เสวนาเชิงวิชาการ > สนทนาศาสนธรรม
พระเจ้ากล่าวว่า "กุรอ่านนั้นครบถ้วนสมบูรณ์" ทำไมเราจะต้องศึกษา หะดิษ?
wisdom:
--- อ้างจาก: Carrothz ที่ เม.ย. 23, 2012, 09:23 PM ---เยี่ยมครับ เพราะยิ่งสนทนา คุณยิ่งแสดงถึงความไม่กุรอ่านออกมา นี่ขนาดเอาคำแปลภาษาอังกฤษ ผมยังไม่พบใครแปลว่า balanced เลยครับ อัลฮัมดุลิลลาฮฺ เผยธาตุแท้คนที่ไม่รู้นี่ มันเผยกันได้ไม่ยากเลยในกรณีคุณ
--- อ้างถึง ---ผมก็ยังยีนยันเรื่องการละหมาดตลอดเวลาอยู่ดีครับ และที่ผมยก [2:238] ก็เป็นหนึ่งอายะห์ที่จะบอกคุณว่า ขนาดเดิน หรือขี่ม้า ยังละหมาดได้เลย
ส่วนที่คุณยก
[2:238] เรื่องละหมาดกึ่งกลาง ผมเข้าใจ กึ่งกลาง ว่า Balance ก็คือ การรักษาให้สมดุล ซอลาตอยู่สมำ่เสมอให้ดีสม่ำเสมอ อย่าให้เสียสมดุล(Balance)(อายะห์ต่อไป ติดกันเลย)
[2:239]ถึงแม้สูเจ้าจะอยู่ในอันตราย สูเจ้าก็จะต้องนมาซ ไม่ว่าขณะเดิน หรือหรือขี่ม้า ... อายะห์นี้ขึ้นต้นด้วย ถึงแม้ คือ ถึงเกิดอยู่ในอันตราย (จิตใจอาจไม่ค่อยดี จิตใจอาจรักษาซอลาตที่ balance ไว้ไม่ได้) อัลลอฮฺก็ยังบอกให้ซอลาต แม้กระทั้งกำลังขี่ม้า
ซึ่งแสดงว่า การซอลาตไม่สามารถจะลงเอย สักการะด้วยท่าทางไปได้
--- End quote ---
ตรงนี้ไม่ทราบใครแปลแบบนั้นเหรอครับ คุณไปอ่านมาจากไหน จริงๆ ถ้าจะบอกว่าตัวเองศึกษากุรอ่าน ก็ควรทำให้เนียนหน่อยนะครับ เพราะไม่ว่าใครแปล ไม่เคยกล่าวถึง balance เลย แต่กล่าวดังนี้
Ahmed Raza Khan: Mohammed Aqib Qadri:
Guard all your prayers, and the middle prayer; and stand with reverence before Allah. Yusuf Ali:
Guard strictly your (habit of) prayers, especially the Middle Prayer; and stand before Allah in a devout (frame of mind). Pickthal:
Be guardians of your prayers, and of the midmost prayer, and stand up with devotion to Allah.
โองการนี้ บอกตรงข้ามกับคุณแทบทุกอย่าง เพราะเน้นให้รักษาการละหมาด โดยเฉพาะละหมาดตอนกึ่งกลาง นั่นคือ "เวลา" ละหมาดเวลาหนึ่งครับ ไม่ใช่ละหมาดตลอดเวลา เพราะเป็นการชี้เฉพาะเวลาโดยเจาะจง ไม่ใช่ละหมาด ตลอดเวลา
ถ้ายังพยายามจะแถ หรือตะแบง ผมแถมให้ก็แล้วกัน
ตั้งใจอ่านให้ดีนะครับ อ่านให้ดีดี อ่านนะครับ อ่านหน่อย เมื่ออ้างว่ายึดกุรอ่าน แล้วปฏิเสธฮะดีษ ก็อ่านบ้าง จะได้ไม่หลงไปแล้วแสดงความไม่รู้ออกมาให้จับได้ว่า คุณไม่ได้ศึกษากุรอ่านจริงจัง คุณแค่อ้างเท่านั้น
อ่านเถอะนะ นะครับ
4:103. ครั้นเมื่อพวกเจ้าเสร็จจากการละหมาดแล้ว(*1*) ก็จงกล่าวรำลึกถึงอัลลอฮฺ ทั้งในสภาพยืนและนั่งและในสภาพนอนเอกเขนกของพวกเจ้า ครั้นเมื่อพวกเจ้าปลอดภัยแล้ว ก็จงดำรงไว้ซึ่งการละหมาด(*2*) แท้จริงการละหมาดนั้นเป็นบัญญัติที่ถูกกำหนดเวลา(*3*)ไว้แก่ผู้ศรัทธาทั้งหลาย
เราละหมาดกันเป็นเวลานะครับ ไม่ใช่ละหมาดตลอดเวลา
ถ้ายังไม่พอ อ่ะแถมให้อีกก็ได้
17:79. และจากบางส่วนของกลางคืนเจ้าจงตื่นขึ้นมาละหมาดในเวลาของมัน เป็นการสมัครใจสำหรับเจ้า หวังว่าพระเจ้าของเจ้าจะทรงให้เจ้าได้รับตำแหน่งที่ถูกสรรเสริญ(*1*)
ยัง ยังไม่หมด
24:58. โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย ! จงให้บรรดาผู้ที่มือขวาของพวกเจ้าครอบครอง (*1*) และบรรดาผู้ที่ยังไม่บรรลุศาสนภาวะในหมู่พวกเจ้า ขออนุญาตพวกเจ้าสามเวลาคือ ก่อนเวลาละหมาดฟัจญริ และเวลาพวกเจ้าเปลื้องเสื้อผ้าในเวลากลางวัน (*2*) และหลังจากเวลาละหมาดอิชาอฺ (*3*) ทั้งสามนี้เป็นเวลาส่วนตัวสำหรับพวกเจ้า (*4*) หลังจากนี้แล้วไม่เป็นที่น่าตำหนิแก่พวกเจ้าและแก่พวกเขา เพราะพวกเขาวนเวียนรับใช้บางคนในหมู่พวกเจ้า เช่นนั้นแหละอัลลอฮฺทรงชี้แจงโองการทั้งหลายให้เป็นที่ชัดแจ้งแก่พวกเจ้า และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ
เวลาละหมาดน่ะ มีบอก และกล่างถึงในกุรอ่านนะครับ แต่ถ้าเราไม่เอาฮะดีษ เราจะยังไม่ทราบว่า เวลาใด เป็นเวลาใดแน่นอน และมีกี่เวลาชัดเจน แต่ที่แน่ๆ การละหมาดนั้น เป็นเวลา และไม่ได้กระทำตลอดเวลาครับ
ที่นี้ เราก็จับได้แล้วล่ะครับว่า คุณน่ะ ไม่รู้แม้กระทั่งกุรอ่าน ที่คุณอ้างว่าใช้ยึดเป็นหลัก นี่ไงครับแสดงถึงความไม่รู้ของคุณ ที่เมื่อศึกษาเอง คุณก็หลงทางแล้วคิดว่าการละหมาดนั้น ทำได้ตลอดเวลา แม้แต่ออกกำลังกาย
เพราะกุรอ่านก็บอกชัดเจนว่า ให้ยืนละหมาด ยกเว้นเวลาอยู่ในช่วงอันตราย หรือคับขัน จึงให้ละหมาดตอนเดิน หรือ ขี่ม้า นั่นไม่ใช่การปฏิบัติโดยทั่วไปจนอ้างว่า ละหมาดตลอดเวลา หรือละหมาด ไปออกกำลังกายไปได้ เพราะกุรอ่านเปิดช่องให้ในยามคับขันนะครับ
ดังนั้น ละหมาดกึ่งกลางคืออะไร เพราะไม่ใช่คำว่า balanceที่แปลว่า รักษาสมดุลการละหมาดตลอดเวลาแบบที่คุณเดามังครับ
--- End quote ---
ขอให้ครบ 5 เวลาครับ อย่างที่คุณเคยบอกว่าอัลลอฮฺได้บอกไว้
wisdom:
--- อ้างจาก: sufriyan ที่ เม.ย. 23, 2012, 08:48 PM ---ยอมรับว่าไม่รู้เถอะครับ จะได้จบๆ ผมเข้ามาอ่านคุณตั้งนานแล้ว ไม่แตกต่างจากซิมซิมิเลย
วัลลอฮูอะลัมฯ
--- End quote ---
ตกลงคุณรู้ไหมเนี่ย?
sufriyan:
รอคุณถามอยู่เหมือนกันครับ
จริงๆแล้วเวปนี้มีคนรู้มากมาย แต่ที่ไม่มีใครตอบเพราะเค้าเลือกที่จะ ไม่สนใจมากกว่าครับ จุฬาราชมนตรี คนปัจจุบัน มักเอ่ยคำหนึ่งว่า "อย่าให้ราคา" อย่าให้ผมใช้สำนวนของอิหม่ามชาฟีอีนะครับ เพราะมันจะแรง......
เอาเป็นว่าเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าคุณไม่ได้เข้ามาหาความรู้ และไม่ได้เข้ามาให้ความรู้
วัลลอฮูอะลัม
Carrothz:
ทำไมผมจะไม่รู้ว่าคุณคือใคร หรือเป็นกลุ่มก้อนองค์กรเดียวกับใคร เพราะลักษณะคุณแทบจะถอดแบบออกมาเลยกับ login แมทท์ในพันทิพ เพียงแต่กำจัดจุดอ่อนของแนวคิดที่แมทท์ใช้เท่านั้น คือคุณถึงกับโกหกว่า ละหมาดตลอดเวลา โดยหารู้ไม่ว่า คุณได้เผยจุดอ่อนออกมาแล้ว เพราะละหมาดนั้นทำเป็นเวลา ดังนั้น คุณจึงใช้วิธีสุดท้าย นั่นคือ บอกว่าผมด่าทอ
รสูลอ่านเฉพาะกุรอ่าน ก็ชัดเจน ไม่เห็นขัดแย้ง ทั้งสองโองการ ก็สอนด้วยกุรอ่านทั้งหมดทำไมคิดว่ากุรอ่านจะขัดแย้งล่ะครับ ไม่คิดว่าความเข้าใจของคุณจะขัดแย้งบ้าง
ผมว่าคุณเลิกตอบ forum ด้วยถ้อยคำที่ดูถูกด่าทอเถอะครับ ไม่ได้ทำให้คุณดูสูงขึ้น
บางครั้งผมก็อยากตอบกลับไปด้วยความรุนแรงเช่นกัน แต่ผมก็สามารถเอาชนะชัยฏอนที่คอยกระซิบได้เกีอบทุกครังครับ
และผมคิดว่าเราคุยด้วยหลักฐานก็พอครับ
และถ้าหากคุณเชื่อกุรอ่าน ดู Signature ผมครับ เรื่องการพูดคุยที่ดี
ผมไปด่าทอคุณตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะครับ ผมก็พูดไปตามจริง คำหยาบผมไม่ใช้สักคำ จริงๆ มันรุนแรงน้อยกว่าการที่พวกปฏิเสธฮะดีษบอกว่าฮะดีษเป็นนิทานเสียด้วยซ้ำ
ดังนั้น วิธีการนี้ใช้ไม่ได้ผลหรอกครับ
อ่อ แล้วที่บอกว่าขัดนั้น แน่นอนโองการของอัลลอฮฺไม่ขัดกัน แต่การตีความมั่วๆ ของคุณโดยปราศจากความรู้นั่นล่ะมันคือการพยายามทำให้โองการขัดกัน คุณพยายามบอกว่า ท่านนบีมีหน้าที่บอกแต่กุรอ่านอย่างเดียว ไม่ได้มีหน้าที่สอน ชัดๆ นะครับ
แต่โองการที่ผมยกมา มีคำว่า "สอน" เต็มๆ แถมไม่ได้สอนเฉพาะกุรอ่านด้วย โองการกุรอ่านไม่ขัดกันหรอกครับ แต่คุณเองที่ขัดกับกุรอ่าน ผมยกตัวอย่างมาชัดเจนแล้วนะ
3:164. แน่นอนยิ่ง อัลลอฮ์นั้นทรงมีพระคุณแก่ผู้ศรัทธาทั้งหลาย โดยที่พระองค์ได้ทรงส่งร่อซูลคนหนึ่งจากพวกเขาเองมาในหมู่พวกเขาโดดยที่เขาจะได้อ่านบรรดาโองการของพระองค์ให้พวกเขาฟัง และจะทำให้พวกเขาสะอาดและจะสอนคัมภีร์ และความรู้เกี่ยวกับข้อปฏิบัติในบัญญัติศาสนาแก่พวกเขาด้วย และแท้จริงเมื่อก่อนนั้นพวกเขาเคยอยู่ในความหลงผิดอันชัดแจ้ง
3:164 laqad man-nal-laahu 'Alal mu'miniyna idh ba'Atha fiyhim rasuulam min anfusihim yatluu 'Alayhim aayaatihii wa yuzak-kiyhim wa yu'Al-limuhumul kitaaba wal Hikmah* wa in kaanuu min qablu lafiy Dalaalim mubiyn
Ahmed Raza Khan: Mohammed Aqib Qadri:
Allah has indeed bestowed a great favour upon the Muslims, in that He sent to them a Noble Messenger (Prophet Mohammed - peace and blessings be upon him) from among them, who recites to them His verses, and purifies them, and teaches them the Book and wisdom; and before it, they were definitely in open error. (The Holy Prophet Mohammed - peace and blessings be upon him - is one of Allah's greatest favours to mankind.)
Yusuf Ali:
Allah did confer a great favour on the believers when He sent among them a messenger from among themselves, rehearsing unto them the Signs of Allah, sanctifying them, and instructing them in Scripture and Wisdom, while, before that, they had been in manifest error.
Pickthal:
Allah verily hath shown grace to the believers by sending unto them a messenger of their own who reciteth unto them His revelations, and causeth them to grow, and teacheth them the Scripture and wisdom; although before (he came to them) they were in flagrant error.
ingyas:
ผมว่า"อย่าให้ราคา"ถูกต้องครับ
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version