มีพี่น้องเขียนเพิ่มเติมจากเฟส ครับ
http://www.facebook.com/groups/215151975220125/ท่านอิหม่ามอัลบัยฮะกีย์ ได้กล่าวในหนังสืออัลมัดค็อล หลังจากยกหะดีษดังกล่าวว่า
قَالَ الْبَيْهَقِيُّ رَحِمَهُ اللَّهُ : هَذَا حَدِيثٌ مَتْنُهُ مَشْهُورٌ , وَأَسَانِيدُهُ ضَعِيفَةٌ , لَمْ يَثْبُتْ فِي هَذَا إِسْنَادٌ وَاللَّهُ أَعْلَمُ
“อัลบัยฮะกีย์ ( ร่อหิมะฮุลลอฮ์) ขอกล่าวว่า ตัวบทของหะดีษนี้เป็นที่เลื่องลือ แต่บรรดาสายรายงานของหะดีษนี้ฎ่ออีฟ ไม่มีสายรายใดศอฮิห์เกี่ยวกับหะดีษนี้เลย วัลลอฮุอะลัม”
ท่านอิหม่ามอัจญฺลูนีย์ ได้กล่าวไว้หนังสือ กัชฟุลค่อฟาอฺ ความว่า “ท่านอัลค็อฏฏอบีย์ได้กล่าวว่า มีชายสองคนที่คัดค้านหะดีษนี้(คือหะดีษการขัดแย้งเห็นต่างของประชาชาติของฉันนั้นเป็นความเมตตาแก่มวลมนุษย์) คนหนึ่ง เป็นคนที่อวดดี และคนที่สองเป็นคนที่เบี่ยงเบน ทั้งสองนั้นก็คือ อิสหาก อัลเมาศิลีย์ และอัมร์ บิน บะห์ อัลญาหิซฺ ซึ่งทั้งสองกล่าวว่า “หากการขัดแย้งเห็นต่างเป็นความเมตตา แน่นอนการเห็นพร้องกันย่อมเป็นการลงทัณฑ์” หลังจากนั้นท่านอัลค็อฏฏอบีย์พยายามโต้ตอบคำพูดของทั้งสองแต่ยังไม่สบายใจในการอ้างหะดีษนี้ โดยท่านอัลค็อฏฏอบีย์ก็รู้ดีว่าหะดีษนี้มีสายรายงาน หลังจากนั้นท่านอัลค็อฏฏอบีย์ก็ได้กล่าวว่า การขัดแย้งในศาสนานั้นมี 3 ประเภท
1. ขัดแย้งในเรื่องของการยืนยันถึงการมีผู้สร้างและความเอกะของผู้สร้าง ซึ่งการปฏิเสธผู้สร้างย่อมเป็นกุฟุร
2. ขัดแย้งในเรื่องศิฟาตของอัลเลาะฮ์และความประสงค์ของพระองค์ ซึ่งการปฏิเสธทั้งสองนั้นเป็นบิดอะฮ์
3. การขัดแย้งในเรื่องของข้อปลีกย่อยที่ตีความได้หลายหนทาง ดังกล่าวนี้ อัลเลาะฮ์ทรงทำให้เป็นความเมตตาและเป็นเกียรติแก่บรรดาอุลามาอฺ นี้ก็คือเป้าหมายของหะดีษที่ว่า การขัดแย้งเห็นต่างของประชาชาติของฉันคือความเมตตา
ท่านอิหม่าม อัลอัจญฺลูนีย์ ได้กล่าวต่อไปว่า ท่านอิหม่ามอันนะวาวีย์ได้กล่าวไว้ในชัรห์ศอฮิห์มุสลิมของท่านว่า “ไม่จำเป็นว่าสิ่งหนึ่งที่เป็นความเมตตานั้น ทำให้สิ่งตรงกันข้ามเป็นการลงทัณฑ์ และจะไม่กล่าวเช่นนี้นอกจากคนโง่เขลาหรือแกล้งทำเป็นโง่เขลาเท่านั้น เพราะอัลเลาะฮ์ตะอาลาทรงตรัสว่า
وَمِنْ رَحْمَتِهِ جَعَلَ لَكُمُ اللَّيْلَ وَالنَّهَارَ لِتَسْكُنُوا فِيهِ
“และความเมตตาของพระองค์นั้น ทรงบันดาลกลางคืนแก่พวกเจ้า เพื่อพวกเจ้าจะได้สงบ(พักผ่อน)ในช่วงกลางคืน” [อัลก็ศ็อศ: 73] ดังนั้นอัลเลาะฮ์ทรงเรียกกลางคืนว่า เราะห์มะฮ์(ความเมตตา) ก็มิได้หมายความว่ากลางวันจะเป็นการลงทัณฑ์” กัชฟุลค่อฟา หะดีษลำดับที่ 153.