เสวนาเชิงวิชาการ > สนทนาศาสนธรรม

การสวมแหวนแต่งงานที่นิ้วนางซ้าย

<< < (2/2)

Bangmud:
 :salam:


เพิ่งไปค้นมาว่า ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวัสัลลัม สวมแหวนที่นิ้วก้อยมือซ้าย ไม่รู้ว่ามีรายงานอื่นอีกหรือไม่

วัลลอฮุอะอฺลัม

arrowd675:
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆนะครับ

nada-yoru:
อัสสลามุอะลัยกุม วะเราะมาตุลลอฮฺ วะบารอกาตุ...

ปกติ...มักจะสวมนาฬิกามือขวา ทั้งๆที่เป็นคนถนัดขวาค่ะ
เพราะมันเป็นความเคยชินที่มักจะยกมือขวาทำโน่นทำนี่
เลยอยากสวมนาฬิกาไว้ข้างขวา ที่สำคัญ...มือซ้ายใช้ทำความสะอาดโน่นนี่...
เลยคิดเอาเองว่า มือขวาดูสะอาดดีน่ะค่ะ เลยชอบให้ของสำคัญๆอยู่ทางด้านขวาเสมอ
ยิ่งแหวน จะสวมทางด้านขวา ไม่ว่าจะนิ้วไหนก็เคยสวมมาหมดแล้ว...
แต่ที่ชอบที่สุดคือ นิ้วนางกับนิ้วก้อยข้างขวาน่ะค่ะ...มันให้ความรู้สึกที่ดีเวลาสวม...
แต่ด้วยปัจจัยหลายๆอย่าง บางครั้งก็ต้องถอดแหวนมาแขวนคอเป็นจี้ก็มี
เพื่อที่มันจะได้ไม่กีดขวางระหว่างทำงานที่ต้องใช้มือ อย่างการปั้นขนม...
หรือใช้เครื่องมือบางอย่าง...

เลยคิดว่า...เรื่องแบบนี้อยู่ที่เหนียตนะคะ...หากเราไม่ได้เชื่อไม่ได้ศรัทธา
เราทำเพื่อความสะดวกของเรา คนอื่นจะแปลผลประมวณผลออกมา
เวลามองมาที่เราอย่างไร เราก็คงไปห้ามความคิดความรู้สึกของเขายาก...

ตอนนี้แหวนที่เคยสวมพอดีกับนิ้วนางข้างขวาดันเกิดหลวม ก็เลยต้องย้ายมาสวม
ที่นิ้วกลางแทน เพราะไม่มีนิ้วไหนทั้งสิบนิ้วที่มีมันจะสามารถสวมได้พอดีเท่านิ้วกลาง
ข้างขวาแล้ว...จะให้ทิ้งแหวนไป ก็ดูจะทำไม่ได้...อิอิอิ

และสมมุติว่า แหวนที่เราสวมมาตลอดอยู่ๆดันสวมนิ้วอื่นไม่ได้นอกจากนิ้วนางข้างซ้าย
ท่านจะทำอย่างไร ในเมื่อท่านเองก็ยังไม่ได้แต่งงาน และท่านก็ไม่ได้ศรัทธาอะไรอย่าง
ที่บางคนเขาเชื่อกัน...

ปัญหาก็คือ...คนเดี๋ยวนี้ มักมองที่แหวนเป็นเมนหลักว่าคนๆนั้นแต่งงานไปแล้วรึยัง
พอเห็นมีแหวนสวมอยู่ตรงนิ้วนางข้างซ้ายก็เป็นอันว่า แต่งงานหรือไม่ก็มีคู่หมั้นคู่หมายไปแล้ว
อะไรทำนองนั้นน่ะค่ะ...


ปล.วันนี้มีเรื่องที่คล้ายๆกัน...มีน้องที่บริษัทถามว่า ข้าน้อยลอยกระทงมั้ย...
ข้าน้อยตอบไปว่า ไม่...น้องเขาเลยถามต่อว่า มันเป็นข้อห้ามทางศาสนาหรือ...
ข้าน้อยตอบว่า ใช่...ทีี่กล้าตอบออกไปอย่างนั้นเลยเพราะรู้ที่มาของงานลอยกระทงน่ะค่ะ
แต่พอดีว่ามีเสียงแทรกจากพี่ในบริษัทออกมาว่า...ลอยกระทงมันเป็นประเพณีไทย
เราคนไทย ก็ไม่เห็นจะแปลกที่ต้องลอยกระทง ไม่เห็นจำเป็นต้องสร้างความแตกแยก
ให้เกิดขึ้นในสังคมเลย...

บอกตามตรงว่าตอนนั้น...เริ่มหืดขึ้นคอเลยค่ะ...อารมณ์ประมาณว่า...
หายากแท้คนที่พยายามจะเข้าใจผู้อื่นบ้าง...ทั้งๆที่คนพูดก็ดูเหมือนจะเป็นคนที่
เหมือนจะเปิดใจกว้าง ยอมรับสิ่งต่างๆเข้ามาอยู่เหมือนกัน แต่แปลกที่
ไม่ยอมเข้าใจและยังหาว่าเราสร้่างความแตกแยกในสังคมอีก...
ข้าน้อยคิดว่า บางครั้งการที่คนๆนึงไม่ทำอย่างที่เราทำ ไม่กินอย่างทีี่เรากิน
ไม่เป็นอย่างที่เราเป็น มันก็ไม่ได้หมายความว่า เขาจะต่อต้านเราเสมอไป...
หรือเขาคือศัตรูของเราเสมอไป...การจะอยู่ร่วมกันได้ มันควรจะหัดเรียนรู้
ซึ่งกันและกัน...รู้เพื่อจะได้เข้าใจ และจะได้เข้าถึง...

ตอนนั้นข้าน้อยเลยบอกไปว่า การลอยกระทงมันเป็นประเพณีไทยก็จริง
แต่มันสืบเนื่องมาจากความศรัทธาของศาสนาพุทธ ล่วงไปถึงฮินดู
เพราะว่าต้องการขอขมาพระแม่คงคา

ซึ่งสำหรับข้าน้อย ข้าน้อยมีพระเจ้าให้ขอบคุณแล้ว และนอกเหนือจากอัลลอฮฺ
ก็ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่ข้าน้อยเชื่อและศรัทธา...ดังนั้น ประเพณีอะไรก็ตามแต่
หากมีความเชื่อที่นอกเหนือไปจากความเชื่อในพระเจ้าองค์เดียวแล้วมีเรื่องความเชื่อ
ของศาสนาอื่นแทรกเข้ามา ข้าน้อยก็จะร่วมทำกิจกรรมเหล่านั้นไม่ได้...

เพราะทีี่ญี่ปุ่นก็มีประเพณีต่างๆมากมายไม่แพ้เมืองไทย หากข้าน้อยไม่เช็คดูดีๆ
เกี่ยวกับที่มาของพิธีนั้นๆ ข้าน้อยก็ต้องศรัทธาตามๆคนอื่นๆไปตามทุกที่ที่ตัวเองเดินทางไปแน่ๆ

ซึ่งข้าน้อยมีจุดยืนที่ชัดเจนแล้ว...เลยไม่อาจทำบางอย่างที่คนทั่วๆไปในพื้นที่นั้นๆทำได้...
อะไรที่ไม่ขัดกับหลักศาสนาเราก็สามารถร่วมทำกิจกรรมด้วยกันได้...
แต่อะไรทีี่ขัดต่อหลักศาสนา เราก็ทำไม่ได้...ซึ่งอิสลามนั้นชัดเจนแล้ว
ไม่มีอะไรให้ต้องไขว้เขวเลย...ท่านนบีทำไว้เป็นแบบอย่างที่ดีแล้ว...

คำตอบแบบนั้น มันทำให้คนฟังที่กล้าต่อว่าเราก่อนหน้านี้ว่าเป็นพวกชอบสร้างความแตกแยก
ได้นิ่งเงียบไปเหมือนกันค่ะ...ข้าน้อยเองก็พยายามข่มอารมณ์อธิบายด้วยเหตุและผล
ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้แม้อารมณ์จะคุกรุ่นเต็มที่แล้วก็ตามน่ะค่ะ...
เพราะเชื่อว่าเหตุผลสามารถสยบทุกความเคลื่อนไหวได้ไม่มากก็น้อย
ส่วนอารมณ์มันมีแต่ทำให้พังกับพัง...

ดังนั้น...ข้าน้อยจึงรู้สึกว่า บางที ปัญหาการอยู่ร่วมกันมันไม่ได้เกิดจากตัวของกฏศาสนาเลย
มันเกิดเพราะคนเราไม่ยอมเรียนรู้กันและกันให้มากกว่านี้...

และนั่นคือ ช่องว่างที่ไม่สามารถผ่านไปได้ง่ายๆ...

มาอย่างยาวเช่นทุกครั้งค่ะ...

วัสสลามค่ะ





นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version