ผู้เขียน หัวข้อ: อิหม่ามชาฟิอียฺ ไม่ได้มีอากีดะฮฺเกี่ยวกับซีฟัตของอัลลอฮฺเช่นเดียวกับอาชาอิเราะฮ  (อ่าน 6097 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ sufriyan

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 526
  • เพศ: ชาย
  • 0000
  • Respect: +16
    • ดูรายละเอียด
ขอบคุณครับคุณอัล- อัชฮารีย์ คงจะ(มาตา)สว่างกันบ้างไม่มากก็น้อยครับ วัลลอฮุอะลัม

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ถึงคุณ   truth1979

ผมว่าคุณเอาเวลาไปตรวจทานการอ้างอิงที่ฏออีฟ บิดเบือน  ของพี่น้องแนวทางของคุณเถอะครับ  ดีกว่ามาหมกมุ่นอยู่กับการหาข้อผิดพลาดของอิมามทั้งสี่ 

ดังนั้น คุณหมั่นตรวจสอบแนวทางของตนเองให้เยอะ ๆ ดีกว่า  ที่จะมาตรวจสอบข้อผิดพลาดของอิมามทั้งสี่นะครับ  เพราะยังมีหะดิษฏออีฟ และเมาะฏั๊วะของอีกมากมายที่อุลามาอ์ทางสายของคุณนำมาอ้างอิงในเรื่องอะกีดะฮ์  ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง

อัลอัซฮะรีย์

أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
พูดกับวะฮาบีย์นั้น ไม่รู้เรื่องหรอกครับ  เขาไม่ฟังอะไรหรอก เพราะวะฮาบีคิดว่าพวกเขาถูกคนอื่นผิด ใครพูดอะไรก็ไม่ฟัง  แม้หะดิษจะปลอม สายรายงานจะฏออีฟ  มีกุอุปโลกน์คำพูดอุลามาอฺขึ้นมา  กลุ่มวะฮาบีย์เขาก็เชื่อหมดหัวใจ หากมันตรงกับสิ่งที่ตนเองจะเอา

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
อย่างเช่นเขาก๊อบมาจากกูเกิ้ลว่า

อัลบัยฮะกีย์ ได้กล่าวว่า

قال الفرّاء (( ثم استوى، أي صعد، قاله ابن عباس، وهو كقولك للرجل كان قاعداً فاستوى قائماً

อัลฟุรรอฺ กล่าวว่า ? คำว่า ثم استوى หมายถึง ขึ้น อิบนุอับบาส ได้กล่าวมัน และมัน เหมือนกับท่านกล่าวแก่คน ที่นั่งอยู่ว่า ?แล้วเขาก็ลุกขึ้นยืน?

- อัลอัสมาอฺวัสสิฟาต เล่ม 2 หน้า 310

วิจารณ์ 

ตรงนี้เขาต้องการที่จะอ้างว่า  อัลเลาะฮ์ทรงนั่ง  ตามคำอธิบายของท่านอิบนุอับบาส  ซึ่งท่านอัลบัยฮะกีย์ได้นำเสนอเอาไว้ในหนังสือ  อัลอัสามาอ์วัสสิฟาต ของท่าน  แต่คนที่ไปก๊อบมาก็ได้ข้อมูลเพียงที่กูเกิ้ลเขาว่ามา  แต่หากเราอ่านหนังสือดังกล่าวของท่านอัลบัยฮะกีย์หลังจากนั้น  เราจะพบว่า  ท่านอัลบัยฮะกีย์เอง  ได้กล่าววิจารณ์สำทับไว้ว่า
 
وأما ما حكى عن إبن عباس رضى الله عنهما فإنما أخذه عن تفسير الكلبى والكلبي ضعيف

"สำหรับสิ่งที่ได้รายงานเล่ามาจากท่านอิบนุอับบาส  ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุมา นั้น  แท้จริงท่านอัลฟัรรออฺได้นำมาจากตีซีรของ อัลกัลบีย์ โดยที่อัลกัลบีย์นั้น มีสถานะภาพที่ฏออีฟ" 

วันนี้วะฮาบีย์เอาอะกีดะฮ์มาจากกูเกิ้ลกันแล้วครับพี่น้อง  สายรายงานที่ฏออีฟยังเอามาเป็นพื้นฐานของอะกีดะฮ์ของตนเองแล้วมาอ้างว่าสะลัฟ  ;D

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
ตัวอย่างต่อไป

7. อิหม่ามอบูนัศริน อัสสัจญซี (الامام ابو نصر السجزي ت 444 ) กล่าวว่า

فأئمتنا كسفيان الثوري ومالك وسفيان بن عيينة وحماد بن سلمة وحماد بن زيد وعبد الله بن المبارك وفضيل بن عياض واحمد بن حنبل واسحاق بن ابراهيم الحنظلي متفقــــــــــــون على ان الله سبحانه بذاتــــــه فوق العرش وان علمه بكل مكان وانه يرى يوم القيامة بالابصار فوق العرش وانه ينزل الى سماء الدنيا وانه يغضب ويرضى ويتكلم بما شاء فمن خالف شيئا من ذلك فهو منهم بريء وهم منه براء

บรรดาอิหม่ามของพวกเรา เช่น สุฟยาน อัษเษารีย์ , มาลิก ,สุฟยาน บุตร อุยัยนะฮ ,หัมมาด บุตร สะละมะฮ ,หัมมาด บุตร เซด ,อับดุลลอฮ บุตร อัลมุบารอ็ก ,อัลฟาฎีล บุตร อิยาฎ ,อะหมัด บุตร หัมบัล และอิสหาก บุตร อิบรอฮีม อัลหันเซาะลีย์ พวกเขาเห็นฟ้องต้องกันว่า อัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ด้วยพระองค์เองนั้น อยู่บน บัลลังค์ (อะรัช) และความรอบรู้ของพระองค์นั้น ครอบคลุมทุกๆสถานที่ ,แท้จริงพระองค์จะถูกเห็นในวันกิยามะฮ ด้วยตา ทรงอยู่บนบัลลังค์ ,แท้จริง พระองค์ทรงเสด็จลงมายังฟากฟ้าดุนยา ,ทรงกริ้ว ,ทรงพอใจและทรงพูด ตามที่ทรงพระประสงค์ ดังนั้นผู้ใด มีความเห็นขัดแย้งต่อสิ่งใดๆ จากดังกล่าวนั้น เขาก็เป็นอิสระ (ไม่เกี่ยวข้อง) กับพวกเขา (อุลามาอฺที่กล่าวมาข้างต้น) และพวกเขา ก็เป็นอิสระ(ไม่เกี่ยวข้อง) กับเขาผู้นั้น?

درء التعارض 6/250 ونقل الذهبي كلامه هذا في السير 17/ 656

วิจารณ์

ท่านอัซซะฮะบีย์เองก็กล่าวไว้ในหนังสือ  อัลอุลุว์ ของท่าน  ในหมวดคำพูดของ  อบูนัสร์ อัสซิจญฺซีย์  โดยกล่าววิจารณ์คำพูดของ อบูนัสร์ อัสซิจญฺซีย์ เองว่า

قلت : هذا الذى نقله عنهم مشهور ومحفوظ سوى كلمة بذاته فإنها من كيسه نسبها إليهم بالمعني

"ฉัน (คือท่านอัซซะฮีย์) ขอกล่าวว่า : สิ่งที่เขาได้ถ่ายทอดจากพวกเขานั้น  เป็นสิ่งที่เลื่องลือและมีน้ำหนัก  เว้นแต่คำว่า   بذاته  "อัลเลาะฮ์(นั่ง)อยู่บนอะรัชด้วยซาตฺของพระองค์เอง"  ซึ่งมันเป็นกลเม็ดของอบูนัสริอัสสิจญฺซีย์  ที่ได้ทำการพาดพิงคำพูดของไปยังพวกเขาในเชิงของความหมาย"

ดังกล่าวนี้  เราจะสังเกตุได้เลยว่า  อบูนัสริ อัสสิจญฺซีย์  พยายามยัดเยียดทัศนะของตนเองให้กับปวงปราชญ์  ซึ่งตามหลักหะดิษแล้ว  ถือว่าเป็นการกุและโกหกอย่างหนึ่ง

   จากตรงนี้แสดงว่าวะฮาบีย์อยากมีอะกีดะฮ์สะลัฟ จึงต้องกุอุปโลกน์หลักการให้แก่สลัฟ แล้วอ้างว่าอะกีดะฮ์ของตนเองสะลัฟ  ซุบฮานัลลอฮ์.......... ขนาดหะดิษนบียังมีการกุกันเลยครับ จะนับประสาอะไรกับการกุโกหกต่ออุลามาอ์สะลัฟ  >:(

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
ตัวอย่างต่อไป

6. มุหัมหมัด บิน หะซัน อัชชัยบานี (ศิษย์อบูหะนีฟะฮ) ได้กล่าวว่า

اتفق الفقهاء كلهم من المشرق إلى المغرب على الإيمان بالقرآن والأحاديث التي جاء بها الثقات عن رسول الله صلى الله عليه وسلم في صفة الرب عز وجل من غير تغيير ولا وصف ولا تشبيه، فمن فسر اليوم شيئا من ذلك فقد خرج مما كان عليه النبي صلى الله عليه وسلم وفارق الجماعة فإنهم لم يصفوا ولم يفسّروا ولكن أفتوا بما في الكتاب والسنة ثم سكتوا.

บรรดาฟุเกาะฮาอฺ(นักนิติศาสตร์อิสลาม) ทั้งหมด จากตะวันออก จนถึงตะวันตก ได้มีมติเห็นฟ้องกันว่า ให้ศรัทธาต่อ อัลกุรอ่านและบรรดาหะดิษ ที่ผู้ที่เชื่อถือได้ ได้นำมันมาจากท่านรซูลุ้ลลอฮ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ใน เรื่อง คุณลักษณะ(สิฟัต)ของพระเจ้า ผู้ทรงสูงส่ง ทรงเลิศยิ่ง โดยไม่มีการเปลียนแปลง ,ไม่มีการพรรณารูปร่างลักษณะและไม่มีการเปรียบเทียบ ดังนั้นในวันนี้ ผู้ใดอรรถาธิบายสิ่งใดจากดังกล่าวนั้น เขาก็ออกจากสิ่งที่ท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ยึนหยัดอยู่บนมัน(หมายถึงที่นบียึดถืออยู่) และ เขาได้แยกตัวออกจากหมู่คณะ(อะฮลุสสุนนะฮ วัล ญะมาอะฮ) เพราะพวกเขา(อะฮลุสสุนนะฮ วัล ญะมาอะฮ) ไม่ได้พรรณารูปลักษณะ และไม่ได้อรรถถาธิบาย แต่ พวกเขา ได้ตอบ(ฟัตวา) ไปตามที่ปรากฏในอัลกิตาบ(อัลกุรอ่าน)และอัสสุนนะฮ หลังจากนั้นพวกเขาก็นิ่งเงียบ (โดยไม่ได้ตีความ) (1)**
........................

(1) ** Al-Baihaqi, Ahmad Ibn Al-Husain, Al-I?tiqad Wa Al-Hidayah Ila Sabil Ar-Rashad, Tahqiq: ?Abd Allah Ahmad Ibn Ibrahim, Dar Ibn Hazm, Beirut, Lubnan 1420H, Hal: 123, Al-Lalakai, Hibatullah Ibn Al-Hasan, Syarh Usul I ?tiqad Ahl As-Sunnah Wa Al-Jamaah, Tahqiq: Ahmad Sa?id Ramadan, Dar At-Tayyibah, Riyadh, 1408H, 3: 527, No: 930 dan Ad-Daraqutni, ?Ali Ibn ?Umar, As-Sifat, Tahqiq: ?Abd Allah Al-Ghunaiman, Maktabah Ad-Dar, Madinah, Arab Saudi, 1402H, No: 062 (secara ringkas
................
ดังนั้น การตีความคำว่า "อิสติวาอฺ" จากความหมายเดิม คือ ประทับ หรือ สถิตย์ ไปเป็น"อำนาจการปกครอง" จึงเป็นการกระทำที่ออกนอกแนวทางที่ท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ยึดถืออยู่

วิจารณ์

หากเป็นคำพูดของท่าน มุฮัมมัด บิน อัลหะซัน จริง  แน่นอนว่า เขาตำหนิในการตัฟซีร (ตามทัศนะของวะฮาบีย์) ซึ่งทำให้อยู่นอกแนวทางของท่านนบี  และท่านมุฮัมมัด บิน หะซัน เอง ก็ไม่ได้พาดพิงถึงเรื่อง  การตะวีล เลย  แล้วบังอะสันเขาจะมาสรุปตามอารมณ์นัฟซูได้ยังไงกัน  และคำพูดดังกล่าวนั้น  ก็ไม่ใช่ของท่าน มุฮัมมัด บิน หะซัน ด้วยซ้ำไป

บังอะสันไปก๊อบมาจากกูเกิ้ล  โดยมีคำว่า  من غير تغيير   แต่ความจริงแล้ว หากเรากลับไปดูในหนังสือ ของท่านอิบนุกุดามะฮ์ ซุมมุตตะวีล หน้า 6 หนังสืออัลอุลุว์ ของท่านอัซซะฮะบีย์ เราจะพบว่า มีถ้อยคำดังที่ว่า من غير تفسير  (คือไม่มีการอธิบาย)  ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงคำพูดของอุลามาอ์จึงเกิดขึ้นอย่างมโหฬารด้วยน้ำมือของแนวทางวะฮาบีย์

ผมบอกตรงๆ เลยครับว่า ไม่ค่อยสบายใจในการอ้างอิงพาดพิงคำพูดไปยังสะลัฟตามรูปแบบแนวทางของวะฮาบีย์ เท่าไหร่ที่แล้ววะฮาบีย์ได้อ้างคำอิงคำพูดของสะลัฟอยู่ในแนวทางของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ แล้วเราก็ทำการแก้ต่างชี้แจงสายรายงานที่อ้างอิงไปถึงตามแนวทางของวะฮาบีย์ และผู้คนเอาวามทั่วไปอีกมากมายอีกสักเท่าไหร่ก็ไม่รู้ ที่ต้องตกหลุมพรางกับการกล่าวอ้างของวะฮาบีย์ เมื่อเป็นเช่นนี้ เราจึงจำเป็นต้องสร้างเวปไซท์ขึ้นมาที่ชื่อว่า www.sunnahstudents.comเพื่อที่จะทำการชี้แจงแนวทางของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ตามทัศนะของอุลามาอ์ส่วนมากของอิสลาม เพื่อแก้ต่างแนวทางของวะฮาบีย์และชีอะฮ์ 12 อัรรอฟิเฏาะฮ์ ที่คุกคามมุสลิมที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งเวปไซท์ของเราในตอนนี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ครับ แต่เราขอเปิดตั้งไว้ก่อนเพื่อตอบสนองผู้ที่ติดต่อมาทางเราให้เปิดมันเร็วๆ

เรามาเข้าเรื่องกันนะครับ จากการอ้างอิงของบังอะสันจากอุลามาอ์วะฮาบีย์ ในการอ้างคำพูดถึงท่าน มุหัมมัด บิน อัลหะซัน (รอฮิมะฮุลลอฮ์)นั้น มันมีการเพิ่มเติมคำพูดจากกลุ่มอัลหะนาบิละฮ์ที่วะฮาบีย์สืบทอดอะกีดะฮ์มาจากพวกเขา ซึ่งคำพูดของท่าน มุหัมมัด บิน อัลหะซัน ศิษย์ของท่านอิมามอบูหะนีฟะฮ์ ผู้นี้ ผมได้ไปเปิดดูจากหนังสือ อัลอุลู้ ลิล อะลียิลฆ๊อฟฟาร หน้าที่ 421 ตีพิมพ์ที่ ดารุล อิมาม อันนะวาวีย์ ปรากฏว่าคำกล่าวของท่าน มุหัมมัด บิน อัลหะซันมีดังนี้ครับ

نقل أبو القاسم هبة الله اللالكائي و والشيخ موفق الدين المقدسي وغيرهما بالإسناد عن أبي عبد الله بن ابي حنيفة الدبوسى سمعت محمد بن الحسن، يقول : اتفق الفقهاء كلهم من المشرق إلى المغرب على الإيمان بالقرآن والأحاديث التي جاء بها الثقات عن رسول الله صلى الله عليه وسلم في صفة الرب عز وجل من غير تفسير ولا وصف ولا تشبيه، فمن فسر شيئاً من ذلك فقد خرج عما كان عليه النبي صلى الله عليه وسلم وفارق الجماعة، لأنه وصفه بصفة لا شيء

วิจารณ์

จากสิ่งที่ผมได้อ้างอิงมานี้ ปรากฏว่า

1. การพาดพิงคำพูดไปยังท่าน มุหัมมัด บิน อัลหะซันนี้ ไม่มีสายรายงานมาระบุไปถึงท่าน มุหัมมัด บิน อัลหะซัน แต่มีเพียงกล่าวว่า بالإسناد "ด้วยสายรายงาน" แต่ไม่ได้ระบุว่ามีใครบ้าง???

2. คำกล่าวที่วะฮาบีย์ต้องการในการอ้างอิงของพวกเขานั้น คือคำว่า

فإنهم لم ينفوا ولم يفسروا، ولكن آمنوا بما في الكتاب والسنة ثم سكتوا، فمن قال بقول جهم- يعني في نفي الصفات وإخراجها عن ظاهر معناها- فقد فارق الجماعة؛

"แท้จริงพวกเขา(อัลญะมาอะฮ) พวกเขาไม่ปฏิเสธ และไม่อธิบาย(ตัฟสีร) แต่ว่า พวกเขาเชื่อในสิ่งที่อยู่ในอัลกิตาบและอัสสุนนะฮ หลังจากนั้น พวกเขาจะนิ่งเงียบ(ไม่เกินเลยไปกว่านั้น)ดังนั้นผู้ใด กล่าว ด้วยคำพูด(ทัศนะ)ของพวกญะมียะฮ(กลุ่มหนึ่งจากพวกมุอฺตะซิละฮ) หมายถึง ปฏิเสธบรรดาสิฟาต และพวกเขาอธิบายมันและพามันออกมาให้ผิดไปจากความหมายที่ปรากฏ แน่นอน เขาแปลกแยกจากอัลญะมาอะฮ"

ซึ่งคำกล่าวนี้ ไม่ใช่เป็นคำกล่าวของท่าน มุหัมมัด บิน อัลหะซัน เลยครับ และไม่ได้ระบุเอาไว้ในหนังสือ อัลอุลุ้ว์ ในฉบับตีพิมพ์ของ ดารุล อิมาม อันนะวาวีย์

แต่เมื่อผมได้ไปเปิดดูจากหนังสือ มุคตะซ๊อร อัลอุลุว์ ของท่านอัซซะบีย์ ที่ทำการย่อโดย ท่าน อัลบานีย์ หน้า 159 เราจะพบว่ามีข้อความที่แตกต่างกันดังนี้

نقل أبو القاسم هبة الله اللالكائي و والشيخ موفق الدين المقدسي وغيرهما بالإسناد عن أبي عبد الله بن ابي حنيفة الدبوسى سمعت محمد بن الحسن، يقول : اتفق الفقهاء كلهم من المشرق إلى المغرب على الإيمان بالقرآن والأحاديث التي جاء بها الثقات عن رسول الله صلى الله عليه وسلم في صفة الرب عز وجل من غير تفسير ولا وصف ولا تشبيه، فمن فسر شيئاً من ذلك فقد خرج عما كان عليه النبي صلى الله عليه وسلم وفارق الجماعة،( فإنهم لم ينفوا ولم يفسروا، ولكن آمنوا بما في الكتاب والسنة ثم سكتوا،
فمن قال بقول جهم فقد فارق الجماعة)؛ لأنه وصفه بصفة لا شيء

วิจารณ์

คำสิ่งที่ผมได้อ้างอิงไปนี้ จะพบว่ามีคำพูดที่ ท่านอัลบานีย์วงเล็บ(...) เอาไว้ คือคำว่า

( فإنهم لم ينفوا ولم يفسروا، ولكن آمنوا بما في الكتاب والسنة ثم سكتوا، فمن قال بقول جهم فقد فارق الجماعة)

และท่านอัลบานีย์ได้กล่าววิจารณ์มันเอาไว้ว่า

زيادة من اللالكائى

"(คำกล่าวนี้) เป็นการเพิ่มมาจากคำพูดของ อัลลาลิกาอีย์" ดู มุคตะซ๊อร อัลอุลุว์ ของท่านอัซซะบีย์ ที่ทำการย่อโดย ท่าน อัลบานีย์ หน้า 159

และคำว่า

يعني في نفي الصفات وإخراجها عن ظاهر معناها

คำนี้ ไม่ใช่เป็นคำพูดของท่าน มุหัมมัด บิน อัลหะซันโดยเด็ดขาด และไม่ใช่เป็นการเพิ่มเติมของ อัลลาลิกาอีย์ด้วย แต่มันเป็นการ เพิ่มเสริมแต่งจากวะฮาบีย์ปัจจุบันครับ ซุบหานัลลอฮ์ !! ที่บังอะสันเอาคำพูดเพิ่มเติมจาก อัลลากิลาอีย์และวะฮาบีย์ปัจจุบัน มาเหมารวมว่า เป็นคำพูดของท่าน มุหัมมัด บิน อัลหะซัน !!

จากสิ่งดังกล่าวนี้ ปรากฏแก่เราว่า สิ่งที่บังอะสันพยายามอ้างว่าเป็นคำพูดของท่านอิมาม มุหัมมัด บิน อัลหะซันนั้น มันกลับไม่ใช่เป็นคำพูดของท่าน มุหัมมัด บิน อัลหะซัน เลยแม้แต่น้อย และมันก็ไม่ใช่เป็นเรื่องแปลกอะไร เพราะหะดิษนบีก็ยังมีการกุโกหก เพิ่มเติมกันอย่างมากมาย จะนับประสาอะไรกับคำพูดของผู้ที่ไม่ใช่เป็นนบี อย่างท่าน มุหัมมัด บิน อัลหะซัน และอุลามาอ์สะลัฟท่านอื่นๆ อีกมากมาย

เมื่อเป็นเช่นนี้ เราจึงหนักใจครับ เพราะไม่รู้ว่า วะฮาบีย์และบังอะสันนั้น ได้นำคำกล่าวอ้างนี้ ไปบอกกับคนบ้านที่ไม่รู้เรื่องอะไร แล้วพวกเขาอาจจะหลงเชื่อกันง่ายๆ ที่ทั้งมันไม่ได้เป็นความจริง ดังนั้น เราจึงขอต่ออัลเลาะฮ์ ให้พี่น้องอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ พ้นจากการหลอกลวงในความเท็จที่พวกเขารู้เท่าไม่ถึงการด้วยเถิด...อามีน ยาร๊อบ.

ดังนั้น  ลิงค์ดังกล่าวไม่เหมาะสมสำหรับการนำเสนอความจริงแก่พี่น้องมุสลิมในเรื่องซีฟัตของอัลเลาะฮ์ตาอาลาหรอกครับ

วะฮาบีย์อ้างอิงบิดเบือน กุเท็จใส่อุลามาอ์สะลัฟอย่างนี้  มันหมดสิ้นหลักการที่จะอ้างกันแล้วครับ

ออฟไลน์ almadany

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 346
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ตัวอย่างต่อไป

  6. ชัยคุ้ลอิสลาม อะบุ้ลอุษมาน อัศเศาะบูนีย์ (شيخ الاسلام ابو عثمان الصابوني ( 372-449 ) กล่าวว่า

ويعتقد اصحاب الحديث ويشهدون ان الله فوق سبع سمواته على عرشه كما نطق كتابه وعلماء الامة واعيان الائمة من السلف ، لم يختلفوا ان الله على عرشه وعرشه فوق سمواته

และบรรดานักหะดิษ เชื่อมั่นและ เป็นพยานว่า แท้จริง อัลลอฮ อยู่บนบรรดาฟากฟ้าทั้งเจ็ด ของพระองค์ บน บัลลังค์ของพระองค์ ดังที่ คัมภีร์ของพระองค์ ,บรรดาอุลามาอฺแห่งอุมมะฮ และบรรดาผู้นำที่มีชื่อเสียง จากชาวสะลัฟ ได้กล่าวเอาไว้ โดยที่พวกเขาไม่ได้มีความเห็นแตกต่างกัน (ในประเด็นที่ว่า ) แท้จริง อัลลอฮ ทรงอยู่บนบัลลังค์ของพระองค์ และบัลลังค์ของพระองค์ อยู่บน บรรดาชั้นฟ้าของพระองค์ ?

- มุคตะศอร์อัลอะลูวี หน้า 265

วิจารณ์

หากเรากลับไปดูหนั้งสือ  มัจญมั๊วะอัรร่อซาอิลอัลมุนีรียะฮ์  เล่ม 1 หน้า 109  ซึ่งเป็นริซาละฮ์ของท่านอบูอุษมานอัศศอบูนีย์  เราจะพบถ้อยจริง ๆ ของท่านเพียงที่ว่า

ويعتقد اصحاب الحديث ويشهدون ان الله فوق سبع سمواته على عرشه كما نطق كتابه

นี่คือคำกล่าวของท่านอัศศอบูนีย์ 

ส่วนข้อความที่ว่า

 وعلماء الامة واعيان الائمة من السلف ، لم يختلفوا ان الله على عرشه وعرشه فوق سمواته

ซึ่งข้อความนี้ไม่ใช่คำพูดของท่านอัศศอบูนีย์เลยแม้แต่น้อย

การกุอุปโลกน์คำพูดต่อสะลัฟ....ถือว่าบ่งถึงหลักอะกีดะฮ์วะฮาบีที่อ่อนแอ....ถ้อยคำใดที่ตนเองต้องการจะสอดใส้ผสมปรุงแต่เข้าไป...ก็ทำง่ายนิดเดียว...จะนับประสาอะไรกับคำพูดนักปราชญ์...แม้กระทั่งหะดิษนบีก็ยังมีการกุเท็จกันเลยครับ....น่าหดหู่

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
       ในเชิงปฏิบัติแล้ว วะฮาบีเขาจะบ่งให้เรารู้ว่า หะดิษฏออีฟจะนำมาปฏิบัติในเรื่องคุณความดีไม่ได้เพราะบิดอะฮ์  แต่หะดิษหรือข้อความใดที่ฏออีฟและกุขึ้นมา วะฮาบีถึงว่านำมาเป็นหลักยึดมั่นได้  นั่นคือหลักเชิงปฏิบัติของวะฮาบีที่เราได้เห็นกันจะ ๆ แจ้งกัน  ;D

 

GoogleTagged