ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 9 สูเราะฮฺอัตเตาบะฮฺ หรือสูเราะฮฺ บะรออะฮฺ  (อ่าน 10899 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺอัตเตาบะฮฺ อายะฮฺที่ 86 - 89


คำอ่าน
86. วะอิซา..อุน..ซิลัต สูเราะตุน อันอามินูบิลลาฮิ วะญาฮิดูมะอะเราะสูลิฮิสตะอฺซะนะกะ อุลุฏฏ็อวลิ มินฮุม วะกอลูซัรฺนา นกุม..มินัลกออิดีน
87. เราะฎู บิอัยยะกูนู มะอัลเคาะวาลิฟิ วะฏุบิอะอะลากุลูบิฮิม ฟะฮุมลายัฟเกาะฮูน
88. ลากินิรฺเราะสูลุ วัลละซีนะอามะนูมะอะฮู ญาฮะดู บิอัมวาลิฮิม วะอัน..ฟุสิฮิม วะอุลา...อิกะฮุมุลค็อยรอตุ วะอุลา..อิกะฮุมุลมุฟลิหูน
89. อะอัดดัลลอฮุละฮุม ญัน..นาติน..ตัจญรีมิน..ตะหฺติฮัลอันฮารุ คอลิดีนะฟีฮา ซาลิกัลเฟาซุลอะซีม


คำแปล R1.
86. And when a Surah (chapter from the Qur'an) is revealed, enjoining them to believe In Allah and to strive hard and fight along with his Messenger, the wealthy among them ask your leave to exempt them (from Jihad) and say, "Leave us (behind), we would be with those who sit (at home)."
87. They are content to be with those (the women) who sit behind (at home). Their hearts are sealed up (from all kinds of goodness and right guidance), so they understand not.
88. But the Messenger (Muhammad) and those who believed with him (in Islamic Monotheism) strove hard and fought with their wealth and their lives (in Allah's Cause). Such are they for whom are the good things, and it is they who will be successful.
89. For them Allah has got ready Gardens (Paradise) under which rivers flow, to dwell therein forever. That is the supreme success.


คำแปล R2.
86. และเมื่อมีบทหนึ่ง(จากอัลกุรอาน)ได้ถูกประทานลงมาให้ว่า “เจ้าทั้งหลายจงศรัทธากับอัลเลาะฮฺ และจงสู้ศึกร่วมกับศาสนทูตของพระองค์” บรรดาผู้มั่งคั่งจากพวกเขาก็ขออนุญาตต่อเจ้าโดยพวกเขากล่าวว่า “จงปล่อยพวกเราไว้เถิด(อย่าให้พวกเราออกทำศึกด้วยเลย) พวกเราจะได้อยู่ร่วมกับบรรดาผู้วางเฉยทั้งหลาย
87. พวกนั้นพอใจที่จะอยู่ร่วมกับบรรดาผู้อยู่เบื้องหลัง (ไม่ออกทำศึก เพราะมีเหตุขัดข้อง) และได้ถูกประทับ (ความมืดบอดลง) บนหัวใจของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เข้าใจ (สิ่งใด ๆ เลย)
88. แต่ศาสนทูตและบรรดาผู้ศรัทธาร่วมกับเขาได้ออกสู้ศึกทั้งด้วยทรัพย์สิน และชีวิตขิงพวกเขาและพวกเหล่านั้น จะประสบแต่ความดีต่าง ๆ (ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า) และพวกเหล่านั้นเป็นพวกที่สมหวังโดยแท้จริง
89. อัลเลาะฮฺได้เตรียมสรวงสวรรค์ไว้ให้พวกเขา ซึ่งมีธารน้ำหลายหลายไหลอยู่ ณ เบื้องใต้ของมัน พวกเขาเข้าประจำอยู่ในนั้นโดยนิรันดร นั่นเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่


คำแปล R3.
86. และเมื่อใดที่มีซูเราะฮฺหนึ่งถูกประทานลงมาว่า “จงศรัทธาในอัลลอฮฺและออกไปญิฮาดพร้อมกับรอซูลของพระองค์” เจ้าอาจจะได้เห็นว่า แม้แต่คนที่มีความสามารถในหมู่พวกเขาเริ่มที่จะหาข้อแก้ตัวต่อเจ้าเพื่อไม่ต้องออกไปญิฮาดดดยกล่าวว่า “กรุณาให้เราอยู่ข้างหลังกับบรรดาผู้ที่นั่งอยู่ที่บ้านเถอะ”
87. คนพวกนี้ชอบที่จะอยู่กับบรรดาผู้ที่อยู่ข้างหลัง และหัวใจของพวกเขาได้ถูกปิดไว้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เข้าใจอะไรทั้งสิ้น
88. แต่รอซูล และบรรดาผู้ศรัทธาร่วมกับเขาได้ทำการญิฮาดด้วยทรัพย์สินและชีวิตของพวกเขา ดังนั้น ตอนนี้ สิ่งดีงามทั้งปวงจึงเป็นของพวกเขา และพวกเขาเท่านั้นที่เป็นผู้ประสบความสำเร็จ
89. อัลลอฮฺได้ทรงเตรียมสวนสวรรค์ไว้ให้พวกเขาซึ่งภายใต้นั้นมีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน และพวกเขาจะได้พำนักอยู่ในนั้น นั่นคือความสำเร็จอันยิ่งใหญ่


คำแปล R4.
86. และเมื่อมีซูเราะฮฺหนึ่งซูเราะฮฺใด ถูกประทานลงมาว่า พวกเขาจงศรัทธาต่ออัลลอฮฺเถิด และจงต่อสู้ด้วยทรัพย์สมบัติและชีวิต ร่วมกับรอซูลของพระองค์ ผู้ที่มั่งคั่งในหมู่พวกเขา ก็ขออนุญาตต่อเจ้าและกล่าวว่า จงปล่อยพวกเราไว้เถิด พวกเราจะได้อยู่กับบรรดาผู้ที่นั่งอยู่กัน
87. พวกเขายินดีในการที่พวกเขาจะอยู่กับบรรดาผู้ที่อยู่เบื้องหลังและได้ถูกประทับตราไว้แล้วบนหัวใจของพวกเขาแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เข้าใจ
88. แต่ทว่ารอซูล และบรรดาผู้ที่ศรัทธาซึ่งร่วมอยู่กับท่านนั้น ได้ต่อสู้ด้วยทรัพย์สมบัติของพวกเขา และชีวิตของพวกเขา ชนเหล่านี้แหละสำหรับพวกเขานั้นจะได้รับความดีมากมาย และชนเหล่านี้แหละคือผู้ที่ได้รับความสำเร็จ
89. อัลลอฮฺได้ทรงเตรียมไว้แล้ว สำหรับพวกเขา ซึ่งบรรดาสวนสวรรค์ ที่มีแม่น้ำหลายสายไหลอยู่ภายใต้สวนสวรรค์เหล่านั้นโดยที่พวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล นั่นแหละคือชัยชนะอันใหญ่หลวง


คำแปล R5.
๘๖. และเมื่อได้มีบท(ซูเราะห์) หนึ่งหรือส่วนหนึ่งแห่งพระคัมภีร์อัล-กุรอานถูกประทานลงมาสั่งการว่า โอ้ปวงชนมุนาฟิก ให้พวกเจ้าศรัทธาโดยบริสุทธิ์ผ่องใสต่ออัลเลาะห์และให้บริสุทธิ์ผ่องใสในการออกทำศึกร่วมกับมุฮำมัดพระศาสนทูตของพระองค์ ผู้มีฐานะมั่นคงแห่งพวกเหล่านั้นก็จะขออนุญาตต่อเจ้าว่าโอ้มุฮำมัด ขอท่านจงยกเว้นพวกเรามิต้องออกทำศึกเถิด พวกเราจะได้อยู่ร่วมกับพวกอยู่เฉย ๆ ซึ่งเป็นผู้ไม่สามารถออกทำศึกได้
๘๗. พวกนั้นพอใจจะอยู่ร่วมกับเหล่าหญิงผู้อยู่เบื้องหลังเพื่อดูแลกิจการบ้านเรือนแทนสามีของเธอเหล่านั้น แต่หัวใจของพวกเหล่านั้นถูก อัลเลาะห์ผนึกปิดตายเหมือนดังถูกประทับตราไว้มิให้ความจริงเข้าสู่ดวงใจนั้นได้โดยที่พวกเหล่านั้นมิได้เข้าใจถึงความดีกันเลย
๘๘. แต่ทว่ามุฮำมัดพระศาสนทูตของอัลเลาะห์กับบรรดาชนผู้ศรัทธาร่วมกับเขา(มุฮำมัด)ด้วยนั้น ได้ทำศึกด้วยทรัพย์สินของตนและด้วยร่างกายของตน พวกเหล่านั้นแหละย่อมจะได้ความดีทั้งในภพนี้ด้วยได้รับความช่วยเหลือและทรัพย์เชลย และในภพหน้าด้วยได้รับสรวงสวรรค์และเกียรติยศ และก็พวกเหล่านั้นแหละเป็นพวกที่มีชัย ด้วยการได้รับสวรรค์เป็นเครื่องตอบแทน
๘๙. อัลเลาะห์ทรงเตรียมให้พวกเหล่านั้น มีมุฮำมัดและปวงชนมุอ์มิน ซึ่งทั้งสิ้นนี้ออกทำศึกสงครามด้วยทรัพย์สินและร่างกายของตน ได้รับสรวงสวรรค์ที่ข้างล่างนั้นมีลำน้ำหลายสายผ่านโดยพวกนั้นสถิตยั่งยืนอยู่ ณ ที่นั้นนิรันดร โดยไม่ถูกขับออกและไม่ตาย การได้รับความยกย่องอย่างมหาศาลนี้แหละเป็นชัยชนะที่ใหญ่หลวง


ออฟไลน์ Napat

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 201
  • "อย่าสิ้นหวังในความเมตตาของพระองค์"
  • Respect: +4
    • ดูรายละเอียด
 :salam:

ขอบคุณน่ะค่ะ คุณBangmud ที่เอาอายะอัลกรุอ่าน พร้อม ความหมาย มาให้ได้อ่านกัน
ทำให้อ่านไปได้ความหมายไปด้วย  myGreat: myGreat: myGreat:

เช้านี้ได้ตอนรับสิ่งดีดีด้วยการอ่านอัลกรุอ่าน  อัลฮัมดุลิ้ลลาฮฺ (ถึงแม้จะอ่านวันละนิด แต่ดีกว่าไม่ได้อ่านเลย hehe hehe)
ขออัลลอฮฺ ทรงตอบแทนน่ะค่ะ
แล้วจะแวะเวียน มาอ่านบ่อยๆ อินชาอัลลอฮฺ
// ณ. มุมหนึ่ง ปลายนา หลังคามุงจาก //«اتَّقِ اللَّهَ حَيْثُمَا كُنْتَ، وَأَتْبِعِ السَّيِّئَةَ الْحَسَنَةَ تَمْحُهَا، وَخَالِقِ النَّاسَ بِخُلُقٍ حَسَنٍ»

ความว่า “ท่านจงยำเกรงต่ออัลลอฮฺไม่ว่าท่านจะอยู่ ณ ที่ใดก็ตาม และจงตามหลังความชั่วด้วยการปฏิบัติความดีเพื่อลบล้างมัน(ความชั่ว) และจงคลุกคลีกับผู้คนทั้งหลายด้วยคุณลักษณะนิสัยที่ดีงาม”
บันทึกโดยอัตติรมิซีย์

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺอัตเตาบะฮฺ อายะฮฺที่ 90 - 93


คำอ่าน
90. วะญา..อัลมุอัซซิรูนะ มินัลอะอฺรอบิ ลิยุอ์ซะนะละฮุม วะเกาะอะดัลละซีนะ กะซะบุลลอฮะ วะเราะสูละฮฺ สะยุศีบุลละซีนะกะฟะรู มินฮุมอะซาบุนอะลีม
91. ลัยสะอะลัฎฎุอะฟา...อิ วะลาอะลัลมัรฺฎอ วะลาอะลัลละซีนะ ลายะญิดูนะ มายุน..ฟิกูนะ หะเราะญุน อิซานะเศาะหูลิลลาฮิ วะเราะสูลิฮฺ มาอะลัลมุหฺสินีนะ มิน..สะบีล วัลลอฮุเฆาะฟูรุรฺเราะหีม
92. วะลาอะลัลละซีนะ อิซามาอะเตากะ ลิตะหฺมิละฮุม กุลตะลา..อะญิดุ มา..อะหฺมิลุกุมอะลัยฮฺ ตะวัลเลาวะอะอฺยุนุฮุม ตะฟีฎุ มินัดดัมอิ หะซะนัน อัลลายะญิดู มายุน..ฟิกูน
93. อิน..นะมัสสะบีลุอะลัลละซีนะ ยัสตะอ์ซินูนะกะ วะฮุมอัฆนิยา...อุ เราะฎู บิอัย..ยะกูนู มะอัลเคาะวาลิฟิ วะเฏาะบะอัลลอฮุอะลากุลูบิฮิม ฟะฮุมลายะอฺละมูน


คำแปล R1.
90. And those who made excuses from the bedouins came (to you, O Prophet) asking your permission to exempt them (from the battle), and those who had lied to Allah and his Messenger sat at home (without asking the permission for it); a painful torment will seize those of them who disbelieve.
91. There is no blame on those who are weak or ill or who find no resources to spend [in Holy fighting (Jihad)], if they are sincere and true (in duty) to Allah and his Messenger. No ground (of complaint) can there be against the Muhsinun (good-doers - see the footnote of V.9:120). And Allah is Oft-Forgiving, Most Merciful.
92. Nor (is there blame) on those who came to you to be provided with mounts, and when you said: "I can find no mounts for you," they turned back, while their eyes overflowing with tears of grief that they could not find anything to spend (for Jihad).
93. The ground (of complaint) is only against those who are rich, and yet ask exemption . They are content to be with (the women) who sit behind (at home) and Allah has sealed up their hearts (from all kinds of goodness and right guidance) so that they know not (What they are losing).


คำแปล R2.
91. ย่อมไม่มีบาปใด ๆ แก่บรรดาผู้อ่อนแอ และผู้ป่วย และบรรดาผู้ไม่มีสิ่งที่ตนเองจะใช้จ่าย ในเมื่อเขามีเจตนาบริสุทธิ์ต่ออัลเลาะฮฺและศาสนทูตของพระองค์ ไม่มีหนทางใดสำหรับบรรดาผู้ทำความดีทั้งหลาย (ที่จะถูกตำหนิและประณาม) และอัลเลาะฮฺทรงให้อภัยอีกทั้งทรงเมตตายิ่ง
92. และไม่(มีบาปใด ๆ )แก่บรรดาผู้ซึ่งเมื่อพวกเขาได้มาหาเจ้า เพื่อ(ขอ)ให้เจ้ามอบพาหนะขี่แก่พวกเขา เจ้าก็กล่าวว่า “ฉันไม่มีพาหนะที่จะให้พวกท่านได้” พวกเขาก็หันกลับ โดยดวงตาของพวกเขาหลั่งไหลด้วยน้ำตา เพราะความโศกเศร้าที่พวกเขาไม่มีสิ่งที่พวกเขาพึงบริจาค(ในทางของอัลเลาะฮฺ)
93. อันที่จริงหนทาง(ที่จะตำหนิ)นั้น มีเฉพาะแก่บรรดาผู้ที่ขออนุญาตจากเจ้า(ไม่ออกทำศึก)ทั้ง ๆ ที่พวกเขามีฐานะมั่งคั่ง พวกเขาพอใจที่จะอยู่กับบรรดาผู้ที่อยู่เบื้องหลัง (ไม่ออกทำศึกเพราะมีเหตุขัดข้อง) และอัลเลาะฮฺทรงประทับ (ความมืดบอดลง)บนหัวใจของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ (อะไรเลย)


คำแปล R3.
90. และในหมู่อาหรับเร่ร่อน มีบางคนที่มาอ้างข้อแก้ตัวที่จะอยู่ข้างหลังด้วยเช่นกัน ดังนั้น พวกที่ทำสัญญาเท็จกับอัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์จึงได้อยู่ข้างหลังในไม่ช้านี้ พวกอาหรับเร่ร่อนที่ปฏิเสธ จะได้พบกับการลงโทษอันเจ็บปวด
91. ไม่มีข้อตำหนิใด ๆ ถ้าหากว่าคนอ่อนแอ คนป่วย และบรรดาผู้ที่ไม่สามารถจะจัดหาสิ่งใดเพื่อการญิฮาดจะอยู่ข้างหลัง ถ้าหากพวกเขายังจงรักภักดีอัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์ ไม่มีสาเหตุใดที่จะมาตำหนิคนทำดี และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัยและผู้ทรงเมตตาเสมอ
92. และก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะมาวิจารณ์คนที่มาหาเจ้าและขอให้เจ้าจัดหาพาหนะให้พวกเขาขี่ เพราะเมื่อเจ้าได้กล่าวแก่พวกเขาว่า “ฉันไม่สามารถที่จะหาพาหนะมาให้ท่านขี่ได้ พวกเขาก็กลับไปด้วยดวงตาที่เอ่อท้นด้วยน้ำตาแห่งความเศร้าโศกที่พวกเขาไม่สามารถหาปัจจัยสำหรับการออกไปญิฮาดด้วยตัวเองได้
93. อย่างไรก็ตาม ความประพฤติของบรรดาผู้มั่งคั่งและยังจะขอยกเว้นจากการญิฮาดนั้นเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ เนื่องจากคนเหล่านั้นเลือกที่จะอยู่ข้างหลังกับผู้หญิง อัลลอฮิจึงได้ผนึกหัวใจของพวกเขา ดังนั้น พวกเขาจึงไม่รู้อะไร (เกี่ยวกับผลที่พวกเขาจะได้รับในศาลของอัลลอฮฺ)


คำแปล R4.
90. และบรรดาผู้ที่แก้ตัวในหมู่อาหรับชนบทเหล่านั้นได้มาเพื่อจะได้ถูกอนุมัติให้แก่พวกเขาและบรรดาผู้ที่ปฏิเสธอัลลอฮฺ และรอซูลของพระองค์นั้นได้นั่งกันอยู่ การลงโทษอันเจ็บแสบจะประทานแก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาในหมู่พวกเขา
91. ไม่มีบาปใด ๆ แก่บรรดาผู้ที่อ่อนแอ และแก่ผู้ที่ป่วยไข้ และแก่บรรดาผู้ที่ไม่พบสิ่งที่จะบริจาค เมื่อพวกเขาได้แนะนำตักเตือนให้จงรักภักดีต่ออัลลอฮฺ และรอซูลของพระองค์ ไม่มีทางใดที่จะกล่าวโทษแก่บรรดาผู้กระทำดีได้และอัลลอฮฺนั้นคือผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเอ็นดูเมตตา
92. และไม่มีบาปใด ๆ แก่บรรดาผู้ที่เมื่อพวกเขามาหาเจ้าเพื่อให้เจ้าจัดให้พวกเขาขี่ เจ้าได้กล่าวว่า ฉันไม่พบพาหนะที่จะให้พวกท่านขี่บนมันได้ พวกเขาก็ผินหลังกลับโดยที่นัยน์ตาของพวกเขาท่วมท้วนไปด้วยน้ำตา เพราะเสียใจที่พวกเขาไม่พบสิ่งที่พวกเขาจะบริจาค
93. แท้จริงทางที่จะกล่าวโทษได้นั้น ก็เพียงแต่บรรดาผู้ที่อนุญาตต่อเจ้า ทั้ง ๆ ที่พวกเขาเป็นผู้มั่งมี ซึ่งยินดีที่จะอยู่ร่วมกับบรรดาผู้ที่อยู่เบื้องหลัง และอัลลอฮฺได้ทรงประทับตราบนหัวใจของพวกเขาแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้อะไร


คำแปล R5.
๙๐.แล้วพวกมุนาฟิกชาวป่าผู้แก้ตัวได้มายังพระนบีมุฮำมัด เพื่อพวกเขาจะได้รับอนุญาตให้อยู่ร่วมกับครอบครัวเพราะต่างคนต่างมีอุปสรรค แล้วพระนบีฯก็อนุญาตให้พวกชาวป่าเหล่านั้น บรรดาชนมุนาฟิกชาวป่าผู้เท็จต่ออัลเลาะห์และมุฮำมัดพระศาสนทูตของพระองค์ ในคำอ้างว่าพวกตัวมีศรัทธา โดยจะงดการมาอ้างแก้ตัวก็นั่งเฉยกัน โทษทัณฑ์อันเจ็บแสบย่อมจะประสบกับผู้เป็นกาฟิรฺบางคน แห่งพวกมุนาฟิกชาวป่านั้น
     เมื่ออัลเลาะห์ได้ทรงบรรยายเนื้อความที่เกี่ยวกับพวกมุนาฟิก ซึ่งฝ่าฝืนคำบัญชาให้ทำศึก และต่างคนต่างแก้ตัวกันด้วยอุปสรรคนานาว่าเป็นความเสื่อมเสีย พระองค์ก็ทรงบรรยายถึงพวกที่มีอุปสรรคที่แท้จริง ดังเนื้อความแห่งโองการว่า
๙๑. แก่ผู้อ่อนแอ มีคนชราเป็นอาทิ ผู้ป่วยไข้และบรรดาผู้ไม่มีทรัพย์สินใด ๆ จะเสียสละเพื่อการทำศึกนั้นจะเกิดโทษก็หามิได้ ในเมื่อเขาเหล่านั้นมุ่งการดีต่ออัลเลาะห์ และมุฮำมัดพระศาสนทูตของพระองค์อยู่ ณ มาตุภูมิของตน ต่างก็ช่วยกันระงับการแพร่สะพัดข่าวร้าย ทั้งพยายามก่อการดีให้เกิดมีขึ้นในครอบครัวของผู้ออกไปทำศึกสงคราม และช่วยกันจรรโลงหมู่บ้านของพวกนั้นให้เจริญมั่นคง ตลอดจนปลูกฝังศรัทธาที่บริสุทธิ์ให้เกิดมี ผู้อ่อนแอ ผู้ป่วยไข้ และผู้ยากไร้ที่ประพฤติชอบใด ๆ ตามที่กล่าว เพื่ออัลเลาะห์และพระศาสนทูตของพระองค์จึงไม่มีหนทางเกิดโทษได้ ฝ่ายอัลเลาะห์นั้นทรงเป็นองค์อภัยยิ่งแก่พวกเหล่านั้น ทรงปรานียิ่งต่อพวกเหล่านั้นในการขยายวงแห่งความปลอดจากบาปให้แผ่กว้างขึ้น
๙๒. ย่อมไม่มีทางเกิดโทษอีกแก่บรรดาชนซึ่งเมื่อได้มาหาเจ้า(มุฮำมัด) เพื่อให้เจ้ารับพวกเขาไปทำศึกที่ตะบู๊กร่วมกับเจ้าด้วย เจ้ากล่าว ฉันนี้ไม่มีทรัพย์สมบัติอันใดที่พอจะช่วยพวกท่านให้ออกศึกได้ พวกเหล่านั้นก็หันกลับกันทั้งน้ำตาที่รินหลั่ง เพราะความสลดใจที่พวกตนขาดทรัพย์ที่จะเสียสละเป็นส่วนตัว ในการทำศึกที่ตะบู๊ก
๙๓. จะมีทางอันพอเอาโทษได้ก็เฉพาะบรรดาผู้มาขออนุญาตต่อเจ้าให้ยกเว้นออกทำศึกสงครามที่ตะบู๊ก ทั้ง ๆ ที่เขาเหล่านั้นร่ำรวย ทั้งพอใจจะอยู่ร่วมกับเหล่าหญิงผู้อยู่เบื้องหลัง ณ นครมดีนะห์เพื่อดูแลกิจการบ้านเรือนแทนสามีของเธอเหล่านั้น หัวใจของพวกเหล่านั้นอัลเลาะห์ทรงผนึกปิดตายแล้ว เหมือนดังถูกประทับตาไว้มิให้ความดีเข้าสู่ดวงใจนั้นได้ โดยที่พวกเหล่านั้นมิได้รู้ถึงความดีนั้น ๆ เลย


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺอัตเตาบะฮฺ อายะฮฺที่ 94 - 96


คำอ่าน
94. ยะอฺตะซิรูนะอิลัยกุม อิซาเราะญะอฺตุมอลัยฮิม กุลลาตะอฺตะซิรู ลัน..นุอ์มินะละกุม ก็อดนับบะอะนัลลอฮุ มินอัคบาริกุม วะสะยะร็อลลอฮุอะละละกุม วะเราะสูลุฮู ษุม..มะตุร็อดดูนะ อิลาอาลิมิลฆ็อยบิ วัชชะฮาดะติ ฟะยุนับบิอุกุม..บิมากุน..ตุมตะอฺมะลูน
95. สะยะหฺลิฟูนะบิลลาฮิละกุม อิซัน..เกาะลับตุมอิลัยฮิม ลิตุอฺริฎูอันฮุม ฟะอะอฺริฎูอันฮุม อิน..นะฮุมริจญสู..วะมะอ์วาฮุมญะฮัน..นัม ญะซา...อัม..บิมากานูยักสิบูน
96. ยะหฺลิฟูนะละกุมลิตัรฺฎ็อวอันฮุม ฟะอิน..ตัรฺฎ็อวอันฮุม ฟะอิน..นัลลอฮะ ลายัรฺฎอ อะนิลก็อวมิลฟาสิกีน


คำแปล R1.
94. They (the hypocrites) will present their excuses to you (Muslims), when you return to them. Say (O Muhammad) "Present no excuses, we shall not believe you. Allah has already informed us of the news concerning you. Allah and his Messenger will observe your deeds. In the end you will be brought back to the All-Knower of the unseen and the seen, then He (Allah) will inform you of what you used to do." [Tafsir At-Tabari]
95. They will swear by Allah to You (Muslims) when you return to them, that you may turn away from them. So turn away from them. Surely, they are [Rijsun] [i.e. Najasun (impure) because of their evil deeds], and Hell is their dwelling place, - a recompense for that which they used to earn.
96. They (the hypocrites) swear to you (Muslims) that you may be pleased with them, but if you are pleased with them, certainly Allah is not pleased with the people who are [Al-Fasiqun] (rebellious, disobedient to Allah).


คำแปล R2.
94. พวกเขาได้มาขอแก้ตัวจากพวกเจ้า เมื่อพวกเจ้าได้กลับ(จากสงคราม) มาสู่พวกเขา จงประกาศเถิด “พวกท่านไม่ต้องแก้ตัวหรอก เราไม่เชื่อถือพวกท่าน เพราะความจริงอัลเลาะฮฺทรงแจ้งแก่พวกเราแล้วถึงข่าวของพวกท่าน (ว่าที่จริงนั้นพวกท่านไม่มีเหตุสุดวิสัยใด ๆ เลย นอกจากความสับปลับเท่านั้น) และอัลเลาะฮฺ และศาสนทูตของพระองค์ จะทรงมองเห็นผลงานของพวกท่าน หลังจากนั้นพวกท่านจะถูกคืนกลับสู่(อัลเลาะฮฺ) ผู้ทรงรอบรู้ความเร้นลับและความเปิดเผย และพระองค์จะทรงแจ้งให้พวกเจ้ารู้ถึงสิ่งที่พวกเจ้าได้เคยประพฤติไว้ (เพื่อทำความตัดสินไปตามความประพฤตินั้น)
95. พวกเขาจะสาบานตนต่ออัลเลาะฮฺต่อหน้าพวกเจ้าเมื่อพวกเจ้าได้กลับมาหาพวกเขา(จากสมรภูมิ)เพื่อพวกเจ้าจะได้หันเหจากพวกเขา (ไม่สนใจในความผิดที่พวกเขากระทำ) ดังนั้น เจ้าทั้งหลายจงหันออกจากพวกเขาเถิด เพราะแท้จริงพวกเขาเป็นสิ่งโสโครก (เนื่องจากความทรยศ) และที่อยู่ของพวกเขาคือนรกยะฮันนัม เป็นเครื่องตอบแทนไปตามสิ่งที่พวกเขาได้พากเพียรไว้
96. พวกเขาสาบานตนต่อพวกเจ้า เพื่อพวกเจ้าจะได้พอใจในพวกเขา ดังนั้นแม้พวกเจ้าพอใจในพวกเขาก็ตาม แต่อัลเลาะฮฺหาได้พอพระทัยในกลุ่มชนที่ฝ่าฝืนไม่
 
คำแปล R3.
94. เมื่อสูเจ้ากลับมายังพวกเขา พวกเขาจะขอโทษสูเจ้าและยกข้อแก้ตัวต่าง ๆ นานา แต่จงกล่าวแก่พวกเขาว่า “อย่ามาแก้ตัวเลย เราจะไม่เชื่อในสิ่งที่พวกท่านพูด เพราะอัลลอฮฺได้ทรงเปิดเผยความจริงทั้งหมดของพวกท่านให้แก่เราแล้ว ตอนนี้อัลลอฮฺและณอซุลของพระองค์จะทรงเฝ้าดูพฤติกรรมของพวกท่าน แล้วพวกท่านจะถูกนำกลับไปยังพระองค์ผู้ทรงรอบรู้สิ่งที่ถูกซ่อนเร้นและสิ่งที่เปิดเผย และพระองค์จะทรงบอกพวกท่านทุกอย่างที่พวกท่านได้ทำไว้
95. เมื่อสูเจ้ากลับมายังพวกเขา พวกเขาจะสาบานด้วยอัลลอฮฺต่อสูเจ้าเพื่อที่สูเจ้าจะได้หันห่างไกลออกไปจากพวกเขา ดังนั้นจงหันห่างออกไปจากพวกเขา เพราะพวกเขาโสมม และที่พำนักที่แท้จริงของพวกเขาก็คือนรกซึ่งเป็นสิ่งตอบแทนตามที่พวกเขาได้ขวนขวายไว้
96. หากพวกเขาจะสาบานต่อหน้าสูเจ้าเพื่อทำให้สูเจ้าพอใจ แต่ถึงแม้สูเจ้าจะพอใจกับการแก้ตัวของพวกเขาก็ตาม อัลลอฮฺก็มิทรงพอพระทัยข้ออ้างของหมู่ชนผู้ทำความชั่ว


คำแปล R4.
94. พวกเขา (ที่ไม่ออกไปสงครามตะบู๊ก) จะแก้ตัวแก่พวกท่าน เมื่อพวกท่านกลับมายังพวกเขาจงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) ว่า พวกท่านอย่าแก้ตัวเลยเราจะไม่เชื่อพวกท่านดอก แท้จริงอัลลอฮฺทรงแจ้งข่าวคราวของพวกท่านแก่เราแล้ว และอัลลอฮฺนั้นทรงเห็นการกระทำของพวกท่าน และรอซูลของพระองค์ก็เห็นด้วย แล้วพวกท่านก็จะถูกนำลับไปยังพระผู้ทรงรอบรู้แห่งสิ่งเร้นลับและสิ่งเปิดเผย แล้วพระองค์ก็จะทรงแจ้งแก่พวกท่านให้รู้ถึงสิ่งที่พวกท่านกระทำนั้น
95. พวกเขาจะสาบานต่ออัลเลอฮฺแก่พวกท่านเมื่อพวกท่านได้กลับมายังพวกเขา เพื่อให้พวกท่านยกโทษให้พวกเขา ดังนั้นพวกท่านจงผินหลังให้พวกเขาเถิด แท้จริงพวกเขานั้นชั่วร้าย และที่พำนักของพวกเขาคือนรก ทั้งนี้เป็นการตอบแทนในสิ่งที่พวกเขาขวนขวายไว้
96. พวกเขาจะสาบานแก่พวกท่าน เพื่อให้พวกท่านพอใจต่อพวกเขา แล้วหากพวกท่านพอใจต่อพวกเขา แท้จริงอัลลอฮฺนั้นจะไม่ทรงพอพระทัยต่อกลุ่มชนที่ละเมิดฝ่าฝืน

 
คำแปล R5.
๙๔. โอ้มุฮำมัดและปวงสาวกทั้งหลาย พวกมุนาฟิกเหล่านั้นจะแก้ตัวต่อเจ้า และเหล่าสาวกของเจ้า ในเรื่องที่อิดเอื้อนล่าช้าในการออกไปทำศึกที่ตะบู๊ก เมื่อพวกเจ้าได้กลับมาถึงพวกมุนาฟิกเหล่านั้นหลังจากที่ได้ทำศึกที่ตะบู๊กแล้ว โอ้มุฮำมัดเจ้าจงกล่าวแก่พวกมุนาฟิกเหล่านั้นเถิดว่าพวกเจ้าอย่าได้แก้ตัวให้พ้นความผิดเลย เราไม่เชื่อพวกเจ้าหรอก เพราะอัลเลาะห์ทรงบอกให้เรารู้ถึงเรื่องราวของพวกเจ้าซึ่งเป็นเท็จและเสมือนเท็จแล้ว ในไม่ช้าอัลเลาะห์และมุฮำมัดพระศาสนทูตของพระองค์ก็รู้ถึงการกระทำที่ชั่ว ๆ ของพวกเจ้าในภพนี้ ครั้นแล้วพวกเจ้าจะถูกบังเกิดขึ้นใหม่ในภพหน้าและคืนไปยังการสอบสวนของอัลเลาะห์พระผู้ทรงรู้ทั้งที่ลับและที่แจ้ง แล้วพระองค์จะทรงแจ้งให้พวกเจ้าทราบถึงการกระทำ และจะทรงตอบแทนผลแห่งการกระทำที่พวกเจ้ากระทำกันไว้นั้น
๙๕. โอ้มุฮำมัดและเหล่าสาวก ครั้นต่อมาอีกไม่นานพวกมุนาฟิกเหล่านั้นจะสบถสาบานโดยเปล่งพระนามแห่งอัลเลาะห์ต่อพวกเจ้า (มุฮำมัดและสาวก) ว่าพวกเขานั้นจะได้รับการอภัยในการไม่ออกทำศึก เมื่อพวกเจ้าเลิกทัพจากสมรภูมิตะบู๊กกลับมายังพวกมุนาฟิกเหล่านั้นแล้ว เพื่อพวกเจ้าจะได้เฉยเมยกับพวกนั้นโดยไม่ติเตียนว่ากล่าวอะไร พวกเจ้าจงออกห่างจากพวกมุนาฟิกเหล่านั้นให้ไกล และด้วยความขัดเคืองเถิด เพราะแท้จริงพวกเหล่านั้นมีหัวใจโสมมนัก และที่พำนักอาศัยของพวกนั้นก็คือนรกยะฮันนำเป็นค่าตอบแทนผลแห่งกรรมที่พวกเหล่านั้นอุตส่าห์กระทำไว้
๙๖. พวกมุนาฟิกเหล่านั้นจะสบถสาบานต่อพวกเจ้าอีก เพื่อให้พวกเจ้าพอใจในตน ฉะนั้นถ้าหากพวกเจ้าพอใจพวกมุนาฟิกเหล่านั้นก็จะไม่มีประโยชน์อันใด แท้จริงอัลเลาะห์จะไม่ทรงพอใจในเหล่าชนผู้บาปหนาเลย ฉะนั้น ความพอใจของพวกเจ้าในเมื่ออัลเลาะห์กริ้ว จึงไม่มีประโยชน์อันใดเลย


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺอัตเตาบะฮฺ อายะฮฺที่ 97 - 99


คำอ่าน
97. อัลอะอฺรอบุ อะชัดดุกุฟร็อว..วินิฟาก็อว..วะอัจญดะรุ อัลลายะอฺละมู หุดูดะมา..อัน..ซะลัลลอฮุอะลาเราะสูลิฮฺ วัลลอฮุอะลีมุนหะกีม
98. วะมินัลอะอฺรอบิ มัย..ยัตตะคิซุมายุน..ฟิกุ มัฆเราะเมา....วะยะตะร็อบบะศุ บิกุมุดดะวา...อิรฺ อะลัยฮิมดา..อิเราะตุสเสาอ์ วัลลอฮุสะมีอุนอะลีม
99. วะมินัลอะอฺรอบิ มัย..ยุอ์มินุบิลลาฮิ วัลเยามิลอาคิริ วะยัตตะคิซุมายุน..ฟิกุ กุรุบาติน อิน..ดัลลอฮิ วะเศาะละวาติรฺเราะสูล อะลา..อิน..นะฮา กุรฺบะตุลละฮุม สะยุดคิลุฮุมุลลอฮุ ฟีเราะหฺมะติฮฺ อิน..นัลลอฮะ เฆาะฟูรุรฺเราะหีม


คำแปล R1.
97. The bedouins are the worst in disbelief and hypocrisy, and more likely to be in ignorance of the limits (Allah's Commandments and his legal laws, etc.) which Allah has revealed to his Messenger. And Allah is All-Knower, All-Wise.
98. And of the bedouins there are some who look upon what they spend (in Allah's Cause) as a fine and watch for calamities for you, on them be the calamity of evil. And Allah is All-Hearer, All-Knower.
99. And of the bedouins there are some who believe in Allah and the Last day, and look upon what they spend in Allah's Cause as approaches to Allah, and a cause of receiving the Messenger's invocations. Indeed these (spendings in Allah's Cause) are an approach for them. Allah will admit them to his Mercy. Certainly Allah is Oft-Forgiving, Most Merciful.


คำแปล R2.
97. ชาวอาหรับเร่ร่อนนั้นมีความทรยศและความสับปลับรุนแรงที่สุด และบังควรยิ่งแล้ว(กับสภาพของพวกเขา)ที่พวกเขาไม่รู้หลักเกณฑ์ของสิ่งที่อัลเลาะฮฺได้ประทานลงมาให้แก่ศาสนทูตของพระองค์และอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้ยิ่ง อีกทั้งทรงปรีชาญาณยิ่ง
98. และพวกอาหรับเร่ร่อนบางคน(ที่เป็นพวกสับปลับ) คือผู้ที่ยึดถือในสิ่งที่พวกเขาใช้จ่าย(ไปในทางของอัลเลาะฮฺ)ว่าเป็นความล่มจม (วึ่งไม่ได้รับผลตอบแทนกลับมาแต่ประการใด ๆ ) และเขารอเหตุร้ายที่จะหมุนกับมาประสบแก่พวกเจ้า อันที่จริงพวกเขานั่นแหละจะประสบการหมุนกลับมาของเหตุร้าย และอัลเลาะฮฺทรงได้ยินอีกทั้งทรงรอบรู้ยิ่ง
99. และในพวกอาหรับเร่ร่อนนั้น มีผู้ที่ศรัทธามั่นในอัลเลาะฮฺ และวันสุดท้ายและเขาถือว่าสิ่งที่เขาใช้จ่ายไป(ในทางอัลเลาะฮฺ) เป็นการทำความใกล้ชิดต่ออัลเลาะฮฺและ (เป็นวิธีหนึ่งที่จะได้รับ)การขอพรของศาสนทูต พึงสังวร! แท้จริงมัน(การบริจาคนั้น) เป็นการทำความใกล้ชิดให้กับพวกเขา(กับอัลเลาะฮฺ)ซึ่งอัลเลาะฮฺจะทรงนำพวกเขาเข้าอยู่ภายในเมตตาธรรมของพระองค์ แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงให้อภัยอีกทั้งทรงเมตตายิ่ง


คำแปล R3.
97. พวกอาหรับเร่ร่อนเหล่านี้ดื้อรั้นที่สุดในการปฏิเสธและการกลับกลอด และไม่ยากที่จะรู้กฎเกณฑ์ที่อัลลอฮฺได้ทรงประทานลงมายังรอซูลของพระองค์ และอัลลฮฺเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ
98. และในหมู่อาหรับเร่ร่อนนั้นมีผู้ที่ถือว่าสิ่งที่พวกเขาบริจาคไปในหนทางนั้นเป็นเหมือนค่าปรับ และคอยหวังให้มีเหตุร้ายต่าง ๆ เกิดแก่สูเจ้า (ทั้งนี้เพื่อที่พวกเขาจะได้ล้มล้างการปกครองที่สูเจ้าได้กำหนดไว้แก่เขา) ในขณะที่พวกเขาเองถูกแวดล้อมไปด้วยความชั่วร้าย และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงได้ยินผู้ทรงรอบรู้
99. แต่ในหมู่อาหรับเร่ร่อนนี้ก็มีผู้ศรัทธาในอัลลอฮฺและวันสุดท้าย และถือว่าสิ่งที่พวกเขาบริจาคไปนั้นเป็นหนทางแห่งการเข้าใกล้อัลลอฮฺและการขอพรของท่านรอซูล แท้จริง นี่เป็นหนทางแห่งการนำพวกเขาเข้าใกล้อัลลอฮฺ และอัลลอฮฺจะทรงรับพวกเขาไว้ในความเมตตาของพระองค์ แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัยผู้ทรงเมตตาเสมอ


คำแปล R4.
97. บรรดาอาหรับชนบทนั้น เป็นพวกปฏิเสธศรัทธาและพวกกลับกลอกที่ร้ายกาจที่สุด และเป็นการสมควรยิ่งแล้ว ที่พวกเขาจะไม่รู้ขอบเขตในสิ่งที่อัลลอฮฺทรงประทานให้แก่รอซูลของพระองค์และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ
98. และในหมู่อาหรับชนบทนั้น มีผู้ถือเอาสิ่งที่ตนบริจาคไปเป็นค่าปรับ และถือว่าเป็นการขาดทุนและพวกเขารอคอยเหตุร้ายที่จะเกิดแก่พวกท่าน เหตุร้ายเหล่านั้นจงประสบแก่พวกเขาเขาเถิดและอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงได้ยินทรงรอบรู้
99. และในหมู่อาหรับชนบทนั้น มีผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันอาคิเราะฮฺ และถือเอาสิ่งที่ตนบริจาคไปนั้นเป็นการใกล้ชิดกับอัลลอฮฺ และเป็นการขอพรของรอซูล พึงรู้เถิดว่า แท้จริงมันเป็นการทำให้ใกล้ชิดแก่พวกเขา อัลลอฮฺจะทรงให้พวกเขาอยู่ในความเอ็นดูเมตตาของพระองค์ แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ทรงเอ็นดูเมตตาเสมอ


คำแปล R5.
๙๗. ชาวป่านั้นมีทั้งความไร้ศรัทธาอย่างสิ้นเชิงทั้งภายนอกและภายใน และความกลับกลอกร้ายกาจยิ่งกว่าชาวเมืองทั้งนี้เพราะชาวป่ามีนิสัยกระด้าง หัวใจแข็งและมีความเปรียว ไม่เข้าหน้าคณะปราชญ์และอยู่ห่างไกลเกินกว่าที่จะได้สดับฟังและรู้ถึงข้อบัญญัติใช้ และบัญญัติห้ามที่อัลเลาะห์ได้ประทานมายังมุฮำมัดพระศาสนทูตของพระองค์ กล่าวคือพวกชาวป่าเหล่านี้มิได้มีโอกาสมาสู่สังคมใกล้ชิดกับคณะปราชญ์ อัลเลาะห์นั้นทรงรู้ยิ่งถึงบรรดาข้าของพระองค์ ทรงประณีตยิ่งในกิจการทั้งปวงของพวกนั้น
๙๘. และส่วนหนึ่งจากชาวป่านั้นมีพวกบนูอะซัดและฆ๊อฎฟานเป็นผู้ถือเอาการเสียสละในหนทางแห่ง
อัลเลาะห์เป็นการชำระหนี้และขาดทุน เพราะเหตุว่าเขาไม่หวังในบุญกุศล แต่ที่ต้องเสียสละไปนั้นก็เพราะกลัวจะถูกฆ่าและถูกจับไปเป็นเชลย แล้วเขากับพวกเจ้าต่างจะเฝ้ามองดูภัยวิบัติอันจะมาประสบกับพวกเจ้า เพื่อเขาจะได้พ้นภาระการเสียสละ ขอให้การลงโทษและความสูญเสียตกแก่พวกเหล่านั้นมิใช่พวกเจ้า ฝ่ายอัลเลาะห์นั้นทรงได้ยินยิ่ง ซึ่งถ้อยคำของเหล่าข้าของพระองค์ ทรงรู้ยิ่งถึงการกระทำทั้งปวงของพวกนั้นด้วย
๙๙. และส่วนหนึ่งจากชาวป่านั้น ยังมียุไฮนะห์และมุไซนะห์เป็นต้น เป็นผู้ศรัทธาต่ออัลเลาะห์และวันปรภพถือเอาการเสียสละเป็นการเข้าชิดกับอัลเลาะห์โดยตำแหน่งและโดยเกียรติและเป็นสื่อสัมพันธ์ไปยังการอวยพรจากพระศาสนทูตให้แก่เขา พีงเข้าใจเถิด การเสียสละไปเช่นนี้ คือการเข้าชิดโดยตำแหน่งและโดยเกียรติสำหรับพวกนั้น ครั้นแล้วอัลเลาะห์ก็จะทรงให้พวกเหล่านั้นได้เข้าสู่สรวงสวรรค์ของพระองค์ แท้จริงอัลเลาะห์นั้น ทรงยิ่งในการอภัย ทรงยิ่งในความปรานีต่อผู้ที่ปฏิบัติตามใช้และงดเว้นจากข้อห้ามของพระองค์


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺอัตเตาบะฮฺ อายะฮฺที่ 100 - 102


คำอ่าน
100. วัสสาบิกูนัลเอาวะลูนะ มินัลมุฮาญิรีนะ วัลอัน..ศอริ วัลละซีนัตตะบอะอูฮุม..บิอิหฺสานิรฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุม วะเราะฎูอันฮุวะอะอัดดะละฮุมญัน..นาติน..ตัจญรีตะหฺตะฮัลอันฮารุ คอลิดีนะฟีฮา..อะบะดา ซาลิกัลเฟาซุลอะซีม
101. วะมิม..มันเหาละกุม..มินัลอะอฺรอบิ มุนาฟิกูนะ วะมินอะฮฺลิลมะดีนะฮฺ มะเราะดูอะลัน..นิฟาก ลาตะอฺละมุฮุม นะหฺนุนะอฺละมุฮุม สะนุอัซซุบุฮุม..มัรฺเราะตัยนิ ษุม..มะยุร็อดดูนะ อลาอะซาบินอะลีม
102. วะอาเคาระรู นะอฺตะเราะฟู บิซุนูบิฮิม เคาะละฏู อะมะลัน..ศอลิเหา..วะอาเคาระเราะสัยยิอา อะสัลลอฮุ อัย..ยะตูบะอะลัยฮิม อิน..นัลลอฮะเฆาะฟูรุรฺเราะหีม

 
คำแปล R1.
100. And the first to embrace Islam of the [Muhajirun] (those who migrated from Makkah to Al-Madinah) and the [Ansar] (the citizens of Al-Madinah who helped and gave aid to the [Muhajirun]) and also those who followed them exactly (in Faith). Allah is well-pleased with them as they are well-pleased with him. He has prepared for them Gardens under which rivers flow (Paradise), to dwell therein forever. That is the supreme success.
101. And among the bedouins round about you, some are hypocrites, and so are some among the people of Al-Madinah, they exaggerate and persist in hypocrisy, you (O Muhammad) know them not, we know them. We shall punish them twice, and thereafter they shall be brought back to a great (horrible) torment.
102. And (there are) others who have acknowledged their sins, they have mixed a deed that was righteous with another that was evil. Perhaps Allah will turn unto them in forgiveness. Surely, Allah is Oft-Forgiving, Most Merciful .


คำแปล R2.
100. และบรรดาพวกที่ล่วงหน้ามาก่อนเป็นรุ่นแรกจากมวลผู้อพยพและมวลผู้ให้การช่วยเหลือ และบรรดาผู้ติดตามพวกเขาด้วยความดีงาม แน่นอนอัลเลาะฮฺย่อมพอพระทัยต่อพวกเขา และพวกเขาก็พึงพอใจในพระองค์ และพระองค์ทรงเตรียมบรรดาสวรรค์ไว้แก่พวกเขาซึ่งมีธารน้ำหลากสายไหลอยู่ ณ เบื้องใต้ของมัน พวกเขาเข้าอยู่ในนั้นโดยตลอดไป นั้นเป็นรางวัลอันยิ่งใหญ่
101. และบางส่วนจากชาวอาหรับเร่ร่อนที่(ตั้งภูมิลำเนาอยู่)แวดล้อมพวกเจ้านั้น มีพวกสับปลับและบางส่วนจากชาวมะดีนะฮฺ(ก็มีพวกสับปลับด้วยเหมือนกัน) พวกเขาแข็งกร้าวบนความสับปลับ โดยเจ้าไม่รู้ซึ้งถึงพวกเขา (ว่ามีลักษณะอันเลวร้ายเช่นนั้น) แต่เรารู้ซึ้งถึงพวกเขา ซึ่งเราจะทำการลงโทษพวกเขาถึงสองครั้ง หลังจากนั้น พวกเขาจะถูกส่งกลับคืน ไปสู่การลงโทษอันมหันต์
102. และยังมีพวกอื่น ๆ อีกซึ่งยอมสารภาพในมวลบาปของพวกเขาเอง พวกเขาได้คละเคล้าการงานที่ดีกับการงานอีกอย่างที่เลวทราม หวังว่าอัลเลาะฮฺคงจะรับการสารภาพโทษของพวกเขา แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงให้อภัยอีกทั้งทรงเมตตายิ่ง


คำแปล R3.
100. อัลลอฮฺทรงยินดีกับบรรดาผู้อพยพและผู้ช่วยเหลือที่ตอบสนองต่อการเชิญชวนสู่ความศรัทธาตั้งแต่แรก และกับบรรดาผู้ที่ปฏิบัติตามพวกเขาในการทำความดีของพวกเขา และพวกเขาก็ยินดีกับ(สิ่งตอบแทนจาก)อัลลอฮฺด้วย พระองค์ทรงเตรียมสวนสวรรค์ซึ่งเบื้องล่างนั้นมีลำน้ำหลายสายไหลผ่านไว้ให้แก่พวกเขาแล้ว และพวกเขาจะได้เป็นผู้พำนักอยู่ในนั้นตราบกาลนาน และนี่คือความสำเร็จอันยิ่งใหญ่
101. และในหมู่ชาวอาหรับเร่ร่อนที่อยู่รอบ ๆ เจ้านั้นมีพวกมุนาฟิกอยู่หลายคน และในหมู่ชาวเมืองมะดีนะฮฺก็มีพวกมุนาฟิกอีกหลายคนที่เชี่ยวชาญในการกลับกลอก เจ้าไม่รู้จักพวกเขา แต่เรารู้จักพวกเขา เวลามาถึงแล้วที่เราจะลงโทษพวกเขาสองครั้ง หลังจากนั้นพวกเขาก็จะถูกหันไปสู่การลงโทษที่มหันต์ยิ่งกว่า
102. และมีพวกอื่น ๆ อีกบางคนที่ได้สารภาพความผิดบาปของพวกเขา พวกเขามีบันทึกแห่งการงานที่ดีและชั่วปะปนกัน มันอาจเป็นไปได้ที่อัลลอฮฺจะหันไปยังพวกเขาด้วยความปรานี เพราะอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ


คำแปล R4.
100. บรรดาบรรพชนรุ่นแรกในหมู่ผู้อพยพ(ชาวมุฮาญิรีนจากมักกะฮฺ) และในหมู่ผู้ให้ความช่วยเหลือ(ชาวอันศอรจากมะดีนะฮฺ) และบรรดาผู้ดำเนินตามพวกเขาด้วยการทำดีนั้น อัลลอฮฺทรงพอพระทัยในพวกเขา และพวกเขาก็พอใจในพระองค์ด้วย และพระองค์ทรงเตรียมไว้ให้พวกเขาแล้ว ซึ่งบรรดาสวนสวรรค์ที่มีแม่น้ำหลายสายไหลผ่านอยู่เบื้องล่างพวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล นั่นคือชัยชนะอันใหญ่หลวง
101. และส่วนหนึ่งจากผู้ที่พำนักอยู่รอบ ๆ พวกท่านที่เป็นอาหรับชนบทนั้น เป็นพวกกลับกลอก และในหมู่ชาวมะดีนะฮฺก็เช่นเดียวกัน พวกเขาเหล่านั้นดื้อรั้นในการกลับกลอก เจ้า(มุฮัมมัด) ไม่รู้จักธาตุแท้ของพวกเขาดอก เรา(อัลลอฮฺ) รู้จักพวกเขาดี เราจะลงโทษพวกเขาสองครั้ง แล้วพวกเขาจะถูกนำกลับไปสู่การลงโทษอันยิ่งใหญ่ต่อไป
102. และมีชนกลุ่มอื่นที่สารภาพความผิดของพวกเขา โดยที่พวกเขาประกอบกรรมดีปะปนไปกับงานที่ชั่ว หวังว่าอัลลอฮฺจะทรงอภัยโทษให้แก่พวกเขา แท้จริงอัลลอฮฺนั้นคือ ผู้ทรงอภัยโทษผู้ทรงเอ็นดูเมตตาเสมอ


คำแปล R5.
๑๐๐. และพวกที่ล่วงหน้าไปก็คือพวกแรกซึ่งมีทั้งผู้อพยพไปยังนครมดีนะห์ ชาวมดีนะห์ก็คือคณะอุปถัมภกแห่งเผ่าเอาซ์และเผ่าค๊อวรอจซึ่งได้เสียชีวิตในสมรภูมิบัดร์ ซึ่งเหล่านี้เป็นสาวกของพระศาสดามุฮำมัด และบรรดาผู้เจริญรอยตามพวกสาวกเหล่านั้นจนถึงวันกิยามะห์โดยความดีงามในการปฏิบัติชอบ ขอพระองค์อัลเลาะห์ทรงยินดีต่อพวกเหล่านั้นที่ได้ประพฤติปฏิบัติตามใช้และตามห้ามของพระองค์ และพวกเหล่านั้นเองก็จงยินดีต่อพระองค์ที่ทรงตอบแทนบุญกุศลให้ ทั้งขอให้พระองค์ทรงตระเตรียมสวรรค์ที่ภายใต้นั้นมีลำน้ำไหลผ่านไว้สำหรับพวกเหล่านั้น สถิตสถาพรอยู่ในนั้นชั่วนิจนิรันดรโดยไม่มีวีนจะถูกขับออกและไม่ตาย ความยินดีของพระองค์ก็ดีและการตระเตรียมให้พวกเหล่านั้นได้สรวงสวรรค์นั้นแหละคือความมีชัยที่ใหญ่หลวง
๑๐๑. และโอ้ชนชาวมดีนะห์ ส่วนหนึ่งจากชนชาวป่าที่ล้อมรอบพวกเจ้าอยู่นั้น ก็คือพวกมุนาฟิก เช่น อัสลัม อัชยะห์ และฆ๊อฟฟาร เป็นต้น และชนชาวมดีนะห์บางคนก็เป็นพวกมุนาฟิกเหมือนกัน พวกมดีนะห์เหล่านั้นยังยืนยงอยู่กับความกลับกลอก โอ้มุฮำมัด เจ้าไม่รู้ถึงสภาพแห่งความกลับกลอกของพวกนั้นหรอก เราย่อมรู้ดีในพวกเหล่านั้นว่าเป็นมุนาฟิก (ผู้กลับกลอก) เราจะลงโทษพวกเหล่านั้นสองสถาน คือจะแฉข้อตำหนิแห่งความกลับกลอกออกมา หรือจะต้องถูกฆ่าในภาคภพนี้ และจะถูกลงโทษในหลุมศพ แล้วพวกเหล่านั้นจะถูกนำคืนไปยังการลงทัณฑ์ที่ใหญ่หลวง
๑๐๒. และจากพวกที่อยู่ล้อมรอบนครมดีนะห์อีกพวกหนึ่งที่ต่างยอมสารภาพโทษของตนที่ไม่ออกศึกสงครามที่ตะบู๊กนั้น ได้ผสมผสานกันทำการชอบบ้างด้วยการออกไปทำศึกสงครามก่อนจากสงครามที่ตะบู๊ก หรือด้วยการสารภาพที่ไม่ออกไปทำศึกที่สมรภูมิตะบู๊ก หรือด้วยการแสดงความเสียใจที่ไม่ออกไปทำศึกที่ตะบู๊กและลางคนที่กระทำชั่วด้วยการไม่ออกไปทำศึกที่ตะบู๊กก็มี หวังใจว่าอัลเลาะห์อาจประทานอภัยโทษแก่พวกเหล่านั้นที่ไม่ยอมออกทำศึกสงครามที่ตะบู๊กก็ได้ ด้วยว่าอัลเลาะห์นั้น ทรงเป็นองค์ยิ่งในการอภัยโทษต่อพวกนั้น ทรงปรานียิ่งต่อพวกนั้นอีกด้วย


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺอัตเตาบะฮฺ อายะฮฺที่ 103 - 104


คำอ่าน
103. คุซมินอัมวาลิฮิม เศาะดะเกาะตัน..ตุเฏาะฮฺฮิรุฮุม วะตุซักกีฮิม..บิฮา วะศ็อลลิอะลัยฮิม อิน..นะเศาะลาตะกะสะกะนุลละฮุม วัลลอฮุสะมีอุนอะลีม
104. อะลัมยะอฺละมู..อัน..นัลลอฮะ ฮุวะยักบะลุตเตาบะตะ อันอิบาดิฮี วะยะอ์คุซุศเศาะดะกอติ วะอัน..นัลลอฮะฮุวัตเตาวาบุรฺเราะหีม

 
คำแปล R1.
103. Take [Sadaqah] (alms) from their wealth In order to purify them and sanctify them with it, and invoke Allah for them. Verily! Your invocations are a source of security for them, and Allah is All-Hearer, All-Knower.
104. Know they not that Allah accepts repentance from his slaves and takes the [Sadaqat] (alms, charities) and that Allah alone is the one who forgives and accepts repentance, Most Merciful?


คำแปล R2.
103. เจ้าจงเอาบางส่วนจากทรัพย์สินของพวกเขามาเป็นทาน(แจกจ่ายแก่ผู้ทรงสิทธิ์ต่าง ๆ ) ซึ่งเจ้าจะทำความสะอาดแก่พวกเขาและปลดเปลื้องพวกเขา ด้วยกับทานนั้น (ให้หมดสิ้นจากมลทินต่าง ๆ ) และเจ้าจงขอพรแก่พวกเขา แท้จริงการขอพรของเจ้านั้น จะทำความสงบมั่นแก่พวกเขาและอัลเลาะฮฺทรงไพศาล อีกทั้งทรงรอบรู้ยิ่ง
104. พวกเขาไม่รู้หรือว่า แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงรับการสารภาพผิดจากมวลข้าทาสของพระองค์ และทรงตอบสนองการบริจาคทั้งหลาย(ที่พวกเขาบริจาค) และแท้จริง อัลเลาะฮฺพระองค์ทรงเป็นผู้รับการสารภาพผิดยิ่งนัก อีกทั้งทรงเมตตายิ่ง


คำแปล R3.
103. (โอ้ นบี) จงรับเอาทานจากทรัพย์สมบัติของพวกเขาเพื่อที่เจ้าจะได้ชำระพวกเขาให้สะอาดและขัดเกลาพวกเขาโดยการบริจาคนั้น และจงวิงวอนขอพรให้แก่พวกเขา เพราะการวิงวอนขอพรของเจ้านั้นจะนำความสงบมายังพวกเขา และอัลลอฮฺทรงได้ยินทุกสิ่ง และทรงรอบรู้ทุกสิ่ง
104. พวกเขาไม่รู้ดอกหรือว่า อัลลอฮฺเท่านั้นที่ทรงรับการขออภัยจากปวงบ่าวของพระองค์และทรงรับการบริจาคของพวกเขา และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงให้อภัยผู้ทรงเมตตาเสมอ


คำแปล R4.
103. (มุฮัมมัด) เจ้าจงเอาส่วนหนึ่งจากทรัพย์สมบัติของพวกเขาเป็นทาน เพื่อทำให้พวกเขาบริสุทธิ์ และล้างมลทินของพวกเขาด้วยส่วนตัวที่เป็นทานนั้น และเจ้าจงขอพรให้แก่พวกเขาเถิด เพราะแท้จริงการขอพรของพวกเจ้านั้น ทำให้เกิดความสุขใจแก่พวกเขา และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้
104. พวกเขาไม่รู้ดอกหรือว่า แท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงรับการสำนึกผิดจากปวงบ่าวของพระองค์ และทรงรับบรรดาสิ่งที่เป็นทาน(ศ่อดะเกาะฮฺ) และแท้จริงอัลลอฮฺนั้นคือ ผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ


คำแปล R5.
   โองการที่กล่าวแล้วนี้ ลงมาในเรื่องของอบูลุบาบะห์กับคณะซึ่งได้เอาโซ่มาพันธนาการตัวเองติดกับเสามัสยิดเพราะพวกเหล่านั้นทราบว่ามีโองการนั้นลงมา พวกนั้นก็สาบานเลยว่า มิให้ผู้ใดแก้โซ่นั้นนอกจากนบีมุฮำมัด แล้วพระนบีจึงได้แก้โซ่นั้นออกในเมื่อโองการนั้นลงมา พวกนั้นกล่าวแก่พระนบีว่า ท่านจงเอาทรัพย์สมบัติของพวกเราซึ่งมันเป็นเหตุให้เรายับยั้งไม่ออกไปทำศึกที่ตะบู๊กไปทำทานเถิด แต่พระนบีก็บอกปัด อัลเลาะห์จึงทรงโองการต่อไปนี้ลงมาว่า
๑๐๓. โอ้มุฮำมัดเจ้าจงเอาทรัพย์เพียงหนึ่งในสามจากพวกนั้นไปเป็นทาน ซึ่งจะทำให้พวกนั้นสะอาดปราศจากบาป แล้วเจ้าก็จะทำให้พวกนั้นบริสุทธิ์ใจด้วยทานนั้น ครั้นแล้วพระศาสดามุฮำมัด ซ.ล. ก็ได้เอาทรัพย์ของพวกนั้นจำนวนหนึ่งในสามมาแจกจ่ายเป็นทาน และโอ้ มุฮำมัด เจ้าจงขอพรให้พวกนั้นด้วย แท้จริงการขอพรของเจ้านั้น เป็นที่มั่นใจสำหรับพวกนั้น ในการขอสารภาพโทษซึ่งอัลเลาะห์จะทรงตอบรับ อัลเลาะห์นั้น พระองค์ทรงได้ยินยิ่งซึ่งถ้อยคำของพวกเหล่านั้น ทรงรู้ยิ่งถึงบรรดาพฤติการณ์ของพวกเหล่านั้น
๑๐๔. พวกเหล่านั้นซึงขอสารภาพโทษ(เตาบะห์) ก็รู้อยู่แล้วมิใช่หรือว่า อัลเลาะห์ทรงรับรองซึ่งคำสารภาพโทษจากเหล่าข้าของพระองค์ และทรงตอบสนองการบริจาคทาน แหละว่าอัลเลาะห์นั้นคือองค์ทรงยิ่งในการรับซึ่งคำสารภาพโทษ ทรงปรานียิ่งต่อเหล่าข้าของพระองค์


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺอัตเตาบะฮฺ อายะฮฺที่ 105 - 108


คำอ่าน
105. วะกุลิอฺมะลู ฟะสะยะร็อลลอฮุ อะมะละกุม วะเราะสูลุฮู วัลมุอ์มินูฯ วะสะตุร็อดดูนะ อิลาอาลิมิลฆ็อยบิวัชชะฮาดะติ ฟะยุนับบิอุกุม..บืมากุน..ตุมตะอฺมะลูน
106. วะอาเคาะรูนะ มุรฺเญานะ ลิอัมริลลาฮิ อิม..มายุอัซซิบุฮุม วะอิม..มายะตูบุฮะลัยฮิม วัลลอฮุอะลีมุนหะกีม
107. วัลละซีนัตตะเคาะซู มัสญิดัน..ฎิรอร็อว..วะกุฟร็อว..วัตัฟรีก็อม..บัยนัลมุอ์มินีนะ วะอิรฺศอดัล ลิมันหาเราะบัลลอฮะ วะเราะสูละฮู มิน..ก็อบลฺ วะละยะหฺลิฟุน..นะ อินอะร็อดนา..อิลลัลหุสนา วัลลอฮุยัชฮะดุ อิน..นะฮุมละกาซิบูน
108. ลาตะกุม ฟีฮิ อะบะดา ละมัสญิดุน อุสสิสะ อะลัตตักวา มินเอาวะลิเยามิน อะหักกุ อัน..ตะกูมะฟีฮฺ ฟีฮิริญาลุย..ยุหิบบูนะ อัย..ยะตะเฏาะฮฺฮะรู วัลลอฮุยุหิบบุลมุฏเฏาะฮฺฮิรีน


คำแปล R1.
105. And say (O Muhammad) "Do deeds! Allah will see your deeds, and (so will) his Messenger and the believers. And you will be brought back to the All-Knower of the unseen and the seen. Then He will inform you of what you used to do."
106. And others Await Allah's Decree, whether He will punish them or will forgive them. And Allah is All-Knowing, All-Wise.
107. And as for those who put up a mosque by way of harming and disbelief, and to disunite the believers, and as an outpost for those who warred against Allah and his Messenger (Muhammad) aforetime, they will indeed swear that their intention is nothing but good. Allah bears witness that they are certainly liars.
108. Never stand you therein. Verily, the mosque whose foundation was laid from the first day on piety is more worthy that you stand therein (to pray). In it are men who love to clean and to purify themselves. And Allah loves those who make themselves clean and pure (i.e. who clean their private parts with dust [i.e. to be considered as soap) and water from urine and stools, after answering the call of nature].


คำแปล R2.
105. และเจ้าจงประกาศเถิด “พวกท่านทั้งหลายจงปฏิบัติตามคำบัญชาเถิด แล้วอัลเลาะฮฺและศาสนทูตของพระองค์ รวมทั้งบรรดาผู้มีศรัทธาจะมองเห็นการกระทำของพวกท่านเอง และพวกท่านจะถูกส่งกลับคืนสู่องค์ผู้ทรงรอบรู้สิ่งเร้นลับและสิ่งเปิดเผยแ และพระองค์แจะทรงแจ้งให้พวกเจ้ารู้ในสิ่งที่พวกเจ้าเคยปฏิบัติไว้
106. และยังมีพวกอื่นอีก (นอกเหนือจากผู้ที่ไม่ออกทำศึก) นั่นคือพวกที่ถูกประวิงไว้เพื่อ(รอ)คำบัญชอของอัลเลาะฮฺ ซึ่งบางทีพระองค์ทรงลงโทษพวกเขา และบางทีพระองค์ทรงรับการสารภาพผิดแก่พวกเขา และอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้ยิ่ง อีกทั้งทรงปรีชาญาณยิ่ง
107. และบรรดา (พวกมุนาฟิกีน)ผู้ก่อสร้างมัสยิดขึ้นเพื่อยังอันตราย(แก่อิสลามและสังคมมุสลิม) และเพื่อแสดงถึงความทรยศ(ของพวกเขาเอง) และเพื่อทำความแตกแยกให้เกิดขึ้นระหว่างบรรดาผู้ศรัทธา และเพื่อเป็นสถานที่ซ่องสุมแก่บุคคลที่ทำสงคราม กับอัลเลาะฮฺและศาสนทูตของพระองค์มาแต่เก่าก่อน และพวกเขา(ผู้สร้างมัสยิดดังกล่าว)และสาบานว่า “เรามิประสงค์(อันใดทั้งสิ้นในการสร้างมัสยิดนี้) นอกจากความดีงามเท่านั้น” แต่อัลเลาะฮฺทรงเป็นพยานว่า ที่จริงแล้วพวกเขาเป็นผู้มดเท็จ
108. เจ้าจงอย่าได้ยืน(ทำละหมาด)ในนั้นตลอดไป(เพราะ)ที่จริงแล้วมัสยิด(กุบาอ์ที่ฝ่ายมุสลิมสร้างไว้ก่อน) ซึ่งถูกก่อสร้างขึ้นบนความยำเกรงโดยแท้จริง นับแต่วันแรกนั้น เป็นที่บังควรทั้งสุดที่เจ้าจะยืน(ทำละหมาด)ในนั้น(เพียงมัสยิดเดียว) ในนั้นมีมวลบุรุษที่ชอบจะให้ตัวพวกเขาเองมีความสะอาด(ปราศจากมลทิน) และอัลเลาะฮฺทรงรักบรรดาผู้ทำความสะอาด(แก่ตัวเอง)


คำแปล R3.
105. (โอ้ นบี) จงบอกพวกเขาเถิดว่า: จงทำสิ่งที่พวกท่านอยากทำ อัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์และบรรดาผู้ศรัทธาจะเฝ้าดูการกระทำของพวกท่าน และพวกท่านจะกลับไปยังพระองค์ผู้ทรงรู้สรรพสิ่งที่ซ่อนเร้นและที่เปิดเผย แล้วพระองค์จะทรงแจ้งพวกท่านทุกอย่างที่พวกท่านได้ทำไว้
106. และยังมีคนอื่น ๆ อีกบางคนที่ยังคอยการตัดสินใจของอัลลอฮฺ พระองค์อาจจะลงโทษพวกเขาหรือหันกลับไปยังพวกเขาอีกครั้งหนึ่งด้วยความปรานีก็ได้ และอัลลอฮฺทรงรอบรู้ทุกสรรพสิ่งและทรงปรีชาญาณยิ่ง
107. มีคนอีกพวกหนึ่งที่สร้างมัสญิดขึ้นเพื่อที่จะทำร้ายภารกิจอันดีงามและเพื่อแสดงความไม่ศรัทธา(แทนที่จะใช้เคารพภักดีอัลลอฮฺ) และเพื่อก่อความแตกแยกขึ้นในหมู่ผู้ศรัทธา และใช้ (สถานที่เคารพภักดี) แห่งนี้เป็นที่แอบซุ่มสำหรับคนที่ก่อนหน้านี้ได้ทำสงครามกับอัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์ พวกเขาจะสาบานอย่างแข็งขันและกล่าวว่า “เรามิได้ปรารถนาสิ่งใดนอกไปจากความดี” แต่อัลลอฮฺทรงเป็นพยานว่าพวกเขาเป็นผู้โกหกสิ้นดี
108. เจ้าจงอย่ายืนในที่แห่งนั้นเป็นอันขาด มัสญิดที่ถูกวางรากฐานอยู่บนความยำเกรงต่อพระเจ้าตั้งแต่วันแรกนั้นเป็นที่ที่เหมาะสมกว่าที่เจ้าจะยืนในนั้น (เพื่อนมาซ) เพราะในนั้นมีผู้ที่รักจะชำระตนเองให้สะอาด และอัลลอฮฺทรงรักผู้ชำระตัวเองให้สะอาดบริสุทธิ์


คำแปล R4.
105. จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) ว่า “พวกท่านจงทำงานเถิด แล้วอัลลอฮฺจะทรงเห็นการงานของพวกท่าน และรอซูลของพระองค์และบรรดามุอ์มินก็จะเห็นด้วย และพวกท่านจะถูกนำกลับไปยังพระผู้ทรงรอบร็ในสิ่งเร้นลับและสิ่งเปิดเผยแล้วพระองค์จะทรงแจ้งแก่พวกท่าน ในสิ่งที่พวกท่านทำไว้”
106. และมีชนอีกกลุ่มหนึ่ง( ที่ยังรอคำบัญชาของอัลลอฮฺ พระองค์อาจจะทรงลงโทษพวกเขาและพระองค์ก็อาจจะทรงอภัยโทษให้แก่พวกเขาและอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ
107. และบรรดาผู้ที่ยึดเอามัสยิดหลังหนึ่งเพื่อก่อให้เกิดความเดือดร้อนและปฏิเสธศรัทธาและก่อให้เกิดการแตกแยกระหว่างบรรดามุอ์มินด้วยกัน และเป็นแหล่งส้องสุมสำหรับผู้ที่ทำสงครามต่อต้านอัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์มาก่อนและแน่นอนพวกเขาจะสาบานว่า เราไม่มีเจตนาอื่นใดนอกจากที่ดี และอัลลอฮฺนั้นทรงเป็นพยานยืนยันว่า แท้จริงพวกเขานั้นเป็นพวกกล่าวเท็จอย่างแน่นอน
108. เจ้าอย่าไปร่วมยืนละหมาดในมัสยิดนั้นเป็นอันขาด แน่นอน มัสยิดที่ถูกวางรากฐานบนความยำเกรงตั้งแต่วันแรกนั้นสมควรอย่างยิ่งที่เจ้าจะเข้าไปยืนละหมาดในนั้น เพราะในมัสยิดนั้นมีคณะบุคคลที่ชอบจะชำระตัวให้บริสุทธิ์ และอัลลอฮ์นั้นทรงรักบรรดาผู้ที่ชำระตัวให้สะอาดบริสุทธิ์อยู่เสมอ


คำแปล R5.
๑๐๕. และโอ้มุฮำมัด จงกล่าวแก่มวลมนุษย์ว่า พวกเจ้าจงปฏิบัติไปเถิดจะดีหรือชั่วก็สุดแต่พวกเจ้า แล้วในกาลต่อไปอัลเลาะห์และพระศาสนทูตของพระองค์ ตลอดจนพวกมุอ์มินจะได้แลเห็นการกระทำของพวกเจ้า แล้วพระองค์จะทรงตอบแทนผลกรรมของพวกเจ้าและจากฝ่ายมุฮำมัดพระศาสนทูตของพระองค์กับชนผู้ศรัทธาจะชมเชยและกล่าวคำอวยพรให้เจ้าอีกด้วย และพวกเจ้าจะถูกส่งกลับโดยการให้เกิดใหม่ในภพหน้าแล้วไปสู่การสอบสวนของอัลเลาะห์พระผู้ทรงรู้ทั้งที่ลับและที่แจ้ง แล้วพระองค์จะทรงแจ้งให้พวกเจ้าทราบถึงการกระทำ และจะทรงตอบแทนผลแห่งการกระทำที่พวกเจ้ากระทำกันไว้
๑๐๖. อีกส่วนหนึ่งจากพวกที่ไม่ยอมออกศึกที่ตะบู๊ก ซึ่งถูกประวิงไว้ให้ช้าต่อการขอสารภาพโทษ (เตาบะห์) ตามพระประสงค์ของอัลเลาะห์นั้น บางทีพระองค์ทรงลงโทษพวกนั้นให้ตายนลงเสียก่อนจะกลับใจก็ได้ และบางทีพระองค์ก็ทรงสนองซึ่งคำสารภาพของพวกนั้นที่ยอมละการทำชั่วก็ได้ ฝ่ายอัลเลาะห์นั้นทรงรู้ยิ่งถึงบรรดาข้าแห่งพระองค์ ทรงประณีตยิ่งในกิจการทั้งปวงของพระองค์
   พวกที่กล่าวถึงข้างต้นนี้ได้แก่บุคคล ๓ คน ได้แก่ บะรอเราะห์ บุตรร่อบีอ์ กะอับ บุตรมาลิก และหิลาล บุตรอุไมยะห์ ทั้ง ๓ คนนี้หนีหายไปจากนครมดีนะห์ ๕๐ คืนเนื่องจากความเกียจคร้าน และชอบใฝ่หาแต่ความสุขสบาย ทั้งยังไม่แสดงข้ออุปสรรคใด ๆ กับพระนบีเหมือนคนอื่น ๆ การพิจารณาโทษว่าจะมีหรือไม่นั้นถูกยับยั้งไว้ก่อน ๕๐ คืน ฝ่ายมนุษย์ทั้งหลายก็ไม่ยอมสังคมกับ ๓ คนนี้ จนกว่าจะมีโองการลงมาหลังจากภาคทัณฑ์นั้น
๑๐๗. และยังมีอีกที่เป็นมุนาฟิกจำนวน ๑๒ คน ได้สร้างมัสยิดขึ้นแห่งหนึ่งเพื่อก่อกวนชาวมัสยิดกุบาอ์ และเพราะขาดศรัทธา มัสยิดนี้สร้างตามคำสั่งใช้ของอบูอามิร นักธรรมวินัยฝ่ายยะฮูดี ไว้สำหรับเป็นที่อาศัยของอบูอามิรเองกับคณะ ซึ่งจะมาอาศัย ณ มัสยิดนี้ ฝ่ายอบูอามิรนั้นจะได้ไปนำเหล่าทหารของเจ้าแผ่นดินกอยซ๊อรมาทำศึกกับพระนบี เพื่อให้แตกกันระหว่างมุอ์มินที่เคยละหมาดในมัสมัสยิดกุบาอ์เป็น ๒ พวก ให้อีกพวกหนึ่งแตกมาละหมาดที่มัสยิดสร้างใหม่ และเพื่อให้เป็นที่สังเกตการณ์ของอบูอามิรผู้เคยเป็นปรปักษ์กับอัลเลาะห์และพระศาสนทูตของพระองค์อยู่ก่อนจากสร้างมัสยิดนี้และทั้ง ๑๒ คน ได้สบถสาบานด้วยพระนามของอัลเลาะห์ว่า ที่สร้างมัสยิดนี้เรามิได้มุ่งหมายอื่นใดนอกจากคุณความดีเท่านั้น คือว่าเราอำนวยความสะดวกให้ผู้ยากจนได้พักอาศัยในยามมีฝนและแดดร้อน ทั้งเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ศรัทธาที่อ่อนกำลังได้เข้าไปทำละหมาดในมัสยิดกันได้ทั่วไป ฝ่ายอัลเลาะห์ทรงเป็นพยานว่า พวกมุนาฟิกเหล่านั้นทั้ง ๑๒ คน เป็นผู้กล่าวเท็จ ตามที่อ้างสบถสาบานขั้นต้น

มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ เนื่องด้วยพวกมุนาฟิก เมื่อสร้างมัสยิดเสร็จสรรพแล้ว ได้ไปหาพระนบีมุฮำมัด ซล. ขณะนั้นพระนบีฯกำลังเตรียมจะออกไปทำศึกที่ตะบู๊ก พวกเหล่านั้นเรียนพระนบีฯว่า โอ้พระศาสนทูตของอัลเลาะห์ พวกเรานี้ได้สร้างมัสยิดขึ้นแล้วแห่งหนึ่งสำหรับบรรเทาอุปสรรคป้องกันความเดือดร้อนได้ทั้งหน้าฝนและหน้าร้อน เราจึงยินดีเชื้อเชิญท่านไปร่วมละหมาดกับเราในมัสยิดเพื่อเป็นศิริมงคล พระนบีฯตอบว่า เรากำลังเตรียมตัวจะเดินทางไปทำศึกที่ตะบู๊กอยู่เดี๋ยวนี้แล้ว หากเป็นพระประสงค์ของอัลเลาะห์เราก็ยินดีจะไปสู่พวกท่านเพื่อละหมาดร่วมกับพวกท่านในมัสยิด ครั้นเมื่อพระนบีฯกลับจากตะบู๊ก พอมาถึงตำบลหนึ่งชื่อ ซีอะวานใกล้กับนครมดีนะห์ พระนบีฯก็ลงพักที่นั่น พวกมุนาฟิกจึงพร้อมกันเข้าไปหา และวอนขอพระนบีฯให้ไปยังมัสยิด ดังนั้นพระนบีฯจึงเรียกเอาเสื้อคลุมมาเพื่อเตรียมตัวจะเดินทางไปหาพวกนั้น อัลเลาะห์จึงประทานโองการลงมาว่า
๑๐๘. และโอ้มุฮำมัด เจ้าอย่าได้กระทำละหมาด ณ มัสยิดแห่งนั้นเลยเป็นอันขาด ครั้นแล้วพระศาสดามุฮำมัด ซล. ได้ส่งชนคณะหนึ่งไปรื้อและเผามัสยิดนั้นและเอาที่มัสยิดเป็นที่ทิ้งขยะและซาก ฝ่ายอบูอามิรที่เคยพักอยู่ในมัสยิดนั้นเล่า ก็พเนจรร่อนเร่เพียงคนเดียวไปตายที่เมืองซีเรีย ความจริงมัสยิดกุบาอ์ที่ถูกตั้งขึ้นบนรากฐานแห่งการยำเกรงต่ออัลเลาะห์แต่วันแรกที่เจ้าอพยพไปถึงตำบลกุบาอ์ต่างหากเล่า ที่เจ้าควรอย่างยิ่งที่จะกระทำละหมาดในนั้นได้ ซึ่งในมัสยิดนั้นมีชายหลายคนจากเผ่าบนูอามิร(คนละคนกับบนูอามิรยะฮูดีที่กล่าวแล้ว) บุตรเอาฟ์ผู้ซึ่งได้สร้างมัสยิดกุบาอ์ ชนเผ่านี้ชอบทำสะอาดหมดจดจากบาปและชั่วทั้งปวง และร่างกายสะอาดจากราคีทางศาสนา เช่นมี ญะนาบะห์อันเนื่องจากการร่วมกามารมณ์กับภรรยาเป็นต้น และสะอาดจากหะดัซน้อยคือมีวุดูอ์ แท้จริงอัลเลาะห์นั้นทรงสนองบุญกุศลแก่ผู้ที่มีหัวใจและร่างกายสะอาด

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺอัตเตาบะฮฺ อายะฮฺที่ 109 - 110


คำอ่าน
109. อะฟะมัน อัสสะสะ บุนยานะฮู อะลาตักวามินัลลอฮิ วะริฎวานิน ค็อยรุน อัม..มัน อัสสะสะ บุนยานะฮู อะละสะฟาญุรุฟิน ฮาริน..ฟันฮาเราะบิฮี ฟีนาริญะฮัน..นัม วัลลอฮุลายะฮดิลก็อวมัซซอลิมีน
110. ลายะซาลุ บุนยานุฮุมุลละซี บะเนารีบะตัน..ฟีกุลูบิฮิม อิลลา..อัน..ตะก็อฏเฏาะอะ กุลูบุฮุม วัลลอฮุอะลีมุนหะกีม


คำแปล R1.
109. Is it then he, who laid the foundation of his building on piety to Allah and his good pleasure, better, or he who laid the foundation of his building on an undetermined brink of a precipice ready to crumble down, so that it crumbled to pieces with him into the Fire of Hell. And Allah guides not the people who are the Zalimun (cruel, violent, proud, polytheist and wrong-doer).
110. The building which they built will never cease to be a cause of hypocrisy and doubt in their hearts, unless their hearts are cut to pieces. (i.e. till they die). And Allah is All-Knowing, All-Wise.


คำแปล R2.
109. แล้วผู้ที่ก่อสร้างสิ่งก่อสร้าง(มัสยิด)ของเขาบน(พื้นฐานของ)ความยำเกรงต่ออัลเลาะฮฺและความพึงพระทัยจะดีกว่าหรือว่าผู้ที่ก่อสร้างสิ่งก่อสร้างของเขาบนริมตลิ่งที่จวนพัง(จะดีกว่า) แล้วสิ่ง(ที่เขาสร้างไว้)นั้น ก็นำเขาตกลงไปในนรกยะฮันนัม และอัลเลาะฮฺไม่ทรงชี้นำกลุ่มชนที่ฉ้อฉล
110. ตลอดเวลา สิ่งก่อสร้างของพวกเขาซึ่งพวกเขาได้ทำการก่อสร้างไว้นั้น เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความสงสัยขึ้นในหัวใจของพวกเขา นอกจากหัวใจของพวกเขาจะขาดสะบั้น (ถึงแก่ความตาย) แลพอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้อีกทั้งทรงปรีชาญาณยิ่ง


คำแปล R3.
109. คนที่วางรากฐานอาคารของเขาบนความยำเกรงอัลลอฮฺและเพื่อความปราโมทย์ของพระองค์นั้นย่อมดีกว่าผู้ที่วางรากฐานอาคารของพวกเขาบนขอบตลิ่งที่ถูกเซาะจวนจะพัง และมันจะพังลงมาพร้อมกับเขาในไฟนรกมิใช่หรือ? แท้จริงอัลลอฮฺมิทรงชี้ทางที่ถูกต้องให้แก่หมู่ชนที่อธรรม
110. อาคารที่พวกเขาสร้างขึ้นนี้จะไม่หยุดยั้งที่จะสร้างความพะวักพะวนในหัวใจของพวกเขา(และหาทางออกไม่ได้) เว้นเสียแต่ว่าหัวใจของพวกเขาจะถูกตัดออกเป็นชิ้น ๆ และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณยิ่ง


คำแปล R4.
108. เจ้าอย่าไปร่วมยืนละหมาดในมัสยิดนั้นเป็นอันขาด แน่นอน มัสยิดที่ถูกวางรากฐานบนความยำเกรงตั้งแต่วันแรกนั้นสมควรอย่างยิ่งที่เจ้าจะเข้าไปยืนละหมาดในนั้น เพราะในมัสยิดนั้นมีคณะบุคคลที่ชอบจะชำระตัวให้บริสุทธิ์ และอัลลอฮฺนั้นทรงรักบรรดาผู้ที่ชำระตัวให้สะอาดบริสุทธิ์อยู่เสมอ
109. ผู้ที่วางรากฐานอาคารของเขาบนความยำเกรงต่ออัลลอฮฺ และบนความโปรดปรานนั้นดีกว่าหรือว่าผู้ที่วางรากฐานอาคารของเขาบนริมขอบเหวที่จะพังทลายลง แล้วมันก็พัง นำเขาลงไปในนรก และอัลลอฮฺนั้นจะไม่ชี้แนะทางแก่กลุ่มชนที่อธรรม
110. อาคารของพวกเขาที่ก่อสร้างขึ้นมานั้นยังคงเป็นที่ระแวงสงสัยอยู่ในจิตใจของพวกเขาจนกระทั่งหัวใจเหล่านั้นจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ


คำแปล R5.
๑๐๙. ผู้ก่อตั้งสถานอันมั่นคงทางศาสนาแห่งตนอยู่ในความยำเกรงอัลเลาะห์ และเพื่อความยินดีจากพระองค์ คือสร้างมัสยิดกุบาอุ์อันเปรียบประดุจผู้สร้างบ้านพักอยู่บนสถานที่มั่นคงนั้นย่อมดีเลิศกว่า หรือผู้ที่ก่อตั้งสถานอันมั่นคงต่อกิจการทางศาสนาแห่งตนในฝ่ายหลงหนทางในทางไร้ศรัทธาและความกลับกลอก(นิฟาก)คือสร้างมัสยิดเพื่อความเดือดร้อนแล้วตัวผู้(สร้าง) นั้นก็พลัดตกลงไปในนรกยะฮันนำอันเปรียบเสมือนผู้สร้างบ้านพักและตัวของเขาก็ตกลงไปในน้ำนั้นจะดีเลิศกว่า แน่นอนว่าฝ่ายแรกย่อมดีเลิศกว่า ซึ่งได้แก่มัสยิดกุบาอ์ ส่วนฝ่ายที่สองย่อมเลวกว่า ซึ่งได้แก่มัสยิดแห่งความเดือดร้อน (ดิร๊อรฺ) ที่พวกมุนาฟิกเป็นผู้สร้าง แต่อัลเลาะห์ จะไม่ทรงชี้หนทางธรรมแก่เหล่าชนผู้คดโกงเลย
๑๑๐. ความมั่นคงทางศาสนาของพวกนั้นซึ่งได้สร้างขึ้นไว้ จะก่อให้เกิดความเคลือบแคลงอยู่ในหัวใจของพวกนั้นร่ำไป จนกว่าหัวใจของพวกนั้นจะแตกดับลงไป ฝ่ายอัลเลาะห์ทรงรู้ยิ่งถึงบรรดาข้าของพระองค์ทรงประณีตยิ่งในกิจทั้งปวงของพระองค์



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺอัตเตาบะฮฺ อายะฮฺที่ 111 - 113


คำอ่าน
111. อิน..นัลลอฮัชตะรอ มินัลมุอ์มินีนะ อัน..ฟุสะฮุม วะอัมวาละฮุม บิอัน..นะละฮุมุลญันนะฮฺ ยุกอติลูนะ ฟีสะบีลิลลาฮิ ฟะยักตุลูนะ วะยุกตะลูน วะอฺดันอะลัยฮิหักก็อน..ฟิตเตารอติวัลอิน..ยีลิ วัลกุรฺอาน วะมันเอาฟาบิอะฮฺดิฮี มินัลลฮิ ฟัสตับชิรู บิบัยอิกุมุลละซี บายะอฺตุม..บิฮฺ วะซาลิกะฮุวัลเฟาซุลอะซีม
112. อัตตา..อิบูนัลอาบิดูนัลหามิดูนัสสา...อิหูนัรฺรอกิอูนัสสาญิดูนัลอามิรูนะ บิลมะอฺรูฟิ วันนาฮูนะ อะนิลมุน..กะริ วัลหาฟิซูนะ ลิหุดูดิลลาฮิ วะบัชชิริลมุอ์มินีน
113. มากานะ ลิน..นะบียิ วัลละซีนะอามะนู..อัย..ยัสตัฆฟิรู ลิลมุชริกีนะ วะเลกานู อุลีกุรฺบา มิม..บะอฺดิ มาตะบัยยะนะละฮุม อัน..นะฮุม อัศหาบุลญะหีม

 
คำแปล R1.
111. Verily, Allah has purchased of the believers their lives and their properties; for the price that theirs shall be the Paradise. They fight in Allah's Cause, so they kill (others) and are killed. It is a promise in truth which is binding on him in the [Taurat] (Torah) and the [Injeel] (Gospel) and the Qur'an. and who is truer to his covenant than Allah? Then rejoice in the bargain which you have concluded. That is the supreme success.
112. (The believers whose lives Allah has purchased are) those who repent to Allah (from polytheism and hypocrisy, etc.), who worship him, who praise him, who fast (or go out in Allah's Cause), who bow down (in prayer), who prostrate themselves (in prayer), who enjoin (people) for [Al-Ma'ruf ](i.e. Islamic Monotheism and all what Islam has ordained) and forbid (people) from [Al-Munkar] (i.e. disbelief, polytheism of all kinds and all that Islam has forbidden), and who observe the limits set by Allah (Do all that Allah has ordained and abstain from all kinds of sins and evil deeds which Allah has forbidden). and give glad tidings to the believers.
113. It is not (proper) for the Prophet and those who believe to ask Allah's Forgiveness for the Mushrikun (polytheists, idolaters, pagans, disbelievers in the oneness of Allah) even though they be of kin, after it has become clear to them that they are the dwellers of the Fire (because they died in a state of disbelief).


คำแปล R2.
111. แท้จริงอัลเลาะฮฺได้ซื้อจากมวลผู้ศรัทธาซึ่งตัวของพวกเขาและทรัพย์ของพวกเขาด้วย(ราคาคือ)สวรรค์(ที่จะประทาน)สำหรับพวกเขา(เนื่องเพราะ)พวกเขาทำการสู้ศึกในทางของอัลเลาะฮฺ จนพวกเขาได้ฆ่าหรือพวกเขาถูกฆ่า เป็นสัญญาอันสัจจะสำหรับพระองค์(ซึ่งมีบัญชาไว้ในเตารอฮฺและอินญีลและอัลกุรอาน และผู้ใดเล่าที่จะปฏิบัติตามสัญญาของเขาได้อย่างครบถ้วนยิ่งไปกว่าอัลเลาะฮฺ? ดังนั้นเจ้าทั้งหลายจงปลื้มปีติเถิดในการขายของพวกเจ้า ซึ่งพวกเจ้าได้ทำการตกลงซื้อขายกันนั้น และนั่นเป็นรางวัลอันยิ่งใหญ่
112. บรรดาพวกที่สารภาพผิด ที่ทำการนมัสการ ที่ทำการสรรเสริญ ที่ทำการถือศีลอด(หรือเดินทางเพื่อเผยแพร่ศาสนา) ที่ทำการก้ม ที่ทำการกราบ(ในละหมาด) ที่ทำการใช้ให้ประกอบคุณธรรม ที่ทำการห้ามสิ่งต้องห้าม และที่ทำการพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ของอัลเลาะฮฺ และเจ้าจงแจ้งข่าวดีแก่บรรดาศรัทธาชนทั้งมวลเถิด
113. มิใช่สิทธิและหน้าที่ของศาสดาและบรรดาผู้มีศรัทธาทั้งหลายที่จะขออภัยให้แก่บรรดาผู้ที่ตั้งภาคีทั้งมวล และแม้นพวกนั้นจะเป็นญาติสนิทก็ตาม ภายหลังจากได้ประจักษ์ชัดแล้วสำหรับพวกเขาว่าแท้จริงพวกเขาเป็นชาวนรกอย่างแน่ชัด (จากการที่ไม่ยอมเลิกละความเชื่อเดิมมาสู่หลักสัจธรรม)


คำแปล R3.
111. แท้จริง อัลลอฮฺได้ทรงซื้อชีวิตและทรัพย์สินทั้งหลายของบรรดาผู้ศรัทธาด้วยสวรรค์สำหรับพวกเขา พวกเขาต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺ พวกเขาฆ่า และถูกฆ่า สัญญา(แห่งสวรรค์) นี้เป็นสัจจะที่แท้จริงของพระองค์ในเตารอต และอินญีล และกุรอาน และใครเล่าที่จะปฏิบัติตามสัญญาของเขาให้ครบได้ยิ่งไปกว่าอัลลอฮฺ? ดังนั้นจงรื่นเริงในการแลกเปลี่ยนที่สูเจ้าได้ทำไว้กับพระองค์ และนั่นคือความสำเร็จอันยิ่งใหญ่
112. บรรดาผู้ที่หันกลับไปยังอัลลอฮฺอยู่เนือง ๆ บรรดาผู้เคารพภักดีพระองค์ บรรดาผู้แซ่ซ้องสรรเสริญพระองค์ บรรดาผู้ท่องไปในแผ่นดินเพื่อพระองค์ บรรดาผู้โค้งคารวะ บรรดาผู้กราบ บรรดาผู้กำชับให้ทำความดีและห้ามปรามความชั่วและบรรดาผู้รักษาขอบเขตที่อัลลอฮฺได้ทรงกำหนดไว้อย่างเข้มงวด (คือบรรดาผู้ศรัทธาที่ทำการต่อรองดังกล่าวกับอัลลอฮฺ) โอ้ นบี จงแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย
113. มันมิใช่เรื่องอขงนบีและบรรดาผู้ศรัทธาที่จะวิงวอนขอการอภัยโทษแก่บรรดาผู้บูชาเทวรูป แม้พวกเขาจะเป็นญาติใกล้ชิดก็ตาม หลังจากมันเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าเขาสมควรที่จะได้รับนรก


คำแปล R4.
111. แท้จริงอัลลอฮฺนั้นได้ทรงซื้อแล้วจากบรรดาผู้ศรัทธา ซึ่งชีวิตของพวกเขาและทรัพย์สมบัติของพวกเขา โดยพวกเขาจะได้รับสวนสวรรค์เป็นการตอบแทน พวกเขาจะต่อสู้ในทางของอัลลอฮฺแล้วพวกเขาก็จะฆ่าและถูกฆ่า เป็นสัญญาของพระองค์เองอย่างแท้จริง ซึ่งมีอยู่ในคัมภีร์เตารอฮ์ อินญีล และกรุอาน และใครเล่าจะรักษาสัญญาของเขาให้ดียิ่งไปกว่าอัลลอฮฺ ดังนั้น พวกท่านจงชื่นชมยินดีในการขายของพวกท่านเถิด ซึ่งพวกท่านได้ขายมันไป และนั่นคือชัยชนะอันใหญ่หลวง
112. บรรดาผู้กลับเนื้อกลับตัว ผู้กระทำการอิบาดดะฮฺ ผู้กล่าวคำสรรเสริญ ผู้เดินทางเพื่อต่อสู้หรือแสวงหาวิชาความรู้ ผู้รุกัวะอ์ ผู้สุญูด ผู้กำชับให้ทำความดี ผู้ห้ามปรามให้ละเว้นความชั่วและบรรดาผู้รักษาขอบเขตของอัลลอฮฺและจงแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้ศรัทธาเถิด
113. ไม่บังควรแก่นะบีและบรรดาผู้ศรัทธาที่จะขออภัยโทษให้แก่พวกตั้งภาคี และแม้ว่าพวกเขาจะเป็นญาติใกล้ชิดกันก็ตาม ทั้งนี้หลังจากเป็นที่ประจักษ์แก่พวกเขาแล้ว แน่นอนพวกเหล่านั้นเป็นชาวนรก


คำแปล R5.
๑๑๑. แท้จริงอัลเลาะห์ทรงแลกเอาทั้งร่างกายและทรัพย์สินจากบรรดาผู้ศรัทธาซึ่งพวกเขายอมเสียสลำปในหนทางของอัลเลาะห์ ในหนทางอันชอบธรรมทั่วไป เช่น การทำศึกสงคราม และเพื่อตามที่ทรงใช้และห้าม ด้วยการให้พวกศรัทธาเหล่านั้นได้สรวงสวรรค์เป็นผลบุญตอบแทน พวกศรัทธานั้นกระทำศึกในหนทางศาสนาของอัลเลาะห์อยู่ ดังนั้น ข้าศึกที่พวกนั้นสังหารได้ก็มี และบางคนจากพวกเขาที่ถูกฝ่ายข้าศึกฆ่าก็มี เป็นไปตามสัญญาอันแท้จริงแห่งพระองค์ซึ่งมีระบุอยู่ในเตารอต อินยีล และอัลกุรอาน ไม่มีผู้ใดเลยที่จะปฏิบัติได้บริบูรณ์ในสัญญาแห่งตนยิ่งกว่าอัลเลาะห์ ฉะนั้นพวกศรัทธาเอ๋ย พวกเจ้าจงปลื้มใจเถิดในส่วนแห่งร่างกาย และทรัพย์สินซึ่งพวกเจ้าได้ยอมเสียสละไปนั้นการเสียสละนั่นแหละ คือความมีชัยอันใหญ่หลวงในอันที่จะได้มาซึ่งสิ่งที่เป็นยอดปรารถนา
๑๑๒. เหล่าชนผู้ศรัทธาซึ่งกล่าวมานั้น เป็นพวกสารภาพผิด(เตาบะห์)กลับใจจากความไร้ศรัทธาด้วยการถือคู่ภาคี และมีความกลับกลอก หันมาสู่ศรัทธาและศาสนาอิสลาม เป็นพวกเคารพสักการะต่ออัลเลาะห์ด้วยใจบริสุทธิ์สะอาด เป็นพวกกล่าวสดุดีต่อพระองค์ในทุก ๆ สถานการณ์ เป็นพวกถือศีลอดเป็นพวกดำรงละหมาด เป็นพวกบัญชาให้กระทำแต่คุณความดี เป็นพวกหักห้ามกระทำความเลวทราม และเป็นพวกรักษาไว้ซึ่งบรรดาขอบเขตแห่ง การใช้และห้ามของอัลเลาะห์ โดยตนเองก็ปฏิบัติตามนั้น และโอ้มุฮำมัด เจ้าจงยังความปลาบปลื้มแก่เหล่าชนผู้ศรัทธาด้วยสรวงสวรรค์เถิด

มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ เกี่ยวกับเรื่องที่พระศาสดามุฮำมัด ซล. ได้ขอพรต่ออัลเลาะห?ให้ทรงอภัยโทษแก่อบูฏอลิบผู้เป็นอาของพระนบีเอง และเกี่ยวกับเรื่องสาวกที่วิงวอนต่อพระนบีช่วยขออภัยโทษให้แก่บิดา และมารดาของพวกเขาซึ่งเป็นชนกาฟิร โองการจากอัลเลาะห์จึงถูกประทานมาว่า
๑๑๓. ไม่เป็นการบังควรที่พระศาสดามุฮำมัดและบรรดาชนที่ศรัทธา(มุอ์มิน) จะขอประทานอภัยโทษต่ออัลเลาะห์ให้แก่ปวงชนมุชริก ถึงแม้ว่าชนมุชริกเหล่านั้นจะเป็นวงศ์ญาติใกล้ชิดก็เอาเถิด ในเมื่อเป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า พวกเหล่านั้นเป็นชาวนรกยะฮีมโดยที่พวกเหล่านั้นได้ตายลงในฐานะเป็นผู้ไร้ศรัทธา ในประการซึ่งถ้าหากว่า การขอประทานอภัยแก่พวกกาฟิรที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่เป็นขอเพื่อมุ่งหมายจะให้อัลเลาะห์ทรงชี้แนวธรรมแก่พวกกาฟิรไปสู่ศาสนาอิสลาม ก็ไม่ถือว่าเป็นบาปแต่ประการใด และในการนี้ ถ้าขอเพียงเพื่อจะให้ทรงยกโทษแก่กาฟิรอย่างเดียว ถือว่าบาปตกแก่ผู้ขอเอง

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺอัตเตาบะฮฺ อายะฮฺที่ 114 -115


คำอ่าน
114. วะมากานัสติฆฟารุ อิบรอฮีมะ ลิอะบีฮิ อิลลา อัม..เมาอิดะติว..วะอะดะฮา...อียาฮฺ ฟะลัม..มาตะบัยยะนะละฮู..อัน..นะฮู อะดูวุลลิลลาฮิ ตะบัรฺเราะอะมินฮฺ อิน..นะอิบรอฮีมะ ละเอาวาฮุนหะลีม
115. วะมากานัลลอฮุ ลิยุฎิลละก็อวมัม..บะอฺดะ อิซฮะดาฮุม หัตตายุบัยยินะละฮุม..มายัตตะกูน อิน..นัลลอฮะบิกุลลิชัยอินอะลีม


คำแปล R1.
114. And [Ibrahim's (Abraham)] invoking (of Allah) for his father's forgiveness was only because of a promise he [Ibrahim (Abraham)] had made to him (his father). But when it became clear to him [Ibrahim (Abraham)] that he (his father) is an enemy to Allah, he dissociated himself from him. Verily Ibrahim (Abraham) was Al-Awwah (has fifteen different meanings but the correct one seems to be that he used to invoke Allah with humility, glorify him and remember him much), and was forbearing. (Tafsir Al-Qurtubi).
115. And Allah will never lead a people astray after He has guided them until He makes clear to them as to what they should avoid. Verily, Allah is the All-Knower of everything.


คำแปล R2.
114. และการที่นบีอิบรอฮีมได้เคยขออภัยโทษให้แก่บิดาของเขา(ในครั้งอดีต ทั้ง ๆ ที่บิดาของเขาเป็นผู้ตั้งภาคีเหมือนกันนั้น) มิใช่อะไรเลยนอกจาก(เขาขออภัยให้)ไปตามข้อสัญญาที่เขาได้ให้ไว้แก่บิดาของเขา แต่แล้วเมื่อเป็นที่ประจักษณ์ชัดแก่เขาว่า บิดาของเขาเป็นศัตรูของอัลเลาะฮฺ เขาก็ปลีกตัวออกมาจากบิดา (ไม่ยอมเกี่ยวข้องด้วย) แน่นอนอิบรอฮีมนั้นเป็นผู้มีจิตใจอ่อนโยนอีกทั้งสุขุมยิ่ง)
115. และหาใช่ว่าอัลอฮฺจะทรงทำความหลงผิดแก่กลุ่มชนหนึ่ง ๆ ภายหลังจากได้ทรงชี้นำพวกเขาแล้ว จนกระทั่งพระองค์ทรงชี้แจงแก่พวกเขาอย่างชัดแจ้งถึงข้อที่พวกเขาพึงสังวร แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้ยิ่งในทุก ๆ สิ่ง


คำแปล R3.
114. ส่วนการที่อิบรอฮีมได้วิงวอนขอการอภัยให้แก่พ่อของเขานั้นมันเป็นเพียงการที่ทำตามสัญญาที่เขาได้ทำไว้กับพ่อของเขา แต่เมื่อเขารู้เป็นที่แน่ชัดว่าพ่อของเขาเป็นศัตรูของอัลลอฮฺ เขาก็ได้เลิกเกี่ยวข้องกับพ่อของเขา แท้จริง อิบรอฮีมเป็นคนที่อ่อนโยนและเป็นผู้มีขันติ
115. และมันมิใช่วิธีของอัลลอฮฺที่ปล่อยให้ผู้คนหลงทางหลังจากที่ได้ทรงประทานทางนำให้แก่พวกเขา จนกว่าพระองค์จะได้ทรงทำให้พวกเขาชัดเจนในทุกสิ่งที่พวกเขาจะต้องหลีกเลี่ยง แท้จริงอัลลฮฺเป็นผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง


คำแปล R4.
114. และการขออภัยโทษของอิบรอฮีมให้แก่บิดาของเขามิได้ปรากฏขึ้น นอกจากเป็นสัญญาที่เขาได้ให้ไว้แก่บิดาของเขาเท่านั้น แต่เมื่อได้เป็นที่ประจักษ์แก่เขาแล้ว แท้จริงบิดาของเขาเป็นศัตรูของอัลลอฮฺ เขาก็ปลีกตัวออกจากบิดาของเขา แท้จริงอิบรอฮีมนั้นเป็นผู้อ่อนโยน และเป็นผู้มีขันติอดทน
115. และอัลลอฮฺนั้นจะไม่ทรงให้กลุ่มชนใดหลงผิด หลังจากที่พระองค์ได้ทรงชี้ทางที่ถูกต้องให้แก่พวกเขาแล้ว นอกจากจะเป็นที่ประจักษ์แก่พวกเขา ซึ่งสิ่งที่พวกเขาจะยำเกรงเท่านั้น แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง


คำแปล R5.
๑๑๔. ส่วนการขอประทานอภัยโทษของพระศาสดาอิบรอฮีมแก่บิดาของเขานั้นเพียงแต่เป็นไปตามข้อสัญญาที่ตน(อิบรอฮีม) ได้ให้ไว้แก่เขา(บิดา) เท่านั้น โดยถ้อยคำว่า “ฉันจะขอประทานอภัยโทษต่อองค์พระผู้อภิบาลของฉันได้โปรดยกโทษแก่ท่านด้วย” เพื่อหวังจะให้บิดาของเขาได้เข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม เมื่อเป็นที่แจ้งชัแก่ตัวเอง(อิบรอฮีม) แล้วว่า เขา(บิดา) เป็นศัตรูของอัลเลาะห์ซึ่งตายลงในสภาพนอกศรัทธา อิบรอฮีมก็เลยต้องปลีกตัวให้พ้นเสียจากเขา(บิดา)และงดเว้นที่จะขอประทานอภัยโทษต่ออัลเลาะห์ให้แก่บิดา แท้จริงพระศาสดาอิบรอฮีมคือผู้ยิ่งในความนอบน้อมต่ออัลเลาะห์ และในการขอพรต่อพระองค์ และมีความอดทนยิ่ง ต่อภาวะแห่งความเดือดร้อน
๑๑๕. และใช่ว่าอัลเลาะห์จะทรงให้ปวงชนหนึ่งหลงหนทางเที่ยงธรรมหลังจากได้ทรงชี้แนวธรรมให้พวกเหล่านั้นได้เข้าสู่ศาสนาอิสลามแล้วก็หาไม่ จนกว่าพระองค์จะทรงแจ้งให้พวกเหล่านั้นทราบถึงข้อประพฤติปฏิบัติซึ่งพวกเหล่านั้นจะยำเกรง แต่พวกเหล่านั้นก็หาได้มีความยำเกรงข้อที่ปฏิบัติกันแต่อย่างใดไม่ จึงเป็นการสมควรยิ่งที่พวกนั้นจะต้องตกอยู่ในความหลงแนวธรรม แท้จริงอัลเลาะห์นั้นทรงรู้ยิ่งถึงทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่งว่าผู้ใดที่ควรแก่การหลงทาง และผู้ใดที่ควรรับแนวธรรม ก็นับว่าเป็นส่วนหนึ่งแห่งความรู้ของพระองค์


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺอัตเตาบะฮฺ อายะฮฺที่ 116 - 118


คำอ่าน
116. อิน..นัลลอฮะ ละฮูมุลกุสสะมาวาติ วัลอัรฺฎิ ยุหฺยีวะยุมีตุ วะมาละกุม..มิน..ดูนิลลาฮิ มิว..วะลียิว..วะลานะศีรฺ
117.  ละก็อดตาบัลลอฮุ อะลัน..นะบียิ วัลมุฮาญิรีนะ วัลอัน..ศอริลละซีนัตตะบะอูฮุ ฟีสาอะติลอุสเราะติมิม..บะอฺดิมากาดะ ยะซีฆุ กุลูบุ ฟะรีกิม..มินฮุม ษุม..มะตาบะอะลัยฮิม อิน..นะฮู บิฮิมเราะอูฟุรฺเราะหีม
118. วะอะลัษษะลาษะติลละซีนะ คุลลิฟู หัตตา..อิซาฎอก็อต อะลัยฮิมุลอัรฺฎุ บิมาเราะหุบัต วะฎอก็อต อะลัยฮิม อัน..ฟุสุฮุม วะซ็อน..นู..อัลลา มัลญะอะมินัลลอฮิ อิลลา..อิลัยฮฺ  ษุม..มะตาบะอะลัยฮิม ลิยะตูบู อิน..นัลลอฮะฮุวัตเตาวาบุรฺเราะหีม

 
คำแปล R1.
116. Verily, Allah! Unto Him belongs the dominion of the heavens and the earth, He gives life and He causes death. And besides Allah you have neither any [Wali](protector or guardian) nor any helper.
117. Allah has forgiven the Prophet (Muhammad), the [Muhajirun] (Muslim emigrants who left their homes and came to Al-Madinah) and the [Ansar] (Muslims of Al-Madinah) who followed him (Muhammad) in the time of distress (Tabuk expedition, etc.), after the hearts of a party of them had nearly deviated (from the Right Path), but He accepted their repentance. Certainly, He is unto them full of kindness, Most Merciful.
118. and (He did forgive also) the three [who did not join the Tabuk expedition (whom the Prophet )] left (i.e. He did not give his judgment in their case, and their case was suspended for Allah's decision) till for them the earth, vast as it is, was straitened and their own selves were straitened to them, and they perceived that there is no fleeing from Allah, and no refuge but with Him. Then, He accepted their repentance  that they might repent (unto Him). Verily, Allah is the one who accepts repentance, Most Merciful.


คำแปล R2.
116. แท้จริงอัลเลาะฮฺนั้น พระองค์ทรงอำนาจสิทธิแห่งฟากฟ้าและแผ่นดิน พระองค์ทรงให้เป็นและทรงให้ตาย(แก่สิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์) และสำหรับพวกเจ้าทั้งหลายย่อมไม่มีผู้คุ้มครอง และผู้ช่วยเหลือคนใด นอกเหนือจากอัลเลาะฮฺ
117. โดยแท้จริงอัลเลาะฮฺทรงรับการสารภาพผิดแก่ศาสดา แก่บรรดาชาวอพยพ(จากมักกะฮฺ) และแก่บรรดาชาว(มะดีนะฮฺที่ให้การ)ช่วยเหลือ ซึ่งเป็นพวกที่ติดตามเขา(มุฮำมัด)ในยามวิกฤต ภายหลังจากหัวใจของคนกลุ่มเกือบจะท้อถอย(จากการทำศึก) ครั้นแล้วพระองค์ก็รับคำสารภาพผิดแก่พวกเขา แท้จริงพระองค์ทรงปราณี อีกทั้งทรงเมตตายิ่งแก่พวกเขา
118. และ(ทรงรับคำสารภาพ)แก่คนสามคนซึ่งไม่ได้ออกทำศึก(คือบะรอเราะฮฺ บินรอบีอ์ กะอับ บินมาลิก ฮิลาลบินอุมัยยะฮฺ) จนกระทั่งแผ่นดินได้คับแคบแก่พวกเขา ทั้ง ๆ ที่มันกว้างขวาง (เพราผู้คนตัดสังคม ไม่ยอมพูดคุยด้วยเป็นการลงโทษฐานไม่ออกทำศึก เป็นเวลา 50 วันหลังจากกลับจากสงครามตะบู๊กแล้ว) และจิตใจของพวกเขา(ทั้งสาม)ก็มีความคับแค้นแก่ตัวเอง(เพราะความเศร้าโศกสุดประมาณ จากการถูกตัดสังคมและถูกโดดเดี่ยว) และพวกเขามีความมั่นใจว่า ไม่มีที่หลบไปจาก(ความพิโรธของ)อัลเลาะฮฺได้นอกจาก(ต้องกลับ)เข้าหาพระองค์(เพียงประการเดียว) หลังจากนั้นพระองค์ก็ทรงดลใจให้พวกเขาสารภาพผิด เพื่อพวกเขาจะได้ทำการสารภาพ แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงรับการสารภาพผิดยิ่ง อีกทั้งทรงเมตตายิ่ง


คำแปล R3.
116. และมันเป็นจริงอีกเช่นกันว่าอาณษจักรแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้นเป็นของพระองค์ พระองค์ทรงให้ชีวิตและทรงให้ตาย และอื่นจากพระองค์แล้ว สูเจ้าไม่มีผู้คุ้มครองและผู้ให้ความช่วยเหลือ
117. อัลลอฮฺได้ทรงอภัยให้แก่นบีและชาวมุฮาญิรีน (ผู้อพยพ) และชาวอันศอรฺ (ผู้ช่วยเหลือ) ที่ได้ติดตามเขาในยามวิบาก ถึงแม้ว่าหัวใจของพวกเขาบางคนได้เกิดความรวนเรแล้วก็ตาม (แต่เมื่อพวกเขามิได้ปฏิบัติตามทางที่คดเตคี้ยวและยืนอยู่กับนบี) อัลลอฮฺก็ได้ทรงอภัยให้พวกเขา แน่นอนอัลลอฮฺทรงอ่อนโยน ทรงเมตตาต่อคนเหล่านี้เสมอ
118. และอัลลอฮฺได้ทรงให้อภัยแก่คนทั้งสามที่กรณีของพวกเขาได้ถูกเลื่อนออกไป เมื่อแผ่นดินที่แม้จะกว้างใหญ่ไพศาลก็ดูเหมือนว่าจะแคบลงสำหรับพวกเขาและวิญญาณของพวกเขาเองก็เป็นภาระหนักแก่พวกเขา และพวกเขาได้ตระหนักว่าไม่มีที่พักพิงที่ไหนสำหรับพวกเขาแล้วนอกจากจะหันกลับไปหาพระองค์ แล้วพระองค์ก็ได้ทรงหันไปยังพวกเขาโดยปรานี ทั้งนี้เพื่อที่ว่าพวกเขาจะได้หันกลับไปยังพระองค์ แน่นอนอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงให้อภัยและผู้ทรงเมตตาเสมอ


คำแปล R4.
116. แท้จริงอัลลอฮฺนั้น อำนาจแห่งบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดินเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์ พระองค์ทรงให้เป็น ทรงให้ตายและนอกจากอัลลอฮฺแล้วก็ไม่มีผู้คุ้มครองและผู้ช่วยเหลือใด ๆ สำหรับพวกท่าน
117. แท้จริงอัลลอฮฺทรงอภัยโทษให้แก่ท่านนะบี ชาวมุฮาญิรีน และชาวอันศอรแล้ว ซึ่งเขาเหล่านั้นได้ปฏิบัติตามเขา (นะบี)ในยามคับขันหลังจากที่จิตใจของชนกลุ่มหนึ่งในพวกเขา เกือบจะหันเหออกจากความจริง แล้วพระองค์ก็ทรงอภัยโทษให้แก่พวกเขา แท้จริงพระองค์นั้นเป็นผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงกรุณาอยู่เสมอ
118. และอัลลอฮฺทรงอภัยโทษให้แก่ชายสามคน (คือ กะอุบ์ อิบนุมาลิก มุรอเราะฮ์ อิบนุ อัรร่อบีอ์ และฮิลาล อิบนุอุมัยยะฮ์) ที่ไม่ได้ออกไปสงคราม จนกระทั่งแผ่นดินได้คับแคบแก่พวกเขาทั้ง ๆ ที่มันกว้างใหญ่ไพศาล และตัวของพวกเขาก็รู้สึกอึดอัดไปด้วย แล้วพวกเขาก็คาดคิดกันว่าไม่มีที่พึ่งอื่นใดเพื่อให้พ้นจากอัลลอฮฺไปได้ นอกจากกลับไปหาพระองค์ แล้วพระองค์ก็ทรงอภัยโทษให้แก่พวกเขา เพื่อพวกเขาจะได้กลับเนื้อกลับตัวสำนักผิดต่อพระองค์ แท้จริงอัลลอฮฺนั้นคือผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเอ็นดูเมตตาเสมอ


คำแปล R5.
๑๑๖. แท้จริงอัลเลาะห์นั้นทรงสิทธิในการปกครองชั้นฟ้าทั้งเจ็ดและแผ่นดิน พระองค์ทรงให้มีชีพก็ได้ ทรงให้ตายก็ได้ โอ้มวลมนุษยชาติ สำหรับพวกเจ้านั้น นอกจากอัลล์แล้วจะมีองค์อารักขาช่วยปกป้องการลงโทษจากพระองค์และองค์สงเคราะห์มาป้องกันสรรพภัยจากพระองค์ก็หามิได้
๑๑๗. และอัลเลาะห์ทรงให้สัจปฏิญาณว่าพระองค์ทรงสนองคำสารภาพโทษ(เตาบะห์) ของพระศาสดามุฮำมัด ซล.ผุ้ซึ่งอนุญาตให้พวกมุอ์มินส่วนหนึ่งไม่ต้องออกทำศึกที่ตะบู๊ก การอนูยาตเช่นนี้แม้จะไม่ถือเป็นบาปก็จริง แต่เป็นความดีในระดับต่ำ และพระองค์จะทรงอภัยโทษให้แก่บรรดาผู้อพยพลี้ภัยจากนครมักกะห์และคณะอุปถัมภก(ชาวมดีนะห์) ผู้ซึ่งเจริญรอยตามเขา(พระนบี) ในยามยากที่ไปทำศึกที่ตะบู๊ก หลังจากพวกเหล่านั้นบางคนเกือบจะท้อใจไม่อยากทำศึกร่วมกับพระนบีอยู่แล้ว เพราะความคับแค้นอันรุนแรงซึ่งพวกเขาประสบอยู่ ถึงกับอินทผลัมเมล็ดเดียวต้องแบ่งกันกินสองคน อุฐตัวหนึ่งต้องผลัดกันขี่ส่วนอากาศก็ร้อนจัดถึงกับน้ำปัสสาวะก็ดื่มกันได้ ครั้นแล้วพระองค์ทรงสนองคำสารภาพผิด(เตาบะห์) ของพวกเหล่านั้นที่กลับใจมายืนหยัดทำศึกสงครามที่ตะบู๊กร่วมกับพระศาสดามุฮำมัด ซล. จนกระทั่งได้รับชัยชนะ แท้จริงพระองค์ทรงเป็นองค์อำนวยกุศลไพศาล ทรงปรานียิ่งต่อพวกเหล่านั้น
๑๑๘. และทรงสนองซึ่งคำสารภาพผิดของอีกสามคน ชื่อ บะรอเราะห์บุตรร่อบีอ์ กะอับบุตรมาลิก และหิลาลบุตรอุไมยะห์ ซึ่งถูกหน่วงอยู่ ยังมิได้รับอภัยโทษ มีกำหนดห้าสิบคืนเป็นการลงโทษคนทั้งสามที่ไม่ยอมออกไปทำศึกที่ตะบู๊ก ทั้งได้หนีหายไปจากนครมดีนะห์ห้าสิบคืน แล้วเมื่อพ้นกำหนดห้าสิบคืนจึงยอมกลับมา คนทั้งสามนั้นถูกหน่วงอยู่ จนกระทั่งแผ่นดินที่กว้างอยู่ก็กลับแคบลงสำหรับพวกนั้น ทั้งไม่มีที่ที่จะให้พวกเขาได้รับความสงบสุข หัวใจของพวกนั้นก็รู้สึกอึดอัด เพราะความเศร้าสลดและความเปล่าเปลี่ยว ทั้งนี้เพราะถูกประวิงเวลาแห่งการอภัยโทษ ความภาคภูมิใจและความอบอุ่นใจ จึงไม่เข้าสู่หัวใจของพวกนั้น พวกนั้นมั่นใจว่า จะไม่มีที่ใดหลบพ้นอัลเลาะห์ได้ นอกจากจะต้องหันสู่พระองค์เป็นที่พึ่ง หลังจากผ่านพ้นห้าสิบคืนไปแล้ว พระองค์ก็ดลใจให้พวกนั้นขอสารภาพเพื่อพวกนั้นจะได้สารภาพผิด แท้จริงอัลเลาะห์นั้นทรงยิ่งในการสนองซึ่งคำสารภาพผิด ทรงปรานียิ่ง


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺอัตเตาบะฮฺ อายะฮฺที่ 119 - 120


คำอ่าน
19. ยา..อัยยุฮัลละซีนะ อามะนุตตะกุลลอฮะ วะกูนูมะอัศศอดิกีน
20. มากานะ ลิอะฮฺลิลมะดีนะติ วะมันเหาละฮุม..มินัลอะอฺรอบิ อัย..ยัตตะค็อลละฟู อัร..เราะสูลิลลาฮิ วะลายัรฺเฆาะบู บิอัน..ฟุสิฮิม อัน..นัฟสิฮฺ ซาลิกะบิอัน..นะฮุม ลายุศีบุฮุม เซาะมะอู..วะลานะเศาะบู..วะลามัคมะเศาะตุน..ฟีสะบีลิลลาฮิ วะลายะเฏาะอูนะ เมาติอัย..ยะฆีซุลกุฟฟาเราะ วะลายะนาลูนะมิน อะดูวิน..นัยลัน อิลลากุติบะละฮุม..บิฮีอะมะลุน..ศอลิหฺ อิน..นัลลอฮะลายุฎีฮุอัจญร็อลมุหฺสินีน


คำแปล R1.
119. O you who believe! Be afraid of Allah, and be with those who are true (in words and deeds) .
120. It was not becoming of the people of Al-Madinah and the bedouins of the neighbourhood to remain behind Allah's Messenger (Muhammad when fighting In Allah's Cause) and (it was not becoming of them) to prefer their own lives to his life. That is because they suffer neither thirst nor fatigue, nor hunger in the Cause of Allah, nor they take any step to raise the anger of disbelievers nor inflict any injury upon an enemy but is written to their credit as a deed of righteousness. Surely, Allah wastes not the reward of the Muhsinun


คำแปล R2.
119. โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงยำเกรงอัลเลาะฮฺเถิด และพวกเจ้าจงอยู่ร่วมกับบรรดาผู้สัตย์จริงเถิด
120. ไม่บังควรสำหรับชาวมะดีนะฮฺและผู้ที่(ตั้งถิ่นฐาน)อยู่รอบ ๆ พวกเขาจากชาวอาหรับเร่ร่อนจะพึงอยู่เบื้องหลังจากศาสนทูตแห่งอัลเลาะฮฺ(ไม่ออกทำศึก) และพวกเขาไม่บังควรที่จะรักอาลัยตัวของพวกเขา โดยไม่สนใจตัวของศาสนทูต นั้นเป็นเพราะแท้จริง พวกเขานั้นจะไม่ประสบแก่พวกเขาซึ่งความเหน็ดเหนื่อย, และความหิวโหย(ขณะทำศึกอยู่) ในทางของอัลเลาะฮฺ และพวกเขาจะไม่เหยียบย่างสู่ดินแดนที่ยั่วยุให้พวกไร้ศรัทธามีโทสะ และพวกเขาจะไม่บรรลุผลใด ๆ จากฝ่ายศัตรู (เกิดการตายหรือจับเป็นเชลย) นอกจากว่า (ทุก ๆ ประการนั้น) ได้ถูกบันทึกไว้แก่พวกเขา เพราะมัน ให้เป็นความประพฤติอันดีงาม (ซึ่งจะได้รางวัลแก่พวกเขาจนตลอด) แท้จริงอัลเลาะฮฺไม่ทรงให้รางวัลของบรรดาผู้ประพฤติดีทั้งมวลสูญเปล่า


คำแปล R3.
119. บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงเกรงกลัวอัลลอฮฺ และจงอยู่กับบรรดาผู้สัตย์จริง
120. มันไม่พึงที่ชาวมะดีนะฮฺและพวกอาหรับเร่ร่อนที่อาศัยอยู่รอบ ๆ จะละทิ่งรอซูลของอัลลอฮฺและนั่งอยู่ที่บ้านเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของพวกเขาเองโดยไม่คำนึงถึงเขา เพราะความตกระกำลำบากทุกอย่าง เช่น ความกระหาย ความหิวและการทดสอบอื่น ๆ อันแสนสาหัสที่พวกเขาได้รับในหนทางของอัลลอฮฺ และทุกย่างก้าวของพวกเขาบนหนทางที่ทำให้ผู้ปฏิเสธเกิดโทสะ และทุกการกระทำที่สร้างความเคียดแค้นให้แก่บรรดาศัตรูแห่งความจริงนั้น ได้ถูกบันทึกไว้เป็นการงานที่ดีสำหรับพวกเขา แน่นอน อัลลอฮฺมิทรงปล่อยให้การงานของผู้กระทำความดีต้องไร้ผลตอบแทน


คำแปล R4.
119. โอ้ศรัทธาชนทั้งหลาย พึงยำเกรงอัลลอฮฺเถิด และจงอยู่อยู่ร่วมกับบรรดาผู้ที่พูดจริง
120. ไม่บังคับควรแก่ชาวมะดีนะฮฺและชาวอาหรับชนบทที่พักอยู่รอบ ๆ จะผินหลังให้กับรอซูลของอัลลอฮฺ และไม่บังคับควรที่เขาเหล่านั้นจะห่วงชีวิตของพวกเขา มากกว่าชีวิตของท่านรอซูลทั้งนี้เนื่องจากความกระหายน้ำก็ดี ความทุกข์ยากก็ดีและความหิวโหยก็ดี เพื่อหนทางของอัลลอฮฺนั้นจะไม่สบกับพวกเขา และไม่ว่าพวกเขาจะเหยียบย่างไป ณ ที่ใดที่ ทำให้พวกปฏิเสธศรัทธา กริ้วโกรธก็ตาม และพวกเขาจะไม่ได้รับอันตรายจากศัตรูนอกจากการางที่ดีถูกจารึกไว้แล้วสำหรับพวกเขาเพราะสิ่งนั้น แท้จริงอัลลอฮฺจะไม่ทรงให้รางวัลของผู้กระทำความดีต้องสูญเสียไปเป็นอันขาด


คำแปล R5.
๑๑๙. โอ้บรรดาผู้ศรัทธาพวกเจ้าจงยำเกรงอัลเลาะห์ ด้วยการงดเว้นทรยศต่อพระองค์ ทั้งพวกเจ้าจงอยู่รวมกับพวกสัจจริงในความเชื่อมั่นและข้อสัญญา โดยพวกเจ้าจะต้องถือเอาความสัจจริงนั้นเป็นสลักสำคัญทีเดียว
๑๒๐. ไม่สมควรเลยที่ชาวมดีนะห์และชนชาวป่าที่อยู่ล้อมรอบพวกนครมดีนะห์เหล่านั้นคนใดคนหนึ่งจะปลีกตัวถอยห่างจากมุฮำมัดพระศาสนทูตของอัลเลาะห์ ในเมื่อมุฮำมัดเองยังต้องออกไปสู่สงคราม แล้วพวกเหล่านั้นคนใดคนหนึ่งต้องไม่เอาตัวเองรอดปลีกพ้นจากความคับขัน ซึ่งเขา(มุฮำมัด)ยินดีให้พวกนั้นผจญกับความคับขันนั้น ทั้งพวกนั้นจักต้องรับภาระความลำบากยากเย็นและความโกลาหลอลหม่านร่วมกับมุฮำมัดอีกด้วย การปลีกตัวถอยห่างจากมุฮำมัด ซล. ทั้งนี้ก็เพราะไม่อยากให้ความกระหาย ความเหน็ดเหนื่อยและความหิวมาประสบพวกเขาในหนทางของอัลเลาะห์ และเพราะพวกนั้นไม่อยากเหยียบย่างเข้าไปให้พวกกาฟิรต้องโกรธแค้น และไม่อยากจะถูกกาฟิรฝ่ายศัตรูเข่นฆ่า จับไปเป็นเชลย และปล้นสะดม พวกเหล่านั้นจะชอบอุปสรรคต่าง ๆ ดังกล่าวแล้วก็หาไม่ นอกจากต้องมีบันทึกว่าเป็นการชอบสำหรับพวกตนเท่านั้น เพื่อพวกนั้นจะได้รับตอบแทนบุญกุศลเพราะความชอบนั้น แท้จริงอัลเลาะห์จะไม่ทรงให้สูญเปล่าซึ่งบุญกุศลของพวกปฏิบัติชอบเลย แต่พระองค์กลับจะสนองซึ่งบุญกุศลแก่พวกเหล่านั้นอีก



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺอัตเตาบะฮฺ อายะฮฺที่ 121 - 122


คำอ่าน
121. วะลายุน..ฟิกูนะ นะฟะเกาะตัน..เศาะฆีเราะเตา..วะลากะบีเราะเตา..วะลายักเฏาะอูนะ วาดิยัน อิลลากุติบะละฮุม ลิยัจญซิยะฮุมุลลอฮุ อะหฺสะนะมากานู ยะอฺมะลูน
122. วะมากานัลมุอ์มินูนะ ลิยัน..ฟิรูกา...ฟฟะฮฺ ฟะเลาลานะฟะเราะ มิน..กุลลิ ฟิรฺเกาะติม..มินฮุม ฏอ..อิฟะฮฺ ลิยะตะฟักเกาะฮูฟิดดีนิ วะลิยุน..ซิรู ก็อวมะฮุม อิซาเราะญะอู..อิลัยฮิม ละอัลละฮุมยะหฺซะรูน


คำแปล R1.
121. Nor do they spend anything (in Allah's Cause) - small or great - nor cross a valley, but is written to their credit, that Allah may recompense them with the best of what they used to do (i.e. Allah will reward their good deeds according to the reward of their best deeds which they did in the most perfect manner).
122. And it is not (proper) for the believers to Go out to fight (Jihad) all together. Of every troop of them, a party only should go forth, that they (who are left behind) may get instructions in (Islamic) religion, and that they may warn their people when they return to them, so that they may beware (of evil).


คำแปล R2.
121. และพวกเขาจะไม่ใช้จ่ายใด ๆ ไม่ว่าเล็กน้อยและใหญ่โตก็ตาม และพวกเขาจะไม่เดินทางตัดหุบเขาใด ๆ (ในทางของอัลเลาะฮฺ) นอกจากว่า (ที่เขาใช้จ่ายและที่เขาเดินทางผ่านไปนั้น) ต้องถูกบันทึกไว้แต่พวกเขาทั้งสิ้น เพื่ออัลเลาะฮฺทรงตอบแทนพวกเขาที่ดีที่สุด จากที่พวกเขาได้ประพฤติไว้
122. และบรรดาศรัทธาชนทั้งหลายไม่บังควรที่จะออก(ไปสู่สมรภูมิรบ)พร้อมกันทั้งหมด ดังนั้นไฉนเล่าจึงไม่ให้แต่ละกลุ่มย่อยจากพวกเขาทั้งหมดออกไป(สมรภูมิ)เพื่อ(พวกที่เหลือ)จะได้ศึกษาให้เข้าใจในศาสนา และเพื่อพวกนี้จะได้ชี้แจงแก่พวกพ้องของเขา(ที่ออกไปสมรภูมิ) เมื่อพวกเขากลับมายังพวกตน เพื่อพวกเขาจะได้สังวรตน(ในบทบัญญัติของอัลเลาะฮฺ)


คำแปล R3.
121. ในทำนองเดียวกันอะไรก็ตามที่พวกเขาได้ใช้จ่ายไป(ในหนทางของอัลลอฮฺ) ไม่ว่าจะน้อยหรือมาก หรือหุบเขาใดก็ตามที่พวกเขาท่อง(เพื่อการญิฮาด) นั้นได้ถูกบันทึกไว้สำหรับพวกเขา เพื่อที่ว่าอัลลอฮฺจะได้ทรงตอบแทนพวกเขา สำหรับการงานที่ดีของพวกเขาได้ประกอบไว้
122. และมันไม่จำเป็นที่บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหมดจะต้องออกไปพร้อมกัน ทำไมไม่ให้คนกลุ่มหนึ่งจากทุกชุมชนทิ้งบ้านของพวกเขาไปเพื่อที่จะทำความเข้าใจในแนวทางของอิสลาม และเพื่อที่จะได้เตือนผู้คนของพวกเขาเมื่อพวกเขากลับมาสู่ผู้คนเหล่านั้น ทั้งนี้เพื่อที่ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะได้ละเว้นจากความประพฤติที่มิใช่อิสลาม?


คำแปล R4.
121. และพวกเขาจะไม่บริจาคในการบริจาคใด ๆ ไม่ว่าจะน้อยหรือมากก็ตาม และพวกเขาไม่เดินผ่านหุบเขาใด ๆ นอกจากมันจะถูกบันทึกไว้แก่พวกเขา เพื่อว่าอัลลอฮฺจะทรงตอบแทนให้แก่พวกเขา ซึ่งสิ่งที่ดียิ่งในสิ่งที่พวกเขาได้ทำไว้
122. ไม่บังควรที่บรรดาผู้ศรัทธาจะออกไปสู้รบกันทั้งหมด ทำไมแต่ละกลุ่มในหมู่พวกเขาจึงไม่ออกไปเพื่อหาความเข้าใจในศาสนา และเพื่อจะได้ตักเตือนหมู่คณะของพวกเขา เมื่อพวกเขาได้กลับมายังหมู่คณะของพวกเขา โดยหวังว่าหมู่คณะของพวกเขาจะได้ระมัดระวัง


คำแปล R5.
๑๒๑. ทั้งพวกเหล่านั้น จะไม่ยอมเสียสละไปในทางศาสนาของอัลเลาะห์ ไม่ว่าจะน้อยหรือมากและจะไม่ลัดเลาะไปตามหุบเขา เพื่อทำสงคราม นอกจากจะต้องให้มีบันทึกว่า เป็นการดีสำหรับพวกนั้นด้วย เพื่อที่อัลเลาะห์จะทรงตอบแทนบุญกุศลให้เป็นอย่างดีตามที่พวกนั้นได้ปฏิบัติกันไว้
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ มีว่า กาลครั้งหนึ่ง ชนชาวนครมดีนะห์และชาวป่าที่อยู่กันรอบ ๆ นครมดีนะห์ถูกตำหนิ เพราะเหตุว่าพยายามถอยห่างไม่ยอมออกไปทำศึกสงครามร่วมกับพระศาสดามุฮำมัด ครั้นต่อมาอีกคราหนึ่งหลังจากกลับมาจากทำศึกที่ตะบู๊กแล้ว พระศาสดามุฮำมัดได้ส่งกองทัพไปทำสงครามโดยที่มุฮำมัดเองก็ไม่ได้ออกไปร่วมทำสงครามด้วย ทั้งสองพวกนั้นจึงสมทบกับกองทัพนั้นไปทำศึกกันจนหมด โองการจากอัลเลาะห์จึงประทานลงมาว่า 
๑๒๒. และไม่เป็นการสมควรเลยที่พวกมีศรัทธาจะออกไปทำศึกกันจนหมดปล่อยทั้งมุฮำมัดไว้เพียงผู้เดียว หากแต่จะต้องมีคนใดคนหนึ่งจากแต่ละเผ่าเหลืออยู่ร่วมกับพระศาสดามุฮำมัดไว้บ้าง เพื่อพวกที่เหลือเหล่านั้นจะได้ร่ำเรียนให้เข้าใจในเรื่องศาสนา และเพื่อพวกเขาจะได้เตือนประชาชนซึ่งออกไปทำศึกยังสมรภูมิให้เข้าใจถึงข้อบัญญัติใช้และข้อบัญญัติห้ามเมื่อกลับมาสู่พวกเขาแล้ว เพื่อพวกเหล่านั้นจะได้เกรงกลัวการลงโทษจากอัลเลาะห์ โดยประพฤติปฏิบัติตามที่ทรงใช้ และงดเว้รการอันทรงห้าม

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺอัตเตาบะฮฺ อายะฮฺที่ 123 - 126


คำอ่าน
123. ยา..อัยยุฮัลละซีนะอามะนู กอติลุลละซีนะ ยะลูนะกุม..มินัลกุฟฟาริ วัลยะญิดูฟีกุมฆิลเซาะฮฺ วะอฺละมู..อัน..นัลลอฮะ มะอัลมุตตะกีน
124. วะอิซามา..อุน..ซิลัตสูเราะตุน..ฟะมินฮุม..มัย..กูลุ อัยยุกุม ซาดัดฮุมฮาซิฮี..อีมานา ฟะอัม..มัลละซีนะอามะนู ฟะซาดัดฮุม อีมาเนา..วะฮุมยัสตัยชิรูน
125. วะอัม..มัลละซีนะฟีกุลูบิฮิม..มะเราะฎุน..ฟะซาดัตฮุมริจญซัน อิลาริจญสิฮิม วะมาตูวะฮุมกาฟิรูน
126. อะวะลายะร็อวนะ อัน..นะฮุมยุฟตะนูนะฟีกุลลิ อามิม..มัรฺเราะตัน เอามัรฺเราะตัยนิ ษุม..มะลายะตูบูนะ วะลาฮุมยัซซักกะรูน


คำแปล R1.
123. O you who believe! fight those of the disbelievers who are close to you, and let them find harshness in you, and know that Allah is with those who are the Al-Muttaqun (the pious - see V.2:2).
124. And whenever there comes down a [Surah] (chapter from the Qur'an), some of them (hypocrites) say: "Which of you has had his faith increased by it?" as for those who believe, it has increased their faith, and they rejoice.
125. But as for those in whose hearts is a disease (of doubt, disbelief and hypocrisy), it will add suspicion and doubt to their suspicion, disbelief and doubt, and they die while they are disbelievers.
126. See they not that they are tried once or twice every year (with different kinds of calamities, disease, famine, etc.)? Yet, they turn not in repentance, nor do they learn a lesson (from it).


คำแปล R2.
123. โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย! พวกเจ้าจงทำศึกกับบรรดาพวกไร้ศรัทธาที่อยู่ใกล้เคียง(เพื่อปราบให้หมดเสี้ยนหนาม) และจงทำให้พวกเขาได้พบความแข็งแกร่งในหมู่พวกเจ้า และพวกเจ้าจงรู้ไว้เถิดว่า แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงอยู่พร้อมกับบรรดาผู้ยำเกรง
124. และเมื่อมีบทหนึ่ง(แห่งอัลกุรอาน)ได้ถูกประทานลงมา ก็มีบางคนของพวกเขาพูดว่า “(บทอัลกุรอาน)นี้ ได้เพิ่มพูนศรัทธาแก่ผู้ใดในหมู่พวกท่านบ้าง?” ส่วนบรรดาผู้มีศรัทธา บทดังกล่าวย่อมเพิ่มพูนศรัทธาแก่เขาอย่างแน่นอน และพวกเขามีแต่ความปลื้มปีติ
125. และส่วนพวก(สับปลับ)ที่มีความป่วยไข้ในหัวใจ บทดังกล่าวก็จักเพิ่มพูนแต่ความ(สับปลับและความทรยศอันแสน)โสโครกถมทับความโสโครก(เดิม)ของพวกเขา และพวกเขาได้ตายลงไปโดยเป็นพวกไร้ศรัทธา
126. และพวกเขาไม่สังเกตดอกหรือว่า แท้จริง พวกเขาถูกทดสอบในทุก ๆ ปี ต่อหนึ่งครั้งหรือสองครั้ง (โดยเกิดความขาดแคลนแห้งแล้ง) หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่ยอมสารภาพผิด และพวกเขาหาสำนึกไม่


คำแปล R3.
123. โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงต่อสู้บรรดาผู้ปฏิเสธที่อยู่ใกล้สูเจ้าและจงให้พวกเขาได้เห็นความเข้มแข็งและความมั่นคงในตัวของสูเจ้า และจงรู้เถิดว่า อัลลอฮฺทรงอยู่กับผู้ที่เกรงกลัวพระองค์
124. เมื่อใดก็ตามที่มีซูเราะฮฺใหม่ถูกประทานมา บางคนของพวกเขาได้ถามมุสลิม(ด้วยความเย้ยหยัน)ว่า “ในหมู่พวกท่านมีความศรัทธาของคนใดบ้างที่เพิ่มพูนขึ้น?” (คำตอบก็คือว่า) แน่นอน (ทุกซูเราะฮฺ)ได้เพิ่มพูนความศรัทธาอย่างแท้จริงและพวกเขาเบิกบาน
125. แต่มันกลับเพิ่มความโสมมให้แก่บรรดาผู้ที่หัวใจของพวกเขามีโรค(แห่งความกลับกลอก)อยู่แล้วให้โสมมมากยิ่งขึ้น และพวกเขาจะยังคงเป็นผู้ปฏิเสธไปจนกระทั่งพวกเขาตาย
126. คนเหล่านี้ไม่เห็นดอกหรือว่าพวกเขาได้ถูกทดสอบครั้งหนึ่งหรือสองครั้งทุกปี? แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังไม่สำนึกผิดและไม่รู้จักบทเรียน


คำแปล R4.
123. โอ้ศรัทธาชนทั้งหลาย จนสู้รบกับบรรดาผู้ที่อยู่ใกล้เคียงพวกท่านที่เป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาเสียก่อน และจงให้พวกเหล่านั้นประสบกับความรุนแรงจากพวกท่าน และพึงรู้เถิดว่า แท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงอยู่ร่วมกับบรรดาผู้ยำเกรงทั้งหลาย
124. และเมื่อมีบทหนึ่งบทใดของอัลกุรอานถูกประทานลงมา ดังนั้น ในหมู่พวกเขามีผู้กล่าวขึ้นว่า “มีใครบ้างในพวกท่านที่บทนี้ทำให้ศรัทธาเพิ่มขึ้น ?”  สำหรับบรรดาผู้ที่มีความศรัทธานั้น บทนี้ได้ทำให้การศรัทธาเพิ่มขึ้นแก่พวกเขา แล้วพวกเขาก็มีความปีติยินดี
125. และสำหรับบรรดาผู้ที่มีโรคอยู่ในจิตใจของพวกเขา บทนี้ก็ยิ่งจะเพิ่มความสกปรกให้แก่พวกเขามากยิ่งขึ้นไปอีก และพวกเขาจะตายไปในสภาพที่เป็นพวกปฏิเสธศรัทธา
126. และพวกเขาไม่เห็นดอกหรือว่า แท้จริงพวกเขาจะถูกทดสอบในทุก ๆ ปี ครั้งหนึ่งหรือสองครั้ง แล้วพวกเขาก็ไม่ยอมกลับเนื้อกลับตัวและพวกเขาก็ไม่สำนึกผิดอีกด้วย


คำแปล R5.
๑๒๓. โอ้บรรดาชนผู้ศรัทธา พวกเจ้าจงทำศึกกับพวกกาฟิรผู้ซึ่งอยู่เคียงและที่ค่อย ๆ ไกลไปจากพวกเจ้า ทั้งพวกเจ้าจงเข้มงวดจริงจังกับพวกนั้นด้วย และพวกเจ้าจงรู้ไว้เถิดว่า อัลเลาะห์นั้นทรงเป็นผู้สนับสนุนและสงเคราะห์ฝ่ายพวกยำเกรง
๑๒๔. และเมื่อได้มีบทหนึ่งแห่งพระคัมภีร์อัล-กุรอานถูกประทานลงมา ก็จะมีผู้หนึ่งจากพวกมุนาฟิกเหล่านั้นบอกกับพวกเดียวกัน เป็นการสบประมาทบทแห่งพระคัมภีร์อัล-กุรอานที่ถูกประทานมาว่า พวกท่านนั้นจะมีใครกันที่บทแห่งพระคัมภีร์อัล-กุรอานซึ่งถูกประทานมานี้ทวีความศรัทธาให้อัลเลาะห์ตรัสว่าบรรดาผู้ศรัทธาต่างหากเล่าที่บทแห่งอัล-กุรอานเพิ่มศรัทธาให้ด้วยเหตุที่ พวกนั้นมีความชื่นชมยินดีกับบทแห่งอัล-กุรอานนั้น
๑๒๕. ส่วนบรรดาชนผู้ซึ่งภายในหัวใจของพวกเขาหย่อนศรัทธาความไร้ศรัทธาก็จะทวีเข้ากับความไร้ศรัทธาของพวกเขาอีก ทั้งนี้เพราะพวกเขามิได้ศรัทธาต่อบทแห่งพระคัมภีร์อัล-กุรอานอยู่แล้ว แล้วพวกเขาก็ตายลงเป็นพวกนอกศรัทธา(กาฟิร) ซึ่งความศรัทธาเท่านั้นที่เป็นเกราะป้องกันการไปสู่ขุมนรกในภาคหน้า
๑๒๖. พวกที่เป็นมุนาฟิกเหล่านั้น ไม่น่าจะยอมถูกภัยคุกคามให้ขาดแคลนฝนและเกิดความป่วยไข้ ครั้งหนึ่งหรือสองครั้งทุก ๆ ปี ครั้นแล้วพวกนั้นหาได้กลับใจออกพ้นจากความกลับกลอก และความไร้ศรัทธาไม่ ทั้งยังมิได้เชื่อฟังคำตักเตือนเสียอีกด้วย


 

GoogleTagged