ผู้เขียน หัวข้อ: ช้วยเเปล ฮาดีษนี้ด้วยคับ ผมไม่ค่อยสันทัด กลาง  (อ่าน 1567 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ redzas

  • เพื่อนแรกพบ (^^)/
  • *
  • กระทู้: 5
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด

قال رسول الله [صلى] مهماأوتيتم عن كتاب الله فالعمل به لا عذر لأحد فى تركه فسنة منى ماضية فإن لم تكن سنة منى فماقال أصحابى فإن أصحابى بمنزلة النجوم فى السماء فأيما أخذتم به إهتديتم واختلاف أصحابى لكم رحمة

ท่านผู้รู้ช้วยเเปลหน่อยคับ  ชุกรอน :salam:

ออฟไลน์ Muftee

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1899
  • เพศ: ชาย
  • ตั้งใจเข้าไว้นะ มุฟตีย์น้อย
  • Respect: +190
    • ดูรายละเอียด
ท่านรสูล(ซ.ล.) ได้กล่าวว่า "เมื่อคัมภีร์ของของอัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ถูกนำมายังท่านทั้งหลายแล้ว ดังนั้น ก็ให้ปฏิบัติตามคัมภีร์นั้น โดยไม่อนุญาตให้ใครคนใดคนหนึ่งละทิ้งการปฏิบัติตามคำสั่งใช้ในคัมภีร์นั้น และให้ปฏิบัตติตามแบบฉบับของฉัน จากที่ฉันเคยทำผ่านมา ถ้าหากว่าไม่มีแบบฉบับจากฉัน ดังนั้น ก็จงยึดถือปฏิบัติตามคำกล่าวของบรรดาอัครสาวกของฉัน เพราะแท้จริงบรรดาอัครสาวกของฉันทั้งหลายนั้น มีตำแหน่งที่สูงส่งและสวยงามดั่งดวงดาวในฟากฟ้า ไม่ว่าท่านจะยึดถืออัครสาวกคนใดของฉันก็ตาม พวกท่านทั้งหลายก็ย่อมได้รับทางนำ และความเห็นที่แตกต่างกันระหว่างบรรดาอัครสาวกของฉันนั้น ถือว่าเป็นความโปรดปรานแด่พวกท่านทั้งหลาย"
// อะฮฺลิสสุนนะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺ...สักวันนึง เราต้องเป็นอุละมาอฺที่ยิ่งใหญ่ อินชาอัลลอฮฺ //

ออฟไลน์ muqorrabeen

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 194
  • Respect: +25
    • ดูรายละเอียด
มีพี่น้องเขียนเพิ่มเติมจากเฟส ครับ http://www.facebook.com/groups/215151975220125/

ท่านอิหม่ามอัลบัยฮะกีย์ ได้กล่าวในหนังสืออัลมัดค็อล หลังจากยกหะดีษดังกล่าวว่า

قَالَ الْبَيْهَقِيُّ رَحِمَهُ اللَّهُ : هَذَا حَدِيثٌ مَتْنُهُ مَشْهُورٌ , وَأَسَانِيدُهُ ضَعِيفَةٌ , لَمْ يَثْبُتْ فِي هَذَا إِسْنَادٌ وَاللَّهُ أَعْلَمُ

“อัลบัยฮะกีย์ ( ร่อหิมะฮุลลอฮ์) ขอกล่าวว่า ตัวบทของหะดีษนี้เป็นที่เลื่องลือ แต่บรรดาสายรายงานของหะดีษนี้ฎ่ออีฟ ไม่มีสายรายใดศอฮิห์เกี่ยวกับหะดีษนี้เลย วัลลอฮุอะลัม”

ท่านอิหม่ามอัจญฺลูนีย์ ได้กล่าวไว้หนังสือ กัชฟุลค่อฟาอฺ ความว่า “ท่านอัลค็อฏฏอบีย์ได้กล่าวว่า มีชายสองคนที่คัดค้านหะดีษนี้(คือหะดีษการขัดแย้งเห็นต่างของประชาชาติของฉันนั้นเป็นความเมตตาแก่มวลมนุษย์) คนหนึ่ง เป็นคนที่อวดดี และคนที่สองเป็นคนที่เบี่ยงเบน ทั้งสองนั้นก็คือ อิสหาก อัลเมาศิลีย์ และอัมร์ บิน บะห์ อัลญาหิซฺ ซึ่งทั้งสองกล่าวว่า “หากการขัดแย้งเห็นต่างเป็นความเมตตา แน่นอนการเห็นพร้องกันย่อมเป็นการลงทัณฑ์” หลังจากนั้นท่านอัลค็อฏฏอบีย์พยายามโต้ตอบคำพูดของทั้งสองแต่ยังไม่สบายใจในการอ้างหะดีษนี้ โดยท่านอัลค็อฏฏอบีย์ก็รู้ดีว่าหะดีษนี้มีสายรายงาน หลังจากนั้นท่านอัลค็อฏฏอบีย์ก็ได้กล่าวว่า การขัดแย้งในศาสนานั้นมี 3 ประเภท

1. ขัดแย้งในเรื่องของการยืนยันถึงการมีผู้สร้างและความเอกะของผู้สร้าง ซึ่งการปฏิเสธผู้สร้างย่อมเป็นกุฟุร

2. ขัดแย้งในเรื่องศิฟาตของอัลเลาะฮ์และความประสงค์ของพระองค์ ซึ่งการปฏิเสธทั้งสองนั้นเป็นบิดอะฮ์

3. การขัดแย้งในเรื่องของข้อปลีกย่อยที่ตีความได้หลายหนทาง ดังกล่าวนี้ อัลเลาะฮ์ทรงทำให้เป็นความเมตตาและเป็นเกียรติแก่บรรดาอุลามาอฺ นี้ก็คือเป้าหมายของหะดีษที่ว่า การขัดแย้งเห็นต่างของประชาชาติของฉันคือความเมตตา

ท่านอิหม่าม อัลอัจญฺลูนีย์ ได้กล่าวต่อไปว่า ท่านอิหม่ามอันนะวาวีย์ได้กล่าวไว้ในชัรห์ศอฮิห์มุสลิมของท่านว่า “ไม่จำเป็นว่าสิ่งหนึ่งที่เป็นความเมตตานั้น ทำให้สิ่งตรงกันข้ามเป็นการลงทัณฑ์ และจะไม่กล่าวเช่นนี้นอกจากคนโง่เขลาหรือแกล้งทำเป็นโง่เขลาเท่านั้น เพราะอัลเลาะฮ์ตะอาลาทรงตรัสว่า

وَمِنْ رَحْمَتِهِ جَعَلَ لَكُمُ اللَّيْلَ وَالنَّهَارَ لِتَسْكُنُوا فِيهِ

“และความเมตตาของพระองค์นั้น ทรงบันดาลกลางคืนแก่พวกเจ้า เพื่อพวกเจ้าจะได้สงบ(พักผ่อน)ในช่วงกลางคืน” [อัลก็ศ็อศ: 73] ดังนั้นอัลเลาะฮ์ทรงเรียกกลางคืนว่า เราะห์มะฮ์(ความเมตตา) ก็มิได้หมายความว่ากลางวันจะเป็นการลงทัณฑ์” กัชฟุลค่อฟา หะดีษลำดับที่ 153.

 

GoogleTagged