะติ สะเกาะฏู วะอิน..นะญะฮัน..นะมะ ละมุหีเฎาะตุม..บิลกาฟิรีน


คำแปล R1.
47. Had they marched out with you, they would have added to you nothing except disorder, and they would have hurried about in your midst (spreading corruption) and sowing sedition among you, and there are some among you who would have listened to them. And Allah is the All-Knower of the Zalimun (polytheists and wrong-doers, etc.).
48. Verily, they had plotted sedition before, and had upset matters for you, - until the truth (victory) came and the decree of Allah (His religion, Islam) became manifest though they hated it.
49. And among them is he who says:"Grant me leave (to be exempted from Jihad) and put me not into trial." surely, they have fallen into trial. And verily, Hell is surrounding the disbelievers.


คำแปล R2.
47. หากพวกเขาออก(ทำศึก)ในหมู่พวกเจ้า พวกเขาก็มิได้เพิ่มพูนใด ๆ แก่พวกเจ้า นอกจากความล้มเหลว และแน่นอนพวกเขาจะเที่ยววิ่งยุแหย่ในท่ามกลางพวกเจ้า โดยพวกเขามุ่งจะให้เกิดความปั่นป่วนแก่พวกเจ้า และในพวกเจ้าก็ยังมีพวกที่(หุเบา)ชอบฟัง(คำยุแหย่ของ)พวกเขา และอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้ยิ่งกับบรรดาผู้ฉ้อฉล
48. แท้จริงพวกเขาต้องการ(ให้เกิด)ความปั่นป่วนก่อนหน้านั้นแล้ว และพวกเขาพลิกแพลงแผนการต่าง ๆ ต่อเจ้า จนกระทั่งสัจธรรมได้มาปรากฏ และกิจการแห่งอัลเลาะฮฺได้ชัดแจ้งขึ้น (โดยให้ฝ่ายมุสลิมชนะศึก) โดยพวกเขาเต็มไปด้วยความชิงชัง
49. และบางส่วนของพวกเขา มีผู้ที่กล่าว (กับนบีมุฮำมัด)ว่า “อนุญาตแก่ฉันเถิด(ในการไม่ออกทำศึก) และท่านอย่าทำให้ฉันเดือดร้อนเลย” พึงสังวร! พวกเขาได้ตกลงไปในความเดือดร้อนนั้นแล้ว (ด้วยการพูดเช่นนั้น) และแท้จริงนรกยะฮันนัมเป็นที่สะกัดล้อมแก่บรรดาพวกเนรคุณอย่างแน่นอน


คำแปล R3.
47. ถ้าหากพวกเขาออกไปกับสูเจ้า พวกเขาก็จะไม่เพิ่มสิ่งใดให้แก่สูเจ้านอกจากความปั่นป่วนเสียหายแก่สูเจ้าและพวกเขาจะพยายามสร้างความแตกแยกในหมู่สูเจ้า และในหมู่สูเจ้าก็ยังมีบางคนที่ฟังพวกเขา แต่อัลลอฮฺทรงรู้ถึงผู้ที่ก่อความเสียหายเหล่านี้เป็นอย่างดี
48. แม้แต่ก่อนนี้ คนพวกนี้ก็ได้มุ่งก่อความเสียหาย และครั้งแล้วครั้งเล่าที่พวกเขาได้วางแผนทุกอย่างเพื่อทำให้สูเจ้าไม่ประสบความสำเร็จ จนกระทั่งสัจธรรมได้มาและพระบัญชาของอัลลอฮฺได้เป็นที่ปรัจักษ์ ถึงแม้พวกเขาจะชิงชังมันก็ตาม
49. และในหมู่พวกเขามีคนที่กล่าวว่า “อนุญาตให้ฉันอยู่ข้างหลังเถิด และอย่าให้ฉันต้องออกไปถูกการล่อลวงเลย” จงรู้ไว้เถิดว่า คนเช่นนี้ได้ตกไปสู่การล่อลวงแล้ว และนรกได้ล้อมรอบผู้ปฏิเสธเหล่านี้ไว้แล้ว


คำแปล R4.
47. หากว่าพวกเขาออกไปในหมู่พวกเจ้าแล้วก็ไม่มีอะไรเพิ่มแก่พวกเจ้า นอกจากความเสียหาย เท่านั้น และแน่นอนพวกเขาก็ย่อมฉวยโอกาสยุแหย่ระหว่างพวกเจ้าโดยปรารถนาให้เกิดความวุ่นวายแก่พวกเจ้า และในหมู่พวกเจ้านั้นก็มีพวกที่รับฟังพวกเขาอยู่ และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้ในผู้อธรรมทั้งหลาย
48. แท้จริงนั้นพวกเขาได้แสวงหาความวุ่นวายมาก่อนแล้ว และวางแผนต่าง ๆนานา เพื่อต่อต้านเจ้า จนกระทั่งความจริงได้มา และพระบัญชาของอัลลอฮฺได้ประจักษ์ขึ้น ทั้ง ๆ ที่พวกเขาไม่พอใจ
49. และในหมู่พวกเขานั้นมีผู้ที่กล่าวว่า จงอนุมัติแก่ฉันเถิด และอย่าให้ฉันตกอยู่ในการทำความชั่วเลย พึงรู้เถิดว่า พวกเขาได้ตกอยู่ในการทำความชั่วนั้นแล้ว และแท้จริงนรกญะฮันนัมนั้นล้อมบรรดาผู้ปฏิเสธการศรัทธาอยู่แล้ว


คำแปล R5.
๔๗. ถ้าหากพวกเหล่านั้นที่เป็นมุนาฟิกได้ออกไปทำศึกท่ามกลางพวกเจ้าแล้ว พวกเหล่านั้นก็จะมีแต่ทวีความแหลกราญแก่พวกเจ้าด้วยการงดเว้นไม่ช่วยเหลือพวกเจ้าเท่านั้น ทั้งพวกเหล่านั้นยังจะเข้าแทรกแซงทำการยุแหย่ท่ามกลางพวกเจ้า โดยมุ่งจะให้เกิดความวุ่นวายกับพวกเจ้าโดยก่อความเป็นศัตรูต่อกันโดยในหมู่พวกเจ้านั้นก็มีคนหูเบาของฟังคำเท็จของพวกมุนาฟิกเหล่านั้นอย่างเคารพรักส่วนอัลเลาะห์นั้นทรงรู้ยิ่งถึงพวกคดโกง
๔๘. ข้าจักให้สัตย์ปฏิญาณว่าอันที่จริงพวกมุนาฟิกเหล่านั้นหมายจะให้เกิดความวุ่นวายขึ้นแก่เจ้า(มุฮัมมัด) อยู่แต่แรกก่อนจากที่เจ้าเข้าสู่นครมดีนะห์แล้ว และพวกมุนาฟิกเหล่านั้นได้ตรองแล้วตรองเล่าที่วางแผนทำร้ายเจ้าและทำลายศาสนาของเจ้าอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งความมีชัยมาถึง และศาสนาของอัลเลาะห์ปรากฏเด่นชัด ทั้งที่พวกมุนาฟิกเหล่านั้นเกลียดชังความปรากฏเด่นชัดของศาสนา
๔๙. และส่วนหนึ่งจากพวกมุนาฟิกเหล่านั้นมีผู้กล่าวแก่พระศาสดามุฮำมัดว่า ท่านจงอนุญาตให้ฉัน ไม่ต้องออกทำศึกเภิด แต่อย่าให้ฉันต้องเดือดร้อนเลยผู้ที่กล่าวถึงในเบื้องต้นคือ อัลยัดด์บุตรกีซ พระศาสดามุฮำมัดได้ถามเขาผู้นี้ว่า ท่านก็เป็นนักฟันดาบแห่งตระกูล อัล-อัซฟัรมิใช่หรือ? ชายผู้นี้ตอบว่า ฉันเป็นคนชอบติดผู้หญิง ฉันกลัวว่าฉันได้เห็นพวกผู้หญิงแห่งวงศ์ตระกูลอัล-อัซฟัรแล้ว ฉันจะอดใจในตัวเธอเหล่านั้นไว้มิได้ แล้วผลก็คือฉันเองจะเจ็บช้ำใจ อัลเลาะห์จึงมีพระดำรัสว่า ข้าจะเตือนไว้ด้วยว่า ระวังนะพวกมุนาฟิกเหล่านี้จะพลัดตกลงไปอยู่ในความเดือดร้อนนั้นเพราะการของดเว้นไม่ต้องอกทำศึก ณ ดินแดนตะบู๊กแหละว่านรกยะฮันนำนั้นย่อมแวดล้อมเหล่ากาฟิรอยู่แล้ว อย่างไม่มีประตูจะหลบหนีพ้นไปได้เลย


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺอัตเตาบะฮฺ อายะฮฺที่ 50 -53


คำอ่าน
50. อิน..ตุศิบกะ หะสะนะตุน..ตะสุอ์ฮุม วะอิน..ตุศิบกะ มุศีบะตุย..ยะกูลุ ก็อดอะค็อซนา..อัมเราะนา มิน..ก็อบลุ วะยะตะวัลเลา..วะฮุมฟะริหูน
51. กุลลัย..ยุศีบะนา..อิลลา มากะตะบัลลอฮุละนา ฮุวะเมาลานา วะอะลัลลอฮิ ฟัลยะตะวักกะลิลมุอ์มินูน
52. กุลฮัลตะร็อบบะศูนะ บินา..อิลลา..อิหฺดัลหุสนะยัยนฺ วะนะหฺนุ นะตะร็อบบะศุบิกุม อัย..ยุศีบะกุมุลลอฮุ บิอะซาบิม..มินอิน..ดิฮี..เอาบิอัยดีนา ฟะตะร็อบบะศู..อิน..นามะอะกุม..มุตะร็อบบิศูน
53. กุลอัน..ฟิกูก็อวอัน เอากัรฺฮัล ลัย..ยุตะก็อบบะละมิน..กุม อิน..นะกุม กุน..ตุม ก็อวมัน..ฟาสิกีน


คำแปล R1.
50. If good befalls you (O Muhammad), it grieves them, but if a calamity overtakes you, they say: "We took our precaution beforehand," and they turn away rejoicing.
51. Say: "Nothing shall ever happen to us except what Allah has ordained for us. He is Our [Maula](Lord, Helper and Protector)." And in Allah let the believers put their trust.
52. Say: "Do you wait for us (anything) except one of the two best things (martyrdom or victory); while we await for you either that Allah will afflict you with a punishment from himself or at our hands. So wait, we too are waiting with you."
53. Say: "Spend (in Allah's Cause) willingly or unwillingly, it will not be accepted from you. Verily, you are ever a people who are [Fasiqun] (rebellious, disobedient to Allah)."


คำแปล R2.
50. หากความดี(ชัยชนะ)ได้ประสบแก่เจ้า แน่นอนมันจะทำให้พวกเขาทุกข์ระทม และถ้าเหตุร้ายประสบแก่เจ้า พวกเขาก็จะกล่าวว่า “แท้จริงเราได้(ตัดสิน)การงานของเราไว้แต่ก่อนแล้ว(ว่าไม่ออกรบร่วมกับท่าน)” และพวกเขาหันเหโดยรู้สึกเป็นสุขยิ่งนัก
51. จงประกาศเถิด! “จะ(ไม่มีสิ่งใดมา)ประสบแก่พวกเราเลยนอกจากสิ่งที่อัลเลาะห์ทรงลิขิตไว้แก่พวกเราเท่านั้น พระองค์ทรงเป็นผู้คุ้มครองพวกเรา และเฉพาะแก่อัลเลาะฮฺเท่านั้น บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลายจงมอบหมายเถิด
52. จงประกาศเถิด “พวกท่านไม่รอคอย(เหตุการณ์ใดที่จะประสบกับเรา นอกจากหนึ่งจากสองคุณความดี (นั่นคือชัยชนะในการทำศึกหรือได้ตายสละชิวิตในทางของอัลเลาะฮฺ) และพวกเรารอคอย(เหตุการณ์ที่จะประบ) กับพวกท่าน คืออัลเลาะฮฺจะทรงให้พวกเจ้าได้ประสบกับการลงโทษจากพระองค์หรือด้วยมือของพวกเรา ดังนั้นท่านทั้งหลายจงรอคอยไปก่อนเถิด แท้จริงพวกเราเป็นพวกที่รอคอย(ความพินาศที่จะประสบแก่พวกท่าน)ร่วมกับพวกท่านด้วย
53. จงประกาศเถิด “ท่านทั้งหลาย(โอ้พวกสับปลับ) จงบริจาคเถิดทั้งโดยสมัครใจหรือโดยฝืนใจก็ตาม เพราะพวกท่านจะไม่ได้รับการตอบแทน (ในการบริจาคนั้นแต่ประการใด ๆ จากอัลเลาะฮฺ) ทั้งนี้เป็นเพราะพวกท่านเป็นผู้ฝ่าฝืน


คำแปล R3.
50. ถ้าสิ่งดีมาประสบแก่เจ้า มันก็ทำให้พวกเขาหม่นหมอง แต่ถ้าหากเจ้าประสบความหายนะพวกเขาก็จะหันหลังให้ด้วยความยินดีและกล่าวว่า “นี่ดีนะที่เราได้เตรียมมาตรการป้องกันล่วงหน้าไว่ก่อนในการรักษากิจการของเรา”
51. จงบแกพวกเขาเถิดว่า “ไม่มีสิ่งใด(ไม่ว่าดีหรือเลว)จะประสบกับเรานอกไปจากสิ่งที่อัลลอฮฺได้ทรงกำหนดไว้แก่เราแล้ว อัลลอฮฺทรงเป็นผู้คุ้มครองเราและบรรดาผู้ศรัทธาจะต้องไว้วางใจในพระองค์เท่านั้น
52. จงกล่าวแก่พวกเขาเถิด “อะไรหรือที่พวกท่านรอคอยสำหรับเรานอกไปจากหนึ่งในสองสิ่งที่ดีที่สุดนี้? แต่สิ่งที่เราคอยสำหรับพวกท่านก็คืออัลลอฮิจะทรงลงโทษพวกท่านด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เองหรือด้วยน้ำมือของเรา จงคอยเถิด เราก็จะคอยร่วมกับพวกท่านด้วย”
53. จงกล่าวเถิด “พวกท่านจะให้ทรัพย์สินของพวกท่านด้วยความเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม สิ่งที่พวกท่านให้ก็จะไม่เป้นที่ถูกยอมรับ เพราะพวกท่านเป็นคนชั่ว”


คำแปล R4.
50. หากมีความดีใด ๆ ประสบแก่เจ้าก็ทำให้พวกเขาไม่สบายใจ และหากมีอันตรายใด ๆ ประสบแก่เจ้า พวกเขาก็กล่าวว่า แท้จริงพวกเราได้เอากิจการของเราไว้ก่อนแล้ว และพวกเขาก็ผินหลังให้ โดยที่พวกเขาเป็นผู้ปีติยินดี
51. จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า จะไม่ประสบแก่เราเป็นอันขาด นอกจากสิ่งที่อัลลอฮฺได้กำหนดไว้แก่เราเท่านั้น ซึ่งพระองค์เป็นผู้คุ้มครองเรา และแด่อัลลอฮฺนั้น มุอฺมินทั้งหลายจงมอบหมายเถิด
52. จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่าพวกท่านจะไม่คอยดูพวกเรา นอกจากหนึ่งในสองสิ่งทีดีเยี่ยมเท่านั้น และเราก็จะคอยดูพวกท่านในการที่อัลลอฮฺจะทรงให้ประสบแก่พวกท่านด้วยการลงโทษที่มาจากที่พระองค์ หรือด้วยมือของพวกเราดังนั้นพวกเจ้าจงคอยดูไปเถิด แท้จริงพวกเราก็จะเป็นผู้คอยดูพร้อมกับพวกท่านด้วย
53. จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่าพวกท่านจงบริจาคกันเถิด ทั้งด้วยสมัครใจหรือด้วยฝืนใจก็ตาม มันจะไม่ถูกรับจากพวกท่านเป็นอันขาดแท้จริงพวกท่านนั้นเป็นพวกที่ละเมิด


คำแปล R5.
๕๐. ถ้ามีส่วนดีเช่นชัยชนะและทรัพย์เชลยจากส่วนของการทำศึกของเจ้ามาประสบกับเจ้า ความดีอันนั้นย่อมจะทำให้พวกเหล่านั้นสลดใจ แต่ถ้าภัยใดที่รุนแรงจากส่วนหนึ่งของการทำศึกของเจ้ามาประสบกับเจ้า พวกเหล่านั้นจะบอกว่า เราได้อย่างสมคะเนของเราเมื่อแรก เริ่ม ก่อนจากภัยจะมาประสบกับมุฮำมัดแล้ว แล้วพวกนั้นก็เลี่ยงออกห่างไปอย่างพอใจ ในการที่เกิดภัยขึ้นกับเจ้า (มุฮำมัด)
๕๑. โอ้มุฮำมัดจงกล่าวเถิดแก่เหล่าชนกาฟิรว่า จะมีอะไรมาประสบกับเรามิได้เว้นแต่สิ่งที่อัลเลาะห์ได้ทรงตราไว้สำหรับพวกเราต้องประสบเท่านั้น พระองค์ทรงเป็นองคสงเคราะห์ของเรา และทรงเป็นองค์ปกครองกิจทั้งปวงของเรา และต่ออัลเลาะห์เท่านั้นที่เหล่าผู้ศรัทธาพึงต้องมอบหมายยึดมั่นไว้
๕๒. โอ้มุฮำมัด จงกล่าวเถิดแก่เหล่าชนกาฟิรว่า พวกท่านหาได้รอดูอะไรที่พวกเราจะได้รับไม่นอกจากผลขั้นสุดหนึ่งในสองอย่างที่เป็นเลิศ คือความมีชัยหนึ่ง และตายในหน้าที่สงครามหนึ่ง แต่พวกเราจะรอดูอัลเลาะห์ทรงให้พวกท่านต้องโทษ อันมีตระเตรียมอยู่แล้วจากฝ่ายพระองค์ คือเสียงกัมปนาทจากฟากฟ้าฟาดลงมายังพวกท่านอย่างหนึ่ง หรือต้องโทษด้วยฝีมือของพวกเราเองโดยการสู้รบที่พระองค์ทรงอนุญาตต่อพวกเรา ฉะนั้นพวกท่านจงรอดูสิ่งที่จะมาประสบกับพวกเราจากผลดีเลิศหนึ่งในสองอย่างนั้นเถิด แท้จริงพวกเรากับพวกท่านต่าวรอดูผลขั้นสุดท้ายแห่งโทษเสียงกัมปนาทที่ประสบกับพวกท่านอยู่แล้ว

มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ เนื่องด้วยว่าได้มีมุนาฟิกผู้หนึ่งชื่อ อัลยัดด์ บุตรของกีซ ขออนุญาตต่อมุฮำมัดพระศาสนาทูตของอัลเลาะฮฺให้ยกเว้นตัวเขาไม่ต้องออกศึก เขาเรียนต่อพระนบี ฯว่า ฉันจะยอมสละทรัพย์สมบัติของฉันแก่พวกท่าน อัลเลาะฮฺจึงประทานโองการลงมาตัดบทว่า
๕๓. โอ้มุฮำมัดเจ้าจงกล่าวเถิดแก่มุนาฟิกผู้นี้และผู้มีอาทิเช่นผู้นี้ว่า ก็ให้พวกท่านเสียสละทรัพย์สินของพวกท่านไปซิในทางภักดีต่ออัลลอฮฺ จะโดยใจสมัครหรือไม่สมัครใจในการเสียสละทรัพย์ทั้งในสองกรณีของพวกท่าน จะไม่ถูก อัลเลาะห์รับรองเลยในทรัพย์สินที่พวกท่านสละไปนั้น เพราะแท้จริงพวกท่านนั้นเป็นปวงชนผู้มีบาปหนาเพราะความโอหัง

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺอัตเตาบะฮฺ อายะฮฺที่ 54 -56


คำอ่าน
54. วะมามะนะอะฮุม อัน..ตุกบะละมินฮุม นะฟะกอตุฮุม อิลลา..อัน..นะฮุม กะฟะรูบิลลาฮิ วะบิเราะสูลิฮี วะลายะอ์ตูนัศเศาะลาตะ อิลลาวะฮุมกุสาลา วะลายุน..ฟิกูนะ อิลลาวะฮุมการิฮูน
55. ฟะลาตุอฺญิบกะ อัมวาลุฮุม วะลา..เอาลาดุฮุม อิน..นะมายุรีดุลลอฮุ ลิยุอัซซิบะฮุมบิฮา ฟิลหะยาติดดุนยา วะตัซฮะเกาะ อัน..ฟุสุฮุม วะฮุมกาฟิรูน
56. วะยะหฺลิฟูนะบิลลาฮิ อิน..นะฮุมละมิน..กุม วะมาฮุม..มิน..กุม วะลากิน..นะฮุม ก็อวมุย..ยัฟเราะกูน


คำแปล R1.
54. And nothing prevents their contributions from being accepted from them except that they disbelieved in Allah and in his Messenger (Muhammad); and that they came not to [As-Salat] (the prayer) except in a lazy state; and that they offer not contributions but unwillingly.
55. So let not their wealth or their children amaze you (O Muhammad); In reality Allah's Plan is to punish them with these things in the life of the this world, and that their souls shall depart (die) while they are disbelievers.
56. They swear by Allah that they are truly of you while they are not of you, but they are a people (hypocrites) who are afraid (that you may kill them).


คำแปล R2.
54. และไม่มีอุปสรรคใด ๆ สำหรับพวกเขาที่จะไม่ได้รับการตอบแทนการบริจาคต่าง ๆ ของพวกเขา นอกจากเพราะพวกเขาได้ทรยศต่ออัลเลาะฮฺและศาสนทูตของพระองค์ และพวกเขาไม่ทำการละหมาดนอกจากกระทำด้วยความเกียจตร้าน และพวกเขาจะไม่บริจาคนอกจากพวกเขาบริจาคด้วยความชิงชัง(ไม่สมัครใจบริจาค)
55. ดังนั้นเจ้าอย่าได้ชื่นชมในทรัพย์สินและลูก ๆ อันมากมายของพวกเขา เพราะแท้จริงอัลเลาะฮฺทรงประสงค์ที่จะลงโทษพวกเขาเพราะสิ่งเหล่าสนั้น ในชีวิตทางโลกนี้ และชีวิตของพวกเขาจะจากร่างไปโดยพวกเขาเป็นผู้ทรยศ
56. และพวกเขา(ชาวมุนาฟิก) ทำการสวาบานด้วย(นามของ)อัลเลาะฮฺว่า “พวกเขานั้นเป็นส่วนหนึ่งของพวกเจ้า” ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงพวกเขาหาได้เป็นส่วนหนึ่งของพวกเจ้าไม่ แต่ว่าพวกเขาเป็นเพียงกลุ่มชนที่หวาดกลัว (ว่าพวกเจ้าจะทำอันตรายพวกเขา)เท่านั้น


คำแปล R3.
54. เหตุผลที่สิ่งที่พวกเขาบริจาคให้ไม่เป็นที่ยอมรับนั้นมิใช่อื่นใดนอกไปจากพวกเขาไม่เชื่อในอัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์ พวกเขามานมาซแต่ก็ทำอย่างเสียมิได้ และพวกเขาใช้จ่ายในหนทางของอัลลอฮฺอย่างไม่เต็มใจ
55. ดังนั้น จงอย่าปล่อยให้ทรัพย์สินของพวกเขาและลูก ๆ ของพวกเขาล่อลวงเจ้า เพราะอัลลอฮิประสงค์ที่จะลงโทษพวกเขาโดยใช้สิ่งเหล่านี้ในชีวิตแห่งโลกนี้ และพวกเขาจะตายในสภาพของการปฏิเสธ
56. พวกเขาสาบานต่ออัลลอฮฺว่าพวกเขาเป็นผู้ศรัทธาเหมือนพวกสูเจ้า แต่แท้จริงพวกเขามิใช่พวกของสูเจ้า ความจริงพวกเขาเป็นผู้หวาดกลัวสูเจ้า

 
คำแปล R4.
54. ไม่มี่สิ่งใดขัดขวางพวกเขา ในการที่บรรดาสิ่งบริจาคของพวกเขาไม่ถูกรับจากพวกเขานอกจากพวกเขาปฏิเสธศรัทธาต่ออัลลอฮฺและต่อรอซูลของพระองค์เท่านั้น และพวกเขาจะไม่มาละหมาด นอกจากพวกเขาจะมีสภาพเกียจคร้าน และพวกเขาจะไม่บริจาค นอกจากพวกเขาจะมีสภาพฝืนใจ
55. ดังนั้นจงอย่าให้ทรัพย์สมบัติพวกเขา และอย่าให้ลูก ๆ ของพวกเขาเป็นที่พึงใจแก่เจ้า แท้จริงอัลลอฮฺทรงต้องการที่จะลงโทษพวกเขาด้วยสิ่งเหล่านั้นในชีวิตแห่งโลกนี้ และที่จะให้ชีวิตของพวกเขาออกจากร่างไป ขณะที่พวกเขาเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาเท่านั้น
56. และพวกเขาจะสาบานต่ออัลลอฮฺว่าแท้จริงพวกเขานั้นเป็นพวกของพวกเจ้า และพวกเขาหาใช่เป็นพวกของพวกเจ้าไม่ แต่ทว่าพวกเขานั้นคือ พวกที่หวาดกลัวต่างหาก


คำแปล R5.
๕๔. เท่าที่การเสียสละของพวกมุนาฟิกีนเหล่านั้นไม่ถูกรับรองบุญกุศลแก่พวกตนนั้นหามีใดหักห้ามไว้ไม่ เพียงแต่พวกเหล่านั้นไม่ศรัทธาต่ออัลเลาะห์และมุฮำมัดพระศาสนทูตของพระองค์เท่านั้นเอง ทั้งพวกเหล่านั้นแม้จะกระทำละหมาดก็โดยเกียจคร้านและแม้จะเสียสละทรัพย์สินก็โดยไม่พอใจเท่านั้น เพราะพวกเหล่านี้ถือกันว่า การเสียสละนั้นเป็นการใช้หนี้ที่ไม่มีผลได้มาก่อน
๕๕. โอ้มุฮำมัดอย่าได้ให้ทรัพย์สินของพวกมุนาฟิกเหล่านั้นและบรรดาลูกหลานของพวกมุนาฟิกเหล่านั้นยังความประหลาดใจแก่เจ้าเลย เพราะทรัพย์ก็ดีและบรรดาลูกหลานของพวกนั้นก็ดีถือว่านั่นคือพวกนั้นได้จากพระองค์อย่างไร้ความกรุณา ต่างกับพวกมุอ์มินที่ได้รับ พระองค์จะทรงมอบให้ด้วยพระกรุณา ความจริงอัลเลาะห์ทรงมุ่งประสงค์ที่จะลงโทษพวกเหล่านั้นในชีวิตแห่งภพปัจจุบันด้วยเหตุทรัพย์สมบัติและบรรดาลูกหลานนี้เอง เพราะภาวการณ์มีทรัพย์สินและลูกหลานนั้นเป็นภาวะแห่งการลงโทษ แปลว่า ต้องเหน็ดเหนื่อย ต้องลำบากลำเค็ญที่จะให้ได้มาซึ่งทั้งสองอย่างนั้น และเมื่อได้มาแล้วก็ต้องเหนือ่ยอีก และลำบากที่จะต้องคอยคุ้มรักษาระแวดระวังสิ่งเหล่านั้น ทั้งจะเกิดความเศร้าสลดและความหวาดกลัวเพิ่มมากขึ้น เมื่อสิ่งเหล่านั้นประสบภัยพิบัติ สภาพการที่พวกมุนาฟิกประสบอยู่นี้จึงมีส่วนกระทำให้พวกเขามิได้รับสนองกุศลในภายภาคหน้า โดยสรุปแล้ว ทรัพย์สมบัติก็ดี บรรดาลูกหลานก็ดี เป็นภาวะแห่งโทษของพวกมุนาฟิกในชีวิตแห่งภพปัจจุบัน และชีวิตของพวกมุนาฟิกเหล่านั้นจะจากร่างไปอย่างผู้ไร้ศรัทธาต่ออัลเลาะห์และวันปรภพ พระองค์จะทรงทรมานพวกเหล่านั้นด้วยโทษทัณฑ์ที่เจ็บแสบในวันปรภพ
๕๖. แล้วพวกมุนาฟิกเหล่านั้นสาบานด้วยพระนามของ อัลเลาะห์ว่าแน่แท้พวกเขานั้นเป็นชนผู้ศรัทธาส่วนหนึ่งจากพวกเจ้าทั้ง ๆ ที่พวกเหล่านั้นมิได้เป็นชนผู้ศรัทธาส่วนหนึ่งจากพวกเจ้าเลย แต่ทว่าพวกเหล่านั้นคือเหล่าชนที่หวาดกลัวพวกเจ้าจะฆ่าและจับเป็นเชลยเหมือนอย่างพวกมุชริกต่างหากเล่า จึงต้องอ้างสาบานเพราะกลัวพวกเจ้าจะจัดการเช่นนั้น


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺอัตเตาบะฮฺ อายะฮฺที่ 57 - 59


คำอ่าน
57. เลายะญิดูนะ มัลญะอัน เอามะฆอรอติน เอามุดดะเคาะลัล ละวัลเลาอิลัยฮิ วะฮุมยัจญมะหูน
58. วะมินฮุม..มัย..ยัลมิซุกะ ฟิศเศาะดะกอต ฟะอินอุอฺฏูมินฮา เราะฎู วะอิลลัมยุอฺฎ็อวมินฮา..อิซาฮุมยัสเคาะฏูน
59. วะเลาอัน..นะฮุม เราะฎู มา..อาตาฮุมุลลอฮุ วะเราะสูลุฮู วะกอลูหัสบุนัลลอฮุ สะยุอ์ตีนัลลอฮุ มิน..ฟัฎลิฮี วะเราะสูลุฮู..อิน..นาอิลัลลอฮิรอฆิบูน


คำแปล R1.
57. Should they find a refuge, or caves, or a place of concealment, they would turn straightway thereto with a swift rush.
58. And of them are some who accuse you (O Muhammad) in the matter of (the distribution of) the alms. If they are given part thereof, they are pleased, but if they are not given thereof, behold! They are enraged!
59. Would that they were contented with what Allah and His Messenger gave them and had said: "Allah is sufficient for us. Allah will give us of his Bounty, and (also) His Messenger (from alms, etc.). We implore Allah (to enrich us)."


คำแปล R2.
57. หากพวกเขาพบที่พึ่งพิงหรือถ้ำหรือเพียงรูมุดเข้าไปได้(เพื่อหลบซ่อน) แน่นอนพวกเขาก็จะมุ่งไปยังสิ่งนั้นอย่างรีบร้อนทันที
58. และบางส่วนของพวกเขามีผู้ที่ประณามเจ้าในการจ่ายทาน ซึ่งถ้าหากพวกเขาถูกให้ทานนั้น พวกเขาก็ย่อมยินดี แต่ถ้าพวกเขาไม่ถูกให้ทาน พลันพวกเขาก็จะโกรธเคืองทันที
59. และมาดแม้นพวกเขามีความยินดีในสิ่งที่อัลเลาะฮฺและศาสนทูตของพระองค์ได้ทรงประทานแก่พวกเขา และพวกเขาก็กล่าวว่า “ย่อมเพียงพอแก่เราโดยอัลเลาะฮฺ(เพียงองค์เดียว) อัลเลาะฮฺและศาสนทูตของพระองค์จะทรงประทานแก่พวกเราจากความโปรดปรานของพระองค์ แท้จริงพวกเรามีความพิสมัยในอัลเลาะฮฺเหลือเกิน


คำแปล R3.
57. ถ้าพวกเขาพบสถานที่พักพิงหลบภัยหรือถ้ำหรือที่ซ่อนแห่งใดที่จะหลบตัวในนั้นได้ พวกเขาก็จะวิ่งอ้าวเข้าไปหลบอยู่ในนั้น
58. โอ้ นบี ในหมู่พวกเขามีบางคนที่คอยจับผิดเจ้าเกี่ยวกับเรื่องการแจกจ่ายทาน (การเก็บซะกาต) ถ้าหากพวกเขาได้รับบางอย่างจากทานนั้น พวกเขาก็จะพอใจ แต่ถ้าหากพวกเขาไม่ได้รับ พวกเขาก็จะโกรธ
59. ถ้าหากพวกเขาพอใจในสิ่งที่อัลลอฮิและรอซูลของพระองค์ได้ประทานแก่พวกเขา พวกเขาก็จะกล่าวว่า “อัลลอฮฺ ทรงเพียงพอแก่เราแล้ว พระองค์จะทรงประทานความมั่งคั่งให้แก่เราจากความมั่งคั่งของพระองค์ และรอซูลของพระองค์ก็เช่นกัน


คำแปล R4.
57. หากพวกเขาพบที่พักพิง หรือบรรดาถ้ำหรืออุโมงค์ แน่นอนพวกเขาจะหันไปหามัน โดยที่พวกเขาจะไปอย่างรีบด่วน
58. และในหมู่พวกเขานั้นมีผู้ที่ตำหนิเจ้าในเรื่องสิ่งบริจาค ถ้าหากพวกเขาได้รับจากสิ่งบริจาคนั้นพวกเขาก็ยินดี และหากพวกเขามิได้รับจากสิ่งบริจาคนั้น ทันใดพวกเขาก็โกรธ
59. และหากพวกเขายินดีต่อสิ่งที่อัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์ได้ให้แก่พวกเขา และกล่าวว่า อัลลอฮฺนั้นทรงพอเพียงแก่เราแล้วโดยที่อัลลอฮฺจะทรงประทานแก่เราจากความกรุณาของพระองค์และรอซูลของพระองค์ (ก็จะให้ด้วย) แท้จริงแด่อัลลอฮฺเท่านั้นพวกเราเป็นผู้วิงวอนขอ


คำแปล R5.
๕๗. ถ้าพวกเหล่านั้นมีที่พึ่งอาศัย เช่นยอดเขาหรือรอยแยกของพื้นดินหรือโพรงแล้วไซร้พวกเหล่านั้นต้องหันเข้าพึ่งอาศัยที่นั้นอย่างรีบร้อนเป็นแน่ เพราะที่เหล่านั้นเป็นชัยภูมิที่สามารถกันมิให้พวกเจ้าแลเห็นพวกเหล่านั้นได้ ด้วยเหตุว่าพวกเหล่านั้นไม่อยากมองหน้าไม่อยากพบเจอและโกรธแค้นพวกเจ้า ทั้งจะไม่ยอมกลับคืนมาสู่พวกเจ้าอีกประหนึ่งม้าพยศ
๕๘. และส่วนหนึ่งจากพวกมุนาฟิกีนเหล่านั้นมีผู้ตำหนิเจ้าในเรื่องจ่ายแจกทาน ถ้าพวกเหล่านั้นได้รับส่วนจากทานนั้นบ้าง พวกเหล่านั้นก็พอใจ แต่ถ้าพวกเหล่านั้นไม่ได้รับส่วนจากทานบ้างเลย พวกเหล่านั้นจะเคืองทันที
๕๙. แหละถ้าพวกเหล่านั้นพอใจในส่วนแห่งทรัพย์เชลยและทรัพย์อื่น ๆ ที่อัลเลาะห์และมุฮำมัดพระศาสนทูตของพระองค์ได้นำมาให้พวกเขาโดยเอ่ยกล่าวว่า “มีอัลเลาะห์ก็พอแล้วสำหรับเรา” ต่อไปอัลเลาะห์และมุฮำมัดพระศาสนทุ๖ของพระองค์จะให้เราซึ่งทรัพย์เชลยรายอื่นที่เพียงพอแก่เราอีก พวกเรานี้ยินดีต่ออัลเลาะห์อยู่ ที่ทรงให้พวกเราเป็นผู้ร่ำรวย ความพอใจดังกล่าวแล้วของพวกเหล่านั้นย่อมเป็นการดีสำหรับพวกนั้น


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺอัตเตาบะฮฺ อายะฮฺที่ 60 - 62


คำอ่าน
60. อิน..นะมัศเศาะดะกอตุ ลิลฟุเกาะรอ...อิ วัลมะสากีนิ วัลอามิลีนะอะลัยฮา วัลมุอัลละฟะติกุลูบุฮุม วะฟิรฺริกอบิ วัลฆอริมีนะ วะฟีสะบีลิลลาฮิ วับนิสสะบีล ฟะรีเฎาะตัม..มินัลลอฮฺ วัลลอฮุอะลีมุนหะกีม
61. วะมินฮุมุลละซีนะยุอ์ซูนะน..นะบียะ วะยะกูลูนะฮุวะอุซุน กุลอุซุนุ ค็อยริลละกุม ยุอ์มินุบิลลาฮิ วะยุอ์มินุ ลิลมุอ์มินีนะ วะเราะหฺมะตุลลิลละซีนะอามะนูมิน..กุม วัลละซีนะยุอ์ซูนะ เราะสูลัลลอฮิ ละฮุมอะซาบุนอะลีม
62. ยะหฺลิฟูนะบิลลาฮิ ละกุม ลิยุรฺฎูกุม วัลลอฮุวะเราะสูละฮู..อะหักกุ อัย..ยุรฺฎูฮุ อิน..กานูมุอ์มินีน


คำแปล R1.
60. [As-Sadaqat] (here it means Zakat) are only for the [Fuqara'] (poor), and [Al-Masakin] (the poor) and those employed to collect (the funds); and for to attract the hearts of those who have been inclined (towards Islam); and to free the captives; and for those In debt; and for Allah's Cause (i.e. for Mujahidun - those fighting in the Holy wars), and for the wayfarer (a traveler who is cut off from everything); a duty imposed by Allah. and Allah is All-Knower, All-Wise.
61. And among them are men who hurt the Prophet (Muhammad) and say: "He is (lending his) ear (to every news)." say: "He listens to what is best for you; He believes in Allah; has faith in the believers; and is a mercy to those of you who believe." but those who hurt Allah's Messenger (Muhammad) will have a painful torment.
62. They swear by Allah to you (Muslims) in order to please you, but it is more fitting that they should please Allah and his Messenger (Muhammad), if they are believers.


คำแปล R2.
60. อันที่จริงทานทั้งหลายย่อมเป้นสิทธิของบรรดาผู้อนาถา, บรรดาผู้ยากไร้, บรรดาเจ้าหน้าที่ผู้จัดการทานนั้น, และบรรดาผู้ซึ่งต้องประสานหัวใจไว้, และใน(การไถ่ตัว)ทาส(ให้เป็นอิสระ), ในบรรดาผู้เป็นหนี้, และใน(ผู้ที่เสียสละชีวิตไป)ในแนวทางของอัลเลาะฮฺ, และคนเดินทาง เป็นข้อบัญญัติจากอัลเลาะฮฺ และอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้ยิ่ง อีกทั้งทรงปรีชาญาณยิ่ง
61. และบางส่วนของพวกเขา(พวกมุนาฟิก)เป้นพวกที่รุกรานศาสดา(มุฮำมัด) และพวกเขากล่าวว่า “เขา(มุฮำมัด)เป็นคนหูเบา(เชื่อง่าย)” จงประกาศเถิด “มุฮำมัดเป็นคนหูเบา (เชื่อฟังเฉพาะเรื่องที่ถูกต้อง ซึ่งเป็น)ความดีสำหรับพวกเจ้าทั้งมวล เขาศรัทธามั่นในอัลเลาะฮฺ และไว้วางใจแก่บรรดาศรัทธาชนทั้งปวง และเขาเป็นความเมตตาสำหรับบรรดาผู้ศรัทธาจากพวกท่าน” และบรรดาพวกที่รุกรานศาสดาของอัลเลาะฮฺ พวกเขาย่อมได้รับการลงโทษอันสาหัสยิ่ง
62. พวกเขาสาบาน(เท็จ)กับอัลเลาะฮฺต่อหน้าพวกเจ้าเพื่อ(ลวง)พวกเจ้าให้รู้สึกพอใจ และอัลเลาะฮฺและศาสนทูตของพระองค์(ต่างหาก) ที่ทรงสิทธิยิ่งนักที่พวกเขาจะทำให้พอพระทัย หากพวกเขาเป็นผู้ศรัทธา(โดยแท้จริง)


คำแปล R3.
60. ความจริงแล้วทาน(การเก็บซะกาต)นั้นก็เพื่อคนยากจน และคนอนาถา และคนที่ถูกใช้ให้เก็บรวบรนวมมัน และคนที่หัวใจของเขาถูกดึงให้โน้มเอียงมา และเพื่อการไถ่ทาส และเพื่อช่วยเหลือผู้มีหนี้สิน และเพื่อแนวทางของอัลลอฮฺ แลฃะเพื่อดูแลคนเดินทาง นี่เป็นข้อกำหนดจากอัลลอฮฺ และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ
61. และในหมู่พวกเขามีบางคนที่เราะรานนบีและกล่าวว่า “คนผู้นี้หูเบา” จงกล่าวเถิด “มันเป็นเรื่องดีสำหรับพวกท่านที่เขาเป็นเช่นนั้น เขาศรัทธาในอัลลอฮฺ และไว้วางใจในบรรดาผู้ศรัทธา และเขาเป็นความเมตตาสำหรับบรรดาผู้ศรัทธาที่แท้จริงในหมู่พวกท่าน ส่วนบรรดาผู้เราะรานรอซูลของอัลลอฮฺนั้น สำหรับพวกเขาคือการลงโทษอันเจ็บปวด”
62. คนเหล่านี้สาบานด้วยอัลลอฮิต่อหน้าสูเจ้า เพื่อให้สูเจ้าพอใจ ถึงแม้ว่าอัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์มีสิทธิมากกว่าที่พวกเขาจะต้องให้ความพอใจ ถ้าหากพวกเขาเป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริง


คำแปล R4.
60. แท้จริงทานทั้งหลายนั้น สำหรับบรรดาผู้ที่ยากจน และบรรดาผู้ที่ขัดสน และบรรดาเจ้าหน้าที่ในการรวบรวมมันและบรรดาผู้ที่หัวใจของพวกเขาสนิทสนม และในการไถ่ทาส และบรรดาผู้ที่หนี้สินล้นตัว และในทางของอัลลอฮฺ และผู้ที่อยู่ในระหว่างเดินทาง ทั้งนี้เป็นบัญญัติอันจำเป็นซึ่งมาจากอัลลอฮฺ และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ
61. และในหมู่พวกเขานั้นมีบรรดาผู้ที่ก่อความเดือดร้อนแก่นะบี โดยที่พวกเขากล่าวว่า เขาคือหู จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า คือหูแห่งความดีสำหรับพวกท่านโดยที่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และเชื่อถือต่อผู้ศรัทธาทั้งหลาย และเป็นการเอ็นดูเมตตา แก่บรรดาผู้ศรัทธาในหมู่พวกท่านและบรรดาผู้ที่ก่อความเดือดร้อนแก่รอซูลของอัลลอฮฺนั้นพวกเขาจะได้รับการลงโทษอันเจ็บปวด
62. พวกเขาสาบานด้วยอัลลอฮฺแก่พวกเจ้า เพื่อที่จะให้พวกเจ้าพอใจ และอัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์นั้นเป็นผู้สมควรยิ่งกว่าที่พวกเขาจะทำให้เขาพึงพอใจ หากพวกเขาเป็นผู้ศรัทธา


คำแปล R5.
๖๐. แท้จริงซะกาตนั้นจะถูกจำหน่ายให้ได้เฉพาะแก่บรรดาฟะกีรผู้ที่มีกำลังการจ่ายได้เพียง ๑ หือ ๒ หรือ ๓ หรือ ๔ จากค่าครองชีพที่ต้องการจริง ๑๐ แก่บรรดามิสกีน ผู้ที่มีกำลังการจ่ายได้เพียง ๕ หรือ ๖ หรือ ๗ หรือ ๘ จากค่าครองชีพที่ต้องการจริง ๑๐ แก่บรรดาเจ้าการซะกาตนั้นอันมีผู้ออกเก็บซะกาตผู้ปันซะกาตให้ ๘ จำพวก ผู้จัดการรวบรวมผู้ออกซะกาตทั้งแปด และเสมียนซะกาต แก่ผู้ที่หัวใจของเขาผูกพันกับอิสลาม ๔ จำพวกดังนี้ (๑) สมมติว่าพวกเหล่านั้นยังเป็นกาฟิรอยู่ เราหวังว่าพวกเหล่านั้นจะเข้ารับนับถือศาสนาอิสลามด้วยการให้ซะกาตแก่พวกนั้น (๒) พวกนั้นได้รับนับถือศาสนาอิสลามอย่างดีแล้ว แต่มว่ายังสด ๆ ร้อน ๆ อยู่ (๓) พวกเหล่านั้นเข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม แต่หวังว่าจะได้ชักจูงกาฟิรอื่น ๆ มาเข้ารับนับถือศาสนาอิสลามอีก และ (๔) พวกนั้นเป็นมุสลิม แต่มีภูมิลำเนาอยู่ชายแดน คอยป้องกันอันตรายให้พ้นไปจากพวกมุสลิม แก่บรรดาทาสที่ปรารถนาจะได้ทรัพย์ไปไถ่ตัวเป็นไท แก่ผู้มีหนี้สินซึ่งได้กู้ยืมไปจับจ่ายในทางชอบธรรม หรือไม่ชอบธรรมก็ตาม  แต่ผู้นั้นได้ขอสารภาพผิด(เตาบะห์)แล้ว ซึ่งผู้นั้นไม่มีทรัพย์พอที่จะชำระหนี้นั้น ๆ ได้ หรือเป็นเพื่อการประนีประนอมสองฝ่ายที่พิพาทกัน ผู้นี้จะมีทรัพย์ชำระหนี้หรือไม่ก็ตาม ถือว่าเขามีสิทธิได้รับซึ่งซะกาตเพื่อนำมาชำระหนี้ ตลอดทั้งผู้ออกทำศึกในวิถีทางศาสนาของอัลเลาะห์ซึ่งขาดทรัพย์ (กองกลางที่ได้มาจากกาฟิรโดยวิธีอื่นจากสงคราม) เป็นยุทธปัจจัย และแก่ผู้เดินทางไปยังแดนไกลแต่ขาดทรัพย์ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง โดยที่พวกเหล่านั้นทั้ง ๘ จำพวกย่อมได้รับจำหน่ายซะกาตตามเกณฑ์กำหนดจากอัลเลาะห์ ฝ่ายอัลเลาะห์นั้นทรงรู้ยิ่งถึงบรรดาข้าทั้งปวงของพระองค์ ทรงประณีตยิ่งในกิจการทั้งปวงของพระองค์
   ศาสนาไม่อนุญาตให้จ่ายซะกาตแก่บุคคลนอกจาก ๘ จำพวกที่กล่าวถึงนี้ ทั้งจะระงับการจ่ายซะกาตแก่พวกใดพวกหนึ่งจาก ๘ จำพวกนั้นก็มิได้ในเมื่อยังมีพวกนั้นอยู่ ฝ่ายอิมามผู้แจกซะกาตแบ่งให้ผู้มีสิทธิได้รับเหล่านั้นจะแจกให้เท่า ๆ กัน หรือน้อยกว่ากันก็ได้ ส่วนเจ้าของทรัพย์ซะกาตจะแจกซะกาตของตนแต่พวกละ ๓ คนก็ถือว่าชอบธรรมอยู่แล้ว หากหย่อนกว่าพวกละ ๓ คนศาสนาถือว่ามิถูกต้อง ตามนัยแห่งหะดีสบ่งแจ้งว่า ผู้มีสิทธิ์รับซะกาตนั้นต้องเป็นอิสลามศาสนิกชน (มุสลิม) ยกเว้นผู้คนในวงศ์ฮาชิมและวงส์มุฏอฏ่อลิบ จะรับซะกาตมิได้

มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ ได้มีชนมุนาฟิกคณะหนึ่งกล่าวตำหนิสิทธิต่าง ๆ ของพระศาสดามุหัมมัด แต่มีอยู่จำพวกหนึ่งจากพวกเหล่านั้นบอกว่า “ท่านอย่าพูดอย่างนั้น” เกรงว่า การที่พูดไปอย่างนั้นจะถึงหูพระนบีฯ ประเดี๋ยวจะเป็นภัยต่อพวกเรา ยาลล๊าสบุตรสุไวด์มุนาฟิกคนหนึ่งบอกว่า เราจะพูดตามที่เราต้องการ ครั้นเมื่อเรามาพบกับพระนบีแล้ว เราสบถสาบานให้แข็งแรง พระนบีก็ต้องเชื่อเรา เพราะพระนบีเป็นคนหูเบา พูดอย่างไรก็เชื่อทั้งนั้น จึงมีโองการประทานลงมาว่า

๖๑. และส่วนหนึ่งจากพวกมุนาฟิกีนเหล่านั้นมีบรรดาชนผู้ที่ยังความเดือดร้อนแก่พระศาสดามุฮำมัด โดยการตำหนิประณามและนำคำตำหนินั้นไปเล่าลือสื่อกันฟังในที่แห่งอื่นด้วย และในเมื่อพวกเหล่านั้นถูกบางคนในพวกเดียวกันห้ามให้งดเว้นการกระทำเช่นนั้นเพื่อไม่ให้รั่วรู้ไปถึงพระนบีฯ พวกเหล่านั้นกล่าวสบประมาทพระศาสดามุฮำมัดว่า เขา(มุฮำมัด) นั้นเป็นคนซึ่งสักแต่ว่ามีหูฟัง ก็ฟังโดยขาดญาฯพินิจ ไม่ยอมตริตรองซึ่งถ้อยคำที่ฟังนั้น ทั้งไม่จำแนกว่าถ้อยคำใดที่ควรฟังหรือไม่อย่างไร มุฮำมัดนี้มิได้ฉลาดหลักแหลมเลย และยอมรับรองทุกถ้อยคำเพียงแต่พวกเราเอ่ยสาบานว่า เรามิได้พูดเช่นนั้น ๆ มุฮำมัดก็เชื่อพวกเราเข้าแล้วอย่างสนิทใจ โอ้ปวงชนมุนาฟิก ดูเถอะ มุฮำมัดนั้นมิได้โต้ตอบพฤติการณ์ชั่ว ๆ ของพวกเจ้าเลย ทั้งมุฮำมัดยังได้อภัยให้พวกเจ้าด้วยกิริยาการที่แสดงออกอย่างนอบน้อมต่อพวกเจ้า และด้วยกิริยาทำเป็นลืมถ้อยคำตำหนิประณามจากพวกเจ้า จะเป็นเพราะมุฮำมัดโฉดเขลาขาดความเฉลียวฉลาดหรือไม่มีไหวพริบรู้เท่าทันพวกเจ้าก็หาไม่ โอ้มุฮำมัด เจ้าจงกล่าวเถิดแก่บรรดาชนมุนาฟิกเหล่านั้นว่า เขา(มุฮำมัด) เป็นผู้ฟังถ้อยคำที่ดีจากพวกเจ้าต่างหากเล่า มุฮำมัดมิได้ฟังถ้อยคำซึ่งชั่วเลวของพวกเจ้าหรอก เขา(มุฮำมัด) ศรัทธาต่ออัลเลาะห์และเขา(มุฮำมัด) ก็วางใจในถ้อยคำของเหล่าชนผู้ศรัทธาที่บอกกับเขา(มุฮำมัด) อีกทั้งเป็นผู้มีเมตตาแก่บรรดาชนผู้ศรัทธาในหมู่ของพวกเจ้า สำหรับบรรดาชนมุนาฟิกผู้ที่ยังความเดือดร้อนแก่มุฮำมัดพระศาสนทูตของอัลเลาะห์ ย่อมได้รับโทษอันเจ็บแสบ
๖๒. โอ้เหล่าชนผู้ศรัทธา พวกมุนาฟิกเหล่านั้นจะสบถสาบานโดยเอ่ยพระนามของอัลเลาะห์ต่อพวกเจ้าว่า อันความจริงพวกเขานั้นมิได้พูดจาตำหนิอะไรมุฮำมัดเลยตามที่มีข่าวมาถึงหูพวกเจ้า เพื่อพวกเหล่านั้นจะให้พวกเจ้าพอใจ อัลเลาะห์และมุฮำมัดพระศาสนทูตของพระองค์ต่างหาก ควรอย่างยิ่งที่พวกนั้นจะให้พระองค์ได้ความยินดีโดยการประพฤติปฏิบัติตามที่ทรงใช้และงดเว้นจากที่ทรงห้าม หากว่าพวกเหล่านั้นเป็นผู้ศรัทธาอย่างแท้จริง

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺอัตเตาบะฮฺ อายะฮฺที่ 63 -66


คำอ่าน
63. อะลัมยะอฺละมู..อัน..นะฮู มัย..ยุหาดิดิลลาฮะ วะเราะสูละฮู ฟะอัน..นะละฮูนาเราะญะฮัน..นะมะ คอลิดัน..ฟีฮา ซาลิกัลคิซยุลอะซีม
64. ยะหฺซะรุลมุนาฟิกูนะ อัน..ตุนัซซะละอะลัยฮิม สูเราะตุน..ตุนับบิอุฮุม..บิมาฟีกุลูบิฮิม กุลิสตะฮฺซิอู อิน..นัลลอฮะมุคริญุม..มาตะหฺซะรูน
65. วะละอิน..สะอัลตะฮุม ละยะกูลุน..นะ อิน..นะมากุน..นา นะคูฎุ วะนัลอับ กุลอะบิลลาฮิ วะอายาติฮี วะเราะสูลิฮี กุน..ตุมตัสตะฮฺซิอูน
66. ลาตะอฺตะซิรู ก็อดกะฟัรฺตุม..บะอฺดะอีมานิกุม อิน..นะอฺฟุ อัน..ฏอ...อิฟะติม..มิน..กุม นุอัซซิบฏอ...ฟะตัม..บิอัน..นะฮุมกานูมุจญริมีน


คำแปล R1.
63. Know they not that whoever opposes and shows hostility to Allah and his Messenger (Muhammad), certainly for him will be the Fire of Hell to abide therein. That is extreme disgrace.
64. The hypocrites fear lest a [Surah] (chapter of the Qur'an) should be revealed about them, showing them what is in their hearts. Say: "(Go ahead and) mock! But certainly Allah will bring to light all that you fear.
65. If you ask them (about this), they declare: "We were only talking idly and joking." say: "Was it at Allah, and his Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.) and His Messenger (Muhammad) that you were mocking?
66. Make no excuse; you have disbelieved after you had believed. If We pardon some of you, We will punish others amongst you because they were Mujrimun (disbelievers, polytheists, sinners, criminals, etc.).


คำแปล R2.
63. พวกเขาไม่รู้หรือว่า แท้จริงผู้ใดต่อต้านอัลเลาะฮฺและศาสนทูตของพระองค์แน่นอนเขาจะต้องได้รับนรกยะฮันนัม(เป็นสิ่งตอบแทน) เขาเข้าประจำอยู่ในนั้นโดยนิรันดร นั้นคือความอัปยศอันใหญ่หลวง
64. พวกสับปลับกลัวว่า จะมีบทหนึ่ง(จากอัลกุรอาน) ถูกประทานลงมาเกี่ยวกับพวกเขา ซึ่งบรรยายแจ้งให้พวกเขา(ชาวมุสลิมได้ทราบถึง)สิ่งที่อยู่ในหัวใจของพวกนั้น (ที่มีแต่ความสับปลับ) จงประกาศเถิด “พวกท่านจงเย้ยหยันไปเถิด แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงนำออกซึ่งสิ่งที่พวกท่านกลัวนั้น(ให้ปรากฏต่อคนทั่วไป)อย่างแน่นอน”
65. และแท้จริงหากเจ้าถามพวกเขา พวกเขาก็จะพุดว่า “อันที่จริงพวกเราเพียงแต่คุยกันเล่น(ไม่จริงจังอะไร) และเราสนุกสนานกันเท่านั้น” จงประกาศเถิด “พวกเจ้าควรหรือที่จะเย้ยหยันอัลเลาะฮฺ บรรดาโองการของพระองค์และศาสนทูตของพระองค์”
66. พวกเจ้าอย่าได้แก้ตัว (โดยคำเย้ยหยันนั้นเลย) แท้จริงพวกเจ้าได้ทรยศ ภายหลังจากพวกเจ้ามีศรัทธา หากเราอโหสิให้แก่บางกลุ่มจากพวกเจ้า เราก็จะลงโทษอีกบางกลุ่มอย่างแน่นอน เพราะพวกเขาเป้นผู้กระทำความผิดอย่างชัดแจ้ง

 
คำแปล R3.
63. พวกเขาไม่รู้หรือว่าผู้ใดที่ต่อต้านอัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์เขาจะได้รับไฟนรกซึ่งเขาจะพำนักอยู่ในนั้นนิรันดร? นี่คือการอัปยศอดสูอย่างมหันต์
64. พวกมุนาฟิกหวาดกลัวว่าจะมีซูเราะฮฺหนึ่งถูกประทานมายังมุสลิมเพื่อเปิดเผยให้พวกเขารู้ถึงสิ่งที่อยู่ในหัวใจของพวกเขา โอ้นบี จงกล่าวแก่พวกเขาเถิดว่า “จงเยาะเย้ยต่อไปเถอะ อัลลอฮฺจะนำสิ่งที่พวกท่านหวั่นหวาดออกมาให้เห็น”
65. ถ้าเจ้าถามพวกเขา (“พวกท่านกำลังพูดถึงเรื่องอะไร?”)พวกเขาจะตอบทันทีว่า “พวกเราเพียงแต่มั่วคุยเล่น ๆ และสนุกสนานกันเท่านั้น” จงถามพวกเขาว่า “พวกท่านเยาะเย้ยอัลลอฮฺและอายะฮฺทั้งหลายของพระองค์และรอซูลของพระองค์กระนั้นหรือ?
66. จงอย่าแก่ตัวเลย ความจริงแล้วพวกท่านได้ปฏิเสธสัจธรรมหลังจากที่พวกท่านศรัทธามัน ถ้าหากเราให้อภัยบางคนในหมู่สูเจ้า แน่นอนเราก็จะลงโทษพวกสูเจ้าอีกบางคนเพราะพวกเขาเป็นผู้มีผิด”

 
คำแปล R4.
63. พวกเขามิได้รู้ดอกหรือว่า แท้จริงผู้ใดที่ฝ่าฝืนอัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์ แน่นอนสำหรับเขานั้นคือไฟนรกญะฮันนัมโดยที่เขาจะอยู่ในนั้นตลอดกาลนั่นแหละคือความอัปยศอันใหญ่หลวง
64. บรรดามุนาฟิกนั้นหวั่นเกรงว่า จะมีซูเราะฮ์หนึ่งถูกประทานลงมาแก่พวกเขา ซึ่งแจ้งให้พวกเขาทราบสิ่งที่อยู่ในใจของพวกเขา จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า พวกท่านจงเย้ยหยันกันเถิด แท้จริงอัลลอฮฺนั้นจะทรงให้ออกมาซึ่งสิ่งที่พวกท่านหวั่นเกรง
65. และถ้าหากเจ้าได้ถามพวกเขา แน่นอนพวกเขาจะกล่าวว่า แท้จริงพวกเราเป็นเพียงแต่พูดสนุก, พูดเล่น,เท่านั้นจงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่าต่ออัลลอฮฺ และบรรดาโองการของพระองค์และรอซูลของพระองค์กระนั้นหรือที่พวกท่านเย้ยหยันกัน ?
66. พวกท่านอย่าแก้ตัวเลย แท้จริงพวกท่านได้ปฏิเสธศรัทธาแล้ว หลังจากการมีศรัทธาของพวกท่าน หากเราจะอภัยโทษให้แก่กลุ่มหนึ่งในหมู่พวกเจ้า เราก็จะลงโทษอีกกลุ่มหนึ่ง เพราะว่าพวกเขาเป็นผู้กระทำความผิด


คำแปล R5.
๖๓. อัลเลาะห์ทรงประณามและตำหนิพวกมุนาฟิกว่าพวกมุนาฟิกเหล่านั้นรู้อยู่แล้วว่าแท้จริงผู้ใดที่เป็นปรปักษ์ต่ออัลเลาะห์และมุฮำมัดพระศาสนทูตของพระองค์แน่นอนผู้นั้นย่อมได้รับนรกยะฮันนำเป็นค่าตอบแทนโดยสถิตยั่งยืนอยู่ ณ ที่นั้นนิรันดร ไม่มีวันได้รับการปลดปล่อยและไม่ตาย การได้รับโทษดังที่กล่าวมานั่นแหละคือความตกต่ำที่ใหญ่หลวง
๖๔. เหล่ามุนาฟิกกลัวว่าจะมีบทแห่งพระคัมภีร์อัล-กุรอานบทหนึ่งถูกประทานลงมายังอีกพวกหนึ่งที่เป็นมุอ์มินบอกให้พวกมุอ์มินนั้นรู้ถึงความกลับกลอกในใจของพวกตน ทั้ง ๆ ที่กลัวจะมีบทแห่งพระคัมภีร์อัลกุรอานลงมา พวกมุนาฟิกเหล่านั้นก็ยังพูดจาสบประมาทพระศาสดามุฮำมัดกันอยู่ โอ้มุฮำมัดเจ้าจงกล่าวเถิดแก่เหล่าชนมุนาฟิกเพื่อขู่มิให้พวกนั้นพูดจาสบประมาทว่า ก็จงสบประมาทฉันไปซิ แน่แท้อัลเลาะห์ทรงเป็นผู้เผยความกลับกลอกของพวกท่านซึ่งพวกท่านกลัวจะรั่วรู้โดยแจ้งชัดอยู่นั้น
๖๕. และข้า(อัลเลาะห์)ให้สัตย์ปฏิญาณว่า แท้จริงหากพวกเจ้าถามพวกมุนาฟิกเหล่านั้นถึงเรื่องการพูดจาสบประมาทของพวกนั้นต่อตัวเจ้า และต่อพระคัมภีรือัล-กุรอานในยามที่พวกนั้นเดินทางออกไปร่วมกับเจ้าเพื่อทำศึกสงครามที่สมรภูมิตะบู๊ก พวกมุนาฟิกเหล่านั้นจะกล่าวแก่พวกเดียวกันว่า พวกท่านจงดูแลชายผู้นี้(มุฮำมัด)ซิ ที่เขามุ่งหมายจะบุกสู่กำแพงของประเทศซีเรียและปราสาทต่าง ๆ ของประเทศนั้น พวกเราเห็นว่าเป็นการอาจเอื้อมที่ยังห่างไกลความจริงยิ่งนัก ทั้งยังเอ่ยกล่าวอีกว่า แท้จริงมุฮำมัดคิดจะเอาพระคัมภีร์อัลกุรอานที่เป็นเพียงคำพูดที่มุฮำมัดรจนาขึ้นเองทิ้งไว้ในหมู่พวกเรา ครั้นเมื่อพวกมุนาฟิกถูกถามถึงเรื่องไม่เป็นมงคล เช่นนี้ พวกเหล่านั้นจะกล่าวแก้ตัวว่า ที่จริงพวกเราเพียงแต่พูดเรื่อยเปื่อยเพื่อฆ่าเวลาและพูดเล่นให้เวลาเดินทางสิ้ยเปลืองไปโดยไม่รู้ตัวเท่านั้นเอง มิได้เจตนาจะพูดสบประมาทอะไรหรอก โอ้มุฮำมัดเจ้าจงกล่าวตำหนิและขู่พวกยะฮูดีเถิดว่ากับข้อกำหนดและขอบเขตแห่งอัลเลาะห์ บรรดาโองการของพระองค์ที่ใช้และห้ามในพระคัมภีร์อัลกุรอานและมุฮำมัดพระศาสนทูตของพระองค์แล้ว พวกท่านไม่สมควรจะสบประมาทกันเลย
๖๖. พวกเจ้าอย่าแก้ตัวให้พ้นความผิดเพราะการพูดสบประมาทเลย เพราะแท้จริงพวกเจ้าได้ขาดศรัทธาโดยชัดแจ้งหลังจากพวกเจ้าได้แสดงแต่ปากว่าศรัทธาแล้ว หากว่าเรา(อัลเลาะห์) จะนิรโทษให้ชนส่วนหนึ่งจากพวกเจ้า โดยให้ชนเหล่านั้นมีจิตใจบริสุทธิ์ผ่องแผ้วและโดยการรับรองซึ่งคำสารภาพผิดของเหล่าชนนั้น มัยะห์ชุน บุตรฮิมยัรเป็นต้นแล้วไซร้เราก็จะลงโทษอีกเหล่าชนหนึ่งฐานพวกเหล่านั้นเป็นผู้ก่อบาป หมกมุ่นอยู่กับการกลับกลอกและการสบประมาท


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺอัตเตาบะฮฺ อายะฮฺที่ 67 - 69


คำอ่าน
67. อัลมุนาฟิกูนะ วัลมุนาฟิกอตุ บะอฺฎุฮุม..มิม..บะอฺฎฺ ยะอ์มุรูนะบิลมุน..กะริ วะยันเฮานะอะนิลมะอฺรูฟิ วะยักบิฎูนะ อัยดิยะฮุม นะสุลลอฮะ ฟะนะสิยะฮุม อิน..นัลมุนาฟิกีนะฮุมุลฟาสิกูน
68. วะอะดัลลอฮุลมุนาฟิกีนะ วัลมุนาฟิกอติ วัลกุฟฟาเราะ นาเราะญะฮัน..นะมะ คอลิดีนะฟีฮา ฮิยะหัสบุฮุม วะละอะนะฮุมุลลอฮุ วะละฮุมอะซาบุม..มุกีม
69. กัลละซีนะมิน..ก็อบลิกุม กานู..อะชัดดุมิน..กุมกูวะเตา..วะอักษะเราะอัมวาเลา..วะเอาลาดา ฟัสตัมตะอู บิเคาะลากิฮิม ฟัสตัมตะอฺตุม บิเคาะลากิกุม กะมัสตัมตะอัลละซีนะ มิน..ก็อบลิกุม บิเคาะลากิฮิม วะคุฎตุม กัลป์ละซีคอฎู อุลา...อิกะหะบิฏ็อตอะอฺมาลุฮุม ฟิดดุนยาวัลอาคิเราะฮฺ วะอุลา...อิกะฮุมุลคอสิรูน


คำแปล R1.
67. The hypocrites, men and women, are from one another, they enjoin (on the people) [Al-Munkar] (i.e. disbelief and polytheism of all kinds and all that Islam has forbidden), and forbid (people) from [Al-Ma'ruf] (i.e. Islamic Monotheism and all that Islam orders one to do), and they close their hands [from giving (spending in Allah's Cause) alms, etc.]. they have forgotten Allah, so He has forgotten them. Verily, the hypocrites are the [Fasiqun] (rebellious, disobedient to Allah).
68. Allah has promised the hypocrites; men and women, and the disbelievers, the Fire of Hell, therein shall they abide. It will suffice them. Allah has cursed them and for them is the lasting torment.
69. Like those before you, they were mightier than you in power, and more abundant In wealth and children. They had enjoyed their portion awhile, so enjoy your portion awhile as those before you enjoyed their portion awhile; and you indulged in play and pastime (and in telling lies against Allah and his Messenger Muhammad) as they indulged in play and pastime. Such are they whose deeds are in vain in this world and in the Hereafter. Such are they who are the losers.


คำแปล R2.
67. บรรดาพวกสับปลับทั้งชายและหญิง พวกเขาต่างก็เป็นคนกลุ่มเดียวกัน พวกเขาใช้ให้กระทำสิ่งต้องห้ามและห้ารมปรามสิ่งดีงาม และพวกเขากำมือของพวกเขาไว้(ไม่บริจาคเพราะความตระหนี่)พวกเขาลืมอัลเลาะฮฺ ดังนั้นอัลเลาะฮฺจึงลืมพวกเขา แท้จริงบรรดาพวกสับปลับเป็นพวกฝ่าฝืนโดยแท้จริง
68. อัลเลาะฮฺทรงให้สัญญาแก่บรรดาพวกสับปลับทั้งชายและหญิง รวมทั้งพวกทรยศทั้งหลาย (ว่าจะทรงบันดาลให้ทุกคนเข้า)นรกยะฮันนัมโดยเข้าประจำอยู่ในนั้นนิรันดร มันเป็นการเพียงพอแก่พวกเขา และอัลเลาะฮฺทรงสาปแช่งพวกเขา และพวกเขาจะต้องได้รับโทษอันถาวร
69. (พวกเหล่านั้นมีสภาพ)ประดุจดังบรรดากลุ่มชนเมื่อก่อนหน้าพวกเขา ซึ่งพวกเขาล้วนเป็นผู้มีพละกำลังแข็งแกร่งกว่าพวกเจ้า มีสมบัติและลูก ๆ มากกว่าพวกเจ้า แล้วพวกเขาก็ภิรมย์อยู่กับส่วนได้ต่าง ๆ ของพวกเขา ครั้นต่อมาพวกเจ้าก็ภิรมย์ในส่วนได้ของพวกเจ้า เหมือนเช่นบรรดาชนในยมัยก่อนพวกเจ้าภิรมย์ในส่วนได้ของเขา และพวกเจ้าพูดคุย(ให้ร้ยศาสนา) เหมือนเช่นพวกเขาพูดคุยกัน พวกเหล่านั้น บรรดาผลงานต่าง ๆ ได้มลายสิ้นแล้วทั้งในโลกนี้และโลกหน้า


คำแปล R3.
67. ชายผู้สับปลับและหญิงผู้สับปลับนั้นต่างเป็นพวกเดียวกัน พวกเขากำชับในสิ่งที่ชั่วและห้ามปรามสิ่งที่ดีและยังมือของพวกเขาจากความดี พวกเขาลืมอัลลอฮฺ ดังนั้นพระองค์จึงทรงลืมพวกเขา แท้จริงพวกสับปลับนั้นคือผู้ทำความชั่ว
68. อัลลอฮฺได้สัญญาชายผู้สับปลับและหญิงผู้สับปลับรวมทั้งผู้ปฏิเสธถึงไฟนรกซึ่งพวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้นนิรันดร นั่นคือสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับพวกเขา เพราะอัลลอฮฺได้ทรงสาปแช่งพวกเขาและสำหรับพวกเขาคือการลงโทษตลอดไป
69. สูเจ้ากำลังประพฤติตัวเหมือนกับบรรดาคนก่อนหน้าสูเจ้า พวกเขามีกำลังแกร่งกว่าสูเจ้า มีสมบัติและลูกหลานมากกว่าสูเจ้า พวกเขามีความสุขกับส่วนที่ดีแห่งชีวิตโลกนี้ของพวกเขา และสูเจ้าก็มีความสุขกับส่วนที่ดีเหมือนกับพวกเขาเช่นกัน สูเจ้ามั่วคุยเหมือนกับที่พวกเขามั่วคุย ดังนั้นในที่สุดทุกสิ่งที่พวกเขาได้ทำไปล้วนไร้ผลทั้งในโลกนี้และโลกหน้า แน่นอนพวกเขาเหล่านั้นเป็นพวกที่ขาดทุน


คำแปล R4.
67. บรรดามุนาฟิกชาย และบรรดามุนาฟิกหญิงนั้นบางส่วนของพวกเขาต่างมาจากอีกบางส่วน ซึ่งพวกเขาจะใช้ให้ปฏิบัติในสิ่งที่ไม่ชอบและห้ามปรามในสิ่งที่ชอบ และกำมือของพวกเขาไว้ โดยที่พวกเขาลืมอัลลอฮฺ แล้วพระองค์ก็ทรงลืมพวกเขาบ้าง แท้จริงบรรดามุนาฟิกนั้นพวกเขาคือผู้ละเมิด
68. อัลลอฮฺได้ทรงขู่ไว้แก่บรรดามุนาฟิกชาย และบรรดามุนาฟิกหญิง และผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลาย ซึ่งไฟนรกญะฮันนัมโดยที่พวกเขาจะอยู่ในนั้นตลอดกาล มันเป็นสิ่งที่พอเพียงแก่พวกเขาแล้ว และอัลลอฮฺ ก็ได้ทรงให้พวกเขาห่างไกลจากความเอ็นดูเมตตาของพระองค์ และสำหรับพวกเขานั้นคือ การลงโทษอันจีรังยั่งยืน
69. เช่นเดียวกับบรรดาผู้ที่ก่อนหน้าพวกเจ้า ซึ่งพวกเขาเป็นพวกที่มีกำลังแข็งแรงกว่าพวกเจ้า และมีทรัพย์สมบัติและลูก ๆ มากกว่าพวกเจ้า แล้วพวกเขาก็ได้หาความสำราญในสิ่งที่เป็นส่วนได้ของพวกเขา พวกเจ้าก็ได้หาความสำราญในสิ่งที่เป็นส่วนได้ของพวกเจ้า เช่นเดียวกับบรรดาผู้ทีก่อนหน้าพวกเจ้าได้หาความสำราญในสิ่งที่เป็นส่วนได้ของพวกเขามาแล้ว และพวกเจ้าพูดกันในสิ่งไร้สาระเช่นเดียวกับพวกเขาพูดคุยกัน ชนเหล่านี้แหละ บรรดาการงานของพวกเขาไร้ผล ทั้งในโลกนี้และปรโลก และชนเหล่านี้แหละพวกเขาคือผู้ขาดทุน


คำแปล R5.
๖๗. เหล่าชายมุนาฟิกก็ดีเหล่าหญิงมุนาฟิกก็ดี ต่างฝ่ายต่างมีศาสนาแห่งความกลับกลอกเป็นอย่างเดียวกัน และต่างชักชวนกันเป็นกาฟิร ใช้กันทำตแต่การชั่วและหักห้ามกันมิให้เป็นชนผู้ศรัทธาและเป็นผู้ประกอบการดี ทั้งพวกเหล่านั้นยังเหนียวแน่นในการจับจ่ายทรัพย์เพื่อสละไปในทางดี และได้ละเลยต่อการปฏิบัติตามใช้และงดเว้นซึ่งการห้ามของอัลเลาะห์ พระองค์จึงได้ละเลยที่จะทรงกรุณาต่อพวกเหล่านั้น และงดเว้นการคุ้มรักษาให้พวกเหล่านั้นพ้นจากการชั่วเลว แท้จริงพวกมุนาฟิกเหล่านั้นเป็นผู้มีบาปหนา เตรียมการเพื่อกระทำแต่ความชั่วและหันเหจากความภักดี
๖๘. อัลเลาะห์ได้ทรงสัญญาไว้แก่เหล่าชายมุนาฟิกเหล่หญิงมุนาฟิกและบรรดาที่ประกาศตัวเป็นกาฟิรด้วยนรกยะฮันนำโดยสถิตยั่งยืนอยู่ ณ ที่นั้นนิรันดร ไม่มีวันได้รับการปลดปล่อยและไม่ตาย นรกยะฮันนำนั่นแหละถึงจะเป็นค่าตอบแทนและผลแห่งโทษที่สาสมแก่พวกเหล่านั้น และอัลเลาะห์ได้ทรงหักเมตตาจิตพวกเหล่านั้น มิให้ได้รับซึ่งความโปรดปรานีจากพระองค์เสียแล้ว แล้วพวกเหล่านั้นย่อมได้รับโทษที่ยืนยง
๖๙. โอ้ปวงชนมุนาฟิก ก็พวกเจ้านั่นย่อมมีนัยปฏิบัติ ๓ อย่าง คือใช้กันทำแต่ชั่วหนึ่ง ห้ามกันกระทำการดีหนึ่ง และตระหนี่แหนียวแน่นต่อการเสียสละอีกหนึ่ง ซึ่งเปรียบได้กับปวงประชากรของพระศาสนทูตที่ล่วงลับไปแล้วก่อนพวกเจ้าซึ่งพวกประชากรเหล่านั้นมีความแกล้วกล้ากว่า มีทรัพย์สมบัติและลูกหลานมากกว่าพวกเจ้า พวกเหล่านั้นใฝ่หาแต่ความรื่นเริงอยู่กับส่วนโชคของตนในภพนี้ แล้วพวกเจ้าก็ใฝ่หาความรื่นเริงอยู่กับส่วนโชคของพวกเจ้าในภพนี้เหมือนดั่งบรรดาประชากรผู้ที่ล่วงลับไปแล้วก่อนจากพวกเจ้า ฝักใฝ่ความรื่นเริงอยู่กับส่วนโชคของเขาในพิภพนี้เช่นกัน ทั้งพวกเจ้าก็รนเข้าหาความหายนะและเที่ยวประณามพระศาสดามุฮำมัดเหมือนดังพวกที่ล่วงลับไปก่อนจากพวกเจ้าได้รนเข้าหาความหายนะและเที่ยวประณามพระศาสดาของตนกันมาแล้ว พวกมุนาฟิกเหล่านั้นแหละกิจปฏิบัติต่าง ๆ อันดีงามของพวกเขาย่อมสูญสลายทั้งในภาคภพนี้และภพหน้า และพวกมุนาฟิกเหล่านั้นก็คือพวกที่ขาดทุนในทางศาสนา


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺอัตเตาบะฮฺ อายะฮฺที่ 70 - 72


คำอ่าน
70. อะลัมยะอ์ติฮิม นะบะอุลละซีนะ มิน..ก็อบลิฮิม ก็อวมินูหิว..วะอาดิว..วะษะมูด วะก็อวมิอิบรอฮีมะ วะอัศหาบิมัดยะนะ วัลมุอ์ตะฟิกาต อะตัตฮุมรุสุลุฮุม บิลบัยยินาต ฟะมากานัลลอฮุ ลิยัซลิมะฮุม วะลากิน..กานู อัน..ฟุสะฮุมยัซลิมูน
71. วัลมุอ์มินูนะ วัลมุอ์มินาตุ บะอฺฎุฮุมเอาลิยา...อุบะอฺฎฺ ยะอ์มุรูนะบิลมะอฺรูฟิ วะยันเฮานะอะนิลมุน..กะริ วะยุกีมูนัศเศาะลาตะ วะยุอ์ตูนัซซะกาตะ วะยุฏีอูนัลลอฮะ วะเราะสูละฮฺ อุลา...อิกะสะยัรฺหะมุฮุมุลลอฮุ อิน..นัลลอฮะอะซีซุนหะกีม
72. วะอะดัลลอฮุลมุอ์มินีนะ วัลมุอ์มินาติ ญัน..นาติน..ตัจญรีมิน..ตะหฺติฮัลอันฮารุ คอลิดีนะฟีฮา วะมะสากินะก็อยยิบะตัน..ฟีญัน..นาติอัดนฺ วะริฏวานุม..มินัลลอฮิอักบัร ซาลิกะฮุวัลเฟาซุลอะซีม


คำแปล R1.
70. Has not the story reached them of those before them? - The people of Nuh (Noah), 'Ad, and Thamud, the people of Ibrahim (Abraham), the dwellers of Madyan (Midian) and the cities overthrown [i.e. the people to whom Lout (Lot) preached], to them came their Messengers with clear proofs. So it was not Allah who wronged them, but they used to wrong themselves.
71. The believers, men and women, are Auliya' (helpers, supporters, friends, protectors) of one another, they enjoin (on the people) [Al-Ma'ruf] (i.e. Islamic Monotheism and all that Islam orders one to do), and forbid (people) from [Al-Munkar] (i.e. polytheism and disbelief of all kinds, and all that Islam has forbidden); they perform [As-Salat] (Iqamat-as-Salat) and give the [Zakat], and obey Allah and his Messenger. Allah will have his Mercy on them. Surely Allah is All-Mighty, All-Wise.
72. Allah has promised to the believers -men and women, - Gardens under which rivers flow to dwell therein forever, and beautiful mansions in Gardens of ['Adn] (Eden Paradise). but the greatest bliss is the good pleasure of Allah. that is the supreme success.


คำแปล R2.
70. เรื่องราวของประชาชาติสมัยก่อนพวกเขา มิได้มาถึงพวกเขาดอกหรือ นั่นคือ (เรื่องราวของ)กลุ่มชน(นบี)นูหฺ, กลุ่มอาด, กลุ่มสะมูด, กลุ่มชนของอิบรอฮีม, ชาวมัดยัน และชาวเมืองที่พังทลายแล้ว(คือกลุ่มชนของนบีลู๊ฏ) พวกเหล่านั้นมีศาสนทูตต่าง ๆ มา (ประกาศศาสนา)สู่พวกเขา โดยนำสัญลักษณ์อันชัดแจ้งมา อันที่จริง อันที่จริงอัลเลาะฮฺมิทรงอธรรมต่อพวกเขาแต่พวกเขาอธรรมต่อตัวเอง
71. และบรรดาผู้ศรัทธาทั้งชายและหญิงต่างคนต่างก็เป็นมิตรของกันและกัน พวกเขาใช้แต่การดีและห้ามสิ่งต้องห้าม พวกเขาดำรงการละหมาดและบริจาคซะกาต พวกเขาภักดีอัลเลาะฮฺและศาสนทูตของพระองค์ พวกเหล่านั้นอัลเลาะฮฺจะทรงเมตตาเขาแน่นอน แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงอำนาจอีกทั้งทรงปรีชาญาณยิ่ง
72. อัลเลาะฮฺทรงสัญญาแก่บรรดาผู้ศรัทาทั้งชายและหญิง(ว่าจะประทาน)สวรรค์ซึ่งมีธารน้ำไหลอยู่ ณ เบื้องใต้ของมัน พวกเขาเข้าประจำอยู่ในนั้น และมีที่พำนักอันรื่นรมย์ในสวรรค์อันสถาพร และความพอพระทัยแห่งอัลเลาะฮฺย่อมยิ่งใหญ่นัก นั้นคือชัยชนะอันใหญ่หลวง


คำแปล R3.
70. เรื่องราวของบรรดาคนก่อนหน้าพวกเขามิได้มาถึงพวกเขากระนั้นหรือ นั่นคือเรื่องของหมู่ชนของนูฮฺ หมู่ชนชาวอ๊าด และษะมูด และหมู่ชนของอิบรอฮีมและชาวมัดยัน และชาวเมืองที่ถูกพลิกให้ล่มจม? รอซูลของพวกเขาได้มายังพวกเขาพร้อมกับหลักฐานอันชัดแจ้งแล้ว ดังนั้น มิใช่อัลลอฮฺดอกที่อยุติธรรมแก่พวกเขา แต่พวกเขาเองต่างหากที่อธรรมต่อตัวของพวกเขาเอง
71. ส่วนชายผู้ศรัทธาและหญิงผู้ศรัทธานั้นต่างเป็นมิตรต่อกัน พวกเขากำชับกันในสิ่งดีงามและห้ามปรามความชั่ว พวกเขาดำรงนมาซและจ่ายซะกาตและเชื่อฟังอัลลอฮิและรอซูลของพระองค์ พวกเขาเหล่านี้แหละที่อัลลอฮฺจะทรงประทานความเมตตาแก่พวกเขา แท้จริงอัลลอฮิเป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ
72. อัลลอฮฺได้ทรงสัญญาแก่ผู้ศรัทธาทั้งชายและหญิงด้วยสวนสวรรค์หลากหลายซึ่งเบื้องล่างของมันมีแม่น้ำหลายสายไหลผ่านและพวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้นตลอดไป ในสวนสวรรค์อันสถาพรนี้ จะมีที่พำนักอันสุขารมณ์สำหรับพวกเขา และเหนืออื่นใดพวกเขาจะได้รับความโปรดปรานจากอัลลอฮฺ นี่คือความสำเร็จอันยิ่งใหญ่


คำแปล R4.
70. มิได้มายังพวกเขาดอกหรือ ซึ่งข่าวคราวของบรรดาผู้ก่อนหน้าพวกเขา คือกลุ่มชนของนูฮ์ และของอ๊าด และของซะมูด และกลุ่มชนของอิบรอฮีม และชาวมัดยัน และชาวอัล-มุตะฟิกาต โดยที่บรรดาร่อซูลของพวกเขาได้นำหลักฐานต่าง ๆ อันชัดแจ้งมายังพวกเขา ใช่ว่าอัลลอฮ์นั้นจะอธรรมแก่พวกเขาก็หาไม่ แต่ทว่าพวกเขาอธรรมแก่ตัวของพวกเขาเองต่างหาก”
71. และบรรดามุมินชาย และบรรดามุมินหญิงนั้น บางส่วนของพวกเขาต่างเป็นผู้ช่วยเหลืออีกบางส่วน ซึ่งพวกเขาจะใช้ให้ปฏิบัติในสิ่งที่ชอบและห้ามปรามในสิ่งที่ไม่ชอบ และพวกเขาจะดำรงไว้ซึ่งการละหมาดและจ่ายซะกาต และภักดีต่ออัลลอฮฺ และรอซูลของพระองค์ชนเหล่านี้แหละ อัลลอฮฺจะทรงเอ็นดูเมตตาแก่พวกเขา แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาณ
72. อัลลอฮ์ได้ทรงสัญญาแก่บรรดามุมินชายและบรรดามุมินหญิง ซึ่งบรรดาสวนสวรรค์ ซึ่งมีแม่น้ำหลายสายไหลอยู่ภายใต้สวนสวรรค์เหล่านั้น โดยที่พวกเขาจะอยู่ในนั้นตลอดกาล และบรรดาสถานที่พำนักอันดีซึ่งอยู่ในบรรดาสวนสวรรค์แห่งความวัฒนาสถาพร และความปิติยินดี จากอัลลอฮ์นั้นใหญ่กว่านั่นคือ ชัยชนะอันใหญ่หลวง


คำแปล R5.
๗๐. ได้มีเรื่องราวของบรรดาที่ได้ล่วงลับไปแล้วก่อนจากพวกมุนาฟิกเหล่านั้น มีประชากรของนูห์ อ๊าด ประชากรของฮู๊ด ซะมู๊ด ประชากรของซอลืห์ ประชากรของอิบรอฮีม ตลอดทั้งชาวมัดยัน ประชากรของชุไอบ์ และประชากรของลู๊ต แห่งเมืองที่ปรักหักพังลงแล้วเป็นต้น มายังพวกมุนาฟิกเหล่านั้น ส่วนพระศาสนทูตของพวกเหล่านั้นมายังพวกเหล่านั้นแล้วพร้อมด้วยหลักฐานอันแจ้งชัด แต่พวกเหล่านั้นต่างก็หาว่าบรรดาพระศาสนทูตของพวกตนเป็นคนเท็จ พวกเหล่านั้นจึงถูกล้างชาติพันธุ์เสียเลย กล่าวคือประชากรของนูห์ถูกลงโทษจมน้ำตาย ประชากรของฮู๊ดถูกลงโทษมหาวาตภัย ประชากรของซอลิห์ถูกเสียงกัมปนาทจากฟ้า ประชากรของอิบรอฮีมถูกแมลงหวี่สูบเลือดตาย ฝ่ายประชากรของลู๊ตต้องตายเพราะฝนหินไฟ จากการยกแผ่นดินขึ้นพลิกหกกลับ อัลลอฮฺนั้นจะทรงไร้ความยุติธรรมต่อพวกเหล่านั้นโดยการลงโทษอย่างปราศจากบาปก็หามิได้ พวกเหล่านั้นเองต่างหากที่คดโกงตนเองในประการที่กระทำบาปนั้น
๗๑. ทั้งเหล่าชายผู้ศรัทธาและเหล่าหญิงผู้ศรัทธานั้น ต่างฝ่ายต่างก็สัมพันธ์กันในการร่วมนับถือศาสนาอิสลาม ต่างก็ใช้กันทำแต่การดีทั้งปวง และหักห้ามกันประกอบการชั่ว ทั้งพวกเหล่านั้นยังได้ดำรงละหมาดและจำหน่ายซะกาตให้แก่ผู้มีสิทธิ์ได้รับทั้ง ๘ จำพวกที่กล่าวแล้วในโองการที่ ๖๐ แห่งซูเราะฮฺนี้ และได้น้อมภักดีต่ออัลลอฮฺ ยอมประพฤติปฏิบัติตามใช้และงดเว้นการห้ามของพระองค์ในพระคัมภีร์อัล-กุรอาน และยอมประพฤติปฏิบัติตามใช้และงดเว้นการห้ามจากมุฮำมัดพระศาสนทูตของพระองค์ในอัลหะดีซ พวกเหล่านี้แหละที่อัลลอฮฺจะทรงเมตตาต่อพวกเขา แท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงเป็นองค์อิทธิฤทธิ์ยิ่งในการปกครองของพระองค์ ทรงประณีตยิ่งในกิจทั้งปวงของพระองค์ พระองค์นั้นจะทรงวางการแต่ละสิ่งละอย่างให้ตรงตามหน้าที่และตำแหน่งของมันเท่านั้น
๗๒. อัลเลาะห์ได้ทรงสัญญาไว้แก่เหล่าชายผู้ศรัทธาและเหล่าหญิงผู้ศรัทธาด้วยสวรรค์ ที่ข้างล่างนั้นมีลำน้ำหลายสายไหลผ่านโดยพวกเหล่านั้นสถิตยั่งยืนอยู่ ณ ที่นั้นชั่วนิรันดร โดยมิถูกขับออกและไม่ตาย ทั้งยังได้ทรงสัญญาไว้ด้วยสำนักอีกหลายแห่งที่สุดสวยสบอารมณ์ และสภาพความเป็นอยู่ของพวกเหล่านั้นอยู่ในสวรรค์ชั้นอัดน์ แต่ความยินดีแม้เพียงเล็กน้อยจากอัลลอฮฺนั้นยิ่งใหญ่กว่าสรวงสวรรค์ ความยินดีดังกล่าวนั่นแหละเป็นชัยชนะที่ใหญ่หลวง อันลาภผลแห่งภพดุนยานี้หาได้เป็นชัยชนะอย่างที่เหล่ามนุษย์คิดไว้ไม่


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺอัตเตาบะฮฺ อายะฮฺที่ 73 - 74


คำอ่าน
73. ยา..อัยยุฮัน..นะบียุ ญาฮิดิลกุฟฟาเราะ วัลมุนาฟิกีนะ วัฆลุซอะลัยฮิม วะมะอ์วาฮุมญะฮัน..นะมุ วะบิอ์สัลมะศีรฺ
74. ยะหฺลิฟูนะบิลลาฮิมากอลู วะละก็อดกอลูกะลิมะตัลกุฟริ วะกะฟะรูบะอฺดะอิสลามิฮิม วะฮัม..มูบิมาลัมยะนาลู วะมานะเกาะมู..อิลลา..อันอัฆนาฮุมุลลอฮุ วะเราะสูลุฮูมิน..ฟัฎลิฮฺ ฟะอี..ยะตูบูยะกุ ค็อยร็อลละฮุม วะอี..ยะตะวัลเลา ยุอัซซิบุฮุมุลลอฮุ อะซาบัน อะลีมัน..ฟิดดุนยาวัลอาคิเราะฮฺ วะมาละฮุมฟิลอัรฺฎิ มิว..วะลียิว..วะลานะศีรฺ


คำแปล R1.
73. O Prophet (Muhammad)! Strive hard against the disbelievers and the hypocrites, and be harsh against them, their abode is Hell, - and worst indeed is that destination.
74. They swear by Allah that they said nothing (bad), but really they said the word of disbelief, and they disbelieved after accepting Islam, and they resolved that (plot to murder Prophet Muhammad) which they were unable to carry out, and they could not find any Cause to do so except that Allah and his Messenger had enriched them of his Bounty. If then they repent, it will be better for them, but if they turn away, Allah will punish them with a painful torment In this worldly life and in the Hereafter. And there is none for them on earth as a [wali](supporter, protector) or a helper.


คำแปล R2.
73. โอ้ ศาสดา ! เจ้าจงต่อสู้กับพวกทรยศและบรรดาพวกสับปลับทั้งหลายและเจ้าจงตอบโต้รุนแรงแก่พวกเขา และที่อยู่ของพวกเขาคือนรกยะฮันนัม และมันเป็นที่คืนกลับอันสามานย์ยิ่ง
74. พวกเขาสาบานตนกับอัลเลาะฮฺในสิ่งที่พวกเขาได้กล่าวไว้ และแท้จริงพวกเขาได้กล่าวถ้อยคำทรยศ และพวกเขาได้ทรยศ ภายหลังจากพวกเขายอมสวามิภักดิ์ และพวกเขาครุ่นคิดในสิ่งที่พวกเขาไม่ประสบผล (นานคือการสังหารนบีมุฮัมมัด) และพวกเขามิได้ชิงชัง(สิ่งใดเลย)นอกจากอัลเลาะฮฺและศาสนทูตของพระองค์ ทรงประทานความมั่งคั่งแก่พวกเขาจากความโปรดปรานของพระอง (โดยพระองค์จะยังไม่ทำลายล้างพวกเขา) จนถ้าพวกเขาสารภาพผิด มันก็จะเป็นสิ่งดีที่สุดสำหรับพวกเขาเอง แต่ถ้าพวกเขาหันเห(ไม่ศรัทธา) อัลเลาะฮฺจะทรงลงโทษพวกเขาอย่างสาหัสที่สุด ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า และพวกเขาไม่มีผู้คุ้มครอง และไม่มีผู้ช่วยเหลือในแผ่นดิน


คำแปล R3.
73. นบีเอ๋ย จงต่อสู้พวกปฏิเสธและพวกมุนาฟิก และจงเฉียบขาดกับคนพวกนี้ ในบั้นปลายที่พักของพวกเขาคือนรก และมันเป็นที่พักอันต่ำช้าที่สุด
74. พวกเขาสาบานด้วยอัลลอฮฺว่าพวกเขาไม่ได้พูดสิ่งใด ทั้งที่ความจริงแล้วพวกเขากล่าวถ้อยคำแห่งการปฏิเสธ ดังนั้นพวกเขาจึงปฏิเสธหลังจากที่พวกเขาได้เข้ารับอิสลาม อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่อาจที่จะบรรลุถึงสิ่งที่พวกเขาได้ตั้งใจจะทำ พวกเขาไม่มีเหตุผลใดที่จะแค้นเคืองนอกไปจากว่าอัลลอฮิและรอซูลของพระองค์ได้ทำให้พวกเขามั่งคั่งขึ้น โดยความโปรดปรานของพระองค์ ถ้าหากในตอนนี้พวกเขาสำนึกผิดในความประพฤติอันชั่วร้ายของพวกเขามันก็จะเป็นการดีแก่พวกเขาเอง แต่ถ้าหากพวกเขาไม่สำนึกผิด อัลลอฮฺจะทรงลงโทษพวกเขาด้วยการลงโทษอันเจ็บปวดทั้งในโลกนี้และโลกหน้า และจะไม่มีใครบนโลกนี้ที่จะคุ้มครองและช่วยเหลือพวกเขา


คำแปล R4.
73. โอ้นะบี! จงต่อสู้บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาและบรรดาผู้กลับกลอกในการศรัทธา (มุนาฟิกีน) และจงเฉียบขาดแก่พวกเขาและที่อยู่ของพวกเขานั้นคือ นรกญะฮันนัม และที่กลับไปนั้น ชั่วช้าจริง ๆ
74. พวกเขาสาบานต่ออัลลอฮฺว่า พวกเขามิได้พูดและแท้จริงนั้น พวกเขาได้พูดซึ่งถ้อยคำแห่งการปฏิเสธศรัทธา และพวกเขาได้ปฏิเสธศรัทธาแล้ว หลังจากการเป็นมุสลิมของพวกเขาและพวกเขามุ่งกระทำในสิ่งที่พวกเขามิได้รับผลและพวกเขามิได้ปฏิเสธ และจงเกลียดจงชัง นอกจากว่า อัลลอฮฺ และรอซูลของพระองค์ได้ทรงให้พวกเขามั่งคั่งขึ้นจากความกรุณาของพระองค์ และหากพวกเขาสำนึกผิดกลับเนื้อกลับตัว ก็เป็นสิ่งดีแก่พวกเขา และหากพวกเขาผินหลังให้อัลลอฮฺก็จะทรงลงโทษพวกเขาอย่างเจ็บแสบทั้งในโลกนี้และปรโลก และพวกเขาไม่มีผู้คุ้มครองและผู้ช่วยเหลือใด ๆ ในผืนแผ่นดิน”


คำแปล R5.
๗๓. โอ้พระศาสดามุฮำมัด เจ้าจงทำศึกกับพวกกาฟิรด้วยดาบ และพวกมุนาฟิกีนด้วยคารม และหลักฐานเถิด อย่าได้ใช้ดาบทำศึกกับพวกมุนาฟิกเลย ทั้งนี้เพราะว่าพวกนี้ยังกล่าวคำสัจปฏิญาณทั้ง ๒ ( ๒ กลิมะห์ชะฮาดะห์)อยู่ และจงกวดขันพวกทั้งสองนั้นด้วย จะโดยข่มขู่ก็ได้ และโดยโกรธขึ้งบ้างก็ได้ สำหรับที่พำนักอาศัยของพวกทั้งสองนั้นก็คือนรกยะฮันนำ และนรกยะฮันนำนี้เป็นที่กลับไปสู่อันชั่วเลวนัก
๗๔. พวกมุนาฟิกเหล่านั้นสาบานโดยพระนามแห่งอัลเลาะห์ว่า พวกเขามิได้กล่าวคำด่าอะไรที่มาเข้าหูเจ้าเลย ข้าให้สัตย์ปฏิญาณว่า โดยแน่นอนพวกเหล่านั้นได้แสดงวาจานอกศรัทธาซึ่งถ้อยคำนี้กล่าวขึ้นโดนยัลล๊าซ บุตรสุไวด์ มีความกล่าวโดยประโยคว่า “ถ้ามุฮำมัดเป็นผู้สัจจริงตามที่เขาพูด พวกเราก็ต้องเลวกว่าลา” โดยพวกเหล่านั้นแสดงคำนอกศรัทธานี้ภายหลังจากพวกเขาแสดงความเป็นอิสลาม และพวกเหล่านั้นคบคิดการที่จะสังหารพระศาสดามุฮำมัดซึ่งพวกเขาจะคลาดผล แล้วที่สุดก็ตกลงเข้าทำการประหารท่านนบีขณะที่เดินทางกลับจากทำสงครามตะบู๊กผ่านทางขึ้นอะก็บะห์(สถานที่แห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ระหว่างตะบู๊กกับมดีนะห์) พวกมุนาฟิกกลุ่มนี้มีสิบสองคนเป็นชายฉกรรจ์ทั้งสิ้น ฝ่ายอัมมารบุตรยาซิรผู้จูงอูฐของพระนบีได้แร่เข้าตีแสกหน้าอูฐพาหนะของพวกนั้น ในขณะที่พวกนั้นเข้ากลุ้มรุมพระนบีกันอยู่ ครั้นแล้วพวกเหล่านั้นก็ถอยหนีไปหมดสิ้น พวกเหล่านั้นหาได้ปฏิเสธใดไม่นอกจากบุญคุณส่วนที่อัลเละห์และมุฮำมัดพระศาสนทูตของพระองค์ให้พวกนั้นได้มั่งคั่งด้วยทรัพย์เชลยโดยความโปรดปรานีของพระองค์ หลังจากที่พวกนั้นมีความต้องการอย่างแรงกล้าอยู่ก่อนจากพระศาสดามุฮำมัดเดินทางพลัดถิ่นไปยังนครมดีนะห์ ครั้นเมื่อพระศาสดามุฮำมัดเข้าสู่นครมดีนะห์แล้ว พวกนั้นก็ได้ร่ำรวยขึ้นด้วยทรัพย์เชลยและอิ่น ๆ ถ้าหากว่าพวกมุนาฟิกเหล่านั้นยอมสารภาพผิดเลิกจากความกลับกลอกแล้วหันมาเชื่อเจ้าแล้วไซร้ การสารภาพผิดนั้นก็ย่อมเป็นการดียิ่งสำหรับพวกเหล่านั้น มียัลล๊าซบุตรสไวด์ เป็นต้น เพราะแท้จริงตอนนี้เขา (ยัลล๊าซ) ได้สารภาพกลับใจออกจากความกลับกลอก และได้เข้าสู่ศาสนาอิสลามแล้วอย่างดีงาม แต่ถ้าพวกมุนาฟิกเหล่านั้นให้หลังเสียจากความเชื่อเจ้า ทั้งยังแสดงความไม่เชื่อเจ้าอย่างออกหน้า อัลเลาะห์จะทรงลงโทษพวกเหล่านั้นอย่างเจ็บแสบทั้งในภพนี้(ดุนยา) ด้วยให้ถูกฆ่าบ้าง และให้ตกเป็นเชลยบ้าง และในภพอาคิเราะห์(ปรภพ) ด้วยการให้เข้าสู่ขุมนรก และสำหรับพวกเหล่านี้ ณ หน้าแผ่นดินนั้น ย่อมไม่มีองค์พิทักษ์พวกเหล่านั้นให้พ้นจากการลงโทษ และองค์สงเคราะห์ คอยสกัดการถูกลงโทษของพวกเหล่านั้นเลย


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺอัตเตาบะฮฺ อายะฮฺที่ 75 - 77


คำอ่าน
75. วะมินฮุม..มันฮาฮะดัลลอฮะ ละอินอาตานามิน..ฟัฎลิฮี ละนัศศ็อดดะก็อน..นะ วะละนะกูนัน..นะมินัศศอลิหีน
76. ฟะลัม..มา..อาตาฮุม..มิน..ฟัฎลิฮี บะคิลูบิฮี วะตะวัลเลาวะฮุม..มุอฺริฎูน
77. ฟะอะอฺเกาะบะฮุม นิฟาก็อน..ฟีกุลูบิฮิม อิลาเยามิ ยัลก็อวนะฮู บิมา..อัคละฟุลลอฮะ มาวะอะดูฮุ วะบิมากานูยักซิบูน


คำแปล R1.
75. And of them are some who made a covenant with Allah (saying): "If He bestowed on us of his Bounty, we will verily, give [Sadaqah] (Zakat and voluntary charity In Allah's Cause) and will be certainly among those who are righteous.
76. Then when He gave them of his Bounty, they became niggardly [refused to pay the [Sadaqah] (Zakat or voluntary charity)], and turned away, averse.
77. So He punished them by putting hypocrisy into their hearts till the Day whereon they shall meet him, because they broke that (covenant with Allah) which they had promised him and because they used to tell lies.


คำแปล R2.
75. และบางส่วนของพวกเขา (พวกมุนาฟิก) มีผู้ให้สัญญาแก่อัลเลาะฮฺว่า “ขอสาบาน! หากพระองค์ทรงประทานแก่พวกเรา จากความโปรดปรานของพระองค์ แน่นอนพวกเราจะทำการบริจาค และพวกเราจะเป็นผู้หนึ่งในหมู่ผู้ประพฤติดี
76. แต่แล้วเมื่อพระองค์ทรงประทานแก่พวกเขาจากความโปรดปรานของพระองค์ พวกเขากับตระหนี่ในสิ่งนั้น และพวกเขาหันเห (ไม่ศรัทธาดังเดิม) และพวกเขาหันหลังให้ (โดยสิ้นเชิง)
77. ดังนั้น พระองค์จึงทำให้ผลสุดท้ายของพวกเขาเป็นการสับปลับในจิตใจของพวกเข จนถึงวันที่พวกเขาจะได้พบ(การตอบแทนของ)พระองค์ (คือในโลกหน้า) เป็นไปตามที่พวกเขาให้สัญญาต่อพระองค์ และเป็นไปตามที่พวกเขาได้กล่าวเท็จไว้


คำแปล R3.
75. และในหมู่พวกเขานั้นมีบางคนที่ทำสัญญากับอัลลอฮฺว่า “หากพระองค์ได้ทรงประทานความโปรดปรานของพระองค์ให้แก่เรา พวกเราก็จะบริจาคทานและจะเป็นผู้ดำเนินชีวิตที่ดีงาม”
76. แต่เมื่อพระองค์ได้ทำให้พวกเขามั่งคั่งขึ้นโดยความโปรดปรานของพระองค์ พวกเขากลับตระหนี่ยิ่งขึ้นและหันหลังให้สัญญาและไม่ใส่ใจต่อมัน
77. ดังนั้นผลของการที่พวกเขาได้บิดพลิ้วสัญญาที่พวกเขาได้ทำไว้กับพระองค์และการโกหกของพวกเขา พระองค์จึงได้ส่งความสับปลับลงไปในหัวใจของพวกเขาซึ่งจะติดตามพวกเขาไปจนกระทั่งถึงวันที่พวกเขาพบพระองค์

 
คำแปล R4.
75. และในหมู่พวกเขานั้นมีผู้ที่ได้สัญญาแก่อัลลอฮฺว่า ถ้าหากพระองค์ได้ทรงประทานแก่พวกเรา ซึ่งส่วนหนึ่งจากความกรุณาของพระองค์แล้วไซร้ แน่นอนเหลือเกิน พวกเราจะบริจาคทานและแน่นอนพวกเราจะได้เป็นผู้อยู่ในหมู่คนดี
76. ครั้นเมื่อพระองค์ได้ทรงประทานให้แก่พวกเขา ซึ่งส่วนหนึ่งจากความกรุณาของพระองค์พวกเขาก็ตระหนี่ในส่วนนั้นและได้ผินหลังให้ โดยที่พวกเขาเป็นผู้ผินหลังให้อยู่แล้ว
77. แล้วพระองค์ก็ทรงให้การกลับกลอกในหัวใจของพวกเขาเป็นผลลัพธ์แก่พวกเขา จนกระทั่งถึงวันที่พวกเขาจะพบพระองค์ เนื่องจากการที่พวกเขาบิดพริ้วต่ออัลลอฮฺ ในสิ่งที่พวกเขาให้สัญญาไว้แก่พระองค์ และเนื่องจากการที่พวกเขาปฏิเสธ

 
คำแปล R5.
๗๕. และส่วนหนึ่งจากพวกเหล่านั้นที่เป็นมุนาฟิก มีพวกหนึ่งเป็นผู้ให้สัญญาไว้กับอัลเลาะห์ พวกนี้ให้สัตย์ปฏิญาณว่า ถ้าพระองค์จะทรงอำนวยความปรานีจากพระองค์แก่พวกเราอย่างเหลือล้นแล้วพวกเราจะทำทานและจะเป็นส่วนหนึ่งจากบรรดาผู้ประพฤติชอบด้วยการกระทำให้ทรัพย์นั้นตกถึงมือวงศ์ญาติเป็นการต่อไมตรี และด้วยการเสียสละไปในศาสนาของอัลเลาะห์ ตลอดจนสละไปในกรอบแห่งความดีทั่วไป และจำหน่ายเป็นซะกาตแก่ผู้ประพฤติชอบทั้งหลายอีกด้วย แน่นอนทีเดียว โดยนัยที่ว่านี้ผู้ให้สัญญาก็คือซะละบะห์บุตรฮาติบ แม้ผู้นี้ในเบื้องแรกจะเป็นผู้ศรัทธาที่ผ่องแผ้วก็ตาม ต่อเมื่อภายหลังเขาได้กลายกับเป็นชนมุนาฟิกอีก ประวัติสังเขปต่อแต่นี้ไป ท่านบุฆีวีย์ได้ถ่ายเนื้อความมาจากท่านซะละบีย์และอบูอุมามะห์ อัลบาหิลีย์อีกทอดหนึ่ง เล่าว่า ซะละบะห์บุตรฮาติบมาเรียนยังพระนบีมุฮำมัดว่า โอ้พระศาสนทูตแห่งอัลเลาะห์ ขอท่านได้โปรดขอต่ออัลเลาะห์ให้ประทานลาบแก่ฉันด้วย เพื่อฉันจะจำหน่ายลาภนั้นแก่ผู้ที่ควรได้รับ ครั้นแล้วพระศาสดามุฮำมัด ซล. จึงขอวิงวอนต่ออัลเลาะห์ให้แก่เขา แต่แล้วเขามั่งมีขึ้นอย่างไพศาล ต่อมาเขาเป็นผู้ที่ขาดทำการละหมาดวันศุกร์และละหมาดชุมนุม(ยะมาอะห์) ๕ เวลา ทั้งงดเว้นการจำหน่ายทรัพย์เป็นซะกาต ดังอัลเลาะห์ได้ตรัสในโองการต่อไปนี้
๗๖. ครั้นเมื่อพระองค์ได้ประทานความปรานีจากพระองค์มายังพวกมุนาฟิกเหล่านั้นอย่างเหลือล้น พวกเหล่านั้นกลับเหนียวแน่นในความปรานีนั้น เพราะว่าพระนบีมุฮำมัดได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่การซะกาตไว้เพื่อทำหน้าที่เก็บรวบรวมซะกาต เป็นแพะบ้างและแกะบ้างจากซะละบะห์ ซะละบะห์ไม่ยอมจ่ายให้ เขาอ้างว่าซะกาตก็คือค่ารัชชูปการหรืออะไรทำนองนั้น ซึ่งค่ารัชชูปการนี้ผู้เป็นยะฮูดีและนัซรอนีเท่านั้นจะถูกเรียกเก็บ และพวกเหล่านั้นได้ให้หลังจากการภักดีต่อคำบัญชาใช้และข้อห้ามของอัลเลาะห์อย่างห่างเหิน จากคำสัญญาที่พวกตนให้ไว้
๗๗. พระองค์จึงให้พวกเหล่านั้นลงท้ายด้วยความกลับกลอกอยู่ภายในจิตใจจนถึงวันปรภพซึ่งพวกเหล่านั้นจะไปเผชิญกับการตัดสินของพระองค์ ฐานที่พวกเหล่านั้นขัดขืนอัลเลาะห์ตามที่ได้สัญญาไว้ต่อพระองค์และในฐานะที่พวกเหล่านั้นได้กล่าวเท็จในข้อสัญญานั้น ด้วย ต่อมาไม่ช้านาน ซะละบะห์บุตรฮาติบ ได้นำเอาทรัพย์ซะกาตของเขามาให้พระศาสดามุฮำมัด พระศาสดาสมุฮำมัดบอกแก่เขาว่า อัลเลาะห์ได้ทรงห้ามฉันมิให้รับเอาทรัพย์ซะกาตจากท่านเสียแล้ว ซะละบะห์ขัดเคืองมาก จึงกอบเอาฝุ่ยขยี้ลงที่ศีรษะของตัวเอง พอตกมาถึงสมัยอบูบักร์เป็นผู้นำ ซะละบะห์ก็นำซะกาตนั้นมายังอบูบักร์ อบูบักร์ไม่รับดังนี้เรื่อยไปจนถึงสมัยปกครองของอุมัรและอุสมาน ท่านทั้งสองนีร้ก็ไม่ยอมรับทรัพย์ซะกาตที่ซะละบะห์นำมาให้ ในที่สุดซะละบะห์ได้ตายลงในสมัยปกครองของอุสมาน


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺอัตเตาบะฮฺ อายะฮฺที่ 78 - 80


คำอ่าน
78. อะลัมยะอฺละมู..อัน..นัลลอฮะ ยะอฺละมุ สิรฺเราะฮุม วะนัจญวาฮุม วะอัน..นัลลอฮะ อัลลามุลฆุยูบ
79. อัลละซีนะยัลมิซุนัลมุฏฏ็อววิอีนะ มินัลมุอ์มินีนะ ฟิศเศาะดะกอติ วัลละซีนะลายะญิดูนะ อิลลาญุอฺดะฮุม ฟะยัสเคาะรูนะมินฮุม สะคิร็อลลอฮุมินฮุม วะละฮุมอะซาบุนอะลีม
80. อิสตัฆฟิรฺละฮุม เอาลาตัสตัฆฟิรฺละฮุม อิน..ตัสตัฆฟิรฺละฮุม สับอีนะมัรฺเราะตัน..ฟะลัย..ยัฆฟิร็อลลอฮุละฮุม ซาลิกะบิอัน..นะฮุม กะฟะรูบิลลาฮิ วะเราะสูลิฮฺ วัลลอฮุลายะฮฺดิลก็อวมัลฟาสิกีน


คำแปล R1.
78. Know they not that Allah know their secret ideas and their [Najwa] (secret counsels), and that Allah is the All-Knower of the unseen.
79. Those who defame such of the believers who give charity (in Allah's Cause) voluntarily, and those who could not find to give charity (in Allah's Cause) except what is available to them, so they mock at them (believers), Allah will throw back their mockery on them, and they shall have a painful torment.
80. Whether you (O Muhammad) ask forgiveness for them (hypocrites) or ask not forgiveness for them ... (and even) if you ask seventy times for their forgiveness ... Allah will not forgive them, because they have disbelieved in Allah and his Messenger (Muhammad). And Allah guides not those people who are Fasiqun (rebellious, disobedient to Allah).


คำแปล R2.
78. พวกเขาไม่รู้หรือว่า แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้ทั้งในสิ่งเร้นลับ(ที่พวกเขาซ่อนไว้ในจิตใจ) และการซุบซิบ(ประชุมวางแผนลับ ๆ )ของพวกเขา(ที่จะสังหารนบีมุฮำมัด) และแท้จริงอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้ยิ่งนัก ในความเร้นลับทั้งหลาย
79. (พวกมุนาฟิกีน) ซึ่งเป็นจำพวกที่ประณามบรรดาผู้สมัครใจในการทำทานจากบรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย และ(ประณาม)บรรดาผู้ซึ่งไม่มี(สิ่งใดที่จะทำการบริจาคได้) นอกจากเพียงที่พวกเขาสามารถ (ซึ่งเล็กน้อยเท่านั้น) และพวกเขาก็เยาะเย้ยพวกนั้น(ที่มีบริจาคเพียงเล็กน้อย) อัลเลาะฮฺ?รง(ตอบแทนการ)เยาะเย้ย(ของ)พวกเขา และพวกเขาย่อมได้รับการลงโทษอันสาหัสยิ่ง
80. (พวกมุนาฟิกีนเหล่านั้น) เจ้าจงขออภัยให้แก่พวกเขาเถิด หรือเจ้าจะไม่ขออภัยให้แก่พวกเขาก็ตาม หากเจ้าขออภัยให้แก่พวกเขาถึงเจ็ดสิบครั้ง อัลเลาะฮฺก็จะไม่ทรงอภัยแก่พวกเขา ทั้งนี้เป็นเพราะพวกเขาได้ทรยศต่ออัลเลาะฮฺและศาสนทูตของพระองค์ และอัลเลาะฮฺไม่ทรงชี้นำแก่กลุ่มชนที่ฝ่าฝืนทั้งปวง


คำแปล R3.
78. พวกเขาเหล่านี้ไม่รู้หรือว่าอัลลอฮฺทรงรู้แม้แต่ความลับของพวกเขาและการประชุมลับของพวกเขา และอัลลอฮฺทรงรู้ดีถึงทุกสิ่งที่ถูกซ่อนเร้น
79. (พระองค์ทรงรู้ดีถึงบรรดาผู้ตระหนี่) ที่ตำหนิการเสียสละทางการเงินของบรรดาผู้ศรัทธาที่อาสาช่วยด้วยความเต็มใจ และเยาะเย้ยบรรดาผู้ที่ไม่สามารถจะหาอะไรมาช่วย(ในหนทางของอัลลอฮฺได้) นอกจากสิ่งเล็กน้อยก็เป็นสิ่งจำเป็นของพวกเขา อัลลอฮฺทรงเยาะเย้ยบรรดาผูที่เยาะเย้ย และสำหรับคนพวกนี้คือการลงโทษอันเจ็บปวด
80. (โอ้ นบี) ไม่ว่าเจ้าจะขออภัยให้พวกเขาหรือไม่ก็ตาม(เพราะมันก็มีผลเท่ากัน)เพราะอัลลอฮฺจะไม่ทรงอภัยให้เขาถึงแม้เจ้าจะขออภัยให้พวกเขาถึงเจ็ดสิบครั้งก็ตาม นั่นเป็นเพราะพวกเขาปฏิเสธอัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์ และอัลลอฮฺไม่ทรงนำทางหมู่ชนผู้กระทำความผิด


คำแปล R4.
78. พวกเขามิได้รู้ดอกหรือว่า แท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงรู้ความเร้นลับของพวกเขา และการพูดซุบซิบของพวกเขา และแท้จริงอัลลอฮฺ เป็นผู้ทรงรอบรู้ในซึ่งสิ่งเร้นลับทั้งหลาย
79. พวกที่ตำหนิบรรดาผู้ที่สมัครใจจากหมู่ผู้ศรัทธาในการบริจาคทานและตำหนิผู้ที่ไม่พบสิ่งใด (จะบริจาค)นอกจากค่าแรงงานอันเล็กน้อยของพวกเขา แล้วเย้ยหยันพวกเขานั้น อัลลอฮฺได้ทรงเย้ยหยันพวกเขาแล้วและสำหรับพวกเขานั้น คือการลงโทษอันเจ็บแสบ
80. เจ้าจงขออภัยโทษให้แก่พวกเขาหรือไม่ก็จงอย่าขออภัยโทษให้แก่พวกเขาหากเจ้าขออภัยให้แก่พวกเขาเจ็ดสิบครั้ง อัลลอฮฺก็จะไม่ทรงอภัยให้แก่พวกเขาเป็นอันขาด นั่นก็เพราะว่าพวกเขาได้ปฏิเสธศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และรอซูล ของพระองค์ และอัลลอฮฺ จะไม่ทรงแนะนำกลุ่มชนที่ละเมิด”

 
คำแปล R5.
๗๘. พวกมุนาฟิกเหล่านั้นย่อมรู้อยู่แล้วว่าความจริงนั้นอัลเลาะห์ทรงรู้ถึงความไม่เชื่อที่ซ่อนเร้นเป็นความลับภายในจิตใจของพวกนั้น และถ้อยคำของพวกนั้นที่ประชุมจะฆ่าพระศาสดามุฮำมัดที่อะก็บะห์ ตลอดจนการหวงแหนซะกาตและเรื่องอื่น ๆ ของพวกนั้นที่ได้ประชุมกันเป็นความลับ แหละว่าแท้จริงอัลเลาะห์นั้นทรงเป็นองค์ตระหนักอย่างยิ่งในสิ่งเร้นลับจากสายตาของเหล่าข้าของพระองค์
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ บ่งกล่าวว่าในกาลครั้งหนึ่ง มีอยู่วันหนึ่งพระศาสดามุฮำมัดได้ประกาศสั่งสอนศาสนาแก่ปวงชน ว่าให้เร่งรีบสละทรัพย์เป็นทาน และกำชับมิให้ลืมเสียจากการนั้น ได้มีชายผู้หนึ่งน้อมตัวเข้ามาเพื่อการทำทานด้วยทรัพย์สินของตนเป็นอันมาก แต่พวกมุนาฟิกกลับหาว่าชายผู้นี้กระทำการโอ่อ่าเพื่อเอาหน้า ครั้นเมื่อชายอีกผู้หนึ่งเข้ามาสู่ที่นั้นด้วยการสละทานของตนด้วยอินทผลัมเพียงหนึ่งซออ์ (๔ ลิตรอาหรับ) พวกมุนาฟิกก็หาว่าทานของพวกท่านเพียงเท่านี้อัลเลาะห์ไม่ทรงปรารถนาหรอก จึงมีโองการประทานมาว่า
๗๙. บรรดาพวกมุนาฟิกที่ติเตียนพวกศรัทธา ผู้อาสาทำทาน ที่นอกจากซะกาตก็ดี และติเตียนบรรดาศรัทธาชนผู้มีทรัพย์เพียงที่มีอยู่นิดหน่อยแล้วทำทานไปแต่เพียงเล็กน้อย แล้วพวกมุนาฟิกเหล่านั้นก็ดูถูกผู้ศรัทธาผู้นี้ก็ดี อัลเลาะห์จะทรงสนองผลแห่งการติเตียนดังกล่าวแก่พวกมุนาฟิกเหล่านั้น และสำหรับพวก มุนาฟิกเหล่านั้นย่อมได้รับโทษทรมานอันเจ็บแสบ
๘๐. โอ้มุฮำมัดเจ้าจะอภัยโทษแก่พวกมุนาฟิกเหล่านั้น หรือเจ้าจะไม่อภัยโทษให้พวกเหล่านั้นก็ได้ พึงเลือกเอาเถิด ถ้าแม้นเจ้าจะขอยกโทษให้พวกเหล่านั้นถึงเจ็ดสิบหนหรือมากกว่านั้นอัลเลาะห์ก็จะไม่ทรงให้อภัยแก่พวกเหล่านั้นเลย ความสิ้นหวังที่จะได้รับอภัยโทษนี่แหละเป็นเพราะพวกมุนาฟิกเหล่านั้นมิได้ศรัทธาต่ออัลเลาะห์ และมุฮำมัดพระศาสนทูตของพระองค์ ฝ่ายอัลเลาะห์นั้นจะไม่ทรงชี้หนทางเที่ยงธรรมให้แก่เหล่ามุนาฟิกเลย



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺอัตเตาบะฮฺ อายะฮฺที่ 81 -83


คำอ่าน
81. ฟะริหัลมุค็อลละฟูนะ บิมักอะดิฮิม คิลาฟะเราะสูลิลลาฮิ วะกะริฮู..อัย..ยุญาฮิดู บิอัมวาลิฮิม วะอัน..ฟุสิฮิม ฟีสะบีลิลลาฮิ วะกอลูลาตัน..ฟิรูฟิลหัรฺ กุลนารุญะฮัน..นะมะ อะชัดดุหัรฺรอ เลากานูยัฟเกาะฮูน
82. ฟัลยัฎหะกู เกาะลีเลา..วัลยับกูกะษีรอ ญะซา..อัม..บิมากานูยักสิบูน
83. ฟะอิรฺเราะญะอะกัลลอฮุ อิลาฏอ...อิฟะติม..มินฮุม ฟัสตะอ์ซะนูกะ ลิลคุรูญิ ฟะกุลลัน..ตัคเราะญู มะอิยะ อะบะเดา..วะลัน..ตุกอติลูมะอิยะอะดูวา อิน..นะกุม เราะฎีตุม..บิลกุฮุดิ เอาวะละมัรฺเราะติน..ฟักอุดูมะอัลคอลิฟีน


คำแปล R1.
81. Those who stayed away (from Tabuk expedition) rejoiced in their staying behind the Messenger of Allah; they hated to strive and fight with their properties and their lives in the cause of Allah, and they said: "March not forth in the heat." say: "The Fire of Hell is more intense in heat", if only they could understand!
82. So let them laugh a little and (they will) cry much as a recompense of what they used to earn (by committing sins).
83. If Allah brings you back to a party of them (the hypocrites), and they ask your permission to go out (to fight), say: "Never shall you go out with me, nor fight an enemy with me; you agreed to sit inactive on the first occasion, then you sit (now) with those who lag behind.


คำแปล R2.
81. บรรดาพวกที่ถูกให้หลังกับที่อยู่ของพวกเขา(ไม่ยอมอกทำศึก) มีความสุขที่ได้ฝ่าฝืนศาสนทูตของอัลเลาะฮฺ และพวกเขารังเกียจที่จะทำการต่อสู้ด้วยทรัพย์สินและชีวิตของพวกเขาในทางของอัลเลาะฮฺและพวกเขากล่าว(ยุยงกันเอง)ว่า “ท่านทั้งหลายอย่าออก(ทำศึก)ท่ามกลางความร้อนเลย” จงประกาศเถิดว่า “อันไฟของนรกยะฮันนัมนั้นย่อมร้อนกว่า(มากมายนัก)” หากพวกเขามีความเข้าใจ
82. ดังนั้นพวกเขา(มุนาฟิกีน)จงหัวเราะแต่เพียงน้อยเถิด(ในโลกนี้) และจงร้องไห้อย่างมากมาย(ในโลกหน้า) เป็นการตอบแทนสิ่งที่พวกเขาได้พากเพียรไว้
83. แท้จริงหากอัลเลาะฮฺทรงให้เจ้ากลับ(จากการทำศึกที่ตะบู๊ก)มาสู่คนกลุ่มหนึ่งจากพวกเขา(ที่ไม่ยอมออกทำศึก)แล้วพวกเขาได้ขออนุญาตเจ้าเพื่อออก(ทำศึกในครั้งต่อไป) เจ้าก็จงกล่าว(แก่พวกนั้น)ว่า “พวกท่านจะไม่มีโอกาสได้ออกไป(ทำศึก) พร้อมกับฉันแล้วตลอดไป และพวกท่านจะไม่ได้ทำศึกร่วมกับฉันกับศัตรูใด ๆ ก็ตาม เพราะพวกท่านพอใจที่จะวางเฉยมาแต่ครั้งแรกแล้ว ดังนั้นพวกเจ้าก็จงวางเฉยร่วมกับบรรดาผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหลายเถิด”

 
คำแปล R3.
81. บรรดาผู้ได้รับอนุญาตให้อยู่ข้างหลังนั้นเบิกบานใจที่พวกเขาไม่ต้องออกไปกับรอซูลของอัลลอฮฺเพราะพวกเขาไม่ชอบที่จะญิฮาดในหนทางของอัลลอฮฺด้วยทรัพย์สินและชีวิตของพวกเขา พวกเขากล่าวกับผู้คนว่า “จงอย่าออกไปท่ามกลางความร้อนนี้เลย” จงบอกกับพวกเขาว่า “ไฟนรกนั้นร้อนแรงยิ่งกว่านี้” เผื่อว่าพวกเขาจะเข้าใจ
82. จงปล่อยให้พวกเขาหัวเราะแต่เล็กน้อยและร้องไห้ให้มาก เพราะการตอบแทนสิ่งที่พวกเขาได้ขวนขวายไว้ก็เป็นเช่นนั้น (ที่พวกเขาควรจะต้องร้องไห้)
83. ดังนั้นถ้าอัลลอฮฺทรงนำเจ้ากลับมาพบพวกเขาและพวกเขาจะขอเจ้าออกไปญิฮาดด้วย จงบอกพวกเขาว่า “ตอนนี้พวกท่านจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปกับฉันและไม่ให้ต่อสู้ศัตรูร่วมกับฉัน เพราะพวกท่านพอใจที่จะอยู่ข้างหลังมาตั้งแต่แรก ดังนั้นคราวนี้พวกท่านก็จงนั่งอยู่ที่บ้านร่วมกับบรรดาผู้ที่อยู่ข้างหลังเถอะ


คำแปล R4.
81. บรรรดาผู้ที่ถูกปล่อยให้อยู่เบื้องหลังนั้นดีใจในการที่พวกเขานั่งอยู่เบื้องหลัง ของรอซูลุลลอฮฺ และพวกเขาเกลียดในการที่พวกเขาจะต่อสู้ด้วยทรัพย์ของพวกเขา และชีวิตของพวกเขาในทางของอัลลอฮฺ และพวกเขากล่าวว่า ท่านทั้งหลายอย่าออกไปในความร้อนเลย จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า ไฟนรกญะฮัมนัมนั้นร้อนแรงยิ่งกว่าหากพวกเขาเข้าใจ
82. พวกเขาหัวเราะแต่น้อย และจงร้องไห้มาก ๆ เถิด ทั้งนี้เป็นการตอบแทนตามที่พวกเขาขวนขวายไว้
83. หากอัลลอฮฺทรงให้เจ้ากลับไปยังกลุ่มหนึ่งในหมู่พวกเขา แล้วพวกเขาจะขออนุมัติเจ้าเพื่อออกไป ก็จงกล่าวเถิดว่า พวกท่านจะไม่ออกไปกับฉันตลอดกาล และจะไม่ต่อสู้ร่วมกับฉันซึ่งศัตรูใด ๆ เป็นอันขาด แท้จริงพวกท่านพอใจต่อการนั่งอยู่แต่ครั้งแรกแล้ว ดังนั้น จะนั่งอยู่กับบรรดาผู้ที่อยู่เบื้องหลังต่อไปเถิด


คำแปล R5.
๘๑. พวกถูกหน่วงเหนี่ยวมิให้ออกทำศึกที่ตะบู๊กนั้น พอใจที่จะอยู่กันเฉย ๆ พร้อมกับครอบครัวและบุตรหลานของตน เป็นการขัดขืนต่อมุฮำมัดพระศาสนทูตของอัลเลาะห์ที่ต้องออกทำศึก แต่พวกตนมิต้องออกไปทำศึก พวกเหล่านั้นชิงชังที่พวกตนต้องทำศึกด้วยทรัพย์สินของตนและร่างกายของตนในวิถีทางของศาสนาของอัลเลาะห์ และพวกนั้นก็กล่าวแก่กันว่า พวกท่านอย่าเดินทัพไปทำศึกในฤดูร้อนเลย โอ้ มุฮำมัด เจ้าจงกล่าวเถิดแก่พวกเหล่านั้นว่า นรกยะฮันนำนั้นร้อนแรงยิ่งกว่าการทำศึกที่ตะบู๊กมากนัก แต่การที่ควรยิ่งนั้นก็คือพวกนั้นต้องเกรงกลัวนรกยะฮันนำด้วยการออกไปทำศึกที่ตะบู๊ก หากว่าพวกเหล่านั้นเข้าใจดีว่านรกยะฮันนำนั้นร้อนแรงยิ่งนัก และพวกเหล่านั้นก็จะไม่ชักช้าต่อการออกทำศึกที่ตะบู๊กเลย
๘๒. พวกมุนาฟิกเหล่านั้นจะดีใจและหัวเราะกันแต่เพียงเล็กน้อยที่ได้นั่งเฉยอยู่กับครอบครัวและบุตรหลานของตนในเวลาอันน้อยแห่งภาคภพนี้ แล้วก็จะเศร้าสลดและร้องไห้มากมายที่ต้องถูกให้เข้าสู่นรกยะฮันนำเป็นเวลายาวนานในภาคภพหน้าอันเป็นผลสนองให้ในฐานะที่พวกเหล่านั้นได้อุตสาหะกระทำกันไว้
๘๓. โอ้มุฮำมัด หากอัลเลาะห์ทรงให้เจ้ากลับจากการทำศึกที่ตะบู๊กไปยังชนพวกหนึ่งจากพวกเหล่านั้นที่ไม่ออกทำศึกที่ตะบู๊กซึ่งกำลังนั่งร่วมอยู่กับครอบครัวและลูกหลานของตนที่นครมดีนะฮฺแล้วไซร้พวกเหล่านั้นก็จะขออนุญาตต่อเจ้าเพื่ออกไปทำศึกร่วมกับเจ้าอีกครั้งหนึ่งเป็นแน่ โอ้มุฮำมัด เจ้าจงกล่าวเถิดแก่พวกเหล่านั้นว่า ก็พวกท่านไม่ได้ออกไปทำศึกร่วมกับฉันเสมอมาอยู่แล้ว และพวกท่านก็มิได้ฆ่าฟันศัตรูร่วมกับฉัน แท้จริงพวกท่านนั้นพอใจจะนั่งเฉยอยู่ร่วมกับครอบครัวและบุตรหลานของพวกท่านที่นครมดีนะห์มาแต่แรก ๆ แล้ว พวกท่านจงนั่งร่วมกับผู้ หญิง เด็ก ๆ และผู้ป่วยไข้อยู่เบื้องหลัง ณ นครมดีนะห์ ซึ่งมิได้ออกทำศึกกันต่อไปเถิด


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺอัตเตาบะฮฺ อายะฮฺที่ 84 - 85


คำอ่าน
84. วะลาตุศ็อลลิอะลา..อะหะดิม..มินฮุม..มาตะ อะบะเดา..วะลาตะกุมอะลาก็อบริฮฺ อิน..นะฮุมกะฟะรูบิลลาฮิ วะเราะสูลิฮี วะมาตูวะฮุมฟาสิกูน
85. วะลาตุอฺญิบกะ อัมวาลุฮุม วะเอาลาดุฮุม อิน..นะมายุรีดุลลอฮุ อัย..ยุอัซซิบะฮุม..บิฮา ฟิดดุนยา วะตัซฮะเกาะอัน..ฟุสุฮุม วะอุมกาฟิรูน


คำแปล R1.
84. And never (O Muhammad) pray (funeral prayer) for any of them (hypocrites) who dies, nor stand at his grave. Certainly they disbelieved in Allah and his Messenger, and died while they were [Fasiqun] (rebellious, - disobedient to Allah and his Messenger ).
85. And let not their wealth or their children amaze you. Allah's Plan is to punish them with these things in this world, and that their souls shall depart (die) while they are disbelievers.


คำแปล R2.
84. และเจ้าจงอย่าทำละหมาด(ยะนาซะฮฺ)ให้แก่บุคคลใด จากพวกนั้นที่ได้ตายลงตลอดไป และเจ้าอย่ายืนบนหลุมศพของเขา เพราะว่าพวกเขาได้ทรยศต่ออัลเลาะฮฺและศาสนทูตของพระองค์ และพวกเขาได้ตายลงโดยพวกเขาเป็นผู้ฝ่าฝืน
85. และจงอย่าให้ทรัพย์สินของพวกเขาและลูก ๆ ของพวกเขาทำความพิศวงศ์แก่เจ้า อันที่จริงอัลเลาะฮฺทรงประสงค์ที่จะลงโทษพวกเขาเพราะสิ่งเหล่านั้นในโลกนี้ และทรงให้วิญญาณของพวกเขาจากไปโดยพวกเขายังเป็นผู้ทรยศ


คำแปล R3.
84. และเจ้า (มุฮัมมัด) จงอย่านมาซให้แก่คนใดในหมู่พวกเขาที่ตายลง และจงอย่ายืนที่หลุมฝังศพของเข้าเพราะพวกเขาเป็นผู้ปฏิเสธอัลลอฮิและรอซูลของพระองค์ และพวกเขาตายในขณะที่เป็นผู้ฝ่าฝืน
85. และจงอย่าให้ทรนัพย์สมบัติและลูก ๆ ของพวกเขาหลอกลวงเจ้า เพราะอัลลอฮฺเพียงแต่ทรงปรารถนาที่จะลงโทษพวกเขาด้วยทรัพย์สินและลูก ๆ ที่พวกเขามีอยู่ในโลกนี้ และทรงให้ชีวิตของพวกเขาปลิดออกในขณะที่พวกเขายังเป็นผู้ปฏิเสธ


คำแปล R4.
84. และเจ้าจงอย่าละหมาดให้แก่คนใดในหมู่พวกเขาที่ตายไปเป็นอันขาด และจงอย่ายืนที่หลุมศพของเขาด้วย แท้จริงพวกเขานั้นได้ปฏิเสธศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และรอซูลของพระองค์ และพวกเขาได้ตายลง ขณะที่พวกเขาเป็นผู้ละเมิด
85. และจงอย่าให้ทรัพย์สมบัติของพวกเขาและลูก ๆ ของพวกเขา เป็นที่พึงใจแก่เจ้า แท้จริงอัลลอฮฺ ทรงต้องการที่จะลงโทษพวกเขาด้วยสิ่งเหล่านั้นในโลกนี้ และที่จะให้ชีวิตของพวกเขาออกจากร่างไป ขณะที่พวกเขาเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาเท่านั้น


คำแปล R5.
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ ลงมาในครั้งที่พระศาสดามุฮำมัดได้ละหมาดให้แก่ศพของอับดุลเลาะห์บุตรของอุย์บุตรสะลูล เดิมมีอยู่ว่า อับดุลเลาะห์ฯ ผู้นี้มีบุตรชายคนหนึ่งเป็นผู้ชอบธรรม ครั้นเมื่ออับดุลเลาะห์ได้ตายลง บุตรชายของเขาได้เชื้อเชิญพระศาสดามุฮำมัดให้ไปละหมาดศพผู้บิดา เพราะใจสมเพทและหวังว่าจะได้รับการอภัยจากพระนบีฯให้บิดาของตน พระนบีก็รับการเชื้อเชิญเป้นการเอาใจเพื่อนบ้านใกล้เคียง ทั้งยังได้ขอร้องให้พระนบีช่วยห่อศพบิดาของเขาด้วยเสื้อของพระนบีฯ ๆ ก็ยอมกระทำตามคำขอร้อง อัลเลาะห์จึงประทานโองการว่า
๘๔. โอ้มุฮำมัด เจ้าอย่าละหมาดแก่คนใดในพวกมุนาฟิกเหล่านั้น ซึ่งตายลงอีกเลยและจงอย่ายืนเหนือหลุมศพของผู้นั้นเพื่อการเยี่ยม และการฝัง เพราะแท้จริงพวกมุนาฟิกเหล่านั้นมิได้ศรัทธาต่ออัลเลาะห์และมุฮำมัดพระศาสนทูตของพระองค์ ทั้งยังได้ตายลงโดยที่เขาเป็นกาฟิรอีกด้วย
๘๕. และโอ้มุฮำมัด อย่าได้ให้ทรัพย์สินของพวกมุนาฟิกเหล่านั้นและลูกหลานของพวกเหล่านั้นยังความพอใจแก่เจ้าและให้เจ้าชื่นชอบเลย และเจ้าเองก็อย่าได้บอกว่าเจ้าพอใจเพราะว่าทรัพย์สินของพวกเหล่านั้นก็ดี และลูกหลานของพวกเหล่านั้นก้ดีย่อมเป็นเหตุทำให้พวกเหล่านั้นถูกลงโทษอย่างเลือดเย็น ความจริงอัลเลาะห์จะทรงลงโทษพวกเหล่านั้นในชีวิตแห่งภพนี้ด้วยเหตุทรัพย์สินและลูกหลานนี้เอง เพราะภาวะความมีทรัพย์สินและลูกหลานนั้นเป็นภาวะแห่งโทษ แปลว่าต้องเหน็ดเหนื่อย ต้องลำบากลำเค็ญในการจะได้มาซึ่งทั้งสองอย่างนั้น และเมื่อได้มันมาแล้วก็ต้องเหนื่อยอีกและลำบากอีกที่ต้องคอยคุ้มรักษาระแวดระวังสิ่งเหล่านั้น ทั้งจะเกิดความเศร้าสลดและเกิดความหวาดหวั่นเพิ่มมากขึ้นเมื่อสิ่งเหล่านั้นถึงกับวิบัติพินาศลง สภาพการณ์ที่พวกมุนาฟิกประสบอยู่นี้จึงมีส่วนทำให้พวกเขาไม่ได้รับกุศลกรรมในภายภาคหน้า โดยสรุปแล้วถือได้ว่า ทรัพย์สมบัติก็ดี บรรดาลูกหลานก็ดี เป็นภาวะแห่งการลงโทษพวกมุนาฟิกเองในชีวิตแห่งภพปัจจุบัน และชีวิตของพวกมุนาฟิกเหล่านั้นจะจากร่างไปอย่างผู้ไร้ศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันปรภพ และพระองค์จะทรงลงทํณฑ์พวกเหล่านั้นโดยโทษที่เจ็บแสบในวันปรภพ


 

GoogleTagged