ผู้เขียน หัวข้อ: การกล่าวคำอวยพรแสดงความยินดีแก่กาเฟรในวันสำคัญต่างๆ ของพวกเขา หุก่มว่าอย่างไร ??  (อ่าน 6791 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Muftee

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1899
  • เพศ: ชาย
  • ตั้งใจเข้าไว้นะ มุฟตีย์น้อย
  • Respect: +190
    • ดูรายละเอียด

การกล่าวคำอวยพรแสดงความยินดีแก่กาเฟรในวันสำคัญต่างๆ ของพวกเขา เช่น วันคริสต์มาส ,วันวาเลนไทน์ เป็นต้น  หุก่มว่าอย่างไร ?? ชี้ขาดโดย สถาบันดารุลอิฟตาอฺ แห่งประเทศอียิปต์




ตอบ ..

อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงตรัสว่า ..

لَا يَنْهَاكُمُ اللَّهُ عَنِ الَّذِينَ لَمْ يُقَاتِلُوكُمْ فِي الدِّينِ وَلَمْ يُخْرِجُوكُمْ مِنْ دِيَارِكُمْ أَنْ تَبَرُّوهُمْ وَتُقْسِطُوا إِلَيْهِمْ إِنَّ اللَّهَ يُحِبُّ الْمُقْسِطِينَ

“อัลลอฮฺมิได้ทรงห้ามพวกเจ้า เกี่ยวกับบรรดาผู้ที่มิได้ต่อต้านพวกเจ้าในเรื่องศาสนา และพวกเขามิได้ขับไล่พวกเจ้าออกจากบ้านเรือนของพวกเจ้า ในการที่พวกเจ้าจะทำความดีแก่พวกเขา และให้ความยุติธรรมแก่พวกเขา แท้จริงอัลลอฮฺทรงรักผู้มีความยุติธรรม” (ซูเราะฮฺ อัล-มุมตะหินะฮฺ อายะฮฺที่8)


และอัลลอฮฺ ตะอาลา ยังทรงตรัสไว้อีกว่า ..

وَقُولُوا لِلنَّاسِ حُسْناً

“และพวกท่านทั้งหลาย จงพูดจาแก่เพื่อนมนุษย์ด้วยดี”  (ซูเราะฮฺ อัล-บะเกาะเราะฮฺ : 83)


และอัลลอฮฺ ตะอาลา ยังทรงตรัสอีกว่า ..

إِنَّ اللَّهَ يَأْمُرُ بِالْعَدْلِ وَالإِحْسَانِ

“แท้จริงอัลลอฮ์ทรงใช้ให้รักษาความยุติธรรมและทำดี” (ซูเราะฮฺ อัล-นะหฺล : 90)


ศาสนาอิสลามนั้น ส่งเสริมให้มุสลิมทำความดีและให้มีความเสมอภาคซึ่งกันและกัน ต่อผู้ที่ไม่ใช่มุสลิม จากบรรดาผู้ที่ไม่ได้ถูกต่อต้านในศาสนาของพวกเขา เช่นนั้นแหละ คือ ความต้องการที่จะให้เกิดขึ้นซึ่งความดีงามต่อบรรดาสิ่งที่ถูกสร้างทั้งหมด และเช่นเดียวกัน คือ ต้องการที่จะให้มนุษย์ได้พูดจาซึ่งกันและกันด้วยคำพูดที่ดีงาม ดังนั้น การติดต่อสัมพันธ์กัน ,การให้ของฝากกัน ,การเยี่ยมเยียนกัน และการกล่าวคำอวยพรแก่ผู้ที่มิใช้มุสลิมนั้น ถือว่าเป็นสิ่งต่างๆ ที่ดีงามยิ่ง


และด้วยเหตุนี้เอง จึงถือว่า อนุญาตให้กล่าวแสดงความยินดีแก่ผู้ที่มิใช่มุสลิม ในวันสำคัญต่างๆ ของพวกเขา ด้วยถ้อยคำที่ไม่ขัดแย้งกับหลักอะกีดะฮฺ(หลักการยึดมั่น) ของอิสลาม  ซึ่งท่านรสูล(ซ.ล.) เคยรับของกำนัลจากผู้ที่มิใช่มุสลิม  มีรายงานจากหะดีษเศาะหี๊ยะฮฺที่ให้ประโยชน์ในระดับขั้นมะวาติร(เชื่อถือได้อย่างแน่นอน) ว่า แท้จริงท่านรสูล(ซ.ล.) ได้รับของกำนัลจากผู้ที่มิใช่มุสลิม คือ ของกำนัลจากมะกูกัส อะซีม(ผู้นำชาวคริสเตียนแห่งไบแซนไตน์ ชาวอียิปต์) และได้มีรายงานมาจากท่านอะลีย์ บิน อะบีฏอลิบ (ร.ด.) กล่าวว่า ..

أهدى كسرى لرسول الله صلى الله عليه وسلم فقبل منه وأهدى له قيصر فقبل ، وأهدت له الملوك فقبل منها

“พระจักรพรรดิ แห่งเปอร์เซีย ได้มอบของกำนัลแก่ท่านรสูล(ซ.ล.) ดังนั้น ท่านก็ได้รับมันเอาไว้  และจักรพรรดิแห่งโรมันได้มอบของกำนัลให้แก่ท่านรสูล(ซ.ล.) ดังนั้น ท่านก็ได้รับไว้ และบรรดากษัตริย์ต่างๆ ก็ได้มอบของกำนัล ให้แก่ท่านรสูล(ซ.ล.) แล้วท่านรสูล(ซ.ล.) ก็ได้รับของกำนัลจากบรรดากษัตริย์เหล่านั้น”  (บันทึกโดย ท่านอิมามอัต-ติรมีซีย์ และท่านอิมามอะห์มัด)


แท้จริงปวงปราชญ์แห่งอิสลามได้ทำความเข้าใจกับหะดีษนี้ว่า  แท้จริงการรับของกำนัลจากผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมนั้น ถือว่าเป็นเป็นสิ่งที่ส่งเสริมให้กระทำ เพราะมันเข้าอยู่ในเรื่องของความดีงาม และแท้จริงมันคือ แบบฉบับจากท่านนบี(ซ.ล.)


ท่านอัซ-ซารอคซีย์ ได้กล่าวหลังจากที่ได้พูดถึงการให้ของกำนัลของท่านรสูล(ซ.ล.) แก่มุชริกีนว่า : การให้ของกำนัลแก่คนอื่นนั้น ถือเป็นมารยาทที่ดีงาม และท่านรสูล(ซ.ล.) ได้กล่าวว่า ..

بعثت لأتمم مكارم الأخلاق

“ฉันได้ถูกส่งมาให้แก่ประชาชาติทั้งหลาย เพื่อเป็นแบบฉบับที่ดีงาม”

ดังนั้น  ทำให้เราทราบว่าแท้จริงนี้เป็นสิ่งที่ดีงามในสิทธิของบรรดามุสลิมและสิทธิของบรรดามุชริกีนทั้งหมด.

ดู ตำรา شرح السير الكبير  โดย ท่านอิมามอัซ-ซารอคซีย์  เล่มที่ 1  หน้าที่ 96


ทุกสิ่งที่กล่าวมาจากอายะฮฺอัล-กุรอาน จากสุนนะฮฺของท่านรสูล(ซ.ล.) จากความเห็นของปราชญ์อิสลาม เรามีความเห็นว่า แท้จริงการกล่าวอวยพรแสดงความยินดีแก่กาเฟรนั้น ถือว่า เป็นหนึ่งในมารยาทที่ดีงาม ในการเชื่อมความสัมพันธ์กันระหว่างมุสลิมกับผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมในทุกๆ สภาพการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการไปเยี่ยมเยียนกัน ,การปลอบใจกัน ,การอวยพรแสดงความยินดีกัน ,การให้ของฝากกัน ,การรับของฝากกัน ,การเลี้ยงอาหารกัน และอื่นๆอีกมากมายจากสิ่งที่ดีๆ แท้จริงสิ่งนี้คือ หนึ่งในรูปแบบของการเรียกร้องเชิญชวนไปสู่แนวทางแห่งอัลลอฮฺ ตะอาลา ด้วยกับมารยาที่ดีงาม


ฟัตวาโดย สถาบันชี้ขาดปัญหาศาสนา ดารุลอิฟตาอฺ แห่งประเทศอียิปต์  บทว่าด้วย "เรื่องทั่วไป"

ที่มา http://www.dar-alifta.org/f.aspx?ID=644419
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มี.ค. 29, 2012, 06:53 PM โดย Muftee »
// อะฮฺลิสสุนนะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺ...สักวันนึง เราต้องเป็นอุละมาอฺที่ยิ่งใหญ่ อินชาอัลลอฮฺ //

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
 :salam:

คนละกรณี แต่คล้าย ๆ กัน ในโอกาสที่มุสลิมฉลองการแต่งงาน (วะลีมะฮฺ)  คู่บ่าวสาวสามารถรับของขวัญ รวมทั้ง "ซอง" จากทั้งมุสลิมและไม่ใช่มุสลิมได้หรือไม่

ออฟไลน์ Muftee

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1899
  • เพศ: ชาย
  • ตั้งใจเข้าไว้นะ มุฟตีย์น้อย
  • Respect: +190
    • ดูรายละเอียด
:salam:

คนละกรณี แต่คล้าย ๆ กัน ในโอกาสที่มุสลิมฉลองการแต่งงาน (วะลีมะฮฺ)  คู่บ่าวสาวสามารถรับของขวัญ รวมทั้ง "ซอง" จากทั้งมุสลิมและไม่ใช่มุสลิมได้หรือไม่


ถือว่า เข้าอยู่ในคำตอบเดียวกันครับ .. คือ อนุญาตให้รับได้ครับ เพราะถือเป็นน้ำใจจากผู้ให้ครับ


วัลลอฮุ ตะอาลา อะลา วะ อะลัม
// อะฮฺลิสสุนนะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺ...สักวันนึง เราต้องเป็นอุละมาอฺที่ยิ่งใหญ่ อินชาอัลลอฮฺ //

ออฟไลน์ ActionMask

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 250
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
ผมก็อวยพรบ่อยนะ วันเกิด ปีใหม่ บางทีก็ อวยพรว่า ขอให้ปรสะความเสร็จตลอดไปนะ ในใจก็ดุอาว่า ให้ได้รับอิสลามนะจะได้สำเร็จตลอดไป

แต่ถ้าวันสำคัญทางศาสนา เช่น คริสต์มาส มาฆบูชา วาเลนไทน์ แบบนี้ จะสงวนท่าที เพราะมันตะขิดตะขวงใจไงไม่รู้

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
 :salam:

พอดีมีเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งจะแต่งงาน เขาหมายเหตุในหนังสือเชิญว่า เพื่อเป็นการฟื้นฟูซุนนะฮฺของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม งานนี้ไม่ขอรับซองใด ๆ
ผมก็เลยงงว่า คู่บ่าวสาวในสมัยท่านเราะสูล หรือ ในยุคสะลัฟ เขาไม่ตอบรับของขวัญจากผู้อื่นหรือ
ผมเคยอ่านเจอว่า ท่านเราะสูลและครอบครัวนั้นไม่มีสิทธิ์รับเศาะดะเกาะฮฺ แต่สามารถรับ ฮะดิยะฮฺได้
โอกาสแต่งงาน/วะลีมะฮฺ น่าจะเป็นเหตุให้รับฮะดิยะฮฺได้
ผมจะยังคงให้ของขวัญหรือซองแก่คู่บ่าวสาวต่อไป จนกว่าจะพบหลักฐานที่แน่ชัดว่าห้าม
ส่วนใครไม่รับ กรุณาแจ้งล่วงหน้า

วัลลอฮุอะอฺลัม
วัสสลาม

ออฟไลน์ hiddenmin

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2453
  • เพศ: ชาย
  • 404 not found
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
    • Ikhlas Studio
"ไม่ใช่สุนนะฮนบี นบีไม่ทำ"

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
:salam:

พอดีมีเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งจะแต่งงาน เขาหมายเหตุในหนังสือเชิญว่า เพื่อเป็นการฟื้นฟูซุนนะฮฺของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม งานนี้ไม่ขอรับซองใด ๆ
ผมก็เลยงงว่า คู่บ่าวสาวในสมัยท่านเราะสูล หรือ ในยุคสะลัฟ เขาไม่ตอบรับของขวัญจากผู้อื่นหรือ
ผมเคยอ่านเจอว่า ท่านเราะสูลและครอบครัวนั้นไม่มีสิทธิ์รับเศาะดะเกาะฮฺ แต่สามารถรับ ฮะดิยะฮฺได้
โอกาสแต่งงาน/วะลีมะฮฺ น่าจะเป็นเหตุให้รับฮะดิยะฮฺได้
ผมจะยังคงให้ของขวัญหรือซองแก่คู่บ่าวสาวต่อไป จนกว่าจะพบหลักฐานที่แน่ชัดว่าห้าม
ส่วนใครไม่รับ กรุณาแจ้งล่วงหน้า

วัลลอฮุอะอฺลัม
วัสสลาม

นั่นน่ะสิคะ...หนูไม่เห็นเคยได้ยินว่ารับ"ซอง"
ไม่ได้เลยนะคะแช

เพราะ"ซอง"ในที่นี้ก็คงหมายถึง"เงิน"
"เงิน"ก็น่าจะเป็นของขวัญได้ไม่ใช่เหรอคะ...

เหมือนเราให้เงินลูกหลานเราในวันอีด...
เราก็ให้เงินนะคะ...

ก็เลยงงๆว่า มันมีหลักฐานว่าทำไม่ได้อย่างไร

ปล.แต่ถ้าไม่รับ"ซอง"เพราะเห็นใจแขกที่มางาน
ว่าบางท่านอาจจะลำบาก(เพราะปีๆนึง
กินงานแต่งไปหลายงาน งานนึงใส่ซองไปยี่สิบบาท
สิบงานก็ปาไปแล้วสองร้อย...เลยเกรงใจแขกที่มา
อยากให้มาร่วมงานเฉยๆ)...ก็น่าจะเป็นความตั้งใจที่ดี
คือ ประมาณว่า เราอยากเลี้ยแขกจากหัวจิตหัวใจ
เลี้ยงเพราะอยากเลี้ยงแขกที่มาร่วมเป็นพยานรัก
ท่านอย่าได้เดือดร้อนจัดหาอะไรมาให้เราเลย...
งานนี้เราขอเลี้ยงท่านเอง...เต็มที่ๆ...
ประมาณนั้นหรือเปล่าคะแช...อิอิอิ...

แบบว่าเหนียตให้แขกได้กินกันอิ่มหนำสำราญ
หรือเป็นฝ่ายเลี้ยงแขก โดยไม่ขอรับอะไรจากแขก
เนื่องจากอาจเป็นการรบกวนแขก
ที่อุตส่าห์สละเวลามางานเราแล้วยังต้องนำ"ซอง"
มาให้อีก...ก็เป็นได้นะคะแช...

อิอิอิ

ปล.อีกที...แถวๆที่บ้านข้าน้อย(ปักษ์ใต้)นั้น
จะมีการจัดงานสำหรับคู่บ่าวสาวอยู่ 2 ลักษณะใหญ่ๆค่ะ

คือ เลี้ยงแขกที่มาร่วมพิธีนิกะฮ์ของคู่บ่าวสาว
อันนี้เลี้ยงอย่างเดียว ไม่มีจัดงานใหญ่โตอะไร
และปกติชาวบ้านจะมาร่วมกันทำอาหาร เอาข้าวสาร
ผัก ผลไม้ ใครมีอะไรก็เอากันมา
แล้วมาร่วมกันทำในบ้านงาน เลยไม่มีการให้ซอง
ประมาณว่าน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า เจ้าภาพก็ออกปาก
ให้มาช่วยงานกัน...ช่วยทำช่วยกิน
เสร็จพิธี ส่งบ่าวสาวเข้าห้องหอ ก็กลับบ้านใครบ้านมัน
ใครจะหิ้วกลับบ้านด้วยก็ไม่เป็นไร...อิอิ
ซึ่งงานลักษณะนี้จะไม่มีการเชิญแขกอย่างเป็นทางการ
ประมาณออกปากกันมากกว่าค่ะ...
ไม่มีการ์ดอะไรมากมาย มาช่วยทำ มาช่วยอวยพรเสร็จ
กินเสร็จ ก็แยกย้ายกันกลับ...ไม่เป็นธุรกิจ
(การแต่งงานเดี๋ยวนี้ มีแบบทำกันเป็นธุรกิจด้วยนะคะ
แบบมีการเก็งกำไรจากการจัดงานกันก็มี
ซึ่งพ่อข้าน้อยไม่นิยมชมชอบนัก ท่านไม่ค่อยปลื้ม
เลยไม่หนับหนุนให้ลูกๆจัดงานลักษณะที่เหนียต
เพื่อให้ได้กำไรจากการจัดงานแต่ง)

ส่วนอีกกรณีก็คือ ทำพิธีอีกวันนึง แล้วก็มีการจัดงานแต่ง
อันนี้จะจัดที่บ้านเจ้าบ่าวหรือบ้านเจ้าสาว
หรือทั้งสองบ้านเลยหรือจะจัดกันที่โรงแรม
ก็แล้วแต่ฐานการเงินและสภาพคล่องของแต่ละคู่ไปค่ะ...
ซึ่งงานลักษณะนี้จะมีการเชิญการ์ดกัน มีการรับซองกัน
ส่วนจะมีการเก็งกำไรจากงานแต่งในลักษณะนี้หรือไม่
ขึ้นอยู่กับเหนียตของทางเจ้าภาพค่ะ...


เท่าที่ข้าน้อยสัมผัสก็เห็นจะมี 2 กรณีใหญ่ๆ
ที่ย่อยๆยังมีอีกเยอะค่ะ...อิอิอิ

ไปงานแต่งมาเยอะค่ะ เป็นคนล้างจานเสียส่วนใหญ่
ไม่ค่อยมีใครวานให้ไปเสริฟน้ำบ้างอะไรบ้างเลย
อยู่ก้นครัวมันนั่นแหล่ะค่ะ...หน้างี้มันเชียว...อิอิ
เลยไม่มีหน้าออกไปรับแขก ขนาดงานแต่งพี่สาว
ยังขลุกอยู่แต่ในครัว จนแขกที่มางานที่อยากเห็นหน้า
เด็กเรียนนอก ต้องเดินมาหาถึงในครัวเอง...อิอิอิ...

นอกเรื่องไปไกลแล้ว ขอเลี้ยวหัวกลับปากอ่าวก่อนค่ะ
เฮะๆ

วัสลามค่ะ


"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ BasemDeen

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 260
  • Respect: +9
    • ดูรายละเอียด
"ไม่ใช่สุนนะฮนบี นบีไม่ทำ"
แสดงว่า หากไม่มีการห้ามจากท่านนบี และ ไม่มีการห้ามจารกุรอาน
เราจะทำหรือไม่ทำก็ได้ใช่ไหมคับ
เข้าใจเลย smile:

ออฟไลน์ JawhaR

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1303
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
ญาซากัลลอฮุค็อยรอนครับท่าน Muftee   loveit:
I'm just a Mini Muslim and will try to be   StrongeR. Insha-Allah

ออฟไลน์ Muftee

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1899
  • เพศ: ชาย
  • ตั้งใจเข้าไว้นะ มุฟตีย์น้อย
  • Respect: +190
    • ดูรายละเอียด


เอกสารคำชี้ขาดปัญหาศาสนาของสถาบันดารุลอิฟตาอฺ แห่งประเทศอียิปต์
ที่เกี่ยวข้องกันในเรื่องข้างต้นนี้



ที่มา : http://www.dar-alifta.org/Viewstatement.aspx?ID=453&text=%D8%AD%D9%83%D9%85%20%D8%AA%D9%87%D9%86%D8%A6%D8%A9%20%20%D8%BA%D9%8A%D8%B1%20%D8%A7%D9%84%D9%85%D8%B3%D9%84%D9%85%D9%8A%D9%86
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธ.ค. 26, 2014, 10:29 PM โดย Muftee »
// อะฮฺลิสสุนนะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺ...สักวันนึง เราต้องเป็นอุละมาอฺที่ยิ่งใหญ่ อินชาอัลลอฮฺ //

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
แล้วถ้าเกิดว่า "วันสำคัญต่างๆ" ของพวกเขาขัดแย้งต่อหลักการอิสลาม
เช่น ประวัติการกำเนิดวันปีใหม่ที่ตรงกับวันที่ 1 มกราคม
เมื่อศึกษาลึกลงไปมันช่างเป็นวันที่พวกเขาเฉลิมฉลองให้กับชัยชนะ
ที่อยู่เหนือมุสลิมล่ะคะ...เราควรจะยินดีและอวยพรให้พวกเขาด้วยหรือเปล่าคะ...
(อันนี้ถามจริงๆนะคะ ไม่ได้แกล้งถาม)


เมื่อตอนที่ยังไม่รู้เกี่ยวกับประวัติในเชิงลึกของที่มาของวันปีใหม่ที่ทั่วโลก
ในหลายๆประเทศยึดถือปฏิบัติกันมานั้น...ก็เลยสนุกสนานเฮฮาด้วยมาตลอด
แต่พอรู้...ก็อดที่จะรู้สึกแสลงใจไม่ได้เหมือนกัน...

พอศึกษาเข้าก็เริ่มรู้ว่า...บางครั้งทุกๆการเฉลิมฉลอง มักมีนัยยะซ่อนเร้น
ทางด้านประวัติศาสตร์เสมอ...และส่วนใหญ่ก็มักจะเกี่ยวโยงกับเรื่องความเชื่อ
อย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น...

หากการเฉลิมฉลองบางอย่างเกิดมาจากการแสดงความยินดีที่มีชัยเหนืออิสลามหรือขัดแย้งต่ออิสลามอย่างรุนแรง
เราควรจะยินดีหรืออวยพรให้พวกเขาตอนที่พวกเขาเข้าสู่การเฉลิมฉลองนั่นแค่ไหน
และมีขอบเขตแค่ไหนคะ...

แม้ว่าปัจจุบันผู้คนมากมายจะลืมเลือนประวัติเหล่านั้นไปหมดแล้ว
และไม่ใส่ใจเรื่องที่มาของมันอีก...แต่ผู้ที่สร้างประวัตินั้นขึ้นมา
เขาก็คาดหวังให้สิ่งที่เขาสร้างมาดำเนินต่อไป...

เปรียบเหมือนกับการที่เราร่วมเฉลิมฉลองให้กับคนในหมู่บ้านในวันหนึ่งๆ
ของทุกๆปีที่วนเวียนมาถึง จนแล้ววันหนึ่งเรามารู้ว่าวันดังกล่าวนั้น
เป็นวันที่เขาเฉลิมฉลองให้กับการจากไปของปู่ทวดเราโดยที่เรา
ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน และคนในหมู่บ้านก็ลืมเลือนเรื่องราวเหล่านั้น
ไปหมดแล้ว หากก็ยังคงสืบทอดงานเฉลิมฉลองนั้นอยู่...
แล้วเราผู้เป็นลูกหลานปู่ทวดควรจะยินดีและรื่นเริงให้กับงานดังกล่าว
มากน้อยแค่ไหน...

คิดว่าเปรียบอย่างนี้คงจะพอเห็นภาพประวัติความเป็นมาของวันขึ้นปีใหม่
ที่ทั่วโลกยึดถือได้บ้าง...

และแน่นอน...ปีใหม่ของอิสลามไม่เหมือนปีใหม่ของศาสนิกอื่นในโลก
เหตุผลและที่มาที่ไปไม่ได้สร้างความเสียหายหรือสั่นคลอน
ต่อชนชาติใดด้วย...

ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้รักอิสลาม...เพราะเทศกาลเฉลิมฉลอง
ของมุสลิมมิเคยเหยียบย่ำหัวใจศาสนิกอื่น...แต่สำหรับตัวเองนั้น
รู้สึกว่าน้อยมากที่จะได้รับการอวยพรในวันสำคัญของเราจากศาสนิกอื่น...

ไม่เหมือนวันคริสมาสต์ที่ผู้คนไม่ว่าจะเป็นคริสเตียนหรือไม่
ต่างก็อวยพรให้กันและกัน...และก็มักจะได้รับข้อความอวยพร
แมรี่คริสต์มาสจากเพื่อนๆต่างศาสนิกแทบทุกปี...และมาจากทั่วสารทิศ
แต่กลับกันในวันอีดทั้ง 2 เพื่อนๆต่างศาสนิกกลับเงียบเชียบ
ไม่ส่งคำอวยพรหรือของขวัญอะไรมาให้เลย...ซึ่งนั่นเป็นวันที่เรา
ควรจะได้รับคำอวยพรมากกว่าวันคริสต์มาสน่ะนะ...

เคยซาบซึ้งใจกับเพื่อนต่างศาสนิกตอนที่เขาซื้อขนม
มาให้เป็นของขวัญตอนวันอีดอิฎิลฟิตรี...
วันแห่งการเฉลิมฉลองให้กับการอดทนถือศีลอดมาหนึ่งเดือนของมุสลิม...
นับว่าเป็นเพื่อนที่ให้ความเข้าใจเราโดยแท้แม้จะต่างศรัทธา...

และมักได้รับสิ่งดีๆจากเขาในช่วงรอมาฎอนเสมอ...
เขานับถือในความอดทนของมุสลิม...
ปัจจุบันเขาสนใจอิสลามเป็นอย่างมาก...
คาดว่าจะเข้ารับในอีกไม่ช้า...อินชาอัลลอฮฺ...

มันก็เป็นอีกเรื่องที่พอเปรียบเทียบขึ้นมาและทำให้เศร้า...
ก็ไม่น่าเอามาเปรียบเทียบเลย...อิอิ

ปล.ส่วนเรื่องงานเมาลิดนบีจะเหยียบย่ำหัวใจใครนั้น...
มันก็อีกประเด็นหนึ่ง...เฮะๆ...


ปล.อีกที...เข้ามาขอความรู้จริงๆค่ะ...หากได้ความกระจ่าง
จะได้ปรับเปลี่ยนทัศนคติเสียใหม่น่ะค่ะ...

"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
 :salam:

ส่วนใหญ่เราก็ถือว่า การเลียนแบบกิจกรรมของแนวความคิดอื่นใด เขาก็เสมือนมาจากชนกลุ่มนั้น (مَنْ تَشَبَّهَ بِقَوْمٍ فَهُوَ مِنْهُمْ)

ในทางปฏิบัติส่วนตัว ผมร่วมงานปีใหม่ ตามความจำเป็นในฐานะสมาชิกของสังคมแห่งนั้น เพราะเรารู้เจตนาของผู้จัดงานดีว่า ไม่ใช่ฉลองวันที่คริสเตียนในสเปนฉลองความสำเร็จในการไล่มุสลิมให้พ้นจากพื้นที่ของเขา แต่ก็มิได้แสดงความยินดีจนเกินเหตุ และมิได้เป็นตัวตั้งตัวตีในการจัดงานเสียเอง (ไม่เหมือนตอนยังอายุน้อยและไม่สำรวมตน แฮะ แฮะ)

ผมมีแนวคิดว่า การที่โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์อีกรอบหนึ่งนั้น ก็เป็นไปตามกำหนดของอัลลอฮฺ ไม่ได้มีข้อกำหนดให้ฉลอง หรือ ไม่ได้มีข้อห้ามมิให้ฉลอง น่าจะเป็นเรื่องมุบาห์ ไม่สนับสนุน และไม่มีข้อห้ามแบบเฉพาะเจาะจง

มีโอกาสได้อ่านบทความที่แปลโดยลูกศิษย์ที่เคยไปเรียนในประเทศมุสลิม เลยนำมาเพื่อประกอบการพิจารณา

Anas Cairo
    อุลามาอฺ อัล-อัซฮัรฺ ต้านฟัตวา ของแนวคิดสะละฟียฺ ที่กล่าวว่า ไม่อนุญาตกล่าวอวยพรแก่คนที่ไม่ใช่มุสลิมในวันอีด(วันเฉลิมฉลอง)ของพวกเขา
    เรื่องนี้ได้รับการยืนยันจากหัวหน้าพรรค (حزب الأصالة) ของสะละฟียฺ อาดิล อับดุลมักสูด เขากล่าวว่า เขาและพรรคจะไม่ส่งคำอวยพรใด ๆ แก่ชาวกิบตียฺ (คริสเตียน) และจะไม่เข้าร่วมกับวันเฉลิมฉลองคริสต์มาสของพวกเขา หรือเฉลิมฉลองปีใหม่ที่จะมาถึง โดยอ้างฟัตวาข้างต้น เขายังกล่าวอีกว่า เราและพรรคจะไม่ส่งการ์ดแสดงความยินดีใด ๆ หรือกล่าว มุบาร็อก ในวันอีด เพราะเห็นว่ายังมีสิ่งขวางกั้นระหว่างมุสลิมกับกิบตียฺ
     ด้านนักวิชาการอัล-อัซฮัรฺ ดร. อาตียะหฮ ไฟยาฎ อาจารย์กฎหมายอิสลามเปรียบเทียบ คณะชารีอะฮฺและกอนูน กล่าวว่า การที่ฟัตวาว่าไม่อนุญาตให้กล่าวอวยพรแก่ชาวคริสเตียนหรืออะฮฺลุลกิตาบใน “วันอีด” ของพวกเขานั้น คือ การเข้าใจผิดเกี่ยวกับวิธีการสานสัมพันธ์กับคนในศาสนาอื่น เขายังกล่าวอีกว่า การเชื่อมหลักฐานที่พวกเขายึดถือ จากฟัตวา ไม่อนุญาตให้กล่าวอวยพรในวันอีด ของคนที่ไม่ได้นับถือศาสนาอิสลาม ระหว่างกล่าวอวยพร กับการยอมรับความเชื่อของพวกเขา เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะการกล่าวอวยพรเป็นเรื่องของมูอามะลาต ที่จำเป็นในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนบ้าน หรือใช้ชีวิตร่วมกันเพื่อให้เกิดความรัก เป็นคำสั่งทั่วไปที่อัลกุรอ่านได้พูดถึง
 
“ในการที่พวกเจ้าจะทำความดีแก่พวกเขา และให้ความยุติธรรมแก่พวกเขา”           อัลมุมตะหินะฮฺ 8

    อายะฮฺมีคำสั่งให้ทำความดี มอบสิ่งดี ๆ คำว่าสิ่งดีนั้นเป็นชื่อรวมของทุกอย่างที่เป็นสิ่งดี ส่วน (القسط)คือ ความยุติธรรม อายะฮฺสั่งให้มุสลิมมอบสิ่งดี ๆ แก่พวกเขาและให้ความยุติธรรมแก่พวกเขา การมอบสิ่งดี ๆ ไม่ได้หมายความว่า เรายอมรับในความเชื่อของพวกเขา
    ทางด้าน มุฮัมหมัด รอฺฟัตอุสมาน (عضو مجمع البحوث الإسلامية)กล่าวว่าการที่พวกเขาพูดฟัตวา ว่าไม่อนุญาตให้กล่าวอวยพร เป็นการพูดที่ผิด ไม่ได้วางอยู่บนพื้นฐานทางวิชาการ เพราะหลักฐานกุรฺอานไม่ได้ห้ามกระทำความดีแก่คนที่ไม่ใช่มุสลิม ทั้งนี้และทั้งนั้น อัลกุรฺอานยังได้กล่าวถึงการแต่งงานกับคนที่เป็นอะฮฺลุลกิตาบ และยังกล่าวว่าสามารถกินเนื้อจากการเชือดของพวกเขา นับประสาอะไรกับการกล่าวคำอวยพรในวันอีด
    เราเคารพการยึดถือของท่าน เรานำเสนอข่าวเท่านั้น หากผิดพลาดเรายอมรับการติเตียนจากสมาชิก
28-12-2011 จากหนังสือพิมพ์ Freedom and Justice Issue ฉบับวันที่ 28 -12-2011
(แปลโดย Anas Cairo)

วัลลอฮุอะอฺละมุ บิศเศาะวาบ
วัสสลามุอะลัยกุม วะเราะหฺมะตุลลอฮิวะบะเราะกาตุฮฺ

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด

^
^

ถ้าเช่นนั้น เรา(หมายถึงมุสลิม) ก็สามารถกล่าว แมรี่คริสมาสต์
ให้แก่เพื่อนชาวคริสเตียนในวันคริสมาสต์ได้ใช่มั้ยคะ...
หรือสามารถมอบของขวัญแสดงน้ำใจอันดีงามของเราที่มีต่อเขา
ได้ด้วยใช่มั้ยคะ...เพราะเราให้เขาเนื่องจากสัมพันธภาพอันดีที่มีต่อกัน
มิได้ให้เพราะเลื่อมใสในศรัทธาของเขาไปด้วย...
ถ้าเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องห้ามใช่มั้ยคะ...

ซึ่งจะแตกต่างกับการให้ซองขาวทอดผ้าป่าอย่างแน่นอน
เพราะนั่นเป็นการสนับสนุนเรื่องศาสนาโดยตรง (อันนี้ก็ไม่ได้เข้าใจผิดใช่มั้ยคะ)

ขอคำยืนยันอีกสักรอบนิดเถอะนะคะ...
เพราะบางครั้งอ่านฟัตวาทีไร ทำให้สมองตีความกลับไปกลับมาประจำ
^^

ไม่ใช่อะไรเลยค่ะ...ตอนนี้เพื่อนๆส่งคำอวยพรปีใหม่มาให้กัน
ครั้นจะไม่ยินดีหรืออวยพรกลับไปก็ให้รู้สึกแปลกๆอีก...เฮ้อ...

ปล.ยังมีอีกอย่างที่ยังค้างคาใจ เพราะใกล้เข้ามาแล้ว
คือ...ปกติของเซ่นไหว้นี่กินไม่ได้...แล้วของที่เขาทำขึ้นเพื่อวันเฉลิมฉลอง
ในพิธีท่ีเกี่ยวข้องกับศาสนาอื่นๆ แต่ไม่ได้เอามันไปเซ่นไหว้บูชาอะไรต่อมิอะไรนั้น
กินได้ไหมหนอ...เช่น ช็อกโกแลตในวันวาเลนไทน์งี้ เค้กวันเกิดที่เขาเป่าเทียนงี้
กินได้มั้ยคะ...เพราะไอ้สองอย่างที่ยกตัวอย่างมานั้น ข้าน้อยกินมาแล้วน่ะสิ
มาสำนึกอยากรู้เอาตอนนี้ เพราะสะกิดใจขึ้นมา...ถ้ารู้ว่ากินไม่ได้
ต่อไปก็จะได้ไม่กินมันอีกค่ะ...


"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
 :salam:

อย่าเพิ่งไปไกลขนาดนั้น เมอรี่คริสต์มาส นั้น เป็นการอวยพรตามเทศกาลของศาสนาอย่างแท้จริง ถ้าตอบว่าเมอรี่คริสต์มาสก็เป็นการเลียนแบบชัดเจน เอาแค่ "ขอให้คุณมีความสุขเช่นกัน" ก็น่าจะพอเพียง โดยเทียบ (กิยาส) กับหะดีษที่ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ให้กล่าวรับสลามของอะฮฺลุลกิตาบว่า "วะอะลัยกุม - และต่อท่านเช่นกัน"
ส่วนเค้ก ช็อคโกแลต หรือขนมอื่น ๆ นั้น ก็ให้พิจารณาว่า ถ้าไม่ใช่เป็นเทศกาล เขาทำรับประทานกันหรือไม่ ถ้าเขาทำรับประทานกันเป็นปกติอยู่แล้ว เพียงแต่เมื่อถึงเทศกาลก็ทำเพิ่มขึ้น ผมก็ว่าน่าจะอนุโลมให้รับประทานได้
ที่กล่าวมานี้ เพียงเพื่อบอกว่า อนุญาตให้ร่วมงานเหล่านี้ได้ด้วยความกระดาก เพื่อรักษาสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน โดยไม่แสดงการรังเกียจเดียดฉันท์จนเสียไมตรี
แต่ถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็ประเสรืิฐที่สุด
และสิ่งนี้คือความเห็นส่วนตัวของผมเอง
วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
^
^
ขออัลลอฮฺทรงตอบแทนค่ะ...

ชัดเจนเลยค่ะคราวนี้...เฮะๆ
โชคดีที่ก่อนหน้านี้ตะหงิดใจไม่ได้เมอรี่คริสมาสต์ตอบเพื่อนผองกลับไป...
เพราะรู้สึกว่ามันคลุมเคลือ...

เมื่อเวลาเปลี่ยน ความคิดคนก็เปลี่ยนไปตามสิ่งทีได้เรียนรู้
ยังนึกย้อนไปเลยว่าเมื่อก่อนแสนจะสนุกกับเทศกาลโน่นนี่
โดยไม่ได้รู้สึกกระดากใจเลย...เพราะไม่รู้อะไรเลยนั่นเอง...
เห็นช้างขี้ขี้ตามช้าง...อิอิ

แต่ปัจจุบัน เมื่อได้ศาสนามาขัดเกลากลับเห็นสัจธรรมหลายอย่างมากขึ้น
จนคิดว่า...ความสนุกสนานรื่นรมย์มักมาพร้อมกับโศกนาฏกรรมหมู่เสมอ
ปีใหม่ สงกรานต์ หลายชีวิตต้องมาสังเวย ตายกันเกลื่อนเมือง...
วาเลนไทน์นั่นอีก...สาวๆหลายคนโดนสังเวยให้แก่ค่านิยมผิดๆ...
เลยทำให้คิดได้ว่า...
งานหรือเทศกาลความเชื่อบางอย่าง หลีกเลี่ยงได้ก็จะประเสริฐสุด
แม้ไม่ได้ใช้ชีวิตสนุกสนานอย่างแต่ก่อน แต่ก็ภูมิใจว่าได้ใช้ชีวิต
ที่ไม่ไร้แก่นสานอย่างแต่ก่อนนัก...

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธ.ค. 31, 2014, 07:42 PM โดย nada-yoru »
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

 

GoogleTagged