ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 10 สูเราะฮฺ ยูนุส  (อ่าน 6743 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺยูนุส อายะฮฺที่ 37 - 40


คำอ่าน
37. วะมากานะฮาซัลกุรฺอานุ อัย..ยุฟตะรอมิน..ดูนิลลาฮิ วะลากิน..ตัศดีก็อลละซี บัยนะยะดัยฮิ วะตัฟศีลัลกิตาบิ ลาร็อยบะฟิฮิ มิรฺร็อบบิลอาละมีน
38. อัมยะกูลูนัฟตะรอฮฺ กุลฟะอ์ตูบิสูเราะติม..มิษลิฮี วัดอูมะนิสตะเฏาะอฺตุม..มิน..ดูนิลลาฮิ อิน..กุน..ตุมศอดิกีน
39. บัลกัซซะบูบิมาลัมยุหีฏูบิอิลมิฮี วะลัม..มายะอ์ติฮิมตะอ์วีลุฮฺ กะซาลิกะกัซซะบัลละซีนะ มิน..ก็อบลิฮิม ฟัน..ซุรฺกัยฟะกานะอากิบะตุซซอลิมีน
40. วะมินฮุม..มัย..ยุอ์มินุบิฮี วะมินฮุม..มัลลายุอ์มินุบิฮฺ วะร็อบบุกะอะอฺละมุ บิลมุฟสิดีน


คำแปลR1.
37. And this Qur'an is not such as could ever be produced by other than Allah (Lord of the heavens and the earth), but it is a confirmation of (the Revelation) which was before it [i.e. the Taurat (Torah), and the Injeel (Gospel), etc.], and a full explanation of the Book (i.e. laws and orders, etc, decreed for mankind) - wherein there is no doubt from the the Lord of the 'Alamin (mankind, jinns,and all that exists).
38. Or do they say: "He (Muhammad) has forged it?" say: "Bring then a Surah (chapter) like unto it, and call upon whomsoever you can, besides Allah, if you are truthful!"
39. Nay, they deny that; the knowledge whereof they could not compass and whereof the interpretation has not yet come unto them. Thus those before them did deny. Then see what was the end of the Zalimun (polytheists and wrong-doers, etc.)!
40. And of them there are some, who believe therein, and of them there are some who believe not therein, and your Lord is All-Aware of the Mufsidun (evil-doers, liars, etc.).


คำแปล R2.
37. และอัลกุรอานนี้ไม่ปรากฏว่าถูกเสกสรรขึ้นมาโดยผู้อื่นจากอัลเลาะฮฺและแต่ทว่า(เป็นคัมภีร์ที่ถูกประทานจากพระองค์)เพื่อรับรอง(คัมภีร์)ซึ่งมีมาก่อนหน้านั้นและเพื่อแยกแยะ(บทบัญญัติแห่ง)คัมภีร์ซึ่งไม่มีข้อสงสัยในนั้นเลยว่า(ต้องมา)จาก(อัลเลาะฮฺ)ผู้ทรงอภิบาลแห่งโลกทั้งหลายอย่างแน่นอน)
38. หรือพวกเขาจะกล่าวว่า “เขา(มุฮำมัด)ได้เสกสรรสิ่งนั้นขึ้นมาเอง” จงประกาศเถิด “ดังนั้น พวกท่านก็จง(ประพันธ์)นำมาสักหนึ่งบทที่เหมือนนั้นซิ และพวกท่านจงเรียกร้องผู้ที่พวกท่านมีความสามารถ(จะเรียกมาได้)นอกจากอัลเลาะฮฺ(ให้มาช่วยกันประพันธ์)ทั้งนี้หากพวกท่านเป็นผู้มีสัจจริง
39. ทว่า ความเป็นจริงแล้ว พวกเขาได้กล่าวหาว่าเป็นความเท็จ ทั้ง ๆ ที่สิ่งนั้นพวกเขาไม่มีความรู้อย่างทั่วถึงต่อมันเลย และการขยายความสิ่งนั้น ไม่ได้มาสู่พวกเขาเลย เช่นเดียวกันนั้นเอง! บรรดาผู้อยู่ในยุคก่อนพวกเขาก็กล่าวหาว่าเป็นความเท็จ(แก่คัมภีร์ในยุคของพวกนั้น) ดังนั้น เจ้า(มุฮำมัด)จงพิจารณาเถิดว่า ผลสุดท้ายของบรรดาผู้ฉ้อฉลนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ?
40. และบางคนในหมู่พวกเขานั้น มีผู้ที่ศรัทธาในสิ่งนั้น(คัมภีร์อัลกุรอาน) และบางคนในหมู่พวกเขานั้น มีผู้ที่ไม่ยอมศรัทธาในสิ่งนั้น และองค์อภิบาลของเจ้า ทรงรอบรู้ยิ่งนักกับบรรดาผู้บ่อนทำลายทั้งหลาย


คำแปล R3.
37. และกุรอานนี้มิใช่ที่ผู้ใดจะเรียบเรียงขึ้นมาได้ หากมิใช่อัลลอฮิ มันเป็นสิ่งยืนยันสิ่งที่ถูกประทานมาก่อนหน้านี้และเป็นการอธิบายรายละเอียดของคัมภีร์ ไม่มีข้อสงสัยอันใดเลยในเรื่องนี้ว่ามันมาจากพระผู้อภิบาลแห่งสากลจักรวาล
38. พวกเขากล่าวว่า นบีเรียบเรียงมันขึ้นมาเองกระนั้นหรือ ? จงบอกพวกเขาเถิดว่า “ถ้าหากสิ่งที่พวกท่านพูดเป็นเรื่องจริงแล้ว ก็ขอให้พวกท่านนำมาสักซูเราะฮฺหนึ่งที่เหมือนกันนี้ และพวกท่านจะเรียกใครมาช่วยก็ได้ตามที่พวกท่านสามารถนอกไปจากอัลลอฮฺ
39. แต่ความจริงแล้วพวกเขาได้ปฏิเสธ(แค่การเดา)ที่มิได้อยู่ในขอบความรู้ของพวกเขาและพวกเขายังไม่ได้ลิ้มรสผลสุดท้ายที่จะติดตามมาในทำนองเดียวกันนี้แหละที่ผู้คนก่อนหน้าพวกเขาได้ประกาศว่าอายะฮฺทั้งหลายเป็นเท็จมาแล้ว
40. คนเหล่านี้มีบางคนเชื่อ และมีบางคนที่ไม่เชื่อ และพระผู้อภิบาลของเจ้าทรงรู้ดีถึงบรรดาผู้ก่อความเสียหายเหล่านี้

 
คำแปล R4.
37. และอัลกุรอานนี้มิใช่จะถูกปั้นแต่งขึ้นโดยผู้ใดนอกจากอัลลอฮฺ แต่เป็นการยืนยันคัมภีร์ที่มีมาก่อน และเป็นการจำแนก ข้อบัญญัติต่าง ๆ ในนั้น ไม่มีข้อสงสัยในคัมภีร์นั้น ซึ่งมาจากพระเจ้าแห่งสากลโลก
38. หรือพวกเขากล่าว่า “เขา(มุฮัมมัด) เป็นผู้ปั้นแต่งขึ้น” จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) “พวกท่านจงนำกลับมาสักบทหนึ่งเยี่ยงนั้น และจงเรียกร้องผู้ที่พวกท่านสามารถนำมาได้ นอกจากอัลลอฮฺ หากพวกท่านเป็นผู้สัจจริง”
39. แต่ว่าพวกเขาปฏิเสธสิ่งที่พวกเขายังไม่รู้มาก่อน และสัญญาร้ายยังมิได้มายังพวกเขา เช่นนั้นแหละ บรรดาชนรุ่นก่อนจากพวกเขาได้ปฏิเสธมาแล้ว ดังนั้น เจ้าจงดูเถิดว่า ผลสุดท้ายของพวกอธรรมนั้นเป็นอย่างไร?
40. และในหมู่พวกเขามีศรัทธาในอัลกุรอานและในหมู่พวกเขามีผู้ไม่ศรัทธา และพระเจ้าของเจ้าทรงรู้ดียิ่ง ต่อบรรดาผู้บ่อนทำลายทั้งหลาย


คำแปล R5.
๓๗. และใช่ว่าพระคัมภีร์อัล-กุรอานนี้จะถูกปั้นขึ้นเป็นเท็จมาแต่แหล่งอื่นจากอัลเลาะห์ก็หามิได้ ด้วยเหตุว่าคุณสมบัติแห่งพระคัมภีร์อัลกุรอานนั้นต่างจากคุณสมบัติของสิ่งอื่น ๆ ที่อาจถูกอ้างเท็จแอบอิงยังอัลเลาะห์ได้ เนื่องด้วยของเท็จมีที่มาโดยมนุษย์หาใช่อัลเลาะห์ไม่ ด้วยประการฉะนี้ กาฟิรชาวนครมักกะห์จึงคาดการว่าพระศาสดามุฮำมัด ซ.ล. นำพระคัมภีร์อัลกุรอานมาจากฝ่ายตัวเอง โดยวิธีการอำหาว่าเป็นอัลกุรอานจริง ดังนั้นอัลเลาะห์จึงทรงบอกว่า อัลกุรอานนี้คือกระแสโองการที่พระองค์ได้ประทานลงมายังเขา(มฮำมัด) และปลอดพ้นจากการแอบอ้างเท็จใด ๆ และจะไม่มีคนไหนสามารถรจนาให้มีกระแสความเช่นนี้ได้ นอกจากอัลเลาะห์เพียงพระองค์เดียวเท่านั้น ครั้นแล้วพระองค์ตรัสเสริมอีกว่า แต่เป็นพระคัมภีร์ที่ถูกประทานลงมาจากองค์พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก เพื่อยืนยันถึงพระคัมภีร์ที่ก่อนจาก อัลกุร อานนี้อีก ๑๐๓ เล่มว่าเป็นความจริงและเป็นพระคัมภีร์ที่แจกแจงถึงข้อบัญญัติใช้ ข้อบัญญัติห้าม และเรื่องอื่น ๆ โดยไม่มีที่เคลือบแคลงใด ๆ ในพระคัมภีร์อัลกุรอานนั้นเลย
๓๘. หรือพวกมุชริกเหล่านั้นจะหาว่า เขา(มุฮำมัด) ได้เอาถ้อยคำเท็จจากนิยายดึกดำบรรพ์มาอ้างขึ้นเอง ว่าเป็นพระคัมภีร์อัลกุรอาน โอ้มุฮำมัด เจ้าจงกล่าวตัดปัญหาแก่เหล่าชนมุชริกเถิดว่า ก็ให้พวกท่านรจนาขึ้นสักบท(ซูเราะห์) หนึ่งเหมือนอย่างอัลกุรอานนั้นซิ ให้มีความถูกต้องในเนื้อถ้อยกระทงความตามหลักภาษาศาสตร์ของอาหรับ มีทั้งความไพเราะ มีความลึกซึ้งและกินใจ ตามประสาของการพูดโกหก และทั้งที่พวกท่านเองก็เป็นชนชาวอาหรับ พูดจาได้ฉะฉานเช่นเดียวกับฉัน นอกจากอัลเลาะห์แล้ว พวกท่านจงเชิญมาด้วยเถอะ เหล่าเทวรูปผู้ที่พวกท่านเรียกหาได้ให้มาช่วยรจนาขึ้นสักบทหนึ่งเหมือนกับอัลกุรอานนี้ ซึ่งเทวรูปเหล่านั้น พวกท่านก็อ้างว่าสำคัญนัก สามารถให้ความช่วยเหลือในกิจที่พวกท่านสนใจได้ และยังช่วยป้องกันภัยวิบัติใด ๆ ให้คลาดแคล้วไปจากพวกท่านได้หากว่าพวกท่านเป็นผู้สัจจริงในถ้อยคำกล่าวหาว่า “มุฮำมัดนั้นเป็นผู้นำเอานิยายดึกดำบรรพ์มาโกหกอ้างขึ้นเป็นอัลกุรอาน” แต่แล้วพวกท่านก็ไม่สามารถจะรจนาบทแห่งพระคัมภีร์อัลกุรอานขึ้นมาได้เลยสักบทเดียว
๓๙. ทว่าพวกมุชริกเหล่านั้นก็หาว่าเป็นเท็จเสียแล้วซึ่งพระคัมภีร์อัล-กุรอานที่พวกเขามิได้รอบรู้ และมิได้ตรึกตรองในเนื้อความนั้น ทั้งที่ยังไม่มีคำแจ้ง ผลขั้นสุดท้ายแห่งสัญญาโทษจากพระคัมภีร์อัล-กุรอานมายังพวกเขาเลย จึงไม่เป็นข้อที่สมควรสำหรับพวกเขา จะด่วนกล่าวหาว่าอัล-กุรอาน เป็นเท็จก่อนจากมีคำแจ้งผลขั้นสุดท้ายแห่งสัญญาลงโทษมายังพวกเขา ทำนองเดียวกับที่พวกมุชริกเหล่านั้นหาว่า อัล-กุรอานเป็นเท็จนี้เอง บรรดาชนมุชริกที่ก่อนจากพวกเขาก็เคยหาว่าพระศาสนทูตของตนเป็นเท็จมาแล้ว โอ้มุฮำมัด เจ้าจงพิเคราะห์ดูเถิดว่า ขั้นสุดท้ายแห่งความหายนะของพวกคดโกงตัวเองที่หาว่าพระศาสนทูตของตนเป็นเท็จนั้นเป็นอย่างไร ? เพราะฉะนั้น พวกที่หาว่า อัล-กุรอาน เป็นเท็จ ก็ต้องได้รับความหายนะเช่นเดียวกัน
๔๐. และจากพวกเหล่านั้นที่เป็นชนชาวนครมักกะห์ ผู้ซึ่งศรัทธาต่อพระคัมภีร์ อัล-กุรอาน ก็มี ตามที่อัลเลาะห์ทรงรู้อยู่ก่อนแล้วว่าผู้นั้นจะต้องมีศรัทธาต่อพระคัมภีร์ อัล-กุรอาน และจากพวกเหล่านั้นผู้มิได้ศรัทธาต่อพระคัมภีร์อยู่เลยก็มี แต่องค์พระผู้อภิบาลของเจ้านั้นทรงรู้ถึงพวกที่ประพฤติสูญเสีย

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 23, 2012, 06:50 AM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺยูนุส อายะฮฺที่ 41 - 44


คำอ่าน
41. วะอิน..กัซซะบูกะ ฟะกุลลีอะมะลี วะละกุม อะมะลุกุม อัน..ตุม..บะรี...อูนะ มิม..มา..อะอฺมะลุ วะอะนะบะรี...อุม..มิม..มาตะอฺมะลูน
42. วะมินฮุม..มัย..ยัสตะมิอูนะอิลัยกะ อะฟะอัน..ตะ ตุสมิอุศศุม..มะ วะเลากานูลายะอฺกิลูน
43. วะมินฮุม..มัย..ยัน..ซิรุอิลัยกะ อะอัน..ตะตะฮฺดิลอุมยะ วะเลากานูลายุบศิรูน
44. อิน..นัลลอฮะ ลายัซลิมุน..นาสะ ชัยเอา..วะลากิน..นัน..นาสะ อัน..ฟุสะฮุม ยัซลิมูน


คำแปลR1.
41. And if they belie you, say: "For Me are my deeds and for you are your deeds! You are innocent of what I do, and I am innocent of what you do!"
42. And among them are some who listen to you, but can you make the deaf to hear, even though they apprehend not?
43. And among them are some who look at you, but can you guide the blind, even though they see not?
44. Truly! Allah wrongs not mankind in aught; but mankind wrong themselves.


คำแปล R2.
41. และหากพวกเขากล่าวหาว่าเจ้ามดเท็จ ดังนั้นเจ้าจงประกาศเถิดว่า “ตัวฉันย่อมรับผิดชอบการกระทำของฉัน และตัวท่านก็รับผิดชอบการกระทำของพวกท่าน พวกท่านย่อมไม่เกี่ยวข้องใด ๆ กับสิ่งที่ฉันกระทำ และฉันก็ไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ท่านกระทำ(เช่นเดียวกัน)”
42.  และบางคนในหมู่พวกเขา เป็นผู้ที่มาฟังคำเตือนของเจ้า (แบบไม่รับรู้ใด ๆ ทั้งสิ้นเหมือนกับพวกหูหนวก) ก็เจ้านั้นจะกระทำให้คนหูหนวกได้ยินกระนั้นหรือ ? และ(เช่นเดียวกัน เจ้าก็จะทำให้พวกเขาได้ยินไม่ได้) หากพวกเขาไม่ยอมใช้ปัญญาตริตรอง(ใด ๆ)
43. และบางคนในหมู่พวกเขานั้น เป็นผู้ที่พิจารณา(คำสอนของ)เจ้า (แต่พวกเขาก็หาเข้าใจไม่) ก็เจ้าจะชี้นำแก่คนตาบอด(ให้มองเห็นได้)กระนั้นหรือ ? และ (เช่นเดียวกัน) ถ้าพวกเขาเป็นผู้ไม่ยอมพินิจ(สิ่งที่เจ้าได้สอนไว้ พวกเขาก็มองไม่เห็นเหมือนกัน)
44. แท้จริงอัลเลาะฮฺไม่ทรงอธรรมแก่มวลมนุษย์สักประการเดียวก็ตาม แต่ทว่ามนุษย์เองต่างหากที่อธรรมแก่ตัวพวกเขาเอง


คำแปล R3.
41. ถ้าหากพวกคนเหล่านี้ประกาศว่าเจ้าเป็นผู้โกหก จงบอกพวกเขาว่า “ฉันรับผิดชอบในการกระทำของฉันและพวกท่านก็รับผิดชอบของพวกท่าน พวกท่านไม่ต้องมารับผิดชอบในสิ่งที่ฉันกระทำ และฉันก็ไม่รับผิดชอบในสิ่งที่พวกท่านกระทำ”
42. และในหมู่พวกเขามีบางคนที่ฟังเจ้า แต่เจ้าจะทำให้คนหูหนวกฟังเจ้าหรือ ทั้ง ๆ ที่พวกเขาไม่สามารถที่จะเข้าใจ ?
43. และในหมู่พวกเขาก็มีบางคนที่มองเจ้าแต่เจ้าจะชี้ทางให้แก่คนตาบอดกระนั้นหรือ ทั้ง ๆ ที่พวกเขาไม่อาจมองเห็น ?
44. ความจริงแล้วอัลลอฮฺมิได้ทรงอธรรมแก่มนุษย์แต่อย่างใด แต่ว่าปวงมนุษย์เองต่างหากที่อธรรมต่อตัวพวกเขาเอง


คำแปล R4.
41. และถ้าพวกเขาปฏิเสธ (ไม่ยอมศรัทธา) จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) “การงานของฉันก็เป็นของฉัน และการงานของพวกท่านก็เป็นของพวกท่าน พวกท่านจงปลีกตัวออกจากสิ่งที่ฉันกระทำและฉันก็จะปลีกตัวออกจากสิ่งที่พวกท่านกระทำ”
42. และในหมู่พวกเขามีผู้ฟัง (การอ่านอัลกุรอาน)ของเจ้า เจ้าจะให้คนหูหนวกได้ยินกระนั้นหรือ? และถึงแม้พวกเขาหูหนวก แต่ก็ไม่ใช้ปัญญา
43. และในหมู่พวกเขามีผู้มองไปยังเจ้า เจ้าจะชี้แนะทางให้คนตาบอดกระนั้นหรือ? และถึงแม้พวกเขาตาบอดแต่ก็ไม่มีสายตาที่จะมองดู
44. แท้จริงอัลลอฮฺนั้นจะไม่ทรงอธรรมแก่มนุษย์แต่อย่างไร แต่ว่ามนุษย์ต่างหากที่อธรรมต่อตัวของพวกเขาเอง


คำแปล R5.
๔๑. แล้วหากชนชาวนครมักกะห์เหล่านั้นหาว่าเจ้าเท็จเจ้าจงบอก แก่พวกเขาเถิดว่าฉัน (มุฮำมัด) ย่อมได้รับผลแห่งการปฏิบัติอย่างฉัน ส่วนพวกท่านก็ย่อมได้รับผลแห่งการปฏิบัติอย่างพวกท่าน โดยพวกท่านมิต้องเกี่ยวกับบรรดากิจที่ฉันทำและฉันก็จะไม่เกี่ยวกับบรดากิจที่พวกท่านทำด้วยเช่นกัน โองการนี้ถูกยกเลิกแล้ว โดยโองการว่าด้วยเรื่อง “สงคราม”
๔๒. จากพวกเหล่านั้นที่เป็นชนชาวมักกะห์ มีผู้ฟังเจ้า เมื่อเจ้าอ่านพระคัมภีร์ อัล-กุรอาน ให้พวกเขาฟัง ไม่สมควรที่เจ้าจะอ่านพระคัมภีร์ อัล-กุรอาน ให้พวกนั้นที่เหมือนกับหูหนวกฟัง ซึ่งพวกนี้ไม่สามารถจรับประโยชน์จากการฟังได้ ถึงอย่างไรพวกกาฟิรเหล่านั้นก็จะไม่ตรึกตรอง
๔๓. และจากพวกเหล่านั้นที่เป็นชาวมักกะห์ยังมีผู้เฝ้าดูหลักฐานที่แสดงถึงความสัจจริงของเจ้าอยู่ ไม่สมควรเลยที่เจ้าจะชี้แนวธรรมแก่พวกนั้นที่เปรียบเหมือนคนตาบอด ซึ่งไม่สามารถจะรับหนทางธรรมได้ ถึงอย่างไรพวกเหล่านั้นก็จะไม่แลเห็นได้ด้วยสติปัญญา
๔๔. แท้จริงอัลเลาะห์นั้นจะทรงอยุติธรรมต่อมวลมนุษย์แม้สักนิดโดยที่ว่าจะถอนคืนประสาทความรู้สึกต่าง ๆ ไปจากอวัยวะของพวกเจ้า และจะทรงเอาสติปัญญาของพวกเจ้าคืนไปก็หามิได้ มนุษย์เองต่างหากเล่าที่ก่ออธรรมแก่ตัวเองให้ต้องสูญเสียหาย และให้ผลประโยชน์อันตนเองพึงได้รับต้องลดน้อยลงไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 23, 2012, 06:39 AM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺยูนุส อายะฮฺที่ 45 - 48


คำอ่าน
45. วะเยามะยะหฺชุรุฮุมกะอัลลัมยัลบะษู..อิลลาสาอะตัม..มินัน..นะฮาริ ยะตะอาเราะฟูนะบัยนะฮุม ก็อดเคาะสิร็อลละซีนะกัซซะบูบิลิกอ...อิลลาฮิ วะมากานูมุฮฺตะดีน
46. วะอิม..มานุริยัน..นะกะ บะอฺฎ็อลละซี นะอิดุฮุม เอายะตะวัฟฟะยันธธกะ ฟะอิลัยนามัรฺญิอุฮุม ษุม..มัลลอฮุชะฮีดุน อะลามายัฟอะลูน
47. วะลิกุลลิอุม..มะติรฺเราะสูลุน ฟะอิซาญา...อะเราะสูลุฮุม กุฎิยะบัยนะฮุม..บิลกิสฎิวะฮุมลายุซละมูน
48. วะยะกูลูนะมะตาฮาซัลวะอฺดุ อิน..กุน..ตุมศอดิกีน


คำแปลR1.
45. And on the Day when He shall gather (resurrect) them together, (it will be) as if they had not stayed (in the life of this world and graves, etc.) but an Hour of a Day. They will recognized each other. Ruined indeed will be those who denied the meeting with Allah, and were not guided.
46. Whether we show you (in your lifetime, O Muhammad) some of what We promise them (the torment), - or We cause you to die, - still unto us is their return, and moreover Allah is witness over what they used to do.
47. And for every Ummah (a community or a nation), there is a Messenger; when their Messenger comes, the matter will be judged between them with justice, and they will not be wronged.
48. And they say: "When will be this Promise (the torment or the Day of Resurrection), - if you speak the truth?"


คำแปล R2.
45. และ(จงระลึกเถิดถึง)วัน(ชาติหน้า)ซึ่งพระองค์ทรงรวบรวมพวกเขา(ในจุดรวมเดียวกัน) พวกเขารู้สึกดั่งว่ามิได้อาศัยอยู่(ในโลกนี้) นอกจากเพียงชั่วยามเดียวเท่านั้นจากเวลากลางวัน พวกเขาต่างก็รู้จักกันระหว่างพวกเขา แท้จริงบรรดาผู้ที่ยึดถือเรื่องการได้พบกับอัลเลาะฮฺ(ในวันชาติหน้า)เป็นความเท็จนั้น ย่อมประสบความขาดทุน และพวกเขามิได้รับการชี้นำอย่างแน่นอน
46. และหากเราทำให้เจ้ามองเห็น(โทษทัณฑ์)บางอย่างที่เราสัญญาแก่พวกเขาหรือเราทำให้เจ้าสิ้นชีวิต(ก่อนหน้านั้น) แน่นอนพวกเขาก็ต้องถูกส่งตัวกลับมาหาเรา หลังจากนั้น อัลเลาะฮฺก็ทรงเป็นสักขีพยานบนสิ่งที่เขากระทำไว้(แต่อดีต)
47. และสำหรับทุก ๆ ประชาชาตินั้น ย่อมมีศาสนทูต ดังนั้นเมื่อศาสนทูตของพวกเขาได้มา(ประกาศศาสนาต่อพวกเขา) แล้วก็จะถูกตัดสินอย่างยุติธรรมในระหว่างพวกเขา โดยพวกเขาจะไม่ถูกฉ้อฉลเลย
48. และพวกเขากล่าวว่า “เมื่อไรหนอสัญญานี้(จึงจะมาถึงสักที)หากพวกท่าน(ชาวศรัทธา)เป็นผู้สัตย์จริง?”


คำแปล R3.
45. (วันนี้ คนเหล่านี้กำลังหลงมัวเมาอยู่กับชีวิตแห่งโลกนี้ แต่) ในวันที่อัลลอฮฺจะทรงรวบรวมพวกเขานั้น พวกเขาจะรู้สึกเหมือนกับพวกเขาได้อยู่(ในโลกนี้) เพียงชั่วยามเดียวของวันเพี่อี่จะรู้จักกัน (ในเวลานั้น พวกเขาจะตระหนักว่า) บรรดาผู้ไม่เชื่อในการพบกับอัลลอฮินั้นคือผู้ขาดทุน และพวกเขาไม่ได้เป็นผู้ถูกนำทาง
46. บางทีเราอาจจะให้เจ้าได้เห็นผลบางอย่างที่จะติดตามมาอย่างรุนแรง ซึ่งเราได้เตือนว่าจะลงโทษพวกเขาหรือนำเจ้ากลับมายังเราก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามพวกเขาจะต้องกลับมายังเรา และอัลลอฮฺทรงเป็นพยานต่อสิ่งที่พวกเขากำลังกระทำ
47. สำหรับทุกอุมมะฮฺนั้นมีรอซูล และเมื่อรอซูลของพวกเขามา การตัดสินในระหว่างพวกเขาก็จะมีขึ้นโดยเที่ยงธรรมและพวกเขาจะไม่ได้รับความอยุติธรรมแม้แต่น้อย
48. พวกเขาถามว่า “เมื่อใดเล่าที่คำเตือนว่าจะลงโทษนี้จะเกิดขึ้น ? จงบอกมาซิถ้าหากสิ่งที่ท่านพูดเป็นจริง”


คำแปล R4.
45. และวันที่พระองค์ทรงชุมนุมพวกเขาประหนึ่งว่าพวกเขามิได้พำนักอยู่นาน(ในโลกนี้)เว้นแต่เพียงชั่วครู่เดียวในเวลากลางวัน พวกเขาทักทายซึ่งกันและกัน แน่นอนบรรดาผู้ปฏิเสธต่อการพบอัลลอฮฺย่อมขาดทุน และพวกเขามิได้เป็นผู้ที่อยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง
46. และบางทีเราจะให้เจ้าได้เห็นบางส่วน(ของการลงโทษ) ซึ่งเราสัญญาแก่พวกเขา หรือเราจะให้เจ้าตายเสียก่อนดังนั้น ทางกลับของพวกเขาย่อมไปหาเรา แล้วอัลลอฮฺทรงเป็นพยานต่อสิ่งที่พวกเขากระทำ
47. และทุกประชาชาติมีรอซูลถูกส่งมา ดังนั้นเมื่อรอซูลของพวกเขาได้มาแล้ว กิจการระหว่างพวกเขาก็ถูกตัดสินโดยเที่ยงธรรม และพวกเขาจะไม่ถูกอธรรม
48. และพวกเขาจะกล่าวว่า “เมื่อใดเล่าสัญญานี้(จะปรากฏ) หากพวกท่านสัจจริง?”


คำแปล R5.
๔๕. และโอ้มุฮำมัด จงกล่าวเตือนปวงชนมุชริกให้กลัวเถิด ถึงวันที่พระองค์ทรงให้เหล่าชนมุชริก ผู้ซึ่งปฏิเสธเรื่องการเกิดชีวิตใหม่จากสุสานให้เกิดขึ้นมาใหม่อีก จากสุสานนั้นไปรวมกันยังแดนสันนิบาตมหาชน(มะห์ชัร) ชนเหล่านั้นจะเกิดความรู้สึกคล้ายว่าพวกตนอยู่ ณ หลุมสุสานชั่วแวบเดียวของวันเท่านั้น ทั้งนี้เป็นเพราะความโกลาหลอลหม่านอย่างสุดแสน สภาพการณ์อันมโหฬารที่พวกนั้นแลเห็นนี้ กระทำให้พวกนั้นรู้ว่าพวกเขามีชีวิตอยู่ในภพดุนยาหรือในหลุมสุสานเพียงแวบเดียวของวันหนึ่ง ที่มีแต่ความสบายและความสงบสุข ซึ่งในระหว่างที่ถูกบันดาลให้เกิดชีวิตใหม่อุบัติขึ้นจากหลุมสุสานนั้น พวกเขาต่างรู้จักกัน แล้วในการต่อไปก็จะไม่รู้จักกันอีก ทั้งนี้เป็นเพราะความโกลาหลและความเกรียวกราวที่ครึกโครมยิ่งนัก ณ แดนสันนิบาตมหาชน (มะห์ชัร) ความจริงถือว่าเป็นความขาดทุนที่ปวงชนมุชริกบรรดาผู้หาว่าการเกิดใหม่จากสุสานเป็นเท็จและพวกเหล่านั้นหาได้รับหนทางธรรมไปสู่ทางเที่ยงตรงไม่
๔๖. แหละโอ้มุฮำมัด ถึงว่าเรา(อัลเลาะห์) จะให้เจ้าได้แลเห็นบางส่วนแห่งโทษทัณฑ์ที่เราได้สัญญาไว้ว่าจะลงแก่พวกมุชริกเหล่านั้นในชีวิตของเจ้านี้ก็ได้ หรือเราจะให้เจ้าจบชีวิตลงเสียเลย ก่อนที่เราจะให้เจ้าแลเห็นการลงโทษพวกนั้นก็ได้ แต่เจ้าก็จะได้แลเห็นการลงทัณฑ์นั้นในวันปรภพ แล้วที่มุ่งของพวกเหล่านั้นก็คือการคืนกลับไปสู่การตัดสินของเรา(อัลเลาะห์) แล้วในที่สุดอัลเลาะห์ทรงเห็นประจักษ์ถึงพฤติการณ์หาวาเท็จ และความไร้ศรัทธา ที่พวกเหล่านั้นได้กระทำขึ้น แล้วพระองค์ก็ทรงลงโทษพวกนั้นอย่างร้ายแรง
๔๗. แต่ละชุมชนย่อมมีพระศาสนทูตคนหนึ่ง ต่อเมื่อพระศาสนทูตพวกเขาได้มาถึงพวกเขาแล้ว พวกเขาต่างหาว่าเขา(พระศาสนทูต)เป็นผู้เท็จ พวกเขานั้นย่อมได้รับการตัดสินอย่างเป็นธรรมโดยมิได้รับความอยุติธรรมเลย กล่าวคือพวกเขาจะถูกลงทัณฑ์ ฝ่ายพระศาสนทูตกับบรดาชนผู้ศรัทธาต่อพระศาสนทูตจะได้รับความช่วยเหลือให้ปลอดพ้นจากความสูญเสีย
๔๘. และพวกเหล่านั้นที่เป็นชนมุชริก เอ่ยถามพระศาสดามุฮำมัด ซล. และพวกผู้ศรัทธาว่า แล้วเมื่อไรเล่า สัญญาลงโทษนี้จึงจะมีผล ? หากว่าพวกท่านเป็นผู้สัจจริงในเรื่องของสัญญาดังว่านั้น


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺยูนุส อายะฮฺที่ 49 - 52


คำอ่าน
49. กุลลา..อัมลิกุลินัฟสี ฎ็อรฺร็อว..วะลานัฟอัน อิลลามาชา...อัลลอฮฺ ลิกุลลิอุม..มะตินอะญัล อิซาญา...อะอะญะลุฮุม ฟะลายัสตะอ์คิรูนะ สาอะเตา..วะลายัสตักดิมูน
50. กุลอะเราะอัยตุม อินอะตากุมอะซาบุฮู บะยาตัน เอานะฮาร็อม..มาซายัสตะอฺญิลุ มินฮุลมุจญริมูน
51. อะษุม..มะอิซามาวะเกาะอะ อามัน..ตุม..บิฮี อา..ล อานะ วะก็อดกุน..ตุม..บิฮี ตัสตะอฺญิลูน
52. ษุม..มะกีละลิลละซีนะเซาะละมู ซูกูอะซาบัลคุลดิ ฮัลตุจญเซานะ อิลลาบิมากุน..ตุมตักสิบูน


คำแปลR1.
49. Say (O Muhammad): "I have no power over any harm or profit to myself except what Allah may will. for Every Ummah (a community or a nation), there is a term appointed; when their term is reached, neither can they delay it nor can they advance it an hour (or a moment)." (Tafsir Al-Qurtubi).
50. Say: "Tell Me, - if his torment should come to you by night or by day, - which portion thereof would the Mujrimun (disbelievers, polytheists, sinners, criminals) hasten on ?"
51. Is it then, that when it has actually befallen, that you will believe in it? What! Now (you believe)? And you used (aforetime) to hasten it on!"
52. Then it will be said to them who wronged themselves: "Taste you the everlasting torment! Are you recompensed (aught) save what you used to earn?"


คำแปล R2.
49. จงประกาศเถิด ! “ฉันไม่มีสิทธิอำนาจให้โทษและคุณแก่ตัวฉันเอง นอกจากเป็นไปตามที่อัลเลาะฮฺทรงประสงค์เท่านั้น แต่ละประชาชาติย่อมมีอายุขัย (ที่ถูกกำหนดไว้) เมื่ออายุขัยของพวกเขาได้มา(ตามกำหนดนั้น)พวกเขาก็ไม่(สามารถ)ขอให้ล่าช้าสักยามเดียวก็ตาม และพวกเขาไม่(สามารถ)ขอให้ล่วงหน้า(ก่อนกำหนดสักยามเดียวก็ตาม)?”
50. จงประกาศเถิด ! “ท่านทั้งหลายเห็น(ช่องทางที่จะเอาตัวรอดได้)ไหม หากการลงโทษของพระองค์ได้มาประสบแก่พวกท่าน ในเวลากลางคืนหรือกลางวัน(ก็ตาม)?” อะไรเล่าที่พวกคนบาปทั้งหลายขอเร่งเร้า(ให้อุบัติขึ้นเร็ว ๆ ทั้ง ๆ ที่เป็นสิ่งน่ากลัว) ?
51. (เหมาะสม)หรือ (ที่พวกเจ้าคัดค้านการลงโทษนั้นแต่เริ่มแรก แต่) เมื่อมันอุบัติขึ้น(จริง) พวกเจ้ากลับเชื่อถือในมัน ? ณ บัดนี้ (พวกเจ้าก็เชื่อแล้วว่า การลงโทษที่สัญญาไว้นั้นอุบัติขึ้นจริง) ทั้ง ๆ ที่แต่เดิมพวกเจ้าเคย (แสร้ง) ขอให้อุบัติขึ้นอย่างรีบด่วน (เพื่อเย้ยหยัน)
52. หลังจากนั้น ได้มีผู้กล่าวแก่บรรดาผู้ฉ้อฉลทั้งหลายว่า “พวกเจ้าจงลิ้มรสการลงโทษอันถาวรเถิด ! พวกเจ้ามิถูกตอบแทนนอกจากเท่ากับที่พวกเจ้าได้เคยพากเพียรไว้เท่านั้น”


คำแปล R3.
49. จงกล่าวเถิด “ฉันไม่มีอำนาจในการให้โทษและยังคุณใด ๆ จากตัวฉัน ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่กับพระประสงค์ของอัลลอฮฺ ทุกอุมมะฮฺนั้นมีวาระที่ถูกกำหนดไว้แล้ว เมื่อวาระของพวกเขามาถึงมันก็ไม่อาจที่จะหน่วงเหนี่ยวหรือเร่งให้มันเร็วได้สำหรับพวกเขาแม้แต่ชั่วเวลาเดียว”
50. จงถามพวกเขา “พวกท่านเคยพิจารณาบ้างไหมว่า (พวกท่านจะหลีกหนีไปได้อย่างไร) ถ้าหากการลงโทษของพระองค์มายังพวกท่านอย่างฉับพลันทันใดในตอนกลางคืนหรือตอนกลางวัน ? แล้วทำไมเล่าผู้ที่ทำผิดทั้งหลายยังต้องไปเร่งมัน ?”
51. พวกท่านจะศรัทธาอะไรหรือ เมื่อมันเกิดขึ้นกับพวกท่านจริง ๆ ? พวกท่านต้องการที่จะหนีจากมันในตอนนี้หรือ เมือ่พวกท่านเองต้องการให้มันเกิดขึ้นโดยเร็ว ?
52. แล้วมันจะถูกกล่าวแก่บรรดาผู้ละเมิดว่า “ทีนี้ลองลิ้มรสการลงโทษอันยาวนานตลอดไปเถิด มัอะไรที่พวกเจ้าหวังว่าจะได้มากไปกว่านี้สำหรับสิ่งที่พวกเจ้าได้ขวนขวายไว้ ?”


คำแปล R4.
49. จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) “ฉันไม่มีอำนาจที่จะให้โทษและให้คุณแก่ตัวฉัน เว้นแต่ที่อัลลอฮฺทรงประสงค์ สำหรับทุกประชาชาติย่อมมีเวลากำหนด เมื่อเวลาของพวกเขามาถึง พวกเขาจะขอผ่อนผันให้ล่าช้าซักระยะหนึ่งไม่ได้ และจะร่นเวลาให้เร็วเข้าก็ไม่ได้”
50. จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) “พวกท่านเห็นแล้วมิใช่หรือ? หากการลงโทษของพระองค์ประสบแก่พวกท่าน ในเวลากลางคืน หรือเวลากลางวัน ทำไมพวกอาชญากรเหล่านั้นจึงขอร่นเวลา!”
51. ครั้นเมื่อมันเกิดขึ้น พวกท่านก็ศรัทธาต่อพระองค์กระนั้นหรือ? ขณะนี้ (พวกท่านศรัทธา)ก่อนหน้านั้นพวกท่าน(เยาะเย้ย) ขอร่นเวลา
52. แล้วมีเสียงกล่าวแก่พวกอธรรมว่า “พวกท่านจงลิ้มรสการลงโทษอันจีรังเถิด พวกท่านจะไม่ถูกตอบแทน เว้นแต่สิ่งที่พวกท่านขวนขวายไว้เท่านั้น”


คำแปล R5.
๔๙. โอ้มุฮำมัด จงกล่าวแก่พวกเหล่านั้นเถิด สำหรับตัวฉันเอง ย่อมไม่มีสิทธิ์ทั้งในความวิบัติที่ฉันจะผลักมันให้พ้นไป และในคุณประโยชน์ที่ฉันต้องการดึงมันเข้ามา นอกจากที่อัลเลาะห์ทรงมุ่งประสงค์ให้ฉันมีอำนาจในเรื่องความวิบัติหรือคุณประโยชน์เท่านั้น แล้วฉันจะไปลงโทษพวกท่านโดยพลการได้อย่างไร ในเมื่ออัลเลาะฮฺมิได้ทรงให้อำนาจฉันเลย แต่ละชุมชนย่อมมีวาระแห่งการถูกทำลายของตน ครั้นเมื่อวาระกำหนดของพวกเขามีขึ้นแล้ว ความหายนะของพวกเขาจะเนิ่นช้าไปและจะมีขึ้นก่อนสักแม้นิดเดียวก็มิได้
๕๐. โอ้มุฮำมัดจงกล่าวเถิดแก่บรรดามุชริกที่ขอให้เร่งลงโทษว่า พวกท่านจงบอกแก่ฉันให้รู้ถึงโทษทัณฑ์จากอัลเลาะห์ซิ ถ้าแม้นโทษทัณฑ์จากพระองค์มีมาถึงพวกท่านในยามค่ำคืนหรือตอนกลางวันแล้ว โทษทัณฑ์ชนิดใดเล่าที่พวกมุชริก(ท่าน) จะเร่งให้มีขึ้น ในเวลากลางวันหรือกลางคืนนั้น
๕๑. ไม่เป็นการสมควรเลยที่ถึงกับต้องให้ปรากฏโทษเสีก่อนแล้ว พวกเจ้าจึงจะศรัทธาต่อพระองค์ เพราะความศรัทธาในอาการเช่นนี้หามีประโยชน์อันใดไม่ ทั้งจะไม่เป็นที่รับรอง และพวกเจ้าจะถูกถามเป็นเชิงตำหนิว่า พวกเจ้าเพิ่งจะมาศรัทธาต่อพระองค์บัดเดี๋ยวนี้เองหรือ ? ทั้งที่เจ้าก็ขอให้รีบด่วนลงโทษ นั้นเป็นการสบประมาทอัลเลาะห์ หรือสบประมาทการลงโทษจากพระองค์
๕๒. ภายหลังจากนั้น บรรดาที่คดโกงตนเองจะถูกเหล่ามลาอิกะห์ พนักงานฝ่ายลงทัณฑ์บอกว่า พวกเจ้าจงลิ้มรสแห่งโทษที่พวกเจ้าต้องได้รับเป็นเวลาอันยาวนานโดยตลอดไปเถิด พวกเจ้าจะได้รับตอบแทนผลเฉพาะที่พวกเจ้าได้อุตส่าห์กระทำไว้เท่านั้น


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺยูนุส อายะฮฺที่ 53 - 56


คำอ่าน
53. วะยัสตัม..บิอูนะกะ อะหักกุฮู กุลอี วะร็อบบี..อิน..นะฮู ละหัก วะมา..อัน..ตุม..บิมุอฺญิซีน
54. วะเลาอัน..นะ ลิกุลลินัฟสิน..เซาะละมัต มาฟิลอัรฺฎิ ลัฟตะดัดบิฮฺ วะอะสัรฺรุน..นะดามะตะ ลัม..มาเราะอะวุลอะซาบ วะกุฎิยะบัยนะฮุม..บิลกิสฏิ วะฮุมลายุซละมูน
55. อะลา..อิน..นะลิลลาฮิมาฟิสสะมาวาติวัลอัรฺฎิ อะลา..อิน..นะวะอฺดัลลอฮิหักกู..วะลากิน..นะอักษะเราะฮุมลายะอฺละมูน
56. ฮุวะยุหฺยีวะยุมีตุ วะอิลัยฮิตุรฺญะอูน


คำแปลR1.
53. And they ask you (O Muhammad) to inform them (saying): "Is it true (i.e. the torment and the establishment of the Hour; - the Day of Resurrection)?" say: "Yes! By my Lord! It is the very truth! And you cannot escape from it!"
54. And if every person who had wronged (by disbelieving in Allah and by worshipping others besides Allah), possessed all that is on earth, and sought to ransom himself therewith (it will not be accepted), and they would feel in their hearts regret when they see the torment, and they will be judged with justice, and no wrong will be done unto them.
55. No doubt, surely, all that is in the heavens and the earth belongs to Allah. No doubt, surely, Allah's Promise is true. But most of them know not.
56. It is He who gives life, and causes death, and to Him you (all) shall return.


คำแปล R2.
53. และพวกเขา (ผู้เร่งการลงโทษ) จะขอคำชี้แจงต่อเจ้าว่า “(การลงโทษนั้น)มันเป็นสิ่งที่(อุบัติขึ้น)จริงหรือ?” จงกล่าวเถิด! “ใช่ ขอสาบานในองค์อภิบาลของฉัน แท้จริงมันเป็นเรื่องจริง!” และพวกท่านทั้งหลายไม่สามารถเอาชนะมันได้
54. และมาดแม้นว่าแต่ละคนที่ก่อการทุตริตจะมีสรรพสิ่งในพื้นพิภพนี้ แน่นอน เขาก็ต้องนำมันมาไถ่ตัวเขา(ให้พ้นไปจากการลงโทษที่เขาประสบ) และพวกเขาได้ปกปิดความเศร้าโศกไว้ในยามที่เห็นการลงโทษนั้น และได้ถูกตัดสินระหว่างพวกเขาด้วยความยุติธรรม โดยพวกเขาไม่ถูกฉ้อฉลเลย
55. พึงสังวร! แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงสิทธิ์ สรรพสิ่งในฟากฟ้าและแผ่นดิน พึงสังวร! แท้จริงสัญญาของอัลเลาะฮฺ ย่อมเป็นสัจจะเสมอ และแต่ทว่าพวกเขาส่วนมากไม่รู้
56. พระองค์ทรงให้มีชีวิต และพระองค์ทำให้ตาย และพวกเจ้าต้องถูกส่งตัวกลับคืนไปสู่พระองค์


คำแปล R3.
53. แล้วพวกเขาถามเจ้าว่า “สิ่งที่ท่านพูดนั้นจริงหรือ ?” จงบอกพวกเข่ว่า “แน่นอน ด้วยพระเจ้าของฉัน มันเป็นความจริงที่สุด และพวกท่านไม่มีอำนาจที่จะป้องกันมันได้”
54. และทุกคนที่ได้ก่อความอธรรมไว้จะยินดีให้ทรัพย์ในโลกทุกอย่างเป็นค่าไถ่ ถ้าเขามีเพื่อไถ่ตัวเขาอเงจากการลงโทษ เมื่อพวกเขาเห็นการลงโทษ พวกเขาจะเศร้าโศกในหัวใจและพวกเขาจะถูกตัดสินโดยยุติธรรม และพวกเขาจะไม่ถูกอยุติธรรม
55. จงฟังให้ดี ทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายในแผ่นดินล้วนเป็นของอัลลอฮฺ จงรู้ไว้เถิดว่าสัญญาณของอัลลอฮฺนั้นเป็นความจริง แต่ส่วนมากของพวกเขาไม่รู้
56. พระองค์เป็นผู้ทรงกำหนดชีวิตและความตาย และยังพระองค์ที่สูเจ้าจะถูกนำกลับ


คำแปล R4.
53. และพวกเขาจะสอบถามเจ้าว่า “(การลงโทษ) จะเกิดขึ้นจริงหรือ?” จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) “แน่นอนทีเดียว ขอสาบานต่อพระเจ้าของฉัน แท้จริงมันจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน และพวกท่านไม่สามารถจะรอดไปได้”
54. หากทุกชีวิตที่อธรรม (ครอบครองคลังสมบัติ) ที่อยู่ในแผ่นดินมันก็จะยอมไถ่ตน และพวกเขาก็จะซ่อนความเสียใจเมื่อได้เห็นการลงโทษ และถูกตัดสินระหว่างพวกเขาอย่างเที่ยงธรรม และพวกเขาจะไม่ถูกอธรรมแต่อย่างใด
55. พึงทราบเถิด ! แท้จริงในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮฺ พึงทราบเถิด ! แท้จริงสัญญาของอัลลอฮฺนั้นจะเกิดขึ้นจริง แต่ส่วนใหญ่ของพวกเขาไม่รู้
56. พระองค์ทรงให้เป็นและให้ตาย และยังพระองค์เท่านั้นพวกท่านจะได้ถูกนำกลับไป


คำแปล R5.
๕๓. โอ้มุฮำมัด แล้วพวกที่คดโกงตัวเองเหล่านั้นจะขอให้เจ้าตอบข้อถามของพวกมันที่ว่า “การลงโทษและการเกิดชีวิตใหม่จากสุสานที่เจ้าเคยสัญญาไว้แก่พวกเรานั้นเป็นความจริงหรือ ?” โอ้มุฮำมัด จงตอบเถิดว่า “จริง” ขออ้างสัตย์ปฏิญาณโดยองค์พระผู้อภิบาลของฉันว่าเรื่อง ที่สัญญาไว้นั้นเป็นจริง แล้วพวกเจ้าย่อมจะรอดพ้นไปจากการลงโทษของอัลเลาะห์มิได้
๕๔. หากแต่ละชีวิตที่ไร้ศรัทธามีสิ่งทั้งปวงบรรดาที่อยู่ ณ แผ่นดิน เขาก็จะใช้มันทั้งปวงนั้นไถ่โทษในวันปรภพมิได้ เหล่ากาฟิรที่เป็นหัวหน้านั้นยังซ่อนเร้นความเสียใจฐานที่มิได้ศรัทธาไว้ มิให้พรรคพวกผู้หลงผิดตามคำสอนของพวกมันรู้ เมื่อพวกหัวหน้าเหล่านั้นได้แลเห็นโทษแล้ว เพราะเกรงจะถูกพรรคพวกของตนต่อว่าและตำหนิ และเหล่าข้าของพระองค์ทั้งหมดย่อมได้รับการตัดสินอย่างเป็นธรรม โดยมิได้รับความอยุติธรรมเลยแม้แต่เล็กน้อย
๕๕. แน่นอนทีเดียวว่า อัลเลาะห์นั้นทรงสิทธิ์ในสิ่งทั้งปวง ณ บรรดาชั้นฟ้าทั้งเจ็ดและพิภพ แน่นอนทีเดียว สัญญาของอัลเลาะห์อันว่าด้วยเรื่องการเกิดชีวิตใหม่จากสุสานและการสนองผลแห่งกรรมนั้น เป็นความจริง แต่ทว่ามนุษย์ส่วนมากหาได้รู้ไม่ว่า สิทธิปกครองเป็นของพระองค์ และข้อสัญญาของพระองค์ก็เป็นความจริง
๕๖. พระองค์อัลเลาะห์จะทรงให้เกิดชีพ ณ พิภพนี้ก็ได้ ทรงให้ตายก็ได้ แล้วพวกเจ้าจะถูกนำคืนไปยังการตัดสินของพระองค์ และจะทรงสนองผลกรรมให้ ตามที่พวกเจ้าปฏิบัติกันไว้


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺยูนุส อายะฮฺที่ 57 - 59


คำอ่าน
57. ยา..อัยยุฮัน..นาสุ ก็อดญา..อัตกุม..เมาอิเซาะตุม..มิรฺร็อบบิกุม วะชิฟา..อุลลิมาฟิศศุดูรฺ วะฮุเดา..วะเราะหฺมะตุลลิลมุอ์มินีน
58. กุลบิฟัฎลิลลาฮิ วะบิเราะหฺมะติฮี ฟะบิซาลิกะฟัลยัฟเราะหู ฮุวะค็อยรุม..มิม..มายัจญมะอูน
59. กุลอะเราะอัยตุม..มา..อัน..ซะลัลลอฮุ ละกุม..มิรฺริซกิน..ฟะญะอัลตุม..มินฮุหะรอเมา..วะหะลาลา กุลอา..ล ลอฮุอะซินะละกุม อัมอะลัลลอฮิตัฟตะรูน


คำแปลR1.
57. O mankind! There has come to you a good advice from your Lord (i.e. the Qur'an, ordering all that is good and forbidding all that is evil), and a healing for that (disease of ignorance, doubt, hypocrisy and differences, etc.) in your breasts, - a guidance and a Mercy (explaining lawful and unlawful things, etc.) for the believers.
58. Say: "In the Bounty of Allah, and in His Mercy (i.e. Islam and the Qur'an); -therein let them rejoice." that is better than what (the wealth) they amass.
59. Say (O Muhammad to these polytheists): "Tell me, what provision Allah has sent down to You! And you have made of it lawful and unlawful." Say (O Muhammad): "Has Allah permitted you (to do so), or do you invent a lie against Allah?"


คำแปล R2.
57. โอ้มวลมนุษย์ทั้งหลาย! แท้จริงได้มีคำเตือนจากองค์อภิบาลของพวกเจ้ามาถึงพวกเจ้าแล้ว และเป็นสิ่งบำบัด(โรคต่าง ๆ )ที่มีอยู่ในหัวอกทั้งหลาย และเป็นสิ่งชี้นำ(จากอัลเลาะฮฺ) และเป็นควารมเมตตา(ของพระองค์) แก่บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย
58. จงประกาศเถิดว่า ด้วยความโปรดปรานและเมตตาของอัลเลาะฮฺ(ที่ทรงประทานศาสนาอิสลามและอัลกุรอาน) แท้จริงด้วยสิ่งนั้น พวกเขาจงปลื้มใจเถิด นั่นแหละย่อมดียิ่งกว่าใด ๆ ที่พวกเขาสะสมไว้
59. จงประกาศเถิด “พวกท่านไม่เห็นหรือ โชคผลใด ๆ ที่อัลเลาะฮฺได้ทรงประทานแก่พวกท่าน แต่แล้วพวกท่านก็ถือเอาบางอย่างของมันเป็นสิ่งต้องห้ามและเป็นสิ่งอนุมัติ(โดยพลการ) จงประกาศเถิด “อัลเลาะฮฺได้ทรงอนุมัติแก่พวกท่าน(ให้กระทำการเช่นนั้น)หรือ หรือว่าพวกท่านเสกสรรความเท็จแก่อัลเลาะฮฺ”?


คำแปล R3.
57. โอ้มนุษย์เอ๋ย ได้มีคำตักเตือนจากพระผู้อภิบาลของสูเจ้ามายังเจ้าแล้ว และนี่เป็นสิ่งเยียวยาสำหรับโรคในหัวใจ และเป็นทางนำและความเมตตาสำหรับผู้ศรัทธามัน
58. (โอ้ นบี) จงกล่าวเถิด “มันเป็นความการุญของอัลลอฮฺและความเมตตาของพระองค์ที่ได้ทรงประทานสิ่งนี้มา ดังนั้นจงยินดีเถิด เพราะมันดีกว่าสิ่งที่พวกเขาสะสม”
59. (โอ้ นบี) จงถามพวกเขา “พวกท่านเคยพิจารณาบ้างไหมว่าพวกท่านเองได้ทำให้บางสิ่งที่อัลลอฮฺได้ทรงประทานแก่พวกท่านเป็นที่ต้องห้ามและบางสิ่งเป็นที่อนุมัติ ?” แล้วจงถามพวกเขาว่า “อัลลอฮฺทรงอนุญาตให้พวกท่านทำเช่นนี้หรือ หรือพวกท่านโยนความผิดไปให้อัลลอฮฺ


คำแปล R4.
57. โอ้มนุษย์เอ๋ย ! แท้จริงข้อตักเตือน (อัลกุรอาน) จากพระเจ้าของพวกท่าน ได้มายังพวกท่านแล้ว และ(มัน) เป็นการบำบัดสิ่งที่มีอยู่ในทรวงอก และเป็นการชี้แนะทาง และเป็นความเมตตาแก่บรรดาผู้ศรัทธา
58. จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) “ด้วยความโปรดปรานของอัลลอฮฺ และด้วยความเมตตาของพระองค์ ดังกล่าวนั้นพวกเขาจงดีใจเถิด” ซึ่งมันดียิ่งกว่าสิ่งที่พวกเขาสะสมไว้
59. จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) “พวกท่านเห็นแล้วมิใช่หรือ ซึ่งเครื่องยังชีพที่อัลลอฮฺทรงประทานให้แก่พวกท่านแล้วพวกท่านก็ทำให้บางส่วนเป็นที่ต้องห้าม (หะรอม) และบางส่วนเป็นที่อนุมัติ(หะลาล)” จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด)“อัลลอฮฺทรงอนุมัติให้แก่พวกท่าน หรือพวกท่านปั้นแต่งให้แก่อัลลอฮฺ”


คำแปล R5.
๕๗. โอ้ปวงชนชาวนครมักกะห์ ได้มีอุดมคติบางส่วนจากพระคัมภีร์ อัล-กุรอาน แห่งองค์พระผู้อภิบาลของพวกเจ้า มายังพวกเจ้าแล้ว ซึ่งอุดมคตินั้นมีความสำคัญ ๓ ประการคือ (๑) เป็นประหนึ่งสิ่งบำบัดที่สามารถกำจัดความวิปริตแห่งศรัทธาในจิตใจให้สูญสิ้นไป (๒) เป็นแนวธรรมสำหรับความนับถือที่ถูกต้องและ (๓) เป็นความปรานีสำหรับปวงศรัทธาชน ได้ปลอดพ้นจากความงมงายในศาสนา
๕๘. โอ้มุฮำมัด จงกล่าวเถิดแก่มวลชนชาวนครมักกะห์ว่า เฉพาะศาสนาอิสลามกับพระคัมภีร์อัลกุรอานทั้งสองอย่างนี้เท่านั้นที่พวกเขา(ชนชาวมักกะห์) จงปลื้มใจ ทั้งศาสนาอิสลามและพระคัมภีร์อัล-กุรอานนั่นแหละย่อมดียิ่งกว่าใด ๆ เช่น บุตรหลานและทรัพย์สินเป็นต้น ที่พวกเขามีสะสมไว้ในภาคภพนี้
๕๙. โอ้มุฮำมัด จงกล่าวแก่ปวงชนกาฟิรชาวนครมักกะห์เถิดว่า พวกท่านจงแจ้งด้วยว่า มีสิ่งบริโภคใดบ้างจากสิ่งบริโภคทั้งสิ้น ทั้งที่เป็นสิ่งห้าม และสิ่งอนุญาตที่อัลเลาะห์ประทานมาสำหรับพวกท่าน แล้วพวกท่านถือว่าเป็นสิ่งต้องห้าม ซึ่งแต่เดิมเป็นสิ่งอนุญาต เช่น อูฐบะฮีเราะฮฺ และถือว่าเป็นที่อนุญาต ซึ่งแต่เดิมเป็นสิ่งห้าม เช่น ซากสัตว์อันตายเอง หรือที่ถูกเชือดโดยไม่ถูกตามหลักการของศาสนา โอ้มุฮำมัด จงกล่าวแก่พวกเหล่านั้นเถิดว่า อัลเลาะฮฺทรงอนุญาตให้พวกท่านหรือ ในการที่พวกท่านถือเอาเองว่า สิ่งที่ห้ามเป็นสิ่งอนุญาต และสิ่งที่อนุญาตเป็นสิ่งห้าม อันที่จริงพระองค์ก็มิได้ทรงอนุญาตแก่พวกท่านเป็นอย่างนั้นเลย หรือว่าพวกท่านอ้างเท็จในเรื่องเช่นนี้ไปยังอัลเลาะห์เองว่า พระองค์ทรงอนุญาตให้ถือเช่นที่กล่าวนั้น


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺยูนุส อายะฮฺที่ 60 -65


คำอ่าน
60. วะมาซ็อน..นุลละซีนะยัฟตะรูนะอะลัลลอฮิลกะซิบะ เยามัลกิยามะฮฺ อิน..นัลลอฮะละซูฟัฎลิน อะลัน..นาสิ วะลากิน..นะอักษะเราะฮุม ลายัชกุรูน
61. วะมาตะกูนุ ฟีชะอฺนิว..วะมาตัตลูมินฮุ มิน..กุรฺอานิว..วะลาตะอฺมะลูนะ มินอะมะลิน อิลลากุน..นา อะลัยกุมชุฮูดัน อิซดุฟีดูนะฟีฮฺ วะมายะอฺซุบุ อัรฺร็อบบิกะ มิม..มิษกอลิ ซัรฺเราะติน..ฟิลอัรฺฏิ วะลาฟิสสะมา...อิ วะลาอัศเฆาะเราะ มินซาลิกะ วะลา..อักบะเราะ อิลลาฟีกิตาบิม..มุบีน
62. อะลา..อิน..นะเอาลิยา..อัลลอฮิ ลาค็อวฟุนอะลัยฮิม วะลาฮุมยะหฺซะนูน
63. อัลละซีนะอามะนู วะกานูยัตตะกูน
64. ละฮุมุลบุชรอฟิลหะยาติดดุนยาวะฟิลอาคิเราะฮฺ ลาตับดีละ ลิกะลิมาติลลาฮฺ ซาลิกะฮุวัลเฟาซุลอะซีม
65. วะลายะหฺซุน..กะก็อวลุฮุม อิน..นัลอิซซะตะลิลลาฮิญะมีอา ฮุวัสสะมีอุลอะลีม


คำแปลR1.
60. And what think those who invent lies against Allah, on the Day of Resurrection? [i.e. do they think that they will be forgiven and excused! Nay, they will have an eternal punishment in the Fire of Hell]. Truly, Allah is full of Bounty to mankind, but most of them are ungrateful.
61. Whatever you (O Muhammad) may be doing, and whatever portion you may be reciting from the Qur'an, - and whatever deed you (mankind) may be doing (good or evil), we are witness thereof, when you are doing it. And nothing is hidden from your Lord (so much as) the weight of an atom (or small ant) on the earth or in the heaven. Not what is less than that or what is greater than that but is (written) in a clear record. (Tafsir At-Tabari. Vol.11, Page 129).
62. No doubt! Verily, the Auliya' of Allah [i.e. those who believe in the Oneness of Allah and fear Allah much (abstain from all kinds of sins and evil deeds which He has forbidden), and love Allah much (perform all kinds of good deeds which He has ordained)], no fear shall come upon them nor shall they grieve , -
63. Those who believed (in the Oneness of Allah - Islamic Monotheism), and used to fear Allah much (by abstaining from evil deeds and sins and by doing righteous deeds).
64. For them are glad tidings, in the life of the present world (i.e. righteous dream seen by the person himself or shown to others), and in the Hereafter. No change can there be in the Words of Allah, this is indeed the supreme success.
65. And let not their speech grieve you (O Muhammad), for All power and honour belong to Allah. He is the All-Hearer, the All-Knower.


คำแปล R2.
60. และอะไรเล่า คือความคาดหมายของบรรดาผู้กุความเท็จแก่อัลเลาะฮฺ (ที่เขาพึงประสบ)ในวันชาติหน้า ? แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงไว้ซึ่งความโปรดปรานแก่มวลมนุษย์ และแต่ทว่าส่วนมากของพวกเขาหาได้กตัญญูไม่
61. และเจ้า (มุฮำมัด) มิได้ดำรงอยู่ในกรณีหนึ่งใด มิได้อ่านส่วนใด ๆ จากอัลกุรอาน และพวกเจ้ามิได้ประพฤติการงานอันใดทั้งสิ้น นอกจากว่าเราเป็นสักขีพยานแก่พวกเจ้าทั้งมวล และเมื่อพวกเจ้าดำเนินการในสิ่งนั้นและไม่รอดเร้นไปจาก(ความรอบรู้ของ)องค์อภิบาลของเจ้า สักเพียงน้ำหนักเท่าหนึ่งธุลีในแผ่นดิน และไม่(รอดเร้นสักเพียงธุลีเดียว)ในฟากฟ้า และไม่(รอดเร้นแม้จะ)เล็กกว่านั้น(ผงธุลี) และไม่ใหญ่กว่านั้น นอกจาก(ทุกสิ่งปรากฏอยู่)ในบันทึกอันชัดแจ้ง
62. พึงสังวร! แท้จริงบรรดาผู้สนิทกับอัลเลาะฮฺนั้น พวกเขาย่อมไม่ประสบกับความหวั่นกลัวใด ๆ และพวกเขาไม่มีความเศร้าโศก
63. (พวกเหล่านั้น) เป็นพวกที่มีศรัทธา และพวกเขามีความยำเกรง
64. พวกเขาได้รับแต่ความเปรมปรีดิ์ในชีวิตทางโลกนี้ และในโลกหน้าย่อมไม่มีการเปลี่ยนแปลงสำหรับประกาศิต(สัญญา)แห่งอัลเลาะฮฺ นั้น! เป็นรางวัลอันยิ่งใหญ่(ที่ทรงประทานแก่พวกเขา
65. และเจ้าอย่าได้ให้คำพูด(คัดค้าน)ของพวกเขา ทำความโศกเศร้าแก่เจ้า(เป็นอันขาด) เพราะอำนาจแท้จริงนั้นเป็นของอัลเลาะฮฺทั้งหมด พระองค์ทรงได้ยิน อีกทั้งทรงรอบรู้ยิ่ง


คำแปล R3.
60. พวกเขาคิดว่าอัลลอฮฺจะทรงจัดการอย่างไรกับผู้ที่กล่าวหาว่าความผิดมาจากพระองค์ในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ ? แท้จริงแล้วอัลลอฮฺนั้นทรงการุญต่อมนุษยชาติ แต่ส่วนใหญ่ของพวกเขาไม่ขอบคุณ
61. (โอ้ นบี) เรากำลังเฝ้ามองการงานที่เจ้าทุ่มเทอยู่ และส่วนใดก็ตามที่เจ้าอ่านจากกุรฺอาน (โอ้มนุษย์เอ๋ย) เราก็กำลังเฝ้าดูสิ่งที่สูเจ้ากำลังทำ เพราะว่าไม่มีเศษเสี้ยวของสิ่งใด ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ในโลกและในชั้นฟ้าจะซ่อนเร้นไปจากพระผู้อภิบาลของสูเจ้าได้ และทุกสิ่งล้วนอยู่ในบันทึกอันชัดแจ้ง
62. จงฟัง แท้จริง บรรดาผู้เป็นมิตรของอัลลอฮฺนั้นจะไม่มีวันหวาดกลัวและเศร้าโศกเสียใจ
63. คนเหล่านี้คือบรรดาผู้ศรัทธาและเกรงกลัวอัลลอฮฺ
64. สำหรับคนเหล่านี้คือข่าวดีในโลกและในโลกหน้า พระวจนะของอัลลอฮินั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลง นี่คือความสำเร็จอันยิ่งใหญ่
65. (โอ้ นบี) จงอย่าให้คำพูดของพวกเขาทำให้เจ้าระทมเพราะเกียรติยศทั้งหลายนั้นล้วนอยู่ที่อัลลอฮฺ พระองค์เป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้


คำแปล R4.
60. และบรรดาผู้ที่ปั้นแต่งความเท็จให้แก่อัลลอฮฺ จะนึกคิดอย่างไรในวันกิยามะฮฺ แท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงเป็นผู้มีบุญคุณต่อมนุษย์ แต่ว่าส่วนใหญ่ของพวกเขาไม่ขอบคุณ
61. และเจ้ามิได้อยู่ในเรื่องหนึ่งเรื่องใด และเจ้ามิได้อ่านบางส่วนจากมันในอัลกุรอาน และพวกท่านมิได้กระทำการใด ๆ  เว้นแต่เราได้เป็นพยานแก่พวกท่าน ในขณะที่พวกท่านกำลังง่วนอยู่ในเรื่องนั้น และจะไม่รอดพ้นจากพระเจ้าของเจ้า (การกระทำใด ๆ) ที่มีน้ำหนักเท่าธุลี ทั้งในแผ่นดินและในชั้นฟ้า และที่เล็กกว่านั้นและที่ใหญ่กว่านั้นเว้นแต่อยู่ในบันทึกอันชัดแจ้งทั้งสิ้น
62. พึงทราบเถิด ! แท้จริง บรรดาคนที่อัลลอฮฺรักนั้น ไม่มีความหวาดกลัวใด ๆ แก่พวกเขาและพวกเขาจะไม่เศร้าโศกเสียใจ
63. คือบรรดาผู้ศรัทธา และพวกเขามีความยำเกรง
64. สำหรับพวกเขาจะได้รับข่าวดี ในการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้และในโลกหน้า ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในลิขิตของอัลลอฮฺ นั่นคือชัยชนะอันยิ่งใหญ่
65. และคำพูดของพวกท่าน จะไม่ทำให้เจ้าเสียใจ แท้จริงอำนาจทั้งมวลนั้นเป็นของอัลลอฮฺ พระองค์เป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้


คำแปล R5.
๖๐. แล้วการนึกคิดของบรรดาชนผู้อ้างเท็จยังอัลเลาะห์จะเป็นอย่าไรบ้งในวันกิยามะห์ ? พวกเขาคิดหรือว่า อัลเลาะห์จะไม่ทรงเอาโทษพวกเขาในวันนั้น พระองค์ทรงเอาโทษพวกเขาแน่ แท้จริงอัลเลาะห์นั้นทรงเป็นองค์กรุณาต่อมวลมนุษย์เกินกว่าที่ควร โดยการรอลงอาญาพวกเขาไว้ และโดบเอื้อำนวยคุณความดีแก่พวกเขาอีกด้วย แต่ทว่ามนุษย์ส่วนมากหาได้ขอบคุณในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ไม่
๖๑. โอ้มุฮำมัด ไม่ว่าเจ้ากำลังทำธุรกิจใดอยู่ ไม่ว่าเจ้าจะอ่านพระคัมภีร์อัล-กุรอานของพระองค์ที่ประทานมายังเจ้า และไม่ว่าคุณความดีใด ๆ ที่พวกเจ้า(ทั้งตัวเจ้าเองและประชากรของเจ้า) กระทำอยู่ เรา(อัลเลาะห์) ย่อมสอกส่งดูพวกเจ้าอยู่ทั้งนั้น เมื่อพวกเจ้าลงมือทำการนั้นหรือจะมีอันใดในพิภพและในบรรดาชั้นฟ้า แม้น้ำหนักสักเท่าปรมาณูและที่เล็กกว่าหรือใหญ่กว่านั้น ลึกล้ำพ้นจากญาณวิสัยขององค์พระผู้อภิบาลของเจ้าก็หามิได้ หากแต่ต้องมีบันทึกอยู่ในสารบบอันชัดแจ้งจากแผ่นทะเบียนเดิม(เลาหุ้ลมะห์ฟุต)ที่แขวนอยู่ใต้อัล-อัรช์ไว้ด้วย
๖๒. แน่นอนทีเดียว พวกเป็นที่รักยิ่งของอัลเลาะห์นั้น ย่อมไม่มีความหวาดกลัวใด ๆ สำหรับพวกเขาเลย ทั้งมิต้องโศกสลดในวันปรภพอีกด้วย จะมีอยู่ก็แต่ความสะดวกสบายและความรื่นรมย์
๖๓. เหล่านั้นคือบรรดาชนผู้ศรัทธา และที่มีความยำเกรงในอัลเลาะห์ โดยปฏิบัติตามคำบัญชาใช้และคำบัญชาห้ามของพระองค์
๖๔. พวกเขาย่อมได้ทางอุดมทั้งในภพนี้ด้วยการได้รับความยกย่องและคำชมเชยและภาคภพหน้าด้วยการได้เข้าสู่สรวงสวรรค์ หาได้มีการแปรเปลี่ยนซึ่งพระคำสัญญาของอัลเลาะห์ไม่ การได้รับทางอุดมในภพทั้งสองนั่นแหละคือความมีชัยอันใหญ่หลวง
๖๕. และโอ้มุฮำมัด อย่าได้ให้ถ้อยคำของพวกกาฟิรเหล่านั้นที่ว่า “เจ้ามิใช่พระศาสนทูต เป็นต้น” เป็นที่เศร้าเสียใจแก่เจ้าเลย แท้จริงอิทธิฤทธิ์ทั้งปวงนั้นเป็นสิทธิแห่งอัลเลาะห์ พระองค์คือองค์ได้ยินยิ่งถึงบรรดาถ้อยคำ ทรงรู้ยิ่งในบรรดากิจของพวกเหล่านั้น แล้วพระองค์จะทรงสนองผลแห่งกรรมแก่พวกเหล่านั้น และจะทรงช่วยเหลือเจ้า


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺยูนุส อายะฮฺที่ 66 - 70


คำอ่าน
66. อะลา..อิน..นะลิลลาฮิ มัน..ฟิสสะมาวาติวะมัน..ฟิลอัรฺฎิ วะมายัตตะบิอุลละซีนะ ยัดอูนะมิน..ดูนิลลาฮิชุเราะกา...อ์ อี..ยัตตะบิอูนะอิลลัซซ็อน..นะ วะอินฮุวะอิลลายัครุศูน
67. ฮุวัลละซีญะอะละละกุมุลลัยละลิตัสกุนูฟีฮิ วัน..นะฮาเราะมุบศิรอ อิน..นะฟีซาลิกะละอายาติลลิก็อวมี..ยัสมะอูน
68. กอลุตตะเคาะซัลลอฮุวะละดัน..สุบหานะฮฺ ฮุวัลเหษะนียฺ ละฮูมาฟิสสะมาวาติวะมาฟิลอัรฺฎิ อินอิน..ดะกุม..มิน..สุลฏอนิม..บิฮาซา อะตะกูลูนะอะลัลลอฮิ มาลาตะอฺละมูน
69. กุลอิน..นัลละซีนะยัฟตะรูนะ อะลัลลอฮิลกะซิบะ ลายุฟลิหูน
70. มะตาอุน..ฟิดดุนยา ษุม..มะอิลัยนามัรฺญิอุฮุม ษุม..มะนุซีกุมุลอะซาบัชชะดีดะ บิมากานูยักฟุรูน


คำแปลR1.
66. No doubt! Verily, to Allah belongs whosoever is in the heavens and whosoever is in the earth. And those who worship and invoke others besides Allah, in fact they follow not the (Allah's so-called) partners, they follow only a conjecture and they only invent lies.
67. He it is who has appointed for you the night that you may rest therein, and the day to make things visible (to you). Verily, in this are Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.) for a people who listen (i.e. those who think deeply).
68. They (Jews, Christians and pagans) say: "Allโh has begotten a son (children)." Glory be to him! He is rich (Free of All wants). His is all that is in the heavens and all that is in the earth. No warrant you have for this. Do you say against Allah what you know not.
69. Say: "Verily, those who invent lie against Allah will never be successful" -
70. A brief enjoymenti this world! - And then unto us will be their return, then we shall make them taste the severest torment because they used to disbelieve [in Allah, belie his Messengers, deny and challenge his Ayat (proofs, signs, verses, etc.)].


คำแปล R2.
66. พึงสังวร! แท้จริงเป็นของอัลเลาะฮฺทั้งสิ้น สิ่งที่อยู่ในฟากฟ้าและสิ่งที่อยู่ในแผ่นดิน และบรรดาผู้วอนนมัสการแก่บรรดาภาคีทั้งหลาย นอกเหนือจากอัลเลาะฮฺ(ความจริงพวกเขา)หาได้ทำตามสิ่งเหล่านั้นไม่ พวกเขามิได้ตามสิ่งใดเลย นอกจากตามความคาดหมายของพวกเขาเองเท่านั้น และพวกเขามิใช่อื่นใดนอกจากกุเรื่องเท็จขึ้นมา(ยึดถือและประพฤติตาม)
67. พระองค์เป็นผู้ทรงบันดาลกลางคืนแก่พวกเจ้า เพื่อพวกเจ้าจะได้พักผ่อนในเวลานั้น และบันดาลกลางวันให้แจ่มกระจ่าง(เพื่อความสะดวกในการประกอบอาชีพ) แท้จริงในนั้นเป็นสัญลักษณ์ต่าง ๆ สำหรับกลุ่มชนที่ได้ยิน(คำสอนและนำมาใคร่ครวญ)
68. พวกเขาพูดว่า “อัลเลาะฮฺมีบุตร” พระองค์ทรงบริสุทธิ์ยิ่งนัก! (ไม่เป็นไปตามที่พวกเขาพูดเลย) พระองค์ทรงรวยยิ่ง สรรพสิ่งในฟากฟ้าและสรรพสิ่งในพื้นพิภพล้วนเป็นของพระองค์ พวกเจ้าหามีหลักฐานยืนยันใน(เรื่องที่พวกเจ้าอ้าง)นั้ไม่ พวกเจ้ายังจะพูดเกี่ยวกับอัลเลาะฮฺในสิ่งที่พวกเจ้าไม่รู้กระนั้นหรือ
69. จงประกาศเถิด ! แท้จริงบรรดาผู้กุเรื่องเท็จเกี่ยวกับอัลเลาะฮฺนั้นย่อมไม่ประสบความสมหวังอย่างแน่นอน
70. (พวกเหล่านั้นจะได้รับแต่เพียง)ความภิรมย์(ชั่วคราว)ในโลกนี้เท่านั้น แต่หลังจากนั้น พวกเขาก็จะต้องถูกส่งตัวกลับคืนมายังเรา แล้วเราก็ให้พวกเขาลิ้มรสการลงโทษอันร้ายแรงยิ่ง เพราะเหตุแห่งการทรยศของพวกเขา


คำแปล R3.
66. จงรู้ไว้เถิดว่า บรรดาผู้อาศัยอยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและผู้อาศัยอยู่ในแผ่นดินนั้นล้วนเป็นของอัลลอฮฺ บรรดาผู้วิงวอนภาคีต่าง ๆ (ที่พวกเขาตั้งขึ้นเป็นพระเจ้า) อื่นไปจากอัลลอฮฺนั้นมิได้ตามสิ่งใดนอกไปจากการนึกเดา และพวกเขาได้แต่เดาสุ่มเอาเท่านั้น
67. พระองค์คือผู้ทรงบันดาลกลางคืนสำหรับสูเจ้าเพื่อที่สูเจ้าจะได้พักผ่อนในตอนกลางคืนและให้แสงสว่างแก่กลางวัน แท้จริงในนั้นมีสัญญาณสำหรับบรรดาผู้ฟัง(สัจธรรม)
68. พวกเขากล่าวว่า “อัลลอฮฺได้ทรงเอาบุตรไปยังพระองค์” อัลลอฮฺทรงมหาบริสุทธิ์ยิ่ง พระองค์ทรงมีอย่างเพียงพอ พระองค์ทรงเป็นเจ้าของทุกสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน สูเจ้ามีอำนาจอันใดในสิ่งที่สูเจ้ากล่าว ? สูเจ้ากล่าวร้ายต่ออัลลอฮฺในสิ่งที่สูเจ้าไม่มีความรู้กระนั้นหรือ ?
69. (โอ้ นบี) จงกล่าวแพวกเขาว่า “บรรดาผู้กล่าวร้ายต่ออัลลอฮฺนั้นไม่มีวันเจริญ”
70. พวกเขาอาจจะรื่นเริงกับความสุขชั่วคราวแห่งโลกนี้ แต่หลังจากนั้นแล้วพวกเขาจะต้องกลับมายังเรา แล้วเราจะทำให้พวกเขาได้ลิ้มรสการลงโทษอันแสนสาหัด อันเนื่องมาจากการที่พวกเขากล่าวร้ายต่อศาสนา


คำแปล R4.
66. พึงทราบเถิด! แท้จริงทุกสิ่งในชั้นฟ้าทั้งหลายและทุกสิ่งในแผ่นดินนั้น เป็นของอัลลอฮฺ และบรรดาผู้วิงวอนขอสิ่งอื่นจากอัลลอฮฺนั้น จะไม่ปฏิบัติตามภาคีเหล่านั้น พวกเขาจะไม่ปฏิบัติตาม เว้นแต่การคิดเท่านั้น และพวกเขามิได้ตั้งอยู่บนสิ่งใด นอกจากจะคาดคะเนขึ้น
67. พระองค์ผู้ทรงบันดาลกลางคืนให้แก่พวกท่าน เพื่อพวกท่านจะได้พักผ่อนในมัน และกลางวันเพื่อจะได้มองเห็น แท้จริงในการนั้นแน่นอนย่อมเป็นสัญญาณแก่หมู่ชนที่ได้ยิน เพื่อใคร่ครวญ
68. พวกเขากล่าวว่า “อัลลอฮฺทรงแต่งตั้งพระบุตร” มหาบริสุทธิ์พระองค์ท่าน ทรงพอเพียงจากสิ่งใด ๆ สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย และสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินเป็นของพระองค์ พวกท่านไม่มีหลักฐานใด ๆ ในการกล่าวเช่นนี้ พวกท่านจะกล่าวร้ายต่ออัลลอฮฺในสิ่งที่พวกท่านไม่รู้กระนั้นหรือ?
69. จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) “แท้จริงบรรดาผู้กล่าวเท็จต่ออัลลอฮฺนั้น พวกเขาจะไม่ประสบความสำเร็จดอก!”
70. ความเพลิดเพลินในโลกนี้ แล้วพวกเขาก็กลับคืนมาสู่เรา แล้วเราจะให้พวกเขาลิ้มรสการลงโทษอย่างหนัก เพระเหตุที่พวกเขาปฏิเสธศรัทธา


คำแปล R5.
๖๖. แน่นอนทีเดียว อัลเลาะห์นั้นทรงสิทธิ์ในการปกครอง และสร้าง เหล่าที่อยู่ในบรรดาชั้นฟ้าทั้งเจ็ดและที่อยู่ ณ แผ่นดิน บรรดาชนมุชริกผู้เคารพบูชาเทวรูป มิใช่อัลเลาะห์นั้น จะเจริญตามรอยเทวรูปคู่ภาคีกับอัลเลาะห์อย่างจริงใจก็หาไม่พวกมุขริกเหล่านั้น จะเจริญรอยตามเทวรูปภาคีของพระองค์ในฐานะแห่งความเป็นพระเจ้าก็มิใช่หากแต่เพียงคาดคะเนเอาว่า เทวรูปเป็นพระเจ้าซึ่งสามารถจะช่วยเหลือพวกเขาในยามคับขันได้ในภาคภพนี้ และจะช่วยพวกเขาให้รอดพ้นจากขุมนรกได้ในภาคภพหน้าเท่านั้น พวกนั้นจึงยอมเคารพบูชาเทวรูปกัน พวกมุชริกเหล่านั้นไม่มีอื่นใด นอกจากมีแต่เท็จเท่านั้น โดยคาดคิดเอาว่าเหล่าเทวรูป คือพระเจ้าคู่ภาคีกับอัลเลาะห์
๖๗. พระองค์อัลเลาะห์ คือผู้ทรงสร้างกลางคืนให้มืดมิดสำหรับพวกเจ้าได้พักผ่อนเอาความสบายในยาม(ค่ำคืน)นั้น หลังจากตรากตรำงานในช่วงกลางวัน และทรงสร้างกลางวันให้สว่างแจ้งสำหรับพวกเจ้าได้ประกอบอาชีพ แท้จริงการเช่นที่กล่าวแล้วทั้งสองประการนั้น เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงเอกภาพของพระองค์สำหรับปวงชนผู้สดับฟังอย่างพินิจพิเคราะห์และยอมนอบน้อมเชื่อฟังในข้อห้ามของพระองค์ ด้วยการสร้างของพระองค์เช่นที่ว่านี้ พวกเขาจะทราบได้ว่า พระผู้สร้างบรรดาสรรพสิ่งทั้งปวงนั้น คืออัลเลาะห์ผู้ทรงมีได้แต่เพียงพระองค์เดียว
๖๘. พวกเหล่านั้นทั้งที่เป็นชนยะฮูดี นัซรอนีและพวกซึ่งคาดคะเนว่าเหล่ามลาอิกะห์เป็นบุตรีของอัลเลาะห์กล่าวว่า อัลเลาะห์ทรงมีผู้ที่ชื่อว่า “อุไซร์” และอีซาเป็นบุตร และว่าพระองค์เอาเหล่ามลาอิกะห์เป็นบุตรีของพระองค์ อัลเลาะห์ตรัส ข้าจักแสดงความวิสุทธิ์ในข้าเองว่า มหาบริสุทธิคุณแห่งพะองค์ผู้ปราศจากไร้ซึ่งบุตร พระองค์คือองค์ไม่พึงปรารถนา อื่นใดเลยเพราะว่าความต้องการมีบุตรนั้นคือวิสัยของผู้ที่ต้องพึ่ง ต้องปรารถนา พระองค์นั้นทรงสิทธิ ทรงปกครองและทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งปวงในบรรดาชั้นฟ้าทั้งเจ็ดและผืนแผ่นดิน สำหรับพวกเจ้านั้นจะมีหลักฐานใดก็หาไม่ในเรื่องที่ว่า  “อัลเลาะห์ทรงต้องการบุตร” ดังที่พวกเจ้าอ้างนี้ แล้วพวกเจ้ายังจะพูดป้ายร้ายถึงอัลเลาะห์ในประการที่พวกเจ้าไม่รู้หรือ ? ซึ่งเป็นการน่าตำหนิยิ่งนัก
๖๙. โอ้มุฮำมัด จงกล่าวเถิดแก่พวกยะฮูดี นัซรอนีและพวกเหล่าชนที่คาดคิดว่ามลาอิกะห์เป็นบุตรสาวของอัลเลาะห์ว่า แท้จริงบรรดาผู้อ้างเท็จถึงอัลเลาะห์โดยการอ้างถึงพระองค์ทรงมีบุตรนั้นมิได้ประเสริฐเลย
๗๐. พวกเหล่านั้นย่อมจะมีความรื่นรมย์เพียงเล็กน้อยในภาคภพนี้เท่านั้น ซึ่งพวกเขาต่างก็ภาคภูมิใจจนตลอดชีวิต ครั้นแล้วที่มุ่งของพวกเหล่านั้นก็คือตายแล้วจะถูกนำคืนไปสู่การตัดสินของเรา(อัลเลาะห์) เมื่อตายลงแล้วเราก็จะให้พวกเขาเหล่านั้นได้รับรสแห่งโทษอันรุนแรงฐานที่พวกเหล่านั้นมิได้ศรัทธา


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺยูนุส อายะฮฺที่ 71 - 74


คำอ่าน
71. วัตลุอะลัยฮิม นะบะอะนูหิน อิซกอละลิก็อวมิฮี ยาก็อวมิ อิน..กานะ กะบุเราะอะลัยกุม..มะกอมี วะตัซกีรี บิอายาติลลาฮิ ฟะอะลัลลอฮิตะวักกัลป์ตุ ฟะอัจญมิอู..อัมเราะกุม วะชุเราะกา...อะกุม ษุม..มะลายะกุน อัมรุกุมอะลัยกุม ฆุม..มะตัน..ษุม..มักฎู..อิลัยยะ วะลาตุน..ซิรูน
72. ฟะอิน..ตะวัลลัยตุม ฟะมาสะอัลตุกุม..มินอัจญริน อินอัจญริยะอิลลา อะลัลลอฮิ วะอุมิรฺตุ อันอะกูนะมินัลมุสลิมีน
73. ฟะกัซซะบูฮุ ฟะนัจญัยนาฮุ วะมัม..มะอะฮู ฟิลฟุลกิ วะญะอัลนาฮุม เคาะลา...อิฟะ วะอัฆร็อกนัลละซีนะกัซซะบูบิอายาตินา ฟัน..ซุรฺกัยฟะกานะอากิบะตุลมุน..ซะรีน
74. ษุม..มะบะอัศนา มิม..บะอฺดิฮี รุสุลันอิลาก็อวมิฮิม ฟะญา...อูฮุม..บิลบัยยินาติ ฟะมากานูลิยุอ์มินู บิมากัซซะบู บิฮี มิน..ก็อบลฺ กะซาลิกะนัฏบะอุอะลากุลูบิลมุอฺตะดีน


คำแปลR1.
71. And recite to them the news of Nuh (Noah). When he said to his people: "O my people, if my stay (with you), and my reminding (you) of the Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.) of Allah is hard on you, then I put my trust in Allah. So devise your plot, you and your partners, and let not your plot be in doubt for you. Then pass your sentence on me and give me no respite.
72. "But if you turn away [from accepting my doctrine of Islamic Monotheism, i.e. to worship none but Allah], then no reward have I asked of you, my reward is only from Allah, and I have been commanded to be one of the Muslims (those who submit to Allah's Will)."
73. They denied him, but we delivered him, and those with him In the ship, and we made them generations replacing one after another, while we drowned those who belied our Ayat (proofs, evidences, lessons, signs, revelations, etc.). Then see what was the end of those who were warned.
74. Then after him we sent Messengers to their people, they brought them clear proofs, but they would not believe what they had already rejected beforehand. Thus we seal the hearts of the transgressors (those who disbelieve in the Oneness of Allah and disobey him).


คำแปล R2.
71. และเจ้าจงแถลงเรื่องราวของนบีนูห์ให้พวกเขา(ทราบ)เถิด เมื่อเขา(นบีนูหฺ)ได้ประกาศแก่กลุ่มชนของเขาเองว่า “โอ้กลุ่มชนของฉัน! หากว่า การดำรงอยู่ของฉัน(ในกลุ่มพวกท่าน)และการตักเตือนของฉัน โดยมีโองการต่าง ๆ ของอัลเลาะฮฺ(มาประกอบนี้) เป็นความคับแค้นแก่พวกท่าน (สุดที่พวกท่านจะศรัทธาได้) ฉันก็ขอมอบหมายแด่อัลเลาะฮฺ ดังนั้นพวกท่านจงระดมการงานของพวกท่าน และบรรดาภาคีของพวกท่าน(ที่อุปโลกน์ขึ้นนั้น เพื่อทำลายฉัน)เถิด หลังจากนั้นการงาน(แผนการ)ของพวกท่านอย่าให้มีเงื่อนงำใด ๆ แก่พวกท่านเลย หลังจากนั้นพวกท่านก็ดำเนินการต่อฉัน(ตามแผนนั้น)โดยพวกท่านอย่าได้รีรอ
72. ดังนั้น หากพวกท่านหันหลังให้(คำสอนของฉัน) ที่จริงฉันเองก็ไม่ได้เรียกร้องค่าจ้างใด ๆ จากพวกท่าน ฉันไม่ได้รับรางวัลตอบแทน(จากผู้ใดทั้งสิ้น) นอกจากเป็นหน้าที่ของอัลเลาะฮฺ (ที่จะทรงพิจารณาประทานให้) และฉันถูกบัญชามาว่า ให้ฉันเป็นผู้หนึ่งจากบรรดาผู้ยอมสวามิภักดิ์
73. แต่พวกเขาก็กล่าวว่า นบีนูห์นั้นเป็นผู้มุสา (ดังนั้นเราจึงดลบันดาลให้เกิดอุทกภัยเพื่อทำลายล้างพวกเขา) แล้วเราก็ยังความปลอดภัยแก่เขา และบรรดา(ศรัทธาชน)ผู้อยู่ร่วมกับเขาในเรือ และเราได้สถาปนาพวกเขาให้เป็นผู้สืบทอดการปกครอง(บนหน้าแผ่นดิน) และเราได้จมน้ำแก่บรรดาพวกกล่าวหาบรรดาสัญลักษณ์ของเราเป็นความเท็จ ดังนั้น เจ้าจงพิจารณาเถิดว่า จุดจบของบรรดาผู้ถูกตักเตือน(แต่ไม่ยอมเชื่อฟังนั้นมีสภาพเป็น)อย่างไรบ้าง ?
74. หลังจากนั้น เราได้ส่งบรรดาศาสนทูตภายหลังจากเขา(นบีนูห์)มายังกลุ่มชนของพวกเขา(ในแต่ละยุค) แล้วเราได้มอบให้พวกเขานำสัญลักษณ์ต่าง ๆ มาสู่พวกนั้น แต่แล้วพวกเหล่านั้น ก็หาได้ศรัทธาในสิ่งที่พวก(บรรพบุรุษของพวก)เขา(ในอดีต)ได้เคยกล่าวหาเป็นความเท็จ มาก่อนหน้าไม่ เช่นนั้น! เราประทับ(ความมืดบอดลง)บนหัวใจของบรรดาผู้ละเมิดทั้งหลาย


คำแปล R3.
71. จงสาธยายให้พวกเขารู้ถึงเรื่องราวของนูฮฺเมื่อเขาได้กล่าวแก่ผู้คนของเขาว่า หมู่ชนของฉันเอ๋ย ถ้าหากว่าฉันเป็นสิ่งที่เหลืออดเหลือทนสำหรับพวกท่าน ที่ฉันจะอยู่ในหมู่พวกท่านและตักเตือนพวกท่านแล้ว (จงรู้ไว้เถิดว่า) ฉันมอบความไว้วางใจของฉันไว้กับอัลลอฮฺ พวกท่านอาจจะรวบรวมหุ้นส่วนทั้งหมดที่พวกท่านตั้งขึ้นและร่วมกันตัดสินเกี่ยวกับฉันก็ได้ และจงพิจารณาถึงแผนการของพวกท่านให้ดี เพื่อที่จะได้ไม่มีอะไรที่ยังคงค้างซ่อนเร้นไปจากพวยกท่าน หลังจากนั้นจงจัดการฉันเสีย โดยไม่ต้องมีการผ่อนปรนใด ๆ แก่ฉัน
72. ถ้าหากพวกท่านหันไปจากสาส์นของฉัน (ฉันก็ไม่ได้สูญเสียสิ่งใด) เพราะฉันมิได้ร้องขอการตอบแทนใด ๆ จากพวกท่าน การตอบแทนของฉันอยู่ที่อัลลอฮฺ และฉันได้ถูกบัญชาให้ปฏิบัติตนเหมือนกับมุสลิม (ไม่ว่าคนอื่นจะปฏิบัติหรือไม่ก็ตาม)
73. แต่พวกเขาได้ปฏิเสธนูฮฺ และผลก็คือเราได้ช่วยเขาและบรรดาผู้อยู่กับเขาในเรือ และได้ทำให้พวกเขาได้เป็นผู้สืบทอดต่อบนโลกและได้ทำให้บรรดาผู้ปฏิเสธอายะฮฺของเราจมน้ำตาย ดังนั้นจงพิจารณาถึงผลสุดท้ายของบรรดาผู้ที่ได้ถูกตักเตือนแล้ว (แต่ไม่เชื่อฟัง)ว่าเป็นอย่างไร
74. หลังจากนั้นแล้ว เราก็ได้ส่งรอซูลอีกหลายคนมายังหมู่ชนของพวกเขาด้วยสัญญาณอันชัดแจ้ง แต่พวกเขาไม่ศรัทธาในสิ่งที่พวกเขาได้ปฏิเสธมาก่อนหน้านี้แล้ว นี่คือวิธีการที่เราได้ปิดผนึกบนหัวใจของบรรดาผู้ฝ่าฝืน


คำแปล R4.
71. และเจ้าจงอ่านให้พวกเขาฟังถึงเรื่องราวของนะบีนูหฺ เมื่อเขา(นูหฺ) กล่าวแก่ประชาชาติของเขาว่า “โอ้หมู่ชนของฉัน หากว่าการพักอยู่ของฉันและการตักเตือนของฉัน ด้วยโองการทั้งหลายของอัลลอฮฺ เป็นเรื่องใหญ่แก่พวกท่านแล้ว ดังนั้นฉันขอมอบหมายแด่อัลลอฮฺเท่านั้น พวกท่านจงร่วมกันวางแผนของพวกท่าน พร้อมกับบรรดาภาคีของพวกท่านเถิด แล้วอย่าให้แผนของพวกท่านเป็นที่ปิดบังแก่พวกท่าน แล้วจงดำเนินการต่อฉันทันทีและอย่าได้ลังเลเลย
72. หากพวกท่านผินหลังให้ ฉันมิได้ขอค่าตอบแทนใด ๆ จากพวกท่าน แต่รางวัลของฉันอยู่ที่อัลลอฮฺ และฉันถูกใช้ให้อยู่ในหมู่ผู้นอบน้อม”
73. แล้วพวกเขาก็ปฏิเสธเขา (นูหฺ) เราได้ช่วยให้เขาและผู้อยู่กับเขารอดพ้นไว้ในเรือ และเราได้ให้พวกเขาเป็นตัวแทน (ในเวลาต่อมา) และเราได้ให้บรรดาผู้ปฏิเสธโองการทั้งหลายของเราจมน้ำดังนั้น เจ้าจงดูเถิดว่า ผลสุดท้ายของพวกที่ถูกเตือนนั้นเป็นอย่างไร?
74. หลังจากเขา (นูหฺ) แล้ว เราได้ส่งบรรดารอซูลไปยังประชาชาติของพวกเขา แล้วบรรดารอซูลเหล่านั้นได้นำหลักฐานอย่างชัดแจ้งมายังพวกเขา แต่พวกเขามิได้ศรัทธาในสิ่งที่พวกเขาได้เคยปฏิเสธต่อนูหฺมาก่อนแล้ว เช่นนั้นแหละ เราได้ประทับตราบนหัวใจของบรรดาผู้ฝ่าฝืนเหล่านั้น


คำแปล R5.
๗๑. และโอ้มุฮำมัด จงอ่านให้พวกเหล่านั้นผู้เป็นชนกาฟิรชาวนครมักกะห์ฟังเถิดถึงเรื่องราวของศาสดานูห์ เพื่อว่าเจ้าเองจะได้เอาเยี่ยงอย่างพระศาสนทูตทั้งหลาย และจะได้เกิดมานะอดทนเหมือนดั่งพระศาสนทูตในยุคก่อนจากเจ้า และเพื่อให้เป็นอุดมคติสำหรับพวกกาฟิรชาวมักกะห์อีกด้วย คราที่เขา(นูห์) กล่าวแก่ประชาชนของเขาเองว่า โอ้ประชาชนของฉัน หากว่าการดำรงอยู่ของฉัน ท่ามกลางพวกท่านเป็นเวลาอันยาวนานถึง ๙๕๐ ปีก็ดี และข้อตักเตือนของฉันให้พวกท่านเกรงกลัวอัลเลาะห์ด้วยบรรดาโองการของอัลเลาะห์ก็ดี เป็นการหนักข้อแก่พวกท่านแล้วไซร้ ฉันก็จะมอบหมายไว้ต่ออัลเลาะห์เท่านั้น ฉะนั้นพวกท่านกับเหล่าเทวรูปของพวกท่าน จงรวมหัวกันกระทำการร้ายต่อฉันเถิด อย่าได้ให้แผนงานของพวกท่านมีเงื่อนงำในพวกท่านก็แล้วกัน ขอให้พวกท่านกระทำการอย่างเปิดเผย และประกาศบอกแก่ฉันให้รู้ตัวด้วย แล้วพวกท่านก็จงลงมือทำการมุ่งร้ายกับฉันได้ตามที่มุ่งหมายกันไว้ อย่าได้ปล่อยฉันไว้ให้เนิ่นช้าเลย อันที่จริงแล้วตัวฉันนี้มิได้สะทกสะท้านต่อพวกท่านทั้งจะไม่ระแวงระวังการปองร้ายของพวกท่านต่อฉันอีกด้วยซ้ำไป
๗๒. แต่ถ้าพวกท่านจะผินหนีให้พ้นจากข้อตักเตือนของฉัน ที่ให้พวกท่านเกรงกลัว ฉันนี้มิได้ขอสินจ้างจากพวกท่านอยู่แล้ว จึงไม่สมควรที่พวกท่านจะออกห่างเพื่อหลบสินจ้าง บุญกุศลของฉันอันจะได้รับจะมีก็ที่อัลเลาะห์เท่านั้น สำหรับตัวฉันนั้นก็ถูกพระองค์บัญชาใช้ให้เป็นผู้หนึ่งจากผู้ยึดถือในเอกภาพของพระองค์
๗๓. แต่แล้วพวกเหล่านั้นก็หาว่าเขา(พระศาสดานูห์) เท็จ เรา(อัลเลาะห์) จึงให้เขาและบุคคลในคณะมีศรัทธาร่วมกับเขาเป็นชาย ๔๐ กับหญิงอีก ๔๐ คน ปลอดภัยจากมหาอุทกภัย ด้วยการโดยสารอยู่ในสำเภา และเรา(อัลเลาะห์) ได้ให้คณะชนผู้ศรัทธาเหล่านั้นมีจำนวน ๘๐ คนเป็นผู้เหลืออยู่ต่อไปในภาคพิภพ ทั้งเรายังได้ให้บรรดาผู้ที่หาว่ามหาอุทกภัยอันเป็นสัญญาณของเรา(อัลเลาะห์) เป็นเท็จ จมน้ำตายกันไปจนหมดสิ้น โอ้มุฮำมัดเจ้าจงพินิจดูเถิดว่า ผลในบั้นสุดท้ายของผู้ถูกเตือนนั้นมีสภาพการณ์เป็นอย่างไร ? ด้วยประการเช่นที่เราให้พวกเหล่านั้นตายจนหมดสิ้นนี้แหละ เราก็จะจัดการกับปวงชนกาฟิรชาวมักกะห์ผู้ซึ่งหาว่าเจ้าเป็นผู้เท็จอีกด้วย
๗๔. แล้วถัดจากเขา(นูห์) มา เราได้แต่งตั้งพระศาสนทูตไปยังปวงชนของเขาเหล่านั้นอีกหลายท่าน อาทิ เช่น พระศาสนทูตอิบรอฮีม พระศาสนทูตฮู๊ด และพระศาสนทูตซอลิห์ ทั้งเหล่าพระศาสนทูตนั้นยังได้นำเอาสัญญาณที่ชัดแจ้งแสดงความเป็นพระศาสนทูตมาถึงพวกประชากรเหล่านี้ แต่ก็มิได้เคยเชื่อกันเลย เนื่องจากสัญญาณเหล่านี้ พวกเขาเคยหาว่าเท็จกันอยู่ก่อนจากมีพระศาสนทูตมาแล้ว ทำนองเดียวกับที่เรา(อัลเลาะห์)มิให้ความจริงเข้าสู่หัวใจของประชากรที่ว่านี้เอง เราจึงกระทำเหมือนดังผนึกปิดตายดวงใจของพวกล่วงละเมิดไว้ด้วยเพื่อมิให้ความจริงเข้าสู่หัวใจพวกนั้น หัวใจพวกนั้นจึงไม่อาจรับศรัทธาได้


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺยูนุส อายะฮฺที่ 75 - 77


คำอ่าน
75. ษุม..มะบะอัษนามิม..บะอฺดิฮิม..มูสา วะฮารูนะ อิลาฟิรฺเอานะ วะมะละอิฮี บิอายาตินา ฟัสตักบะรู วะกานูก็อวมัม..มุจญริมีน
76. ฟะลัม..มาญา...อะฮุมุลหักกุ มินอิน..ดินา กอลู..อิน..นะฮาซา ละสิหฺรุม..มุบีน
77. กอละมูสา..อะตะกูลูนะลิลหักกิ ลัม..มาญา...อะกุม อะสิหฺรุนฮาซา วะลายุฟลิหุสสาหิรูน


คำแปลR1.
75. Then after them we sent Musa (Moses) and Harun (Aaron) to Fir'aun (Pharaoh) and his chiefs with Our Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.). But they behaved arrogantly and were Mujrimun (disbelievers, sinners, polytheists, criminals, etc.) folk.
76. So when came to them the truth from us, they said: "This is indeed clear magic."
77. Musa (Moses) said: "Say you (this) about the truth when it has come to you? Is this magic? But the magicians will never be successful."


คำแปล R2.
75. หลังจากนั้น เราได้ส่งนบีมูซาและฮารูนหลังจากพวกนั้นมายังฟิรเอาน์และกลุ่มชนของเขาโดยนำสัญลักษณ์ต่าง ๆ ของเรามา แต่แล้วพวกเขากลับทระนงตนและพวกเขาเป็นกลุ่มชนที่ทำบาป
76. ดังนั้น! เมื่อสัจธรรมจากเราได้มาสู่พวกเขา พวกเขาก็กล่าวว่า “สิ่งนี้เป็นเพียงมายากลอันชัดแจ้งเท่านั้น
77. มูซาได้ประกาศ(แก่พวกเขา)ว่า “ควรหรือที่ท่านทั้งหลายจะกล่าว(เช่นนั้น) กับสัจธรรมแท้ เมื่อได้มาสู่พวกท่าน? สิ่ง(ที่ฉันนำมาประกาศ) เป็นมายากลกระนั้นหรือ และบรรดามายากรทั้งหลายจะไม่ประสบความสมหวังโดยแน่แท้


คำแปล R3.
75. หลังจากรอซูลเหล่านั้นแล้วเราได้ส่งมูซาและฮารูนพร้อมกับสัญญาณทั้งหลายของเรามายังฟิรเอาน์และบรรดาหัวหน้าของเขา แต่พวกเขากลับโอหัง เพราะพวกเขาเป็นหมู่ชนผู้ทำผิด
76. ดังนั้นเมื่อสัจธรรมจากเรามายังพวกเขา พวกเขากล่าวว่า “นี่คือมายากลอย่างชัดแจ้ง”
77. มูซาได้ตอบว่า “พวกท่านเรียกสัจธรรมว่ามายากลกระนั้นหรือ เมื่อมันได้มายังพวกท่าน ? นี่คือมายากลกระนั้นหรือ ? ความจริงแล้วพวกมายากลนั้นไม่อาจจะประสบความสำเร็จจริงได้”


คำแปล R4.
75. หลังจากพวกเขาเหล่านั้นแล้ว เราได้ส่งมูซาและฮารูนไปยังฟิรเอาน์และบรรดาผู้นำของเขาด้วยสัญญาณทั้งหลายของเรา พวกเขาก็เย่อหยิ่งโอหัง โดยพวกเขาเป็นกลุ่มชนที่มีความผิด
76. ครั้นเมื่อความจริงจากเราได้มายังพวกเขาแล้ว พวกเขากล่าวว่า “แท้จริงนี่คือวิทยากลอันชัดแจ้ง”
77. มูซาได้กล่าวว่า “พวกท่านกล่าวร้ายต่อความจริง เมื่อมันได้มายังพวกท่านเช่นนั้นหรือ? นี่หรือวิทยากล และนักวิทยากลนั้นจะไม่ประสบความสำเร็จดอก”


คำแปล R5.
๗๕. แล้วถัดต่อจากพระศาสนทูตเหล่านั้นมีพระศาสดานูห์ พระศาสดาอิบรอฮีม พระศาสดาฮู๊ดและพระศาสดาซอลิห์ เรา(อัลเลาะห์) ก็ได้แต่งตั้งพระศาสดามูซาและพระศาสดาฮารูนพี่ชายของเขา(มูซา)ขึ้นเป็นพระศาสนทูต พร้อมด้วยมีสัญญาณทั้งเก้าจากเรา ที่ชี้ว่าทั้งสองนี้เป็นพระศาสนทูตจริง ไปยังฟิรเอาน์และขณะชนของเขา(ฟิรเอาน์) แต่พวกนั้นกลับหยิ่งยโส ไม่ยอมเชื่อในสัญญาณทั้งเก้าอย่างนี้ พวกเหล่านั้นแหละคือปวงชนกาฟิร
๗๖. ครั้นเมื่อความจริงแท้แห่งสัญญาณทั้งเก้า จากการตัดสินฝ่ายเรา(อัลเลาะห์) มีมาถึงพวกเหล่านั้น(ทั้งฟิรเอาน์และคณะ) แล้วพวกเหล่านั้นบอกว่าความจริงแท้แห่งสัญญาณทั้งเก้านี้คือวิทยากลแน่ชัดทีเดียว
๗๗. มูซากล่าวว่าไม่น่าที่ท่านจะพูดอคติกับเรื่องจริงแท้ แห่งสัญญาณทั้งเก้าเมื่อมีมาถึงพวกท่านแล้วเลยว่ามันคือวิทยากล มูซาบอกว่า เรื่องนี้หาใช่วิทยากลไม่ มันคือสัญญาณ เพราะผู้นำมาซึ่งสัญญาณทั้งเก้านั้นย่อมเป็นผู้มีชัยและสามารถทำลายวิทยากลของบรรดานักวิทยากลทั้งปวงได้ แต่ผู้ปฏิบัติการวิทยากลหาได้เป็นผู้มีชัยไม่


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺยูนุส อายะฮฺที่ 78 - 82


คำอ่าน
78. กอลู..อะยิฮฺตะนา ลิตัลฟิตะนา อัม..มาวะญัดนา อะลัยฮิอาบา..อะนา วะตะกูนะละกุมัลกิบริยา...อุฟิลอัรฎฺ วะมานะหฺนุละกุมาบิมุอ์มินีน
79. วะกอละฟิรฺเอานุอ์ตูนี บิกุลลิสาหิรินอะลีม
80. ฟะลัม..มาญา...อัสสะหะเราะตุ กอละละฮุม..มูสา..อัลกูมา..อัน..ตุม..มุลกูน
81. ฟะลัม..มาอัลก็อว กอละมูสา มาญิอ์ตุม..บิฮิสสิหฺรุ อิน..นัลลอฮะ สะยุบฏิลุฮู อิน..นัลลอฮะลายุศลิหุ อะมะลัลมุฟสิดีน
82. วะยุหิกกุลลอฮุลหักเกาะ บิกะลิมาติฮี วะเลกะริฮัลมุจญริมูน


คำแปลR1.
78. They said: "Have you come to us to turn us away from that (Faith) we found our fathers following, - and that you two may have greatness in the land? We are not going to believe you two!"
79. And Fir'aun (Pharaoh) said: "Bring to me every well-versed sorcerer."
80. And when the sorcerers came, Musa (Moses) said to them: "Cast down what you want to cast!"
81. Then when they had cast down, Musa (Moses) said: "What you have brought is sorcery, Allah will surely make it of no effect. Verily, Allah does not set right the work of Al-Mufsidun (the evil-doers, corrupts, etc.).
82. "And Allah will establish and make apparent the truth by his words, however much the Mujrimun (criminals, disbelievers, polytheists, sinners, etc.) may hate it."


คำแปล R2.
78. พวกเขากล่าวว่า “ท่านมายังพวกเราเพื่อท่านจะทำให้พวกเราเลิกราไปจากสิ่งที่พวกเราได้พบบรรพบุรุษของพวกเราดำรงมั่นอยู่กระนั้นหรือ(สิ่งนั้นคือลัทธิบูชารูปปั้น) และท่านทั้งสองก็จะได้มีอำนาจในแผ่นดินต่อไป ? และพวกเราไม่ศรัทธากับท่านทั้งสองอย่างเด็ดขาด
79. และฟิรเอาน์ได้ออกคำสั่ง(แก่คนของเขา)ว่า “เจ้าทั้งหลายจง(ออกไปกว้านหาและ)นำมายังข้าซึ่งนักมายากลทุกคนที่มีความรอบรู้(อันเชี่ยวชาญ)”
80. ครั้นเมื่อบรรดามายากรทั้งหลายได้มาแล้ว มูซาก็กล่าวแก่พวกนั้นว่า “ท่านทั้งหลายจงขว้าง(อุปกรณ์การแสดงมายากล)ที่พวกท่าน(เตรียมมา)ขว้าง(ก่อน)เถิด!”
81. ต่อมา เมื่อพวกเขาได้ขว้างออกไปแล้ว มูซาก็กล่าวว่า “สิ่งที่พวกท่านได้แสดงนั้นเป็นมายากลโดยแท้ แท้จริงอัลเลาะฮฺจะทรงทำลายมัน(ด้วยปาฏิหาริย์ที่ทรงประทานแก่ฉัน) แท้จริงอัลเลาะฮฺไม่ทรงปรับปรุงการงานของบรรดาผู้บ่อนทำลายทั้งมวล
82. และอัลเลาะฮฺทรงบันดาลให้ปรากฏจริงเสมอ(ในสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์)ด้วยประกาศิตของพระองค์ และมาดแม้นทรชนจะรังเกียจก็ตาม


คำแปล R3.
78. พวกเขากล่าวว่า “ท่านจะมาหันเหพวกเราออกไปจากความศรัทธาของบรรพบุรุษของพวกเราเพื่อที่เจ้าทั้งสองจะได้ครอบครองแผ่นดินกระนั้นหรือ ? เราไม่ศรัทธาในสิ่งที่ทั้งสองพูดดอก”
79. และฟิรเอาน์ได้กล่าว (แก่คนของเขาว่า) “จงบไปเอานักมายากลผู้เชี่ยวชาญทุกคนมายังฉัน”
80. เมื่อบรรดานักมายากลมาแล้วมูซาได้กล่าวแก่พวกเขาว่า “จงโยนอะไรลงมาก็ได้ที่พวกท่านอยากจะโยน”
81. แล้วเมื่อพวกนักมายากลได้โยนเครื่องมือของพวกเขาลงไป มูซาก็ได้กล่าวแก่พวกเขาว่า “ที่พวกท่านโยนลงมานั้นคือมายากล แน่นอนอัลลอฮิจะทรงทำให้มันไร้ผล เพราะอัลลอฮฺจะไม่ปล่อยให้แผนการของผู้ก่อความเสียหายประสบผลสำเร็จ
82. และอัลลอฮฺทรงพิสูจน์ให้โลกเห็นสัจธรรมโดยพระบัญชาของพระองค์ ถึงแม้ว่าพวกมีผิดจะไม่ชอบมันก็ตาม”


คำแปล R4.
78. พวกเขากล่าวว่า “ท่านมาหาเราเพื่อที่จะหันเหเรา ออกจากสิ่งที่เราได้พบเห็น (ศาสนา) ของบรรพบุรุษของเราและเพื่อที่ความยิ่งใหญ่ในแผ่นดินจะได้เป็นของท่านทั้งสองกระนั้นหรือ และเราจะไม่ศรัทธาต่อท่านทั้งสองเป็นแน่”
79. และฟิรเอาน์ได้กล่าวว่า “พวกท่านจงนำมาให้ฉัน นักวิทยากลผู้เชี่ยวชาญทุกคน”
80. เมื่อนักวิทยากลมาแล้ว มูซาได้กล่าวกับพวกเขาว่า “พวกท่านจงโยนสิ่งที่พวกท่านนำมาเพื่อจะโยนเถิด”
81. เมื่อพวกเขาได้โยนไปแล้ว มูซาได้กล่าวว่า “สิ่งที่พวกท่านนำมานั้นคือวิทยากล แท้จริงอัลลอฮฺจะทรงทำลายมัน แท้จริงอัลลอฮฺจะไม่ทรงทำให้การงานของบรรดาผู้บ่อนทำลายดีขึ้น”
82. “และอัลลอฮฺจะทรงให้สัจธรรมยืนหยัดอยู่ ด้วยคำกล่าวของพระองค์ และแม้ว่าบรรดาคนชั่วจะเกลียดชังก็ตาม


คำแปล R5.
๗๘. พวกเหล่านั้นทั้งฟิรเอาน์และคณะของเขากล่าวว่า โอ้ มูซา ท่านนำสัญญาณนั้นมายังเราเพื่อจะให้เราเลิกจากการเคารพเทวรูปซึ่งเราเคยพบว่าบรรพบุรุษของเรานับถืออยู่ และเพื่อความเป็นใหญ่ในแผ่นดินอียิปต์ของท่านทั้งสอง(มูซากับฮารูน) หรือ ? เราไม่เชื่อท่านทั้งสองหรอก
๗๙. แล้วฟิรเอาน์กล่าวแก่คณะชนผู้มีเกียรติของตนว่า พวกท่านจงนำเอานักวิทยากลผู้รอบรู้แต่ละคนมายังฉัน
๘๐. ครั้นเมื่อชนผู้มีเกียรติได้นำเอานักวิทยากลทั้งหลายมาแล้ว และหลังจากพวกเหล่านั้นได้บอกกับมูซาว่า “ตามใจเถิด ท่านจะเป็นผู้โยนของขลังของท่านลงไปที่สนามทดลองก่อนหรือว่าจะให้เราเป็นฝ่ายโยนลงไปก่อน” มูซากล่าวแก่พวกนักวิทยากลเหล่านั้นว่า เอา! พวกท่านจงโยนลงไปซิ อะไรก็ได้ที่เป็นของขลังอันมีตะกรุด เชือก กับไม้กระบอกที่พวกท่านจะโยน
๘๑. และเมื่อพวกนักวิทยากลเหล่านั้นได้โยนตะกรุด เชือก และไม้กระบอกของพวกตนลงไปแล้ว มูซาจึงถามว่า พวกท่านเอาวิทยากลอะไรมาแสดงหรือนั่น ? อัลเลาะห์จะทรงลบล้างให้มันเสื่อมคลายลงทีละน้อย ๆ แน่นอน แท้จริงอัลเลาะห์นั้นมิได้ทรงสนับสนุนกิจของพวกเสื่อมเสียให้เจริญรุ่งโรจน์เลย
๘๒. อัลเลาะห์จะทรงให้ความจริงแจ้งชัดขึ้นด้วยพระคำสัญญาของพระองค์ แม้ว่าเหล่ากาฟิรจะชอบหรือชิงชังก็ตามเถิด


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺยูนุส อายะฮฺที่ 83 - 86


คำอ่าน
83. ฟะมา..อามะนะ ลิมูสา..อิลลาซุรฺรียะตุม..มิน..ก็อวมิฮี อะลาค็อวฟิม..มิน..ฟิรฺเอานะ วะมะละอิฮิม อัย..ยัฟตินะฮุม วะอิน..นะฟิรฺเอานะ ละอาลิน..ฟิลอัรฎฺ วะอิน..นะฮูละมินัลมุสริฟีน
84. วะกอละมูสา ยาก็อวมิ อิน..กุน..ตุม อามัน..ตุม..บิลลาฮิ ฟะอะลัยฮิ ตะวักกะลู..อิน..กุน..ตุม..มุสลิมีน
85. ฟะกอลู อะลัลลอฮิตะวักกัลป์นา ร็อบบะนาลาตัจญอัลนา ฟิตนะตัลลิลก็อวมิซซอลิมีน
86. วะนัจญินา บิเราะหฺมะติกะ มินัลก็อวมิลกาฟิรีน


คำแปลR1.
83. But none believed in Musa (Moses) except the offspring of his people, because of the fear of Fir'aun (Pharaoh) and his chiefs, lest they should persecute them; and Verily, Fir'aun (Pharaoh) was arrogant tyrant on the earth, he was indeed one of the Musrifun (polytheists, sinners and transgressors, those who give up the truth and follow the evil, and commit all kinds of great sins).
84. And Musa (Moses) said: "O my people! If you have believed in Allah, then put your trust in Him if you are Muslims (those who submit to Allah's Will)."
85. They said: "In Allah we put our trust. Our Lord! Make us not a trial for the folk who are Zalimun (polytheists and wrong-doing) (i.e. do not make them overpower us).
86. "And save us by Your Mercy from the disbelieving folk."


คำแปล R2.
83. แท้จริงมิได้ศรัทธากับมูซาเลย ยกเว้นเพียงตระกูลเล็ก ๆ จากกลุ่มชนของเขาเองท่ามกลางความหวาดกลัวของพวกเขาที่มีต่อฟิรเอาน์และชนชั้นผู้นำว่า ฟิรเอาน์จะทำโทษพวกเขา(ที่ศรัทธาในนบีมูซา) และแท้จริงฟิรเอาน์นั้นเป็นผู้คุมอำนาจอันสูงสุดในแผ่นดินนั้น และแท้จริงเขาเป็นผู้หนึ่งในจำนวนผู้ละเมิดทั้งหลาย
84. และมูซาได้ประกาศว่า “โอ้กลุ่มชนของฉัน! หากแม้นพวกท่านมีศรัทธามั่นในอัลเลาะฮฺจริงแล้วไซร้ ท่านทั้งหลายก็จงมอบหมายต่อพระองค์เถิด หากแม้นท่านทั้งหลายเป็นผู้ยอมสวามิภักดิ์จริงต่อพระองค์
85. ดังนั้นพวกเขาจึงกล่าวว่า “พวกเราขอมอบหมายแด่อัลเลาะฮฺ โอ้องค์อภิบาลของเรา! ขอพระองค์อย่าดลบันดาลให้พวกเราเป็นที่ลงโทษสำหรับกลุ่มชนผู้ฉ้อฉลเลย”
86. และโปรดยังความปลอดภัยแก่พวกเราโดยพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ให้พ้นจากกลุ่มชนผู้ทรยศทั้งมวล


คำแปล R3.
83. (ดังนั้น จงดูเถิดว่า)  ไม่มีใครนอกจากเด็กหนุ่มเพียงไม่กี่คนในหมู่พวกเขาเท่านั้นที่เชื่อฟังและปฏิบัติตามมูซาเพราะความกลัวฟิรเอาน์และบรรดาหัวหน้าของเขา เนื่องจากพวกเขากลัวว่าฟิรเอาน์จะลงโทษทรมานพวกเขา และแท้จริงฟิรเอาน์นั้นมีอำนาจมากในแผ่นดิน และเขาเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่ไม่ลังเลที่จะละเมิดขอบเขต
84. มูซาได้กล่าวแก่คนของเขาว่า “หมู่ชนของฉันเอ๋ย ถ้าหากพวกท่านศรัทธาในอัลลอฮฺอย่างจริงใจ จงวางใจในพระองค์ ถ้าหากพวกท่านเป็นมุสลิม”
85. พวกเขาตอบว่า “เราไว้วางใจในอัลลอฮฺ โอ้ พระผู้อภิบาลของเรา ขอทรงอย่าได้ทำให้เราเป็นเครื่องทดสอบสำหรับหมู่ชนผู้อธรรม
86. และได้ทรงโปรดช่วยเราด้วยความเมตตาของพระองค์ให้พ้นจากบรรดาผู้ปฏิเสธ”


คำแปล R4.
83. ไม่มีใครศรัทธาต่อมูซา นอกจากลูกหลานบางคนจากกลุ่มชนของเขา (บนีอิสรออีล) เนื่องจากความกลัวต่อฟิรเอาน์ และหัวหน้าของพวกเขา จะทำความวุ่นวายแก่พวกเขา และแท้จริงฟิรเอาน์นั้นเป็นเป็นผู้หยิ่งผยองในแผ่นดิน และแท้จริงเขาอยู่ในหมู่ผู้ละเมิด
84. และมูซากล่าวว่า “โอ้กลุ่มชนของฉัน หากพวกท่านศรัทธาต่ออัลลอฮฺ พวกท่านก็จงมอบหมายต่อพระองค์ หากพวกท่านเป็นผู้ยอมจำนน
85. พวกเขากล่าวว่า “แด่อัลลอฮฺเราขอมอบหมาย ข้าแต่พระเจ้าของเราได้ทรงโปรดอย่าให้เราเป็นเครื่องทดลองสำหรับหมู่ชนผู้อธรรมเลย”
86. “และได้ทรงโปรดช่วยเราให้พ้นจากหมู่ชนผู้ปฏิเสธศรัทธา ด้วยพระเมตตาของพระองค์ด้วยเถิด”


คำแปล R5.
๘๓. ไม่มีใครเชื่อมูซาเลยเว้นแต่อนุชนสืบแต่พรรคพวกของมัน(ฟิรเอาน์) เองที่ยังเกรง ๆ อยู่ว่า ฟิรฺเอาน์นั้นและพวกมันจะขู่เข็ญพวกเขาให้ผินหนีจากศาสนาซึ่งพวกตนกำลังนับถืออยู่ด้วยการลงโทษ เพราะว่าฟิรเอาน์นั้นเถลิงอำนาจอยู ณ แผ่นดินอียิปต์ แต่ที่แท้มัน(ฟิรเอาน์) ก็คือผู้หนึ่งจากพวกล่วงละเมิดซึ่งขอบเขต ด้วยการอ้างตัวเป็นพระเจ้านั่นเอง
๘๔. และมูซากล่าวว่า โอ้ประชาชนของฉัน แม้นพวกท่านศรัทธาต่ออัลเลาะห์ด้วยการประพฤติปฏิบัติตามที่ทรงใช้ และละข้อห้ามของพระองค์แล้วไซร้ พวกท่านจักต้องมอบหมายต่อพระองค์เท่านั้น หากพวกท่านเป็นพวกยอมตามพระบัญชาใช้และข้อห้ามของพระองค์
๘๕. ประชาชนเหล่านั้นของมูซากล่าวตอบมูซาว่าพวกเราขอมอบหมายตัวไว้ต่ออัลเลาะห์แล้ว ต่อแต่นั้นปวงประชาชนของมูซาจึงเอ่ยถ้อยคำวิงวอน โอ้องค์พระผู้อภิบาลแห่งบรรดาข้าพระองค์ ขอพระองค์ได้โปรดอย่าให้เหล่าข้าพระองค์ได้รับความเดือดร้อนใด ๆ เพราะปวงชนผู้คิดคดเลย ข้าพระองค์ทั้งหลายเกรงว่าพวกมันสำคัญตัวเป็นผู้นับถือศาสนาเที่ยงแท้ แล้วจะเคี่ยวเข็ญบรรดาข้าพระองค์ให้แปรเปลี่ยนศาสนาที่ข้าพระองค์กำลังยึดมั่นกันอยู่
๘๖. และขอพระองค์ได้โปรดช่วยเหลือเกื้อกูลให้บรรดาข้าพระองค์ปลอดพ้นจากปวงชนกาฟิรได้ด้วยพระกรุณาของพระองค์ด้วยเถิด


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺยูนุส อายะฮฺที่ 87 - 89


คำอ่าน
87. วะเอาหัยนา..อิลามูสา วะอะคีฮิ อัน..ตะเบาวะอา ลิก็อวมิกุมา บิมิศเราะบุยูเตา..วัจญอะลูบุยูตะกุม กิบละเตา..วะอะกีมุศเศาะลาตะ วะบัชชิริลมุอ์มินีน
88. วะกอละมูสา  ร็อบบะนา..อิน..นะกะอาตัยตะ ฟิรฺเอานะ วะมะละอะฮู ซีนะเตา..วะอัมวาลัน..ฟิลหะยาติดดุนยา ร็อบบะนาลิยุฎิลลูอัน..สะบีลิกะ ร็อบบะนัฏมิสอะลา..อัมวาลิฮิม วัชดุด อะลากุลูบิฮิม ฟะลายุอ์มินู หัตต่ยะเราะวุลอะซาบัลอะลีม
89. กอละก็อดอุญีบัต ดะอฺวะตุกุมา ฟัสตะกีมา วะลาตัตตะบิอา...นนิ สะบีลัลละซีนะ ลายะอฺละมูน


คำแปลR1.
87. And we inspired Musa (Moses) and his brother (saying): "Take dwellings for your people in Egypt, and make your dwellings as places for your worship, and perform As-Salat (Iqamat-as-Salat), and give glad tidings to the believers."
88. And Musa (Moses) said: "Our Lord! You have indeed bestowed on Fir'aun (Pharaoh) and his chiefs splendour and wealth in the life of this world, our Lord! That they may lead men astray from Your Path. Our Lord! Destroy their wealth, and harden their hearts, so that they will not believe until they see the painful torment."
89. Allah said: "Verily, the invocation of you both is accepted. So you both keep to the Straight Way (i.e. keep on doing good deeds and preaching Allah's message with patience), and follow not the path of those who know not (the truth i.e. to believe in the Oneness of Allah, and also to believe in the reward of Allah: Paradise, etc.)."


คำแปล R2.
87. และเรา(อัลเลาะฮฺ)ได้ดลจิตแก่มูซาและพี่ชายของเขา(ฮารูน)ว่า “เจ้าทั้งสองจงปลูกสร้างบ้านเรือนขึ้นในเมืองอียิปต์เพื่อกลุ่มชนของเจ้าทั้งสอง(จะได้อยู่อาศัย) และพวกเจ้าทั้งหลายจงทำบ้านเรือนของพวกเจ้าเป็นที่ทำนมัสการ และจงทำนมัสการ(ในนั้น) และเจ้าจงแจ้งข่าวดีแก่บรรดาศรัทธาชนทั้งหลายเถิด
88. และนบีมูซาได้วอนขอว่า “โอ้องค์อภิบาลของเรา! แท้จริงพระองค์ได้ทรงประทานแก่ฟิรเอาน์และชนชั้นผู้นำของเขาซึ่งเครื่องประดับและทรัพย์สมบัติ(ที่ให้ความสุข)ในชีวิตทางโลกนี้ โอ้องค์อภิบาลของเรา! (ความสุขต่าง ๆ ที่พระองค์ประทานแก่พวกนั้น) บั้นปลายแล้วพวกเขาก็หลงออกนอกแนวทางของพระองค์ โอ้องค์อภิบาลของเรา! ขอได้โปรดแปรสภาพทรัพย์สมบัติของพวกเขา(ให้เป็นหินไป)เถิด จนพวกเขาได้มองเห็นการลงโทษอันทรมานยิ่ง
89. พระองค์ทรงตรัสว่า “คำขอของทั้งสองได้รับการสนองตอบแล้ว ดังนั้นเจ้าทั้งสองจงยืนหยัดให้มั่นคงเถิด และเจ้าทั้งสองอย่าตามแนวทางของพวกที่ไม่รู้


คำแปล R3.
87. และเราได้ดลใจมูซาและพี่ชายของเขาว่า “จงจัดหาบ้านสำหรับผู้คนของเจ้าทั้งสองในอียิปต์และจงทำบ้านของสูเจ้าเป็นกิบละฮฺและจงดำรงการนมาซและจงให้ความหวังและความกล้าหาญแก่บรรดาผู้ศรัทธา”
88. มูซาได้วิงวอนขอและกล่าวว่า “ข้าแต่พระผู้อภิบาลของเรา พระองค์ได้ทรงประทานความสง่างามและทรัพย์สินในชีวิตแห่งโลกนี้ให้แก่ฟิรฺเอาน์และบรรดาหัวหน้าของเขา ข้าแต่พระผู้อภิบาลของเรา นี่เองที่พวกเขาได้นำผู้คนให้หลงผิดออกไปจากทางของพระองค์ ข้าแต่พระผู้อภิบาลของเรา ได้ทรงโปรดทำลายความมั่งคั่งของพวกเขาและทำให้หัวใจของพวกเขาแข็งกระด้างเพื่อที่พวกเขาจะไม่ศรัทธาจนกว่าพวกเขาได้เห็นการลงโทษอันเจ็บปวด”
89. อัลลอฮฺได้ทรงตอบว่า “การวิงวอนของเจ้าทั้งสองได้ถูกรับแล้ว เจ้าทั้งสองจงยืนหยัดให้มั่นคงและจงอย่าปฏิบัติตามทางของบรรดาผู้ไม่มีความรู้”


คำแปล R4.
87. และเราได้วะฮีย์มายังมูซาและพี่ชายของเขา(ฮารูน) ให้จัดสร้างบ้านให้แก่กลุ่มชนของเจ้าทั้งสองในอียิปต์และจงทำบ้านของพวกท่านเป็นกิบละฮฺ และจงดำรงการละหมาด และจงแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้ศรัทธา
88. และมูซาได้กล่าวว่า “ข้าแต่พระเจ้าของเรา แท้จริงพระองค์ทรงประทานความสำราญและทรัพย์สิน แก่ฟิรเอาน์และหัวหน้าของเขา ในการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ข้าแต่พระเจ้าของเรา โดยพวกเขาจะทำให้(กลุ่มชน) หลงจากแนวทางของพระองค์ ข้าแต่พระเจ้าของเรา ขอพระองค์ทรงทำลายทรัพย์สินของพวกเขา และทรงโปรดทำให้หัวใจของพวกเขาแข็งกระด้าง เพื่อมิให้พวกเขาศรัทธา จนกว่าพวกเขาจะเห็นการลงโทษอย่างเจ็บปวด”
89. พระองค์ตรัสว่า “การวิงวอนของเจ้าทั้งสองถูกรับแล้ว เจ้าทั้งสองจงดำเนินตามแนวทางที่เที่ยงธรรม และอย่าปฏิบัติตามแนวทางของบรรดาผู้ไม่รู้”


คำแปล R5.
๘๗.เรา(อัลเลาะห์) จึงได้ดลกระแสโองการลงยังพระศาสดามูซา และฮารูนผู้พี่ชายของเขา(มูซา) ว่า ให้เจ้าทั้งสองจงสร้างบ้านเรือนที่ประเทศอียิปต์สำหรับเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของประชาชนของเจ้าทั้งสอง และจงให้บ้านเรือนของเจ้าทั้งสองและพรรคพวกของเจ้าเป็นที่ละหมาด เพื่อว่าจะได้หมดกังวล ไม่หวั่นเกรงภัยรบกวนจากฟิรเอาน์ที่คอยขัดขวางและห้ามปรามพวกเจ้ามิให้กระทำละหมาด
   มีนักอรรถาธิบายอัล-กุรอาน(มุฟัซซิร) กล่วถึงสถานการณ์เป็น ๓ นัย ดังนี้
   (๑) พระนบีมูซากับบรรดาชนผู้ร่วมศรัทธาในระยะเริ่มแรกของกิจการทางศาสนานั้นถูกบัญชาใช้ให้ละหมาดที่บ้านเพื่อหลบซ่อนพวกกาฟิร ทั้งนี้ไม่ต้องการให้กาฟิรเหล่านั้นข่มเหงรังแกก่อกวนศาสนาเหมือนดั่งพวกมุอ์มินชาวมักกะห์ต้องปฏิบัติเช่นนั้นในระยะเริ่มต้นของอิสลามยุคพระศาสดามุฮำมัด ซล.
   ๒. ปราชญ์บางท่านบรรยายว่า เมื่อพระศาสดามูซาได้รับแต่งตั้งเป็นพระศาสนทูตมายังปวงชน ฟิรเอาน์ก็สั่งทำลายมัสยิดของพวกในตระกูลอิสรออีลทันที และห้ามปวงชนเหล่านี้ปฏิบัติละหมาด ดังนั้นอัลเลาะห์ทรงบัญชาใช้พวกเหล่านั้นให้ปฏิบัติละหมาดที่บ้านแทนมัสยิด ด้วยเกรงว่าฟิรเอาน์จะก่อกวน
   (๓) และเมื่อมูซาถูกแต่งตั้งให้เป็นพระศาสนทูตมายังปวงชน ฟิรเอาน์ก็แสดงความเป็นศัตรูทีค่ฉกาจอย่างออกนอกหน้า อัลเลาะห์จึงทรงบัญชาให้มูซาและฮารูนตลอดจนประชาชนสร้างมัสยิดให้หลบสายตาของศัตรู แล้วพระองค์ก็ทรงประกันความปลอดภัย ให้ปลอดพ้นจากความร้ายกาจของฝ่ายศัตรูไว้ด้วย ทั้งพวกเจ้าและประชากรของเจ้าจงปฏิบัติละหมาดโดยถูกต้องครบตามกระบวนการของมัน และโอ้มูซา จงยังความปลาบปลื้มแก่พวกมีศรัทธาด้วยอ้างถึงความช่วยเหลือและสรวงสวรรค์ด้วยเถิด
๘๘. เมื่อพระนบีมูซาได้แสดงอภินิหารอันเป็นที่แจ้งชัดหลายอย่าง และปวงประชากรของเขาได้เห็นประจักษ์แก่สายตาแล้ว พวกเหล่านั้นยังกลับกลายเป็นผู้ไร้ศรัทธาและดื้อดึงอยู่อีก พระนบีมูซาจึงขอต่ออัลเลาะห์ให้ทรงบันดาลความวินาศขึ้นแก่พวกเหล่านั้น มูซาจึงกล่าวขึ้นว่า โอ้องค์พระผู้อภิบาลแห่งข้าพระองค์ แท้จริงพระองค์นั้นได้โปรดประทานความโอ่อ่า และทรัพย์สินแก่ฟิรเอาน์และสมุนผู้มีเกียรติของมัน(ฟิรเอาน์) ในชีวิตแห่งภาคภพนี้ โอ้องค์พระผู้อภิบาลแห่งข้าพระองค์ ขอพระองค์ได้โปรดประทานทั้งสองอย่างนั้นแก่ฟิรเอาน์และสมุนเหล่านั้นเถิด เพื่อพวกนั้นจะได้เพลิดเพลินจนหลงห่างหนทางดำเนินศาสนาแห่งพระองค์ในที่สุด โอ้องค์พระผู้อภิบาลแห่งข้าพระองค์ ขอพระองค์ได้โปรดให้ทรัพย์สินของพวกนั้นหมดสภาพกลายเป็นหินไป และได้โปรดให้หัวใจของพวกเหล่านั้นแกร่งกระด้างเข้าไม่ถึงคุณธรรม ประหนึ่งถูกผนึกปิดตายไว้ ขออย่าให้พวกเหล่านั้นได้ศรัทธาเลย จนกว่าพวกนั้นจะได้แลเห็นโทษทัณฑ์อันเจ็บแสบ ฝ่ายพระศาสดาฮารูนก็กล่าวสนับสนุนคำสาปแช่งของมูซาว่า “อามีน” (ความหมายพากย์ไทยว่าขอได้โปรดสนองด้วยเทอญ)
๘๙. พระองค์อัลเลาะห์ตรัสว่า ถ้อยคำสาปแช่งของเจ้าทั้งสองที่กล่าวนั้นเป็นที่รับสนองแล้ว ด้วยเหตุนั้นบรรดาทรัพย์สินของพวกเหล่านั้นจึงกลายสภาพเป็นหิน แต่ถึงกระนั้นฟืรเอาน์ก็คงยังไม่ยอมศรัทธาจนถึงวาระแห่งการจมน้ำตายถัดจากถูกคำสาปแช่ง ๔๐ ปี การที่ถูกประวิงเวลาให้เนิ่นช้าออกไปนั้น ย่อมเป็นไปตามพระกำหนดของอัลเลาะห์เท่านั้น ดังนั้นจึงให้เจ้าทั้งสอง(มูซาและฮารูน) ดำรงมั่นอยู่ในความมีตำแหน่งเป็นพระศาสนทูตไว้เถิด จนกว่าพวกนั้นจะจมน้ำตาย และอย่าได้เจริญรอยตามแนวทางของบรรดาผู้ไม่รู้เลย ที่ขอให้เร่งเวลาแห่งการตัดสินลงโทษโดยด่วน


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺยูนุส อายะฮฺที่ 90 - 93


คำอ่าน
90. วะญาวัซนาบิบะนี..อิสรอ...อีลัลบะหฺเราะ ฟะอัตบะอะฮุม ฟิรเอานุ วะญุนูดุฮู บัฆเยา..วะอัดวา ฟัตตา..อิซา..อัดเราะกะฮุลฆ็อรฺกุ กอละอามัน..ตุ อัน..นะฮู..ลา..อิลาฮะอิลลัลละซี..อามะนัตบิฮี บะนู..อิสรอ...อีละ วะอะนะมินัลมุสลิมีน
91. อา...ล อานะ วะก็อดอะศ็อยตะ ก็อบลุ วะกุน..ตะ มินัลมุฟสิดีน
92. ฟัลเยามะ นุนัจญีกะ บิบะดะนิกะ ลิตะกูนะ มินัลค็อลฟะกะอายะฮฺ วะอิน..นะกะษีร็อม..มินัน..นาสิ อันอายาตินาละฆอฟิลูน
93. วะละก็อดเบาวะอ์นาบะนี..อิรอ...อีละ มุเบาวะอะศิดกิว..วะเราะซักนาฮุม..มินัฏฏ็อยยิบาต ฟะมัคตะละฟู หัตตาญา...อะฮุมุลอิลมุ อิน..นะร็อบบะกะ ยักฎีบัยนะฮุม เยามัลกิยามะติ ฟีมากานูฟีฮิ ยัคตะลิฟูน


คำแปลR1.
90. And we took the Children of Israel across the sea, and Fir'aun (Pharaoh) with his hosts followed them in oppression and enmity, till when drowning overtook him, He said: "I believe that La ilaha illa (Huwa): (none has the right to be worshipped but) He," In whom the Children of Israel believe, and I am one of the Muslims (those who submit to Allah's Will)."
91. Now (you believe) while you refused to believe before and you were one of the Mufsidun (evil-doers, corrupts, etc.).
92. So this day we shall deliver your (dead) body (out from the sea) that you may be a sign to those who come after you! And verily, many among mankind are heedless of our Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs , revelations, etc.).
93. And indeed we settled the Children of Israel in an honourable dwelling place (Sham and Misr), and provided them with good things, and they differed not until the knowledge came to them. Verily, Allah will judge between them on the Day of Resurrection in that in which they used to differ.


คำแปล R2.
90. และเราได้นำพวกเผ่าพันธุ์ของอิสรออีลมาถึงทะเล(แดง) โดยมีฟิรเอาน์และกองทัพของเขาตามมาติด ๆ เพื่อก่อการฉ้อฉลและรุกราน(แก่ฝ่ายของเผ่าพันธุ์อิสรออีลซึ่งนำโดยนบีมูซา) จนเมื่อเขาเกือบจะจมน้ำตายเขาก็กล่าวว่า “ข้าพเจ้าศรัทธาแล้วว่า แท้จริงไม่มีพระเจ้าใด ๆ ทั้งสิ้นนอกจาก(อัลเลาะฮฺ) พระผู้ซึ่งเผ่าพันธุ์ของอิสรออีลให้ความศรัทธา และฉันเป็นผู้หนึ่งจากกลุ่มผู้มีความสวามิภักดิ์
91. ณ บัดนี้(เจ้าเพิ่งคิดจะศรัทธา) ทั้ง ๆ ที่เจ้าได้ทรยศมาก่อน แล้เจ้าเป็นผู้หนึ่งจากกลุ่มชนผู้บ่อนทำลาย
92. ดังนั้น! ในวันนี้เราจึงให้ความปลอดภัยแก่เจ้า เฉพาะร่างกายของเจ้า(ให้พ้นจากการจมหายไปในทะเลแดง) เพื่อเจ้าจะได้เป็นสัญลักษณ์หนึ่ง(ที่เตือนใจ)แก่ผู้อยู่เบื้องหลังเจ้า และแท้จริงมีจำนวนมากจากมนุษย์ที่พากันละเลยต่อบรรดาสัญลักษณ์ต่าง ๆ ของเรา
93. และแท้จริงเราได้ให้เผ่าพันธุ์ของอิสรออีลได้มีถิ่นฐานที่จริงแท้ และเราได้ให้โชคผลแก่พวกเขา จากสิ่งที่ดี(มีประโยชน์) แล้วพวกเขาก็ไม่มีกรณีพิพาทกัน จนกระทั่งความรู้จริงได้มายังพวกเขา อันที่จริงองค์อภิบาลของเจ้า จะทรงพิพากษาระหว่างพวกเขาในวันชาติหน้า ในกรณีที่พวกเขาเคยพิพาทกันมาก่อน


คำแปล R3.
90. และเราได้พาวงศ์วานของอิสรออีลข้ามทะเล แล้วฟิรฺเอาน์และไพร่พลของเขาก็ติดตามพวกเขาด้วยเจตนาที่จะกระทำทารุณกรรมและการกดขี่จนกระทั่งเมื่อเขาจมน้ำ เขาได้กล่าวว่า “ฉันศรัทธาแล้วว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ผู้ซึ่งวงศ์วานอิสรออีลศรัทธา และฉันอยู่ในหมู่ผู้ยอมจำนน”
91. (ได้มีการการกล่าวตอบว่า) “ตอนนี้กระนั้นหรือที่สูเจ้าศรัทธา ในขณะที่ก่อนหน้านี้สูเจ้าเป็นผู้ฝ่าฝืนและเป็นผู้อยู่ในหมู่ผู้ก่อความเสียหาย
92. ตอนนี้ เราจะรักษาร่างของเจ้าเพียงเพื่อเป็นสัญญาณเตือนสำหรับชนรุ่นหลังเจ้า ถึงแม้ว่ามีผู้คนจำนวนมากมายที่ไม่ใส่ใจต่อสัญญาณทั้งหลายของเรา”
93. และเราได้ให้ที่พำนักอันดียิ่ง แก่วงศ์วานของอิสรออีลและได้จัดหาสิ่งที่ดีที่สุดแห่งชีวิตให้แก่พวกเขา หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่ได้ก่อให้เกิดการแตกแยกกันจนกระทั่งความรู้ได้มายังพวกเขา แน่นอนพระผู้อภิบาลของสูเจ้า จะทรงตัดสินระหว่างพวกเขาในวันแห่งการฟื้นขึ้น เกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาขัดแย้งกัน


คำแปล R4.
90. และเราได้ให้บนีอิสรออีลข้ามทะเลพ้นไป ดังนั้น ฟิรเอาน์และพลพรรคของเขาได้ติดตามพวกเขา (บนีอิสรออีล) ไปโดยอธรรมและเป็นศัตรู จนกระทั่งเมื่อการจมน้ำมาถึงเขาแล้ว เขากล่าวว่า “ฉันศรัทธาแล้วว่า แท้จริงไม่มีพระเจ้าอื่นใด นอกจากผู้ซึ่งบนีอิสรออีลได้ศรัทธาต่อพระองค์ และฉันคือคนหนึ่งในหมู่ผู้นอบน้อม”
91. บัดนี้ และแน่นอนเจ้าเป็นผู้ทรยศก่อนหน้านี้ และเจ้าเป็นคนหนึ่งในหมู่ผู้บ่อนทำลาย
92. ดังนั้น วันนี้เราจะให้ร่างของเจ้าออกจากทะเล เพื่อจักได้เป็นสัญญาณแก่ชนรุ่นหลังจากเจ้า และแท้จริงส่วนใหญ่ของมนุษย์เฉยเมยต่อสัญญาณต่างๆ ของเรา
93. และโดยแน่นอน เราได้ให้บนีอิสรออีลพำนักอาศัยอยู่ ณ สถานที่อันดี และเราได้ให้ปัจจัยยังชีพที่ดีมากมายแก่พวกเขา ดังนั้น พวกเขามิได้แยกแตกกัน จนกระทั่งคัมภีร์ได้มายังพวกเขา แท้จริงพระเจ้าของเจ้าจะทรงตัดสินระหว่างพวกเขาในวันกิยามะฮฺ ในสิ่งที่พวกเขาขัดแย้งกัน


คำแปล R5.
๙๐. และเรา(อัลเลาะห์) ได้ให้วงศ์วานอิสรออีล(บุตรหลานของพระศาสดายะกู๊บ)จำนวนหกแสนคนข้ามพ้นทะเลก็อลซุม(ที่อ่าวสุเอส) ไปได้ เพราะมูซาเอาไม้เท้าฟาดลงที่พื้นน้ำจนน้ำแยกออกเป้นทาง แล้วฟิรเอาน์กับเหล่าทหารของมันซึ่งเป็นทหารม้าจำนวนแปดหมื่นก็ติดตามพวกวงศ์วานอิสรออีลเหล่านั้นไปในทางน้ำแยกเพื่อการห้ำหั่นและต่อสู้ โดยมีม้าตัวเมียของยิยรออีลเป็นม้านำให้ทัพม้าของฟิรเอาน์ลงลึกจนกระทั่งมัน(ฟิรเอาน์) ถึงกับจมน้ำ มัน(ฟิรเอาน์) เอ่ยขึ้นว่า ฉันศรัทธาแล้ว ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่เที่ยงแท้ควรแก่การบูชาในภาคภพนี้เว้นแต่อัลเลาะห์ พระผู้ซึ่งวงศ์วานอิสรออีลเคารพบูชา และฉัน(ฟิรเอาน์) นี้เป็นผู้หนึ่งจากพวกถือมั่นในเอกภาพของพระองค์อีกด้วย ครั้นแล้วยิบรออีลจึงเอาโคลนจากก้นทะเลยัดเข้าปากฟิรเอาน์ ด้วยเกรงฟิรเอาน์จะกล่าวคำปฏิญาณศรัทธาว่า “ลาอิลาหะอิลลัลเลาะห์” (ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลเลาะห์) และพระองค์จะทรงปรานีต่อมัน
   การที่ฟิรเอาน์เพิ่งจะศรัทธาในเอกาพของอัลเลาะห์ต่อเมื่อเห็นโทษทัณฑ์นั้นย่อมไม่ถูกรับรองเลย หรือจะมีศรัทธาแต่เพียงอัลเลาะห์ แต่มิได้ศรัทธาต่อมูซาก็ย่อมไม่ถูกรับรองอีกด้วยเช่นกัน
๙๑. ยิบรออีลกล่าวตำหนิแล้วตวาดฟิรเอาน์ว่าเจ้าเพิ่งจะมาศรัทธาเอาเพียงขณะนี้เองหรือ ? ทั้งที่เมื่อแรกเจ้าก็เคยทรยศและเป็นผู้หนึ่งจากพวกก่อความเสื่อมเสียด้วยความงมงายของตัวเจ้าเอง และเป็นผู้ทำให้คนอื่นงมงาย เหห่างจากศรัทธาต่อพระองค์
๙๒. ณ วันนี้ เราจึงให้ร่างอันตายแล้วของเจ้าลอยขึ้นจากก้นทะเลเพื่อให้เป็นคติสำหรับชนรุ่นหลังจากเจ้า ชนเหล่านั้นจะได้ร็ถึงว่าเจ้าคือบ่าวของอัลเลาะห์นั่นเอง และเพื่อหักล้างข้ออ้างของเจ้าที่ว่า “เจ้าเองเป็นพระเจ้า” ให้สิ้นสูญลง  ทั้งนี้เพราะว่า พระเจ้าย่อมไม่ตาย และอนุชนเหล่านั้นจะได้ไม่อาจหาญกระทำเช่นเจ้า แต่ว่าปวงชนชาวนครมักกะห์ส่วนมากต่างลืมเลือนกันหมด หาได้พิจารณาถึงโองการต่าง ๆ ของเรา(อัลเลาะห์)ไม่
๙๓. แล้วเรา(อัลเลาะห์)ให้สัจปฏิญาณว่า เราได้ให้วงศ์วานอิสรออีลตั้งภูมิลำเนาอยู่ ณ ท้องถิ่นที่ประเสริฐ คือประเทศซีเรีย(ชาม)และอียิปต์ และเราจะได้อำนวยโภคลาภอันไม่เป็นบาปแก่พวกเหล่านั้นอีก พวกเหล่านั้นมิได้แตกแยกกันเป็นฝ่ายมุอ์มินและฝ่ายกาฟิร จนกระทั่งมีอัลกุรอานมายังพวกนั้น พวกนั้นก็แตกแยกกันเป็นฝ่ายมุอ์มิน อาทิเช่น อับดุลเลาะห์บุตรสลามและคณะ ที่เป็นกาฟิร ไม่ยอมเชื่อพระศาสดามุฮำมัด ซล. เพราะริษยาก็มี แท้จริงในวันกิยามะห์ องค์พระผู้อภิบาลของเจ้า จะทรงตัดสินท่ามกลางพวกเหล่านั้น ในเรื่องของศาสนาที่พวกนั้นแตกแยกกัน โดยให้หมู่คณะของอับดุลเลาะห์ บุตรสลาม ปลอดพ้นจากการถูกลงทัณฑ์ ส่วนพวกนอกนั้นที่เป็นฝ่ายกาฟิร ก็ให้ได้รับโทษทรมาน


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺยูนุส อายะฮฺที่ 94 - 97


คำอ่าน
94. ฟะอิน..กุน..ตะฟีชักกิม..มิม..มา..อัน..ซัลนา..อิลัยกะ ฟัสอะลิลละซีนะ ยักเราะอูนัลกิตาบะมิน..ก็อบลิก ละก็อดญา...อะกัลป์หักกุ มิรฺร็อบบิกะ ฟะลาตะกูนัน..นะมินัลมุมตะรีน
95. วะลาตะกูนัน..นะมินัลละซีนะ กัซซะบูบิอายาติลลาฮิ ฟะตะกูนะมินัลคอสิรีน
96. อิน..นัลละซีนะหักก็อตอะลัยฮิม กะลิมะตุร็อบบิกะ ลายุอ์มินูน
97. วะเลาญา...อัตฮุม กุลลุอายะติน หัตตายะเราะวุลอะซาบัลอะลีม


คำแปลR1.
94. So if you (O Muhammad) are in doubt concerning that which we have revealed unto you, [i.e. that your name is written in the Taurat (Torah) and the Injeel (Gospel)] then ask those who are reading the Book [the Taurat (Torah) and the Injeel (Gospel)] before you. Verily, the truth has come to you from your Lord. So be not of those who doubt (it) .
95. And be not one of those who belie the Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.) of Allah, for then you shall be one of the losers.
96. Truly! Those, against whom the word (Wrath) of your Lord has been justified, will not believe.
97. Even if every sign should come to them, - until they see the painful torment.


คำแปล R2.
94. ดังนั้น! หากแม้นเจ้า(มุฮำมัด)มีความสงสัยต่อสิ่งที่เราได้ส่งลงมาให้เจ้า เจ้าก็จงถามบรรดา(พวกยะฮูดี)ผู้ที่อ่านคัมภีร์ที่มีมาก่อนเจ้าเถิด แท้จริงสัจธรรมจากองค์อภิบาลของเจ้าได้มาสู่เจ้าแล้ว ดังนั้น เจ้าจงอย่าเป็นผู้หนึ่งจากบรรดาผู้สงสัย
95. และเจ้าอย่าเป็นผู้หนึ่งจากบรรดาที่กล่าวหาบรรดาโองการของอัลเลาะฮฺเป็นความเท็จแล้วเจ้าก็จะเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ขาดทุนอย่างแน่นอน
96. แท้จริงบรรดาผู้ซึ่งประกาศิตขององค์อภิบาลของเจ้าได้ปรากฏขึ้นจริงแก่พวกเขา พวกเขาย่อมไม่ศรัทธา
97. และแม้นว่าจะมีสัญลักษณ์ทุกอย่างมาสู่พวกเขาจนกระทั่งพวกเขาได้มองเห็นการลงโทษอันทรมานยิ่ง (พวกเขาก็หาได้ศรัทธาไม่ และศรัทธาที่แสดงออกในขณะนั้นก็ไม่เป็นที่รับรองแต่ประการใด ๆ)


คำแปล R3.
94. แล้วถ้าสูเจ้าสงสัยเกี่ยวกับทางนำที่เราได้ประทานลงมาแก่สูเจ้าสูเจ้าก็อาจถามเกี่ยวกับสิ่งนี้จากผู้คนที่ได้อ่านคัมภีร๋ก่อนหน้าสูเจ้า ความจริงแล้วมันคือสัจธรรมที่แท้จริงจากพระผู้อภิบาลของสูเจ้าที่ได้มายังสูเจ้า ดังนั้นจงอย่าอยู่ในหมู่ผู้สงสัย
95. และจงอย่าเป็นเช่นบรรดาผู้ถือว่า อายะฮฺทั้งหลายของอัลลอฮฺเป็นเท็จ มิเช่นนั้นแล้วสูเจ้าจะอยู่ในหมู่ผู้ขาดทุน
96. แท้จริงแล้วบรรดาผู้ที่ตกอยู่ภายใต้คำบัญชาของพระผู้อภิบาลของเจ้านั้น พวกเขาจะไม่ศรัทธา
97. ถึงแม้จะมีสัญญาณทุกอย่างถูกนำมาแสดงแก่พวกเขาก็ตาม (พวกเขาก็จะไม่ศรัทธา) จนกว่าพวกเขาจะได้เห็นการลงโทษอันเจ็บปวด


คำแปล R4.
94. หากเจ้าอยู่ในการสงสัยในสิ่งที่เราได้ให้แก่เจ้า ก็จงถามบรรดาผู้อ่านคัมภีร์ก่อนเจ้า(เตารอฮฺ) โดยแน่นอนสัจธรรมได้มายังเจ้าจากพระเจ้าของเจ้า ดังนั้นเจ้าจงอย่าอยู่ในหมู่ผู้สงสัย
95. และเจ้าอย่าเป็นเช่นบรรดาผู้ปฏิเสธโองการทั้งหลายของอัลลอฮฺ ดังนั้นเจ้าจะอยู่ในหมู่ผู้ขาดทุน
96. แท้จริง บรรดาผู้ที่พระดำรัส (การลงโทษ) ของพระเจ้าของเจ้า ได้บัญญัติแก่พวกเขาแล้วพวกเขาจะไม่ศรัทธา
97. และแม้ว่าทุกสัญญาณได้มายังพวกเขาจนกว่าพวกเขาจะแลเห็นการลงโทษอย่างเจ็บปวด


คำแปล R5.
๙๔. โอ้มุฮำมัด สมมติ ถ้าเจ้ามีความเคลือบแคลงเกิดขึ้น(ซึ่งไม่อยู่ในวิสัยที่จะเป็นไปได้สำหรับมุฮำมัด) เกี่ยวกับประวัติต่าง ๆ ส่วนที่เรา(อัลเลาะห์) ได้มีลงมายังเจ้าแล้วไซร้ก็ให้เจ้าถามบรรดาชนที่อ่านพระคัมภีร์เตารอตก่อนจากเจ้าเถิด เพราะพระคัมภีร์เตารอตนั้นมีอยู่ที่พวกเหล่านั้น แล้วพวกเหล่านั้นจะบอกเจ้าถึงความจริงในพระคัมภีร์เตารอตนั้น พระศาสดามุฮำมัด ซล. ตอบว่า ฉันมิได้เคลือบแคลงสงสัยแต่ประการใด ฉันจึงไม่ถ่ามบุคคลเหล่านั้น ข้าให้สัจปฏิญาณว่า แท้จริงความแน่นอนของข่าวจากองค์พระผู้อภิบาลแห่งเจ้าที่บอกว่า “เจ้าคือพระศาสนทูตแห่งอัลเลาะห์ แน่แท้” นั้นมีมาถึงเจ้าแล้ว โดยที่ชาวชนแห่งพระคัมภีร์เตารอตก็รู้อยู่ชัดว่าเจ้า คือพระศาสนทูตของพระองค์ ดังนั้นเจ้าอย่าได้เป็นผู้หนึ่งจากบรรดาชนที่เคลือบแคลงเลย จงมั่นคงอยู่อย่างเดิมเถิด
๙๕. และเจ้าอย่าได้เป็นผู้หนึ่งจากบรรดาชนที่หาว่าโองการทั้งหลายของอัลเลาะห์เท็จเลย เจ้าจะได้ไม่ใช่ผู้หนึ่งจากพวกขาดทุน
๙๖. แท้จริงบรรด่าชนที่ได้รับพระวาจาตัดสินแห่งองค์พระผู้อภิบาลแห่งเจ้าเด็ดขาดแล้วว่าจะต้องตายลงในศาสนาที่ขาดแนวศรัทธานั้นหาได้มีศรัทธาไม่ ทั้งนี้เพราะว่าพระวาจากของอัลเลาะห์นั้นเป็นสัจจริงเสมอ ทั้งยังไม่มีข้อบกพร่องแต่ประการใดอีกด้วย
๙๗. แม้จะมีเครื่องหมายทั้งปวงมายังพวกเขา จนสามารถมองเห็นโทษทัณฑ์ที่เจ็บแสบได้ก็ตาม ความศรัทธาของพวกเขาในขณะนั้นหามีประโยชน์ประการใดไม่ ประดุจความศรัทธาของฟิรเอาน์ที่เพิ่งเกิดขึ้นในตอนที่จะจมน้ำตายในท้องทะเลก็อลซุม ก็ย่อมไม่มีประโยชน์อะไรเลยฉะนั้น


 

GoogleTagged