
พอดีมีเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งจะแต่งงาน เขาหมายเหตุในหนังสือเชิญว่า เพื่อเป็นการฟื้นฟูซุนนะฮฺของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม งานนี้ไม่ขอรับซองใด ๆ
ผมก็เลยงงว่า คู่บ่าวสาวในสมัยท่านเราะสูล หรือ ในยุคสะลัฟ เขาไม่ตอบรับของขวัญจากผู้อื่นหรือ
ผมเคยอ่านเจอว่า ท่านเราะสูลและครอบครัวนั้นไม่มีสิทธิ์รับเศาะดะเกาะฮฺ แต่สามารถรับ ฮะดิยะฮฺได้
โอกาสแต่งงาน/วะลีมะฮฺ น่าจะเป็นเหตุให้รับฮะดิยะฮฺได้
ผมจะยังคงให้ของขวัญหรือซองแก่คู่บ่าวสาวต่อไป จนกว่าจะพบหลักฐานที่แน่ชัดว่าห้าม
ส่วนใครไม่รับ กรุณาแจ้งล่วงหน้า
วัลลอฮุอะอฺลัม
วัสสลาม
นั่นน่ะสิคะ...หนูไม่เห็นเคยได้ยินว่ารับ"ซอง"
ไม่ได้เลยนะคะแช
เพราะ"ซอง"ในที่นี้ก็คงหมายถึง"เงิน"
"เงิน"ก็น่าจะเป็นของขวัญได้ไม่ใช่เหรอคะ...
เหมือนเราให้เงินลูกหลานเราในวันอีด...
เราก็ให้เงินนะคะ...
ก็เลยงงๆว่า มันมีหลักฐานว่าทำไม่ได้อย่างไร
ปล.แต่ถ้าไม่รับ"ซอง"เพราะเห็นใจแขกที่มางาน
ว่าบางท่านอาจจะลำบาก(เพราะปีๆนึง
กินงานแต่งไปหลายงาน งานนึงใส่ซองไปยี่สิบบาท
สิบงานก็ปาไปแล้วสองร้อย...เลยเกรงใจแขกที่มา
อยากให้มาร่วมงานเฉยๆ)...ก็น่าจะเป็นความตั้งใจที่ดี
คือ ประมาณว่า เราอยากเลี้ยแขกจากหัวจิตหัวใจ
เลี้ยงเพราะอยากเลี้ยงแขกที่มาร่วมเป็นพยานรัก
ท่านอย่าได้เดือดร้อนจัดหาอะไรมาให้เราเลย...
งานนี้เราขอเลี้ยงท่านเอง...เต็มที่ๆ...
ประมาณนั้นหรือเปล่าคะแช...อิอิอิ...
แบบว่าเหนียตให้แขกได้กินกันอิ่มหนำสำราญ
หรือเป็นฝ่ายเลี้ยงแขก โดยไม่ขอรับอะไรจากแขก
เนื่องจากอาจเป็นการรบกวนแขก
ที่อุตส่าห์สละเวลามางานเราแล้วยังต้องนำ"ซอง"
มาให้อีก...ก็เป็นได้นะคะแช...
อิอิอิ
ปล.อีกที...แถวๆที่บ้านข้าน้อย(ปักษ์ใต้)นั้น
จะมีการจัดงานสำหรับคู่บ่าวสาวอยู่ 2 ลักษณะใหญ่ๆค่ะ
คือ เลี้ยงแขกที่มาร่วมพิธีนิกะฮ์ของคู่บ่าวสาว
อันนี้เลี้ยงอย่างเดียว ไม่มีจัดงานใหญ่โตอะไร
และปกติชาวบ้านจะมาร่วมกันทำอาหาร เอาข้าวสาร
ผัก ผลไม้ ใครมีอะไรก็เอากันมา
แล้วมาร่วมกันทำในบ้านงาน เลยไม่มีการให้ซอง
ประมาณว่าน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า เจ้าภาพก็ออกปาก
ให้มาช่วยงานกัน...ช่วยทำช่วยกิน
เสร็จพิธี ส่งบ่าวสาวเข้าห้องหอ ก็กลับบ้านใครบ้านมัน
ใครจะหิ้วกลับบ้านด้วยก็ไม่เป็นไร...อิอิ
ซึ่งงานลักษณะนี้จะไม่มีการเชิญแขกอย่างเป็นทางการ
ประมาณออกปากกันมากกว่าค่ะ...
ไม่มีการ์ดอะไรมากมาย มาช่วยทำ มาช่วยอวยพรเสร็จ
กินเสร็จ ก็แยกย้ายกันกลับ...ไม่เป็นธุรกิจ
(การแต่งงานเดี๋ยวนี้ มีแบบทำกันเป็นธุรกิจด้วยนะคะ
แบบมีการเก็งกำไรจากการจัดงานกันก็มี
ซึ่งพ่อข้าน้อยไม่นิยมชมชอบนัก ท่านไม่ค่อยปลื้ม
เลยไม่หนับหนุนให้ลูกๆจัดงานลักษณะที่เหนียต
เพื่อให้ได้กำไรจากการจัดงานแต่ง)
ส่วนอีกกรณีก็คือ ทำพิธีอีกวันนึง แล้วก็มีการจัดงานแต่ง
อันนี้จะจัดที่บ้านเจ้าบ่าวหรือบ้านเจ้าสาว
หรือทั้งสองบ้านเลยหรือจะจัดกันที่โรงแรม
ก็แล้วแต่ฐานการเงินและสภาพคล่องของแต่ละคู่ไปค่ะ...
ซึ่งงานลักษณะนี้จะมีการเชิญการ์ดกัน มีการรับซองกัน
ส่วนจะมีการเก็งกำไรจากงานแต่งในลักษณะนี้หรือไม่
ขึ้นอยู่กับเหนียตของทางเจ้าภาพค่ะ...
เท่าที่ข้าน้อยสัมผัสก็เห็นจะมี 2 กรณีใหญ่ๆ
ที่ย่อยๆยังมีอีกเยอะค่ะ...อิอิอิ
ไปงานแต่งมาเยอะค่ะ เป็นคนล้างจานเสียส่วนใหญ่
ไม่ค่อยมีใครวานให้ไปเสริฟน้ำบ้างอะไรบ้างเลย
อยู่ก้นครัวมันนั่นแหล่ะค่ะ...หน้างี้มันเชียว...อิอิ
เลยไม่มีหน้าออกไปรับแขก ขนาดงานแต่งพี่สาว
ยังขลุกอยู่แต่ในครัว จนแขกที่มางานที่อยากเห็นหน้า
เด็กเรียนนอก ต้องเดินมาหาถึงในครัวเอง...อิอิอิ...
นอกเรื่องไปไกลแล้ว ขอเลี้ยวหัวกลับปากอ่าวก่อนค่ะ
เฮะๆ
วัสลามค่ะ