ผู้เขียน หัวข้อ: สี่มัซฮับหรือสี่อีหม่ามเท่านั้นหรือที่ถูกต้อง  (อ่าน 8445 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ roy4kids

  • ความจริง ย่อมเป็นความจริงวันยังค่ำ
  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 19
  • เพศ: ชาย
  • เมื่อความจริงปรากฎ ความมดเท็จจะหายไป
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
 :salam:1.  เอาละครับ อย่างไรเราก็ตกลงกันไม่ได้อยู่แล้ว คุณยินยันในการสังกัดมัสฮับ ส่วนไม่สังกัด
2. ผมพูดถึงซูฟีในประเทศไทย ซึ่งเขาสังกัดมัสฮับชาฟีอี ไม่ยอมทำญุมอัด อ้างว่า จำนวนคนที่อ่านฟาตีฮะถูกไม่ครบสี่สิบคนแล้วไม่ยอมเรียนที่จะอ่านให้ถูกด้วย (ซึ่งในเท่าที่ผมรู้มา เป็นทัศนะของอุลามา ตั้งแต่ สาม เจ็ด เก้า จนถึงสี่สิบ แต่สำหรับผม ยึดทัศนะของอุลามาที่บอกว่า มีหนึ่งญามาอะที่ไม่จำกัดถึงจำนวน)และถือศีลอดหรือออกบวช ก็ไม่เคยดูจันทร์เสี้ยวแต่จะคำนวณ ซึ่งบางปี เคยถือบวชในเดือนเชาวาลเพื่อให้ครบ สามสิบวัน
3. ในบ้านเรา เมาลิดกับบัรซันญี่ก็ของคู่กัน เมาลิดเริ่มชึ้นครั้งแรกเมื่อ ฮ 362 (ถ้าจำไม่ผิด) ส่วนบัรซันญี ที่เราอ่านในปัจจุบัน ถูกแต่งขึ้นใน ฮ 632 (ถ้ามไม่ผิดพลาด) ประวัติความเป็นมาใครจัดทำขึ้นครั้งแรก ผมมั่นใจคุณรู้ดีกว่าผม และเนื้อหาในบัรซันญี่ผู้ที่เชี่ยวชาญภาษาอาหรับรู้ดีกว่าผม
แต่ปัญหาว่า คนส่วนใหญ่คิดว่ามันอีบาดัด ทำแล้วได้ผลบุญ ซึ่งไม่หลักฐานเลย แต่ถ้าซอลาวัตท่านนบี ได้ผลแน่เพราะมีหลักฐาน และสำนวนการซอลาวัตท่านนบี ๆ ก็ได้บอกไว้แล้ว
เอาละ ผมคิดว่า ผมจะยุติเรื่องมัสฮับทั้งสี่แค่นี้ เพราะยิ่งพูดไป มันยิ่งมีเรื่อง(คุย)มากขึ้นไม่สิ้นสุด เพราะเราลงเอยกันไม่ได้ แต่คิดว่าจะตั้งกระทู้ในเรื่องที่ผมไม่เข้าใจหรือสิ่งที่อยากรู้ต่อไป
ซาลาม

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
 :salam:

ความจริงอยากจะตอบท่าน roy4kids แต่ท่านอยากได้เฉพาะผู้รู้ที่เคยเรียนต่างประเทศ

ผมขอแสดงความเห็น ท่านอย่าถือว่าเป็นคำตอบก็แล้วกัน

1. ที่มีผู้กล่าวว่า นบีรับรองเฉพาะ 4 มัซฮับ เป็นคำกล่าวที่เหลวไหล ไม่มีที่มาที่ไป

2. ยิ่งกล่าวว่า "ในวันกิยามะฮฺ จะมีธงของมัซฮับ สำหรับคนในสังกัด หรือประมาณนั้น" ยิ่งเป็นเรื่องเหลวไหลใหญ่

3. ตามที่ท่านปฏิญาณว่า ไม่ว่าจะยึดหลักอะไร ต้องรู้ที่มาที่ไปและหลักฐานที่แน่ชัด เพื่อให้มั่นใจในสิ่งที่ปฎิติว่าเป็นของแท้และถูกต้อง เป็นความคิดที่ดีและน่าสนับสนุน

4. มัซฮับเป็นเพียงแนวทางที่ปราชญ์ยุคแรก (3 generations แรกภายหลังการเสียชีวิตของท่านศาสนทูต) ได้เขียนไว้เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ที่ศึกษากับท่าน เช่น อิมามมาลิก เขียน มุวัฏเฏาะอ์ อิมามอัชชาฟิอียฺ เขียน อัลอุมม์ อิมามอะหฺมัด อิบนุหัมลัล เขียน มุสนัด หนังสือเหล่านี้ เขียนโดยมีพื้นฐานจากอัลกุรฺอานและอัลหะดีษทั้งสิ่น แต่ที่มีเนื้อหาแตกต่างกันในหลายกรณี เพราะแต่ละท่านนั้น ศึกษาหะดีษมาไม่ตรงกัน และให้น้ำหนักกับหะดีษบางหะดีษไม่เหมือนกัน การศึกษาสมัยก่อนไม่มีอินเตอร์เนตไว้ค้นคว้าเหมือนสมัยนี้ หะดีษหนึ่ง อิมามท่านหนึ่งเคยได้ยิน แต่อีกอิมามหนึ่งไม่เคยหรือไม่ยอมรับในการรายงาน

5. ผมเรียนตามแนวทางที่สอนกันอยู่ในประเทศไทย คือ ชาฟิอียฺ แต่ไม่เคยปฏิเสธแนวทางอื่น พยายามศึกษาและให้ความสำคัญกับแนวทางที่เชื่อถือได้มากที่สุดในปัญหาแต่ละปัญหา

6. ส่วนที่ท่านไปพบเห็นมานั้น(เช่น  ไม่ยอมทำญุมอัด อ้างว่า จำนวนคนที่อ่านฟาตีฮะถูกไม่ครบสี่สิบคนแล้วไม่ยอมเรียนที่จะอ่านให้ถูกด้วย ฯลฯ) เป็นแนวทางที่อ่อนแอ ท่านรับรู้แล้วก็ผ่านไป อย่าไปสนใจ เมื่อไม่มีหลักฐานก็ไม่ต้องไปเชื่อ แต่ กรณีไหน ทั้งสองหรือสามฝ่ายต่างมีหลักฐานมายืนยันวิธีปฏิบัติของแนวทางตน ผมก็เลือกตามแนวทางของชาฟิอียฺ เพราะเรียนมาตามนั้น

7. ผมไม่ได้ยืนยันว่าวิธีคิดผมถูกต้อง แต่นี่เป็นวิถีที่ผมยึด และผมก็ยอมรับในวิธีคิดของท่านเช่นกัน ศึกษาอิสลามไปเรื่อย ๆ อย่าเพิ่งเบื่อและหยุดศึกษาไปเสียก่อนนะครับ

วัลลอฮฺอะอฺลัม

วัสสลาม

หมายเหตุ ผมก็ไม่ได้เรียนศาสนามาโดยตรง แต่เป็นแพทย์เวชปฏิบัติครอบครัว (Family Physician)

ออฟไลน์ Carrothz

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 120
  • Respect: +24
    • ดูรายละเอียด
ทำไมคนถึงตามมัซฮับ ก็เพราะว่าไม่มีความรู้พอที่จะไปตัดสินเองน่ะสิครับ

เหมือนคุณไม่ได้เป็นหมอ แต่ไปซื้อตำราหมอมาอ่านเอง รักษาเอง มันถูกต้องไหม?

ฮะดีษบางฮะดีษ มีสายรายงายดีทั้งคู่ แข็งแรงทั้งคู่ แต่ก็ต้องพิจารณาอีกว่า มีมาจากเหตุการณ์ใดสถานการณ์ใด วินิจฉัยอย่างไร เรามีความรู้พอหรือ เปล่า เพราะบางอย่างเราเจอฮะดีษจริง แต่ฮะดีษนั้นโดนยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงคำสั่งหรือยัง

ถ้าเราเห็นแย้งกับอิหม่าม ทั้ง 4 เราคิดว่าเรารู้มากกว่าเขาหรือยัง เรามีหลักฐานมากกว่าเขาหรือเปล่า เขาเป็นผู้ที่ทั้งชีวิตอยู่กับศาสนาแล้วคิดว่าเขาจะไม่รู้ที่เรารู้หรืออย่างไร แล้วทำไมวินิจฉัยไปแบบนั้น

ออฟไลน์ Myusuf

  • เพื่อนแรกพบ (^^)/
  • *
  • กระทู้: 4
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
เท่าที่ผมได้ศึกษามาและการวิเคราะห์ของผมเองบางส่วน
จะเห็นได้ว่าในยุคซอฮาบะห์นั้นอิสลามได้แพร่ขยายออกไปอย่างมาก
การศึกษาหาความรู้สำหรับผู้คนทั่วไปซึ่งมิใช่นักศึกษาวิชาการศาสนาโดยตรงนั้นไม่สามารถที่จะรับรู้ข้อมูลต่างๆ ที่มีอยู่มากมายจากบรรดาอูลามาอ์ในหลายๆที่ ซึ่งต่างจากในปัจจุบันมาก เมื่อผู้คนในแต่ละคนมีความเลื่อมใสในอูลามาอ์ของตนแล้วการเกิดความรักความผูกพัน เช่นศิษย์รักอาจารย์ก็มิใช่เรื่องผิดทั้งอาจารย์และลูกศิษย์ต่างมีความบริสุทธิ์ใจฝ่ายหนึ่งมุ่งมั่นเพื่ออิสลามที่ตนคิดว่าถูกต้องที่สุดแต่ก็มิได้ผูกขาดว่าจะผิดมิได้หากในภายภาคหน้าได้ปรากฎว่ามีหลักฐานที่ถูกต้องกว่า ฝ่ายลูกศิษย์ก็เชื่อมั่นและรักในตัวอาจารย์อย่างสุดซึ้งและถ่ายทอดผ่านลูกหลานต่อๆ กันมา
อูลามาอ์แต่ละคนมิได้เป็นผู้ตั้งมัซฮับขึ้นมาเองหากแต่บรรดาลูกศิษย์ได้รวมตัวและยึดมั่นจนก่อตั้งว่าเป็นมัซฮับนั้นมัซฮับนี้ขึ้นมาเองทั้งสิ้น

แต่สำหรับในปัจจุบันการศึกษาหาความรู้มีได้อย่างกว้างขวางมากมาย หากแต่ละคนได้ศึกษาด้วยความบริสุทธิ์ใจและเปิดกว้างขอดุอาจากอัลเลาะห์ได้ฮิดายะห์ ให้เข้าใจในศาสนาตามที่พระองค์ต้องการ พร้อมทั้งใช้สติปัญญาใคร่ครวญตามที่พระองค์ได้ประทานมาโดยมิได้มีอคติใดๆ แล้ว ผมเชื่อมั่นเหลือเกินว่าเราจะได้พบสัจธรรมจากพระองค์อย่างแน่นอน

การศึกษาหาความรู้นั้นก็ทำโดยบริสุทธิ์ใจ ไม่มีอคติไม่มียึดมั่นฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจนขาดความยั้งคิดใคร่ครวญ
ไม่ต้องพะวงว่าเราจะกำลังทำตามสิ่งที่ผิดหรือถุกอยู่ คิดเพียงว่าจากความรู้ปัจจุบันเท่าที่เรามีเรื่องนี้เราเข้าใจอย่างนี้และพิจารณาใคร่ครวญโดยใช้สติปัญญาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ก็ให้ทำไปต่อเมื่อวันหนึ่งเราอาจจะไปเจอความรู้ใหม่ในเรื่องเดิมที่เราพิจารณาอย่างบริสุทธิ์ใจแล้วว่าถูกต้องกว่าเราค่อยทำตาม โดยหวังฮิดายะห์จากพระองค์ให้เลือกสิ่งที่ถูกต้องที่สุด

อย่าลืมว่าอัลเลาะห์(ซ.บ) จะไม่เอาสำหรับผู้ที่ยังไม่รู้ ขอเพียงแต่ว่าให้เราได้ศึกษาหาความและสติปัญญาใคร่ครวญในแต่ละเรื่องอย่างดีที่สุดแล้ว

ออฟไลน์ sufriyan

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 526
  • เพศ: ชาย
  • 0000
  • Respect: +16
    • ดูรายละเอียด
เท่าที่ผมได้ศึกษามาและการวิเคราะห์ของผมเองบางส่วน
จะเห็นได้ว่าในยุคซอฮาบะห์นั้นอิสลามได้แพร่ขยายออกไปอย่างมาก
การศึกษาหาความรู้สำหรับผู้คนทั่วไปซึ่งมิใช่นักศึกษาวิชาการศาสนาโดยตรงนั้นไม่สามารถที่จะรับรู้ข้อมูลต่างๆ ที่มีอยู่มากมายจากบรรดาอูลามาอ์ในหลายๆที่ ซึ่งต่างจากในปัจจุบันมาก เมื่อผู้คนในแต่ละคนมีความเลื่อมใสในอูลามาอ์ของตนแล้วการเกิดความรักความผูกพัน เช่นศิษย์รักอาจารย์ก็มิใช่เรื่องผิดทั้งอาจารย์และลูกศิษย์ต่างมีความบริสุทธิ์ใจฝ่ายหนึ่งมุ่งมั่นเพื่ออิสลามที่ตนคิดว่าถูกต้องที่สุดแต่ก็มิได้ผูกขาดว่าจะผิดมิได้หากในภายภาคหน้าได้ปรากฎว่ามีหลักฐานที่ถูกต้องกว่า ฝ่ายลูกศิษย์ก็เชื่อมั่นและรักในตัวอาจารย์อย่างสุดซึ้งและถ่ายทอดผ่านลูกหลานต่อๆ กันมา
อูลามาอ์แต่ละคนมิได้เป็นผู้ตั้งมัซฮับขึ้นมาเองหากแต่บรรดาลูกศิษย์ได้รวมตัวและยึดมั่นจนก่อตั้งว่าเป็นมัซฮับนั้นมัซฮับนี้ขึ้นมาเองทั้งสิ้น

แต่สำหรับในปัจจุบันการศึกษาหาความรู้มีได้อย่างกว้างขวางมากมาย หากแต่ละคนได้ศึกษาด้วยความบริสุทธิ์ใจและเปิดกว้างขอดุอาจากอัลเลาะห์ได้ฮิดายะห์ ให้เข้าใจในศาสนาตามที่พระองค์ต้องการ พร้อมทั้งใช้สติปัญญาใคร่ครวญตามที่พระองค์ได้ประทานมาโดยมิได้มีอคติใดๆ แล้ว ผมเชื่อมั่นเหลือเกินว่าเราจะได้พบสัจธรรมจากพระองค์อย่างแน่นอน

การศึกษาหาความรู้นั้นก็ทำโดยบริสุทธิ์ใจ ไม่มีอคติไม่มียึดมั่นฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจนขาดความยั้งคิดใคร่ครวญ
ไม่ต้องพะวงว่าเราจะกำลังทำตามสิ่งที่ผิดหรือถุกอยู่ คิดเพียงว่าจากความรู้ปัจจุบันเท่าที่เรามีเรื่องนี้เราเข้าใจอย่างนี้และพิจารณาใคร่ครวญโดยใช้สติปัญญาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ก็ให้ทำไปต่อเมื่อวันหนึ่งเราอาจจะไปเจอความรู้ใหม่ในเรื่องเดิมที่เราพิจารณาอย่างบริสุทธิ์ใจแล้วว่าถูกต้องกว่าเราค่อยทำตาม โดยหวังฮิดายะห์จากพระองค์ให้เลือกสิ่งที่ถูกต้องที่สุด

อย่าลืมว่าอัลเลาะห์(ซ.บ) จะไม่เอาสำหรับผู้ที่ยังไม่รู้ ขอเพียงแต่ว่าให้เราได้ศึกษาหาความและสติปัญญาใคร่ครวญในแต่ละเรื่องอย่างดีที่สุดแล้ว

อ่านและทำความเข้าใจประวัติศาตร์ให้เยอะๆนะครับ

ออฟไลน์ moorid

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 14
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
 :salam:
ชอบกระทู้นี้มาก เพราะ ที่ผ่านมา เราก็เที่ยวถามหาสิ่งถูกต้องประมาณของ คุณroy4kinds นีแหละเพราะเป็นคนอยากรู้  และไม่ค่อยได้ศึกษาความรู้ด้านศาสนาสักเท่าไหรก็วนเวียนถกถามปัญหาอยู่กับเพื่อนๆที่ที่อยู่ในกลุ่มสะลาฟีย์  ชอบมากชื่อนี้ เหมือนกับเราเดินตามหลักการเขาเลยประมาณนั้นและมั่นใจในตัวเองสูงว่าเราคือมุสลิมที่ตามกีตาบุลล๊อฮ์ตัวจริงของแท้ไม่ใช่ของปลอมเหมือนพวกบางกลุ่มที่ชอบแอบอ้างตนอย่างนู้นอย่างนี้
แอบศึกษาเข้าอ่านเวปนี้เงียบ ในกลุ่มของเราฉายา เวปนี้ว่า เวปบิดอะ(บดอ)นักศึกษาไคโร

เข้าไปอ่านครั้งแรก ยอมรับเลยว่า ไม่รู้เรื่องในสิ่งที่โตะครูคนนี้นำเสนอเลย  เพราะ

1.ใจเรามีอคติต่อเวปนี้มากและไม่คิดที่จะเปิดใจเลยและไม่อยากให้ไปไม่ถึงสิ่งเหล่านั้นด้วย

2.ยิ่งอ่านยิ่งงง เพราะที่เรารู้มาในครูของเราและเพื่อนๆเรายึดมั่นว่าในศาสนานี้ที่มากำหนดว่า ให้กระทำและห้ามได้นั้ต้องมาจาก2สิ่งนี้เท่านั้นคือ  อัลกรุอ่าน และอัลหะดิสและจะไมา่ยึดอุลามะคนใดที่ขัดกับสิ่งที่เราตามใน2สิ่งนี้

3.ที่งงมากเพราะได้ค้นพบในสิ่งที่ไม่รู้มาก่อนมากมาย เช่น  การอ่านกรุอ่านฮีีดียะผลบุญให่มัยยัติ  การเฝ้ากุบอร์ การตัลกีน  การซอลาวัตหลังนมาช   การดีใจในวันประสูตท่านนบี(เมาลิด)ฯลฯ

 mycryยิ่งเรื่องมัสหับเราไม่ยอมรับเพราะท่านไม่เคยใช้ ให้ยึดมัสหับ แต่ในเวปมนี้เขายึดมัสหับ และในบางกระทู้ ก็มีหลักฐานว่า ในยุคของบรรดาศอฮาบะเขาก็มีมัสหับยึดตามกันเพราะกันความผิดพลาดในการวินิจฉัยเองและความรู้ในแต่ละคนไม่เหมือนกัน เลยต้องยึดแนวทางแต่ละคน
 

พอมายุคสลัฟตาบีอีนและตาบีอิตฯก็พบว่า หนังสือตำราที่เขียนกันมาที่เราใช้อ้างอิงบางเล่าเขาเหล่านั้นก็มีมัสหับ

เช่น อีม่ามบุคอรี อีม่ามมุสลิม อีม่ามนาวาวีฯลฯ  ก็เลยแปลกใจว่าเราจะตามใครดี กลุมที่เราตามกีตาบุลล๊อฮ์และหะดิสบอกว่า มัสหับสมัยท่านบีไม่เคยปรากฎ  ถ้ามีมัสหับก็แสดงว่าเรากำลังทำบิดอะ เพราะบิดอะคือทุกๆสิ่งที่เกิดใหม่และไม่มีในสมัยท่านนบี..
แต่ในเวป...สติวเด้นนี้กลับบอกว่า แม้กระทั่ง ศอฮาบะยังมีเลย 

ที่บอกว่านบีรับรอง4มัสหับนั้นฟังแล้วก็ตลก  แต่พอมาดูคนรู้บางคนที่อ้างจากตำราอุลามะบอกว่า หมายถึง ยุคผู้คนที่มีความรู้ทึีประเสริฐ ที่นบียอมรับความรู้คนเหล่านั้นคือ ยุคแรกคือ ยุคศอฮาบะ(1 ถึง100ปี)ยุคที่สองหรือยุคต่อมาคือ ยุคคนตาบีอีน(101ถึง 200 ปี)และยุคถัดมาหรือยุคที่สามคือคนในยุคตาบีอิตฯ(201ถึง300ปี)

และก็มีอีม่ามทั้ง4 นี้ที่เป็นเจ้าของมัสหับ แต่ละคนก็เป็นอาจารย์และศิษย์ตามกันมา...ก็เลยแปลกใจมากว่า

   สิ่งเหล่านี้เราไม่เคยรับรู้เลยว่า ในเวปที่เราตั้งฉายาว่า  เวปบอดอะนั้น มีอะไรแปลกๆมากมายที่ไม่เคยรู้


 yippy:แต่ตอนนี้บอกตรงว่า เรางงมากๆแต่จะแอบอ่านสิ่งที่ข้องใจเงียบๆอย่างตรวจสอบเพราะเราเป็นคนที่ไม่เชื่ออะไรง่ายๆอยู่แล้ว hiๆๆๆ  ขอจากอัลล๊อฮ์ว่าช่วยชี้ทางนำอย่าให้เราหลงทางเลีย อามีนยารอบ



ออฟไลน์ Muftee

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1899
  • เพศ: ชาย
  • ตั้งใจเข้าไว้นะ มุฟตีย์น้อย
  • Respect: +190
    • ดูรายละเอียด
การที่ใครคนใดคนหนึ่งจะอ้างตนเองว่า "ไม่ยึดมัซฮับใดมัซฮับหนึ่ง" ได้นั้น เขาจะต้องเป็นผู้ที่จดจำอัล-กุรอานทั้งเล่ม และจะต้องจดจำหะดีษอย่างแม่นยำ ,และต้องเข้าใจความหมายของอัล-กุรอานและความหมายของอัล-หะดีษ อย่างลึกซึ้ง ,ต้องทราบสถานภาพของหะดีษอย่างดีว่าฏออีฟหรือเศาะเฮี๊ยะหฺ หรือนำมาเป็ฯหลักฐานได้ไหม ,ต้องรู้ที่มาที่ไปของอายะฮฺและของหะดีษต่างๆ อย่างละเอีัยด ,ต้องรู้ว่าอายะฮฺใดหรือหะดีษใดถูกยกเลิกไปแล้ว และมีอายะฮฺใดมาแทนที่ ,ต้องรู้วิชาหลักไวยกรณ์ภาษาอาหรับอย่างลึกซึ้ง ,ต้องรู้ทัศนะความเห็นของปราชญ์ในการวินิจฉัยปัญหาแต่ละอย่างอย่างลึกซึ้ง ,ต้องรู้ว่าอายะฮฺใดที่บอกแบบรวมๆ และอายะฮฺใดที่มาจำกัดความ ฯลฯ ...

หากจำอัล-กุรอานแค่ยุซที่ 30 ,จำหะดีษแค่ 10-20 บท ,เข้าใจไวยกรณ์อาหรับแค่งูๆ ปลาๆ ,เข้าใจวิชาการหะดีษแค่พอสอบผ่าน ,ไม่เคยจำสายรายงานหะดีษ ,ไม่รู้ทัศนะที่แตกต่างของนักวิชาการอย่างกว้างขวาง .. หากชีวิตมีแค่นี้ ก็อย่ามาอ้างว่า "ผมไม่ตามมัซฮับ(การวินิจฉัยของปราชญ์)"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เม.ย. 16, 2012, 09:04 PM โดย Muftee »
// อะฮฺลิสสุนนะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺ...สักวันนึง เราต้องเป็นอุละมาอฺที่ยิ่งใหญ่ อินชาอัลลอฮฺ //

ออฟไลน์ Carrothz

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 120
  • Respect: +24
    • ดูรายละเอียด
เอาแบบนี้ ตอนนี้ คนที่บอกว่า ไม่ตามมัซฮับนั้น เขาหากุรอ่าน และฮะดีษมาพิจารณาเอง

หรือเขาตาม อุลามะห์ หรืออิหม่าม หรือนักวิชาการที่บอกว่าตัวเองไม่เอามัซฮับ?

ถ้าอันหลัง ผมว่านั่นก็มัซฮับนึงนะ ใช่ไหม

ออฟไลน์ roy4kids

  • ความจริง ย่อมเป็นความจริงวันยังค่ำ
  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 19
  • เพศ: ชาย
  • เมื่อความจริงปรากฎ ความมดเท็จจะหายไป
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
 :salam:แรก ๆ คิดว่าจะไม่กลับมาดูกระทู้ที่ผมตั้งไว้แล้ว เพราะที่ผ่านมา
1. ผมได้รับคำตอบที่ยังไม่ชัดเจน ซึ่งความจริงผมต้องการคำตอบจากผู้ตอบเลย ไม่ใช่ link ให้ไปอ่านจากที่อื่น
2. คำถามของผม เขียนอธิบายอย่างชัดเจน ในหลายๆ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มที่สังกัดมัซฮับ แต่คำตอบ ตอบมาสั้น ๆ และไม่ครอบคลุมคำถามของผม
3.ผมไม่ได้รับอะไร จากคำตอบในตอนแรก ๆ ซึ่งมีผู้ตอบคนหนึ่งบอกว่า ผมจะไม่ได้รับอะไรเลยและมันก็เป็นความจริง
แต่พอได้อ่าน ที่โพสต์จากคุณ bangmud และ คุณ moorid รู้สึกว่าฟังได้และมีเหตุผลดี เรียนตามตรงว่า คำถามที่ผมตั้งงกระทู้ไว้ ผมพอจะรู้คำตอบแล้ว แต่อยากจะให้ผู้รู้กว่าผมบอกอีกครั้งและฟังทัศนะจากผู้อื่นบ้าง เพื่อเป็นการเน้นว่าสิ่งที่เราได้เรียนรู้มานั้นถูกต้อง
4. ผมได้อ่านหลาย ๆกระทู้จากเว้ปนี้ แต่ก็ยังสงสัยในหลาย ๆ เรื่อง เพราะส่วนมากจะเอาหลักฐานจาก ความคิดเห็นของ
อุลามาแทนที่จะมาจากกุรอานและซุนนะฮ์
5. เริ่มแรกที่เข้ามาเพราะเห็นว่า เป็น เว็ป sunnastudent แต่ที่แปลกใจตามด้วย สังกัดในสี่มัซฮับ และยิ่งอ่านยิ่งงง
 คล้าย ๆยังส่งเสริม สนับสนุน การทำอะไรหลายอย่างที่ไม่มีตามแนวซุนนะเลย
6.ที่งงยิ่งกว่า คือ คำว่า มัสฮับซอฮาบะฮ์ (เป็นความรู้ใหม่สำหรับผม)แต่ที่แปลกคือ นักปราชญ์บางคนบอกว่า ห้ามตามเพราะในสมัยนั้น ยังไม่มีการจดบันทึกที่เป็นระบบ พูดง่าย ๆคือต้องตามเฉพาะสี่มัสฮับนี้เท่านั้น
7.แต่ที่ยิ่งแปลกใจไปอีก ผู้สังกัดมัสฮับเหล่านี้ ทำอะไรที่ผมคิดว่าไม่มีสอนในสี่มัสฮับนี้เลย เช่น การทำเมาลิด (อ้างว่าในสมัยท่านรอซุลไม่ได้ระบุห้ามหรือให้ทำ ถ้าเช่นนั้น  การทำบุญ สามวัน เจ็ดวัน การส่งผลบุญ (ทำฮาดียะ ผมคิดว่าแปลว่าของขวัญ) ทำได้ และยังมีอะไรอีกหสายอย่าง ที่ไม่มีบอกในสี่มัสฮับนี้
8. ผมแปลกใจว่า ทำไมผู้รู้บางคน (ทางใต้ก็มี) ที่จบมาจากอียิปต์ มาดีนะ หรือ ปากีสถาน (เช่น อบูบักร์) และประเทศอื่น ๆในกลุ่มอาหรับ ยังมาส่งเสริมเรื่อง บิดอะ แทนที่จะบอกข้อเท็จจริงแก่ชาวบ้าน ทั้ง ๆที่หนังสือฮาดิส บุคอรี มุสลิมเต็มห้อง
9. ผมเคยคิดเช่นคุณ moorid ว่า น่าจะเปลี่ยนชื่อเว็ปนี้ เป็นชื่อ เหมือน ที่ คุณ moorid คิด
10. ที่ผมอยากให้ผู้จบจากต่างประเทศ ตอบเพราะคิดว่า เขาน่าจะได้ศึกษา อะไรที่กว้างกว่าบ้านเรา แต่ความเป็นจริง ผู้เรียนภายในประเทศที่มีความรู้ และวิสัยทัศน์ที่กว้างกว่าผู้จบจากต่างประเทศก็มี
11. ท้ายสุด ที่ผมได้สนใจและแสวงหาความจริง เพราะเองเคยไปอยู่ต่างประเทศ เช่น อียิปต์ ซาอุ ปากีสถาน และอินเดีย(ทั้งไปเที่ยว ทำงานและเรียนเรียนหนังสือ (สายสามัญ) แต่ผมเห็นว่า ในต่างประเทศไม่อะไรที่มัน ….(ไม่รู้ว่าจะเรียกอะไรดี) เช่น การละหมาดฮาดียะฮ์ (คงเป็นการมอบของขวัญผลบุญการละหมาดให้ผู้ล่วงลับ การเฝ้ากูบูร์จนครบ เจ็ดวัน เป็นต้น
อย่างไรก็ตามขอขอบคุณ สำหรับทุกคำตอบ ที่ได้เพิ่มพูนความรู้แก่ผม และ อินชาอัลลอฮ์ ผมยังมีหลายเรื่องที่อยากรู้ซึ่งผมคิดว่าจะตั้งกระทู้ เพื่อให้ที่ผู้รู้ได้ชี้แจงต่อไป
ญาซากัลลอฮูฆอยรอน
วัซซาลาม

ออฟไลน์ abubuk

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 20
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด

 :salam: คุณROY4kind 
 ก่อนอื่นอยากให้คุณได้อ่านตรงนี้อย่างละเอียดก่อน แล้วช่วยชี้แจงด้วยทีว่า คุณคิดอย่างไรกับสิ่งที่ยกมาให้อ่าน
       นิยามของมัซฮับ

มัซฮับตามหลักภาษา  หมายถึง  ที่ไป  หรือ ทางไป    ตามหลักวิชาการ  หมายถึง  ข้อเท็จจริงที่เกียวกับธรรมเนียมในเชิงปฏิบัติของปวงปราชญ์ที่ถูกนำมาใช้กับฮุ กุ่มต่างๆ  ที่อิมามในขั้นระดับมุจญฮิดได้วินิจฉัยออกมา  หรือหมายถึงฮุกุ่มต่างๆ  ที่ได้วินิจฉัยออกมาตรงตามกฎเกณฑ์และหลักการของอิมามที่อยู่ในขั้นระดับมุ จญฮิด  โดยบรรดาสานุศิษย์ที่อยู่ในระดับมุจญฮิดที่ปฏิบัติตามหลักการต่างๆ  ของอิมามในการวิเคราะห์วินิจฉัยฮุกุ่มออกมา

การมีมัซฮับตามความที่กล่าวมานี้  จึงหมายถึง  หนทางหรือแนวทางของบรรดาปวงปราชญ์ได้ยึดถือปฏิบัติกัน  ไม่ว่าจะเป็นนักหะดิษ  นักนิติศาสตร์  นักธิบายอัลกุรอาน  และอักษรศาสตร์  ซึ่งในเรื่องนี้นั้น  ไม่มีนักวิชาการท่านใดที่โลกยอมรับจะให้การปฏิเสธ  เพราะท่านจะพบว่า  บรรดานักวิชาการทั้งหลายเขาปฏิบัติตามมัซฮับที่ตนพึงพอใจทั้งสิ้นโดยเขานำมา ฟัตวาและตัดสินแก่ผู้คนทั้งหลาย

ท่าน มุฮัมมัด  อัลค่อฏิร  อัชชันกีฏีย์  ซึ่งเป็นปรมจารณ์แห่งปวงปราชญ์  ได้กล่าวไว้ในหนังสือที่มีชื่อว่า  “ก๊อมอุ  อะฮ์ลิลอิจญฮาด  อัน อัฏเฏาะอฺนิ  ฟี  ตักลีด อะอิมมะฮ์  อัลอิจญฮาด”  หน้าที่  75  ว่า  “ส่วน เรื่องการที่คนเอาวามต้องปฏิบัติตามผู้รู้ที่เป็นมุจญฮิดนั้น  มีหลักฐานจากอัลกุรอานและซุนนะฮ์  และยังเป็นมติแห่งปวงปราชญ์ใน 3 ศตวรรษแรกของอิสลามที่ได้รับการยืนยันว่าเป็นประชาชาติที่ดีเลิศจากท่านนบี (ซ.ล.) ผู้ทรงสัจจะและได้ถูกรับรองความสัจจะจากอัลเลาะฮ์(ซ.บ.)  รวมทั้งมติของปวงปราชญ์แห่งโลกอิสลามหลังจากนั้น  นอกจากความขัดแย้งของกลุ่มมั๊วะตะซิละฮ์ที่อยู่ในกรุงแบกแดดที่มาขัดมติของปวงปราชญ์ตลอดยุคสมัยที่ผ่านมา

ความจริงแล้ว  การตักลีดเป็นที่ระบือในยุคสมัยของซอฮาบะฮ์ผู้มีเกียรติและไม่มีซอฮาบะฮ์คน ใดที่ปฏิเสธเรื่องนี้หรอก  เพราะท่านอิมาม อิบนุ หะญัร อัลอัสก่อลานีย์  ซึ่งเป็นอะมีรุลมุอ์มินีนนั้น(หมายถึงผู้ที่จดจำหะดิษและสายรายงานหะดิษ ต่างๆ  เป็นจำนวนกว่า 3 แสนหะดิษ)  ได้กล่าวให้เราทราบไว้ในหนังสือของท่านที่ชื่อว่า  อัล-อิซอบะฮ์  ฟี ตัมยีซฺ อัลซ่อฮาบะฮ์  เล่ม 4 หน้า 148  โดยมีสายรายงานมาจากท่านฏอวูส (ขออัลเลาะฮ์ทรงเมตตา)  เขากล่าวว่า “ข้าพเจ้าได้พบเห็น  ซอฮาบะฮ์ของท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) ถึง 70 ท่าน  เมื่อพวกเขาเกิดข้อพิพาทกันขึ้นในเรื่องหนึ่งเรื่องใด  พวกเขาจะกลับไปยึดคำพูดของท่าน อิบนุ อับบาส (ร.ฏ.)”

วิเคราะห์ คำรายงานที่ได้กล่าวมานี้  จะเห็นได้ว่า  บรรดาซอฮาบะฮ์ของท่านนบี(ซ.ล.)จำนวนมากจะตักลีดตามท่านอิบนุอับบาสในปัญหา ต่างๆ  ที่พวกเขาไม่รู้  จึงเป็นเรื่องที่ชี้ชัดว่า  ซอฮาบะฮ์เขาก็มีมัซฮับและตักลีดอีกด้วย  ความจริงแล้วเหล่าซอฮาบะฮ์ของท่านนบี(ซ.ล.) มีจำนวนกว่าแสนคน   แต่ในขณะที่ฟัตวาได้ออกมาจากพวกเขา  ที่ได้มีการจดจำมีราวๆ  130 กว่าคน  เรื่องนี้ท่านอิบนุก๊อยยิม  ได้กล่าวไว้ในหนังสือของท่านที่ชื่อว่า  เอี๊ยะอฺลาม อัลมุวักกิอีน  เล่ม 1 หน้า 10  ว่า “นี่ไง  ท่านอิมามแห่งซุนนะฮ์  อะหฺมัด อิบนุ หัมบัล  ก็ยังตักลีดตามอิมามชาฟีอีย์(ร.ฏ.) ซึ่งเรื่องนี้  ท่านอิบนุอะซากิร  ได้รายงานไว้ในหนังสือของท่านที่มีชื่อว่า ตารีค ดิมัช  เล่ม 51 หน้า 351  ท่านอิบนุหะญัร อัลอัสก่อลานีย์ได้กล่าวไว้ในหนังสือ  ตะฮ์ซีบ อัตตะฮ์ซีบ  เล่ม 9 หน้า 25  โดยรายงานจากฮุมัยด์ อิบนุ อะหฺมัด อับบะซอรีย์  ซึ่งเขาได้กล่าวว่า  “ข้าพเจ้าอยู่กับท่านอะหฺมัด อิบนุ หัมบัล  ซึ่งในขณะที่เรากำลังศึกษาเกี่ยวกับปัญหาหนึ่ง  ก็มีชายคนหนึ่งได้กล่าวกับท่านอะหฺมัด บิน หัมบัลว่า “ท่านอบูอับ ดิลลาห์ครับ  หะดิษในประเด็นนี้ไม่ซอฮิหฺ  ท่านอะห์มัดจึงตอบว่า ถึงแม้ว่าหะดิษในประเด็นนี้ไม่ได้ซอฮิหฺก็ตาม  แต่มันก็มีคำพูดของท่านอิมามอัชชาฟิอีย์  รับรองอยู่  และการยึดมั่นในคำพูดของท่านอิมามชาฟิอีย์  ย่อมเป็นสิ่งที่มีความแน่นแฟ้นอย่างที่สุดในเรื่องนี้  ด้วยเหตุนี้เอง  บรรดาปวงปราชญ์แห่งโลกอิสลามโดยทั่วไป  ไม่ว่าจะอยู่ในมัซฮับหะนะฟีย์  , มาลิกีย์ ,ชาฟิอีย์ , และหัมบาลีย์  ต่างก็ยึดถือปฏิบัติตามแนวทางแห่งการมีมัซฮับและตักลีด  และในเรื่องนี้  มีนักวิชาการหรือปวงปราชญ์แห่งโลกอิสลามที่ถูกยอมรับนั้น  ต่างก็มีมัซฮับและตักลีดตามบรรดาอิมามทั้งสี่ทั้งสิ้น  แม้กระทั่ง  ท่านอิบนุตัยมียะฮ์  ท่านาอินุก๊อยยิม  ก็อยู่ในมัซฮับหัมบาลีย์   ท่านอิบนุกะษีร  ซึ่งเป็นนักปราชญ์หะดิษและอถาธิบายอัลกุรอาน  ก็อยู่ในมัซฮับชาฟิอีย์  ท่านอัซซะฮะบีย์  ก็อยู่ในมัซฮับชาฟิอีย์
ความจริงแล้ว  บรรดาปวงปราชญ์ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเล็กและรุ่นอาวุโสก็ยึดบรรดามัซฮับของอะฮ์ลิ สซุนนะฮ์ที่ได้มีการสืบทอดหลักการต่อๆ  กันมา

ปวงปราชญ์มัซฮับหะนะฟีย์

ท่านอิมามอบูยูซุฟ , ท่านอิมามมุหัมมัด บิน อัล-หะซัน , ท่านอับดุลเลาะฮ์ บิน อัลมุบาร๊อก , ท่านซุฟัร , ท่านญะฟัร อัฏเฏาะหาวีย์ , ท่านอัซซัรค่าชีย์ , อันนะซะฟีย์ , อะห์มัด บิน มุหัมมัด อัลบุคอรีย์ , ท่านอัซซัยละอีย์ , ท่านอัลกะมาล บิน อัลฮุมาม , ท่านอิบนุ อันนุญัยม์ , ท่านอิบนุอาบิดีน ,  และบรรดาปวงปราชญ์อีกหลายพันคนที่ได้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติส่วนบุคคล ในมัซฮับหะนะฟีย์  ที่มีชื่อว่า  ฏ่อบะก๊อต  อัลหะนะฟียะฮ์  ถ้าจะพิจารณาประเทศต่างๆ  ที่ปฏิบัติตามมัซฮับหะนะฟีย์โดยส่วนใหญ่แล้ว  คือ  อินเดีย  ปากีสถาน  บังคลาเทศ  สินธุ  อัฟกานิสถาน  กลุ่มประเทศอาหรับในแถบชาม  เช่นซีเรีย  อิรัก  และกลุ่มประเทศยุโรป  ก็คือตามมัซฮับหะนะฟีย์ทั้งสิ้น

ปวงปราชญ์มัซฮับมาลิกีย์

ท่านอิมามอิบนุ อัลกอซิม , ท่านอัลอัชฮับ , ท่านซั๊วะหฺนูน , ท่านอะซัด บิน อัลฟุร๊อด ,  ท่านอัซบั๊ฆฺ , ท่านอิบนุ อับดุลบัรร์ , ท่านกอฏีย์ อัลอิยาฏ , ท่านอิบนุ อัลอะรอบีย์ อัลมาลิกีย์ , ท่านอบูบักร  อัฏฏุรฏูชีย์ , ท่านอิบนุ อัลหาญิบ , ท่านอิบนุ อัลมุนัยยิร , ท่านอิบนุ รุชด์ , อัลบากิลลานีย์ , ท่านอัลบาญี , ท่านอัลกุรฏุบีย์ , ท่านอัลกุรอฟีย์  , ท่านอัชชาฏิบีย์ , ท่านอิบนุ คอลดูน , และบรรดาปวงปราชญ์อีกหลายท่านที่ถูกรวมอยู่ในตำรับตำราที่เกี่ยวกับประวัติ ส่วนบุคคลของมัซฮับมาลิกีย์  ซึ่งเรียกว่า  “ฏ่อบะก๊อต มาลิกียะฮ์”  นักปราชญ์เหล่านี้อยู่ในมัซฮับของอิมามมาลิกทั้งสิ้น  และท่านสามารถกล่าวได้ว่า  นักปราชญ์แห่งเมืองต่างๆ  ในกลุ่มประเทศอาหรับตะวันตกในทวีปอาฟริกา  เริ่มตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 แห่งฮิจเราะฮ์  จวบจนถึงทุกวันนี้  ได้ยึดถือตามมัซฮับมาลิกีย์ทั้งสิ้น

ปวงปราชญ์มัซฮับอิมามชาฟิอีย์

ท่านอิมามอัลมุซะนีย์ , ท่านอิมามอัลบุวัยฏีย์ , ท่านอิบนุ อัลมุนซิร , ท่านมุหัมมัด บิน ญะรีร อัฏฏ๊อบรีย์ , ท่านอิบนุ สุรัยจฺญ์ , ท่านอิบนุ คุซัยมะฮ์ , ท่านอัลก๊อฟฟาล , ท่านอัลบัยฮะกีย์ , ท่านอัลค๊อฏฏอบีย์ , ท่านอบู อิสหาก อัลอัสฟิรอยีนีย์ , ท่านอบู อิสหาก อัชชีรอซีย์ , ท่านอัลมาวัรดีย์ , ท่านอบูฏ๊อยยิบ อัศเศาะลูกีย์ , ท่านอบูบักร อัลอิสมาอีลีย์ , ท่านอิมาม อัลหะร่อมัยน์ , ท่านหุจญฺตุลอิสลาม อัลฆ่อซาลีย์ , ท่านอัลบะฆอวีย์ , ท่านอัรรอฟิอีย์ , ท่านอบู ชามะฮ์ , ท่านอิบนุ ริฟอะฮ์ , ท่านอิบนุ ศ่อลาห์ , ท่านอิมามอันนะวาวีย์ , ท่านอิซซุดีน บิน อับดุสลาม , ท่านอิบนุ ดะกีก อัลอีด , ท่านอัลหาฟิซฺ อัลมุซซีย์ , ท่านตายุดดีน อัศศุบกีย์ , ท่านอัซซะฮะบีย์ , ท่านอิรอกีย์ , ท่านอัซซัรกาชีย์ , ท่านอิบนุหะญัร อัลอัสก่อลานีย์ , ท่านอัสศะยูฏีย์ , ท่านชัยคุลอิสลาม ซะกะรียา อัลอันซอรีย์ , และบรรดานักปราชญ์อีกเป็นพันๆ  ที่ไม่สามารถเอ่ยนามพวกเขาได้ทั้งหมด  และบรรดานักปราชญ์มัซฮับชาฟิอีย์ได้ถูกระบุไว้ในหนังสือ “อัฏฏ่อบะก๊อต อัชชาฟิอียะฮ์” ก็มีถึง 1419 ท่าน

ปวงปราชญ์มัซฮับหัมบาลีย์

ท่าน อิมามอาญุรรีย์ , ท่านอบู อัลค๊อฏฏอบ อัลกัลป์วาซะนีย์ , ท่านอบูบักร อันนัจญาร , ท่านอบูยะอฺลา , ท่านอัลอัษรอม , ท่านอิบนุ อบีมูซา , ท่านอิบนุ อัซซ๊อยรอฟีย์ , ท่านอิบนุ ฮุบัยเราะฮ์ , ท่านอิบนุ อัลเญาซีย์ , ท่านอิบนุ ตัยมียะฮ์ , ท่านอิบนุ รอญับ , ท่านอิบนุ รุซัยน์ , ท่านอิบนุรอญับ , และบรรดานักปราชญ์ท่านอื่นๆ อีกมากมาย  และนักปราชญ์มัซฮับหัมบาลีย์ที่ได้ถูกกล่าวไว้ในหนังสือ “อัลมักซิด อัลอัรชัด” มีถึง 1315 ท่าน

ดังนั้น  ประชาชาติอิสลามศตวรรษแล้วศตวรรษเล่าได้ให้การยอมรับในการตักลีดตามนัก ปราชญ์มุจญฮิดผู้วินิจฉัย  ทั้งที่ในสิ่งดังกล่าวนี้  ก็ไม่ใช่เป็นความคลั่งไคล้และแบ่งพรรคแบ่งพวก  แต่ความเป็นพี่น้องในศาสนา  จึงทำให้พวกเขาอยู่ร่วมกัน  และบรรดาวงล้อมที่ทำการศึกษาวิชาความรู้  ก็ได้สมานฉันท์พวกเขาเอาไว้  พวกเขาต่างศึกษาความรู้ซึ่งกันและกัน  และยกย่องสรรเสริญกันและกัน  โดยที่ท่านเกือบจะไม่พบถึงประวัตินักปราชญ์มัซฮับ  หะนะฟีย์  มาลิกีย์  ชาฟิอีย์ และหัมบาลีย์  นอกจากว่า  ปราชญ์ท่านหนึ่งได้เคยเป็นศิษย์และศึกษากับบรรดานักปราชญ์ที่ไม่ได้อยู่ใน มัซฮับของเขา

ดังนั้น  มุสลิมคนหนึ่งได้ดำเนินตามมัซฮับเดียว  ย่อมถูกนับว่าเป็นการยึดติดและสังกัด  แต่มันเป็นการยึดติดและสังกัดที่ถูกสรรเสริญ  ไม่ใช่ถูกตำหนิ

ท่านชัยค์ สะอีด หะวา  ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “เญาลาต ฟี อัลฟิกฮัยน์” ว่า “การ ยึดติดบรรดาปราชญ์ผู้วินิจฉัยหรือมัซฮับของพวกเขาเหล่านั้น  เราขอกล่าวว่า  การสังกัดมัซฮับนั้น  หากเป็นเสมือนดังผลสืบเนื่องจากความพึงพอใจในประเด็นหนึ่งที่เป็นเรื่อง สัจจะธรรม  และเขาก็ยึดมันมาเป็นทัศนะและนำมาปฏิบัติ  แล้วเขาปกป้องมันด้วยหลักการที่เป็นความสัจจริงและยุติธรรม  โดยไม่ใช่หลักการตามอารมณ์ หรือปกป้องมันด้วยความบริสุทธิ์ใจไม่ใช่เพื่อดุนยา  หรือปกป้องด้วยจิตวิญญาณแห่งความเป็นพี่น้องในอิสลาม  ไม่ใช่ด้วยจิตวิญญาณแห่งความแตกแยก  ดังนั้น  สิ่งดังกล่าว  ย่อมไม่เป็นบาปแต่ประการใด  ยิ่งไปกว่านั้น  มันยังเป็นแบบฉบับของบรรดาซอฮาบะฮ์ที่พวกเขาดำเนินอยู่  แต่ทว่า  การที่มนุษย์คนหนึ่งได้ทำให้คับแคบกับสิ่งที่กว้างขวาง  ด้วยการกล่าวหาผู้ที่มีความเห็นต่างกับเขา  หรือกล่าวหาลุ่มหลงและโง่เขลากับผู้อื่นเกี่ยวกับประเด็นข้อวินิจฉัย  แน่แท้ว่า  สิ่งดังกล่าวนั้น  เป็นความผิดพลาดอย่างชัดเจน  เพราะอิมามชาฟิอีย์(ร.ฏ.) กล่าวว่า “บรรดาปวงปราชญ์ได้ลงมติว่า  อัลเลาะฮ์จะไม่ลงโทษเกี่ยวกับประเด็นที่อุลามาอ์มีความเห็นแตกต่างกัน”   และการยึดมัซฮับหนึ่งที่เปรียบเสมือนผลที่เกิดขึ้นมาจากความไว้วางใจต่อ บรรดาอุลามาอ์และหลักการต่างๆ และที่เปรียบเสมือนผลที่เกิดขึ้นจากความไว้วางใจต่อประชาชาติอิสลามที่ลงมติ เห็นพร้องกับการให้เกียรติต่อมัซฮับทั้งสี่และกับบรรดานักปราชญ์ที่มีมัซฮับ ในยุคสมัยที่ผ่านมา  เพราะฉะนั้น  การยึดมัซฮับจึงไม่ได้มีการแอบ แฝงความรังเกียจหรือแสดงท่าทีอันไม่ดีต่อมัซฮับอื่นเลย  แต่ยิ่งไปกว่านั้น  การมีมัซฮับกลับมีการให้เกียรติและเคารพซึ่งกันและกัน  ซึ่งย่อมไม่เป็นบาปแต่ประการใด  แต่ถ้าหากมนุษย์คนหนึ่งได้ยึดถือแนวคิดอื่นจากมัซฮับของเขาที่เป็นผลมาจาก การตรวจสอบของเขาเองหรือผู้ที่เขาเชื่อถือ  แน่นอนว่า  สิ่งดังกล่าวย่อมไม่เป็นบาปแต่ประการใด

ส่วนการ ยึดติดมัซฮับที่น่าตำหนิ  ก็คือ  มุสลิมคนหนึ่งยึดมั่นว่า  มัซฮับที่เขายึดถืออยู่นั้น  เป็นมัซฮับที่ถูกต้องและบรรดามัซฮับอื่นนั้นหลงผิด  ซึ่งการคลั่งไคล้เช่นนี้  คือสิ่งที่บรรดานักปราชญ์จากมัซฮับทั้งสี่ทั้งหมดให้การตำหนิ  และพวกเขายังให้การยืนยันว่า  บรรดามัซฮับอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์นั้น อยู่บนทางนำ

ท่านอิมาม อิบนุ หะญัร อัลฮัยตะมีย์ (ร่อฮิมะฮุลลอฮ์) ได้กล่าว “ท่านอิมามชาฟิอีย์  ท่านอบูหะนีฟะฮ์  ท่านมาลิก  ท่านอะหฺมัด  และบรรดาปวงปราชญ์ท่านอื่นๆ  ล้วนอยู่บนทางนำของอัลเลาะฮ์  ดังนั้น  จึงขอโปรดองค์อัลเลาะฮ์ทรงตอบแทนพวกเขาจากการเสียสละเพื่ออิสลามและบรรดามุ สลิมีนอย่างดีเยี่ยมและสมบูรณ์ด้วยเทอญ  และเมื่อพวกเขาล้วนอยู่บนทางนำของอัลเลาะฮ์(ซ.บ.)  ดังนั้น  จึงไม่เป็นบาปแต่ประการใดต่อผู้ที่ชี้นำผู้อื่นให้ยึดมัซฮับใดมัซฮับหนึ่ง จากมัซฮับทั้งสี่  หากแม้ว่าการแนะนำนั้น  จะขัดกับมัซฮับที่เขาเองยึดถือก็ตาม  เนื่องจากเขาได้ชี้แนะผู้อื่นไปสู่สัจจะธรรมและทางนำ”  ดู  อัล-ฟะตาวา  อัลฟิกฮียะฮ์ อัลก๊อบรอ  เล่ม 4 หน้า 326

ปล.อย่าลืมดูลิงค์นี้ด้วยนะ

วัสลาม
http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php/topic,5228.msg56188.html#msg56188
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เม.ย. 17, 2012, 10:08 PM โดย abubuk »

ออฟไลน์ roy4kids

  • ความจริง ย่อมเป็นความจริงวันยังค่ำ
  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 19
  • เพศ: ชาย
  • เมื่อความจริงปรากฎ ความมดเท็จจะหายไป
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
 :salam: คุณ Abubuk
ขอขอบคุณสำหรับบทความที่ส่งไป ซึ่งนับเป็นวิทยาทานที่เป็นประโยชน์มาก สำหรับ linkที่ให้ไปผมพยายามแล้วแต่เข้าไปไม่ได้
แต่อย่างไรก็ตามผมมีทัศนะต่อไปนี้นะครับ
1. สำหรับคำนิยามมัศฮับก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
2. แตคำว่า สังกัด ในความคิดของผม การยึดติด หรือ ตะอัดซุบ และเป็นการตัดลีด ซึ่งในทัศนะของผม การตักลีด หมายถีง การตามแบบมึดบอดคีอไม่รู้ที่มาที่ไปในเรื่องนั้น ๆ ซึ่ง
- อีหม่ามฮานาฟี เคยกล่าวไว้ว่า (ผมไม่จำชื่อหนังสือ) อย่านำคำพูดของฉันไปอ้าง ถ้าไม่รู้หลักฐานหรือที่ไปที่มาของมัน
-อีหม่ามชาฟีอีได้กล่าวว่า (เรียนรู้จากผู้รู้)ถ้าคำของฉันไปขัดแย้งกับคำพูดของท่านรอซูล ก็ให้ทิังคำพูดของฉันและไปยึดคำพูดของท่านรอซูล
และ ได้กล่าวอีกว่า คำพูดของท่านรอซูลคือคำพูดของฉัน
-ท่านอีหม่ามฆอซาลี ได้ตำหนิ การตักลีดว่า การตามที่มืดบอด ( blind following) หรือเป็นความเชื่อมือสอง ( second hand belief) (ผมจำชื่อหนังสือไม่ได้เช่นกัน แต่เป็นฉบับที่แปลเป็นภาษาอังกฤษ ถ้าจำไม่ผิดชื่อหนังสือขึ้นต้นด้วยคำว่า ฮีดายะฮ์...)
3. การยึดติดกับมัสฮับจะทำให้การปฏิบัติยุ่งยากหรือไม่ ตัวอย่างเช่น การละหมาดการตามมัสฮับ บางครั้งทำให้ยุ่งยากในการปฎิบัติหรือไม่ เช่น เราละหมาดตามหลังอีหม่ามฮะนาฟีที่เพิ่งกระทบกับภรรยามาได้ใหม หรือตามหลังอีหม่ามมาลีกีที่ได้กระทบสุนัขได้ใหม (และถ้าละหมาดซุบฮีตามทัศนะของเขา อีหม่ามเหล่านี้ไม่อ่านกูนุตด้วย) อันนี้เคยเกิดขึ้นกับตัวผม เพื่อนของผมเคยปฏิเสธที่จะไปละหมาดญุมอัดที่มัสยิดปากีสถานทั้งๆที่ใกล้กว่า
4.  ถ้าเราตามมัสฮับ เช่นตามอีหม่ามชาฟีอี สมมุติไปขัดแย้งกับสุนนะฮ์นบี เช่น การกระทบภรรยาเสียน้ำละหมาด ซึ่งท่านอีหม่ามชาฟีอี แปลตรงตัวว่าสัมผัสของผิวหนัง แต่อีหม่ามอื่น เช่นฮานาฟี หมายถึงการมีเพศสัมพันธ์ และยังมีฮาดีสอีกมากมายเกี่ยวกับเรี่องนี้ ถ้าเป็นเช่นนี้ เราจะตามทัศนะของอีหม่ามดีหรือตามสุนนะฮ์ ดีครับ
5.การไม่สังกัดมัสฮับ คือการที่เรายึดตามสุนนะฮ์ โดยศึกษาดูจากหลักฐานที่แข็งแรง โดยไม่ยึดติดหรือตะอัซุบกับทัศนะของอีหม่าม ซึ่งถ้าจะดูฟีกฮ์หลักปฎิบัติของกลุุ่มสุนนะฮ์ที่ไม่ตักลีดแล้ว ก็ไม่มีอะไรไปขัดแย้งกับสี่มัสฮับนี้เลย เช่นการไม่เสียน้ำละหมาดเมื่อกระทบภรรยา ก็ตรงกับฮานาฟี การสัมผัสสุนัขได้ ตรงกับมาลีกี (คือให้ล้างเจ็ดน้ำ หนึ่งในนั้นเป็นน้ำดินกับภาชนะที่สุนัขเลียเท่านั้น) การอ่านบิสมิลละฮ์ เบา ๆ ก็ตรงกับอีหม่ามท่านอื่น ๆนอกเหนือจากชาฟีอี และอีกหลาย ๆเรื่องเมื่อศึกษาไปมันก็อยู่ในทัศนะของสี่อีหม่ามทั้งสิ้น ดั้งนั้น ถ้าเราตามฟักฮ์สุนนะ ได้ใหม คือเอากุรอานและฮาดิสเป็นหลักและเอาทัศนะอุลามาไว้ทีหลัง ซึ่งความจริงทั้งสี่อีหม่ามก็เอากุรอานและฮาดิสเป็นหลักอยู่แล้ว แต่อาจขัดแย้งในเรื่องการตีความและการยึดฮาดิสของละอีหม่าม
ทั้งหมดนี้คือทัศนะของผมครับ ขอขอบคุณด้วยความจริงใจอีกครั้ง หวังว่าจะได้รับเรื่องที่เป็นวิทยาทานต่อไป แต่ขอเรียนให้ทราบก่อนนะครับว่า ผมไม่ได้จบจากสายศาสนาโดยตรง และไม่ค่อยมีความรู้ภาษาอาหรับ
 วัซซาลาม

ออฟไลน์ abdmal

  • كن دائما مع الله
  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 11
  • เพศ: ชาย
  • احفظ الله يحفظك
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
    • www.facebook.com
 :salam: roy4kids
ผมพอจะเข้าใจจุดยืนของคุณต่อมัซฮับน่ะ หากการไม่สังกัดมัซฮับของคุณคือการถามหาหลักฐานที่แข็งแรงเพื่อน้ำมาปฏิบัติใช้ ผมขอแนะนำไห้คุณไปอ่านหนังสือฟิกฮฺมูกอเร็น(ฟิกฮฺเปรียบเทียบ)แล้วคุณก็จะได้รู้ในทุกๆมัซฮับรวมทั้งของชีอะห์(บางแนวทาง)และทั้งของพวกคอวาริจ(อีบาฎียะห์) มันจะเป็นการดีกว่าสำหรับคุณ แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าหนังสือประเภทนี้อาจยังไม่มีในภาษาไทย แต่ผมคิดว่าในภาษาอังกฤษน่าจะมีคนแปลแล้ว แต่ภาษาอาหรับหนังสือฟิกฮฺเปรียบเทียบมีเยอะมากๆ
حياتنا عبادة بالذكر وبورد القران وإخلاص العمل
يومنا نشيط بقوة البدنية وبسرعة التنفيذ
وفكرتنا إسلامية ودراستنا متفوقة ومثقفة

ออฟไลน์ abubuk

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 20
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
 :salam:
อ้างถึง
2. แตคำว่า สังกัด ในความคิดของผม การยึดติด หรือ ตะอัดซุบ และเป็นการตัดลีด ซึ่งในทัศนะของผม การตักลีด หมายถีง การตามแบบมึดบอดคีอไม่รู้ที่มาที่ไปในเรื่องนั้น ๆ ซึ่ง
  yippy: งั้นแสดงว่าคุณroy4 เข้าใจคลาดเคลื่อนตั้งแต่คำนิยามคำว่าทัศนะ  แล้วครับ ไม่เป็นไร ผมจะทบทวนให้อีกที

มัซฮับตามหลักภาษา  หมายถึง  ที่ไป  หรือ ทางไป    ตามหลักวิชาการ  หมายถึง  ข้อเท็จจริงที่เกียวกับธรรมเนียมในเชิงปฏิบัติของปวงปราชญ์ที่ถูกนำมาใช้กับฮุ กุ่มต่างๆ  ที่อิมามในขั้นระดับมุจญฮิดได้วินิจฉัยออกมา  หรือหมายถึงฮุกุ่มต่างๆ  ที่ได้วินิจฉัยออกมาตรงตามกฎเกณฑ์และหลักการของอิมามที่อยู่ในขั้นระดับมุ จญฮิด  โดยบรรดาสานุศิษย์ที่อยู่ในระดับมุจญฮิดที่ปฏิบัติตามหลักการต่างๆ  ของอิมามในการวิเคราะห์วินิจฉัยฮุกุ่มออกมา
 wink:การมีมัซฮับหรือการตามมัซหับหรือการสังกัดมัซหับตามความที่กล่าวมานี้  จึงหมายถึง  หนทางหรือแนวทางของบรรดาปวงปราชญ์ได้ยึดถือปฏิบัติกัน  ไม่ว่าจะเป็นนักหะดิษ  นักนิติศาสตร์  นักธิบายอัลกุรอาน  และอักษรศาสตร์  ซึ่งในเรื่องนี้นั้น  ไม่มีนักวิชาการท่านใดที่โลกยอมรับจะให้การปฏิเสธ  เพราะท่านจะพบว่า  บรรดานักวิชาการทั้งหลายเขาปฏิบัติตามมัซฮับที่ตนพึงพอใจทั้งสิ้นโดยเขานำมา ฟัตวาและตัดสินแก่ผู้คนทั้งหลาย

ดังนั้นการตามหรือยึดถือตามมัซหับหนึ่งมัซหับใดก็คือ การยึดคำวินิจฉัยของปราญชระดับมุจญฮิดซึ่งก็ล้วนเอามาจากอัลกรุอ่านและอัชซุนนะทั้งหมด แล้ววินิจฉัยกลั่นกรองออกมาเป็นฮูกมต่างๆ     เพราะสมัยท่านนบีการกำหนดฮุกมต่างๆนั้นยังไม่มีการบันทึกเพิ่งหลังทีท่านนบี(ซล)จากไปแล้ว  ในสมัยของซอฮาบะและช่วงของตาบีอีน ซึ่งจะเห็นว่าแม้กระทั่ง ซอฮาบะยังยึดหรือตามมัสหับหรือแนวทางของบรรดาซอฮาบะด้วยกันโดยเฉพาะผู้ที่มีความรู้บางคน เช่น ถ้าเมืองมาดีนะ,มักกะก็จะยึดคำวินิจฉัยของท่านอิบนุอุมัร(รด) เเต่ถ้าในเมืองกูฟะ ก็จะตามทัศนะหรือยึดคำวินิจฉัยของท่านอิบนุอับบาส ถ้าแถวเมืองชามก็ยึดคำวินิจฉัยของ ท่านอิบนุมัสอูดฯลฯเป็นต้น

เพราะบรรดาซอฮาบะส่วนมากก็ใช่ว่าจะมีความรู้เท่าเทียมกันหมด เขาจำเป้นต้องมีหรือตามทัศนะใดทัศนะหนึ่งที่เขาต้องการและง่ายสำหรับเขาและใกล้กับบรรดาผู้รู้ของเขา  ดังที่เรารับทราบว่าเหล่าซอฮาบะนั้นมีทั้งคนเก่ง คนฉลาด คนซื่อ คนความจำดี คนขี้ลืม หรือคนหนุ่ม คนสาวและทั้งหญิงและชายฯลฯ ซึ่งเขาไม่มีความสามารถที่จะเรียนรู้ถึงระดับขั้นวินิจฉัยตัวบทจากอัลกรุอ่านและอัลอาดิสได้เอง  และการรับรู้อัลกรุอ่านและอัลฮาดิสก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะรับทราบเหมือนกันหมดเลยทีเดียว

[
อ้างถึง
อีหม่ามฮานาฟี เคยกล่าวไว้ว่า (ผมไม่จำชื่อหนังสือ) อย่านำคำพูดของฉันไปอ้าง ถ้าไม่รู้หลักฐานหรือที่ไปที่มาของมัน
หนังสืออะไรหรือ
-อีหม่ามชาฟีอีได้กล่าวว่า (เรียนรู้จากผู้รู้)ถ้าคำของฉันไปขัดแย้งกับคำพูดของท่านรอซูล ก็ให้ทิังคำพูดของฉันและไปยึดคำพูดของท่านรอซูล

 party:นี่ก็คุณเข้าใจผิดอีกครับ เพราะคำพูดนี้คือ เป็นคำพูดที่ท่านอีม่ามชาฟีอี(รฮ)พูดกับศานุสิษย์ของท่านขณะที่ถามถึงปัญหาต่างๆที่เกี่ยวการระดับของการรับรู้ฮาดิส  และในทางตรงกันข้าม เราจะพบว่า ไม่มีใดคำพูดทีท่านอีม่ามชาฟีอี(รฮ)ขัดแย้งกับกีตาบุลลอฮ์และอัชซุนนะ ไม่มีเลย

อ้างถึง
-ท่านอีหม่ามฆอซาลี ได้ตำหนิ การตักลีดว่า การตามที่มืดบอด ( blind following) หรือเป็นความเชื่อมือสอง ( second hand belief) (ผมจำชื่อหนังสือไม่ได้เช่นกัน แต่เป็นฉบับที่แปลเป็นภาษาอังกฤษ ถ้าจำไม่ผิดชื่อหนังสือขึ้นต้นด้วยคำว่า ฮีดายะฮ์...)

 party:ท่านอีม่ามอัลคอซาลี(รฮ) พูดเกี่ยวกับคนโง่ที่ตักลีดเหมือนคนตาบอดไม่ยอมศึกษาที่มาที่ไป  ทั้งที่มีความสามารถอ่านออกเขียนได้ แต่ไม่ศึกษาหาความรู้ก่อน ที่มีการตักลีดหรือตาม แต่ท่านไม่ปฏิเสธในเรื่องการยึดหรือตามทัศนะเพราะท่านก็ยึดทัศนะของอีม่ามชาฟีอี(รฮ)รวมทั้งท่านก็สนับสนุนให้บรรดาศิษย์ของท่านในเรื่องการตามมัซหับด้วย

3
อ้างถึง
. การยึดติดกับมัสฮับจะทำให้การปฏิบัติยุ่งยากหรือไม่ ตัวอย่างเช่น การละหมาดการตามมัสฮับ บางครั้งทำให้ยุ่งยากในการปฎิบัติหรือไม่ เช่น เราละหมาดตามหลังอีหม่ามฮะนาฟีที่เพิ่งกระทบกับภรรยามาได้ใหม หรือตามหลังอีหม่ามมาลีกีที่ได้กระทบสุนัขได้ใหม (และถ้าละหมาดซุบฮีตามทัศนะของเขา อีหม่ามเหล่านี้ไม่อ่านกูนุตด้วย) อันนี้เคยเกิดขึ้นกับตัวผม เพื่อนของผมเคยปฏิเสธที่จะไปละหมาดญุมอัดที่มัสยิดปากีสถานทั้งๆที่ใกล้กว่า
4.  ถ้าเราตามมัสฮับ เช่นตามอีหม่ามชาฟีอี สมมุติไปขัดแย้งกับสุนนะฮ์นบี เช่น การกระทบภรรยาเสียน้ำละหมาด ซึ่งท่านอีหม่ามชาฟีอี แปลตรงตัวว่าสัมผัสของผิวหนัง แต่อีหม่ามอื่น เช่นฮานาฟี หมายถึงการมีเพศสัมพันธ์ และยังมีฮาดีสอีกมากมายเกี่ยวกับเรี่องนี้ ถ้าเป็นเช่นนี้ เราจะตามทัศนะของอีหม่ามดีหรือตามสุนนะฮ์ ดีครับ

 hihi:คุณroy4ครับ  การวินิจฉัยเรื่องการเสียน้ำละหมาดไม่ใช่เรื่องของความขัดแย้งกับซุนนะเกาลียะ หรือเฟียะลียะเลยแต่มันมาจากการวินิฉัยตัวบทจากอัลกรุอ่านที่แตกต่างกันต่างหาก  กรุณาไปดูกระทู้การกระทบกันเสียน้ำละหมาดหรือไม่ในเมื่อฮาดิสนั้นไม่สามารถตัดสินความชัดเจนได้   เพราะเรื่องนี้ มันเกิดจากการเข้าใจตัวบทเดียวกันยที่แตกต่างกันตั้งแต่สมัยซอฮาบะแล้ว ท่านอิบนุอับาส วินิจฉัยและตะวีลความหมายคำว่าลามัสตุมบอกว่าเรื่องการกระทบซูเราะอัลบากอเราะดังกล่าวนั้นหมายถึงการมีเพศสัมพันธ์  ท่านอิบนุอุมัร  วินิจฉัยและตะวีลความหมายคำว่าลามัสตุมท่านแปลตามตัวตรงซึ่งแปลว่า เรื่องการกระทบซูเราะอัลบากอเราะดังกล่าวนั้นหมายถึงการสัมผัส

และนี้คือคำตอบจากอ.จอาลี  เสือสมิง

บุคคลที่จะเลือกเอาประเด็นปัญหาศาสนาจากมัซฮับอื่น ๆ นั้น นักวิชาการในภาควิชาอุซูลุลฟิกฮฺ(หลักมูลฐานนิติศาสตร์อิสลาม) ได้ระบุเงื่อนไขที่จำต้องคำนึงถึงเอาไว้หลายประการด้วยกัน ดังนี้


1. ประเด็นปัญหาศาสนานั้นต้องอยู่ในหมวดของประเด็นปัญหาที่มีการวิเคราะห์โดยกำลังสติปัญญา (อิจติฮาดียะฮฺ) และไม่เด็ดขาด (ซ็อนฺนียะฮฺ) ส่วนเรื่องที่รู้กันโดยภาวะจำเป็นจากหลักการศาสนา อันเป็นสิ่งที่มีมติเห็นพ้อง (อิจญฺมาอฺ) และผู้ปฏิเสธเรื่องนั้น ๆ ถือเป็นผู้ปฏิเสธ ย่อมใช้ไม่ได้ในการเลือกเอาทัศนะที่ค้านกับเรื่องดังกล่าวมาปฏิบัติเพราะเป็นเรื่องที่มีตัวบทชัดเจนและเด็ดขาด (ก็อฏอียะฮฺ) ซึ่งกรณีนี้ไม่อนุญาตให้ใช้การวิเคราะห์โดยกำลังสติปัญญา ทั้ง ๆ ที่มีตัวบท


ดังนั้นจีงไม่อนุญาตให้ตัลฺฟีก หรือ ตักลีดฺ ซึ่งจะนำพาไปสู่การอนุมัติสิ่งที่ถูกบัญญัติห้ามเอาไว้ เช่น การดื่มของหมักที่ทำให้มึนเมาและการทำซินา เป็นต้น (อุซูลุลฟิกฮฺ อัลอิสลามีย์, ดร.วะฮฺบะฮฺ อัซซุฮัยลีย์, ดารุ้ลฟิกร์ (1996) เล่มที่ 2 หน้า 1144)

นอกจากนี้เรื่องที่เกี่ยวกับหลักศรัทธา (อะกออิด) การศรัทธา (อีมาน) และจริยธรรม (อัคล๊าก) ก็ไม่อนุญาตให้เช่นกัน (อ้างแล้ว 2/1150 โดยสรุป)



2. จะต้องไม่เป็นไปเพื่อการติดตามเสาะหาข้ออนุโลม (อัรรุค็อซฺ) ต่าง ๆ โดยเจตนาทั้ง ๆ ที่ไม่มีความจำเป็นถึงขึ้นวิกฤติ (ฎ่อรูเราะฮฺ) และอุปสรรคขัดข้อง (อุซฺร์) การกระทำเช่นนี้เป็นที่ต้องห้ามทั้งนี้เพื่อเป็นการปิดหนทางต่าง ๆ ที่จะนำไปสู่ความเสียหายโดยทำลายข้อบังคับอันเป็นภารกิจทางศาสนบัญญัติ (อ้างแล้ว 2/1148 โดยสรุป)



3. การเลือกประเด็นข้อปัญหานั้น ๆ จะต้องไม่ทำลายคำตัดสินชี้ขาดของผู้เป็นฮากิม (ผู้ปกครอง) ทั้งนี้เพราะคำตัดสินของผู้ปกครองถือเป็นสิ่งยกเลิกข้อขัดแย้งทั้งปวงเพื่อป้องกันความวุ่นวายสับสนที่จะเกิดขึ้นได้ และประเด็นข้อปัญหานั้น ๆ จะต้องไม่เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความจำเป็นในการถอนตัวจากสิ่งที่เขาได้ปฏิบัติสิ่งนั้นไปแล้วโดยการถือตาม (ตักลีด) (อ้างแล้ว 2/1149 โดยสรุป)



4. จะต้องถือตามทัศนะที่กล่าวถึงประเด็นข้อปัญหานั้นเนื่องจากมีหลักฐานยืนยัน ดังนั้นบุคคลผู้นั้นจะต้องไม่เลือกเอาทัศนะที่อ่อนหลักฐานของมัซฮับต่าง ๆ แต่ให้ถือเลือกทัศนะที่มีหลักฐานแข็งแรงที่สุด  ตลอดจนไม่ถือตามคำฟัตวาที่แหวกแนว (ช๊าซฺ) อีกทั้งผู้นั้นจำต้องรู้ถึงแนวทางต่าง ๆ ของมัซฮับที่เขาเลือกนำเอามาปฏิบัติ (อุซูลุลฟิกฮฺ ; อิหม่ามมุฮำมัด อบูซะฮฺเราะฮฺ ; ดารุ้ลฟิกร์ อัลอะรอบีย์ ; หน้า 379 โดยสรุป) และส่วนนี้เป็นคำตอบสำหรับคำถามของคุณ adam ในข้อ 2 ที่ถามว่า จำเป็นไหมที่จะต้องรู้ว่า การกระทำอย่างนี้เป็นของมัซฮับใด?


5. จะต้องพยายามอย่างสุดความสามารถในการที่จะไม่ละทิ้งข้อปัญหาที่เห็นพ้องไปปฏิบัติข้อที่มีทัศนะเห็นต่าง (อ้างแล้ว หน้าเดียวกัน)


6. จะต้องไม่ถือตามอารมณ์ของผู้คน หากแต่จำต้องถือตามสิทธิประโยชน์อันพึงมีพึงได้ (อัลมัซละฮะฮฺ) และหลักฐาน (อ้างแล้ว หน้า 380) เงื่อนไขที่กล่าวมาข้างต้นทั้ง 6 ข้อนี้เป็นคำตอบสำหรับคำถามของคุณ adam ที่ถามว่า “มีเงื่อนไขในการตามมัซฮับอื่นหรือไม่?”



ท่านอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ (ร.ฮ.) กล่าวว่า : ย่อมไม่มีสิทธิสำหรับผู้หนึ่งผู้ใดในการที่เขาจะยึดเอามัซฮับที่เห็นต่างโดยอารมณ์ (ชะฮฺวะฮฺ) และบุคคลทั่วไป (อามมีย์) ย่อมไม่มีสิทธิในการที่เขาจะเลือกเฟ้นจากบรรดามัซฮับทั้งหลายในทุกข้อประเด็นปัญหาที่ดีที่สุดสำหรับเขาผู้นั้นและลามปามเปิดกว้าง ...” (อัลมุสตัซฟา 2/125) และย่อมเข้าสู่ภายใต้ขอบข่ายของชนิดนี้โดยสมควรอย่างยิ่งคือการเสาะแสวงหาติดตามข้ออนุโลมต่าง ๆ เพื่อความเพลิดเพลินและการยึดเอาคำกล่าวที่อ่อนหลักฐานจากทุก ๆ มัซฮับโดยถือตามความพอใจและอารมณ์ (อุซูลุลฟิกฮฺ อัลอิสลามีย์ ; ดร.วะฮฺบะฮฺ อัซซุฮัยลีย์ เล่มที่ 2 หน้า 1148-1149)


นี่คือคำตอบสำหรับคำถามข้อที่ 3 ซึ่งคุณ adam ถามมาว่า “การเลือกทำในบางอย่างที่ตรงกับความพอใจของเราจะได้ไหม?”  (กล่าวคือ ทัศนะที่จะเลือกมาปฏิบัติและยึดถือนั้นต้องมีหลักฐานที่แข็งแรงถูกต้องมาสนับสนุนความพอใจหรือการที่เห็นว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งดีและปฏิบัติได้นั้นต้องเป็นไปตามหลักการ อันเป็นวิชาการมิใช่อาศัยอารมณ์หรือการต้องจริตมาเป็นบรรทัดฐาน


และผู้ใดอาบน้ำละหมาดและเช็ดศีรษะโดยถือตาม (ตักลีด) อิหม่ามอัชชาฟิอีย์ (ร.ฮ.) การอาบน้ำละหมาดของผู้นั้นถือว่าใช้ได้ ต่อมาเมื่อเขาผู้นั้นไปกระทบอวัยวะเพศของเขาในภายหลังโดยถือตามอิหม่ามอบูฮะนีฟะฮฺ (ร.ฮ.) ก็อนุญาตให้ผู้นั้นละหมาดได้ ทั้งนี้เพราะการอาบน้ำละหมาดของผู้ถือตามคนนี้ใช้ได้โดยมติเห็นพ้อง ทั้งนี้เพราะการสัมผัสอวัยวะเพศไม่ทำให้เสียในทัศนะของอิหม่ามอบูฮะนีฟะฮฺ (ร.ฮ.) ดังนั้นเมื่อบุคคลหนึ่งถือตามอิหม่ามของอบูฮะนีฟะฮฺ (ร.ฮ.) ในการไม่มีการทำลายสิ่งที่ถูกต้องในทัศนะของอิหม่ามอัชชาฟิอีย์ (ร.ฮ.) การอาบน้ำละหมาดของผู้นั้นก็ยังคงอยู่ตามสภาพของมันด้วยการถือตาม (ตักลีด) อิหม่ามอบูฮะนีฟะฮฺ และในขณะนั้นจะไม่ถูกกล่าวว่า : แท้จริงการอาบน้ำละหมาดนั้นใช้ไม่ได้เนื่องจากการเสียน้ำละหมาดในทั้ง 2 มัซฮับ

ทั้งนี้เพราะประเด็นปัญหาทั้งสองเป็นกรณีที่แยกจากกัน เพราะการอาบน้ำละหมาดนั้นสมบูรณ์แล้ว โดยใช้ได้ด้วยการถือตามอิหม่ามอัชชาฟิอีย์ (ร.ฮ.) และการอาบน้ำละหมาดก็ยังคงอยู่เรื่อยไปหลังการกระทบสัมผัสอวัยวะเพศนั้นด้วยการถือตามอิหม่ามอบูฮะนีฟะฮฺ (ร.ฮ.) ดังนั้นการถือตามอิหม่ามอบูฮะนีฟะฮฺ (ร.ฎ.) จึงเป็นไปในการคงอยู่ของการใช้ได้ มิใช่ในตอนเริ่มของมัน (ดูอุซูลุลฟิกฮฺ อัลอิสลามีย์ อ้างแล้ว เล่มที่ 2 หน้า 1146)


ท่านอิบนุอับาส วินิจฉัยและตะวีลความหมายคำว่าลามัสตุมบอกว่าเรื่องการกระทบซูเราะอัลบากอเราะดังกล่าวนั้นหมายถึงการมีเพศสัมพันธ์  ท่านอิบนุอุมัร  วินิจฉัยและตะวีลความหมายคำว่าลามัสตมท่านแปลตามตัวตรงซึ่งแปลว่า เรื่องการกระทบซูเราะอัลบากอเราะดังกล่าวนั้นหมายถึงการสัมผัส

อ้างถึง
5.การไม่สังกัดมัสฮับ คือการที่เรายึดตามสุนนะฮ์ โดยศึกษาดูจากหลักฐานที่แข็งแรง โดยไม่ยึดติดหรือตะอัซุบกับทัศนะของอีหม่าม ซึ่งถ้าจะดูฟีกฮ์หลักปฎิบัติของกลุุ่มสุนนะฮ์ที่ไม่ตักลีดแล้ว ก็ไม่มีอะไรไปขัดแย้งกับสี่มัสฮับนี้เลย เช่นการไม่เสียน้ำละหมาดเมื่อกระทบภรรยา ก็ตรงกับฮานาฟี การสัมผัสสุนัขได้ ตรงกับมาลีกี (คือให้ล้างเจ็ดน้ำ หนึ่งในนั้นเป็นน้ำดินกับภาชนะที่สุนัขเลียเท่านั้น) การอ่านบิสมิลละฮ์ เบา ๆ ก็ตรงกับอีหม่ามท่านอื่น ๆนอกเหนือจากชาฟีอี และอีกหลาย ๆเรื่องเมื่อศึกษาไปมันก็อยู่ในทัศนะของสี่อีหม่ามทั้งสิ้น ดั้งนั้น ถ้าเราตามฟักฮ์สุนนะ ได้ใหม คือเอากุรอานและฮาดิสเป็นหลักและเอาทัศนะอุลามาไว้ทีหลัง ซึ่งความจริงทั้งสี่อีหม่ามก็เอากุรอานและฮาดิสเป็นหลักอยู่แล้ว แต่อาจขัดแย้งในเรื่องการตีความและการยึดฮาดิสของละอีหม่าม
ทั้งหมดนี้คือทัศนะของผมครับ ขอขอบคุณด้วยความจริงใจอีกครั้ง หวังว่าจะได้รับเรื่องที่เป็นวิทยาทานต่อไป แต่ขอเรียนให้ทราบก่อนนะครับว่า ผมไม่ได้จบจากสายศาสนาโดยตรง และไม่ค่อยมีความรู้ภาษาอาหรับ


 boulay:ถ้าคุณคิดว่าการมีมัสหับเป็นเรื่องไร้สาระและยุ่งยากก็แสดงว่า บรรดาสลัฟช่าง300ปีก็หลุ่มหลง ทั้งหมดใช่หรือไม่  เพราะคุณว่า ไม่จำเป็นต้องตามหรือยึดถือ ทั้งที่เขาเหล่านั้นมีความรู้มากกว่าคุณมากมายนัก

ปวงปราชญ์มัซฮับหะนะฟีย์

ท่านอิมามอบูยูซุฟ , ท่านอิมามมุหัมมัด บิน อัล-หะซัน , ท่านอับดุลเลาะฮ์ บิน อัลมุบาร๊อก , ท่านซุฟัร , ท่านญะฟัร อัฏเฏาะหาวีย์ , ท่านอัซซัรค่าชีย์ , อันนะซะฟีย์ , อะห์มัด บิน มุหัมมัด อัลบุคอรีย์ , ท่านอัซซัยละอีย์ , ท่านอัลกะมาล บิน อัลฮุมาม , ท่านอิบนุ อันนุญัยม์ , ท่านอิบนุอาบิดีน ,  และบรรดาปวงปราชญ์อีกหลายพันคนที่ได้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติส่วนบุคคล ในมัซฮับหะนะฟีย์  ที่มีชื่อว่า  ฏ่อบะก๊อต  อัลหะนะฟียะฮ์  ถ้าจะพิจารณาประเทศต่างๆ  ที่ปฏิบัติตามมัซฮับหะนะฟีย์โดยส่วนใหญ่แล้ว  คือ  อินเดีย  ปากีสถาน  บังคลาเทศ  สินธุ  อัฟกานิสถาน  กลุ่มประเทศอาหรับในแถบชาม  เช่นซีเรีย  อิรัก  และกลุ่มประเทศยุโรป  ก็คือตามมัซฮับหะนะฟีย์ทั้งสิ้น

ปวงปราชญ์มัซฮับมาลิกีย์

ท่านอิมามอิบนุ อัลกอซิม , ท่านอัลอัชฮับ , ท่านซั๊วะหฺนูน , ท่านอะซัด บิน อัลฟุร๊อด ,  ท่านอัซบั๊ฆฺ , ท่านอิบนุ อับดุลบัรร์ , ท่านกอฏีย์ อัลอิยาฏ , ท่านอิบนุ อัลอะรอบีย์ อัลมาลิกีย์ , ท่านอบูบักร  อัฏฏุรฏูชีย์ , ท่านอิบนุ อัลหาญิบ , ท่านอิบนุ อัลมุนัยยิร , ท่านอิบนุ รุชด์ , อัลบากิลลานีย์ , ท่านอัลบาญี , ท่านอัลกุรฏุบีย์ , ท่านอัลกุรอฟีย์  , ท่านอัชชาฏิบีย์ , ท่านอิบนุ คอลดูน , และบรรดาปวงปราชญ์อีกหลายท่านที่ถูกรวมอยู่ในตำรับตำราที่เกี่ยวกับประวัติ ส่วนบุคคลของมัซฮับมาลิกีย์  ซึ่งเรียกว่า  “ฏ่อบะก๊อต มาลิกียะฮ์”  นักปราชญ์เหล่านี้อยู่ในมัซฮับของอิมามมาลิกทั้งสิ้น  และท่านสามารถกล่าวได้ว่า  นักปราชญ์แห่งเมืองต่างๆ  ในกลุ่มประเทศอาหรับตะวันตกในทวีปอาฟริกา  เริ่มตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 แห่งฮิจเราะฮ์  จวบจนถึงทุกวันนี้  ได้ยึดถือตามมัซฮับมาลิกีย์ทั้งสิ้น

ปวงปราชญ์มัซฮับอิมามชาฟิอีย์

ท่านอิมามอัลมุซะนีย์ , ท่านอิมามอัลบุวัยฏีย์ , ท่านอิบนุ อัลมุนซิร , ท่านมุหัมมัด บิน ญะรีร อัฏฏ๊อบรีย์ , ท่านอิบนุ สุรัยจฺญ์ , ท่านอิบนุ คุซัยมะฮ์ , ท่านอัลก๊อฟฟาล , ท่านอัลบัยฮะกีย์ , ท่านอัลค๊อฏฏอบีย์ , ท่านอบู อิสหาก อัลอัสฟิรอยีนีย์ , ท่านอบู อิสหาก อัชชีรอซีย์ , ท่านอัลมาวัรดีย์ , ท่านอบูฏ๊อยยิบ อัศเศาะลูกีย์ , ท่านอบูบักร อัลอิสมาอีลีย์ , ท่านอิมาม อัลหะร่อมัยน์ , ท่านหุจญฺตุลอิสลาม อัลฆ่อซาลีย์ , ท่านอัลบะฆอวีย์ , ท่านอัรรอฟิอีย์ , ท่านอบู ชามะฮ์ , ท่านอิบนุ ริฟอะฮ์ , ท่านอิบนุ ศ่อลาห์ , ท่านอิมามอันนะวาวีย์ , ท่านอิซซุดีน บิน อับดุสลาม , ท่านอิบนุ ดะกีก อัลอีด , ท่านอัลหาฟิซฺ อัลมุซซีย์ , ท่านตายุดดีน อัศศุบกีย์ , ท่านอัซซะฮะบีย์ , ท่านอิรอกีย์ , ท่านอัซซัรกาชีย์ , ท่านอิบนุหะญัร อัลอัสก่อลานีย์ , ท่านอัสศะยูฏีย์ , ท่านชัยคุลอิสลาม ซะกะรียา อัลอันซอรีย์ , และบรรดานักปราชญ์อีกเป็นพันๆ  ที่ไม่สามารถเอ่ยนามพวกเขาได้ทั้งหมด  และบรรดานักปราชญ์มัซฮับชาฟิอีย์ได้ถูกระบุไว้ในหนังสือ “อัฏฏ่อบะก๊อต อัชชาฟิอียะฮ์” ก็มีถึง 1419 ท่าน

ปวงปราชญ์มัซฮับหัมบาลีย์

ท่าน อิมามอาญุรรีย์ , ท่านอบู อัลค๊อฏฏอบ อัลกัลป์วาซะนีย์ , ท่านอบูบักร อันนัจญาร , ท่านอบูยะอฺลา , ท่านอัลอัษรอม , ท่านอิบนุ อบีมูซา , ท่านอิบนุ อัซซ๊อยรอฟีย์ , ท่านอิบนุ ฮุบัยเราะฮ์ , ท่านอิบนุ อัลเญาซีย์ , ท่านอิบนุ ตัยมียะฮ์ , ท่านอิบนุ รอญับ , ท่านอิบนุ รุซัยน์ , ท่านอิบนุรอญับ , และบรรดานักปราชญ์ท่านอื่นๆ อีกมากมาย  และนักปราชญ์มัซฮับหัมบาลีย์ที่ได้ถูกกล่าวไว้ในหนังสือ “อัลมักซิด อัลอัรชัด” มีถึง 1315 ท่าน

ดังนั้น  ประชาชาติอิสลามศตวรรษแล้วศตวรรษเล่าได้ให้การยอมรับในการตักลีดตามนัก ปราชญ์มุจญฮิดผู้วินิจฉัย  ทั้งที่ในสิ่งดังกล่าวนี้  ก็ไม่ใช่เป็นความคลั่งไคล้และแบ่งพรรคแบ่งพวก  แต่ความเป็นพี่น้องในศาสนา  จึงทำให้พวกเขาอยู่ร่วมกัน  และบรรดาวงล้อมที่ทำการศึกษาวิชาความรู้  ก็ได้สมานฉันท์พวกเขาเอาไว้  พวกเขาต่างศึกษาความรู้ซึ่งกันและกัน  และยกย่องสรรเสริญกันและกัน  โดยที่ท่านเกือบจะไม่พบถึงประวัตินักปราชญ์มัซฮับ  หะนะฟีย์  มาลิกีย์  ชาฟิอีย์ และหัมบาลีย์  นอกจากว่า  ปราชญ์ท่านหนึ่งได้เคยเป็นศิษย์และศึกษากับบรรดานักปราชญ์ที่ไม่ได้อยู่ใน มัซฮับของเขา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เม.ย. 18, 2012, 06:41 AM โดย abubuk »

ออฟไลน์ roy4kids

  • ความจริง ย่อมเป็นความจริงวันยังค่ำ
  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 19
  • เพศ: ชาย
  • เมื่อความจริงปรากฎ ความมดเท็จจะหายไป
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
 :salam: ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ แต่ผมคิดว่า ไม่จำเป็นต้องหาหนังสือถึงขั้นนั้น ผมคิดว่า เอาแค่ฟิกกุนสุนนะฮ์ ที่เอากุรอานและฮาดิสเป็นแล้วตามด้วยทัศนะของแต่ละมัสฮับก็คงจะเพียงพอ ขอบคุณอีกครั้งสำหรับคำแนะนำ
วัซซาลาม

ออฟไลน์ abubuk

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 20
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
แสดงว่าใจคุณยังปิดและคับแคบที่จะเรียนรู้   คุณไม่ละอายใจบ้างหรือหนังสือฮะดิสที่คุณคิดว่ามันเพียงพอแล้วสำหรับคุณนั้น  ไม่ว่า ซอเหียะ บุคอรี มุสลิม  สุนันอบูดาวุด อัตตัซมีซีย์ อิบนุมาญะ อบูดาวูด       เขาเหล่าต่างมีหรือยึดตามมัซหับทั้งนั้น   mycryผมสงสารคุณจริงๆๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เม.ย. 18, 2012, 06:43 AM โดย abubuk »

 

GoogleTagged