ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 26 สูเราะฮฺ อัชชุอะรออ์  (อ่าน 5740 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

 :salam:

คำอธิบายประกอบสูเราะฮฺ อัชชุอะรออ์ (الشّعراء) R4.

เป็นซูเราะฮฺ มักกียะฮฺ มี 227 อายะฮฺ

ความหมายโดยสรุปของซูเราะฮฺ อัชชุอะรออ์

   ซูเราะฮฺอัชชุอะรออฺ เป็นซูเราะฮฺมักกียะฮฺ ที่ให้ความสนใจในหลักการของศาสนา เช่น การให้ความเป็นเอกภาพ สาส์น และการฟื้นคืนชีพ เช่นเดียวกับซูเราะฮฺมักกียะฮฺอื่น ๆ ที่ให้ความสนใจทางด้านหลักอะกีดะฮฺและหลักการศรัทธา
   ซูเราะฮฺนี้เริ่มต้นด้วยเรื่องของอัลกุรฺอานุลกะรีม ที่อัลลอฮฺทรงประทานลงมาเพื่อเป็นทางนำแก่มนุษย์ทั้งมวลและเป็นโอสถขนานวิเศษที่จะบำบัดโรคต่าง ๆ ของมนุษยชาติ และกล่าวถึงท่าทีของพวกมุชริกีนที่มีต่ออัลกุรอาน พวกเขาปฏิเสธทั้ง ๆ ที่เป็นโองการที่ชัดแจ้ง มีหลักฐานอย่างชัดเจน โดยที่พวกเขาได้ขอสิ่งปาฏิหาริย์อื่นจากอัลกุรอานุลกะรีม เนื่องจากการดื้อดันและโอหัง
   ซูเราะฮฺนี้ได้กล่าวถึงบรรดารอซูลที่อัลลอฮฺทรงส่งเขาเหล่านั้นมา เพื่อชี้แนะทางที่ถูกต้องแก่มวลมนุษย์ เริ่มด้วยเรื่องอของนบีมูซา อะลัยฮิสสลาม กับฟิรเอาน์กษัตริย์ผู้เกรียดกร้าวโอหัง และการโต้ตอบระหว่างบุคคลทั้งสองในเรื่องของพระเจ้า ตลอดจนการที่อัลลอฮฺตะอาลา ทรงสนับสนุนนะบีมูซาด้วยหลักฐานอันชัดแจ้ง ซี่งได้ลบล้างความเท็จให้สูญสิ้นไป โดยได้นำมากล่าวไว้ในหลายตอนในเรื่องนี้ และได้จบลงด้วยการกล่าวถึงบทเรียนและข้อเตือนสติถึงความแตกต่างอย่างมากมาย ระหว่างการอีมานกับการกดขี่ข่มเหง
   หลังจากนั้นได้กล่าวถึงเรื่องของอัลค่อลีล อิบรอฮีม อะลัยฮิสสลาม และท่าทีของเขาที่มีต่อชนชาติและบิดาของเขา ในการเคารพสักการะรูปปั้นและเจว็ด ท่านได้แสดงออกซึ่งหลักฐานอันแข็งแรงและข้อชี้แจงอันชัดแจ้ง ถึงความไม่ถูกต้องในสิ่งซึ่งพวกเขาเคารพสักการะซึ่งสิ่งซึ่งไม่ได้ยินและไม่ยังประโยชน์ให้ พร้อมกับได้พิสูจน์ให้พวกเขาประจักษ์ถึงหลักฐานอันหนักแน่นต่อความเป็นเอกะของพระเจ้าแห่งสากลโลก ซึ่งการให้คุณให้โทษนั้นอยู่ในเงื้อมพระหัตถ์ของพระองค์ รวมทั้งการให้เป็นและการให้ตายด้วย
   หลังจากที่ได้กล่าวถึงเรื่องต่าง ๆ ของบรรดานะบี เช่น นูหฺ ฮูด ศอและหฺ ลูฏและชุอัยบฺ อะลัยฮิมุศศ่อลาตุวัสสลาม และการปฏิบัติของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาที่มีต่อบรรดารอซูลแล้ว ซูเราะฮฺนี้ได้หวนกลับมากล่าวถึงเรื่องของคัมภีร์อันมีเกียรติเป็นการให้ความสำคัญของคัมภีร์และกล่าวถึงที่มาของคัมภีร์ว่า และแท้จริงมันเป็นการประทานลงมาจากพระเจ้าแห่งสากลโลก อัรฺรูหฺผู้ซื่อสัตย์(ญิบรีล) ได้นำมันลงมายังหัวใจของเจ้า เพื่อเจ้าจักได้เป็นผู้ตักเตือนคนหนึ่ง เป็นภาษาอาหรับอันชัดแจ้ง
   แล้วซูเราะฮฺนี้ได้จบลงด้วยการโต้ตอบการกล่าวเท็จของพวกมุชริกีน ในการอ้างของพวกเขาที่ว่า อัลกุรฺอานนั้น ชัยฏอนมารร้ายเป็นผู้นำลงมา เพื่อให้ตอนเริ่มกับตอนจบสอดคล้องกันอย่างสวยงามที่สุด


----------------------------------------------------

เอกสารอ้างอิง
R1. The Noble Qur’an (Dr.Muhammad Taqi-ud-Din al-Hilali and Dr.Muhammad Muhsin Khan.)
R2. อัลกุรอานฉบับแปลภาษาไทย โดย มัรวาน สะมะอุน
R3. ตัฟฮีมุลกุรฺอาน(อรรถาธิบายโดย เมาลานา ซัยยิด อบุล อลา เมาดูดี แปลโดย บรรจง บินกาซัน)
R4. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน พร้อมคำแปลเป็นภาษาไทย ศูนย์กษัตริย์ฟาฮัด เพื่อการพิมพ์อัลกุรฺ อานแห่งนครมาดีนะฮ์
R5. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ฉบับภาษาไทย (โดย นายต่วน สุวรรณศาสน์-ฮัจยีอิสมาแอล บินฮัจยียะห์ยา)


--------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัชชุอะรออ์ อายะฮฺที่ 1 - 6




คำอ่าน
1. ฏอ สีม..มีม
2. ติลกะอายะตุลกิตาบิลมุบีน
3. ละอัลละกะบาคิอุน..นัฟสะกะ อัลลายะกูนู มุอ์มินีน
4. อิน..นะชะอ์ นินัซซิลอะลัยฮิม..มินัสสะมา...อิ อายะตัน..ฟะซ็อลลัตอะอฺนากุฮุมละฮา คอฎิอีน
5. วะมายะอ์ตีฮิม..มิน..วิกริม..มินัรฺเราะหมานิ มุหฺดะษิน อิลลากานู อันฮุ มุอฺริฎีน
6. ฟะก็อดกัซซบู ฟะสะยะอฺตีฮิม อัม..บา...อุ มากานูบิฮี ยัสตะฮฺซิอูน


คำแปล R1.
1. Ta-Sin-Mim. [These letters are one of the miracles of the Qur'an, and none but Allah (alone) knows their meanings.]
2. These are the verses of the manifest Book [This Qur'an, which was promised by Allah in the Taurat (Torah) and the Injeel (Gospel), makes things clear].
3. It may be that you (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) are going to kill yourself with grief that they do not become believers in your Risalah (Messengership) and in your message of Islamic Monotheism.
4. If we will, we could send down to them from the heaven a sign, to which they would bend their necks in humility.
5. And never comes there unto them a reminder as a recent revelation from the Most Beneficent (Allah), but they turn away therefrom.
6. So they have indeed denied (the truth - this Qur'an), then the news of what they mocked at, will come to them.


คำแปล R2.
1. ฏอ, ซีน, มีม
2. เหล่านี้คือบรรดาโองการแห่งคัมภีร์อันชัดแจ้ง
3. บางทีเจ้าอาจจะถึงกับทำลายตัวเอง (ด้วยความทุกข์ระทม) ที่พวกเหล่านั้นไม่เป็นผู้ศรัทธา
4. หากแม้นเราปรารถนา เราก็ย่อมให้มีสัญลักษณ์หนึ่ง ลงมาจากฟากฟ้าเหนือพวกเขา แล้วต้นคอของพวกเขาก็ก้มแสงความนอบน้อมต่อสัญลักษณ์นั้น
5. และไม่ว่าจะมีคำเตือนใดก็ตามที่ถูกลงมาใหม่แก่พวกเขา นอกจากพวกเขาต้องหันหลังให้คำเตือนนั้นเสมอ
6. เพราะพวกเจ้าได้ว่า (กุรอาน) เป็นสิ่งเท็จ ดังนั้นต่อไปจะมีข่าว (การลงโทษเนื่องใน) สิ่งที่พวกเขาเคยเย้ยหยันไว้ มาถึงพวกเขาอย่างแน่นอน


คำแปล R3.
1. ฏอ ซีน มีม
2. เหล่านี้คืออายะฮฺของคัมภีร์อันชัดเจน
3. (โอ้ มุฮัมมัด) บางทีเจ้าจะทำลายตัวของเจ้าเอง ด้วยความทุกข์โศกที่พวกเขาไม่ศรัทธา
4. ถ้าหากเราประสงค์ เราก็สามารถที่จะส่งสัญญาณหนึ่งจากฟากฟ้ามาปรากฏต่อหน้าพวกเขา ซึ่งจะทำให้พวกเขาก้มคอยอมจำนนต่อมันก็ได้
5. และเมื่อมีข้อตักเตือนอะไรใหม่ ๆ จากพระผู้ทรงกรุณาปรานีมายังพวกเขา พวกเขาก็หันห่างไปจากมัน
6. ตอนนี้ พวกเขาได้ปฏิเสธแล้ว ในไม่ช้าพวกเขาจะได้รู้ความจริง (ในรูปแบบต่าง ๆ)ของสิ่งที่พวกเขาได้เย้ยหยัน


คำแปล R4.
1. ฏอ ซีน มีม
2. เหล่านี้คือโองการทั้งหลายอันชัดแจ้ง
3. บางทีเจ้า (มุฮัมมัด) เป็นผู้ทำลายชีวิตของเจ้า เพราะพวกเขาไม่เป็นผู้ศรัทธา
4. หากเราประสงค์ เราจะให้มีสัญญาณหนึ่งจากฟากฟ้ามายังพวกเขา แล้วคอของพวกเขาก็ยอมก้มลมต่อมัน
5. และไม่มีข้อตักเตือนใหม่อันใดจากพระผู้ทรงกรุณาปราณี เว้นแต่พวกเขาจะผินหลังให้กับมัน
6. แล้วแน่นอนพวกเขาได้ปฏิเสธ ดังนั้นข่าวคราวที่พวกเขาเคยเยาะเย้ยมันนั้นก็จะมายังพวกเขา


คำแปล R5.
๑. ฏอ ซีน มีม อัลเลาะฮฺทรงรอบรู้ในความหมายแต่เพียงพระองค์เดียว
๒. นี้คือโองการต่าง ๆ แห่งคัมภีร์อันชัดแจ้ง คือคัมภีร์อัลกุรฺอาน
๓. เจ้าถึงกับจะฆ่าตัวตายกระนั้นหรือ การที่พวกเขาเหล่านั้นไม่ยอมศรัทธาต่อคำประกาศของเจ้า ที่จริงแล้วเจ้าจะทำเช่นนั้นหาสมควรไม่ แม้เจ้าจะเศร้าโศกและขมขื่นใจในพฤติกรรมอันเลวทรามของพวกนั้นสักปานใดก็ตาม
๔. แม้เราประสงค์เราก็จะประทานสัญลักษณ์หนึ่งให้ลงมาจากฟากฟ้าเพื่อเป็นอภินิหารเร้าใจให้พวกเขามีศรัทธา ซึ่งเราก็กระทำอย่างนั้นได้แต่เราไม่ทำเพื่อให้การเข้าสู่อิสลามของพวกเขาเป็นไปโดยสมัครใจและบริสุทธิ์ใจของพวกเขาเอง แล้วกลุ่มชนของพวกเขาก็จะน้อมนบต่อสัญลักษณ์นั้น
๕. และโองการแห่งการรำลึกใด ๆ จะไม่มาใหม่จากอัลเลาะห์ผู้ทรงเมตตา นอกจากพวกเขาจะต้องหันเหออกจากสิ่งนั้นเสมอทุกครั้งที่มีโอการใหม่ ๆ ประทานแก่พวกเขา พวกเขาก็หันเหไม่สนใจใยดี
๖. ที่จริงพวกเขากล่าวหาว่าโองการเหล่านั้นเป็นเท็จ แล้วต่อไปข่าวแห่งการลงโทษตามที่พวกเขาแสดงการเย้ยหยันต่อโองการนั้นจะต้องมาถึงพวกเขาอย่างแน่นอน

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัชชุอะรออ์ อายะฮฺที่ 7 - 9


คำอ่าน
7. อะวะลัมยะร็อว อิลัลอัรฺฎิ กัมอัม..บัตนาฟีฮา มิน..กุลลิเซาญิน..กะรีม
8. อิน..นะฟีซาลิกะ ละอายะฮฺ วะมากานะ อักษะรุฮุม..มุอ์มินีน
9. วะอิน..นะร็อบบะกะ ละฮุมุลอะซีซุรฺเราะหีม


คำแปล R1.
7. Do they not observe the earth, how much of every good kind We cause to grow therein?
8. Verily, in this is an Ayah (proof or sign), yet most of them (polytheists, pagans, etc., who do not believe in resurrection) are not believers.
9. And verily, your Lord! He is truly the All-Mighty, the Most Merciful.


คำแปล R2.
7. พวกเขาไม่สังเกตไปยังแผ่นดินดอกหรือ มีตั้งเท่าไร พืชทุกชนิดที่มีประโยชน์ ซึ่งเราได้งอกเงยไว้?
8. แท้จริงในนั้นเป็นสัญลักษณ์หนึ่ง แต่พวกเขาส่วนมากก็หาได้ศรัทธาไม่
9. และแท้จริงองค์อภิบาลของเจ้านั้น พระองค์ทรงอำนาจยิ่ง ทรงเมตตายิ่ง


คำแปล R3.
7. และพวกเขาไม่เคยมองดูแผ่นดิน (และเห็น) บ้างหรือว่า เราได้สร้างมันให้มีพืชพันธุ์อันเป็นประโยชน์ต่าง ๆ ขึ้นมามากมายในนั้นได้อย่างไร ?
8. แน่นอนในนั้นมีสัญญาณหนึ่ง แต่พวกเขาส่วนมากไม่ศรัทธา
9. แท้จริงแล้ว พระผู้อภิบาลของเจ้าเป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงเมตตา


คำแปล R4.
7. พวกเขามิได้มองไปยังแผ่นดินดอกหรือว่ากี่มากน้อยแล้วที่เราได้ให้มันงอกเงยออกมาจากทุกชนิดที่ดีมีประโยชน์
8. แท้จริงในการนี้ย่อมเป็นสัญญาณหนึ่งอย่างแน่นอน แต่ส่วนมากของพวกเขาไม่เป็นผู้ศรัทธา
9. และแท้จริงพระเจ้าของเจ้านั้น แน่นอนพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ  ผู้ทรงเมตตาเสมอ


คำแปล R5.
๗. และพวกเขามิได้สังเกตแผ่นดินดอกหรือ เราได้ให้งอกเงยอยู่ในนั้นซึ่งชนิดอันมีเกียรติจากพืชพันธุ์ต่าง ๆ ไว้อย่างไร ในแผ่นดินจะมีพืชหลากชนิดล้วนยังประโยชน์แก่มวลมนุษยชาติโดยส่วนรวม
๘. แท้จริงในนั้นเป็นสัญลักษณ์อันสำแดงถึงอานุภาพและเอกภาพของเราอย่างชัดเจนที่สุด แต่พวกเขาส่วนมากหาได้เป็นผู้มีศรัทธาไม่
๙. และแท้จริงพระผู้ทรงอภิบาลของเจ้านั้น พระองค์ทรงเป็นผู้ทรงอำนาจเด็ดขาดที่จะลงโทษพวกที่กราบไหว้บูชาต่อบรรดาเจว็ดบูชาต่าง ๆ ทรงเมตตายิ่งต่อมวลผู้ถอนตัวออกจากความหลงผิดของตนเอง


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัชชุอะรออ์ อายะฮฺที่ 10 - 14


คำอ่าน
10. วะอิซนาดา ร็อบบุกะ มูสา..อะนิษติลก็อวมัซซอลิมีน
11. ก็อวมะฟิรฺเอานะ ลายัตตะกูน
12. กอละร็อบบิ อิน..นี..อะคอฟุ อัย..ยุกัซซิบูน
13. วะยะฏีกุ ศ็อดรี วะลายัน..เฏาะลิกุ ลิสานี ฟะอัรฺสิลอิลาฮารูน
14. วะละฮุม อะลาซัม..บุน..ฟะอะคอฟุ อัย..ยักตุลูน


คำแปล R1.
10. And (remember) when your Lord called Musa (Moses) (saying): "Go to the people who are Zalimun (polytheists and wrong-doing),
11. The people of Fir'aun (Pharaoh). Will they not fear Allah and become righteous?"
12. He said: "My Lord! Verily, I fear that they will belie me,
13. "And my breast straitens, and my tongue expresses not well. So send for Harun (Aaron) (to come along with me).
14. "And they have a charge of crime against me, and I fear they will kill me."


คำแปล R2.
10. และเมื่อองค์อภิบาลของเจ้าได้เรียกมูซาโดยตรัสว่า “เจ้าจงไปสู่กลุ่มชนที่ฉ้อฉลเถิด”
11. “นั่นคือกลุ่มชนของฟิรเอาน์ พวกเขาไม่ยำเกรงหรือ?”
12. นบีมูซาจึงกล่าวว่า “โอ้องค์อภิบาล แท้จริงข้าพเจ้ากลัวว่าพวกเขาจะว่าข้าพเจ้ามุสา”
13. “และหัวอกของข้าพเจ้าก็แคบคับ (มองไม่เห็นช่องทางที่จะทำงานนี้ได้) และลิ้นของข้าพเจ้าก็ไม่พูด (ชัดเจน) ดังนั้นขอพระองค์ได้โปรดส่งไปยังฮารูน (ให้มาช่วยเหลือข้าพเจ้าด้วย) เถิด”
14. “ยิ่งไปกว่านั้น ข้าพเจ้ายังมีข้อหาที่กระทำต่อพวกเขา (เมื่ออดีต คือได้ชกชาวอียิปต์ผู้หนึ่งตายโดยไม่ตั้งใจ) ข้าพเจ้าจึงกลัวว่า พวกเขาจะสังหารข้าพเจ้าเสีย”


คำแปล R3.
10. และจงบอกพวกเขาถึงเรื่องราวเมื่อตอนที่พระผู้อภิบาลของเจ้าได้เรียกมูซา โดยกล่าวว่า “จงไปยังหมู่ชนที่ทำความชั่ว
11. หมู่ชนของฟิรเอาน์ พวกเขาไม่กลัวหรือกระไร ?”
12. มูซาได้ตอบว่า “พระผู้อภิบาลของฉัน ฉันกลัวว่าพวกเขาจะกล่าวว่า ฉันเป็นผู้โกหก
13. หัวอกของฉันอึดอัด และลิ้นของฉันก็ไม่มีโวหารในการพูดจา ดังนั้นโปรดทรงแต่งตั้งฮารูนเป็นนบีด้วยเถิด
14. และพวกเขาได้กล่าวหาฉันว่าเป็นผู้ทำผิดด้วย ดังนั้นฉันกลัวว่า พวกเขาจะฆ่าฉันเสียก่อน”


คำแปล R4.
10. และจงรำลึก เมื่อพระเจ้าของเจ้าทรงเรียกมูซาว่า จงไปยังหมู่ชนผู้อธรรม
11. คือหมู่ชนของฟิรเอาน์ พวกเขาไม่ยำเกรงดอกหรือ?
12. เขา (มูซา)กล่าวว่า โอ้พระเจ้าของฉันแท้จริงฉันกลัวว่า พวกเขาจะปฏิเสธไม่ยอมเชื่อฉัน
13. และหัวอกของฉันจะอึดอัด และลิ้นของฉันจะไม่คล่อง ดังนั้นพระองค์ทรงโปรดส่งฮารูนมาช่วยฉันด้วยเถิด!
14. และพวกเขามีข้อกล้าวหาต่อฉัน ดังนั้นฉันกลัวว่าพวกเขาจะฆ่าฉัน


คำแปล R5.
ประวัติของท่านนบีมูซา
๑๐. และโอ้มุฮำมัด เจ้าจงระลึกถึงเมื่อครั้งที่พระผู้ทรงอภิบาลของเจ้าได้เรียกนบีมูซาว่า เจ้าจงไปหากลุ่มชนผู้อธรรมเถิด
๑๑. คือกลุ่มของฟิรเอาน์ และพระองค์ได้ทรงตรัสแก่นบีมูซาว่า พวกเขาไม่ยำเกรงและศรัทธาต่อพระผู้ทรงอภิบาลดอกหรือ
๑๒. นบีมูซาเขากล่าวตอบพระองค์ว่า โอ้พระผู้ทรงอภิบาลของข้า แท้จริงข้ากลัวว่าพวกเขาจะว่าข้ากล่าวเท็จในคำประกาศที่นำมาสู่พวกเขา
๑๓. และหัวอกของข้าแคบ ไม่กล้าพอที่จะกล้าหาญทำงานเผยสัจธรรมตามที่พระองค์จะประสงค์ได้ และลิ้นของข้าไม่คล่องแคล่วในการใช้ถ้อยคำ ด้วยข้ามีพิรุธเป็นปุ่มอยู่ในนั้น ดังนั้นขอพระองค์ได้โปรดส่งยิบรีลไปยังฮารูนเพื่อเผยสัจธรรมแก่เขา และแต่งตั้งเขาให้เป็นศาสนทูตแทนตัวข้า
๑๔. และอีกเหตุผลหนึ่ง เพราะข้านี้มีบาปที่ติดอยู่กับพวกของฟิรเอาน์เหล่านั้น เพราะข้าได้ทำให้คนหนึ่งในพวกนั้นเสียชีวิตลงโดยไม่ตั้งใจ ข้าจึงกลัวพวกเขาจะฆ่าข้าให้ตายตกตามกันไป


ออฟไลน์ roy4kids

  • ความจริง ย่อมเป็นความจริงวันยังค่ำ
  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 19
  • เพศ: ชาย
  • เมื่อความจริงปรากฎ ความมดเท็จจะหายไป
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
 :salam: อัลฮัมดูลลิลละฮ์ ชอบมากกับสิ่งที่ได้โพสต์มา เพราะจะให้ผู้ที่ไม่ได้เรียนด้านตัฟเซรมาได้รับความรู้ในเรื่องความหมายของคัมภีร์กุรอาน และยังมีความหมายที่เป็นภาษาอังกฤษด้วย ทำให้ผมได้มีโอกาสทบทวนภาษาอังกฤษของผมด้วย แต่ผมยังไม่เข้าใจในเจตนาของการนำความหมายของหลาย ๆคนมาด้วย ซึ่งดูแล้ว อาจจะใช้ถ้อยคำที่ต่างกัน แต่ยังคงความหมายเหมือนกัน
ขอให้ฮัลลอฮ์ตอบแทน

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัชชุอะรออ์ อายะฮฺที่ 15 - 19


คำอ่าน
15. กอละ กัลลา ฟะอัซฮะบา บิอายาตินา อิน..นามะอะกุม..มุสตะมิอูน
16. ฟะอ์ติยาฟิรเอานะ ฟะกูลา อิน..นาเราะสูลุ ร็อบบิลอาละมีน
17. อันอัรฺสิลมะอะนา บะนี..อิสรอ...อีล
18. กอละ อะลัม นุร็อบบิกะ ฟีนาวะลีเดา..วะละบิอ์สะ ฟีนา มินอุมุริกะ สินีน
19. วะฟะอัลตะ ฟะอฺละตะกัลป์ละตี ฟะอัลตะ วะอัน..ตะมินัลกาฟิรีน


คำแปล R1.
15. Allah said: "Nay! Go you both with Our signs. Verily! We shall be with you, listening.
16. "And when you both come to Fir'aun (Pharaoh), say: 'We are the Messengers of the Lord of the 'Alamin (mankind, jinns and all that exists),
17. “So allow the Children of Israel to go with us.”
18. [Fir'aun (Pharaoh)] said [to Musa (Moses)]: "Did we not bring you up among us as a child? And you did dwell many years of your life with us.
19. "And you did your deed, which you did (i.e. the crime of killing a man). And you are one of the ingrates."


คำแปล R2.
15. อัลลอฮฺทรงตรัสว่า “หามิได้! เจ้าทั้งสองจงนำสัญลักษณ์ต่าง ๆ ของเราไป(สู่พวกเขาเถิด) เพราะแท้จริงเราพร้อม(ที่จะช่วยเหลือ)พวกเจ้า อีกทั้งคอยฟัง (ข่าวของเจ้าทั้งสองตลอดเวลา)
16. “ดังนั้นเจ้าทั้งสองจงไปหาฟิรเอาน์ แล้วประกาศว่า “แท้จริงเราเป็นทูตจากองค์อภิบาลแห่งโลกทั้งหลาย”
17. “ขอให้ท่านส่งตัวพวกบุตรหลานของอิสรออีลมาพร้อมกับเราเถิด”
18. ฟิรเอาน์ตอบว่า “เราเคยเลี้ยงเจ้ามาก่อนท่ามกลางพวกของเราตั้งแต่สมัยทารกมิใช่หรือ และเจ้าได้อาศัยอยู่ในพวกเราจากอายุของเจ้าตั้งหลายปี
19. และเจ้าได้กระทำการหนึ่ง(อันอุกอาจยิ่ง คือฆ่าชาวอียิปต์ตาย) ซึ่งเจ้าได้ทำไว้จริง ๆ และเจ้านั้นเป็นผู้หนึ่งจากบรรดาผู้อกตัญญู”


คำแปล R3.
15. อัลลอฮฺทรงกล่าวว่า “ไม่หรอก เจ้าทั้งสองจงไปพร้อมกับสัญญาณของเรา เราจะอยูกับเจ้า คอยฟังทุกสิ่งทุกอย่าง
16. เจ้าทั้งสองจงไปหาฟิรเอาน์และบอกเขาว่า ‘เราเป็นรอซูลของพระผู้อภิบาลแห่งสกลโลก (และมาพร้อมกับสาส์น)
17. ขอให้ท่านได้ปล่อยชาวบนีอิสรออีลไปกับเราเถิด’”
18. ฟิรเอาน์ได้กล่าวว่า “เรามิได้เลี้ยงดูเจ้ามาตั้งแต่เด็ก ในบ้านของเราดอกหรือ ? เจ้าอาศัยอยู่กับเรามาเป็นเวลาหลายปี
19. แล้วเจ้าก็ได้มาทำสิ่งที่เจ้าได้ทำไปแล้ว เจ้านี่เป็นผู้เนรคุณ”


คำแปล R4.
15. พระองค์ตรัสว่า ไม่ดอก! ดังนั้นเจ้าทั้งสองจงไปเถิดพร้อมด้วยสัญญาณทั้งหลายของเรา แท้จริงเราอยู่กับพวกเจ้า เป็นผู้ฟัง
16. ดังนั้นเจ้าทั้งสองจงไปหาฟิรเอาน์ แล้วจงกล่าวว่าเราเป็นทูตของพระเจ้าแห่งสากลโลก
17. แล้วขอให้ส่งวงศ์วานของอิสรออีลไปพร้อมกับเราเถิด
18. เขา (ฟิรเอาน์) กล่าวว่า เรามิได้เลี้ยงดูเจ้าเมื่อขณะเป็นเด็กอยู่กับพวกเราดอกหรือ? และเจ้าได้อยู่กับเราหลายปี ในช่วงชีวิตของเจ้า
19. และเจ้าได้ทำการกระทำของเจ้าซึ่งเจ้าได้กระทำไปแล้ว และเจ้าเป็นผู้หนึ่งในหมู่ผู้เนรคุณ


คำแปล R5.
๑๕. พระองค์ดำรัสว่า อย่ากระนั้นเลย เจ้าทั้งสองจงนำสัญลักษณ์ต่าง ๆ ของเราไปสู่พวกเขาเหล่านั้นเถิด โดยเจ้าไม่ต้องหวาดหวั่นอันตรายใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะแท้จริงเราเป็นผู้รับฟังพร้อมกับพวกเจ้าทั้งหลาย เพื่อสำเหนียกถึงอันตรายอันพึงอุบัติแก่เจ้า แล้วเราจะได้ช่วยเหลือเจ้าให้พ้นอันตรายนั้น
๑๖. ดังนั้นเจ้าทั้งสองจงมาหาพิรเอาน์เถิดและจงกล่าวแนะนำตัวเองให้เขาทราบว่า แท้จริงเราทั้งสองเป็นทูตจากพระเจ้าผู้ทรงอภิบาลโลกทั้งหลาย
๑๗. ที่จริงแล้ว โอ้ฟิรเอาน์ ท่านจะต้องปล่อยตัวของเผ่าพันธุ์แห่งอิสราอีลให้เป็นอิสระ และให้พวกเขาออกเดินทางพร้อมกับเราทั้งสองเพื่อไปสู่ประเทศชาม

   ท่านนบีมูซาและฮารูนได้พากเพียรวนเวียนอยู่ถึงหนึ่งปี เพื่อการเข้าพบกับฟิรเอาน์ แต่ผู้เฝ้าประตูวังไม่อนุญาตให้เข้าพบ และคนทั้งสองได้ประกาศตนต่อผู้เฝ้าประตูว่าทั้งสองเป็นทูตของพระเจ้า ผู้เฝ้าจึงเข้าไปรายงานให้ฟิรเอาน์ทราบ ฟิรเอาน์จึงอนุญาตให้นำตัวมาเข้าเฝ้า ฟิรเอาน์ซักถามคนทั้งสองถึงความประสงค์ก้ได้รับคำตอบว่ามาในฐานะทูตของพระเจ้า แต่ฟิรเอาน์จำท่านนบีมูซาได้ว่าเคยอยู่ในวังของตนเองมาก่อน
๑๘. ฟิรเอาน์จึงกล่าวว่า เรามิได้เลี้ยงเจ้าในวังของเราตั้งแต่เจ้ายังเป็นทารกกระนั้นหรือ ที่จริงเราจำเจ้าได้เป็นอย่างดีว่า เจ้าเคยเป็นทารกที่เราเคยเลี้ยงดูมาเองในวังของเรา และเจ้าเคยอยู่กับเรา เป็นเวลาหลายปีจากอายุของเจ้า
๑๙. และเจ้าได้กระทำการของเจ้าที่แล้วไปแล้วด้วยการฆ่าชายชาวกิบตี และเจ้านั้นเป็นผู้หนึ่งจากบรรดาผู้เนรคุณต่อข้า


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัชชุอะรออ์ อายะฮฺที่ 20 - 22


คำอ่าน
20. กอละฟะอัลตุฮา..อิเซา..วะอะนะ มินัฎำฮ...ลลีน
21. ฟะฟะร็อรฺตุ มิน..กุม ลัม..มาคิฟตุกุม ฟะวะฮะบะลีร็อบบีหุกเมา..วะญะอะละนีมินัลมุรฺสะลีน
22. วะติกะนิอฺมะตุน..ตะมุน..นุฮา อะลัยยะ อันอับบัดตะ บะนี...อิสรอ...อีล


คำแปล R1.
20. Musa (Moses) said: "I did it then, when I was an ignorant (as regards my Lord and his Messege).
21. "So I fled from you when I feared you. But my Lord has granted me Hukman (i.e. religious knowledge, right judgment of the affairs and Prophethood), and appointed me as one of the Messengers.
22. "And this is the past favour with which you reproach me, that you have enslaved the Children of Israel."


คำแปล R2.
20. มูซาตอบว่า “ข้าได้กระทำสิ่งนั้นจริง แต่ข้า (มิได้ตั้งใจ) เป็นเพียงผู้หนึ่งจากบรรดาที่พลั้งพลาดเท่านั้นเอง”
21. “แล้วข้าก็หนีไปจากพวกท่าน เมื่อข้ารู้สึกหวาดกลัวพวกท่าน จากนั้นองค์อภิบาลของข้าก็ทรงประทานความรอบรู้แก่ข้า และแต่งตั้งข้าให้เป็นผู้หนึ่งจากบรรดาศาสนทูต”
22. “และ(ที่ท่านได้เลี้ยงดูข้ามา)นั้น เป็นความกรุณาที่ท่านให้ไว้ เพื่อท่านจะได้กดขี่ชาวบุตรหลานอิสรออีลให้เป็นทาส”


คำแปล R3.
20. มูซาได้ตอบว่า “ฉันได้ทำมันไปโดยพลั้งเผลอ
21. หลังจากนั้นฉันได้หนีไปจากท่านเพราะความกลัว แล้วพระผู้อภิบาลของฉันก็ได้ทรงประทานวิทยปัญญาและความรู้แก่ฉัน และได้ทรงทำให้ฉันเป็นหนึ่งในบรรดารอซูล
22. สำหรับความดีงามที่ท่านเอ่ยเตือนฉันนั้น ความจริงแล้วก้ฌพราะท่านได้ทำให้วงส์วานอิสรออีลต้องตกเป็นทาส”


คำแปล R4.
20. เขา (มูซา) กล่าวว่า ฉันได้กระทำมันโดยที่ฉันไม่รู้
21. ดังนั้น ฉันได้หนีไปจากพวกท่าน เมื่อฉันกลัวพวกท่านแล้วพระเจ้าของฉันได้ทรงประทานฮิกมะฮฺแก่ฉัน และทรงแต่งตั้งฉันให้เป็นรอซูลคนหนึ่ง
22. และนี่คือบุญคุณที่ท่านรำเลิกมันต่อฉันโดยท่านทำให้วงศ์วานอิสรออีลเป็นทาส


คำแปล R5.
๒๐. มูซาเขากล่าวว่า ที่ข้าได้กระทำการนั้นความจริงแล้วข้าเป็นผู้หนึ่งจากบรรดาผู้หลงผิด ซึ่งรู้เท่าไม่ถึงการณ์
๒๑. แล้วข้าก็หลบหนีออกจากพวกเจ้า เมื่อข้าหวาดกลัวพวกเจ้าไปสู่เมืองมัดยันและใช้เวลาอยู่ที่นั่นถึงสิบปี ต่อมาผู้ทรงอภิบาลของข้าก็ได้ประทานความรอบรู้แก่ข้า และบันดาลข้าให้เป็นผู้หนึ่งจากบรรดาศาสนทูตทั้งหลาย
๒๒. และนั่นคือความโปรดปรานที่ท่านได้โปรดแก่ข้า โดยท่านกดขี่พวกเผ่าพันธุ์ของอิสรออีลให้เป็นทาส แต่ท่านได้ยกเว้นข้า ไม่ต้องตกอยู่ในฐานะนั้น ความโปรดปรานที่ท่านได้ให้แก่ข้าจึงเป็นบุญคุณแก่ข้าแล้ว


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัชชุอะรออ์ อายะฮฺที่ 23 - 31


คำอ่าน
23. กอละฟิรฺเอานุ วะมาร็อบบุลอาละมีน
24. กอละร็อบบุสสะมาวาติวัลอัรฺฎิ วะมายัยนะฮุมา อิน..กุน..ตุม..มูกินีน
25. กอละลิมันเหาละฮู..อะลาตัสตะมิอูน
26. กอละร็อบบุกุม วะร็อบบุอาบา..อุกุมุลเอาวะลีน
27. กอละ อิน..นะเราะสูละกุมุลละซี..อุรฺสิละ อิลัยกุมละมัจญนูน
28. กอละร็อบบุลมัชริกิ วัลมัฆริบิ วะมาบัยนะฮุมา อิน..กุน..ตุมตะอฺกิลูน
29. กอละ ละอินิตตะค็อซตะ อิลาฮันฆ็อยรี ละอัจญอะลัน..นะกะ มินัลมัสญูนีน
30. กอละอะวะเลา ญิอ์ตุกะบิชัยอิม..มุบีน
31. กอละ ฟะอ์ติบิฮี..อิน..กุน..ตุม..มินัศศอดิกีน


คำแปล R1.
23. Fir'aun (Pharaoh) said: "And what is the Lord of the 'Alamin (mankind, jinns and all that exists)?"
24. Musa (Moses) said: "Lord of the heavens and the earth, and all that is between them, if you seek to be convinced with certainty."
25. Fir'aun (Pharaoh) said to those around: "Do you not hear (What he says)?"
26. Musa (Moses) said: "Your Lord and the Lord of your ancient fathers!"
27. Fir'aun (Pharaoh) said: "Verily, your Messenger who has been sent to you is a madman!"
28. Musa (Moses) said: "Lord of the east and the west, and all that is between them, if you did but understand!"
29. Fir'aun (Pharaoh) said: "If you choose an Ilah (God) other than me, I will certainly put you among the prisoners."
30. Musa (Moses) said: "Even if I bring you something manifest (and convincing)?"
31. Fir'aun (Pharaoh) said: "Bring it forth then, if you are of the truthful!"


คำแปล R2.
23. ฟิรเอาน์กล่าวต่อไปว่า “และอะไรคือองค์อภิบาลแห่งโลกทั้งหลาย(ที่เจ้าเอ่ยถึง)?”
24. มูซากล่าวว่า “พระองค์ทรงเป็นองค์อภิบาลแห่งฟากฟ้า, แห่งแผ่นดิน, และสรรพสิ่งระหว่างมันทั้งสอง หากพวกท่านเป็นผู้เชื่อมั่น”
25. (จากนั้น) ฟิรเอาน์ก็หันมาพูดกับบริวารรอบตัวของเขาว่า “พวกเราได้ยินไหม?”
26. เขาพูดว่า “(พระเจ้าของเขา)เป็นองค์อภิบาลของพวกท่าน และเป็นองค์อภิบาลของบรรพบุรุษของพวกท่านที่ล่วงลับในยุคก่อน”
27. ฟิรเอาน์พูดต่อไปว่า “แท้จริงทูตของพวกท่านที่ถูกส่งมายังพวกท่านนี้ เป็นบ้าแน่แท้”
28. นบีมูซากล่าวว่า “พระองค์ทรงเป็นองค์อภิบาลแห่งทิศตะวันออกและทิศตะวันตก รวมทั้งที่อยู่ระหว่างทิศทั้งสอง ทั้งนี้หากพวกท่านใช้ปัญญาใคร่ครวญ”
29. ฟิรเอาน์กล่าวว่า “พวกท่านยึดพระเจ้าอื่นนอกจากข้า แน่นอนข้าจะจัดการกับเจ้าให้เป็นหนึ่งในบรรดานักโทษที่ถูกคุมขัง”
30. นบีมูซากล่าวว่า “แม้ถึงฉันจะนำ(หลักฐาน)สักอย่างหนึ่งอันชัดแจ้งมา(แสดงต่อท่าน)กระนั้นหรือ?”
31. ฟิรเอาน์กล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้น เจ้าก็จงนำมาซิ หากเจ้าเป็นผู้หนึ่งจากบรรดาผู้สัตย์จริง”


คำแปล R3.
23. ฟิรฺเอาน์ได้กล่าวว่า “และอะไรคือพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก ?”
24. มูซาได้ตอบว่า “พระผู้อภิบาลแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและที่อยู่ระหว่างทั้งสอง ถ้าหากท่านคิดจะเชื่อ”
25. ฟิรฺเอาน์จึงได้กล่าวแก่บรรดาผู้อยู่รอบ ๆ เขาว่า “พวกเจ้าได้ยินไหม ?”
26. มูซาได้กล่าวว่า “พระผู้อภิบาลของพวกท่านและบรรพบุรุษของพวกท่านด้วยเช่นกัน”
27. ฟิรฺเอาน์ได้กล่าว (แก่บรรดาผู้ที่อยู่ในนั้น)ว่า “รอซูลของพวกเจ้าที่ถูกส่งมายังพวกเจ้านี้เป็นคนบ้าแน่ ๆ”
28. มูซาได้กล่าวว่า “(พระองค์คือ)พระผู้อภิบาลแห่งตะวันออกและตะวันตกและทุกสิ่งที่อยู่ในระหว่างทั้งสองนี้ ถ้าหากพวกท่านเพียงแต่ใช้สามัญสำนึก”
29. ฟิรฺเอาน์ได้กล่าวว่า “ถ้าหากเจ้าเอาผู้ใดอื่นนอกไปจากฉันเป็นพระเจ้าแล้วฉันจะให้เจ้าได้เข้าไปอยู่ร่วมกับผู้ถูกจำคุก”
30. มูซาจึงได้กล่าวว่า “แม้ฉันจะนำเอาสิ่งที่ชัดแจ้งมายืนยันแก่ท่านแล้วกระนั้นหรือ ?”
31. ฟิรฺเอาน์ได้ตอบว่า “นำมาแสดงสิ ถ้าหากเจ้าพูดจริง”


คำแปล R4.
23. ฟิรเอาน์ได้กล่าวว่า “และใครคือพระเจ้าแห่งสากลโลก”
24. เขา(มูซา) กล่าวว่า “พระเจ้าแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และสิ่งที่อยู่ในระหว่างทั้งสอง หากพวกท่านเป็นผู้ศรัทธาเชื่อมั่น”
25. เขาได้กล่าวแก่ผู้อยู่รอบ ๆ เขาว่า “พวกท่านได้ยินไหม?”
26. เขา(มูซา)กล่าว่า “พระเจ้าของพวกท่าน และของบรรพบุรุษสมัยก่อน ๆ นั้นด้วย”
27. เขา (ฟิรเอาน์) กล่าวว่า “แท้จริงรอซูลของพวกท่านซึ่งได้ถูกส่งมายังพวกท่านนั้นเป็นคนบ้าอย่างแน่นอน”
28. เขา(มูซา) กล่าวว่า “พระเจ้าแห่งทิศตะวันออกและทิศตะวันตก และสิ่งที่อยู่ในระหว่างทั้งสอง หากพวกท่านใช้สติปัญญาพิจารณา”
29. เขากล่าวว่า “หากเจ้ายึดถือพระเจ้าอื่นจากฉัน ฉันจะให้เจ้าอยู่ในหมู่ผู้ต้องขัง”
30. เขา(มูซา) กล่าวว่า “แม้ว่าฉันจะนำสิ่งที่ชัดแจ้งมายังท่านกระนั้นหรือ?”
31. เขากล่าวว่า “ก็จงนำมันมาซิ หากเจ้าเป็นคนจริง”


คำแปล R5.
๒๓. ฟิรเอาน์กล่าวว่า ที่เจ้าอ้างว่าเป็นศาสนทูตของพระผู้อภิบาลแห่งโลกนั้น และอะไรคือผู้อภิบาลแห่งโลก ข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่านอกจากตัวของข้าแล้วยังจะมีพระเจ้าอื่นใดอีก
๒๔. นบีมูซาเขากล่าวว่าพระองค์เป็นผู้ทรงอภิบาลชั้นฟ้าทั้งเจ็ดและแผ่นดินทั้งเจ็ดชั้น และสิ่งที่อยู่ในระหว่างมันทั้งสองทั้งนี้ถ้าพวกท่านเป็นผู้มีความมั่นใจ
๒๕. ฟิรเอาน์เขากล่าวกับบุคคลที่แวดล้อมเขาว่า พวกเจ้าทั้งหลายรับฟังหรือที่มูซาได้กล่าวอ้างเช่นนั้น พวกเจ้าไม่แปลกใจบ้างหรือที่เขาอ้างว่ามีพระเจ้าอื่นนอกจากข้าอีก
๒๖. นบีมูซาสำทับโดยเขากล่าวว่า พระองค์เป็นผู้อภิบาลพวกท่านและเป็นผู้อภิบาลบรรพบุรุษแรกเริ่มของพวกท่านทั้งหลาย
๒๗. ฟิรเอาน์เขากล่าวกับพวกของเขาว่าที่จริงศาสนทูตของพวกเจ้าที่ส่งตัวมายังพวกเจ้าคนนี้วิกลจริตอย่างแน่นอน
๒๘. นบีมูซากล่าวโต้ฟิรเอาน์ว่าพระองค์ทรงเป็นผู้อภิบาลทิศตะวันออกและทิศตะวันตกและสิ่งที่มีในระหว่างมันทั้งสอง ทั้งนี้ถ้าพวกท่านทั้งหลายใช้สติปัญญาไตร่ตรอง
๒๙. ฟิรเอาน์เขาประกาศแก่นบีมูซาว่า ถ้าเจ้ายึดถือสิ่งอื่นจากข้าเป็นพระเจ้า แน่นอนข้าจะต้องทำให้เจ้าเป็นผู้หนึ่งจากบรรดานักโทษที่ถูกคุมขังในคุก
๓๐. นบีมูซาเขากล่าวว่า แม้ข้าจะนำสิ่งหนึ่งคือปาฏิหาริย์ที่ชัดแจ้งมาแสดงต่อท่านเพื่อยืนยันคำประกาศของข้าว่าพระผู้เป็นเจ้าของข้าเป็นพระเจ้าที่ทรงอภิบาลสรรพสิ่งทั้งมวลแล้ว ท่านยังจะจับตัวข้าขังคุกอีกหรือ
๓๑. ฟิรเอาน์จึงกล่าวว่า ถ้าเช่นนั้นเจ้าจงนำมันมาแสดงให้ข้าได้ประจักษ์ตามที่เจ้าอ้างเถิด แม้นเจ้าเป็นผู้หนึ่งจากบรรดาผู้มีสัจจะในการประกาศและข้ออ้างของเจ้าเหล่านั้น

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัชชุอะรออ์ อายะฮฺที่ 32 - 37


คำอ่าน
32. ฟะอัลกออะศอฮุ ฟะอิซาฮิยะ ษุอฺบานุม..มุบีน
33. วะนะซะอะยะดะฮู ฟะอิซาฮิยะ บัยฎอ...อุ ลิน..นาซิรีน
34. กอละลิลมะละอิเหาละฮู..อิน..นะฮาซาละสาหิรุนอะลีม
35. ยุรีดุ อัย..ยุคริญะกุม..มินอัรฺฎิกุม..บิสิหฺริฮี ฟะมาซาตะอ์มุรูน
36. กอลูอัรฺญิฮฺ วะอะคอฮุวับอัษ ฟิลมะดา...อินิ หาชิรีน
37. ยะอ์ตูกะ บิกุลลิ สะหฺหารินอะลีม


คำแปล R1.
32. So [Musa (Moses)] threw his stick, and behold, it was a serpent, manifest.
33. And he drew out his hand, and behold, it was white to all beholders!
34. [Fir'aun (Pharaoh)] said to the chiefs around him: "Verily! This is indeed a well-versed sorcerer.
35. "He wants to drive you out of your land by his sorcery, then what is it your counsel, and what do you command?"
36. They said: "Put him off and his brother (for a while), and send callers to the cities;
37. "To bring up to you every well-versed sorcerer."


คำแปล R2.
32. จากนั้นมูซาก็ขว้างไม้เท้าของเขา ทันใดนั้นไม้เท้าก็ปรากฏเป็นงูอย่างชัดแจ้ง
33. และเขาได้ชักมือของเขาออกมา ทันใดนั้นมือของเขาก็เป็นสีขาวผ่อง (เป็นที่ประจักษ์แจ้งแก่สายตา) ของบรรดาผู้มองดู
34. ฟิรเอาน์กล่าวกับหัวหน้ากลุ่มที่อยู่แวดล้อมเขาว่า “แท้จริงบุคคลผู้นี้เป็นมายากรผู้รอบรู้”
35. “เขามีความประสงค์ที่จะขับพวกท่านออกจากแผ่นดินของพวกท่าน ด้วยมายากลของเขา แล้วพวกท่านจะแนะนำอะไรข้าบ้าง?”
36. พวกหัวหน้ากลุ่มจึงกล่าวแนะนำว่า “ท่านจงผ่อนปรนเขาและพี่น้องของเขาไว้ก่อน (อย่าเพิ่งกักขังเขา) และท่านจงส่ง(เจ้าหน้าที่) ผู้รวบรวม(ให้แยกย้ายกันไป)ในเมืองต่าง ๆ
37. เพื่อพวกเขานำมายากรผู้รอบรู้ทั้งหมดมา”


คำแปล R3.
32. (ยังมิทันที่ฟิรฺเอาน์จะกล่าวอะไรต่อไป) มูซาก็โยนไม้เท้าของเขาลงไปบนพื้น ทันใดนั้น มันก็กลายเป็นงูใหญ่ทันที
33. หลังจากนั้น เขาก็ดึงมือของเขาออกมา(จากรักแร้)และมันก็มีแสงสว่างแก่ผู้เฝ้ามอง
34. ฟิรฺเอาน์ได้กล่าวแก่พวกขุนนางที่อยู่รอบ ๆ เขาว่า “คนผู้นี้ต้องเป็นนักมายากลผู้มีฝีมืออย่างแน่นอน
35. เขาต้องการขับไล่พวกเจ้าออกไปจากแผ่นดินของพวกเจ้าโดยการใช้มายากลของเขา ทีนี้พวกเจ้าจะทำอย่างไร ?”
36. พวกเขากล่าวว่า “จงหน่วงเหนี่ยวเขาและพี่ชายของเขาไว้สักพักหนึ่งก่อน และจงส่งข่าวไปยังเมืองต่าง ๆ
37. เพื่อเรียกนักมายากลที่มีฝีมือมายังท่าน”


คำแปล R4.
32. ดังนั้น เขาได้โยนไม้เท้าของเขา มันคือ งูอย่างชัดแจ้ง
33. และได้ดึงมือของเขาออกมาเป็นสีขาวแก่บรรดาผู้มองดู
34. เขาได้กล่าวแก่ขุนนางชั้นผู้ใหญ่รอบ ๆ เขาว่า “แท้จริงเขาคนนี้คือนักเล่นกลอย่างช่ำชอง
35. เขาต้องการที่ให้พวกท่านออกจากดินแดนของพวกท่านด้วยเล่ห์กลของเขา ดังนั้นพวกท่านจะชี้แนะประการใด”
36. พวกเขากล่าวว่า “จงหน่วงเหนี่ยวเขาและพี่ชายของเขาไว้ก่อน และจงส่งคนไปตามหัวเมืองให้มาชุมนุมกัน
37. เพื่อที่นักเล่นกลผู้ช่ำชองทุกคนจะได้มาหาท่าน”


คำแปล R5.
๓๒. ดังนั้นนบีมูซา เขาจึงขว้างไม้เท้าของเขา ทันใดนั้นเองมันก็แปลงเป็นงูอันชัดเจน
๓๓. และเขาได้ชักมือของเขาออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ทันใดนั้นเองมันก็เปลี่ยนเป็นสีขาวสำหรับผู้ดูทั้งหลายได้เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าเป็นปาฏิหาริย์ที่สร้างความมหัศจรรย์แก่พวกเขาอย่างยิ่ง
๓๔. ฟิรเอาน์เขาได้กล่าวกับกลุ่มขุนนางผู้แวดล้อมเขาว่า ที่จริงนี้เป็นวิทยากลผู้รอบรู้อย่างแน่นอน หาใช่ศาสนทูตจากพระผู้เป็นเจ้าตามที่เขาอ้างไม่
๓๕. เขาประสงค์ที่จะขับพวกเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์ของพวกเจ้าด้วยอาศัยวิทยากลของเขา แล้วอันใดเล่าที่พวกเจ้าจะให้คำปรึกษาแก่ข้าเพื่อการปฏิบัติต่อเขาให้สาสมกับการหลอกลวงของเขาในครั้งนี้
๓๖. บรรดาขุนนางของฟิรเอาน์พวกเขากล่าวให้ข้อปรึกษาแก่ฟิรเอาน์ว่าขอท่านได้โปรดปล่อยเขาและพี่ชายของเขาไว้ก่อน อย่าเพิ่งโกรธและอย่าเพิ่งลงโทษเขา และขอท่านโปรดส่งเจ้าหน้าที่ไปในเมืองต่าง ๆ ค้นหานักวิทยากลที่มีอยู่ในเมืองเหล่านั้น
๓๗. เพื่อพวกเขาจักนำนักวิทยากลผู้รอบรู้ทุกคนมายังท่านจะได้ให้พวกเขาประลองฝีมือกับมูซาว่าใครจะเหนือกว่า


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัชชุอะรออ์ อายะฮฺที่ 38 - 42


คำอ่าน
38. ฟะญุมิอัสสะหะเราะตุ ลิมีกอติเยามิม..มะอฺลูม
39. วะกีละลิน..นาสิ ฮัลอัน..ตุม..มุจญตะมิอูน
40. ละอัลละนา นัตตะบิอุสสะหะเราะตะ อิน..กานูฮุมุลฆอลิบีน
41. ฟะลัม..มาญา...อัตสะหะเราะตุ กอลูลิฟิรฺเอานะ อะอิน..นะละนาละอัจญร็อน อิน..กุน..นานะหฺนุลฆอลิบีน
42. กอละนะอัม วะอิน..นะกุมอิซัลมุก็อรฺเราะบีน


คำแปล R1.
38. So the sorcerers were assembled at a fixed time on a day appointed.
39. And it was said to the people: "Are you (too) going to assemble?
40. "That we may follow the sorcerers [who were on Fir'aun's (Pharaoh) religion of disbelief] if they are the winners."
41. So when the sorcerers arrived, they said to Fir'aun (Pharaoh): "Will there surely be a reward for us if we are the winners?"
42. He said: "Yes, and you shall then verily be of those brought near (to myself)."


คำแปล R2.
38. ครั้นต่อมา บรรดามายากรทั้งหลายได้ถูกนำตัวมาชุมนุมกันตามกำหนดเวลาในวันหนึ่งที่ถูกกำหนดไว้
39. และมีผู้ประกาศแก่ประชาชนทั้งหลายว่า “พวกท่านจงไปร่วมชุมนุมกันเถิด
40. พวกเราหวังว่าคงจะได้ถือตาม(ลัทธิของ)บรรดามายากร(ที่มาประลองในครั้งนี้)หากว่าพวกเขาเป็นผู้มีชัยชนะ
41. ครั้นเมื่อกลุ่มมายากรได้มาแล้ว พวกเขาก็กล่าวกับฟิรเอาน์ว่า “จริงหรือที่ว่าพวกเราจะได้ค่าตอบแทน หากพวกเราเป็นฝ่ายชนะ?”
42. ฟิรเอาน์ตอบว่า “ถูกแล้ว และ (ยิ่งไปกว่านั้น) พวกท่านจะได้เป็น(ผู้หนึ่ง)จากบรรดาผู้ใกล้ชิดเรา”


คำแปล R3.
38. ดังนั้น นักมายากลทั้งหลายจึงได้มาชุมนุมกันในวันและเวลาที่ได้ถูกนัดหมายไว้
39. และผู้คนได้ถูกถามว่า “พวกเจ้าจะมาร่วมชุมนุมด้วยหรือไม่ ?
40. เพื่อที่เราจะได้ปฏิบัติตามพวกนักมายากลถ้าหากพวกเขาเป็นผู้ชนะ”
41. เมื่อพวกนักมายากลมาถึง พวกเขาได้กล่าวแก่ฟิรฺเอาน์ว่า “เราจะได้รับรางวัลไหม ถ้าหากเราเป็นฝ่ายชนะ?”
42. เขาตอบว่า “แน่นอน แล้วพวกเจ้าจะได้อยู่ในหมู่ผู้ใกล้ชิดเขาด้วย”


คำแปล R4.
38. แล้วบรรดานักเล่นกลได้มาชุมนุมกันตามวันเวลาที่กำหนดไว้
39. และได้มีประกาศแก่มหาชน พวกท่านจะไปร่วมชุมนุมด้วยไหม?
40. เพื่อพวกเขาจะได้ตามบรรดานักเล่นกลหากพวกเขาเป็นผู้ชนะ
41. เมื่อพวกนักเล่นกลมาถึง พวกเขากล่าวแก่ฟิรเอาน์ว่า “พวกเราจะมีรางวัลแน่นอนหรือถ้าพวกเราเป็นผู้ชนะ”
42. เขากล่าวว่า “ถูกแล้ว และพวกท่านขณะนั้นจะอยู่ในหมู่ผู้ใกล้ชิดอย่างแน่นอน”


คำแปล R5.
๓๘. แล้วบรรดานักวิทยากลก็ถูกรวบรวมโดยเจ้าหน้าที่ของฟิรเอาน์ที่ถูกส่งตัวไปค้นหาจากเมืองต่าง ๆ ตามกำหนดวันที่ถูกนัดหมายไว้
๓๙. และมีผู้ป่าวประกาศแก่ผู้คนทั้งหลายเพื่อเชิญชวนให้ไปชมการประลองว่าพวกท่านทั้งหลายจะเดินทางไปชุมนุม ณ สนามประลองวิทยากลไหม เพื่อพิสูจน์ด้วยตาตนเองว่าฝ่ายไหนจะชนะ
๔๐. เราหวังว่า เราคงได้เจริญรอยตามบรรดานักวิทยากลที่เราได้รวบรวมมาทำการประลองฝีมือกับมูซา ทั้งนี้ถ้าพวกนั้นเป็นฝ่ายชนะในการประลองครั้งนี้
๔๑. ต่อมาเมื่อนักวิทยากลทั้งหลายได้มาถึงพระราชวังของฟิรเอาน์โดยการนำของเจ้าหน้าที่ที่ฟิรเอาน์ส่งออกไปค้นหาจากเมืองต่าง ๆ พวกเขาก็กล่าวกับฟิรเอาน์ว่า พวกเราจะได้ค่าจ้างหรือไม่ ถ้าพวกเราเป็นฝ่ายชนะในการประลองครั้งนี้
๔๒. ฟิรเอาน์กล่าวว่า ใช่แล้ว พวกท่านจะได้รับค่าจ้างจากการประลองฝีมือในครั้งนี้และแท้จริงพวกเจ้าทั้งหลายจะเป็นผู้หนึ่งจากบรรดาผู้ใกล้ชิดกับเรา โดยเราจะมอบตำแหน่งแก่พวกเจ้า


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัชชุอะรออ์ อายะฮฺที่ 43 - 48


คำอ่าน
43. กอละละฮุม..มูสา..อัลกู มา..อัน..ตุม..มุลกูน
44. ฟะอัลก็อวฮิบาละฮุม วะอิศียะฮุม วะกอลูบิอิซซะติฟิรเอานะ อิน..นาละนะหฺนุลฆอลิบูน
45. ฟะอัลกอ มูสาอะศอฮุ ฟะอิซาฮิยะตัลเกาะฟุ มายะอ์ฟิกูน
46. ฟะอุลกิยัสสะหะเราะตุ สาญิดีน
47. กอลู..อามัน..นา บิร็อบบิลอาละมีน
48. ร็อบบิมูสา วะฮารูน

 
คำแปล R1.
43. Musa (Moses) said to them: "Throw what you are going to throw!"
44. So they threw their ropes and their sticks, and said: "By the might of Fir'aun (Pharaoh), it is we who will certainly win!"
45. Then Musa (Moses) threw his stick, and behold, it swallowed up all the falsehoods which they showed!
46. And the sorcerers fell down prostrate.
47. Saying: "We believe in the Lord of the 'Alamin (mankind, jinns and all that exists).
48. "The Lord of Musa (Moses) and Harun (Aaron)."


คำแปล R2.
43. มูซาได้กล่าวแก่พวกเขาว่า “พวกท่านจงขว้างอุปกรณ์ที่พวกท่าน(เตรียมมา)ขว้างเถิด”
44. แล้วพวกเขาก็ขว้างเชือกและไม้เท้าของพวกเขา พร้อมกับพวกเขาได้กล่าวว่า “ขอสาบานด้วยอำนาจบารมีแห่งฟิรเอาน์ แท้จริงพวกเราจะต้องเป็นฝ่ายมีชัยเป็นแน่”
45. จากนั้นมูซาก็ขว้างไม้เท้าของเขา ทันใดนั้นเองมัน(ก็เปลี่ยนเป็นงูและ)กลืนสิ่งที่พวกนั้นเสกมันขึ้นมา(จนหมดสิ้น)
46. แล้วกลุมมายากรทั้งหมดก็ทรุดกายลงกราบ เนื่องจากประจักษ์ในความพ่ายแพ้ของพวกตน
47. พวกนั้นกล่าวว่า “เราศรัทธาแล้ว ในองค์อภิบาลแห่งโลกทั้งหลาย
48. ผู้เป็นองค์อภิบาลแห่งมูซาและฮารูน”


คำแปล R3.
43. มูซาได้กล่าวว่า “จงโยนสิ่งที่พวกท่านต้องโยนลงมา”
44. ดังนั้นพวกเขาจึงได้โยนเชือกและไม้เท้าของพวกเขาลงไปบนพื้นและกล่าวว่า “ด้วยอานุภาพของฟิรฺเอาน์เราจะชนะอย่างแน่นอน”
45. แล้วมูซาก็โยนไม้เท้าของเขาลงไปบนพื้น และมันก็เริ่มกลืนสิ่งที่เขาทำลวงขึ้นมา
46. เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกนักมายากลก็ก้มลงกราบ
47. และร้องออกมาว่า “เราศรัทธาแล้วในพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก
48. พระผู้อภิบาลของมูซาและฮารูน”


คำแปล R4.
43. มูซาได้กล่าวแก่พวกเขาว่า “จงโยนซิสิ่งที่พวกท่านจะต้องโยน”
44. แล้วพวกเขาก็ได้โยนเชือกหลายเส้นของพวกเขาและไม้เท้าหลายอันของพวกเขา และพวกเขากล่าวว่า “ด้วยเกียรติยศของฟิรเอาน์แท้จริงเราเป็นผู้ชนะอย่างแน่นอน”
45. ครั้นแล้วมูซาก็ได้โยนไม้เท้าของเขา ณ บัดนั้นมันได้กลืนสิ่งที่พวกเขาได้ลองมันขึ้น
46. พวกนักเล่นกลจึงก้มหัวลงกราบสุญูด
47. พวกเขากล่าวว่า “เราศรัทธาต่อพระเจ้าแห่งสากลโลก”
48. พระเจ้าของมูซา และฮารูน


คำแปล R5.
๔๓. นบีมูซาได้กล่าวแก่พวกเขา (บรรดานักวิทยากลเหล่านั้น) หลังจากทั้งสองฝ่ายได้มาปรากฏตัวอยู่ในสนามประลองฝีมือแล้วว่า พวกเจ้าจงขว้างอุปกรณ์ทางวิทยากลที่พวกเจ้าใช้ขว้างเถิด
๔๔. แล้วพวกเขาก็ขว้างเชือกและไม้เท้าของพวกเขาลงไปกลางสนามประลองกลายเป็นงูเลื้อยอยู่เต็มสนาม และพวกเขาได้กล่าวว่า โดยอำนาจแห่งฟิรเอาน์ แท้จริงพวกเราจะเป็นผู้ชนะอย่างแน่นอน
๔๕. ต่อมานบีมูซาก็ขว้างไม้เท้าของเขาบ้าง พลันมันก็เปลี่ยนสภาพไปเป็นงูตัวใหญ่ไล่กลืนงูที่พวกนั้นเสกขึ้นจนหมดสิ้น
๔๖. เมื่อพวกวิทยากลได้ประจักษ์กับตนเองว่าพ่ายแพ้ในการประลองทางวิทยากลครั้งนี้อย่างแน่ชัด แล้วพวกเขาก็ก้มลงกราบกับพื้น
๔๗. พร้อมกันนั้นพวกเขากล่าวว่า พวกเราศรัทธาแล้วต่อพระผู้ทรงอภิบาลแห่งโลกทั้งหลาย
๔๘. อันเป็นผู้อภิบาลแห่งมูซาและฮารูน ตามที่ทั้งสองได้ประกาศ



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัชชุอะรออ์ อายะฮฺที่ 49 - 51


คำอ่าน
49. กอละ อามัน..ตุมละฮู ก็อบละ อันอาซะนะละกุม อิน..นะฮู ละกะบีรุกุมุลละซี อัลละมะกุมุสสิหฺเราะ ฟะละเสาฟะตะอฺละมูนละอุก็อฏฏิอัน..นะ อัยดิยะกุม วะอัรฺญุละกุม..มินคิลาฟิว..วะละอุศ็อลลิบัน..นะกุม อัจญมะอีน
50. กอลูลาฎ็อยเราะ อิน..นา..อิลาร็อบบินา มุน..เกาะลิบูน
51. อิน..นานัฏมะอุ อัย..ยัฆฟิเราะละนา ร็อบบุนา เคาะฏอยานา..อัน..กุน..นา..เอาวะลัลมุอ์มินีน


คำแปล R1.
49. [Fir'aun (Pharaoh)] said: "You have believed in him before I give you leave. Surely, he indeed is your chief, who has taught you magic! So verily, you shall come to know. Verily, I will cut off your hands and your feet on opposite sides, and I will crucify you all."
50. They said: "No harm! Surely, to our Lord (Allah) we are to return;
51. "Verily! We really hope that our Lord will forgive us our sins, as we are the first of the believers [in Musa (Moses) and in the Monotheism which he has brought from Allah]."


คำแปล R2.
49. ฟิรเอาน์จึงกล่าว(แก่พวกนั้น)ว่า “พวกท่านศรัทธาต่อเขาก่อนหน้าที่ข้าจะอนุญาตให้พวกท่านกระนั้นหรือ? ที่แท้เขาก็คืออาจารย์ใหญ่ของพวกท่านนั่นเอง ซึ่งเขาได้สอนมายาศาสตร์แก่พวกท่าน แล้วพวกท่านจะได้รู้กัน(ถึงผลจากการกระทำครั้งนี้) 50. ขอสาบานข้าจะต้องตัดมือและเท้าของพวกท่านโดยสลับกัน และข้าจะต้องตรึงไม้กางเขนแก่พวกท่านทั้งหมด”
51. พวกเขากล่าวว่า “ไม่มีอันตรายใด ๆ (แก่พวกเรา)เลย เพราะแท้จริงพวกเราเป็นผู้กลับคืนสู่องค์อภิบาลของพวกเรา
52. “แท้จริงพวกเรามุ่งหวังว่า องค์อภิบาลของพวกเรา จักทรงอภัยแก่พวกเรา ในความผิดทั้งหลายของพวกเรา เพราะพวกเราเป็นผู้ศรัทธากลุ่มแรก”


คำแปล R3.
49. ฟิรฺเอาน์ได้กล่าวว่า “พวกเจ้าศรัทธาในตัวเขาก่อนที่ข้าจะอนุญาตพวกเจ้ากระนั้นหรือ ? เขาต้องเป็นหัวหน้าของพวกเจ้าที่มาสอนมายากลให้แก่พวกเจ้าอย่างแน่นอน ดีละ ในไม่ช้า พวกเจ้าจะได้รู้ ข้าจะตัดแขนขาของพวกเจ้าสลับกันและจะเอาพวกเจ้าทั้งหมดไปตรึงกางเขนให้ตาย”
50. พวกเขาตอบว่า “เราไม่สนใจ เราจะกลับไปยังพระผู้อภิบาลของเรา
51. และเราหวังว่าพระผู้อภิบาลของเราจะทรงอภัยเราในความผิดของเราเพราะเราเป็นพวกแรกของบรรดาผู้ศรัทธา


คำแปล R4.
49. เขากล่าวว่า พวกท่านศรัทธาต่อเขาก่อนที่ฉันจะอนุญาตแก่พวกท่านกระนั้นหรือ? แน่นอนเขาต้องเป็นหัวหน้าของพวกท่านซึ่งได้สอนการเล่นกลแก่พวกท่านแล้วพวกท่านจะรู้ แน่นอนฉันจะตัดมือของพวกท่านและเท้าของพวกท่านสลับข้างกันและแน่นอนฉันจะแขวนตรึงไว้ทั้งหมด
50. พวกเขากล่าวว่า ไม่เป็นไรหรอกแท้จริงเรานั้นต้องเป็นผู้กลับไปยังพระเจ้าของเรา
51. แท้จริงเราปรารถนาที่จะให้ พระเจ้าของเราทรงยกโทษแก่เรา เพราะเราเป็นกลุ่มแรกที่เป็นผู้ศรัทธา


คำแปล R5.
๔๙. เมื่อฟิรเอาน์ได้ยินดังนั้น เขาจึงกล่าวกับบรรดานักวิทยากลว่า พวกเจ้าจะศรัทธาต่อเขาก่อนที่ข้าจะอนุญาตแก่พวกเจ้าหรือ ถ้าอย่างมูซากับพวกเจ้าก็คงจะตกลงและวางแผนกันมาก่อนอย่างแน่นอน แท้จริงเขาเป็นอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเจ้าที่สอนวิทยากลแก่พวกเจ้านั่นเอง แล้วพวกเจ้าจะได้รู้ถึงผลอันจะเกิดแก่ตัวของพวกเจ้าเอง ๕๐. ข้าจะตัดมือและเท้าของพวกเจ้าทั้งหลายโดยสลับกันและข้าจะจับพวกเจ้าตรึงไม้กางเขนให้หมด
๕๑. พวกเขากล่าววิงวอนต่อฟิรเอาน์ว่า ไม่มีอันตรายแก่พวกเราหรอก เพราะแท้จริงพวกเราได้ย้อนกลับไปสู่องค์อภิบาลของพวกเรา
๕๒. แท้จริงพวกเราหวังในการอภัยโดยผู้ทรงอภิบาลของเราแก่ความผิดต่าง ๆ ของพวกเราที่ได้ล่วงพ้นมาแต่อดีต เนื่องเพราะพวกเราเป็นศรัทธาชนกลุ่มแรกจากบรรดาผู้คนที่มาชุมนุมกัน ณ สถานประลองวิทยากลครั้งนี้

(ตัวเลขกำกับอายะฮฺใน R2 และR5 ไม่ตรงกับ เอกสารอ้างอิงอื่น จึงกำหนดเอาตามเอกสารอ้างอิงส่วนใหญ่เป็นหลัก เนื้อความในอัลกุรฺอานมิได้ถูกตัดทอน เพียงแต่การแบ่งอายะฮฺไม่ตรงกันเท่านั้น)

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัชชุอะรออ์ อายะฮฺที่ 52 - 59


คำอ่าน
52. วะเอาหัยนา..อิลามูสา..อันอัสริ บิอิบาดี..อิน..นะกุม..มุตตะบะอูน
53. ฟะอัรฺสะละฟิรเอานุ ฟิลมะดา..อินิหาชิรีน
54. อิน..นะ ฮา..อุลา...อิ ละชิรฺซิมะตุน..เกาะลีลูน
55. วะอิน..นะฮุมละนา ละฆอ..อิซูน
56. วะอิน..นาละญะมีอุนหาซิรูน
57. ฟะอัคร็อจญนาฮุม..มิน..ญัน..นาติว..วะอุยูน
58. วะกุนูซิว..วะมะกอมิน..กะรีม
59. กะซาลิกะ วะเอาร็อษนาฮา บะนี...อิสรอ..อีล


คำแปล R1.
52. And we inspired Musa (Moses), saying: "Take away my slaves by night, verily, you will be pursued."
53. Then Fir'aun (Pharaoh) sent callers to (all) the cities.
54. (Saying): "Verily! These indeed are but a small band.
55. "And verily, they have done what has enraged us;
56. "But we are host all assembled, amply fore-warned."
57. So, we expelled them from gardens and springs,
58. Treasures, and every kind of honourable place.
59. Thus [We turned them (Pharaoh's people) out] and we caused the Children of Israel to inherit them.


คำแปล R2.
53. และเราได้ลงโองการแก่มูซาว่า “เจ้าจงนำมวลข้าทาสของข้าออกเดินทางกลางคืนเถิด แท้จริงพวกเจ้านั้นจะถูกติดตาม(โดยกองทัพของฟิรเอาน์)”
54. จากนั้นฟิรเอาน์ได้ส่งเจ้าหน้าที่รวบรวมผู้คน(แยกย้ายกันไป)ในเมืองต่าง ๆ (ของประเทศอียิปต์)
55. (พร้อมกับออกคำสั่งว่า) “แท้จริงพวกเหล่านั้น(มูซากับพวก) เป็นเพียงกลุ่มย่อยที่มีจำนวนน้อย
56. และแท้จริงพวกเขาได้ยั่วโทสะเรามาก
57. และแท้จริงพวกเราทั้งหมดจะต้องระมัดระวังไว้”
58. โดยเหตุนั้นเรา(อัลเลาะฮฺ)จึงได้ทำให้พวกเขาออกมาจากเรือกสวน และแหล่งน้ำ (อันอุดมสมบูรณ์ของอียิปต์
59. รวมทั้งคลังสมบัติ และที่อยู่อันมีเกียรติ (ซึ่งฟิรเอาน์กับพวกไม่ได้กลับมาสู่สิ่งเหล่านั้นอีก เพราะทุกคนจมน้ำตายในทะเลแดงหมด)
60. เช่นนั้น และเราได้ให้บุตรหลานแห่งอิสรออีลได้สืบทอดมรดกสิ่งเหล่านั้น(แทนฟิรเอาน์กับพวก)


คำแปล R3.
52. และเราได้ดลใจแก่มูซาว่า จงออกเดินทางพร้อมกับบ่าวของฉันในตอนกลางคืน เพราะพวกเจ้าจะถูกติดตาม”
53. ดังนั้น ฟิรเอาน์จึงได้ส่งคนประกาศข่าวไปยังมืองต่าง ๆ (เพื่อระดมมวลชนโดยกล่าวว่า)
54. “คนพวกนี้มีแค่เพียงหยิบมือ
55. และมายั่วยุเราให้เกิดโทสะ
56. แต่เราเป็นพวกที่มีมากกว่าและเตรียมตัวพร้อมอยู่เสมอ”
57. ดังนั้นเราจึงให้พวกเขาออกมาจากสวนของพวกเขาและบ่อน้ำของพวกเขา
58. และทรัพย์สมบัติและที่อยู่อาศัยอันหรูหราของพวกเขา
59. นั่นแหละคือวิธีที่เราจัดการพวกเขา ขณะเดียวกัน(ในอีกด้านหนึ่ง)เราได้ทำให้วงศ์วานอิสรออีลสืบทอดสิ่งเหล่านี้


คำแปล R4.
52. แลเราได้ดลใจให้มูซาออกเดินทาง ในเวลากลางคืนพร้อมกันกับปวงบ่าวของข้าแท้จริงพวกเจ้ากำลังถูกติดตาม
53. แล้วฟิรเอาน์ได้ส่งคนไปตามหัวเมืองต่างๆ ให้มาร่วมชุมนุม
54. (และว่า) แท้จริงเขาเหล่านั้นเป็นหมู่ชนส่วนน้อย
55. และแท้จริงพวกเขาทำให้เราเกิดโทสะ
56. และแท้จริงพวกเราทั้งหมดอยู่ในสภาพเตรียมพร้อม
57. ดังนั้น เราได้ให้พวกเขาออกจากเรือกสวนและลำธารน้ำ
58. และทรัพย์สินอันมากหลายและที่พำนักอันโอ่อ่า
59. เช่นนั้นแหละ และเราได้ให้วงศ์วานอิสรออีล ได้รับมรดกครอบครองมัน


คำแปล R5.
๕๓. และเราได้ดลโองการแก่นบีมูซาว่าเจ้าจงเดินทางกลางคืนออกจากเมืองอียิปต์ด้วยกับบรรดาเผ่าพันธุ์ของอิสรออีลผู้เป็นบ่าวทาสของข้า เพราะแท้จริงพวกเจ้าทั้งหลายจะถูกติดตามโดยพวกของฟิรเอาน์เพื่อประทุษร้าย
๕๔. ต่อมาฟิรเอาน์ได้ส่งทหารออกไปในเมืองต่าง ๆ เพื่อรวบรวมกำลังคนประกอบเข้าเป็นกองทัพออกติดตามท่านนบีมูซากับพวกที่ออกเดินทางจากอียิปต์ไปแล้วเพื่อนำตัวกลับมาลงโทษกล่าวกันว่าในสมัยนั้น ฟิรเอาน์ปกครองหัวเมืองถึง ๑,๐๐๐ หัวเมือง และมีหมู่บ้านรวมกันถึง ๑๒,๐๐๐ หมู่บ้าน
๕๕. ฟิรเอาน์ได้ให้กำลังใจแก่กองทัพของตนที่จะออกติดตามนบีมูซากับพวกโดยกล่าวว่า แท้ที่จริงพวกของมูซาเหล่านี้เป็นเพียงกลุ่มชนที่มีจำนวนคนน้อย กล่าวกันว่าพลพรรคของท่านนบีมูซานั้นมีจำนวนประมาณหกแสนเจ็ดหมื่นคน แต่กำลังคนของฟิรเอาน์เฉพาะส่วนหน้าของเขามีถึงเจ็ดแสนคน และเขายังมีอีกหลายกองทัพในจำนวนใกล้เคียงกัน ดังนั้นการออกติดตามพวกเขาเพื่อนำกลับมาลงโทษนั้นเป็นเรื่องง่ายเหลือเกิน
๕๖. และแท้จริงพวกเขาเป็นผู้ที่ทำให้พวกเราโกรธแค้น ด้วยเหตุที่พวกเขาประณามศาสนาของเรา และเมื่อพวกเขาได้หลบหนีออกไปครั้งนี้ ได้นำทรัพย์สินที่ขอยืมไปจากเราติดตัวไปด้วย
๕๗. และแท้จริงพวกเราต้องเป็นฝ่ายที่คอยระมัดระวังพวกนั้นโดยหน้าที่
   จากนั้นฟิรเอาน์ก็นำกองทัพออกติดตามท่านนบีมูซากับพรรคพวกและพระองค์อัลเลาะห์ได้โองการแก่พวกเขาไว้ว่า
๕๘. แล้วเราได้ให้พวกเขาออกจากสวนและแหล่งน้ำอันรื่นรมย์ ซึ่งพวกเขาเคยอยู่อาศัยด้วยความสุขสบายภายในบ้านอันใหญ่โต เรือกสวนอันกว้างขวางและมีแหล่งน้ำอันอุดมสมบูรณ์
๕๙. และคลังแห่งทรัพย์สมบัติมหาศาลและตำแหน่งอันทรงเกียรติ มีอำนาจบารมีและวาสนาอันสูงส่ง นั่นคือประเทศอียิปต์ซึ่งฟิรเอาน์เป็นผู้ครอบครองในฐานะกษัตริย์
๖๐. เช่นนั้นแหละคือเหตุการณ์อันเป็นจริงที่เราได้บันดาลให้อุบัติขึ้น และเราได้สืบทอดสิ่งต่าง ๆ ที่ได้พรรณนาไว้แก่เผ่าพันธุ์แห่งอิสรออีลให้ปกครองสิ่งเหล่านั้น ในดินแดนที่พวกเขาได้เดินทางเข้าไป ภายหลังที่ฟิรเอาน์กับพวกได้ประสบความวิบัติและพ่ายแพ้โดยจมน้ำตายในทะเลแดง



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัชชุอะรออ์ อายะฮฺที่ 60 - 68


คำอ่าน
60. ฟัตตะบิอูฮุม..มุชริกีน
61. ฟะลัม..ตะรอ..อัลญัมอานิ กอละอัศหาบุมูสา..อิน..ละมุดเราะกูน
62. กอละ กัลลา อิน..นะ มะอิยะร็อบบี สะยะฮฺดีน
63. ฟะเอาหัยนา..อิลามูสา อะนิฎริบบิอะศอกัลบะหฺเราะ ฟัน..ฟะละเกาะ ฟะกานะกุลลุฟิรฺกิน..กัฏก็อวดิลอะซีม
64. วะอัซลัฟนาษัม..มัลอาเคาะรีน
65. วะอัน..ญัยนามูสา วะมัม..มะอะฮู..อัจญมะอีน
66. ษุม..มะ อัฆร็อกนัลอาเคาะรีน
67. อิน..นะฟีซาลิกะ ละอายะเตา..วะมากานะอักษะรุฮุม..มุอ์มินีน
68. วะอิน..นะร็อบบะกะ ละฮุวัลอะซีซุรฺเราะหีม


คำแปล R1.
60. So they pursued them at sunrise.
61. And when the two hosts saw each other, the companions of Musa (Moses) said: "We are sure to be overtaken."
62. [Musa (Moses)] said: "Nay, Verily! With me is my Lord, He will guide me."
63. Then we inspired Musa (Moses) (saying): "Strike the sea with your stick." and it parted, and each separate part (of that sea water) became like the huge, firm mass of a mountain.
64. Then we brought near the others [Fir'aun's (Pharaoh) party] to that place.
65. And we saved Musa (Moses) and all those with him.
66. Then we drowned the others.
67. Verily! In this is indeed a sign (or a proof), yet most of them are not believers.
68. And verily, your Lord! He is truly the All-Mighty, the Most Merciful.


คำแปล R2.
61. แล้วพวกนั้น (ฟิรเอาน์กับพวก)ได้ออกติดตามพวกเขาไปในตอนย่ำรุ่ง
62. จนเมื่อคนทั้งสองกลุ่มได้(อยู่ในระยะใกล้)ซึ่งมองเห็นกัน บรรดามิตรสหายของมูซาก็กล่าวว่า “แท้จริงพวกเราคงถูกตามทัน(และถูกจับเป็นเชลย)เป็นแน่
63. มูซากล่าวว่า “เป็นไปไม่ได้หรอก เพราะแท้จริงองค์อภิบาลของฉันอยู่พร้อมกับฉัน พระองค์ทรงชี้นำฉัน
64. จากนั้นเราได้ลงโองการแก่มูซาว่า “เจ้าจงใช้ไม้เท้าของเจ้าฟาดทะเลเถิด (เมื่อมูซาได้ฟาดไม้เท้าลงไป)มันก็แตกออก(เป็นช่องทาง) ซึ่งแต่ละช่องทางนั้น (มีขนาด)ประหนึ่งภูเขาที่ใหญ่โต
65. และเราได้บันดาลให้อีกกลุ่มหนึ่ง(คือฟิรเอาน์)กับพวก)ประชิดเข้ามาใกล้(พวกเขา) ณ ที่นั้น
66. และเราได้ยังความปลอดภัยแก่มูซาและผู้ที่อยู่ร่วมกับเขาทั้งหมด
67. หลังจากนั้นเราได้จมน้ำแก่อีกกลุ่มหนึ่ง(ที่ติดตามพวกเขาเข้าไปในช่องทางนั้น ซึ่งน้ำทะเลก็ประกบกลับมา ทำให้ทุกคนจมน้ำตาย)
68. แท้จริงในนั้นย่อมเป็นสัญลักษณ์(ที่จะนำมาตรึกตรอง) และพวกเขาส่วนมากก็ยังไม่ศรัทธา
69. และแท้จริงองค์อภิบาลของเจ้านั้น พระองค์ทรงอำนาจยิ่ง ทรงเมตตายิ่ง


คำแปล R3.
60. ในตอนเช้าคนเหล่านี้ได้ออกติดตามพวกเขา
61. แล้วเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างเห็นกัน พวกพ้องของมูซาก็ร้องออกมาว่า “เราถูกตามทันแล้ว”
62. มูซาได้กล่าวว่า “ไม่มีวันหรอก แท้จริงพระผู้อภิบาลของฉันทรงอยู่กับฉัน พระองค์จะทรงนำทางฉัน”
63. แล้วเราได้ดลใจมูซาว่า “จงฟาดทะเลด้วยไม้เท้าของเจ้า” ทันใดนั้นทะเลก็แยกจากกันและแต่ละส่วนก็เหมือนกับภูเขาสูงใหญ่
64. และเราได้นำอีกพวกหนึ่งมายังสถานที่เดียวกันนั้น
65. และเราได้ช่วยมูซาและคนของเขาทั้งหมดให้ปลอดภัย
66. และเราได้ให้อีกพวกหนึ่งจมน้ำตาย
67. แท้จริงในนั้นมีสัญญาณหนึ่ง แต่คนเหล่านี้ส่วนมากไม่ศรัทธา
68. แท้จริงพระผู้อภิบาลของสูเจ้า เป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงเมตตาเสมอ


คำแปล R4.
60. แล้วพวกเขา(ฟิรเอาน์) ได้ติดตามพวกเขา(วงศ์วานอิสรออีล) เมื่อเวลาตะวันขึ้น
61. ครั้นเมื่อแต่ละฝ่ายได้มองเห็นกัน พวกพ้องของมูซาได้กล่าวว่า “แท้จริงเราถูกตามทันแล้ว”
62. เขา (มูซา)ได้กล่าวว่า “ไม่หรอก แท้จริงพระเจ้าของฉันทรงอยู่กับฉัน พระองค์ทรงขี้แนะทางแก่ฉัน
63. ดังนั้นเราได้ดลใจมูซาว่า “จงฟาดทะเลด้วยไม้เท้าของเจ้า” แล้วมันก็ได้แยกออก แต่ละข้างมีสภาพเหมือนภูเขาใหญ่
64. และเราได้ให้พวกอื่นให้เข้ามาใกล้ ณ ที่นั้น
65. และเราได้ให้มูซาและผู้ที่ออยู่ร่วมกับเขาทั้งหมดรอดพ้นไป
66. แลเราได้ให้พวกอื่นจมน้ำตาย
67. แท้จริงในการนั้นเป็นสัญญาณอย่างแน่นอน แต่ส่วนมากของพวกเขาไม่เป็นผู้ศรัทธา
68. และแท้จริงพระเจ้าของเจ้านั้น แน่นอนพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงเมตตาเสมอ


คำแปล R5.
๖๑. แล้วพวกฟิรเอาน์เขาก็ออก ติดตามกลุ่มนบีมูซาไปทันกันเมื่อยามเช้าตรู่ ซึ่งพวกนั้นประกอบด้วยกำลังคนมหาศาล
๖๒. จนเมื่อคนสองกลุ่มได้มองเห็นซึ่งกันและกัน บรรดาเพื่อนของนบีมูซาก็กล่าวขึ้นว่า พวกเราถูกพวกเขาตามทันเสียแล้ว และพวกเราคงถูกฆ่าตายเป็นแน่แท้
๖๓. นบีมูซาเขากล่าวปลอบใจกลุ่มบะนีอิสรออีลที่เดินทางร่วมไปด้วยกันว่า ไม่หรอก พวกเขาจะไม่สามารถตามพวกเราทัน และพวกเราจะไม่ถูกฆ่าอย่างแน่นอน เพราะแท้จริงพระผู้ทรงอภิบาลของข้าอยู่ร่วมกับข้า พระองค์จะให้ความช่วยเหลือเป็นอันดี โดยพระองค์จะทรงชี้นำแก่ข้าให้ข้ารู้วิธีที่จะพาพวกท่านทั้งหมดให้รอดพ้นไปจากอันตรายอันจะเกิดขึ้นจากพวกนั้น เพราะการเดินทางครั้งนี้พระองค์ทรงบัญชาแก่ข้าให้นำพวกท่านทั้งหลายมาที่นี่ ดังนั้นพระองค์ต้องให้ความคุ้มครองแก่พวกเราอย่างแน่นอน พระองค์ไม่ผิดสัญญาหรอก
๖๔. แล้วเราก็ดลใจแก่มูซาโดยโองการแก่เขาว่า เจ้าจงใช้ไม้เท้าของเจ้าตีทะเลเถิด แล้วมันก็แยกออกจากกันโดยแต่ละส่วนนั้นมีสภาพประดุจดังภูเขาอันมหึมาและมีทางเดินถึง ๑๒ ทาง โดยแต่ละกลุ่มที่เดินทางมานั้นได้เข้าแถวเรียงกันเดินไปในทางทั้ง ๑๒ นั้น จนครบถ้วน และท้องทะเลที่แยกจากกันมีลมพัดมาเป่าให้ก้นทะเลแห้งผากประหนึ่งหน้าแผ่นดิน พวกบะนีอิสรออีลจึงเดินไปได้อย่างสะดวดสบาย
๖๕. และเราให้พวกฟิรเอาน์ซึ่งเป็นคนอีกกลุ่มหนึ่งได้เดินทางติด ๆ มาจนประชิดกัน ณ ที่นั้น พวกเขาก็พบว่าทะเลเปิดออกเป็นช่องทางและกองทัพของบะนีอิสรออีลได้ใช้ช่องทางนี้เองเดินทางหลบหนีพวกเขาไป
๖๖. และเราได้บันดาลให้มูซาและผู้ที่ร่วมกับเขาทั้งหมดปลอดภัย โดยทุกคนได้เดินทางผ่านทะเลนั้นไปอย่างสวัสดิภาพ เมื่อพวกฟิรเอาน์ได้ตามติดเพื่อจะอาศัยช่องทางในท้องทะเลที่แยกออกจากกัน เดินไปบ้าง เหมือนกับพวกของนบีมูซาได้เดินผ่านไปโดยปลอดภัย
๖๗. ภายหลังเราก็บันดาลให้พวกเขาซึ่งเป็นอีกกลุ่มหนึ่งจมน้ำตายจนหมดสิ้น ไม่มีเหลืออยู่เลยแม้แต่คนเดียว
๖๘. แท้จริงในเหตุการณ์ที่อุบัติขึ้นนั้นย่อมเป็นสัญลักษณ์เตือนใจแก่ผู้มีวิจารณญาณทั้งหลายให้ตระหนักถึงพระเดชานุภาพของอัลเลาะห์เป็นอันดี แต่พวกเขาส่วนมากก็หาได้ศรัทธาไม่ ทั้ง ๆ ที่ได้ประจักษ์ถึงสัญลักษณ์และความมหัศจรรย์ต่าง ๆ ด้วยตาตนเอง
๖๙. และแท้จริงองค์อภิบาลของเจ้า พระองค์ทรงไว้ซึ่งอำนาจเด็ดขาด ที่จะจัดการลงโทษภัยแก่ศัตรูของพระองค์ ทรงเมตตายิ่งแก่บรรดาผู้สนับสนุนสัจธรรมของพระองค์


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัชชุอะรออ์ อายะฮฺที่ 69 - 74


คำอ่าน
69. วัตลุอะลัยฮิม นะบะอะ อิบรอฮีม
70. อิซกอละลิอะบีฮิ วะก็อวมิฮี มาตะอฺบุดูน
71. กอลู นะอฺบุดุ อัศนามัน..ฟะนะซ็อลลุละฮา อากิฟีน
72. กอละ ฮัลยัสมะอูนะกุม อิซตัดอูน
73. เอายัน..ฟะอูนะกุม เอายะฎุรฺรูน
74. กอลูบัลวะญัดนา..อาบา..อะนา กะซาลิกะยัฟอะลูน


คำแปล R1.
69. And recite to them the story of Ibrahim (Abraham).
70. When he said to his father and his people: "What do you worship?"
71. They said: "We worship idols, and to them we are ever devoted."
72. He said: "Do they hear you, when you call (on them)?
73. "Or do they benefit you or do they harm (you)?"
74. They said: "Nay, but we found our fathers doing so."


คำแปล R2.
70. และเจ้าจงแถลงข่าวของอิบรอฮีมแก่พวกเขาเถิด
71. เมื่อเขาได้กล่าวกับบิดาของเขาและกลุ่มชนของเขาว่า “พวกท่านทำการนมัสการสิ่งใด ?”
72. พวกเขาตอบว่า “เราทำการนมัสการบรรดารูปปั้น แล้วเราก็ยืนหยัดนมัสการพวกนั้นเรื่อยมา(ไม่เคยหยุด)”
73. อิบรอฮีมถามว่า “พวกนั้นได้ยินพวกท่านหรือ เมื่อท่านทั้งหลายทำการพร่ำนมัสการ” “หรือพวกนั้นอำนวยประโยชน์แก่พวกท่าน หรือทำอันตรายแก่พวกท่านได้ ?”
74 . พวกเขาตอบว่า (ไม่เป็นอย่างนั้นยหรอก) หากทว่า เราได้พบบรรดาบรรพบุรุษของเรากระทำเช่นนั้น(เราจึงทำด้วย)


คำแปล R3.
69. และจงบอกพวกเขาถึงเรื่องราวของอิบรอฮีม
70. เมื่อเขาถามบิดาของเขาและผู้คนของเขาว่า “อะไรกันนี่ที่พวกท่านเคารพบูชา ?”
71. พวกเขาตอบว่า “นี่คือรูปปั้นที่เราเคารพบูชาและยึดมั่นต่อสิ่งเหล่านี้”
72. อิบรอฮีมถามว่า “พวกมันได้ยินพวกท่านไหมเมื่อพวกท่านเรียกพวกมัน ?
73. หรือพวกมันสามารถยังคุณหรือให้โทษแก่พวกท่านได้ ?”
74. พวกเขาตอบว่า “ไม่ แต่เราพบว่าบรรพบุรุษของเราทำเช่นนี้กันมา”


คำแปล R4.
69. และจงเล่าเรื่องราวของอิบรอฮีม ให้แก่พวกเขา
70. ขณะที่เขากล่าวแก่บิดาของเขา และพวกพ้องของเขาว่า “พวกท่านเคารพภักดีอะไร?”
71. พวกเขากล่าวว่า “เราเคารพภักดีรูปปั้นแล้วเราจะคงเป็นผู้ยึดมั่นต่อมันตลอดไป”
72. เขา(อิบรอฮีม) กล่าวว่า “เมื่อพวกท่านวิงวอนขอ พวกมันได้ยินพวกท่านหรือ?”
73. “หรือมันให้คุณให้โทษแก่พวกท่านไหม?”
74. พวกเขากล่าวว่า “แต่เราได้พบบรรพบุรุษของเราปฏิบัติกันมาเช่นนั้น”


คำแปล R5.
ประวัติของนบีอิบรอฮีม
๗๐. โอ้มุฮำมัดและเจ้าจงสาธยายข่าวประวัติของอิบรอฮีมแก่พวกเขา ผู้เป็นประชากรของเจ้าให้ได้ทราบโดยทั่วกันเถิด
๗๑. เมื่ออิบรอฮีมเขาได้กล่าวกับบิดาของเขาและกลุ่มชนของเขาว่าพวกท่านกราบไหว้อะไรกัน
๗๒. พวกเขากล่าวตอบว่า พวกเรากราบไหว้เจว็ดต่าง ๆ ที่จริงพวกเราได้ยืนหยัดกระทำการกราบไหว้ต่อสิ่งนั้นมาโดยตลอด ไม่เคยเว้นตลอดเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน
๗๓. อิบรอฮีมเขากล่าวถามพวกนั้นว่า พวกเจว็ดเหล่านั้นเขาฟังพวกท่านทั้งหลายหรือ เมื่อพวกท่านวอนขอสิ่งต่าง ๆ ที่พวกท่านมุ่งหมาย พวกเขาเหล่านั้นสามารถอำนวยสิ่งเหล่านั้นหรือเปล่าหรือพวกเขายังประโยชน์หรือโทษแก่พวกท่านกระนั้นหรือ อันที่จริงเจว็ดเหล่านั้นมิได้มีคุณสมบัติเพื่อสนองตอบใด ๆ เลย ฟังเสียงต่าง ๆ ก็ไม่ได้ ให้ประโยชน์ให้โทษแก่ใครก็ไม่ได้ แล้วพวกท่านทั้งหลายหลงกราบไหว้บูชาสิ่งเหล่านั้นอยู่ทำไม
๗๔. พวกเขากล่าวตอบอิบรอฮีมว่า เท่าที่เรากราบไหว้เจว็ดต่าง ๆ เหล่านั้น เราไม่มีเหตุผลอื่นใดทั้งสิ้น แต่ทว่าเราได้พบบรรพบุรุษของเรากระทำการเช่นนั้นมาแต่เก่าก่อน เราจึงเลียนแบบด้วยการสืบทอดการกระทำ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 02, 2012, 05:32 AM โดย Bangmud »

 

GoogleTagged