สูเราะฮฺอัตเตาบะฮฺ อายะฮฺที่ 127 - 129คำอ่าน127. วะอิซามา..อุน..ซิลัตสูเราะตุน..นะเซาะเราะบะอฺฎุฮุม อิลาบะอฺฎฺ ฮัลยะรอกุม..มินอะหะดิน.ษุม..มัน..เศาะเราะฟู เศาะเราะฟัลลอฮุกุลูบุฮุม..บิอัน..นะฮุมก็อวมุลลายัฟเกาะฮูน
128. ละก็อดญา...อะกุม เราะสูลุม..มินอัน..ฟุสิกุม อะซีซุนอะลัยฮิ มาอะนิตตุม หะรีศุนอะลัยกุม..บิลมุอ์มินีนะ เราะอูฟุรฺเราะหีม
129. ฟะอิน..ตะวัลเลา ฟะกุลหัสบิยัลลอฮฺ ลา..อิลาฮะอิลลาฮู อะลัยฮิตะวักกัลป์ตุ วะฮุวะร็อบบุลอัรฺชิลอะซีมคำแปล R1.127. And whenever there comes down a Surah (chapter from the Qur'an), they look at one another (saying): "Does any one see you?" Then they turn away. Allah has turned their hearts (from the light) because they are a people that understand not.
128. Verily, there has come unto you a Messenger (Muhammad) from amongst yourselves (i.e. whom you know well). It grieves him that you should receive any injury or difficulty. He (Muhammad) is anxious over you (to be rightly guided, to repent to Allah, and beg him to pardon and forgive your sins, in order that you may enter Paradise and be saved from the punishment of the Hell-fire), for the believers (He is) full of pity, kind, and Merciful.
129. But if they turn away, Say (O Muhammad ): "Allโh is Sufficient for Me. Lโ ilโha illa Huwa (none has the Right to be worshipped but He), In Him I put My trust and He is the Lord of the mighty Throne."คำแปล R2.127. และเมื่อมีบทหนึ่ง(แห่งอัลกุรอาน)ถูกประทานลงมา พวกเขาต่างก็จ้องมองกันเอง(อย่างตลึงงัน พวกเขาใคร่ลุกหนีอกไปและซักถามกันเองว่า) “มี (พวกศรัทธา)ผู้ใดบ้างที่เห็นพวกท่าน” แล้วพวกเขาก็เลี่ยงหนีออกไป(จากที่นั้น) อัลเลาะฮฺได้ผินหัวใจของพวกเขา เพราะพวกเขาเป็นกลุ่มชนที่ไม่เข้าใจ
128. โดยแท้จริง! ได้มีศาสนทูตหนึ่งจากเผ่าพันธุ์ของพวกเจ้ามา(ประกาศสัจธรรม)สู่พวกเจ้า เขามีความกังวลในสิ่งที่พวกเจ้าทุกข์ร้อน เขามีความหวังดีต่อพวกเจ้า อีกทั้งเป็นผู้ปราณีและเมตตา แก่บรรดาศรัทธาชนทั้งมวล
129. ดังนั้นหากพวกเขา (พวกไร้ศรัทธา) ได้หันหลังให้ (ไม่ยอมศรัทธาในคำประกาศของเจ้า) เจ้าก็จงกล่าวเถิดว่า “เป็นการเพียงพอแก่ฉัน โดยอัลเลาะฮฺเพียงพระองค์เดียว ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ฉันขอมอบหมายแด่พระองค์ และพระองค์ทรงเป็นเจ้าแห่งบัลลังก์(อันยิ่งใหญ่) ในวงเล็บแดงเป็นคำที่เติมเข้าไปในต้นฉบับเพื่อแปลความหมายของคำว่า (العظيم)ที่ในต้นฉบับตกไปคำแปล R3.127. และเมื่อซูเราะฮฺหนึ่งถูกประทานลงมา พวกเขาต่างชำเลืองดูกันและถามว่า “มีใครกำลังเฝ้าดูท่านอยู่หรือเปล่า?” หลังจากนั้นพวกเขาก็หลบเลี่ยงออกไปอย่างเงียบ ๆ อัลลอฮฺได้ทรงหันหัวใจของพวกเขาเพราะพวกเขาเป็นหมู่ชนที่ไม่เข้าใจ
128. จงฟัง มีรอซูลคนหนึ่งได้มายังสูเจ้าจากในหมู่สูเจ้าเอง เขาเป็นคนทุกข์ใจในการสูญเสีย(ทางด้านจิตวิญญาณ)ของสูเจ้า เขากระวนกระวายที่จะเห็นความสำเร็จ(ที่แท้จริง)ของสูเจ้า เขาเป็นผู้อ่อนโยนและเป็นผู้เมตตาเสมอ
129. โอ้ นบี ทีนี้ ถ้าหากพวกเขาหันไปจากเจ้า จงบอกพวกเขาว่า “อัลลอฮฺทรงเพียงพอแล้วสำหรับฉัน ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ฉันวางใจในพระองค์ พระองค์คือพระผู้อภิบาลแห่งบัลลังก์อันยิ่งใหญ่คำแปล R4.127. และเมื่อบทหนึ่งบทใดของอัล-กรุอานถูกประทานลงมา บางคนในหมู่พวกเขาต่างก็มองตาซึ่งกันและกัน (แล้วถามขึ้นว่า) “มีใครเห็นพวกท่านบ้างไหม” แล้วพวกเขาก็พากันหันเหออกจากแนวทางที่ถูกต้อง เพราะแท้จริงพวกเขาเป็นกลุ่มชนที่ไม่มีความเข้าใจอะไรเลย
128. แท้จริงมีรอซูลคนหนึ่งจากพวกท่านเองได้มาหาพวกท่านแล้ว เป็นที่ลำบากใจแก่เขาในสิ่งที่พวกท่านได้รับความทุกข์ยาก เป็นผู้ห่วงใยย่าน เป็นผู้เมตตา ผู้กรุณาสงสาร ต่อบรรดาผู้ศรัทธา
129. พากพวกเขาผินหลังให้ ก็จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) ว่า “อัลลอฮฺนั้นเป็นที่พอเพียงแก่ฉันแล้ว ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์เท่านั้น แด่พระองค์เท่านั้นที่ฉันขอมอบหมาย และพระองค์คือเจ้าของบัลลังก์อันยิ่งใหญ่”คำแปล R5.๑๒๗. และเมื่อได้มีบทหนึ่งแห่งพระคัมภีร์อัล-กุรอานถูกประทานลงมาซึ่งภายในพระคัมภีร์นั้นมีเนื้อความกล่าวถึงพวกมุนาฟิกอยู่ด้วย และพระศาสดามุฮำมัดได้อ่านเนื้อความดังกล่าวให้พวกมุนาฟิกฟังพวกมุนาฟิกเหล่านั้น จึงต่างคนต่างจ้องมองกันอย่างตลึง โดยต่างก็จ้องจะหนีไม่อยากฟัง พวกเหล่านั้นถามว่าจะมีใครจากพวกมุอ์มินเห็นพวกท่านหรือเปล่า หากว่าพวกท่านจะลุกหนีออกไปพ้นจากเสียงอ่านพระคัมภีร์อัล-กุรอาน ฉะนั้นถ้าไม่มีพวกมุอ์มินคนใดเห็น พวกนั้นก็จะลุกหนี แต่ถ้ามีคนเห็นพวกนั้นจะนั่งอยู่กับที่ก่อนครั้นแล้วพวกเหล่านั้นก็ผินหนีออกจากสถานที่แห่งนั้นไปจนหมดในฐานะที่ไม่ยอมเชื่อ อัลเลาะห์ก็ทรงบันดาลใจพวกเหล่านั้นให้เหห่างจากหนทางเที่ยงธรรมฐานที่พวกเหล่านั้นเป็นปวงชนที่ไม่เข้าใจในความจริง ทั้งนี้เนื่องจากมิได้ตริตรอง
๑๒๘. โอ้ปวงชนชาวอาหรับ ข้าให้สัตย์ปฏิญาณว่า แท้จริงพระศาสนทูตมุฮำมัดเป็นชนชาวอาหรับ ผู้เป็นชาติเดียวกับพวกเจ้า ได้มาสู่พวกเจ้าแล้ว หาได้มาจากชนนอกอาหรับ จากเหล่ายิน และจากเหล่ามลาอิกะห์ไม่ ในโองการนี้บ่งบอกถึงคุณลักษณะของพระศาสดามุฮำมัดจนเพียงพอที่เราจำต้องรักเขา ต้องเจริญรอยตามเขา ไม่ว่าเจ้าทุกข์ร้อนอันใดพวกเจ้าจะโกรธเขาหรือจะเหห่างจากเขา ก็เป็นความทุกข์ร้อนยิ่งแก่เขาด้วยยิ่งกว่านั้นเขายังเป็นห่วงใยอย่างแรงกล้าต่อพวกเจ้าในอันที่จะให้พวกเจ้ามีศรัทธาเป็นผู้ยิ่งในความโปรดปรานีต่อเหล่าผู้ศรัทธาด้วยมุ่งหมายจะให้พวกมีศรัทธาเหล่านั้นได้รับซึ่งคุณธรรม
๑๒๙. หากพวกนั้นเหห่างไม่ยอมศรัทธาต่อเจ้าแล้วไซร้ โอ้มุฮำมัด จงกล่าวเถิดแก่พวกเหล่านั้นว่า มีอัลเลาะห์อยู่ก็เป็นความพอเพียงแก่ฉันแล้ว ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่ต้องเคารพบูชา เว้นแต่พระองค์เท่านั้น ซึ่งฉันขอยึดมั่นต่อพระองค์เพียงพระองค์เดียว และพระองค์นั้นทรงเป็นองค์อภิบาลอัล-อัรช์(ฟ้าชั้นที่ ๙)และกุรซีย์(ฟ้าชั้นที่ ๘) อันใหญ่หลวง--------------------------------------------------------
ดำรัสแห่งอัลลอฮฺผู้ยิ่งใหญ่เป็นสัจจะ(صدق الله العظيم)
จบสูเราะฮฺที่ 9 อัตเตาบะฮฺ
والسلام عليكم ورحمة الله وبركاته