คัมภีร์ไบเบิล คัมภีร์ยิว และคัมภีร์อัลกุรอาน ระบุว่าในพระธรรมปฐมกาลเริ่มต้นด้วย การทรงสร้างของพระเจ้า ทั้งการสร้างจักรวาล โลก สิ่งมีชีวิตต่างๆ รวมถึงมนุษย์ และมีการตีความผิดๆว่า:
"อาดัมและเอวา(อีฟ)คือ บิดามารดาของมนุษยชาติ และเป็นมนุษย์คู่แรกด้วย อนึ่ง อาดัม และ เอวา ทั้งสองมีลูกหลายคน จากลูกๆของอาดัมและเอวานี้เอง ที่ทำให้มนุษย์แพร่ขยายกระจายไปบนแผ่นดินโลก"
ผู้คนจำนวนมากในโลก ตีความไบเบิล คัมภีร์ยิว คัมภีร์อิสลาม ผิดๆถูกๆอย่างนี้มาช้านานแล้ว สุดท้ายเลยกลายเป็นว่า อดัม/อีฟ เป็นมนุษย์ชุดแรกที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาบนโลก ทั้งๆที่ มีการยืนยันโดยผู้เชี่ยวชาญแล้วว่ าโดยอ้างอิงพื้นฐานของพระธรรมปฐมกาล โลกนี้ได้ถูกสร้างเมื่อ 4 พันปีก่อนคริสตกาลเท่านั้น โดยนับตั้งแต่วันเริ่มแรกสร้างโลกของพระเจ้า การกำเนิดอาดัม และอีฟ และเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ที่ระบุไว้ในพระคัมภีร์
ผมเป็นผู้ที่อัลเลาะห์เลือกให้เปิดเผยความจริง ผมก็ต้องเปิดเผยความจริง ใครจะคิดอย่างไร ทำอย่างไร เป็นเรื่องของเขา ผมเปิดเผยเลยว่า โดยแท้ที่จริงแล้ว....อดัม/อีฟ เป็นมนุษย์ชุดสุดท้าย ที่อัลเลาะห์/ยะโฮวา สร้างขึ้นมา องค์พระผู้เป็นเจ้าสร้างอดัม/อีฟ เมื่อไม่ถึง 10,000 ปีนี้เอง
ก่อนหน้านั้น องค์พระผู้เป็นเจ้า(พระบิดา)ในชื่ออื่นๆที่มนุษย์ตั้งให้พระองค์ เช่น เง็กเซียน ศิวะ ซูส ได้สร้างมนุษย์ขึ้นมาเมื่อหลายแสนปีแล้ว แต่มนุษย์เหล่านั้นอยู่ในเผ่าพันธ์ เชื้อชาติ และเชื้อสายอื่นๆ เช่น อินเดีย จีน เกาหลี ไทย พม่า มอญ ยุโรป ฯลฯ
เรื่องที่ถูกต้องคือ อดัม/อีฟ เป็นมนุษย์ชุดแรกในเผ่าพันธ์ของผู้คนในตะวันออกกลาง (บาห์เรน อียิปต์ อิหร่าน ตุรกี อิรัก อิสราเอล จอร์แดน คูเวต เลบานอน โอมาน กาตาร์ ซาอุดีอาระเบีย ซีเรีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เยเมน และดินแดนปาเลสไตน์) เพราะลูกของอับราฮัมมีสองคนคือ อิชมาอิล(ศาสนาอิสลาม) และอิซซัค(ศาสนายิว) - ดังนั้นสองศาสนา จึงมีต้นกำเนิดเดียวกัน คือเป็นเชื้อสายของอดัมและอีฟ
ต้องถือว่า อดัม/อีฟเป็นมนุษย์ชุดสุดท้ายของในโลกใบนี้ที่พระเจ้าสร้างขึ้น เพราะโลกใบนี้ไม่ได้มีเฉพาะเผ่าพันธ์ของคนในตะวันออกกลางเท่านั้น เผ่าพันธ์อื่นๆมีมาหลายแสนปี หรืออาจจะเป็นล้านปีแล้วก็ได้
สรุป
อดัม/อีฟ ถูกพระเจ้าสร้างขึ้นมาหมื่นกว่าปีที่แล้ว อดัมเป็นมนุษย์คนแรกในเผ่าพันธุ์ของยิว(อิสราเอล) อิสลาม และเผ่าพันธุ์ของคนในตะวันออกกลาง แต่อดัมไม่ได้เป็นมนุษย์คนแรกที่พระเจ้าสร้างขึ้นในโลก พระเจ้าสร้างมนุษย์ในที่อื่นๆทั่วโลกก่อนอดัม/อีฟมานานแสนนานแล้ว
...
อ้างอิง: th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%90%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5
บนพื้นฐานของพระธรรมปฐมกาล ศาสนายูดาย และศาสนาคริสต์ ต่างยึดเอาพระธรรมปฐมกาล และพระธรรมเล่มต่อๆ มาเป็นเครื่องช่วยในการคำนวณอายุเหตุการณ์ต่างๆ ที่ปรากฏตามหลักฐานของพระคัมภีร์ เชื่อว่าโลกนี้ถูกสร้างเมื่อ 4 พันปีก่อนคริสตกาล (the beginning of the 4th millennium BC.) โดยนับตั้งแต่วันเริ่มแรกสร้างโลกของพระเจ้า การกำเนิดอาดัม และอีฟ และเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ที่ระบุไว้ในพระคัมภีร์ และวันแรกของการสร้างโลกที่คำนวณด้วยวิธีการนี้ ที่เป็นที่ยอมรับและกล่าวอ้างถึงมากที่สุด คือเวลา 9 โมงเช้า ของวันที่ 23 เดือนตุลาคม เมื่อ 4004 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งบิช๊อป เจมส์ ยูเซอร์ (Anglican Bishop James Ussher) เป็นผู้คำนวณขึ้น
แต่การคำนวณอายุโลกด้วยวิธีการดังกล่าว ก่อให้เกิดข้อกังขาขึ้นอย่างมาก รวมทั้งนักประวัติศาสตร์ และนักโบราณคดีโดยส่วนใหญ่ต่างก็ไม่ยอมรับการคำนวณอายุโลกด้วยวิธีการดังกล่าว นอกจากนี้ด้วยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ทั้งด้านดาราศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และชีววิทยา ล้วนแล้วแต่ไม่สอดคล้องกับผลการคำนวณดังกล่าว เนื่องจากหลักฐานบางอย่างระบุอายุของโลกไว้กว่า 4 พันล้านปีด้วยซ้ำไป ประเด็นอายุของโลกจึงยังคงเป็นที่ถกเถียงกันระหว่างศาสนศาตร์ และนักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ในปัจจุบัน
อ่านบทความข้้างต้นแล้วให้งงๆ ปนปั่นป่วนในหัวสมอง...
ที่งงๆก็คือ อยากทราบว่าคนตั้งกระทู้อยากจะสื่ออะไรกันแน่...
จะสื่อเรื่องศาสนา หรือเรื่องวิทยาศาสตร์
จะสื่อเรื่องความศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวหรือหลายองค์...
จะสื่อว่าพระเจ้าในแต่ละศาสนาเหมือนกัน(อย่างนั้นรึเปล่า)
เคยมีครั้งนึง น้องที่เป็นคริสเตียนกล่าวขึ้นว่า...
เรามีพระเจ้าเหมือนกัน...
ข้าน้อยบอกว่า...เปล่าเลย...หากน้องศึึกษาอิสลามจริงๆ
น้องจะรู้ว่าคุณลักษณะของพระเจ้าที่ถูกกล่าวไว้ในคัมภีร์อัลกุรอ่านไม่เหมือนกับ
พระเจ้าในศาสนาใดๆ...ดังนั้น จะบอกว่าเรามีพระเจ้าเหมือนกันคงไม่ได้
เพราะอิสลามมีวิชาว่าด้วยหลักการยึดมั่นด้วย...แน่นอนว่าคุณลักษณะ
ของความเป็นเจ้านั้นย่อมแตกต่างจากศาสนาอื่นๆอย่างมิต้องสงสัย...
และมุสลิมจะเชื่อในสิ่งที่ถูกกล่าวไว้ในคัมภีร์อัลกุรอ่านและอัลหะดิษ...
ผิดจากนั้นเราจะไม่เชื่อและจะไม่ศรัทธา...
อิสลามไม่ได้ถูกส่งมาเพื่อชาวอาหรับ แต่เพื่อชาวโลก...
และอดัมกับเฮาวา ก็ไม่ได้เป็นมนุษย์ชุดแรกของเผ่าพันธุ์ในโซนตะวันออกกลาง
แต่เป็นมนุษย์คู่แรกที่เป็นพ่อแม่ของมนุษย์โลก...และเราทุกคน
เป็นลูกหลานของอาดัมกับเฮาวา...เกิดและแตกออกมาจากท่านทั้งสอง
และแน่นอนว่า โลกใบนี้ไม่ได้มีเฉพาะเผ่าพันธุ์ของคนในตะวันออกกลางเท่านั้น
เผ่าพันธุ์อื่นๆก็มี...แต่ไม่ว่าจะเผ่าพันธุ์ไหนๆก็มีต้นกำเนิดมาจากมนุษย์คู่แรก
นั้นก็คืออาดัมกับเฮาวา...
ส่วนเรื่องอายุของโลก คิดว่า มนุษย์เราจะคำนวณให้ถูกต้องได้จริงๆคงยาก
ท่านจะเชื่อในสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์บอกทุกอย่างเลยหรือ
หากนักวิทยาศาสตร์บอกว่าเรามีบรรพบุรุษเป็นลิง...เราก็จะเชื่อหมดใจอย่างนั้นหรือ
หากนักวิทยาศาสตร์บอกว่า เมื่อก่อนเราเคยเป็นกิ้งกือไส้เดือนมาก่อน...
เรานั้นจะเชื่ออย่างนั้นเลยหรือ...
หากนักวิทยาศาสตร์บอกว่าโลกนี้เคยก่อกำเนิดมาจากนั่นจากนี่
เราจะเชื่อนักวิทยาศาสตร์เลยหรือ...
เราจะรู้ได้ยังไงว่านักวิทยาศาสตร์ไม่ได้มั่วนิ่ม...
เราจะเชื่อคนที่ถ่ายอุจจาระออกมามีกลิ่นเหม็นไม่ต่างจากเรา
โดยไม่คิดเผื่อใจไว้เลยหรือ...
และเราจะเชื่ออะไรระหว่างสิ่งที่ถูกกล่าวในคัมภีร์อัลกุรอ่านที่หลายๆคนบอกว่า
ศาสนทูตมุฮัมหมัดสร้างมันขึ้นมา ทั้งๆที่ไม่เคยมีมนุษย์คนไหนเลย
จะสามารถประพันธ์ได้เช่นดั่งคัมภีร์ดังกล่าวมาได้แม้แต่บทเดียว
กับนักวิทยาศาสตร์ที่เป็นมนุษย์ที่สามารถผิดพลาดได้เสมอ...
ถ้าอยากรู้ว่าอะไรน่าเชื่อถือกว่ากัน ก็ต้องลองศึกษามันทั้งสองอย่างค่ะ....
ทุกวันนี้ยังหาเรื่องถามนักวิทยาศาสตร์อยู่ว่า
ท่านหาเหตุผลได้ไหมว่า ทำไมคนที่ขยันทำงานถึงไม่รวยทุกคน
หากว่าตัวงานมันเป็นเหตุเป็นผลด้วยตัวของมันเอง โดยที่ไม่มีสิ่งอื่น
คอยกำหนดความเป็นไปของมนุษย์เราอยู่...
ถ้าหากว่างานมันเป็นเหตุให้คนที่ขยันทำมากๆ แล้วได้ผลตอบแทนมากๆกลับมา
เช่นดั่งทฤษฏี แรงกริยา = แรงปฏิกิริยา
ทำอะไรก็ได้เท่านั้น...ดังนั้นคนทำงานเยอะๆ ทำงานขยันมากๆ
ก็น่าจะได้เงินเยอะๆ ได้ผลตอบแทนอย่างมากมาย...
ชาวนาที่หว่านเมล็ดข้าวเยอะๆบนผืนดิน ก็ควรจะได้ผลผลิตมากกว่า
ชาวนาที่หว่านเมล็ดน้อยกว่า...แต่ทำไมเวลาต้นกล้ามันงอก
มันถึงไม่เท่ากับที่เราหว่านไป มีบางเมล็ดที่เน่าเสียไป บ้างก็งอกมาแต่ก็ตายไปอีก...
สรุปก็คือ...มีเหตุผลเช่นไรในการหาเหตุผลมาอธิบายเหตุการณ์ต่างๆ
ที่เกี่ยวกับการกระทำดังกล่าวได้บ้าง...ว่าทำไมทุกวันนี้ที่ฉันขยันทำงานแทบตาย
แต่ก็ยังจนและยังกระเสือกกระสนอยู่ ในขณะที่บางคนไม่เห็นต้องทำอะไรมากมาย
ก็นอนสบายมีเงินใช้ ไม่ยากจน...
สำหรับมุสลิมนั้นมีคำตอบ...เพราะนั่นคือ กฎการกำหนดสภาวะการณ์
ของพระเจ้า...เราคือผู้กระทำ เราอยู่ในโลกของการกระทำ
ส่วนภาคผลนั้นมาจากพระเจ้า...
สำหรับนักวิทยาศาสตร์ เขาคงไม่เชื่อว่าพระเจ้ามี...
เพราะหาเหตุผลแห่งการมีไม่ได้...แต่เขาจะหาคำตอบได้ไหม
ว่าทุกอย่างที่เป็นไปอยู่นี้ ไม่มีผู้ที่คอยกำหนดทิศทางของมันอยู่จริงๆ...
เราจะไม่รู้สึกเลยสักนิดหรือ ว่ามีผู้ลิขิตชะตาชีวิตของมนุษย์
และทุกสรรพสิ่งอยู่...
สำหรับข้าน้อย เชื่อว่า...พระเจ้ามีเพียงหนึ่ง
และสัจธรรมหรือความจริงก็มีเพียงหนึ่ง...
อยู่ที่เราจะหาเจอมันหรือเปล่าก็เท่านั้นค่ะ...
อย่าปล่อยให้การคำนวณอายุของโลกของนักวิทยาศาสตร์และนักธรณีวิทยา
ทำให้เรามองข้ามความจริงหรือสัจธรรมไปเลยนะคะ...
ความรู้บางอย่างก็ทำให้เราสับสนจนทำให้เราเดินหลงทางได้โดยไม่รู้ตัว...
กว่าจะรู้ตัว บางที่ก็เกือบสาย...หรืออาจจะยากเกินที่จะกู่กลับมาได้แล้ว...
วัสลามค่ะ