« เมื่อ: เม.ย. 06, 2012, 05:23 AM »
+2
ผู้ที่คัดค้านและไม่ยอมรับหะดีษของท่านรสูล(ซ.ล.) หุก่มว่าอย่างไร ??
ตอบ ..
ผู้ที่คัดค้านและไม่ยอมรับหะดีษของท่านรสูล(ซ.ล.) นั้น แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มด้วยกัน คือ ..
1. ผู้ที่คัดค้านหะดีษของท่านรสูล(ซ.ล.) ทั้งหมด คือ พวกเขามีความเห็นว่า หะดีษของท่านรสูล(ซ.ล.) ไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานได้ ไม่ว่าจะเป็นหะดีษที่เศาะเหี๊ยะหฺหรือไม่เศาะเหี๊ยะหฺก็ตาม ดังนั้น คนกลุ่มนี้ถือว่า เป็นกาเฟร ตามมติที่เห็นพ้องต้องกันของปราชญ์อิสลามทั้งหมด
2. ผู้ที่ไม่ได้คัดค้านหะดีษของท่านรสูล(ซ.ล.) ทั้งหมด ในการที่จะนำมาเป็นหลักฐาน แต่ว่าเขาจะยอมรับในบางหะดีษและไม่ยอมรับในบางหะดีษ โดยเขามีความเห็นว่า มันไม่มีความถูกต้องในการอ้างอิงไปยังท่านรสูล(ซ.ล.) แต่ทว่าเขาคิดไปตามอารมณ์และการคาดการณ์ของตนเองเท่านั้น ไม่ได้พูดหรือวิเคราะห์ไปตามหลักวิชาการของหะดีษที่ปราชญ์ให้การรองรับ ดังนั้น คนกลุ่มนี้ถือว่าเป็นคนฟาสิกหรือคนชั่ว
3. ปราชญ์ผู้ทรงความรู้ในวิชาการหะดีษ ซึ่งสามารถวินิจฉัยสถานภาพของหะดีษได้ว่าหะดีษใดเป็นหะดีษฎออีฟหรือหะดีษใดเป็นหะดีษที่เศาะเหี๊ยะหฺ โดยที่เขามิได้ปฏิเสธในการนำเอาหะดีษมาเป็นหลักฐาน แต่ทว่าจะต้องพิจารณาสถานภาพของมันเสียก่อนจึงจะนำมายึดถือ ซึ่งคนกลุ่มนี้ คือ นักปราชญ์ระดับมุจญตะฮิด(นักวิเคราะห์วินิจฉัยในเรื่องของศาสนา) ดังนั้น หากว่าเขาวินิจฉัยถูกต้อง เขาก็ได้รับสองผลบุญ แต่หากว่าเขาวินิจฉัยผิด เขาก็ได้รับแค่หนึ่งผลบุญ
ท่านอิสหาก อิบนุ เราะฮะวัยฮฺ ได้กล่าวว่า ..
من بلغه عن رسول الله صلى الله عليه وسلم خبرا يقر بصحته ثم رده بغير تقية فهو كافر
“ผู้ใดก็ตามที่มีหะดีษถึงไปยังตัวเขา และได้รับการยืนยันว่าหะดีษเศาะเหี๊ยะหฺ แต่หลังจากนั้น เขากลับปฏิเสธมันโดยปราศจากวินิจฉัย(อธิบายหรือตีความ) ดังนั้น เขาคือ กาเฟร”
ดู ตำรา الإحكام فى أصول الأحكام โดย ท่านอิมามอิบนุ หัซมฺ อัซ-ซอฮิรีย์ เล่มที่ 1 หน้าที่ 93
ท่านอิมาม อัส-สุยูฏีย์ ได้กล่าวว่า ..
أنَّ مَن أنكر كون حديث النبي صلى الله عليه وسلم – قولا كان أو فعلا بشرطه المعروف في الأصول حجة كفر وخرج عن دائرة الإسلام وحشر مع اليهود والنصارى أو مع من شاء من فرق الكفرة
“แท้จริง ผู้ใดก็ตามที่คัดค้านหะดีษของท่านนบี(ซ.ล.) ไม่ว่าจะในด้านคำพูด หรือการกระทำ ด้วยเงื่อนไขที่รู้กันในหลักการว่ามันคือ หลักฐานทางศาสนา ดังนั้น ถือว่าเขาเป็นกาเฟร และเขาได้ออกไปจากกรอบของอิสลามแล้ว และเขาจะถูกนำไปรวมกับพวกยิวและพวกคริสต์ หรือไปรวมกับกลุ่มที่อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงประสงค์จากกลุ่มต่างๆ ที่เป็นกาเฟร”
ดู ตำรา مفتاح الجنة في الاحتجاج بالسنة โดย ท่านอิมาม อัส-สุยูฏีย์ หน้าที่ 140
สถาบันฟัตวา ดารุลอิฟตาอฺ แห่งอียิปต์ ได้กล่าว่า ..
القرآنيون: فرقة ضالة ظهرت في بدايتها في الهند، وأنكروا السنة النبوية المباركة
“กลุ่มที่ยึดถือเฉพาะอัล-กุรอานแค่เพียงอย่างเดียวนั้น ถือว่าเป็นกลุ่มที่หลงผิด คนกลุ่มนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากอินเดีย ซึ่งพวกเขาปฏิเสธหะดีษของท่านนบี(ซ.ล.)”
คำชี้ขาดจากสถาบันฟัตวา ดารุลอิฟตาอฺ แห่งอียิปต์ ต่อคนกลุ่มนี้ ..
فإنكار السنة الشريفة ككونها حجة ومصدر من مصار التشريع لا شك أن هذا مخرج من الملة المحمدية، أما إنكار بعض الأحاديث فلا يحكم بردته لربما كان له شبهة في ذلك
“การปฏิเสธคัดค้านต่อหะดีษของท่านรสูล(ซ.ล.) ในการนำเอามาเป็นหลักฐาน หรือปฏิเสธคัดค้านในการนำเอามาเป็นที่มาของบัญญัติอิสลาม (ผู้ที่มีแนวคิดแบบนี้)ไม่ต้องสงสัยเลยว่า แท้จริงพวกเขาเป็นผู้ที่ออกไปจากแนวทางศาสนาของท่านนบี(ซ.ล.)แล้ว ส่วนการคัดค้านในบางหะดีษนั้น ไม่ถือว่าเป็นผู้ที่สิ้นสภาพจากการเป็นมุสลิม เพราะบางทีเขาออาจจะมีความคลางแคลงใจในสถานภาพของหะดีษนั้นๆ”
ดู http://www.dar-alifta.org/f.aspx?ID=681763
วัลลอฮุ ตะอาลา อะลัม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เม.ย. 06, 2012, 06:27 AM โดย Muftee »
// อะฮฺลิสสุนนะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺ...สักวันนึง เราต้องเป็นอุละมาอฺที่ยิ่งใหญ่ อินชาอัลลอฮฺ //