กลุ่มหลงผิดอย่างเช่นอะชาอิเราะฮฺยืนยันว่า การมา หรือ การลงมา จะเกิดขึ้นกับพระองค์อัลลอฮฺไม่ได้โดดเด็ดขาด แต่กระนั้นก็ตามท่านอิหม่ามอิบนุกะซีรที่ทั้งฝ่ายเราและฝ่ายอะชาอิเราะฮฺต่างก็ให้การยอมรับ ได้พูดเอาไว้ว่า ‘ พระองค์อัลลอฮฺจะมาในวันกิยามะฮฺ ตามที่พระองค์ทรงประสงค์ ’ ขอถามกลุ่มอะชาอิเราะฮฺว่า ตกลงพวกคุณกำลังจะกล่าวหาท่านอิบนิกะซีรว่าพูดในสิ่งที่ไร้สาระ ไร้ความหมายอย่างนั้นหรือ? แต่ในความเป็นจริงแล้ว ท่านอิบนิกะซีรไม่ได้กล่าวในสิ่งที่ไร้สาระหรือไร้ความหมายแต่อย่างใด แต่กลุ่มอะชาอิเราะฮฺต่างหากที่จะต้องยอมรับความจริงที่ท่านอิบนิกะซีรได้ยืนยันเอาไว้ว่า การมา นั้นเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับพระองค์อัลลอฮฺได้ มิเช่นนั้นแล้วท่านคงจะไม่กล่าวอธิบายด้วยคำว่า ‘ ตามที่พระองค์ทรงประสงค์ ’ อย่างแน่นอน
ชะรีฟ วงศ์เสงี่ยม ยังไม่เข้าใจจุดยืนของอัลอะชาอิเราะฮ์ในเรื่องการ "มาของอัลลอฮ์" แล้วมาฮุกุ่มอัลอะชาอิเราะฮ์ว่า "หลงผิด" แบบมักง่ายได้อย่างไร เหตุใด ชะรีฟ วงศ์เสงี่ยม ถึงต้องเอาเหล่าปราชญ์อัลอะชาอิเราะฮ์มากมายมาเปรียบเทียบกับท่านอิบนุกะษีรเพียงท่านเดียวด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่่น่าขบขันมากๆ เพราะสัจจะธรรมมิได้อยู่ที่อุลามาอฺคนเดียว หรือจะเอาคนเอาวามอัลอะชาอิเราะฮ์มาเปรียบเทียบกับอิบุนกะษีร ก็เป็นเรื่องที่น่าขบขันเช่นกันเพราะคนเอาวามกับอุลามาอฺมันเปรียบกันไม่ได้ ดังนั้นการตั้งข้อที่ว่า "อิบนุกะซีร VS อะชาอิเราะฮฺ ใครจะแน่กว่ากัน" เป็นการตั้งหัวข้อของคนที่ไม่เข้าใจเรื่องอะกีดะฮ์และตบตาคนที่ไม่มีพื้นฐานศาสนา ยิ่งมาฮุกุ่มอัลอะชาอิเราะฮ์หลงผิดแบบมักง่ายแค่เรื่องความแตกต่างแค่นี้ ยิ่งแล้วใหญ่เลยครับ
เมื่อกลับไปดูตัฟซีร อิบนุ กะษีร ที่ระบุว่า “อัลลอฮ์ทรงมาตามที่พระองค์ทรงประสงค์” นั้นเป็นมิใช่เป็นคำกล่าวของท่านอิบนุกะษีร แต่เป็นคำพูดของ อะบูญะฟัร อัรรอซีย์ที่รายงานจาก อะบี อาลียะฮ์ ซึ่งท่านอิบนุกะษีร ได้ทำการถ่ายทอดรายงานไว้ในตัฟซีรของท่านว่า
وقال أبو جعفر الرازي، عن الربيع بن أنس، عن أبي العالية: { هَلْ يَنْظُرُونَ إِلا أَنْ يَأْتِيَهُمُ اللَّهُ فِي ظُلَلٍ مِنَ الْغَمَامِ وَالْمَلائِكَةُ }قال : يقول: والملائكة يجيئون في ظلل من الغمام، والله تعالى يجيء فيما يشاء
ท่านอะบู ญะฟัร อัรรอซีย์ ได้กล่าวจากท่าน อัรร่อบิอฺ บิน อะนัส จากอะบี อาลียะฮ์ความว่า “พวกเขามิได้รอคอยอะไร นอกจากการที่อัลลอฮ์และมลาอิกะฮ์ของพระองค์จะมายังพวกเขา” อบะอาลียะฮ์ได้กล่าวว่า “มะลาอิกะฮ์จะมาในร่มเงาของเมฆและอัลลอฮ์ตะอาลาจะ
มาตามความประสงค์ของพระองค์” ตัฟซีรอิบนุกะษีร ซูเราะฮ์อับะกอเราะฮ์ อายะฮ์ 210
ท่านอิหม่ามอัลบัยฮะกีย์ ปราช์อัลอะชาอิเราะฮ์ ได้กล่าวว่า
فصح بهذا التفسير أن الغمام إنما هو مكان الملائكة ومركبهم ، وأن الله تعالى لا مكان له ولا مركب ، وأما الإتيان والمجيء فعلى قول أبي الحسن الأشعري رضي الله عنه يحدث الله تعالى يوم القيامة فعلا يسميه إتيانا ومجيئا ، لا بأن يتحرك أو ينتقل ، فإن الحركة والسكون والاستقرار من صفات الأجسام ، والله تعالى أحد صمد ليس كمثله شيء
“ดังนั้นจึงถูกต้องด้วยการอธิบายนี้ โดยการที่แท้จริงเมฆนั้นเป็นที่สถานที่อยู่และเป็นพาหนะของมลาอิกะฮ์และแท้จริงอัลลอฮ์ตะอาลานั้นไม่มีสถานที่และไม่มีพาหนะสำหรับพระองค์ สำหรับการทรงมานั้น ตามคำกล่าวของท่านอบูลหะซัน อัลอัชอะรีย์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ คืออัลลอฮ์ได้ทรงให้บังเกิดซึ่งการกระทำหนึ่งที่เรียกว่า การทรงมา โดยที่พระองค์ไม่ทรงเคลื่อนไหวหรือเคลื่อนย้าย เพราะการเคลื่อนไหว การหยุดนิ่ง การสถิตอยู่ เป็นคุณลักษณะของบรรดาสิ่งที่เป็นรูปร่าง ซึ่งอัลเลาะฮ์ทรงเอกะ ทรงเป็นที่พึ่ง(ไม่ต้องการพึ่งพาสถานที่อยู่) ไม่มีสิ่งใดคล้ายเหมือนกับพระองค์” หนังสืออัลอัสมาอฺ วัสศิฟาต หน้า 414
ดังนั้นความหมายที่ว่า “พระองค์อัลลอฮฺจะมาในวันกิยามะฮฺ ตามที่พระองค์ทรงประสงค์” คือ “อัลลอฮ์จะมาในวันกิยามะฮ์ตามที่พระองค์ทรงประสงค์ ด้วยการมาของโดยผลบุญของพระองค์ก็ได้ ด้วยการมาโดยการสอบสวนของพระองค์ก็ได้ ด้วยการมาโดยการลงโทษของพระองค์ก็ได้ ด้วยการมาโดยคำบัญชาของพระองค์ก็ได้
ท่านอัลฮฟาซฺ อิบนุ กะษีร กล่าวการตีความของอิหม่ามอะห์หมัดเชิงยอมรับโดยไม่วิจารณ์สายรายงานว่า
رَوَى البَيْهَقِيُّ عَنِ الحَاكِمِ عَنْ عَمْروٍ بْنِ السَّمَّاكِ عَنْ حَنْبَل أَنَّ أَحْمَدَ بْنَ حَنْبَل تَأَوَّلَ قَوْلَ اللهِ تَعَالىَ ( وَجَاءَ رَبُّك) أَنَّهُ جَاءَ ثَوَابُهُ. ثَمَّ قَالَ الْبَيْهَقِيُّ: وَهَذَا إِسْنَادٌ لاَ غُبَارَ عَلَيْهِ
รายงานโดยอัลบัยฮะกีย์ จาก อัลฮากิม จากอัมร์ บิน อัซซัมมาก จากฮัมบัล ว่า "แท้จริงท่านอะห์มัด บิน ฮัมบัล ได้ทำการตีความ(ตะวีล) คำตรัสของอัลเลาะฮ์ตะอาลาที่ว่า "และผู้อภิบาลของเจ้าได้มา" คือ
การตอบแทนผลบุญของพระองค์ได้มา หลังจากนั้นท่านอัลบัยฮะกีย์กล่าวว่า สายรายงานนี้เป็นสายรายงานที่(สะอาด)ไม่มีฝุ่นเลย" หนังสืออัลบิดายะฮ์ วันนิฮายะฮ์ : 10/361
ท่านอิหม่ามอิบนุญะรีร อัฏเฏาะบะรีย์ ปราชญ์สะลัฟ ได้ทำการนำเสนอการตีความของสะลัฟบางส่วนว่า
وقال آخرون: معنى قوله:" هل ينظرون إلا أن يأتيهم الله"، يعني به: هل ينظرون إلا أن يأتيهم أمرُ الله
“และเหล่าปราชญ์(สะลัฟ)อื่นๆ อีกได้กล่าวว่า ความหมายคำตรัสของอัลลอฮ์ตะอาลาที่ว่า “พวกเขาจะไม่รอคอยนอกการทรงมาของอัลเลาะฮ์ยังพวกเขา” หมายถึง “พวกเขาจะไม่รอคอยอะไรนอกจาก
การมาของคำบัญชาของอัลเลาะฮ์ยังพวกเขา” ตัฟซีร อัฏเฏาะบะรีย์ 4 /265
และท่านอิบนุญะรีร อัฏเฏาะบรีย์ ได้นำเสนอการตีความของสะลัฟบางส่วนไว้เช่นกันอีกว่า
وقال آخرون: بل معنى ذلك: هل ينظرون إلا أن يأتيهم ثوابه وحسابه وعذابه
“และเปล่าปราชญ์(สะลัฟ)อื่นๆ ได้กล่าวว่า ความหมายอายะฮ์ดังกล่าว คือ พวกเขาไม่รอคอยอะไรนอกจาก
การมาผลบุญการตอบแทนของอัลลอฮ์
การมาของการสอบสวนของพระองค์ และ
การมาของการลงโทษของพระองค์” ตัฟซีร อัฏเฏาะบะรีย์ 4 /266
ส่วนการมาของพระองค์แบบเคลื่อนไหวหรือเคลื่อนย้ายจากสถานที่หนึ่งไปยังสถานที่หนึ่งตามที่คนทั่วไปเข้าใจกันนั้น มิใช่หลักอะกีดะฮ์สะลัฟที่แท้จริงตามทัศนะของท่านอิบนุกะษีร
เพราะท่านอิบนุกะษีร ได้กล่าวจุดยืนของสะลัฟเกี่ยวกับอายะฮ์ซีฟัตของอัลเลาะฮ์ที่มีความหมายหลายนัยว่า
والظاهر المتبادر إلى أذهان المشبهين منفي عن الله
“และ
ความหมายผิวเผินที่(เข้าใจได้เลย)เข้าไปยังสมองความคิดของพวกที่ชอบเปรียบเทียบความคล้ายคลึงระหว่างซีฟัตของอัลลอฮ์กับมัคโลคนั้น
เป็นสิ่งที่ถูกปฏิเสธจากอัลลอฮ์” ตัฟซีรอิบนุกะษีร 3/427
ดังนั้นการ ทรงมา ของอัลลอฮ์ตามทัศนะของอัลอะชาอิเราะฮ์นั้น มี 2 แนวทาง
หนึ่ง อัลเลาะฮ์ทรงมาโดยไม่มีการเคลื่อนไหวและเคลื่อนย้ายจากสถานที่หนึ่งไปสู่สถานที่หนึ่ง ซึ่งแก่นแท้การทรงมาของอัลลอฮ์นั้น ขอมอบหมายการรู้ไปยังพระองค์ โดยไม่เจาะจงว่าพระองค์ทรงมาโดยคำบัญชาหรือทรงมาโดยผลการตอบแทนของพระองค์หรือทรงมาโดยอำนาจการตัดสินของพระองค์ ซึ่งเป็นทัศนะส่วนมากของสะลัฟ
สอง อัลลอฮ์ทรงมาโดยคำบัญชาหรือทรงมาโดยผลการตอบแทนของพระองค์เป็นต้น ซึ่งเป็นทัศนะของสะลัฟส่วนน้อย
ส่วนแนวทางของวะฮ์ฮาบีนั้น อัลลอฮ์ทรงมาโดยเคลื่อนไหวและเคลื่อนย้ายจากสถานที่หนึ่งไปสู่สถานที่หนึ่ง ซึ่งเป็นแนวทางของมุชับบิฮะฮ์หรือพวกยืนยันอัลลอฮ์เป็นรูปร่างแม้จะอ้างโรยหน้าว่าไม่มีเหมือนกับมัคโลคก็ตาม
วัลลอฮุอะลัมบิศศ่อว๊าบ