ผู้เขียน หัวข้อ: อิบนุกะซีร VS อะชาอิเราะฮฺ ใครจะแน่กว่ากัน By อ.ชารีฟ อัซซาบิกูน  (อ่าน 5607 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Andalus

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1131
  • เพศ: ชาย
  • บ่าวผู้ต่ำต้อย
  • Respect: +27
    • ดูรายละเอียด

อิบนุกะซีร VS อะชาอิเราะฮฺ ใครจะแน่กว่ากัน
By อ.ชารีฟ อัซซาบิกูน

ถ้านาย ก. พูดกับคุณว่า “ ผมจะเป็นมาลาอิกะฮฺญิบรีล ถ้าผมต้องการ และผมก็จะเป็นมาลาอิกะฮฺมุงกัรนากิรถ้าผมต้องการ และผมจะตอวาฟรอบอรัชของอัลลอฮฺ ถ้าผมต้องการ ” คุณจะว่าอย่างไร? แน่นอนคุณจะต้องกล่าวว่านาย ก. บ้าไปแล้วหรือ สติยังดีอยู่หรือเปล่าที่พูดอะไรเช่นนั้นออกมา และถ้าคุณถูกถามว่าทำไมจึงไปตำหนินาย ก. เช่นนั้น คุณก็จะตอบว่า “ ก็เพราะนาย ก. พูดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้สำหรับตัวเองได้อย่างไร พูดมาได้อย่างไรว่า ‘ ถ้าผมต้องการ’ นาย ก. จะมีสิทธิพูดเช่นนั้นได้ก็ต่อเมื่อ นาย ก. สามารถทำสิ่งที่ตนเองพูดออกมาได้ แต่ถ้าเป็นไปไม่ได้ว่า นาย ก. จะทำเช่นที่ตัวเองพูด การที่ นาย ก. พูดเช่นนั้นถือว่าไร้ความหมาย ไร้สาระที่พูดอะไรออกมาเช่นนั้น ”

แต่ถ้านาย ก. พูดว่า “ ผมจะทำฮัจในปีหน้าถ้าผมต้องการ และผมจะบริจาคเงินให้เด็กกำพร้าถ้าผมต้องการ และผมจะถือศิลอดในวันจันทร์ถ้าผมต้องการ” ถามว่าคุณจะมีปัญหาอะไรกับคำพูดของนาย ก. หรือ? แน่นอนคุณย่อมไม่มีปัญหาอะไรกับสิ่งที่นาย ก. พูด เพราะนาย ก. สามารถทำสิ่งเหล่านั้นได้ เป็นไปได้ว่าสิ่งที่นาย ก. พูดจะเกิดขึ้นได้กับนาย ก.

เพราะฉะนั้นเราจึงสรุปได้ว่า สิ่งใดก็แล้วแต่ที่เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดขึ้น การพูดว่า ‘ถ้าผมต้องการ’ ถือว่าเป็นสิ่งที่ไร้สาระ ไร้ความหมาย ไม่มีเหตุผล เมื่อเข้าใจเช่นนี้แล้ว พระองค์อัลลอฮฺจะไม่กล่าวอย่างเด็ดขาดว่า ‘ พระองค์จะตาย ถ้าพระองค์ทรงประสงค์ ’ หรือ ‘ พระองค์จะสร้างพระเจ้าอีกองค์หนึ่งขึ้นมาเทียบกับพระองค์ ถ้าพระองค์ทรงประสงค์ ’ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่สิ่งเหล่านั้นจะเกิดขึ้นกับพระองค์อัลลอฮฺ

กลุ่มหลงผิดอย่างเช่นอะชาอิเราะฮฺยืนยันว่า การมา หรือ การลงมา จะเกิดขึ้นกับพระองค์อัลลอฮฺไม่ได้โดดเด็ดขาด แต่กระนั้นก็ตามท่านอิหม่ามอิบนุกะซีรที่ทั้งฝ่ายเราและฝ่ายอะชาอิเราะฮฺต่างก็ให้การยอมรับ ได้พูดเอาไว้ว่า ‘ พระองค์อัลลอฮฺจะมาในวันกิยามะฮฺ ตามที่พระองค์ทรงประสงค์ ’ ขอถามกลุ่มอะชาอิเราะฮฺว่า ตกลงพวกคุณกำลังจะกล่าวหาท่านอิบนิกะซีรว่าพูดในสิ่งที่ไร้สาระ ไร้ความหมายอย่างนั้นหรือ? แต่ในความเป็นจริงแล้ว ท่านอิบนิกะซีรไม่ได้กล่าวในสิ่งที่ไร้สาระหรือไร้ความหมายแต่อย่างใด แต่กลุ่มอะชาอิเราะฮฺต่างหากที่จะต้องยอมรับความจริงที่ท่านอิบนิกะซีรได้ยืนยันเอาไว้ว่า การมา นั้นเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับพระองค์อัลลอฮฺได้ มิเช่นนั้นแล้วท่านคงจะไม่กล่าวอธิบายด้วยคำว่า ‘ ตามที่พระองค์ทรงประสงค์ ’ อย่างแน่นอน
"โอ้ อัลลอฮฺ ผู้ทรงทำให้จิตใจเปลี่ยนแปลงได้ ขอพระองค์ทรงให้หัวใจของฉันแน่นแฟ้นอยู่บนศาสนา(อิสลาม)ของพระองค์ด้วยเถิด "

ออฟไลน์ Andalus

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1131
  • เพศ: ชาย
  • บ่าวผู้ต่ำต้อย
  • Respect: +27
    • ดูรายละเอียด
ฝากวิเคราะห์หน่อยคับบ
"โอ้ อัลลอฮฺ ผู้ทรงทำให้จิตใจเปลี่ยนแปลงได้ ขอพระองค์ทรงให้หัวใจของฉันแน่นแฟ้นอยู่บนศาสนา(อิสลาม)ของพระองค์ด้วยเถิด "

ออฟไลน์ muqorrabeen

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 194
  • Respect: +25
    • ดูรายละเอียด
กลุ่มหลงผิดอย่างเช่นอะชาอิเราะฮฺยืนยันว่า การมา หรือ การลงมา จะเกิดขึ้นกับพระองค์อัลลอฮฺไม่ได้โดดเด็ดขาด แต่กระนั้นก็ตามท่านอิหม่ามอิบนุกะซีรที่ทั้งฝ่ายเราและฝ่ายอะชาอิเราะฮฺต่างก็ให้การยอมรับ ได้พูดเอาไว้ว่า ‘ พระองค์อัลลอฮฺจะมาในวันกิยามะฮฺ ตามที่พระองค์ทรงประสงค์ ’ ขอถามกลุ่มอะชาอิเราะฮฺว่า ตกลงพวกคุณกำลังจะกล่าวหาท่านอิบนิกะซีรว่าพูดในสิ่งที่ไร้สาระ ไร้ความหมายอย่างนั้นหรือ? แต่ในความเป็นจริงแล้ว ท่านอิบนิกะซีรไม่ได้กล่าวในสิ่งที่ไร้สาระหรือไร้ความหมายแต่อย่างใด แต่กลุ่มอะชาอิเราะฮฺต่างหากที่จะต้องยอมรับความจริงที่ท่านอิบนิกะซีรได้ยืนยันเอาไว้ว่า การมา นั้นเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับพระองค์อัลลอฮฺได้ มิเช่นนั้นแล้วท่านคงจะไม่กล่าวอธิบายด้วยคำว่า ‘ ตามที่พระองค์ทรงประสงค์ ’ อย่างแน่นอน

ชะรีฟ วงศ์เสงี่ยม  ยังไม่เข้าใจจุดยืนของอัลอะชาอิเราะฮ์ในเรื่องการ "มาของอัลลอฮ์"  แล้วมาฮุกุ่มอัลอะชาอิเราะฮ์ว่า "หลงผิด" แบบมักง่ายได้อย่างไร  เหตุใด ชะรีฟ วงศ์เสงี่ยม ถึงต้องเอาเหล่าปราชญ์อัลอะชาอิเราะฮ์มากมายมาเปรียบเทียบกับท่านอิบนุกะษีรเพียงท่านเดียวด้วย  ซึ่งเป็นเรื่องที่่น่าขบขันมากๆ เพราะสัจจะธรรมมิได้อยู่ที่อุลามาอฺคนเดียว  หรือจะเอาคนเอาวามอัลอะชาอิเราะฮ์มาเปรียบเทียบกับอิบุนกะษีร  ก็เป็นเรื่องที่น่าขบขันเช่นกันเพราะคนเอาวามกับอุลามาอฺมันเปรียบกันไม่ได้   ดังนั้นการตั้งข้อที่ว่า "อิบนุกะซีร VS อะชาอิเราะฮฺ ใครจะแน่กว่ากัน" เป็นการตั้งหัวข้อของคนที่ไม่เข้าใจเรื่องอะกีดะฮ์และตบตาคนที่ไม่มีพื้นฐานศาสนา  ยิ่งมาฮุกุ่มอัลอะชาอิเราะฮ์หลงผิดแบบมักง่ายแค่เรื่องความแตกต่างแค่นี้  ยิ่งแล้วใหญ่เลยครับ

เมื่อกลับไปดูตัฟซีร อิบนุ กะษีร  ที่ระบุว่า “อัลลอฮ์ทรงมาตามที่พระองค์ทรงประสงค์” นั้นเป็นมิใช่เป็นคำกล่าวของท่านอิบนุกะษีร  แต่เป็นคำพูดของ อะบูญะฟัร อัรรอซีย์ที่รายงานจาก อะบี อาลียะฮ์  ซึ่งท่านอิบนุกะษีร ได้ทำการถ่ายทอดรายงานไว้ในตัฟซีรของท่านว่า

وقال أبو جعفر الرازي، عن الربيع بن أنس، عن أبي العالية: { هَلْ يَنْظُرُونَ إِلا أَنْ يَأْتِيَهُمُ اللَّهُ فِي ظُلَلٍ مِنَ الْغَمَامِ وَالْمَلائِكَةُ }قال : يقول: والملائكة يجيئون في ظلل من الغمام، والله تعالى يجيء فيما يشاء

ท่านอะบู ญะฟัร อัรรอซีย์  ได้กล่าวจากท่าน อัรร่อบิอฺ บิน อะนัส จากอะบี อาลียะฮ์ความว่า “พวกเขามิได้รอคอยอะไร นอกจากการที่อัลลอฮ์และมลาอิกะฮ์ของพระองค์จะมายังพวกเขา” อบะอาลียะฮ์ได้กล่าวว่า  “มะลาอิกะฮ์จะมาในร่มเงาของเมฆและอัลลอฮ์ตะอาลาจะมาตามความประสงค์ของพระองค์” ตัฟซีรอิบนุกะษีร ซูเราะฮ์อับะกอเราะฮ์ อายะฮ์ 210

ท่านอิหม่ามอัลบัยฮะกีย์  ปราช์อัลอะชาอิเราะฮ์ ได้กล่าวว่า

فصح بهذا التفسير أن الغمام إنما هو مكان الملائكة ومركبهم ، وأن الله تعالى لا مكان له ولا مركب ، وأما الإتيان والمجيء فعلى قول أبي الحسن الأشعري رضي الله عنه يحدث الله تعالى يوم القيامة فعلا يسميه إتيانا ومجيئا ، لا بأن يتحرك أو ينتقل ، فإن الحركة والسكون والاستقرار من صفات الأجسام ، والله تعالى أحد صمد ليس كمثله شيء

“ดังนั้นจึงถูกต้องด้วยการอธิบายนี้  โดยการที่แท้จริงเมฆนั้นเป็นที่สถานที่อยู่และเป็นพาหนะของมลาอิกะฮ์และแท้จริงอัลลอฮ์ตะอาลานั้นไม่มีสถานที่และไม่มีพาหนะสำหรับพระองค์  สำหรับการทรงมานั้น  ตามคำกล่าวของท่านอบูลหะซัน อัลอัชอะรีย์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ คืออัลลอฮ์ได้ทรงให้บังเกิดซึ่งการกระทำหนึ่งที่เรียกว่า การทรงมา  โดยที่พระองค์ไม่ทรงเคลื่อนไหวหรือเคลื่อนย้าย  เพราะการเคลื่อนไหว   การหยุดนิ่ง  การสถิตอยู่  เป็นคุณลักษณะของบรรดาสิ่งที่เป็นรูปร่าง  ซึ่งอัลเลาะฮ์ทรงเอกะ  ทรงเป็นที่พึ่ง(ไม่ต้องการพึ่งพาสถานที่อยู่)  ไม่มีสิ่งใดคล้ายเหมือนกับพระองค์” หนังสืออัลอัสมาอฺ วัสศิฟาต หน้า 414

ดังนั้นความหมายที่ว่า “พระองค์อัลลอฮฺจะมาในวันกิยามะฮฺ ตามที่พระองค์ทรงประสงค์”  คือ  “อัลลอฮ์จะมาในวันกิยามะฮ์ตามที่พระองค์ทรงประสงค์ ด้วยการมาของโดยผลบุญของพระองค์ก็ได้  ด้วยการมาโดยการสอบสวนของพระองค์ก็ได้  ด้วยการมาโดยการลงโทษของพระองค์ก็ได้  ด้วยการมาโดยคำบัญชาของพระองค์ก็ได้ 

ท่านอัลฮฟาซฺ  อิบนุ  กะษีร กล่าวการตีความของอิหม่ามอะห์หมัดเชิงยอมรับโดยไม่วิจารณ์สายรายงานว่า 

رَوَى البَيْهَقِيُّ عَنِ الحَاكِمِ عَنْ عَمْروٍ بْنِ السَّمَّاكِ عَنْ حَنْبَل أَنَّ أَحْمَدَ بْنَ حَنْبَل تَأَوَّلَ قَوْلَ اللهِ تَعَالىَ ( وَجَاءَ رَبُّك) أَنَّهُ جَاءَ ثَوَابُهُ. ثَمَّ قَالَ الْبَيْهَقِيُّ: وَهَذَا إِسْنَادٌ لاَ غُبَارَ عَلَيْهِ

รายงานโดยอัลบัยฮะกีย์  จาก อัลฮากิม จากอัมร์ บิน อัซซัมมาก  จากฮัมบัล  ว่า  "แท้จริงท่านอะห์มัด บิน ฮัมบัล  ได้ทำการตีความ(ตะวีล)  คำตรัสของอัลเลาะฮ์ตะอาลาที่ว่า  "และผู้อภิบาลของเจ้าได้มา"  คือ  การตอบแทนผลบุญของพระองค์ได้มา  หลังจากนั้นท่านอัลบัยฮะกีย์กล่าวว่า  สายรายงานนี้เป็นสายรายงานที่(สะอาด)ไม่มีฝุ่นเลย"  หนังสืออัลบิดายะฮ์ วันนิฮายะฮ์ : 10/361

ท่านอิหม่ามอิบนุญะรีร อัฏเฏาะบะรีย์  ปราชญ์สะลัฟ  ได้ทำการนำเสนอการตีความของสะลัฟบางส่วนว่า

وقال آخرون: معنى قوله:" هل ينظرون إلا أن يأتيهم الله"، يعني به: هل ينظرون إلا أن يأتيهم أمرُ الله

“และเหล่าปราชญ์(สะลัฟ)อื่นๆ อีกได้กล่าวว่า  ความหมายคำตรัสของอัลลอฮ์ตะอาลาที่ว่า “พวกเขาจะไม่รอคอยนอกการทรงมาของอัลเลาะฮ์ยังพวกเขา”  หมายถึง  “พวกเขาจะไม่รอคอยอะไรนอกจากการมาของคำบัญชาของอัลเลาะฮ์ยังพวกเขา” ตัฟซีร อัฏเฏาะบะรีย์ 4 /265

และท่านอิบนุญะรีร อัฏเฏาะบรีย์ ได้นำเสนอการตีความของสะลัฟบางส่วนไว้เช่นกันอีกว่า

وقال آخرون: بل معنى ذلك: هل ينظرون إلا أن يأتيهم ثوابه وحسابه وعذابه

“และเปล่าปราชญ์(สะลัฟ)อื่นๆ ได้กล่าวว่า ความหมายอายะฮ์ดังกล่าว  คือ พวกเขาไม่รอคอยอะไรนอกจากการมาผลบุญการตอบแทนของอัลลอฮ์  การมาของการสอบสวนของพระองค์ และการมาของการลงโทษของพระองค์” ตัฟซีร อัฏเฏาะบะรีย์ 4 /266

ส่วนการมาของพระองค์แบบเคลื่อนไหวหรือเคลื่อนย้ายจากสถานที่หนึ่งไปยังสถานที่หนึ่งตามที่คนทั่วไปเข้าใจกันนั้น  มิใช่หลักอะกีดะฮ์สะลัฟที่แท้จริงตามทัศนะของท่านอิบนุกะษีร 

เพราะท่านอิบนุกะษีร ได้กล่าวจุดยืนของสะลัฟเกี่ยวกับอายะฮ์ซีฟัตของอัลเลาะฮ์ที่มีความหมายหลายนัยว่า

والظاهر المتبادر إلى أذهان المشبهين منفي عن الله

“และความหมายผิวเผินที่(เข้าใจได้เลย)เข้าไปยังสมองความคิดของพวกที่ชอบเปรียบเทียบความคล้ายคลึงระหว่างซีฟัตของอัลลอฮ์กับมัคโลคนั้น  เป็นสิ่งที่ถูกปฏิเสธจากอัลลอฮ์” ตัฟซีรอิบนุกะษีร 3/427

ดังนั้นการ  ทรงมา ของอัลลอฮ์ตามทัศนะของอัลอะชาอิเราะฮ์นั้น  มี 2 แนวทาง

หนึ่ง  อัลเลาะฮ์ทรงมาโดยไม่มีการเคลื่อนไหวและเคลื่อนย้ายจากสถานที่หนึ่งไปสู่สถานที่หนึ่ง  ซึ่งแก่นแท้การทรงมาของอัลลอฮ์นั้น  ขอมอบหมายการรู้ไปยังพระองค์  โดยไม่เจาะจงว่าพระองค์ทรงมาโดยคำบัญชาหรือทรงมาโดยผลการตอบแทนของพระองค์หรือทรงมาโดยอำนาจการตัดสินของพระองค์  ซึ่งเป็นทัศนะส่วนมากของสะลัฟ

สอง  อัลลอฮ์ทรงมาโดยคำบัญชาหรือทรงมาโดยผลการตอบแทนของพระองค์เป็นต้น ซึ่งเป็นทัศนะของสะลัฟส่วนน้อย

ส่วนแนวทางของวะฮ์ฮาบีนั้น  อัลลอฮ์ทรงมาโดยเคลื่อนไหวและเคลื่อนย้ายจากสถานที่หนึ่งไปสู่สถานที่หนึ่ง  ซึ่งเป็นแนวทางของมุชับบิฮะฮ์หรือพวกยืนยันอัลลอฮ์เป็นรูปร่างแม้จะอ้างโรยหน้าว่าไม่มีเหมือนกับมัคโลคก็ตาม

วัลลอฮุอะลัมบิศศ่อว๊าบ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เม.ย. 06, 2012, 09:58 PM โดย muqorrabeen »

 

GoogleTagged