กระดานเสวนานักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว:
กระทู้ที่น่าสนใจ
ฟอรั่ม
หน้าแรก
ค้นหา
ปฏิทิน
Contact
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
GoogleTagged
กระดานเสวนานักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
»
เสวนาเชิงวิชาการ
»
อัลกุรอาน
(ผู้ดูแล:
นูรุ้ลอิสลาม
,
Bangmud
) »
อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 25 อัลฟุรฺกอน
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
หน้า: [
1
]
2
ลงล่าง
ผู้เขียน
หัวข้อ: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 25 อัลฟุรฺกอน (อ่าน 5614 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 25 อัลฟุรฺกอน
«
เมื่อ:
พ.ค. 27, 2012, 08:22 AM »
0
Tweet
คำอธิบายประกอบสูเราะฮฺ อัลฟุรฺกอน
เป็นบัญญัติมักกียะฮฺ มี 77 อายะฮฺ
ความหมายโดยสรุปของซูเราะฮฺ อัลฟุรฺกอน (الفرقان - เครื่องมือหรือเกณฑ์ในการจำแนก) R4.
ซูเราะฮฺ อัลฟุรกอนเป็นซูเราะฮฺมักกียะฮฺ ที่ให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องหลักการศรัทธา อัลอะกีดะฮฺ แก้ข้อสงสัยของพวกมุชริกีนเกี่ยวกับสาสน์การเผยแพร่ของท่านนะบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และเกี่ยวกับอัลกุรอานุลกะรีม ความมุ่งหมายหลักของซูเราะฮฺดำเนินไปเกี่ยวกับการยืนยันถึงข้อเท็จจริงของอัลกุรอาน ความถูกต้องของสาสน์ การเผยแพร่ของมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม หลักอะกีดะฮฺแห่งการศรัทธาต่อการฟื้นคืนชีพและการตอบแทน และเรื่องบางเรื่องของประชาชาติสมัยก่อน ๆ เพื่อเป็นข้อตักเตือน
ซูเราะฮฺนี้เริ่มด้วยการกล่าวถึงอัลกุรอาน ซึ่งพวกมุชริกีนได้ใช้วิธีการต่าง ๆ นานาในการใส่ไคล้และปฏิเสธว่ามิใช่เป็นวะฮียฺ บางครั้งก็กล่าวอ้างว่าเป็นนิทานเกี่ยวกับอภินิหารของผู้วิเศษ บางครั้งก็กล่าวว่าเป็นการอุปโลกน์ของมุฮัมมัด ด้วยความร่วมมือของพวกอะฮฺลุลกิตาบ และอีกบางครั้งก็อ้างว่าเป็นมายากลอันชัดแจ้ง อัลลอฮฺตะอาลาจึงตอบโต้พวกเหล่านั้นในการกล่าวอ้างที่มดเท็จและจินตนาการที่เหลวไหล พร้อมกับนำหลักฐานและข้อพิสูจน์มาแสดงว่า อัลกุรอานนั้นถูกประทานลงมาจากพระเจ้าแห่งสากลโลก หลังจากนั้นได้กล่าวถึงสาสน์การเผยแพร่ซึ่งพวกมุชริกีนที่ดื้อรั้นเข้ามาทำเป็นเจ้ากี้เจ้าการเสนอแนะว่า ผู้ที่จะเป็นรอซูลเผยแพร่สาส์นของอัลลอฮฺนั้นจะต้องเป็นมะลัก มิใช่บุคคลธรรมดา และว่าสาส์นนั้นจะต้องมีมาเฉพาะผู้มีเกียรติและผู้มั่งมีเท่านั้น ส่วนในกรณีที่รอซูลมาจากบุคคลธรรมดาผู้ที่จะทำหน้าที่นี้ก็จะต้องเป็นผู้ที่มั่งคั่งและมีหน้ามีตา มิใช่คนยากจนอนาถา กำพร้าบิดามารดา ในกรณีนี้ อัลลอฮฺตะอาลาทรงตอบโต้ข้อกังขาของพวกเหล่านั้นด้วยหลักฐานอันชัดแจ้ง
ในหลายโองการได้กล่าวถึงพวกมุชริกีนที่ตระหนักถึงความจริง และยอมรับในข้อเท็จจริงแล้ว แต่พวกเขาได้กลับไปสู่ความเลวทรามอย่างเดิม เช่น อุกบะฮฺ อิบนฺ อะบีมุอีฏ ชายผู้นี้ได้เข้ารับนับถืออิสลามแล้วเขาได้กลับสู่ศาสนาเดิมของเขา โดยการชักชวนของเพื่อน คือ อุบัย อิบนฺ ค่อลัฟ อัลกุรอานได้กล่าวถึงชายผู้นี้ว่าเป็นผู้อธรรม โดยกล่าวไว้ในอายะฮฺที่ว่า และวันที่ผู้อธรรมจะกัดมือของเขา และกล่าวถึงเพื่อนของเขาว่าเป็นชัยฏอนมารร้าย
การดำเนินเรื่องของซูเราะฮฺนี้ได้กล่าวถึงนะบีบางท่านโดยสังเขปและได้กล่าวถึงประชาชาติที่ปฏิเสธการศรัทธาต่อนะบีเหล่านั้น ตลอดจนการลงโทษและความหายนะที่ประสบกับชนเหล่านั้น เนื่องจากการดื้อรั้นและการปฏิเสธไม่ยอมศรัทธาต่อบรรดาร่อซูลของอัลลอฮฺ เช่น ชนชาตของนะบีนูหฺ อ๊าด ษะมูด ชาวอัรร๊อส พวกลูฏ และ ฯลฯ ซูเราะฮฺนี้ยังได้กล่าวถึงหลักฐานต่าง ๆ ที่แสดงถึงอานุภาพและความเป็นเอกภาพของอัลลอฮฺตะอาลา รวมทั้งความประหลาดและสิ่งแสดงถึงความมหัศจรรย์ในการสร้างจักรวาลของพระองค์ ซึ่งเป็นการบ่งชี้ถึงอานุภาพของอัลลอฮฺตะอาลา และเป็นพยานที่บ่งถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์
ซูเราะฮฺนี้จบลงด้วยคุณสมบัติของอิบาดุรฺเราะหฺมาน และสิ่งที่อัลลอฮฺตะอาลาทรงยกย่องให้เกียรติแก่พวกเขา อันเนื่องมาจากการมีมารยาทที่น่าสรรเสริญ สมควรได้รับการตอบแทนที่ยิ่งใหญ่ในสวนสวรรค์
ชื่อของซูเราะฮฺ
ซูเราะฮฺนี้ถูกขนานนามว่า ซูร่อตุลฟุรกอน ทั้งนี้เพราะอัลลอฮฺตะอาลาทรงกล่าวไว้ในซูเราะฮฺถึงคัมภีร์นี้ ซึ่งพระองค์ประทานลงมาให้แก่บ่าวของพระองค์คือ มุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม นับได้ว่าเป็นนิอฺมะฮฺอันยิ่งใหญ่แก่มนุษยชาติทั้งปวง เพราะมันเป็นดวงประทีปอันจรัส และแสงสว่างอันชัดแจ้ง ซึ่งอัลลอฮฺตะอาลาทรงแยกแยะให้เห็นอย่างชัดแจ้ง ระหว่างความจริงกับความเท็จ แสงสว่างกับความมืด และการกุฟรฺกับการอีมาน ดังนั้น จึงเป็นการเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะถูกขนานนามว่า อัลฟุรกอน
----------------------------------------------------
เอกสารอ้างอิง
R1.
The Noble Qur’an
(Dr.Muhammad Taqi-ud-Din al-Hilali and Dr.Muhammad Muhsin Khan.)
R2.
อัลกุรอานฉบับแปลภาษาไทย
โดย มัรวาน สะมะอุน
R3.
ตัฟฮีมุลกุรฺอาน
(อรรถาธิบายโดย เมาลานา ซัยยิด อบุล อลา เมาดูดี แปลโดย บรรจง บินกาซัน)
R4.
พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน พร้อมคำแปลเป็นภาษาไทย
ศูนย์กษัตริย์ฟาฮัด เพื่อการพิมพ์อัลกุรฺ อานแห่งนครมาดีนะฮ์
R5.
พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ฉบับภาษาไทย
(โดย นายต่วน สุวรรณศาสน์-ฮัจยีอิสมาแอล บินฮัจยียะห์ยา)
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิ.ย. 10, 2012, 07:13 AM โดย Bangmud
»
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 25 อัลฟุรฺกอน
«
ตอบกลับ #1 เมื่อ:
พ.ค. 28, 2012, 07:02 AM »
0
สูเราะฮฺ อัลฟุรกอน อายะฮฺที่ 1 - 3
คำอ่าน
1. ตะบาเราะกัลละซีนัซซะลัลฟุรฺกอนะ อะลาอับดิฮี ลิยะกูนะลิลอาละมีนะ นะซีรอ
2. อัลละซีละฮูมุลกุสสะมาวาติ วัลอัรฺฎิ วะลัมยัตตะคิซวะละเดา..วะลัมยะกุลละฮูชะรีกุน..ฟิลมุลกิ วะเคาะละเกาะกุลละชัยอิน..ฟะก็อดดะเราะฮู ตักดีรอ
3. วัตตะเคาะซูมิน..ดูนิฮี..อาลิฮะตัล ลายัคลุกูนะชัยเอา..วะฮุมยุคละกูนะ วะลายัมลิกูนะ ลิอัน..ฟุสิฮิม ฎ็อรฺร็อว..วะลานัฟอา วะลายัมลิกูนะเมาเตา..วะลาหะยาเตา..วะลานุชูรอ
คำแปล R1.
1. Blessed be He who sent down the criterion (of right and wrong, i.e. this Qur'an) to his slave (Muhammad) that he may be a warner to the
'Alamin
(mankind and jinns).
2. He to whom belongs the dominion of the heavens and the earth, and who has begotten no son (children or offspring) and for whom there is no partner in the dominion. He has created everything, and has measured it exactly according to its due measurements.
3. Yet they have taken besides Him other
Aliha
(gods) that created nothing but are themselves created, and possess neither hurt nor benefit for themselves, and possess no power (of causing) death, nor (of giving) life, nor of raising the dead.
คำแปล R2.
1. พระผู้ทรงประทานอัลฟุรกอน (อัลกุรอาน) ลงมายังบ่าวของพระองค์ (นบีมุฮำมัด) ทรงเกียรติสูงส่งยิ่ง ทั้งนี้เพื่อเขาจะได้เป็นผู้ตักเตือนแก่ชาวโลกทั้งปวง
2. พระองค์ทรงสิทธิอำนาจปกครองในฟากฟ้าและแผ่นดิน และพระองค์ไม่เอาสิ่งใดมาเป็นบุตร และพระองค์ไม่มีภาคีใด ๆ ในอำนาจปกครอง และพระองค์ทรงบันดาลทุกสิ่ง และทรงกำหนดสิ่งนั้น ๆ ไว้อย่างสมบูรณ์แบบ
3. และพวกเข(ผู้เนรคุณ) ได้ยึดเอาบรรดาพระเจ้านอกเหนือจากพระองค์ ซึ่งสิ่งเหล่านั้นไม่(มีอำนาจ)สร้างสิ่งใดเลย และพวกมันยังถูกสร้างขึ้นมาอีกด้วย และสิ่งเหล่านั้นไม่มีอำนาจให้โทษและคุณแก่ตัวของพวกมันเอง และพวกมันไม่มีอำนาจให้ความตายและไม่มีอำนาจให้ชีวิต และไม่มีอำนาจให้การฟื้นขึ้นใหม่(ในวันกิยามะฮฺ)
คำแปล R3.
1. มหาจำเริญยิ่งคือพระองค์ผู้ทรงประทานอัลฟุรฺกอนแก่บ่าวของพระองค์ เพื่อที่มันจะได้เป็นสิ่งเตือนมนุษยชาติ
2. พระองค์คือผู้ทรงเป็นอำนาจแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และมิได้ทรงแต่งตั้งใครเป็นบุตรและมิได้ทรงมีผู้ใดเป็นหุ้นส่วนในอำนาจของพระองค์ และพระองค์ทรงสร้างทุกสิ่งและทรงกำหนดสภาวการณ์ของมัน
3. แต่กระนั้นพวกเขาก็ยังยึดเอาสิ่งเคารพบูชาอื่นนอกไปจากพระองค์ ทั้งที่พวกมันมิได้สร้างสิ่งใดและพวกมันได้ถูกสร้างขึ้นมา และพวกมันไม่มีอำนาจที่จะให้โทษหรือช่วยเหลือแม้แต่ตัวมันเองได้ และพวกมันไม่มีอำนาจเหนือความตายหรือชีวิต และพวกมันไม่สามารถทำให้ฟื้นขึ้นมาจากความตายได้อีก
คำแปล R4.
1. ความจำเริญยิ่งแด่พระองค์ ผู้ทรงประทานอัลฟุรกอนแก่บ่าวของพระองค์(มุฮัมมัด) เพื่อเขาจะได้เป็นผู้ตักเตือนแก่ปวงบ่าวทั้งมวล
2. สำหรับพระองค์ เป็นผู้ครอบครองบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดิน และพระองค์จะไม่ตั้งผู้ใดเป็นพระบุตร และสำหรับพระองค์นั้น ไม่มีหุ้นส่วนร่วมกับพระองค์ในการครองอำนาจ และพระองค์ทรงให้บังเกิดทุกสิ่ง แล้วทรงกำหนดมันให้เป็นไปตามกฎสภาวะ
3. พวกเขาได้เคารพบูชาพระเจ้าอื่นๆ จากพระองค์ โดยที่พระเจ้าเหล่านั้นมิได้สร้างสิ่งใดทั้ง ๆ ที่พวกเขาถูกสร้างขึ้นมา และพวกเขาไม่มีอำนาจที่จะให้โทษและให้คุณแก่ตัวเองได้ และพวกเขาไม่มีอำนาจควบคุมความตายและความเป็นและการฟื้นคืนชีพ
คำแปล R5.
๑. พระองค์อัลเลาะห์ผู้
ทรงมงคลยิ่ง พระองค์ทรงประทาน
อัลกุรอาน
ซึ่งเป็นสิ่งจำแนก
สัจธรรมออกจากโมฆธรรม ความถูกออกจากความผิด ความดีออกจากความชั่วโดยมีโองการต่าง ๆ ชี้บ่งโดยชัดแจ้ง
แก่ทาสของพระองค์
คือนบีมุฮำมัด ทั้งนี้
เพื่อเขาเป็น
ศาสดา
ผู้ตักเตือนชาวโลกทั้งหลาย
โดยโองการแห่งอัลกุรอาน ให้หวั่นกลัวต่อการลงโทษของอัลเลาะห์
๒.
พระองค์ทรงอภิสิทธิ
เด็ดขาดเพียงพระองค์เดียว
ต่อฟากฟ้าและแผ่นดิน
ระบบต่าง ๆ ของสุริยจักรวาล ตลอดจนทรัพยากรธรรมชาติและชีวิตของสัตว์โลกทั้งหลาย พระองค์ทรงกำหนดแน่ชัดไว้เพียงพระองค์เดียว
และพระองค์ไม่มีบุตร
ซึ่งผิดกับความยึดถือของบางลัทธิ ที่กล่าวว่า อีซา อุไซร และมลาอิกะห์เป็นบุตรของพระองค์
และไม่มีภาคีของพระองค์ในอภิสิทธิ
และอำนาจของพระองค์ ซึ่งผิดกับความยึดถือของพวกมุชริกและพวกนับถือรูปปั้น ที่ถือเอารูปปั้นเป็นภาคีของพระองค์
และพระองค์ทรงบันดาลทุก ๆ สิ่งโดยกำหนดมันไว้อย่างแน่นอน
ทั้งรูปแบบ ระบบชีวิตและพฤติกรรมต่าง ๆ
๓.
และพวกเขาได้อุปโลกน์พระเจ้าต่าง ๆ นอกเหนือจากพระองค์
ขึ้นมาสักการะบูชาเคียงพระองค์หรือแทนพระองค์
ซึ่งพวก
พระเจ้า
เหล่านั้นมิ
สามารถ
บันดาลสิ่งใด ๆ
ได้เลย
และพวกเขาเองก็ถูกสร้าง
ขึ้นมาจากวัสดุต่าง ๆ เช่น หิน ปูนและวัตถุอื่น ๆ จิปาถะ
และพวกเขาไม่มีสิทธิแก่ตัวเอง ทั้งโทษและคุณ
ที่จะยังแก่สิ่งอื่นใด
และพวกเขาไม่มีสิทธิ
ที่จะกำหนด
ความตายและความเป็นและการฟื้น
จากสุสาน
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 25 อัลฟุรฺกอน
«
ตอบกลับ #2 เมื่อ:
พ.ค. 29, 2012, 06:36 AM »
0
สูเราะฮฺ อัลฟุรกอน อายะฮฺที่ 4 - 6
คำอ่าน
4. วะกอลัลละซีนะกะฟะรู..อินฮาซา.งอิลาอิฟกุนิฟตะรอฮุ วะอะอานะฮู อะลัยฮิก็อวมุนอาเคาะรูน
5. วะกอลู..อะสาฏีรุลเอาวะลีนักตะตะบะฮษ ฟะฮิยะตุมลาอะลัยฮิ บุกเราะเตา..วะอะศีลา
6. กุลอัน..ซะละฮุลละซี ยะอฺละมุสสิรฺเราะ ฟิสสะมาวาติวัลอัรฺฎิ อิน..นะฮูกานะ เฆาะฟูร็อรฺเราะหีมา
คำแปล R1.
4. Those who disbelieve say: "This (the Qur'an) is nothing but a lie that he (Muhammad) has invented, and others have helped him at it, so that they have produced an unjust wrong (thing) and a lie."
5. And they say: "Tales of the ancients, which he has written down, and they are dictated to him morning and afternoon."
6. Say: "It (this Qur'an) has been sent down by Him (Allah) (the real Lord of the heavens and earth) who knows the secret of the heavens and the earth. Truly, He is Oft-Forgiving, Most Merciful."
คำแปล R2.
4. และบรรดาพวกไร้ศรัทธากล่าวว่า “สิ่งนี้มิใช่อื่นใดนอกจากเป็นความมดเท็จที่เขาได้กุขึ้นมาเอง และมีคนกลุ่มอื่น (คือพวกยิว) ให้ความช่วยเหลือเขาในการกุสิ่งนั้นขึ้น อันที่จริงพวกเขาเหล่านั้นได้มา(ทำการกล่าวหาอย่าง)ฉ้อฉลและมดเท็จ
5. และพวกเขากล่าวอีกว่า “(สิ่งนี้)เป็นนิยายปรัมปราของบรรพชน ซึ่งมุฮำมัดได้ขอให้เขียนขึ้นมา(จากผู้ที่เขียนเก่ง)และสิ่งนั้นก็ถูกคัดลอกมาให้เขาทั้งยามเช้าและยามเย็น (เพื่อให้เขาท่องจำ)”
6. จงประกาศเถิดว่า “อัลกุรอานนั้น พระผู้ทรงรอบรู้ความลี้ลับในฟากฟ้าและแผ่นดินได้ประทานลงมาให้ แท้จริงพระองค์ทรงให้อภัยยิ่ง ทรงเมตตายิ่ง”
คำแปล R3.
4. บรรดาผู้ปฏิเสธกล่าวว่า “นี่(กุรอาน)มิใช่อะไรนอกไปจากเรื่องเท็จที่เขากุขึ้นและมีบางคนได้ช่วยเขา” ช่างเป็นความอธรรมที่ชั่วร้ายและโกหกสิ้นดี
5. พวกเขากล่าวว่า “นี่เป็นสิ่งที่ถูกเขียนกันมาตั้งแต่ครั้งโบราณที่เขาได้คัดลอกมา และสิ่งเหล่านี้ก็ได้ถูกอ่านให้เขาฟังทั้งยามเช้าและยามเย็น”
6. (มุฮัมมัด) จงบอกพวกเขาว่า “นี่คือสิ่งที่ผู้ทรงรอบรู้ความลับในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นผู้ประทานมา แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ”
คำแปล R4.
4. และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธากล่าวว่า “แท้จริงอัลกุรอานนี้มิใช่อันใด นอกจากการโกหกที่มุฮัมมัดได้กุขึ้นเอง และหมู่ชนอื่นๆ ได้ช่วยเขาในเรื่องนี้” ดังนั้น แน่นอนพวกเขาได้นำมาซึ่งความอยุติธรรมและการโกหก
5. และพวกเขากล่าวว่า “อัลกุรอานเป็นนิยายของประชาชาติสมัยก่อน ๆ ที่เขียนกันขึ้นแล้วถูกนำมาอ่านให้ขึ้นใจ ทั้งเวลาเช้าและเวลาเย็น”
6. จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด “ผู้ทรงรอบรู้ความลับในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นผู้ประทานมันลง แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงอภัยผู้ทรงเมตตาเสมอ”
คำแปล R5.
๔.
และบรรดาผู้เนรคุณกล่าวว่า
กุรอาน
นี้มิใช่
อะไรเลย
นอกจากความเป็นเท็จ
ที่มุฮำมัด
เขากุขึ้น และมีกลุ่มอื่น ๆ คอยช่วยเหลือเขา
ซึ่งกลุ่มอื่น ๆ นั้นคือพวกที่มีความรู้เกี่ยวกับคัมภีร์เดิม ๆ นั้นเอง แต่ได้ยอมตนเข้ารับนับถือคำประกาศของเขา จึงร่วมกันแต่งกุรอานนี้ขึ้นมา แล้วอ้างว่าเป็นโองการจากพระผู้เป็นเจ้า
ดังนั้นพวกเขาจึงมาแบบทุจริตและมุสา
๕.
และพวกเขากล่าวว่า
กุรอานที่มุฮำมัดนำมาประกาศนี้
เป็นนิยายปรัมปราของคนสมัยก่อน ที่เขา
(มุฮำมัด)
ใช้ให้ผู้
อื่น
เขียนขึ้น และเขาก็รับถ่ายทอดสิ่งนั้นทั้งเช้าและเย็น
จนจดจำเป็นอันดี
๖. โอ้ มุฮำมัด
เจ้าจงกล่าว
แก่พวกนั้นเถิดว่าพระองค์อัลเลาะห์
ผู้ทรงรอบรู้ความเร้นลับในชั้นฟ้าและแผ่นดิน
ต่างหาก
ที่ทรงประทานสิ่งนั้น
(อัลกุรอาน) หาใช่เป็นนิยายปรัมปราที่กุหรือเขียนขึ้นมาดังที่ถูกกล่าวหาไม่
แท้จริงพระองค์ทรงอภัยยิ่ง ทรงเมตตายิ่ง
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 25 อัลฟุรฺกอน
«
ตอบกลับ #3 เมื่อ:
พ.ค. 30, 2012, 09:14 AM »
0
สูเราะฮฺ อัลฟุรกอน อายะฮฺที่ 7 - 9
คำอ่าน
7. วะกอลูมาลิ ฮาซัรฺเราะสูลิ ยะอ์กุลุฏเฏาะอามุ วะยัมชีฟิลอัสวากิ เลาลา..อุน..วิละอิลัยฮิมะลัก ฟะยะกูนะมะอะฮูนะซีรอ
8. เอายุลกอ..อิลัยฮิ กัน..ซุน เอาตะกูนุละฮู ญัน..นะตุย..ยะอ์กุลุมินฮา วะกอลัซซอลิมูนะ อิน..ตัตตะบิอูนะ อิลลาเราะญุลัม..มัสหูรอ
9. อุน..ซุรฺกัยฟะเฎาพเราะบู ละกัลป์อัมษาละ ฟะฎ็อลลู ฟะลายัสตะฏีอูนะสะบีลา
คำแปล R1.
7. And they say: "Why does this Messenger (Muhammad) eat food, and walk about in the markets (like ourselves). Why is not an angel sent down to him to be a warner with him?
8. "Or (why) has not a treasure been granted to him, or why has he not a garden whereof he may eat?" and the
Zalimun
(polytheists and wrong-doers, etc.) say: "You follow none but a man bewitched."
9. See how they coin similitude for you, so they have gone astray, and they cannot find a (right) path.
คำแปล R2.
7. และพวกเขากล่าวหาต่อไปอีกว่า “เพราะอะไรศาสนทูตผู้นี้จึงรับประทานอาหารและเดินในตลาด(เหมือนเช่นสามัญชนทั่วไป) ? ไฉนหนอจึงไม่มีมลาอิกะฮฺถูกให้ลงมายังเขา แล้วมลาอิกะฮฺนั้นจะได้เป้นผู้ตักเตือนร่วมกับเขา ?”
8. “หรือ(ไฉน)จึงไม่ถูกมอบคลังทรัพย์สมบัติแก่เขา หรือมีสวนที่เขารับประทาน(ผล)จากมัน และบรรดาทุจริตชนได้กล่าว(กับเหล่าศรัทธาชน)ว่า “ท่านทั้งหลายมิได้ตามใครเลย นอกจาก(เขา)เป็นชายผู้หนึ่งที่ถูกไสยศาสตร์ครอบงำไม่สร่างซา”
9. จงพิเคราะห์ดูเถิด พวกเขาได้ยกอุทาหรณ์มาเปรียบเทียบเจ้าอย่างไรบ้าง ? ดังนั้นพวกเขาจึงหลงทาง แล้วพวกเขาก็ไม่สามารถ(แสวงหา) ทางใด ๆ ได้
คำแปล R3.
7. พวกเขากล่าวว่า “รอซูลประเภทไหนกันที่กินอาหารและเดินตามตลาด ? ทำไมไม่มีมลักสักองค์หนึ่งถูกส่งมากับเขาและร่วมกันตักเตือน(บรรดาผู้ปฏิเสธ) ?
8. หรือทำไมจึงไม่มีคลังสมบัติถูกส่งมียังเขา หรือให้เขามีสวนสักแห่งหนึ่ง เพื่อที่เขาจะได้ยังชีพ ? และพวกคนชั่วกล่าวว่า “พวกเจ้ากำลังปฏิบัติตามผู้ถูกคาถาอาคมอยู่”
9. จงดูเถิดว่า พวกเขาเปรียบเปรยเกี่ยวกับเจ้าว่าอย่างไร พวกเขาหลงผิดจนไม่มีทางใดที่จะกล่าวหาเจ้าได้แล้ว
คำแปล R4.
7. และพวกเขากล่าวว่า อะไรกันกับรอซูลคนนี้ เขากินอาหารและเดินในตลาด ทำไมจึงไม่มีมะลักถูกส่งมากับเขา เพื่อจะได้เป็นผู้ตักเตือนร่วมกับเขา
8. หรือมีคลังสมบัติถูกโยนลงมาให้เขาหรือให้เขามีสวนแห่งหนึ่ง เพื่อเขาจะได้กินสิ่งที่มีอยู่ในนั้นจากมัน และบรรดาผู้อธรรมกล่าวขึ้นว่า พวกท่านมิได้ปฏิบัติตามผู้ใด นอกจากชายผู้ถูกอาคมเท่านั้น
9. จงดูเถิด พวกเขาได้เปรียบเปรยตัวอย่างต่าง ๆ แก่เจ้า (มุฮัมมัด) อย่างไร พวกเขาจึงหลงทางแล้วพวกเขาก็ไม่สามารถจะพบทางแห่งความจริงได้
คำแปล R5.
๗.
และพวกเขากล่าวว่า อะไรเล่า
ที่จะจำแนกความแตกต่างระหว่างพวกเรา
กับศาสดาผู้นี้
ทั้ง ๆ ที่
เขารับประทานอาหาร
เฉกเช่นพวกเราเหมือนกัน
และเขาเดินในตลาด
เพื่อประกอบอาชีพเหมือนพวกเรา และอะไรที่จะมาวัดว่าเขาประเสริฐกว่าเรา เมื่อเขามีสภาพและสถานะเหมือนพวกเรา เขาจะเป็นศาสดาได้อย่างไร
จะเป็นไปได้หรือที่มลาอิกะห์
(เทวทูต)
จะลงมาหาเขา
เมื่อเขามีสภาพปกติสามัญดังกล่าว
อันเป็นผลให้เขาได้เป็น
ศาสดา
ผู้ตักเตือน
และเผยแพร่แก่ปวงชน
พร้อมกับเทวทูตนั้น
๘.
หรือ
จะเป็นไปได้หรือ
ที่คลัง
สมบัติจากฟากฟ้าจะ
ถูกส่งมายังเขา
เพื่อเขาได้ใช้สมบัตินั้น หรือจะเป็นไปได้หรือที่
เขาจะมีสวนซึ่งเขาได้บริโภค
ผลไม้
จากสวนนั้น
จนไม่ต้องเดินมายังตลาดเพื่อประกอบอาชีพ
และบรรดามิจฉาชนทั้งหลายได้กล่าว
กับฝ่ายศรัทธาชนว่า
พวกท่านมิได้เจริญรอยตาม
ผู้ใดเลย
นอกจาก
คนผู้นั้นเป็นเพียง
บุรุษผู้ถูกมายากลครอบงำ
จนสติของเขาฟั่นเฟือน
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้
รายงานจาก “อิบนิอับบาส” แจ้งว่า บรรดาชาวอาหรับมักกะห์ได้ส่งตัวแทนกลุ่มหนึ่งมาพบกับท่านศาสดาเพื่อเจรจาต่อรองในเรื่องของการประกาศศาสนา พวกเขาเสนอต่อท่านศาสดาว่า “พวกเรามาขอร้องท่าน ถ้าท่านปราถนาจากการประกาศของท่านนี้ซึ่งทรัพย์สมบัติเราจะรวบรวมทรัพย์สมบัติของเรามอบแก่ท่านทันที หรือถ้าท่านต้องการเกียรติยศ เราจะแต่งตั้งให้ท่านเป็นหัวหน้าของเราหรือถ้าประสงค์จะเป็นกษัตริย์ เราก็จะทำพิธีสมโภชน์ให้ท่านได้เป็นกษัตริย์” ท่านศาสดาตอบว่า “ข้าพเจ้าไม่มีความต้องการในสิ่งที่ท่านเสนอมา ข้าพเจ้ามิได้มาเพื่อแสวงหาทรัพย์สมบัติหรือเกียรติยศ หรือความเป็นกษัตริย์ แต่ข้าพเจ้าได้ถูกพระเจ้าส่งตัวมาเป็นศาสนทูตสู่พวกท่าน ข้าพเจ้าได้รับคัมภีร์มาจากพระองค์และพระองค์บัญชาให้ข้าพเจ้ามาประกาศและตักเตือนพวกท่าน ข้าพเจ้าก็ได้เผยให้พวกท่านทราบแล้ว และได้แนะนำพวกท่านแล้ว แม้นพวกท่านยอมรับ พวกท่านก็จะได้รับรางวัล แต่ถ้าท่านปฏิเสธ ข้าพเจ้าก็จะอดทนต่อไป จนกว่าพระเจ้าจะพิพากษาระหว่างข้าพเจ้ากับพวกท่าน” พวกเขากล่าวต่อไปว่า “แม้นท่านไม่ยอมรับข้อเสนอของพวกเราก้ไม่เป็นไร แต่ท่านจงขอจากพระผู้เป็นเจ้าได้ส่งเทวทูตยืนยันและสนับสนุนท่านในสิ่งที่ท่านพูดและมาทบทวนความจริงเกี่ยวกับตัวท่านให้พวกเราได้รับทราบ และท่านจงขอจากพระเจ้าให้พระองค์สร้างอุทยานและปราสาทที่ทำจากทองคำและเงิน และให้พระองค์บันดาลปัจจัยยังชีพแก่ท่านจนท่านเพียงพอ แทนที่ท่านต้องออกหาเลี้ยงชีพตามตลาอเหมือนกับพวกเรา ท่านจงขอจากพระเจ้าตามที่เราเสนอซิ จนเรามั่นใจว่าท่านนั้นประเสริฐกว่าพวกเรา และหากท่านเป็นศาสดาจริงก็ไม่พ้นไปจากวิสัยและความสามารถที่จะกระทำหรอก” ท่านศาสดากล่าวตอบ “ ไม่ ข้าพเจ้าไม่ทำ และข้าพเจ้าจะไม่ขอจากพระเจ้าอย่างเด็ดขาดตามที่พวกท่านได้เสนอแนะไว้นั้น ข้าพเจ้ามิได้ถูกส่งตัวมายังพวกท่านเพื่อสิ่งนี้ แต่ถูกส่งมาให้เป็นผู้ประกาศและผู้ตักเตือน”
อัลกุรอานโองการนี้จึงได้ลงมาตามที่ทราบ
๙. โอ้มุฮำมัด
เจ้าจงพินิจเถิดว่า พวกเหล่านั้นได้เสนออุทาหรณ์ต่าง ๆ แก่เจ้าไว้อย่างไรบ้าง
อุทาหรณ์เกี่ยวกับตัวของเจ้าที่พวกนั้นยกอ้างกันเสมอ ๆ ก็คือ คำพูดอันแปลกประหลาด คำใส่ไคล้อันรุนแรง และการบิดเบือนลักษณะต่าง ๆ ของเจ้าให้ผิดไปจากความเป็นจริง
ดังนั้นพวกเขาจึงหลงผิด
และยังคงงมงายอยู่กับความคิดอันไร้แก่นสารดังเดิม
ที่จริงพวกเขาไม่สามารถ
ที่จะแสวงหา
หนทางใด ๆ
เพื่อเดินเข้าสู่ทางรอดและความถูกต้องอันแท้จริงได้
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 25 อัลฟุรฺกอน
«
ตอบกลับ #4 เมื่อ:
พ.ค. 31, 2012, 06:44 AM »
0
สูเราะฮฺ อัลฟุรกอน อายะฮฺที่ 10 - 14
คำอ่าน
10. ตะบาเราะกัลละซี..อิน..ชาอะ ญะอะละ ละกะค็อยร็อม..มิน..ซาลิกะ ญัน..นาติน..ตัจญรีมิน..ตะหฺติฮัลอันฮารุ วะยัจญอัลละกะกุศูรอ
11. บัลกัซซะบูบิสสาอะฮฺ วะอะอฺตัดนาลิมัน..กัซซะบะ บิสสาอะติสะอีรอ
12. อิซาเราะอัตฮุม..มิม..มะกานิม..บะอีดิน..สะมิอูละฮา ตะฆ็อยยุซ็อว..วะซะฟีรอ
13. วะอิซา..อุลกูมินฮา มะกานัน..ฎ็อยยิก็อม..มุก็อรฺเราะนีนะ ดะเอาฮุนาลิกะ ษุบูรอ
14. ลาตัดอุลเยามะษุบูร็อว..วัดอูษุบูร็อน..กะษีรอ
คำแปล R1.
10. Blessed be He who, if He will, will assign you better than (all) that, - Gardens under which rivers flow (Paradise) and will assign you palaces (i.e. in Paradise).
11. Nay, they deny the Hour (the Day of Resurrection), and for those who deny the Hour, we have prepared a flaming Fire (i.e. Hell).
12. When it (Hell) sees them from a far place, they will hear its raging and its roaring.
13. And when they shall be thrown into a narrow place thereof, chained together, they will exclaim therein for destruction.
14. Exclaim not today for one destruction, but exclaim for many destructions.
คำแปล R2.
10. ทรงความดีเลิศอย่างยิ่ง พระผู้ซึ่งหากพระองค์ทรงประสงค์แล้วไซร้ แน่นอนพระองค์ย่อม(ทรงอำนาจ)บันดาลความประเสริฐแก่เจ้ายิ่งไปกว่า(สิ่งที่พวกเขาพูด)นั้นเสียอีก นั่นคือสรวงสวรรค์ที่มีธารน้ำไหล ณ เบื้องใต้ของมันและทรงบันดาลปราสาทต่าง ๆ แก่เจ้า
11. ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังว่าเรื่องกาลปาวสานของโลกเป็นเรื่องมุสา(อันร่าระ)และเราได้เตรียมนรกไว้แล้วสำหรับผู้ที่ว่าเรื่องกาลปาวสานของโลกมุสา
12. เมื่อนรกได้มองเห็นพวกเขา จากสถานที่อันห่างไกล พวกเขาก็ได้ยินเสียงคำรามและเสียงครวญคราง(ของมัน)อย่างชัดเจน
13. และเมื่อพวกเขาถูกทิ้งจากนรกให้อยู่ในสถานที่อันคับแคบที่สุด โดยพวกเขาถูกคล้องตรวนมือรวมกับต้นคอของพวกเขา พวกเขาก็วิงวอนถึงความพินาศ ณ ที่นั้น
14. “พวกเจ้าอย่าได้วิงวอนถึงความพินาศสักประการเดียวเลยในวันนี้ แต่พวกเจ้าจงวิงวอนถึงความพินาศอันมากมายเถิด”
คำแปล R3.
10. มหาจำเริญยิ่งแด่พระองค์ผู้ซึ่งหากทรงประสงค์พระองค์สามารถจะให้สิ่งที่ดีแก่เจ้ามากกว่านั้น
(ไม่เพียงแค่หนึ่งเท่านั้น แต่)
เป็นสวนหลากหลายที่ใต้นั้นมีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน และจะทรงทำให้เจ้ามีปราสาทใหญ่หลายแห่ง
11. แต่ความจริงของเรื่องก็คือ คนเหล่านี้ได้ปฏิเสธยามอวสาน และสำหรับผู้ปฏิเสธยามอวสานนั้นเราได้เตรียมเปลวเพลิงไว้ให้แล้ว
12. เมื่อมันเห็นพวกเขาตั้งแต่ไกล พวกเขาจะได้ยินเสียงกระพือและคุไหม้ของมัน
13. และเมื่อพวกเขาถูกล่ามเข้าด้วยกันและถูกโยนลงไปในช่องแคบ ๆ พวกเขาก็จะร้องหาความตาย
14.
(แล้วจะมีกล่าวแก่พวกเขาว่า)
“อย่าร้องหาความตายเพียงครั้งเดียวในวันนี้เลย แต่จงร้องหาความตายหลาย ๆ ครั้งเถิด”
คำแปล R4.
10. ความจำเริญยิ่งแด่พระองค์ ผู้ซึ่งหากพระองค์ทรงประสงค์จะให้เจ้ามีดียิ่งกว่านั้น คือมีสวนกลากหลาย ณ เบื้องล่างมีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน และทรงให้เจ้ามีวังหลายหลัง
11. แต่ว่าพวกเขาปฏิเสธวันอวสาน และเราได้เตรียมไฟอันร้อนแรงไว้สำหรับผู้ปฏิเสธวันอวสาน
12. เมื่อนรกญะฮันนัมเห็นพวกเขาจากที่ไกล ๆ พวกเขาก็จะได้ยินเสียงคุไหม้และเสียงเดือดพล่านของมัน
13. และเมื่อพวกเขาถูกโยนลงไปในสถานที่แคบ ในสภาพที่ถูกมัดมือติดกับลำคอ ณ ที่นั้นพวกเขาจะวิงวอนขอความพินาศให้แก่ตัวเขา
14. ในวันนี้เจ้าอย่าได้วิงวอนขอความพินาศเพียงครั้งเดียว แต่จงวิงวอนขอความพินาศหลายๆ ครั้ง
คำแปล R5.
๑๐. พระองค์อัลเลาะห์
พระผู้ทรงมงคล
ซึ่งพระองค์นั้น
เมื่อทรงประสงค์พระองค์ก็จักบันดาลความดียิ่งแก่เจ้าจากสิ่งนั้น
ที่พวกมิจฉาชนทั้งหลายได้เพียรเสนอให้เจ้าขอจากเรา โดยเราจะประทานให้ในโลกนี้แทนที่จะรอไว้ให้ในโลกหน้า เราก็ย่อมจะทำได้ โดยเราจะประทาน
สวรรค์ที่มีธารน้ำไหลผ่าน ณ เบื้องใต้ของมัน และบันดาลประสาทแก่เจ้า
ตามที่พวกนั้นต้องการพิสูจน์ทุกประการ แต่เราไม่ประทานให้ในโลกนี้หรอกเพราะเป็นสิ่งที่เราเตรียมไว้สำหรับวันชาติหน้า ถึงเราจะประทานให้เจ้าในโลกนี้จริง ๆ ก็ตาม พวกเหล่านั้นก็หาเชื่อถือไม่ เพราะจิตใจของพวกเขาดื้อรั้น
๑๑.
แต่ทว่าพวกเขากล่าวหาเป็นเท็จเกี่ยวกับวันปรภพ
พวกเขาไม่เชื่อถือการเกิดใหม่ ไม่ศรัทธาในเรื่องการตอบแทนผลกรรม การลงโทษในนรกและการเสพสุขในสวรรค์
และเราได้เตรียมไฟนรกไว้แล้วสำหรับผู้กล่าวหาเป็นเท็จเกี่ยวกับวันปรภพ
๑๒.
เมื่อนรกนั้นได้มองเห็นพวกเขา
(ผู้ปฏิเสธวันปรภพ)
มาแต่ไกล พวกเขาก็ได้ยินเสียงเดือดและกำปนาทของมัน
๑๓.
และเมื่อพวกเขาถูกโยนเข้าไปในสถานที่อันคับแคบจากนรกนั้นโดยมือของพวกเขาถูกรวบติดกับต้นคอ
ด้วยโซ่
พวกเขาก็วอนขอ ณ ที่นั้นว่า โอ้ ความวิบัติ
ของพวกเรา นี้คือเวลาของเจ้าแล้ว จงมาเถิด
๑๔. แล้วได้มีผู้กล่าวแก่พวกเขาว่า
ในวันนี้พวกเจ้าอย่าได้วอนขอซึ่งความวิบัติเพียงหนึ่ง
เลย
และพวกเจ้าจงวอนขอความวิบัติอันมากมายเถิด
กล่าวคือ พวกเจ้าทั้งหลายได้ตกอยู่ในความวิบัติซึ่งมิใช่มีเพียงหนึ่ง แต่มีอยู่มากมายนัก ทั้งนี้เพราะการลงโทษในวันนี้มีแตกต่างกัน หลายแบบ หลายรูป หลายลักษณะ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 25 อัลฟุรฺกอน
«
ตอบกลับ #5 เมื่อ:
มิ.ย. 01, 2012, 06:41 AM »
0
สูเราะฮฺ อัลฟุรฺกอน อายะฮฺที่ 15 - 17
[/quran]
คำอ่าน
15. กุลอะซาลิกะค็อยรุน อัมญัน..นะตุลคุลดิลละตีวุอิดัลมุตตะกูน กานัตละฮุมญะซา...เอา..วะมะศีรอ
16. ละฮุมฟีฮามายะชา...อูนะคอลิดีน กานะอะลาร็อบบิกะ วะอฺดัม..มัสอูลา
17. วะเยามะยะหฺชุรุฮุม วะมายะอฺบุดูนะมิน..ดูนิลลาฮิ ฟะยะกูลุ อะอัน..ตุม อัฎลัลตุมอิบาดี ฮา..อุลา...อิ อัมฮุม ฎ็อลลุสสะบีลา
คำแปล R1.
15. Say: (O Muhammad) "Is that (torment) better or the Paradise of eternity promised to the
Muttaqun
(pious and righteous persons - see V.2:2)?" it will be theirs as a reward and as a final destination.
16. For them there will be therein all that they desire, and they will abide (there forever). It is a promise binding upon your Lord that must be fulfilled.
17. And on the Day when He will gather them together and that which they worship besides Allah [idols, angels, pious men, saints, 'Iesa (Jesus) - son of Maryam (Mary), etc.]. He will say: "Was it you who misled these slaves or did them (themselves) stray from the (right) path?"
คำแปล R2.
15. จงถามพวกเขาเถิดว่า “(การลงโทษของนรก)นั้นเป็นสิ่งที่ดีหรือว่าสวรรค์อันอมตะที่ถูกสัญญาไว้แก่มวลผู้ยำเกรงจะดีกว่า ?” มันเป็นการตอบแทนและเป็นที่กลับคืนสำหรับพวกเขา
16. ในนั้น พวกเขาจะได้รับสิ่งที่พวกเขาประสงค์ พวกเขาเข้าประจำโดยถาวร สิ่งนั้นเป็นสัญญาซึ่งถูกรับรองโดยองค์อภิบาลของเจ้า
17. และ(จงระลึกเถิด)ในวันซึ่งพระองค์ทรงรวบรวมพวกเขาและสิ่งที่พวกเขานมัสการนอกเหนือจากอัลเลาะฮฺ จากนั้นพระองค์ทรงตรัสถามว่า “พวกเจ้าได้ทำให้ข้าทาสเหล่านี้ของข้าหลงผิดหรือว่าพวกนั้นหลงทางกันเอง ?”
คำแปล R3.
15.
(มุฮัมมัด)
จงถามพวกเขา “นี่(ไฟ)ดีกว่า หรือสวรรค์อันสถาพรที่ถูกสัญญาไว้แก่ผู้ยำเกรงพระเจ้า ?” มันเป็นสิ่งตอบแทนการทำดีและเป็นปลายทางสุดท้ายของพวกเขา
16. ในนั้นพวกเขาจะได้รับทุกสิ่งที่พวกเขาต้องการ และพวกเขาจะได้พำนักอยู่ในนั้นตลอดไป นี่คือสัญญาที่พระผู้อภิบาลของสูเจ้ารับว่าพระองค์จะทำตามนั้น
17. และในวันนั้นพระองค์จะทรงรวบรวมคนเหล่านี้เข้าไว้ด้วยกันกับสิ่งที่พวกเขาเคารพสักการะนอกไปจากอัลลอฮฺ แล้วพระองค์จะทรงถามพวกเขาว่า “พวกเจ้าทำให้บ่าวเหล่านี้ของฉันหลงทางหรือว่าพวกเขาหลงทางเอง ?”
คำแปล R4.
15. จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด สิ่งนั้นดีกว่าหรือว่าสวนสวรรค์ชั่วนิรันดร ที่บรรดาผู้ยำเกรงถูกสัญญาไว้ว่า สำหรับพวกเขาจะได้รับการตอบแทนและทางกลับที่ดี
16. สำหรับพวกเขาในสวนสวรรค์นั้น จะได้รับสิ่งที่พวกเขาประสงค์ โดยพำนักอยู่ตลอดกาล มันเป็นสัญญาที่ถูกวอนขอต่อพระเจ้าของเจ้า”
17. และวันที่พระองค์ทรงรวบรวมพวกเขาและบรรดาผู้ที่พวกเขาเคารพภักดีอื่นจากอัลลอฮฺ แล้วพระองค์ตรัสขึ้นว่า พวกเจ้าทำให้บรรดาบ่าวของข้าเหล่านั้นหลงทางกระนั้นหรือ หรือว่าพวกเขาหลงทางกันเอง”
คำแปล R5.
๑๕. โอ้มุฮำมัด
เจ้าจงกล่าว
แก่พวกที่ไม่ยอมเชื่อฟังเถิดว่า อันนรกที่ได้กล่าวมา
นั้นจะดีกว่า หรือว่าสวรรค์อันนิรันดรซึ่งบรรดาผู้ยำเกรงได้รับสัญญาไว้จะดีกว่า ซึ่ง
สวรรค์นั้น
เป็นสิ่งตอบแทนผล
กรรมแห่งสากลพิภพ
และเป็นที่อยู่ของพวกเขา
ในวันปรภพ
๑๖.
สำหรับพวกเขาในนั้น มีสิ่งที่พวกเขาปรารถนา
ทุกอย่าง จะเป็นอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัยและอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่ง
พวกเขา
ไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลย พวกเขาจะอยู่ในสวรรค์
โดยนิรันดร
ไม่มีวันออกจากนั้น สิ่งนี้
เป็นสัญญาที่ถูกวอนขอสำหรับพระผู้อภิบาลของเจ้า
๑๗.
และ
เจ้าจงตักเตือนพวกพ้องของเจ้าให้สังวรถึงวันปรภพ ซึ่งเป็น
วันที่พระองค์จะทรงรวมพวกเขาและสิ่งที่พวกเขากราบไหว้นอกจากอัลเลาะห์
ณ สถานที่แห่งเดียวกันคือทุ่ง “มัฮซัร”
และพระองค์ทรงมีบัญชา
กับบรรดาสิ่งถูกกราบไหว้ทั้งหลายว่า
พวกเจ้ายังความหลงผิดแก่บรรดาข้าทาสของข้าเหล่านี้หรือพวกเขาหลงทางกันเอง
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 25 อัลฟุรฺกอน
«
ตอบกลับ #6 เมื่อ:
มิ.ย. 02, 2012, 08:02 AM »
0
สูเราะฮฺ อัลฟุรฺกอน อายะฮฺที่ 18 - 20
คำอ่าน
18. กอลู สุบหานะกะมากานะ ยัม..บะฆีละนา..อัน..นัตตะคิซะ มิน..ดูนิกะ มินเอาลิยา...อะ วะลากิม..มัตตะอฺตะฮุม วะอาบา...อะฮุม หัตตา นะสุซซิกรฺ วะกานูก็อวมัม..บูรอ
19. ฟะก็อกกัซซะบูกุม..บิมาตะกูลูนะ ฟะมาตัสตะฏีอูนะ ส็อรเฟา..วะลานัศรอ วะมัย..ยัซลิม..มินกุม นุซิกฮุ อะซาบัน..กะบีรอ
20. วะมา..อัรฺสัลนาก็อบละกะ มินัลมุรฺสะลีนะ อิลลา..อิน..นะฮุม ละยะอ์กุลูนัฏเฏาะอามะ วะยัมชูนะฟิลอัสวาก วะญะอัลนาบะอฺเฎาะกุม ลิบะอฺฎิน..ฟิตนะฮฺ อัตัศบิรูน วะกานะร็อบบุกะบะศีรอ
คำแปล R1.
18. They will say: "Glorified be you! It was not for us to take any
Auliya'
(protectors, helpers, etc.) besides you, but you gave them and their fathers comfort till they forgot the warning, and became a lost people (doomed to total loss).
19. Thus they (false gods all deities other than Allah) will give you (polytheists) the lie regarding what you Say (that they are gods besides Allah), then you can neither avert (the punishment), nor get help. And whoever among you does wrong (i.e. sets up rivals to Allah), we shall make him taste a great torment.
20. And we never sent before you (O Muhammad) any of the Messengers but verily, they ate food and walked in the markets. And we have made some of you as a trial for others: will you have patience? And your Lord is ever All-Seer (of everything).
คำแปล R2.
18. พวกนั้นตอบว่า “พระองค์ทรงบริสุทธิ์ยิ่งนัก ย่อมไม่บังควรสำหรับพวกเราเลยที่จะยึดเอาบรรดาผู้คุ้มครองนอกเหนือจากพระองค์ แต่ทว่าพระองค์ได้ทรงอำนวยความสุขแก่พวกเขาและบรรพบุรุษของพวกเขา จนกระทั่งพวกเขาลืมคำเตือน และพวกเขาเป็นกลุ่มชนผู้หายนะโดยแท้
19. แท้จริงพวกเขากล่าวหาพวกเจ้าว่ามุสาในสิ่งที่พวกเจ้าพูด แล้วพวกเจ้าก็ไม่สามารถผัน(การลงโทษออกไป)และไม่(สามารถให้ความ)ช่วยเหลือ(แก่ผู้ใด)” และผู้ใดในหมู่พวกเจ้าทุจริต แน่นอนเราจักให้เขาได้ลิ้มรสการลงโทษอันใหญ่หลวง
20. และเรามิได้ส่งผู้ใดจากบรรดาศาสนทูตทั้งหลายมาก่อนหน้าเจ้า(ที่เป็นมลาอิกะฮฺเลย) นอกจากพวกเขาเหล่านั้น(เป็นสามัญชนที่) บริโภคอาหารและเดินในตลาด(เหมือน ๆ กัน) และเราได้บันดาลบางส่วนของพวกเจ้าให้เป็นข้อทดสอบสำหรับอีกบางส่วน (ให้บางคนมั่งมี บางคนยากจน เพื่อทดสอบว่า) พวกเจ้าจะอดทนได้ไหม ? (ในการดำเนินชีวิตให้สมฐานะ) และองค์อภิบาลของเจ้านั้นทรงได้ยินยิ่งนัก
คำแปล R3.
18. พวกเขาจะตอบว่า “มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์ เราไม่อาจที่จะเอาใครอื่นเป็นผู้คุ้มครองนอกไปจากพระองค์ (พวกเขาหลงผิดเพราะ) พระองค์ได้ทรงประทานสิ่งที่ดีแก่พวกเขาและแก่บรรพบุรุษของพวกเขาจนกระทั่งพวกเขาได้ลืมคำตักเตือนและได้รับการลงโทษ
19. ดังนั้น เมื่อสิ่งที่สูเจ้าเคารพบูชาปฏิเสธทั้งหมดที่สูเจ้ากล่าวมาแล้ว สูเจ้าก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงการลงโทษและจะไม่ได้รับความช่วยเหลือใด ๆ และใครก็ตามในหมู่สูเจ้าที่เป็นผู้อธรรม เราจะให้เขาได้รับการลงโทษอันรุนแรง
20. (โอ้ มุฮัมมัด) บรรดารอซูลทั้งหมดที่เราได้ส่งไปก่อนหน้าเจ้านั้นก็กินอาหารและเดินอยู่ตามตลาด ความจริงแล้ว เราได้ทำให้บางคนของสูเจ้าเป็นที่ทดสอบสำหรับบางคน สูเจ้าจะอดทนไหม ? เพราะพระผู้อภิบาลของเจ้าทรงเห็นทุกสิ่ง
คำแปล R4.
18. พวกเขากล่าวว่า มหาบริสุทธิ์พระองค์ท่านการบังควรแก่พวกเรา ที่พวกเราจะยึดถือผู้คุ้มครองอื่นๆนอกจากพระองค์ แต่ทว่าพระองค์ได้ทรงประทานปัจจัยให้แก่พวกเขา และบรรพบุรุษของพวกเขา จนกระทั่งพวกเขาได้ลืมต่อการรำลึก และพวกเขาได้เป็นหมู่ชนที่วิบัติ
19. แน่นอนพวกเขาได้ปฏิเสธพวกเจ้าในสิ่งที่พวกเจ้ากล่าว ดังนั้น พวกเจ้าจึงไม่สามารถเลี่ยงมิให้มีการลงโทษ และไม่สามารถจะให้ความ ช่วยเหลือได้และผู้ใดในหมู่พวกเจ้ากระทำผิด เราจะให้เขาลิ้มรสการลงโทษอันมหันต์
20. และเรามิได้ส่งคนใดจากบรรดารอซูลก่อนหน้าเจ้า นอกจากพวกเขาจะรับประทานอาหารอย่างสามัญชน และเดินท่องไปในตลาด และเราได้ทำให้บางคนในพวกเจ้าเป็นการทดสอบแก่อีกบางคน เพื่อดูว่าพวกเจ้าจะอดทนไหม ? และพระเจ้าของเจ้านั้นทรงเห็นทุกอย่าง
คำแปล R5.
๑๘.
บรรดาสิ่ง
กราบไหว้
เหล่านั้นกล่าว
ตอบว่า
พระองค์ผู้ทรงบพิธยิ่ง ไม่เป็นการสมควรสำหรับพวกเราเลยที่จะยึดถือสิ่งอื่น ๆ นอกจากพระองค์เป็นผู้คุ้มครองของเรา แต่ทว่าพระองค์ได้ประทานความสุขแก่พวกเขาและบรรพบุรุษของพวกเขา
อย่างสมบูรณ์และล้นเหลือ
จนพวกเขาลืมคำเตือน
ของศาสดาแห่งพระผู้เป็นเจ้าที่มาประกาศสัจธรรมแก่พวกเขา
และพวกเขาจึงเป็นกลุ่มชนที่ประสบกับความหายนะ
๑๙. พระองค์อัลเลาะห์ได้ตรัสแก่บรรดาผู้เนรคุณทั้งหลาย
แท้จริงพวกเขาได้ยกโกหกพวกเจ้า
กล่าวหาว่าพวกเจ้าพูดเท็จ
ในสิ่งที่พวกเจ้ากล่าวไว้ แล้วพวกเจ้าก็ไม่สามารถจะผันแปรและช่วยเหลือตัว
ของพวกเจ้าเองให้พ้นจากการลงโทษของอัลเลาะห์ได้ พวกเจ้าทั้งหลายจะต้องได้รับการลงโทษจากพระองค์อย่างแน่นอน
และผู้ใดจากพวกเจ้าทั้งหลายฉ้อฉล
ด้วยการกราบไหว้สิ่งอื่น ๆ
เราจะให้เขาได้ลิ้มรสแห่งการลงโทษอันยิ่งใหญ่
และสุดแสนทรมานในวันปรภพ
๒๐.
และเรามิได้ส่งศาสนทูตคนใดมาก่อนหน้าเจ้า
ในลักษณะพิเศษไปกว่ามนุษย์ธรรมดา ๆ เลย
นอกจากความจริงแล้วพวกเขาเหล่านั้นล้วนบริโภคอาหารและเดิน
ประกอบอาชีพ
ในตลาด
เยี่ยงสามัญชนทั่ว ๆ ไป บรรดาศาสนทูตทุก ๆ คนหาใช่เป็นมลาอิกะห์ไม่ แม้สักคนเดียวก็ตาม
และเราได้บันดาลบางคนจากพวกเจ้าเป็นการทดสอบแก่อีกบางคน
โดยศาสดาบางท่านเป็นเฉพาะตำแหน่งศาสดา บางท่านก็เป็นกษัตริย์ด้วย และมีทรัพย์สมบัติมหาศาล บางท่านก็ยากจน เพื่อเป็นการทดสอบว่า
พวกเจ้าทั้งหลายจะอดทนหรือไม่ และองค์พระอภิบาลของเจ้านั้นย่อมมองเห็น
พฤติกรรมและความรู้สึกนึกคิดต่าง ๆ ของพวกเจ้าอยู่ตลอดเวลา
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 25 อัลฟุรฺกอน
«
ตอบกลับ #7 เมื่อ:
มิ.ย. 03, 2012, 07:44 AM »
0
สูเราะฮฺ อัลฟุรฺกอน อายะฮฺที่ 21 - 23
คำอ่าน
21. วะกอลัลละซีนะลายัรฺญูนะ ลิกอ...อะนา เลาลา..อุน..ซิละ อะลัยนัลมะลา...อิกะตุ เอานะรอ ร็อบบะนา ละเกาะดิสตักบะรูฟี..อัน..ฟุสิฮิม วะอะเตา อุ๖วัน..กะบีรอ
22. เยามะยะร็อวนัลมะลา...อิกะตะ ลาบุชรอเยามะอิซิลลิลมุจญริมีนะ วะยะกูลูนะหิจญร็อม..มะหฺญูรอ
23. วะเกาะดิมนา..อิลามาอะมิลู มินอะมะลิน..ฟะญะอัลนาฮุ ฮะบา..อัม..มัน..ษูรอ
คำแปล R1.
21. And those who expect not for a meeting with us (i.e. those who deny the Day of Resurrection and the life of the Hereafter), say: "Why are not the angels sent down to us, or why do we not see our Lord?" Indeed they think too highly of themselves, and are scornful with great pride.
22. On the day they will see the angels, no glad tidings will there be for the
Mujrimun
(criminals, disbelievers, polytheists, sinners, etc.) that Day. And they (angels) will say: "All kinds of glad tidings are forbidden for you," [none will be allowed to enter Paradise except the one who said: La ilaha ill-Allah, "(none has the right to be worshipped but Allah) and acted practically on its legal orders and obligations].
23. And we shall turn to whatever deeds they (disbelievers, polytheists, sinners, etc.) did, and we shall make such deeds as scattered floating particles of dust.
คำแปล R2.
21. และบรรดาผู้ไม่คิดหวังที่จะได้พบกับเรา(ภายหลังจากที่ฟื้นจากความตายเพราะพวกเขาปฏิเสธเรื่องนั้นมาแต่ดั้งเดิมแล้ว) กล่าวว่า “ไฉนเล่าจึงไม่ส่งมลาอิกะฮฺให้ลงมายังเราหรือให้เราเห็นองค์อภิบาลของเรา ?” ขอยืนยันแท้จริงพวกเขาทระนงในตัวของพวกเขาเอง และพวกเขาได้ล่วงละเมิดอย่างใหญ่หลวง(ต่อบทบัญญัติของอัลเลาะฮฺ)
22. (จงระลึกเถิดถึง)วันซึ่งพวกเขาจะได้เห้นมลาอิกะฮฺ ในวันนั้นไม่มีข่าวดีสำหรับคนบาปทั้งมวล และมลาอิกะฮฺจะพูดว่า “เป็นที่ต้องห้ามอย่างยิ่ง(สำหรับพวกเจ้าที่จะรับข่าวดีนั้น)”
23. และเราได้มุ่งสู่(การพิจารณา)การงานที่พวกเขาได้ประพฤติไว้ แล้วเราก็บันดาลมันให้(ไร้ผล ประดุจดัง) ฝุ่นที่ปลิวว่อน(ในอากาศ)
คำแปล R3.
21. บรรดาผู้ที่ไม่กลัวการมาอยู่ต่อหน้าเราได้กล่าวว่า “ทำไมมลาอิกัฮฺจึงมิได้ถูกส่งลงมายังเรา ? หรือเราควรจะเห็นพระผู้อภิบาลของเรา” พวกเขาคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ และได้ละเมิดขอบเขตทุกอย่าง
22. วันที่พวกเขาจะได้เห้นมลาอิกะฮฺจะไม่ใช่วันแห่งความยินดีสำหรับผู้ทำความผิด พวกเขาจะร้องว่า “ขออัลลอฮฺทรงช่วยเราด้วยเถิด”
23. และเราจะหันมายังสิ่งที่พวกเขาได้กระทำไว้และทำให้มันไร้ค่าเหมือนฝุ่นธุลีที่ปลิวว่อน
คำแปล R4.
21. และบรรดาผู้ที่ไม่หวังจะพบเรากล่าวว่า ไฉนเล่ามะลาอิกะฮฺจึงไม่ถูกส่งลงมายังพวกเราหรือเราไม่เห็นพระเจ้าของเรา แน่นอนพวกเขาหยิ่งยโสในตัวของพวกเขามาก และพวกเขาได้ละเมิดขอบเขตอย่างมาก
22. วันที่พวกเขาเห็นมะลาอิกะฮฺ ในวันนั้นจะไม่มีข่าวดีสำหรับบรรดาผู้กระทำความผิด และมะลาอิกะฮฺจะกล่าวว่า สวรรค์จะถูกห้ามอย่างเด็ดขาดสำหรับพวกเขา
23. และเรามุ่งสู่ส่วนหนึ่งของการงานที่พวกเขาได้ปฏิบัติไป แล้วเราจะทำให้มันไร้คุณค่ากลายเป็นละอองฝุ่นที่ปลิวว่อน
คำแปล R5.
๒๑.
และบรรดาผู้ไม่หวังที่จะพบ
กับการลงโทษของ
เรา
ในวันปรภพด้วยพวกเขาคัดค้านการฟื้นจากสุสานและการมีโลกใหม่รวมทั้งสภาพการต่าง ๆ พวกเขา
กล่าวว่า ไฉน
พระองค์อัลเลาะห์
จึงไม่ให้มลาอิกะห์ลงมาหาเรา
เพื่อแจ้งกับเราโดยตรงในเรื่องที่มุฮำมัดนำมาประกาศและสนับสนุนยืนยันในฐานะของมุฮำมัดว่าเป็นผู้ประกาศจากพระองค์จริง ถ้ามุฮำมัดเป็นศาสดาจริงก็สมควรจะส่งมลาอิกะห์ลงมายืนยันให้แน่ชัด
หรือ
มิฉะนั้นก็
ให้เราเห็นพระ
ผู้เป็นเจ้า
ผู้ทรงอภิบาลของเรา
ด้วยตาของเราเอง เราจะได้ทราบว่าเรื่องที่เขานำมาประกาศนั้นเป็นเรื่องจริง โดยอาศัยเครื่องหมายต่าง ๆ ที่ไม่อาจจะคลางแคลงได้ และพระผู้เป็นเจ้าที่ปรากฏให้เราเห็นจะได้บอกกับพวกเราว่า “ข้าได้ส่งมุฮำมัดมาประกาศและตักเตือนพวกเจ้า” ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริงเราจึงจะเชื่อ แต่ถ้ามลาอิกะห์ไม่ลงมาหรือเราไม่เห็นพระเจ้าด้วยตาของเราเองเราก็ไม่ยอมเชื่อถืออย่างเด็ดขาด
แท้ที่จริง
การที่พวกเขาได้กล่าวเช่นนั้นหาใช่พวกเขาจะปรารถนาให้เป็นไปตามที่เขากล่าวไม่ พวกเขากล่าวเพื่อเยาะเย้ยก้าวร้าวและด้วยความดื้อรั้นเท่านั้นเอง
พวกเขามีความยโสในตัวเองและพวกเขาละเมิดอย่างใหญ่หลวง
ต่อพระองค์อัลเลาะห์จนถึงกับขอเห็นพระองค์ด้วยตาตนเอง
๒๒. ถ้าพวกเขาอยากเห็นมลาอิกะห์ พวกเขาก็จะได้เห็นในวันปรภพ
เป็นวันที่พวกเขาจะได้เห็นมลาอิกะห์ ในวันนั้นไม่มีข่าวดีสำหรับทุรชนทั้งหลาย และ
พวกมลาอิกะห์
เขาจะกล่าว
กับพวกนั้นว่า “พวกท่านทั้งหลาย
ถูกห้ามโดยเด็ดขาด
ที่จะได้รับข่าวดี คือ ได้รับการอภัย และได้เข้าสงวรรค์” เพราะผู้ได้รับข่าวดีดังกล่าวนั้นจะต้องเป็นบุคคลที่ยอมรับในเอกภาพของอัลเลาะห์และเลื่อมใสในศาสนทูตของพระองค์
๒๓.
และเราจะมุ่งสู่ความประพฤติ
อันดีงาม
ของพวกเขา
ที่พวกเขาได้ประกอบไว้ในสากลโลก เช่น การเชื่อมความสัมพันธ์และมีไมตรีต่อผู้อื่น การสงเคราะห์ผู้เดือดร้อนและช่วยเหลือเชลย เป็นต้น ซึ่งความประพฤติดังกล่าวนั้น หากพวกเขากระทำพร้อมความศรัทธา พวกเขาก็จักได้กุศลมหาศาล แต่เมื่อพวกเขาไร้ศรัทธา การกระทำเหล่านั้นจึงสูญเสียไปโดยไม่ได้รับกุศลใด ๆ เลย
แล้วเราได้บันดาลมัน
(ความประพฤตินั้น)ให้มีสภาพ
เช่นผงธุลีที่ล่องลอย
อยู่ในอากาศซึ่งไม่อำนวยประโยชน์แก่ผู้ใดเลย
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 25 อัลฟุรฺกอน
«
ตอบกลับ #8 เมื่อ:
มิ.ย. 04, 2012, 06:35 AM »
0
สูเราะฮฺ อัลฟุรฺกอน อายะฮฺที่ 24 - 29
คำอ่าน
24. อัศหาบุลฐัน..นะติ เยามะอิซิน ค็อยรุม..มุสตะก็อรฺร็อว..วะอะหฺสะนุมะกีลา
25. วะเยามะตะชักเกาะกุสสะมา...อุ บิลเฆาะมามิ วะนุซซิลัลมะลา...อิกะตุ ตัน..ซีลา
26. อัลมุลกุเยามะอิซินิลหักกุ ลิรฺเราะหฺมาน วะกานะเยามัน อะลัลกาฟิรีนะอะสีรอ
27. วะเยามะ ยะอัฎฎุซซอลิมุ อะลายะดัยฮิ ยะกูลุยาลัยตะนิตตะค็อซตุ มะอัรฺเราะสูลุสะบีลา
28. ยาวัยละตา ลัยตะนีลัมอัตตะคิซฟุลานัน เคาะลีลา
29. ละก็อดอะฎ็อลละนี อะนิซซิกริ บะอฺดะอิซญา...อะนี วะกานัชชัยฏอนนุลิลอิน..สานุเคาะซูลา
คำแปล R1.
24. The dwellers of Paradise (i.e. those who deserved it through their faith and righteousness) will, on that day, have the best abode, and have the fairest of places for repose.
25. And (remember) the Day when the heaven shall be rent asunder with clouds, and the angels will be sent down, with a grand descending.
26. The sovereignty on that Day will be the true (sovereignty), belonging to the most beneficent (Allah), and it will be a hard Day for the disbelievers (those who disbelieve in the Oneness of Allah Islamic Monotheism).
27. And (remember) the Day when the
Zalim
(wrong-doer, oppressor, polytheist, etc.) will bite at his hands, He will say: "Oh! Would that I had taken a Path with the Messenger ( Muhammad).
28. "Ah! Woe to me! Would that I had never taken so-and-so as a friend!
29. "He indeed led me astray from the reminder (this Qur'an) after it had come to me. and Shaitan (Satan) is ever a deserter to man In the Hour of need."
คำแปล R2.
24. บรรดาชาวสวรรค์ในวันนั้นมีที่อยู่อันประเสริฐสุด และที่พักผ่อนอันงดงามยิ่ง
25. และในวันซึ่งฟากฟ้าแตกสลายพร้อมกลุ่มเมฆหมอก และมลาอิกะฮฺถูกส่งลงมาอย่างมากมาย
26. สิทธิอำนาจที่เป็นจริงในวันนั้นเป็นของพระผู้ทรงเมตตายิ่ง และมันเป้นวันที่ยุ่งยากสำหรับผู้ไร้ศรัทธา
27. และในวันซึ่งผุ้ทุจริตต้องกัดมือตนเองทั้งสองข้าง(ด้วยความโมโหตัวเอง)พร้อมกับรำพึงว่า “โอ้ความหวังของข้า ข้าน่าจะยึดเอาทาง(ที่เที่ยงแท้)ร่วมกับศาสนทูต”
28. “โอ้ความวิบัติของเข้า ไม่น่าเลยที่ข้าได้ยึดเอาผู้เนรคุณมาเป็นสหาย”
29. “ขอสาบาน เขาได้ทำให้ข้าหลงทางไปจากคำเตือน(อัลกุรอาน)หลังจากที่คำเตือนนั้นได้มาสู่ข้าแล้ว และอันมารร้ายนั้นเป็นผู้ดูดายต่อมนุษย์โดยแท้”
คำแปล R3.
24.
(ในทางตรงข้าม)
เฉพาะบรรดาผู้ที่สมควรได้รับสวนสวรรค์เท่านั้นจะได้รับที่พำนักที่ดีในวันนั้น และสถานที่อันร่มเย็นสำหรับพักผ่อนในตอนกลางวัน
25. ในวันนั้นเมฆจะปรากฏเป็นรอยแยกท้องฟ้า และมลาอิกะฮฺจะถูกส่งทยอยมาเป็นระลอก
26. อำนาจที่แท้จริงในวันนั้นเป้นของพระผู้ทรงกรุนาปรานี และมันจะเป็นวันลำบากสำหรับผู้ปฏิเสธ
27. และวันนั้น ผู้อธรรมจะกัดมือของเขาและกล่าวว่า “โอ ถ้าฉันอยู่กับรอซูลก็จะเป็นการดี
28. วิบัติแน่แล้วฉัน ไม่น่าจะคบคนนั้นเป็นเพื่อนเลย
29. เพราะเขานั่นเองที่ทำให้ฉันหลงผิด ปฏิเสธคำตักเตือนที่ได้มายังฉัน มารร้ายนั้นเป้นผู้ทรยศมนุษย์เสมอ”
คำแปล R4.
24. ชาวสวนสวรรค์ในวันนั้นจะอยู่ในที่พำนักอันดี และที่พักผ่อนอันสบายยิ่ง
25. และวันที่ท้องฟ้าจะแตกออกจากก้อนเมฆและมะลาอิกะฮฺถูกส่งทยอยลงมา
26. ในวันนั้น อำนาจอันแท้จริงเป็นสิทธิ์ของพระผู้ทรงกรุณาปรานี และมันเป็นวันที่ลำบากแก่ผู้ปฏิเสธศรัทธา
27. และวันที่ผู้อธรรมจะกัดมือของเขาแล้วจะกล่าวว่า โอ้ ถ้าฉันได้ยึดแนวทางร่วมกับอัลรอซูลก็จะเป็นการดี
28. โอ้ความวิบัติแก่ฉัน หากฉันไม่คบคนนั้นเป็นเพื่อน
29. แน่นอน เขาได้ทำให้ฉันหลงผิดจากการตักเตือน หลังจากที่มันได้มันมายังฉัน และชัยฏอนมารร้ายนั้น มันเป็นผู้เหยียดหยามมนุษย์เสมอ
คำแปล R5.
๒๔.
บรรดาชาวสวรรค์ในวันนั้นมีที่อยู่อาศัยอันประเสริฐสุด
ดีกว่าที่พวกทุรชนทั้งหลายมีอยู่ในโลกนี้มากมายนัก
และมีที่พักผ่อนอันงดงามที่สุด
ซึ่งพวกเขาไม่เคยพบเห็นมาก่อนในสากลโลก
๒๕.
และ
โอ้มุฮำมัด เจ้าจงระลึกเถิดถึงสัญญาณอันน่าพรั่นพรึงของวันปรภพ คือเป็น
วันที่ฟากฟ้าจะแตกออกเป็น
เสี่ยง ๆ รวมทั้งดวงอาทิตย์ ดวงดาว เปรียบได้
ดังก้อนเมฆ
เพราะทุกสิ่งได้สลายตัวลอยล่องกระจัดกระจายอยู่ในอากาศ ไม่ผิดกับก้อนเมฆ
และเหล่ามลาอิกะห์
ได้รับอนุญาตให้
ลงมาจริง ๆ
พร้อมกับนำบัญชีความประพฤติของมวลมนุษย์ทั้งหลายมาเสนอในวาระของการสอบสวน ซึ่งบัญชีนั้นจะเป็นสักขีพยานที่พวกเขาไม่อาจจะแก้ข้อกล่าวหาใด ๆ ได้
๒๖.
อภิสิทธิ์ที่แท้จริงในวันนั้นเป็นของ
พระองค์อัลเลาะห์
ผู้ทรงไว้ซึ่งความเมตตา
พระองค์ทรงอำนาจเด็ดขาดเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น หามีผู้ใดมีสิทธิเข้าแทรกแซงและก้าวก่ายการพิจารณาและการพิพากษาของพระองค์ได้ไม่
และมันเป็นวันยุ่งยากที่สุดสำหรับพวกเนรคุณทั้งหลาย
พวกเขาจะพบกับความทุรนทุราย ความพรั่นพรึงต่อวิกฤตการแห่งวันนั้น และพวกเขาไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร
๒๗.
และในวัน
(ปรภพ)
ซึ่งมิจฉาชนจะกัดมือทั้งสองข้าง
ด้วยความโศกเศร้าเสียใจในพฤติกรรมก้าวร้าวของตนเองเมื่ออดีตพร้อมกับ
กล่าวว่า โอ้ความหวังของข้า ข้าน่าจะยึดเอาทางรอดร่วมกับศาสนทูต
ตั้งแต่ครั้งท่านได้นำสารมาประกาศ และข้าจะได้ไม่ต้องหลงผิดเช่นที่เป็นอยู่ขณะนี้
๒๘.
โอ้ความวิบัติของข้า
จงมาหาข้าเถิด มันถึงเวลาที่ข้าจะต้องมาพบกับเจ้าแล้ว
ความหวังของข้าเอ๋ย ข้ามิน่าเลยที่จะยึดเอาบุรุษหนึ่ง
ที่ยังความหลงผิดอันฉกาจฉกรรจ์แก่ข้ามา
เป็นเพื่อนสนิท
ของข้าเอง อันเป็นผลให้ข้าไม่สามารถหลุดพ้นจากความหลงผิดและความงมงายได้ อันเพื่อนสนิทของข้าเมื่ออดีตนั้นที่แท้ก็คือมารร้ายผู้ไม่หวังดีกับผู้ใดเลย เช่น อุบัยย์ บิน คอลัฟ เป็นต้น
มูลเหตุแห่งการประทานโองการนี้
เล่ากันว่า ชายผู้หนึ่ง ชื่อ “อุตบะห์ บินอะบีมุไอ๊ต” เขาผู้นีร้ชอบไปนั่งกับท่านศาสดาเป็นประจำ อยู่มาวันหนึ่งเขาเชิญท่านศาสดาไปรับประทานอาหารที่บ้านของเขา แต่ท่านศาสดาปฏิเสธที่จะรับประทานอาหารของเขา จนกว่าเขาจะกล่าวปฏิญาณตน ซึ่งเขาก็ทำตามที่ศาสดายื่นเงื่อนไขไปนั้น และอุตบะห์ผู้นี้เป็นเพื่อนกับ “อุบัยย์ บิน คอลัฟ” เมื่ออุบัย์ทราบข่าว ก็ประณามอุตบะห์เป็นการใหญ่ เขากล่าวกับอุตบะห์ว่า “ท่านทรยศต่ออุดมการณ์แห่งศาสนาเสียแล้ว” อุตบะห์ตอบว่า “เปล่า ขอสาบาล ทาข้าต้องกล่าวปฏิญาณนั้นก็เป็นเพราะเขา (มุฮำมัด) ไม่ยอมรับประทานอาหารของข้าทั้ง ๆ ที่เขากำลังอยู่ในบ้านของข้าฯ ข้าฯละอายแก่ใจ จึงต้องกล่าวปฏิญาณต่อเขา” อุบัยย์กล่าวว่า “ข้าฯจะไม่พอใจท่านเป็นอันขาด จนกว่าท่านจะต้องไปหาเขา ไปเหยียบต้นคอเขา และถ่มเสมหะรดหน้าเขา ถ้าท่านทำอย่างนั้น ข้าฯจึงจะพอใจและเลิกโกรธท่าน” ต่อมาอุตบะห์ได้พบท่านศาสดากำลังกราบในพิธีละหมาดของท่าน เขาจึงกระทำตามที่ได้รับคำสั่งมาจากอุบัยย์ดังกล่าว จากเรื่องราวของเขาทั้งสองนี้เอง พระองค์อัลเลาะห์จึงได้ประทานโองการนี้มา
๒๙.
แท้จริงเขาได้ยังความหลงผิดแก่ข้า
ให้หันเหออกไป
จากคำเตือน ภายหลังจาก
ที่คำเตือนนั้น
ได้มายังข้าแล้ว
จากพระองค์อัลเลาะห์
และ
โดยปกติวิสัยแล้ว
มารร้ายย่อมดูดายต่อมวลมนุษย์
ที่มันสามารถล่อลวงได้ เมื่อมันทำให้มนุษย์เพิกเฉยต่อศรัทธาและสัจธรรม และมันยุยงให้ลุ่มหลงกับความเลวร้ายและความไร้สาระต่าง ๆ แล้ว มันจะปบล่อยปละละเลยไม่สนใจต่อภัยพิบัตินานาประการที่ประสบแก่มนุษย์เลย และมันจะไม่ช่วยให้เขาได้ปลอดพ้นไปจากภัยพิบัตินั้นด้วยประการใด ๆ ทั้งสิ้น
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 25 อัลฟุรฺกอน
«
ตอบกลับ #9 เมื่อ:
มิ.ย. 05, 2012, 06:36 AM »
0
สูเราะฮฺ อัลฟุรฺกอน อายะฮฺที่ 30 - 32
คำอ่าน
30. วะกอลัรฺเราะสูลุ ยาร็อบบิ อิน..นะก็อวมิตตะเคาะซู ฮาซัลกุรฺอานะ มะฮญูรอ
31. วะกะซาลิกะญะอัลนาลิกุลลิ นะบียิย อะดู..วัม..มินัลมุจญริมีน วะกะฟาบิร็อบบิกะ ฮาดิเยา..วะนะศีรอ
32. วะกอลัลละซีนะกะฟะรู เลาลานุซซิละอะลัยฮิลกุรฺอานุ ญุมละเตา..วาหิดะฮฺ กะซาลิก ลินุษับบิตะบิฮี ฟุอาดะกะ วะร็อตตัลนาฮุตัรฺตีลา
คำแปล R1.
30. And the Messenger (Muhammad) will say: "O my Lord! Verily, my people deserted this Qur'an (neither listened to it, nor acted on its laws and orders).
31. Thus have we made for every Prophet an enemy among the
Mujrimun
(disbelievers, polytheists, criminals, etc.). but sufficient is your Lord as a guide and helper.
32. And those who disbelieve say: "Why is not the Qur'an revealed to him all at once?" Thus (it is sent down in parts), that we may strengthen your heart thereby. And we have revealed it to you gradually, in stages. (It was revealed to the Prophet in 23 years.).
คำแปล R2.
30. และศาสนทูตกล่าวว่า “โอ้องค์อภิบาลแท้จริงกลุ่มชนของข้าพเจ้าได้ยึดเอาอัล-กุรอานนั้นเป็นสิ่งทอดทิ้ง(ไม่ให้ความสนใจเลย)”
31. และเช่นนั้น เราได้ดลบันดาลให้แต่ละศาสดามีพวกคนบาปทั้งหลายเป็นศัตรู(คอยรุกราน) และย่อมเป็นการเพียงพอแล้วกับองค์อภิบาลของเจ้า ที่ทรงเป็นผู้ชี้นำและผู้ให้การช่วยเหลือ
32. และบรรดาจำพวกไร้ศรัทธากล่าวว่า “ไฉนเล่า อัลกุรอานจึงไม่ถูกประทานลงมายังเขาเป็นครั้งเดียวกันทั้งหมด (เหตุใดจึงต้องทยอยลงมา)?”เช่นนั้น ก็เพื่อเราจะได้สร้างความแน่นแฟ้นต่ออัลกุรอานแก่หัวใจของเจ้านั่นเอง และเราได้ทยอยลงอัลกุรอานมาให้
คำแปล R3.
30. และรอซูลจะกล่าวว่า “ข้าแต่พระผู้อภิบาลของฉัน ผู้คนของฉันได้เอา อัล-กุรอานนี้เป็นที่เย้ยหยันของพวกเขาแล้ว”
31.
(โอ้ มุฮัมมัด)
ในทำนองนี้เองที่เราได้ทำให้ผู้ทำผิดเป็นศัตรูของนบีทุกคน และเพียงพอแล้วที่พระผู้อภิบาลของเราเป็นผู้ทรงนำทางและผู้ทรงช่วยเหลือ
32. บรรดาผู้ปฏิเสธกล่าวว่า “ทำไมอัล-กุรอานจึงไม่ถูกประทานลงมาทั้งหมดในคราวเดียวกัน?” ที่เป้นเช่นนี้ก็เพื่อที่มันจะได้หยั่งลึกลงไปในหัวใจของเจ้าและ
(ด้วยวัตถุประสงค์เดียวกันยนี้เอง)
เราได้ประทานมันลงมาเป็นตอน ๆ
คำแปล R4.
30. และอัลรอซูลได้กล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ แท้จริงชนชาติของข้าพระองค์ได้ยึดเอาอัลกุรอานนี้เป็นที่ทอดทิ้งเสียแล้ว
31. และเช่นนั้นแหละ เราได้ทำได้ทำได้มีศัตรูผู้กระทำผิดแก่นะบีทุกคน และพอเพียงแล้วที่พระเจ้าของเจ้าเป็นผู้แนะทางฮิดายะฮฺ และทรงเป็นผู้ช่วยเหลือ
32. และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา กล่าวว่า ทำไมอัลกุรอานจึงไม่ถูกประทานลงมาแก่เขาครั้งเดียวกันทั้งหมด? เช่นนั้นแหละเพื่อเราจะทำให้หัวใจของเจ้ามั่นคงหนักแน่น และเราได้จัดให้เป็นเป็นระเบียบเรียบร้อย
คำแปล R5.
๓๐.
และองค์ศาสนทูตได้กล่าว
วิงวอนต่อพระองค์อัลเลาะห์ว่า
โอ้องค์พระผู้อภิบาล
ของข้า แท้จริง
กลุ่มชนของข้าได้ยึดเอากุรอานนี้เป็นสิ่งทอดทิ้ง
จากความสนใจของพวกเขา พวกเขาไม่ยอมรับฟังและไม่ศรัทธา พวกเขาไม่หวั่นกลัวต่อสัญญาของพระองค์
๓๑.
และเช่น
ที่เราได้บันดาลให้เจ้ามีศัตรูใส่ไคล้ต่าง ๆ นานา
นั้นแหละ เราก็ได้บันดาลให้แก่ทุก ๆ ศาสดา มีศัตรู
ซึ่งมา
จากทรชนทั้งหลาย
ดังนั้นเจ้าจงอดทนเช่นที่ศาสดาก่อนจากเจ้าเคยอดทนต่อศัตรูในยุคของเขามาก่อน
และย่อมเพียงพอแล้วสำหรับพระผู้ทรงอภิบาลของเจ้า
เพียงพระองค์เดียวที่จะ
ทรงเป็นผู้ชี้นำและสงเคราะห์
เจ้าในกิจการทั้งหลาย ทั้งฝ่ายศาสนาและฝ่ายโลก โดยไม่ต้องมีบุคคลอื่นร่วมในการชี้นำและสงเคราะห์ดังกล่าว พระองค์เพียงหนึ่งเท่านั้นที่จะทำให้เจ้าบรรลุสู่จุดหมายโดยสมบูรณ์ และจะสงเคราะห์เจ้าให้ได้ชัยชนะเหนือศัตรูทั้งหลาย จงอดทนไปเถิด และจงมุ่งประกาศไปตามที่ได้รับมอบหมายและแต่งตั้งมาเถิด
๓๒.
และบรรดาผู้เนรคุณทั้งหลายกล่าวว่า ไฉนเล่าอัลกุรอานจึงไม่ลงมายังเขา
(มุฮำมัด)
รวมครั้งเดียว
ประดุจดังคัมภีร์ก่อน ๆ ซึ่งลงมาแบบรวมครั้งเดียวกัน ความจริงแล้วที่พวกนี้เข้าใจอย่างนั้นคลาดเคลื่อนต่อความเป็นจริงมาก เพราะบรรดาคัมภีร์ต่าง ๆ ที่ลงมาเมื่ออดีต ก็หาได้มีเล่มใดลงมาครั้งเดียวสมบูรณ์เลยไม่ ล้วนลงมาแบบทยอยทั้งสิ้น เช่น คัมภีร์เตาร๊อต รวมเวลาลงทั้งสิ้น ๑๘ ปี เป็นต้น ดังนั้นที่พวกเขากล่าวเช่นนั้นจึงเป็นเพียงคำเยาะเย้ยและความดื้อรั้นเท่านั้น หาได้มุ่งแก่นสารและสาระอันใดไม่ การที่เราประทานคัมภีร์ให้ลงมาแบบทยอย
เช่นนั้นก็เพื่อเราจักบันดาลความแน่นแฟ้นต่อกุรอานนั้นแก่หัวใจของเจ้า
เจ้าจะได้จดจำแม่นยำและได้ทบทวนเสมอ ๆ
และเราได้ทยอยกุรอาน
ให้ลงมาทีละเล็ก ทีละน้อย ในช่วงเวลา ๒๓ ปี โดยมียิบรออีลเป็นสื่อนำโองการ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 25 อัลฟุรฺกอน
«
ตอบกลับ #10 เมื่อ:
มิ.ย. 06, 2012, 06:39 AM »
0
สูเราะฮฺ อัลฟุรฺกอน อายะฮฺที่ 33 - 34
คำอ่าน
33. วะลายะอ์ตูนะกะบิมะษะลิน อิลลาญิอ์นากะ บิลหักกิ วะอะหฺสะนะตัฟสีรอ
34. อัลละซีนะยุหฺชะรูนะอะลา วุญูฮิฮิม อิลาญะฮัน..นะมะ อุลา...อิกะชัรฺรุม..มะกาเนา..วะอะฎ็อลลุสะบีลา
คำแปล R1.
33. And no example or similitude do they bring (to oppose or to find fault in you or in this Qur'an), but we reveal to you the truth (against that similitude or example), and the better explanation thereof.
34. Those who will be gathered to Hell (prone) on their faces, such will be in an evil state, and most astray from the (Straight) Path.
คำแปล R2.
33. และพวก(ชาวกาฟิร)เหล่านั้นจะไม่นำมาซึ่งคำอุทาหรณ์เปรียบเทียบ(คำถาม)ใด ๆ ยังเจ้า นอกจากว่าเราต้องนำ(คำตอบที่เป็น)สัจธรรมมาให้เจ้าเสมอ และคำอรรถาธิบายที่งดงามที่สุด(เพื่อโต้ตอบคำพูดของพวกนั้น)
34. บรรดาจำพวกที่ถูกไล่ไปรวม(โดยคว่ำลง)บนใบหน้าของพวกเขาสู่นรกญะฮันนัม พวกเหล่านั้นมีสถานะอันชั่วช้ายิ่ง และอยู่ในหนทางอันหลงยิ่ง
คำแปล R3.
33. และ
(มีเหตุผลอื่นในนี้อีก)
เมื่อใดก็ตามที่พวกเขานำสิ่งแปลก ๆ มายังเจ้า (หรือคำถามแปลก ๆ) เราก็ได้นำความจริงมายังเจ้าทันทีและได้อธิบายมันในลักษณะที่ดีที่สุด
34. บรรดาผู้ที่กำลังจะถูกส่งไปยังนรกต่อหน้าพวกเขานั้น สำหรับพวกเขาคือสถานที่อันเลวร้ายและหนทางของพวกเขาผิดพลาดที่สุด
คำแปล R4.
33. และพวกเขาจะไม่นำข้อเปรียบเทียบ (ข้อสงสัย) ใด ๆ มายังเจ้าเว้นแต่เราจะได้นำความจริงมาให้เจ้า และการอธิบายอย่างดียิ่ง
34. บรรดาผู้ที่ถูกลากให้มาชุมนุมกัน จะใช้ใบหน้าของพวกเขาเดินไปยังนรกญะฮันนัม ชนเหล่านั้นจะอยู่ในสถานที่ที่เลว และหลงทางยิ่ง
คำแปล R5.
๓๓.
และไม่ว่าพวกเขา
(กาฟิรมักกะห์)
จะนำอุทาหรณ์ใดมายังเจ้า
ก็ตามด้วยการบิดเบือนบรรยายลักษณะของเจ้าอย่างผิด ๆ และอย่างดูถูกดูแคลน
นอกจากเราจักนำความจริงมาให้เจ้า
ด้วยเสมอเพื่อตอบโต้คำกล่าวร้ายของพวกเขา จนคำกล่าวร้ายนั้นต้องพ่ายแพ้ไปในที่สุด
และ
สิ่งนั้น
เป็นการอธิบายที่ดีงามที่สุด
เหนือกว่าข้อกล่าวร้ายของพวกเขาซึ่งเป็นเท็จโดยแท้
๓๔.
บรรดาผู้ที่ถูกไล่ต้อน
ให้ไปรวมกัน ณ สถานที่แห่งเดียวกันเพื่อรอการพิพากษา ซึ่งพวกเขาถูกลากไปด้วยโซ่ตรวน
โดยคว่ำหน้า
ครูดถูไปกับพื้นเพื่อไป
สู่นรก พวกเหล่านั้นมีสถานที่อันเลวยิ่งและมีทางอันหลงผิดยิ่ง
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 25 อัลฟุรฺกอน
«
ตอบกลับ #11 เมื่อ:
มิ.ย. 07, 2012, 07:39 AM »
0
สูเราะฮฺ อัลฟุรฺกอน อายะฮฺที่ 35 - 37
คำอ่าน
35. วะละก็อดอาตัยนามูสัลกิตาบะ วะญะอัลนามะอะฮู..อะคอฮุ ฮารูนะ วะซีรอ
36. ฟะกุลนัซฮะบา..อิลัลก็อวมิลละซีนะกัซซะบูบิอายาตินา ฟะดัม..มัรฺนาฮุมตัดมีรอ
37. วะก็อวมะนูหิลลัม..มา กัซซะบุรฺรุสุละ อัฆร็อกนาฮุม วะญะอัลนาฮุมลิน..นาสิอายะฮฺ วะอะฮฺตัดนาลิซซอลิมีนะ อะซาบันอะลีมา
คำแปล R1.
35. And indeed we gave Musa (Moses) the Scripture [the Taurat (Torah)], and placed his brother Harun (Aaron) with him as a helper;
36. And we said: "Go you both to the people who have denied our
Ayat
(proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.). Then we destroyed them with utter destruction.
37. And Nuh's (Noah) people, when they denied the Messengers we drowned them, and we made them as a sign for mankind. And we have prepared a painful torment for the
Zalimun
(polytheists and wrong-doers, etc).
คำแปล R2.
35. ขอยืนยัน แท้จริง เราได้มอบคัมภีร์เตารอฮฺแก่มูซา และเราได้ตั้งให้พี่น้องของเขาคือฮารูนให้เป็นมนตรี(ทำการประกาศสัจธรรม)ร่วมกับเขาด้วย
36. จากนั้นเราได้มีคำสั่งแก่เขาทั้งสองว่า “เจ้าทั้งหลายจงเดินทางไปยังกลุ่มชนที่กล่าวหาโองการต่าง ๆ ของเราว่าเป็นสิ่งมุสาเถิด” ครั้นต่อมา เราก็จัดการทำลายล้างพวกเขาจนราบคาบ
37. และ(เช่นเดียวกันกับ) กลุ่มชนของนูห์ เมื่อพวกเขาได้กล่าวหาศาสนทูตทั้งหลายว่าเป็นผู้มุสา เราจึงดลบันดาลให้พวกเขาจมน้ำตาย และเราได้ดลบันดาลพวกเขาให้เป็นสัญลักษณ์(ตัวอย่าง)สำหรับมวลมนุษย์(ได้ศึกษาและเตือนใจ)และเราได้เตรีมการลงโทษอันทรมานที่สุดว้สำหรับบรรดาผู้ฉ้อฉลทั้งปวง
คำแปล R3.
35. และเราได้ประทานคัมภีร์แก่มูซาและได้แต่งตั้งพี่ชายของเขาเป็นผู้ช่วยเหลือ
36. หลังจากนั้นเราได้กล่าวแก่เขาทั้งสองว่า “เจ้าทั้งสองจงไปยังหมู่ชนที่ถือว่า อายะฮฺทั้งหลายของเราเป็นเท็จ” ดังนั้น เราได้ทำลายคนเหล่านี้จนพินาศ
37. เช่นเดียวกับหมู่ชนของนูฮฺเมื่อพวกเขากล่าวหารอซูลว่าเป็นผู้โกหก เราได้ทำให้พวกเขาจมน้ำตายและได้ทำให้พวกเขาเป็นสัญญาณเตือนสำหรับมนุษยชาติ และเราได้จัดเตรียมการลงโทษอันเจ็บปวดไว้แล้วสำหรับผู้อธรรม
คำแปล R4.
35. และแน่นอน เราได้ประทานคัมภีร์(เตารอฮฺ) แก่มูซา และเราได้ให้พี่ชายของเขาคือฮารูนเป็นผู้ช่วยเหลือ
36. แล้วเราได้กล่าวว่า เจ้าทั้งสองจงออกไปยังหมู่ชนที่ปฏิเสธ ไม่เชื่อโองการทั้งหลายของเรา และเราได้ทำลายพวกเขาอย่างพินาศย่อยยับ
37. และหมู่ชนของนูห์ เมื่อพวกเขาปฏิเสธไม่เชื่อฟังบรรดารอซูล เราได้ให้พวกเขาจมน้ำตายและเราได้ทำให้พวกเขาเป็นสัญญาณหนึ่งแก่มนุษยชาติ และเราได้เตรียมการลงโทษอย่างเจ็บปวดไว้สำหรับบรรดาผู้อธรรม
คำแปล R5.
๓๕.
และแท้จริงเราได้ประทานคัมภีร์
เตาร๊อต
แก่
นบี
มูซา
เหมือนกับที่ได้ประทานคัมภีร์อัลกุรอานแก่เจ้า
และเราได้แต่งตั้งพี่ชายของเขาคือฮารูนให้เป็นผู้ช่วย
คอยให้ตำปรึกษาและช่วยเหลือในกิจการเผยแพร่ศาสนาของเขา
๓๖.
แล้วเราก็มีบัญชา
แก่เขาทั้งสองว่า
เจ้าทั้งสองจงไปหา
ฟิรเอาน์และพวกพ้องของเขาเถิด ซึ่งพวกนี้เป็น
กลุ่มชนที่ยกโกหกโองการต่าง ๆ ของเรา
และไม่ยอมเชื่อถือโดยสิ้นเชิง และเมื่อท่านนบีมูซาและฮารูนได้ไปหาพวกนั้นตามพระบัญชาของอัลเลาะห์แล้ว คนกลุ่มนั้นก็กล่าวหาท่านทั้งสองว่าเป็นคนโกหก
ดังนั้นเราจึงทำลายพวกนั้นอย่างย่อยยับ
โดยให้จมน้ำตายในทะเลแดง
๓๗.
และ
เช่นเดียวกันเราได้ลงโทษ
พวกพ้องของนบีนูฮ์เมื่อพวกเขายกโกหกบรรดาศาสนทูต
ซึ่งในจำนวนนั้นคือนบีนูฮ์ซึ่งเป็นศาสนทูตผู้มาประกาศเผยแพร่สัจธรรมของพระเจ้าแก่พวกเขา ท่านได้เผยแพร่ในกลุ่มชนเป็นเวลานาน ท่านมีอายุถึง ๙๙๕ ปี แม้จะพยายามเผยแพร่อย่างสูง แต่ก็มีผู้ศรัทธาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง
เราได้ทำให้พวกเขาจมน้ำ
ตาย
และบันดาลพวกนั้นให้เป็นสัญลักษณ์
เพื่อเป็นอนุสติเตือนใจและเพื่อการตริตรอง
ของมนุษยชาติ
ทั้งมวล
และเราได้สำรองการลงโทษอันทรมานยิ่งแก่มิจฉาชนทั้งหลาย
ผู้ไม่ยอมศรัทธาต่ออัลเลาะห์และศาสนทูตของพระองค์
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 25 อัลฟุรฺกอน
«
ตอบกลับ #12 เมื่อ:
มิ.ย. 08, 2012, 07:04 AM »
0
สูเราะฮฺ อัลฟุรฺกอน อายะฮฺที่ 38 - 40
คำอ่าน
38. วะอาเดา วะษะมูดะ วะอัศหาบัรฺร็อสสิ วะกุรูนัม..บัยนะซาลิกะกะษีรอ
39. วะกุลลัน..เฎาะร็อบนาละฮุลอัมษาลพ วะกุลลัน..ตับบัรฺนาตัตบีรอ
40. วะละก็อดอะเตา อะลัลก็อรฺยะติลละตี..อุมฏิร็อตมะเฎาะร็อสเสาอ์ อะฟะลัมยะกูนูยะร็อวนะฮา บัลกานูลายัรญูนะนุชูรอ
คำแปล R1.
38. And (also) 'Ad and Thamud, and the dwellers of Ar-Rass, and many generations in between.
39. And for each of them we put forward examples (as proofs and lessons, etc.), and each (of them) we brought to utter ruin (because of their disbelief and evil deeds).
40. And indeed they have passed by the town [of Prophet Lout (Lot)] on which was rained the evil rain. Did they (disbelievers) not then see it (with their own eyes)? Nay! But they used not to expect for any Resurrection.
คำแปล R2.
38. และ(เช่นเดียวกัน)พวกอ๊าด พวกสะมู๊ด ช่าวบ่อ(กลุ่มชนของชูอัยบ์) และบรรดาประชาชาติในศตวรรษต่าง ๆ ระหว่างนั้นอีกมากมาย
39. และทั้งหมดนั้น เราได้ยกอุทาหรณ์แก่เขา และทั้งหมดนั้น เราได้ทำลายล้างจนพินาศสิ้น
40. ขอยืนยัน แท้จริงพวก(ที่รุกรานเจ้า)นั้นได้มายังเมืองที่เคยถูก(ทำลายล้างด้วยกับ)ฝนหินอันร้ายแรงที่ตกลงมา แล้วพวกเรามิได้เห็นมันดอกหรือ ? ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่คิดหวังเลยว่า จะมีการฟื้นคืนชีพขึ้นอีก
คำแปล R3.
38.
(เช่นเดียวกับที่ได้ทำลาย)
ชาวอ๊าด และษะมูด และชาวร็อส และชนหลายรุ่นในระหว่างนั้น
39. และแต่ละหมู่ชนนั้น เราได้เตือนพวกเขาโดยยกตัวอย่าง
(ของบรรดาผู้ถูกทำลายก่อนหน้าพวกเขา)
และได้ทำลายพวกเขาอย่างสิ้นเชิง
40. และแน่นอน คนพวกนี้ได้ผ่านเมืองที่เราได้หลั่งฝนแห่งความชั่วลงมาแล้วพวกเขาไม่เห็นมันกระนั้นหรือ ไม่เลย พวกเขาไม่คิดว่าจะมีชีวิตใหม่ในโลกหน้า
คำแปล R4.
38. และเราได้ทำลายพวกอ๊าด และพวกษะมูด และชาวบ่อน้ำ และชนชาติอีกมากมายระหว่างนั้น
39. และชนชาติแต่ละสมัยเราได้นำหลักฐานมาชี้แจงแก่เขา และชนชาติแต่ละสมัยนั้นเราก็ได้ทำลายอย่างสิ้นซาก
40. และแน่นอน พวกเขาได้ผ่านมายังหมู่บ้านซึ่งถูกทำลายโดยก้อนหินจากฟากฟ้า แล้วพวกเขาไม่เห็นมันดอกหรือ? เปล่าหรอก! พวกเขาไม่หวังที่จะกลับคืนชีพอีกต่างหาก
คำแปล R5.
๓๘.
และ
เราได้ลงโทษพวก
อ๊าด
ผู้เป็นประชาชาติของนบีฮู๊ดโดยให้ประสบวาตภัย
และ
เราได้ลงโทษ
พวกสะมู๊ต
ผู้เป็นประชาชาติของนบีซอและห์ โดยให้ประสบกับเสียงกัมปนาทของยิบรออีลจนพวกเขาล้มตายจนหมดสิ้น
และ
เราได้ลงโทษพวก
เจ้าของบ่อ
ที่มีการกราบไหว้เจว็ดซึ่งเป็นชุมชนหนึ่งในเมือง “ยะมามะฮ์” และคนพวกนี้ได้ประหารชีวิตนบีชุไอบ์ซึ่งเป็นศาสดาของพวกเขาเอง
และ
เราได้ลงโทษ
ประชาชาติต่าง ๆ ระหว่างนั้นอีกมากมาย
เพราะการปฏิเสธศาสดาของพวกนั้น
๓๙.
และทุก ๆ
ชุมชนที่เราได้ลงโทษพวกเขาไปแล้วนั้น ที่จริงแล้ว
เราได้ยกอุทาหรณ์ต่าง ๆ แก่พวกเขา
เพื่อให้เขาได้พินิจพิเคราะห์ด้วยตัวของเขาเอง จะได้มีศรัทธาอันมั่นคง
และทุก ๆ
ชุมชนนั้น
เราได้ทำลายพวกเขาอย่างย่อยยับ
จนพวกเขาสูญพันธ์ไปจากโลกนี้เหลือเพียงประวัติศาสตร์เท่านั้น
๔๐.
และแท้จริง
บรรดาผู้ปฏิเสธในยุตก่อนพวก
เขาได้มายังเมืองซึ่ง
มีนามว่า “สะดูม(โซด้อม)” ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ในประชาชาติของนบีลู๊ต ซึ่งอัลเลาะห์ได้ลงโทษคนกลุ่มนี้ โดย
ให้ฝนแห่งความชั่วร้าย
คือลูกหินจากนรกที่ร้อนแรง
ได้หลั่ง
ลงมาเหนือเมืองนั้น จนพวกเขาเสียชีวิตจนหมดสิ้น นอกจากนบีลู๊ตกับศรัทธาชนผู้หลบหนีออกมาก่อนจะเกิดเหตุนั้น ส่วนสาเหตุที่อัลเลาะห์ได้ลงโทษพวกเขาก็เพราะพวกเขาก่อกรรมชั่วร้ายที่สุด คือ กระทำอนาจารทางเพศด้วยการสมสู่ระหว่างชายต่อชาย เป็นต้น
แล้วพวกเขา
ผู้ปฏิเสธนบีมุฮำมัดในปัจจุบันนี้
มิได้เห็นมันหรือ
เหตุการณ์ที่ประสบแก่เมืองนั้นจะได้ตริตรองและได้สติจนถอนตัวจากความหลงผิดและเลิกการปฏิเสธศาสนทูต
แต่ทว่า
ความเป็นจริงนั้น
พวกเขาไม่มุ่งหวังต่อการเกิดใหม่
จากสุสาน เพราะพวกเขาไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ยอมศรัทธาต่อศาสนทูตมุฮำมัด
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 25 อัลฟุรฺกอน
«
ตอบกลับ #13 เมื่อ:
มิ.ย. 09, 2012, 06:56 AM »
0
สูเราะฮฺ อัลฟุรฺกอน อายะฮฺที่ 41 - 44
คำอ่าน
41. วะอิซาเราะเอากะ อี..ยัตตะคิซูนะกะ อิลลาฮุซุวา อะฮาซัลละซี บะอะสัลลอฮุเราะสูลา
42. อิน..กาดะ ละยุฎิลลุนา อันอาลิฮะตินา เลาลา..อัน..เศาะบัรฺนาอะลัยฮา วะเสาฟะยะอฺละมูนะ หีนะยะร็อวนั้ลอะซาบะ มันอะฎ็อลลุสะบีลา
43. อะเราะอัยตะ มะนิตตะเคาะซะ อิลาฮะฮูฮะวาฮฺ อะฟะอัน.ตะ ตะกูนุ อะลัยฮิวะกีลา
44. อัมตะหฺสะบุ อัน..นะอักษะเราะฮุม ยัสมะอูนะ เอายะอฺกิลูน อินฮุมอิลลา กัลป์อันอามิ บัลฮุมอะฎ็อลลุสะบีลา
คำแปล R1.
41. And when they see you (O Muhammad), they treat you only as a mockery (saying):"Is this the one whom Allah has sent as a Messenger?
42. "He would have nearly misled us from our
Aliha
(gods), had it not been that we were patient and constant In their worship!" and they will know when they see the torment, who it is that is most astray from the (Right) Path!
43. Have you (O Muhammad) seen him who has taken as his Ilah (God) his own desire? Would you then be a
Wakil
(a disposer of his affairs or a watcher) over him?
44. Or do you think that most of them hear or understand? They are only like cattle; nay, they are even farther astray from the Path. (i.e. even worst than cattle).
คำแปล R2.
41. และเมื่อพวกเขาได้มองเห็นเจ้า พวกเขามิได้ทำกับเจ้า(อย่างอื่นเลย)นอกจากการเย้ยหยันเท่านั้น(พร้อมทั้งกล่าวว่า) “ผู้นี้น่ะหรือที่อัลเลาะฮฺส่งตัวมาเป็นศาสนทูต ?”
42. “ที่จริงนั้นเขาเกือบจะทำให้พวกเราหลงพลัดไปจากบรรดาพระเจ้าของเรา หากแม้นพวกเราไม่อดทน(ที่จะยืนหยัด)กับพระเจ้าเหล่านั้น” และต่อไปพวกเขาขะรู้เองในขณะที่พวกเขามองเห็นการลงโทษว่า ใครกันที่หลงทางที่สุด
43. เจ้าเห็นไหม ผู้ที่ยึดเอาอารมณ์ของเขามาเป็นพระเจ้าของเขา ? แล้วเจ้าจะเป็นผู้รับมอบหมายแก่เขา(เพื่อรับผิดชอบในตัวเขา)กระนั้นหรือ ?
44. หรือเจ้าคิดว่า คนส่วนมากของพวกเขาไม่ฟัง หรือไม่ตริตรอง พวกเขามิเป็นอื่นใดนอกจากประหนึ่งปศุสัตว์ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาหลงทางเป็นที่สุด
คำแปล R3.
41. เมื่อคนเหล่านี้เห็นเจ้า พวกเขาก็ถือเอาเจ้าเป็นที่ล้อเลียน(โดยกล่าวว่า) “คนนี้น่ะหรือที่อัลลอฮฺได้ส่งมาเป็นรอซูล ?
42. เขาเกือบจะพวกเราหลงออกไปจากพระเจ้าต่าง ๆ ของพวกเราแล้ว ถ้าหากพวกเราไม่ยึดมั่นศรัทธาต่อพระเจ้าเหล่านั้น” ในไม่ช้า พวกเขาจะได้เห็นการลงโทษและรู้ว่าใครหลงทางออกไป
43. เจ้าเคยเห็นผู้ที่ยึดเอาอารมณ์ต่ำเป็นพระเจ้าของเขาบ้างไหม? เจ้าสามารถที่จะรับผิดชอบในการนำทางคนเช่นนั้นได้ไหม ?
44. เจ้าคิดหรือว่าส่วนใหญ่ของพวกเขาจะฟังหรือเข้าใจ ? พวกเขาเป็นเพียงแค่ปศุสัตว์เท่านั้น ไม่ พวกเขาหลงทางเสียยิ่งกว่านั้นอีก
คำแปล R4.
41. และเมื่อพวกเขาเห็นเจ้า(มุฮัมมัด) พวกเขาก็จะไม่ถือเอาเจ้าเป็นอย่างอื่น นอกจากเพื่อเป็นที่ล้อเลียน นี่หละหรือที่อัลลอฮฺทรงส่งมาให้เป็นรอซูล
42. เขาเกือบจะทำให้พวกเราหลงทางไปจาก (การสักการบูชา) บรรดาพระเจ้าของเรา หากว่าเราไม่อดทนยึดมั่นต่อพระเจ้าเหล่านั้น และพวกเขาจะรู้เมื่อพวกเขาได้พบเห็นการลงโทษว่าผู้ใดจะหลงทางกันแน่
43. เจ้าไม่เห็นดอกหรือ ผู้ที่ยึดเอาอารมณ์ต่ำของเขาเป็นพระเจ้าของเขา แล้วเจ้าจะเป็นผู้คุ้มครองเขากระนั้นหรือ?
44. หรือเจ้าจะคิดว่า ส่วนใหญ่ของพวกเขาจะได้ยินหรือใช้สติปัญญา พวกเขามิใช่อื่นใดดอก นอกจากเป็นเช่นปศุสัตว์ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังจะหลงทางเสียอีก
คำแปล R5.
๔๑.
และเมื่อพวก
อรับมุชริก
เขาได้เห็นเจ้า พวกเขาก็ไม่ยึดเอาเจ้า
มาเป็นแก่นสารใด ๆ เลย
นอกจากการเย้ยหยัน
เท่านั้นเอง และพวกเขาดูถูกดูแคลนสบประมาทและล้อเลียนเจ้าต่าง ๆ นานา พวกเขาแสร้งพูดเยาะเย้ยเพื่อซ้ำเติมให้เจ้าเจ็บช้ำยิ่งขึ้นว่า ชายผู้
นี้น่ะหรือที่อัลเลาะห์ส่งตัวมาเป็นศาสนทูต
๔๒. พวกเขาพูดต่อไปว่า
เขาเกือบจะยังความหลงผิดแก่เรา
เสียแล้วสิ โดยสามารถยุยงให้เราทอดทิ้ง
จาก
การกราบไหว้
บรรดาพระเจ้าของเรา มาดแม้นเราไร้ซึ่งความอดทน
และความตงมั่น
ต่อสิ่งนั้น
เราก็คงต้องทอดทิ้งและเลิกกราบไหว้อย่างแน่นอน แต่พวกเราต่างมีความยึดมั่นในสิ่งเคารพต่าง ๆ ของพวกเราอย่างมั่นคง เราจึงไม่ทอดทิ้ง
และพวกเขาจะได้ทราบเมื่อพวกเขาได้เห็นการลงโทษ
ที่ประสบแก่พวกเขาเองในวันปรภพ
ว่าใครเป็นผู้หลงทางที่สุด
๔๓.
เจ้าได้เห็นบุคคลที่ยึดเอาอารมณ์ตนเป็นพระเจ้าของเขาไหม
จงแจ้งแก่ข้าเถิดเขาจะเชื่อถือเฉพาะที่ตรงกับอารมณ์ตนและสิ่งใดที่ขัดกับอารมณ์ และความเห็นของเขาแล้ว เขาไม่ยอมเชื่อถือใด ๆทั้งสิ้น แม้จะมีเหตุผล หลักฐาน ยืนยันอย่างชัดเจนสักเพียงใดก็ตาม
ก็เจ้ามิใช่หรือที่เป็นผู้มอบหมาย
ให้พิทักษ์รักษาและปกป้อง
แก่บุคคลดังกล่าว
เพื่อชี้นำเขาสู่ทางอันเที่ยงตรงและหันเหออกจากความหลงผิด
๔๔.
แต่เจ้าคิดว่าคนส่วนมากของพวกนั้นจะรับฟังและรับพิจารณา
ในสิ่งที่เจ้าประกาศ เจ้าจึงพากเพียรและเล็งผลเลิศว่าพวกเขาจะเชื่อถือคำประกาศของเจ้าแต่ความเป็นจริง
พวกนั้นมิใช่
อะไรเลย
นอกจากมีสภาพเช่นปศุสัตว์ทั้งหลาย
นั่นเอง
ยิ่งกว่านั้นพวกเขายังหลงทางอย่างที่สุด
อีกด้วย
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 25 อัลฟุรฺกอน
«
ตอบกลับ #14 เมื่อ:
มิ.ย. 10, 2012, 07:16 AM »
0
สูเราะฮฺ อัลฟุรฺกอน อายะฮฺที่ 45 - 49
คำอ่าน
45. อะลัมตะเราะอิลาร็อบบิกะ กัยฟะ มัดดัซซิลละ วะเลาชา...อะละญะอะละฮู สากินา ษุม..มะญะอัลนัชชัมสะ อะลัยฮิดะลีลา
46. ษุม..มะเกาะบัฏนาฮุ อิลัยนาก็อบฎ็อย..ยะสีรอ
47. วะฮุวัลละซี ญะอะละละกุมุลลัยละ ลิบาเสา..วัน..เนามะสุบูเตา..วะญะอะลัน..นะฮาเราะ นุชูรอ
48. วะฮุวัลละซี..อัรฺสะลัรฺริยาหะ บุชร็อม..บัยนะยะดัยเราะหฺมะติฮฺ วะอัน..ซัลนามินัสสะมา...อิมา..อัน..เฏาะฮูรอ
49. ลินุหฺยิยะบิฮี บัลดะตัม..มัยเตา..วะนุสกิยะฮู มิม..มาเคาะลักนา..อันอาเมา..วะอะนะสียะกะษีรอ
คำแปล R1.
45. Have you not seen how your Lord spread the shadow. If He willed, He could have made it still then we have made the sun its guide [i.e. after the sunrise, it (the shadow) squeezes and vanishes at midnoon and then again appears in the afternoon with the decline of the sun, and had there been no sun light, there would have been no shadow].
46. Then we withdraw it to us a gradual concealed withdrawal.
47. And it is He who makes the night a covering for you, and the sleep (as) repose, and makes the day
Nushur
(i.e. getting up and going about here and there for daily work, etc. after one's sleep at night or like resurrection after one's death).
48. And it is He who sends the winds as heralds of glad tidings, going before his Mercy (rain), and we send down pure water from the sky,
49. That we may give life thereby to a dead land, and we give to drink thereof many of the cattle and men that we had created.
คำแปล R2.
45. เจ้าไม่สังเกต(การทำงานของ)องค์อภิบาลของเจ้าหรือ ? พระองค์ทรงทำให้เงาทอดออกได้อย่างไร ? และหากพระองค์(ทรงประสงค์ พระองค์ก็ทรง(อำนาจ)บันดาลมันให้นิ่งเฉย(เคลื่อนย้ายไม่ได้) หลังจากนั้นทรงบันดาลดวงตะวันให้เป็นหลักฐานบนมัน (ทำให้มันเคลื่อนย้ายตามจังหวะของตะวัน)
46. หลังจากนั้น เราได้ยึดเงานั้นกลับมายังเราทีละน้อย (จนเมื่อตะวันหมดแสงก็หมดเงา)
47. และพระองค์ทรงบันดาลกลางคืนให้เป็น(ประหนึ่ง)เครื่องนุ่งห่มสำหรับพวกเจ้า และทรงบันดาลกลางวันให้มีการกระจายออก(ไปประกอบอาชีพ)
48. และพระองค์ทรงส่งลมให้พัดมาเพื่อเป็นข่าวดีก่อนที่จะมี(ฝนแห่ง)ความเมตตาของพระองค์ และเราได้หลั่งน้ำอันสะอาดให้ลงมาจากฟ้า
49. เพื่อเราจะได้ฟื้นฟูเมืองที่แห้งแล้งให้อุดมสมบูรณ์ขึ้นด้วยน้ำฝนนั้น และเราจะให้ได้ดื่มกินแก่สิ่งที่เราได้บันดาลขึ้นมาทั้งปศุสัตว์และมนุษย์เป้นจำนวนมาก
คำแปล R3.
45. เจ้าไม่เห็นหรือว่าพระผู้อภิบาลของเจ้าทรงทำให้เงาทอดยาวออกไปอย่างไร ? และหากพระองค์ทรงประสงค์พระองค์จะทรงทำให้มันหยุดนิ่งก็ได้ แต่เราได้ทำให้ดวงอาทิตย์เป็นผู้นำทางมัน
46. หลังจากนั้น
(เมื่อดวงอาทิตย์โผล่ขึ้นมา)
เราได้ม้วนมันทีละน้อย ๆ มายังเรา
47. และพระองค์คือผู้ทรงกำหนดให้กลางคืนเป็นเครื่องนุ่งห่มสำหรับสูเจ้า และการนอนเป็นเหมือนการพักผ่อนของความตาย และกลางวันเป็นเวลาแห่งการกลับมาสู่ชีวิต
48. และพระองค์คือผู้ทรงส่งลมมาเป็นผู้บอกข่าวแห่งความเมตตาของพระองค์ หลังจากนั้น พระองค์ก็ประทานน้ำอันบริสุทธิ์ลงมาจากฟากฟ้า
49. เพื่อเราจะทำให้แผ่นดินที่แห้งแล้งกลับฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาใหม่และเป็นที่ดับกระหายแห่งปศุสัตว์และมนุษย์มากมายที่เราสร้างขึ้นมา
คำแปล R4.
45. เจ้ามิได้พิจารณายัง(อานุภาพแห่ง) พระเจ้าของเจ้าดอกหรือว่า พระองค์ทรงแผ่เงาออกอย่างไร และหากพระองค์ทรงประสงค์ แน่นอนพระองค์จะทรงให้มันหยุดนิ่ง แล้วเราได้ทำให้ดวงอาทิตย์เป็นสัญญาณหนึ่งในการนี้
46. แล้วเราได้ให้เงาสูญสิ้นไปยังเราทีละน้อย ๆ
47. และพระองค์คือผู้ทรงทำให้กลางคืนเป็นอาภรณ์สำหรับพวกเจ้า และให้การนอนเป็นการพักผ่อน และทำให้กลางวันเป็นการเคลื่อนไหว
48. และพระองค์คือผู้ส่งลม เป็นการนำข่าวดีล่วงหน้า ท่ามกลางความเมตตาของพระองค์ และเราได้ประทานน้ำบริสุทธิ์ลงมาจากฟากฟ้า
49. เพื่อเราจะให้มีชีวิตด้วยมัน (น้ำ) แก่แผ่นดินที่แห้งแล้ง และเราจะให้สิ่งที่เราสร้างมันขึ้นมา เช่น ปศุสัตว์ และมนุษย์มากมาย ดื่มมัน
คำแปล R5.
๔๕.
เจ้ามิได้สังเกตดอกหรือ
จงสังเกตและพิจารณาเถิด
ถึง
การงานแห่งพระองค์อัลเลาะห์
ผู้ทรงอภิบาลของเจ้า
ว่าพระองค์
ได้
ดลบันดาล
ให้มีเงาอันยาวนาน
ตลอดเวลากลางวันจากตะวันขึ้นจนตก
อย่างไร
แล้วมนุษย์ก็ได้อาศัยเงาที่มีขึ้นนั้นป้องกันแสงแดดอันร้อนแผดของดวงอาทิตย์
และถ้าพระองค์ทรงประสงค์พระองค์ย่อม
ทรงอำนาจที่จะ
ดลบันดาลมัน
(เงา)
ให้หยุด
อยู่โดยไม่เปลี่ยนแปลง แต่พระองค์ทรงเมตตาบันดาลให้มันเปลี่ยนแปลงไปตามวาระและฤดูกาลอันแตกต่างกัน และโดยเงาดังกล่าวนั้นเองที่มนุษย์สามารถจะเทียบเวลาได้ตามความต้องการ เช่น เวลาของการทำละหมาด จะใช้เงาของสิ่งต่าง ๆ เป็นเกณฑ์กำหนด คือละหมาดบ่ายเมื่อเงาของสิ่งหนึ่งคล้อยไปทางตรงข้าม หมดเวลาเมื่อเงาเท่าตัวของมันเป็นต้น
หลังจากนั้นเราได้บันดาลการขึ้นของดวงอาทิตย์ให้เป็นสัญญาณแสดง
ถึงการปรากฏของ
เงานั้น
หากวงอาทิตย์ไม่ขึ้น แน่นอนเงาก็จะไม่ปรากฏให้เห็น
๔๖.
หลังจากนั้นเราได้ยึดกุมมันมายังเราทีละเล็กทีละน้อย
โดยให้เงานั้นค่อย ๆ เลือนหายไปทีละน้อย ตามจังหวะการโคจรของดวงอาทิตย์จนเงานั้นได้หมดสิ้นไปในที่สุด
๔๗.
และพระองค์
อัลเลาะห์
ทรงบันดาลกลางคืนให้เป็น
ประหนึ่ง
เครื่องนุ่งห่ม
ที่ใช้ปิดบังพวกเจ้า และทรงบันดาล
การนอนหลับให้เป็นการพักผ่อน และทรงบันดาลกลางวันให้เป็นเวลา
ที่ทุกคน
แยกย้าย
ออกไปประกอบสัมมาอาชีวะ
๔๘.
และพระองค์ทรงส่งลม
ให้พัดมาเพื่อเป็นการ
แจ้งข่าวดี ณ เบื้องเมตตาธิคุณของพระองค์
แก่มนุษย์ว่า จะมีฝนตกลงมาทำความชุ่มฉ่ำแก่พื้นดินหลังจากนั้น
และเราได้ประทานน้ำสะอาดให้ลงมาจากฟากฟ้า
คือเมฆที่ลอยตัวขึ้นไปจากการระเหยของน้ำ
๔๙. ที่เราให้ฝนตกลงมานั้น ก็
เพื่อเราจักยังชีวิต
ให้เกิดความสดชื่น
เพราะฝนนั้นแก่
แผ่นดินของ
เมืองที่
แห้งแล้งจนดูประหนึ่งได้
ตายไปแล้ว
เพราะความแห้งแล้งนั้นจนไม่มีพืชพรรณชนิดใด ๆ งอกเงยอยู่เลย และเมื่อฝนได้ตกสู่แผ่นดินอันแห้งแล้งนั้นแล้ว ก็เกิดความชุ่มฉ่ำ สดชื่น อันเป็นผลให้มีพืชผลนานาชนิดงอกเงยขึ้นอย่างมากมาย แผ่นดินที่เคยตายไปแล้วเพราะไม่มีต้นไม้ก็กลับกลายมีชีวิตชีวาขึ้นเพราะต้นไม้ที่งอกขึ้นโดยน้ำฝนที่กล่าวแล้ว
และเราจักให้สัตว์และมนุษย์
ซึ่งมีจำนวน
มากมายได้ดื่มน้ำนั้น
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
พิมพ์
หน้า: [
1
]
2
ขึ้นบน
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระดานเสวนานักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
»
เสวนาเชิงวิชาการ
»
อัลกุรอาน
(ผู้ดูแล:
นูรุ้ลอิสลาม
,
Bangmud
) »
อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 25 อัลฟุรฺกอน
GoogleTagged
ต่วน
55123115
52109249
อาหรับ
dgc
garden
the
42965579
47244034
อัฟว่า
41248874
59568121
แปล
ฏอฮา
49784469
ที่
55617003
com
google
1355325884