ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 11 สูเราะฮฺ ฮูด  (อ่าน 6628 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ฮูด อายะฮฺที่ 108 - 109


คำแปล R1.
108. And those who are blessed, they will be in Paradise, abiding therein for all the time that the heavens and the earth endure, except as your Lord will, a gift without an end.
109. So be not in doubt (O Muhammad) as to what these (pagans and polytheists) men worship. They worship nothing but what their fathers worshipped before (them). And verily, we shall repay them in full their portion without diminution.


คำแปล R2.
108. และส่วนพวกที่มีวาสนานั้น แน่นอน(พวกนั้นย่อมอยู่)ในสวรรค์ชั่วนิรันดรตราบเท่าที่ฟ้าและและแผ่นดินยังคงอยู่ นอกจากที่องค์อภิบาลของเจ้าทรงประสงค์ เป็นสิ่งประทาน(ของพระองค์โดยสม่ำเสมอ)ที่ไม่ถูกตัดขาด(จากพวกเขา)
109. ดังนั้น เจ้าอย่าอยู่ในความสงสัย(อีกต่อไป) พวกเหล่านั้นจะไม่กราบไหว้(สิ่งใด ๆ ทั้งสิ้น) นอกจากเหมือนเช่นที่บรรพบุรุษของพวกเขากราบไหว้มาก่อนและแท้จริงเราจักมอบส่วนใด้ของพวกเขาอย่างครบถ้วนไม่ถูกลดลงเลย


คำแปล R3.
108. ส่วนบรรดาผู้มีความสุขนั้น พวกเขาจะอยู่ในสวนสวรรค์และพำนักอยู่ในนั้นตราบนานที่ชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินดำรงอยู่ เว้นเสียแต่ว่าพระองค์จะทรงประสงค์เป็นอย่างอื่น พวกเขาจะได้รับสิ่งรื่นรมย์ที่ไม่มีวันเสื่อสลาย
109. ดังนั้น (โอ้นบี)จงอย่าได้สงสัยอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาเคารพบูชา เพราะพวกเขามิได้เคารพบูชาอะไรนอกไปจากการหลับหูหลับตาเคารพบูชาสิ่งที่บรรพบุรุษของพวกเขาเคารพบูชาก่อนหน้านี้ และเราจะตอบแทนพวกเขาอย่างครบถ้วนในส่วนของพวกเขาโดยมิขาดตกบกพร่องสิ่งใด


คำแปล R4.
108. และสำหรับบรรดาผู้เป็นสุขก็จะอยู่ในสวนสวรรค์ พวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้นตลอดกาลตราบเท่าที่ชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินยืนยัง เว้นแต่ที่พระเจ้าของของเจ้า ทรงประสงค์ เป็นการประทานให้โดยปราศจากการตัดทอน
109. ดังนั้น เจ้าอย่าอยู่ในการสงสัย จากการที่เขาเหล่านั้นเคารพบูชาเลย พวกเขามิได้เคารพบูชาสิ่งใด เว้นแต่เช่นเดียวกับที่บรรพบุรุษของพวกเขาได้เคารพบูชามาก่อนแล้ว และแท้จริงเราจะให้สมบูรณ์แก่พวกเขาซึ่งส่วนของพวกเขา โดยปราศจากการบกพร่อง


คำแปล R5.
๑๐๘. ส่วนบรรดาชมมุอ์มินผู้ถูกยอมรับเป็นสาธุชนนั้นเล่า ย่อมอยู่ในสวนสวรรค์โดยยั่งยืน ชั่วฟ้าและแผ่นดินเว้นแต่องค์พระผู้อภิบาลแห่งเจ้าจะทรงมุ่งประสงค์เท่านั้น นับเป็นความเอื้อเฟื้อที่ไม่สิ้นสุด
๑๐๙. เมื่อพระองค์ทรงสาธยายถึงสภาพของปวงประชากรครั้งอดีตที่ต่างฝ่ายต่างขัดแย้งกับเหล่าพระศาสนทูตของพวกตน และการแสดงความเคารพบูชาต่อผู้ซึ่งมิใช่อัลเลาะห์เสร็จแล้ว พระองค์ก็ทรงสาธยายสถานการณ์ของบรรดาผู้ขัดแย้งกับพระศาสนทูตของปวงประชากรในยุคนี้ กล่าวคือ โอ้ มุฮำมัดเจ้าอย่าได้สงสัยเลยในข้อที่พวกกาฟิรชาวนครมักกะห์เผ่ากุรอยช์เหล่านี้เคารพบูชาปวงเทวรูป แน่นอนเรา(อัลเลาะห์)ย่อมจะลงโทษพวกกาฟิรเหล่านี้ เหมือนกับเราได้เคยลงโทษ(กาฟิร)ประชากรของศาสนทูตในอดีตมาแล้วเมื่อก่อนโน้น โอ้ มุฮำมัด เจ้าจงอดทนไปเถิด สำหรับเรา(อัลเลาะห์)นั้น จะไม่ปล่อยให้พวกนั้นรอดพ้นจากการถูกลงโทษหรอก แม้เราจะหน่วงเวลาการลงโทษพวกเหล่านั้นไปจนถึงวันปรภพก็เอาเถิด ซึ่งพวกกาฟิรชาวมักกะห์นี้หาได้เคารพบูชาเทวรูปตามผู้ใดไม่ นอกจากตามอย่างบรรพบุรุษของพวกเขาที่เคนเคารพบูชาอยู่ก่อนจากพวกเขาแล้วและเราก็ได้ลงโทษบรรพบุรุษเหล่านั้นแล้วด้วย แท้จริงเรา(อัลเลาะห์) ย่อมเป็นผู้ให้พวกชาวนครมักกะห์เหล่านั้นได้รับผลแห่งโทษของพวกเขาครบบริบูรณ์มิบกพร่องเหมือนดั่งบรรพบุรุษแห่งพวกเราเคยได้รับผลแห่งโทษโดยครบบริบูรณ์กันมาแล้ว


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ฮูด อายะฮฺที่ 110 - 112


คำแปล R1.
110. Indeed, we gave the Book to Musa (Moses), but differences arose therein, and had it not been for a word that had gone forth before from your Lord, the case would have been judged between them, and indeed they are in grave doubt concerning it (this Qur'an).
111. And verily, to each of them your Lord will repay their works In full. Surely, He is All-Aware of what they do.
112. So stand (ask Allah to make) you (Muhammad) firm and straight (on the Religion of Islamic Monotheism) as you are commanded and those (your companions) who turn in repentance (unto Allah) with you, and transgress not (Allah's legal limits). Verily, He is All-Seer of what you do.


คำแปล R2.
110. ขอยืนยัน! แท้จริงเราได้มอบคัมภีร์(เตารอฮฺ)แก่มูซา แล้วก็มีการพิพาทในนั้น(โดยพวกยะฮูดี) และหากแม้นไม่มีประกาศิตได้ล่วงพ้นมาแล้วจากองค์อภิบาลของเจ้า(ไว้ว่า จะลงโทษพวกนั้นในโลกหน้า) แน่นอนเหลือเกิน จะได้รับการตัดสินระหว่างพวกเขา (ให้ได้รับโทษเสียแต่ในโลกนี้) และแท้จริงพวกเขาอยู่ในความสงสัยเคลือบแคลงต่อเรื่องนั้น)
111. และแท้จริง คนทุกคนนั้น องค์อภิบาลของเจ้าจะตอบแทนผลงานต่าง ๆ ของพวกเขาอย่างครบถ้วน เพราะแท้จริงพระองค์ทรงตระหนักยิ่งในสิ่งที่พวกเขาประพฤติ
112. ดังนั้นเจ้า(มุฮำมัด)จงดำรงมั่นเหมือนดั่งเช่นที่เจ้าได้ถูกบัญชามาและ(เหมือนดั่งเช่นที่ถูกบัญชามา)พร้อมกับเจ้า และเจ้าทั้งหลายอย่าละเมิด(บทบัญญัติ) เพราะแท้จริงพระองค์ทรงมองเห็นยิ่ง ในสิ่งที่พวกเจ้าประพฤติ


คำแปล R3.
110. และเราได้ประทานคัมภีร์แก่มูซาก่อนหน้านี้และได้มีการขัดแย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับเรื่องนี้ (เช่นเดียวกับที่มันเกิดขึ้นเกี่ยวกับคัมภีร์ที่เราได้ประทานแก่เจ้า) ถ้าหากว่าไม่ได้มีคำบัญชาของพระผู้อภิบาลของเจ้ากำหนดไว้ก่อนหน้านี้ การตัดสินก็คงจะมีขึ้นแก่บรรดาผู้สร้างความขัดแย้งนี้ไปนานแล้ว ความจริงแล้ว พวกเขาสงสัยและไม่แน่ใจเกี่ยวกับเรื่องนี้
111. และจริงอีกเช่นกันที่พระผู้อภิบาลของเจ้าจะทรงประทานแก่พวกเขาอย่างครบถ้วนสำหรับสิ่งที่พวกเขาได้กระทำ เพราะพระองค์ทรงรู้อย่างเต็มเปี่ยมถึงสิ่งที่พวกเขากำลังกระทำ
112. ดังนั้น (โอ้มุฮัมมัด) เจ้าและผู้ที่อยู่ร่วมกับเจ้า(ที่หันหลังให้การปฏิเสธและการต่อต้านความศรัทธา) จงยึดมั่นในหนทางที่ถูกต้องตามที่เจ้าได้ถูกบัญชา และจงอย่าฝ่าฝืนขอบเขตแห่งการยอมจำนน แท้จริงพระองค์ทรงเฝ้ามองสิ่งที่สูเจ้ากระทำ


คำแปล R4.
110. และโดยแน่นอน เราได้ให้คัมภีร์แก่มูซา แล้วได้เกิดการขัดแย้งกันขึ้นในนั้น และหากมิใช่ลิขิตได้บันทึกไว้ที่พระเจ้าของเจ้าแล้วแน่นอนก็คงจะถูกตัดสินระหว่างพวกเขา และแท้จริงพวกเขานั้นเป็นผู้สงสัย ย่อมอยู่ในการสงสัยจากมัน(คัมภีร์)
111. และแท้จริงพวกเขาทั้งหมด พระเจ้าของเจ้าจะทรงตอบแทนแก่พวกเขาอย่างครบถ้วนซึ่งการงานของพวกเขา แท้จริงพระองค์ทรงรู้ทุกสิ่งที่พวกเขากระทำ
112. เจ้าจงอยู่ในความเที่ยงธรรมเช่นที่ถูกบัญชา และผู้ที่ขอลุโทษแก่เจ้า และพวกท่านอย่าได้ละเมิด แท้จริงพระองค์ทรงรู้เห็นสิ่งที่พวกท่านกระทำ


คำแปล R5.
๑๑๐. และเราให้ปฏิญาณโดยสัจจริงว่า เรา(อัลเลาะห์) ได้มอบพระคัมภีร์เตารอตแก่มูซา แต่พระคัมภีร์นั้นถูกพวกยะฮูดีธต้แย้งด้วยถ้อยคำรับรองว่าเป็นสัจจริงก็มีและถ้อยคำกล่าวหาว่าเป็นเท็จเช่นเดียวกับพระคัมภีร์อัล-กุรอานก็มี กล่วคือในหมู่ชนนั้น บ้างก็มีศรัทธาต่อพระคัมภีร์เตารอต และบ้างก็ไม่ได้ศรัทธาเอาเลย สำหรับพระคัมภีร์อัล-กุรอานก็เช่นกัน เมื่อมีลงมา พวกกาฟิรมักกะห์ที่ยอมศรัทธาก็มี และไม่ยอมศรัทธาก็มี แม้นว่าพระคำดำรัสจากพระผู้อภิบาลของเจ้าไม่มีอยู่ก่อนว่า “จะยอมหน่วงเวลาแห่งการสอบสวนและการสนองโทษไว้ก่อนจนกว่าจะถึงวันปรภพ” แล้วไซร้ ก็ต้องมีข้อตัดสินขึ้นในภพนี้ท่ามกลางชนยะฮูดีเหล่านั้นที่หาว่าพระคัมภีร์เตารอตเท็จบ้างและจริงบ้างแน่นอนทีเดียว ตามที่จริงแล้วพวกยะฮูดีเหล่านั้นที่กล่าวหาว่าพระคัมภีร์เตารอตเป็นเท็จตกอยู่ในความสงสัยเป็นที่สุดแห่งความสงสัย
๑๑๑. และเราให้สัจปฏิญาณว่า ความจริงแล้วข้าแห่งองค์พระผู้อภิบาลแห่งเจ้า จะเป็นมุอ์มินก็ดี และเป็นกาฟิรฺก็ดี แต่ละฝ่าย องค์พระผู้อภิบาลแห่งเจ้าจะทรงสนองผลแห่งการปฏิบัติการของพวกเขาอย่างครบถ้วน แน่แท้ พระองค์ทรงรอบรู้ยิ่งถึงพฤติการณ์ที่พวกเหล่านั้นกระทำขึ้นทั้งที่ซ่อนเร้นและที่เปิดเผย
๑๑๒. โอ้มุฮำมัด ทั้งเจ้าและผู้ศรัทธาร่วมกับเจ้าจงยืนยงไว้ซึ่งการปฏิบัติตามคำบัญชาการของพระผู้อภิบาลแห่งเจ้า และการประกาศเชิญชวนปวงชน หันสู่ศาสนาของพระองค์ ตามที่เจ้าและปวงชนผู้ศรัทธากับเจ้าถูกใช้เถิด อย่าได้ล่วงละเมิดเกินขอบเขตของพระองค์เลย ทั้งอย่าได้ประมาทขาดความเอาใจใส่ต่อศรัทธาที่ว่าให้ศรัทธาว่าพระองค์ไม่เหมือนสภาวะของโลก และเชื่อว่าพระคุณานุภาพแห่งพระองค์ย่อมดำเนินไปตามหน้าที่โดยครบถ้วน ส่วนการปฏิบัติตนในอิสลามนั้นเล่า ก็ไม่มีอันใดเกินและลดหย่อนลงไป ทั้งไม่มีการสับเปลี่ยน สำหรับเรื่องจรรยาก็ให้ปฏิบัติออกห่างความละเมิด ความประมาทและขาดความเอาใจใส่ แท้จริงพระองค์นั้นทรงประจักษ์ยิ่งในพฤติการณ์ซึ่งพวกเจ้ากระทำขึ้นแล้วพระองค์จะทรงสนองผลกรรมให้พวกเจ้าตามพฤติการณ์นั้น


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ฮูด อายะฮฺที่ 113 - 115


คำแปล R1.
113. And incline not toward those who do wrong, lest the Fire should touch you, and you have no protectors other than Allah, nor you would then be helped.
114. And perform As-Salat (Iqamat-as-Salat), at the two ends of the day and in some hours of the night [i.e. the five compulsory Salat (prayers)]. Verily, the good deeds remove the evil deeds (i.e. small sins). That is a reminder (an advice) for the mindful (those who accept advice).
115. And be patient; Verily, Allah loses not the reward of the good-doers.


คำแปล R2.
113. และเจ้าทั้งหลายจงอย่ามีจิตใจโน้มเอียงมายังพวกที่ฉ้อฉลทั้งมวล มิฉะนั้นนรกจักสัมผัสพวกเจ้าอย่างแน่นอน และไม่มีผู้คุ้มครองคนใดนอกจากอัลเลาะฮฺอีกแล้ว (ที่จะคอยให้ความคุ้มครอง)แก่พวกเจ้าทั้งหลาย แล้วหลังจากนั้นพวกเจ้าก็จะไม่ได้รับความช่วยเหลือ(แต่ประการใด ๆ)
114. และเจ้าจงดำรงละหมาด (เวลาที่อยู่ระหว่าง)สองช่วง(หัวท้าย)ของกลางวัน (คือตอนเช้า ตอนกลางวัน และตอนเย็น) และในช่วงแรก ๆ ของกลางคืน (คือตอนพลบค่ำและตอนค่ำ รวมทั้งหมด 5 เวลาครบ) แท้จริงบรรดาความดีงามทั้งหลายย่อมขจัดความเลวร้ายทั้งปวง นั้นเป็นข้อเตือนใจสำหรับบรรดาผู้รำลึกทั้งหลาย
115. และเจ้าจงอดทนเถิด เพราะแท้จริงอัลเลาะฮฺจะไม่ให้รางวัลของบรรดาผู้ประพฤติดีทั้งปวงสูญเปล่า


คำแปล R3.
113. และจงอย่าคล้อยตามบรรดาผู้ก่อความอธรรม เพราะมิเช่นนั้นแล้วไฟจะแผ้วพาลเจ้า เจ้าไม่มีใครอื่นคุ้มครองให้พ้นจากอัลลอฮฺ และเจ้าจะไม่ได้รับความช่วยเหลือใด ๆ
114. และจงดำรงนมาซในสองช่วงท้ายของวันและในยามต้นของกลางคืน แท้จริงความดีจะช่วยขจัดความชั่ว นี่คือข้อตักเตือนสำหรับผู้ที่ระลึกถึงอัลลอฮฺ
115. และเจ้าจงอดทน เพราะอัลลอฮฺมิทรงทำให้รางวัลของผู้กระทำความดีต้องเสียหาย


คำแปล R4.
113. และพวกท่านอย่าเห็นชอบไปกับธรรมดาผู้อธรรม ไฟนรกจะสัมผัสพวกท่านได้ และสำหรับพวกท่านไม่มีผู้คุ้มครองใด ๆ นอกจากอัลลอฮฺ แล้วพวกท่านจะไม่ถูกช่วยเหลือ
114. และเจ้าจงดำรงไว้ซึ่งการละหมาด ตามปลายช่วงทั้งสองของกลางวัน และยามต้นจากกลางคืนแท้จริงความดีทั้งหลายย่อมลบล้างความชั่วทั้งหลายนั่นคือข้อเตือนสำหรับบรรดาผู้ที่รำลึก
115. และเจ้าจงอดทน เพระแท้จริงอัลลอฮฺจะไม่ทรงทำให้รางวัลของผู้ทำความเสียหาย


คำแปล R5.
๑๑๓. แล้วพวกเจ้าอย่าได้โน้มเอียงเข้าหาบรรดาผู้คิดคดโดยผุกใจสมัครรักและสนับสนุนตลอดทั้งยินดีต่อการกระทำของชนเหล่านั้นเลย ประเดี๋ยวนรกจะมาพานพบเข้ากับพวกเจ้าเสมือนดังพวกเหล่านั้นสำหรับพวกเจ้านั้นนอกจากอัลเลาะห์แล้ว หามีผู้ใดคุ้มครองรักษาพวกเจ้าให้รอดพ้นจากการลงโทษของพระองค์ไม่ ครั้นแล้วพวกเจ้าก็จะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากพวกใดที่จะหักห้ามให้พ้นจากพระองค์ได้
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ มีมูลเดิมมาแต่ชายผู้หนึ่งจุมพิตปากกับผู้หญิงผู้มิใช่ภรรยาของตน ชายผู้นี้ชื่อ อบูอัลบัซร์ เขาเล่าว่าได้มีหญิงคนหนึ่งมาหาเขา นำผลอินทผลัมมาจะขายให้ เขาบอกแก่นางไปว่าฉันมีอินทผลัมอยู่แล้วในห้องเรือน ดีกว่าที่เธอนำมาขายนี้อีก ครั้นแล้วเขากับนางก็ชวนกันเข้าไปดูผลอินทผลัมภายในห้องตัวต่อตัว แล้วชายคนนั้นก็ถือโอกาสจุมพิตนาง ชายนั้นบอกว่าฉันนำเรื่องนี้ไปบอกแก่อบูบักร ๆ ทราบเรื่องแล้วสั่งกำชับว่าให้ปกปิดเรื่องนี้ไว้ อย่าไปเกริ่นให้ใครรู้ และให้สำนึกตนในความผิดนี้ด้วย ชายนั้นไปหาอุมัรอีก เล่าให้อุมัรฟัง อุมัรก็กล่าวกำชับเขาเช่นเดียวกับอบูบักรสั่งกำชับไว้ ชายนั้นอดรนทนไม่ได้นำเรื่องไปเล่าให้มุฮำมัด พระศาสนทูตของอัลเลาะห์ฟัง พระศาสดามุฮำมัด (ซล.) ย้อนถามชายคนนั้นว่า ท่านเคยรังแกหญิงภายในครอบครัวของนักรบเพื่อวิถีทางของอัลเลาะห์ที่ออกเดินทางไปทำศึกไกล ๆ อย่างที่ท่านกระทำนี้หรือเปล่า ? จนถึงกับอัลเลาะห์ทรงดลกระแส โองการลงมาว่า
๑๑๔. และเจ้าจงดำรงละหมาดในทั้งสองภาคแห่งกลางวัน นับแต่เช้าจนเย็นสามเวลา มีละหมาดซุบห์ (ยามอุษาโยค) ละหมาดดุฮ์ริ (ยามบ่าย) และละหมาดอัสริ (ยามสนธยา) และในชุดกลางคืนอีกสองเวลา มีละหมาดมัฆริบ(ยามค่ำ)และละหมาดอิชาอ์(ยามดึก) แท้จริงคุณความดี เช่น การดำรงละหมาด ๕ เวลานั้นย่อมลบล้างความชั่วช้า อันเป็นบาปเล็กน้อย เช่น การจุมพิตหญิงผู้มิใช่ภรรยาของตนให้สูญสิ้นไปได้ การใช้ให้ดำรงละหมาดนั่นแหละคือการระลึกสำหรับเตือนสติผู้รู้จักสำนึกในข้อตักเตือน
๑๑๕. และโอ้มุฮำมัด เจ้าจงอดทนต่อความเดือดร้อนอันเกิดขึ้นจากปวงชนของเจ้าหรือต่อการดำรงละหมาดเถิด เพราะแท้จริงอัลเลาะห์จะไม่ทรงให้สูญเปล่าเลยซึ่งบุญกุศลของพวกประพฤติดีงามด้วยความอดทนต่อการภักดีในพระองค์


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ฮูด อายะฮฺที่ 116 - 119


คำแปล R1.
116. If only there had been among the generations before you, persons having wisdom, prohibiting (others) from Al-Fasad (disbelief, polytheism, and all kinds of crimes and sins) in the earth, except a few of those whom we saved from among them. Those who did wrong pursued the enjoyment of good things of (this worldly) life, and were Mujrimun (criminals, disbelievers in Allah, polytheists, sinners, etc.).
117. And your Lord would never destroy the towns wrongfully, while their people were right-doers.
118. And if your Lord had so willed, He could surely have made mankind one Ummah [nation or community (following one Religion only i.e. Islam)], but they will not cease to disagree,-
119. Except him on whom your Lord has bestowed his Mercy (the follower of Truth - Islamic Monotheism) and for that did He create them. and the word of your Lord has been fulfilled (i.e. his saying): "Surely, I shall fill Hell with jinns and men all together."


คำแปล R2.
116. ดังนั้น ไฉนเล่า(ประชาชาติ)จากศตวรรษต่าง ๆ ก่อนหน้าพวกเจ้าจึงไม่มีบรรดาบุคคลที่มีคุณธรรมคอยห้ามความเสื่อมทราม(ที่จะถูกกระทำขึ้น)ในแผ่นดิน นอกจากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น บุคคลที่เราได้ให้ความปลอดภัยจากพวกเขาทั้งมวลและบรรดาพวกที่ฉ้อฉลทั้งหลายต่างก็ประพฤติตาม(ความต้องการของ)สิ่งที่พวกเขาได้รับความสำราญสุขในนั้น และพวกเขาจึงเป็นพวกทำบาป
117. และองค์อภิบาลของเจ้ามิทรง(มุ่งที่จะ)ทำลายบรรดาเมืองต่าง ๆ โดยอธรรมเลย ในขณะที่ชาวเมืองเหล่านั้นยังประพฤติดีกันอยู่
118. และหากแม้นองค์อภิบาลของเจ้าทรงประสงค์ แน่นอนพระองค์ย่อมดลบันดาลให้มวลมนุษย์เป็นประชาชาติ (ที่นับถือศาสนา)เดียวกัน แต่พวกเขาเหล่านั้นกลับมีความขัดแย้งกันอยู่เสมอ
119. ยกเว้นผู้ที่องค์อภิบาลของเจ้าได้ทรงเมตตาเท่านั้น (จึงจะไม่ขัดแย้งกัน)และเพราะเหตุที่ทรงเมตตานั้นเอง พระองค์ได้สร้างพวกเขาขึ้นมา และประกาศิตแห่งองค์อภิบาลของเจ้าได้ครบสมบูรณ์แล้วว่า “ขอยืนยัน! ข้าจักบรรจุนรกให้เต็มไปด้วยพวกญินและมนุษย์ทั้งหมด”


คำแปล R3.
116. แล้วทำไมในหมู่ชนก่อนหน้าสูเจ้าจึงไม่มีบรรดาคนดีที่จะมาห้ามปรามคนที่ก่อความเสียหายในแผ่นดิน? ถ้าหากว่ามีพวกเขาก็เป็นเพียงคนหมู่น้อยที่เราได้ช่วยให้รอดพ้นจากหมู่ชนเหล่านั้น ส่วนผู้อธรรมนั้นแสวงหาความสุขสำราญแห่งโลกที่พวกเขาได้ถูกจัดเตรียมไว้อย่างมากมายและพวกเขาได้กลายเป็นผู้ทำความผิดที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
117. และพระผู้อภิบาลของเจ้านั้นมิใช่ผู้ทรงทำลายบ้านเมืองใดโดยปราศจากความยุติธรรมขณะที่ชาวเมืองนั้นกระทำความดี
118. พระผู้อภิบาลของเจ้าจะทำให้มนุษย์ทั้งหลายเป็นหมู่ชนเดียวก็ได้ถ้าหากพระองค์ทรงประสงค์ แต่ตอนนี้ พวกเขายังคงปฏิบัติตามแนวทางที่ขัดแย้งกันอยู่
119. นอกจากบรรดาผู้ที่พระผู้อภิบาลของเจ้าทรงเมตตา(หนีหนทางที่ผิด) ที่เป็นเช่นนั้นเพราะพระองค์ได้ทรงบังเกิดพวกเขาเพื่อการนี้ (คือมีเสรีภาพในการเลือกและปฏิบัติ) และวจนะของพระผู้อภิบาลของเจ้าที่พระองค์จะทรงทำให้นรกเต็มไปด้วยญินและมนุษย์นั้นได้เป็นจริงตามที่ได้ทรงตรัสแล้ว


คำแปล R4.
116. ทำไมในศตวรรษก่อนจากพวกเจ้าจึงไม่มีปัญญาชนช่วยกันห้ามปรามการบ่อนทำลายในแผ่นดิน เว้นแต่จำนวนน้อยเท่านั้นจากผู้ที่เราได้ช่วยพวกเขาให้รอดพ้น และบรรดาผู้อธรรมได้ปฏิบัติตามสิ่งที่พวกเขาถูกให้อยู่ในความสำราญ พวกเขาจึงเป็นผู้กระทำผิด
117. และพระเจ้าของเจ้าจะไม่ทรงทำลายหมู่บ้านโดยอยุติธรรม โดยที่ประชากรของหมู่บ้านนั้นเป็นผู้ฟื้นฟูทำความดี
118. และหากพระเจ้าของเจ้าทรงประสงค์แน่นอนพระเองค์จะทรงทำให้ปวงมนุษย์เป็นประชาชาติเดียวกันแต่พวกเขาก็ยังคงแตกแยกกัน
119. เว้นแต่ผู้ที่พระเจ้าของเจ้ามีเมตตาและเช่นนั้นแหละพระองค์ทรงบังเกิดพวกเขาและลิขิตของพระเจ้า ทรงกำหนดไว้สมบูรณ์แล้ว แน่นอนข้าจะให้นรกนั้นเต็มไปด้วยพวกญินและมนุษย์ทั้งหมด


คำแปล R5.
เมื่อพระองค์ทรงบรรยายว่ามีปวงประชากรยุคก่อนได้รับโทษทัณฑืแห่งการทำลายล้างชาติพันธุ์ พระองค์ก็ทรงบรรยายถึงสาเหตุของโทษทั้งสองอย่าง อย่างหนึ่งคือในหมู่ประชากรเหล่านั้นไม่มีกลุ่มชนใดคอยหักห้ามการก่อวินาศกรรมขึ้น ณ หน้าแผ่นดินอยู่ อีกอย่างหนึ่งก็เพราะมีโทษล้างชาติพันธุ์ลงมา จึงมีโองการจากอัลเลาะห์ตรัสว่าดังนี้
๑๑๖. ในยุคก่อน ๆ จากพวกเจ้าที่เคยถูกโทษล้างชาติพันธุ์มาแล้วนั้น หาได้มีผู้เลิศล้ำซึ่งรอบรู้ศาสนา คอยหักห้ามการก่อวินาศกรรม ณ หน้าแผ่นดินไม่ นอกจากมีไม่กี่คนจากพวกที่มีความดี และรู้ศาสนา เรา(อัลเลาะห์) คอยคุ้มรักษาไว้มิให้ถูกล้างชาติพันธุ์ ซึ่งพวกเขาเป็นพวกห้ามมิให้ก่อวินาศกรรม จึงปลอดภัย พวกที่ถูกทำลายล้างชาติพันธุ์ เพราะไม่มีผู้คอยหักห้ามก็ดี และพวกซึ่งคิดคดด้วยการกระทำชั่วช้า ณ หน้าแผ่นดินก็ดี และผู้มีความรู้ แต่มิได้หักห้ามผู้อื่นก็ดี ต่างดำเนินตามกิเลสของตน พวกเหล่านั้นจึงจะเป็นผู้ประพฤติบาปร้ายแรง
๑๑๗. และโอ้ มุฮำมัด ใช่ว่าองค์พระผู้อภิบาลของเจ้าจะทรงมุ่งทำลายแว่นแคว้นใด ๆ โดยไร้ความเป็นธรรมก็หาไม่ โดยที่ชาวแว่นแคว้นนั้นยังเป็นชนมุอ์มินอยู่
๑๑๘. แล้วถ้าหากว่า องค์พระผู้อภิบาลแห่งเจ้าทรงมุ่งประสงค์แล้วไซร้ พระองค์ย่อมจักให้มวลมนุษย์ทั้งสิ้นเป็นประชากรร่วมนับถือศาสนา “อิสลาม” เดียวกัน แต่ที่เป็นอยู่นี้ มนุษย์ทั้งสิ้นหาได้ถือศาสนาเดียวกันไม่แสดงว่าพระองค์มิได้ทรงมุ่งประสงค์เช่นนั้นแต่พวกมนุษย์เหล่านั้น ก็ขัดแย้งกันอยู่ในการนับถือศาสนาที่ต่าง ๆ กัน อันได้แก่พวกยะฮูดี พวกนัซรอนี พวกมยูซีย์(พวกบูชาไฟ) ตลอดทั้งพวกถือภาคี(มุชริก) และพวกมุสลิม แต่ละพวก นับถือศาสนาเป็นของคนเอง
   ในเรื่องของการนับถือศาสนาที่แตกต่างกันนี้ พระศาสดามุฮำมัด ซล. มีโอวาทไว้ว่า “ชนชาวยะฮูดีแยกกันออกเป็น ๗๑ หรือ ๗๒ จำพวก” และว่า “ในอนาคตกาล ประชากรของฉันจะแตกออกเป็น ๗๓ จำพวก ๗๒ จำพวกเข้าสู่ขุมนรก ส่วนที่เหลือพวกเดียวได้เข้าสู่สรวงสวรรค์” ความมุ่งหมายของคำว่า “แตกแยกกัน” ย่อมหมายถึงพวกต่าง ๆ อันมี
   ๑) พวกบิดอะห์ คือพวกที่ปฏิบัติอุตริในหลักแห่งธรรม
   ๒) พวกปฏิบัติตามอารมณ์
   ๓) พวกค่าวาริจญ์
   ๔) พวกก็อดรียะห์
   ๕) พวกมุอ์ตะซิลละห์
   ๖) พวกรอฟิเฏาะห์
   สำหรับพวสกที่เหลือพวกเดียว ได้เข้าสู่สรวงสวรรค์นั้นหมายถึงพวก “อะห์ลุซซุนนะห์ วัลยะมาอะห์”
๑๑๙. ยกเว้นผู้ซึ่งพระองค์ทรงมุ่งประสงค์ให้ความปรานีแก่เขา ได้เป็นผู้มีคุณความดีเท่านั้น พวกเขาจึงไม่มีข้อขัดแย้งในการนับถือศาสนา แตกพวกเป็นศาสนายะฮูดีบ้าง นัซรอนีบ้าง และศาสนาอิสลามบ้าง ด้วยเหตุแห่งความปรานีและมีข้อขัดแย้งกันนี้เอง พระองค์จึงทรงสร้างพวกเหล่านั้นขึ้น โดยมีทั้งพวกที่ขัดแย้งกัน และดำเนินเป็นแนวศาสนาเดียวกัน โอ้มุฮำมัด แล้วพระคำดำรัสจากองค์พระผู้อภิบาลแห่งเจ้าก็สมจริงและแน่นอนแล้ว ที่ตรัสว่า เรา(อัลเลาะห์) จะบรรจุยินและมนุษย์ให้เต็มขุมนรกยะฮันนำโดยแน่นอนทีเดียว


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ฮูด อายะฮฺที่ 120 - 123


คำแปล R1.
120. And all that we relate to you (O Muhammad) of the news of the Messengers is in order that we may make strong and firm your heart thereby. And in this (chapter of the Qur'an) have come to you the truth, as well as an admonition and a reminder for the believers.
121. And say to those who do not believe: "Act according to your ability and way, we are acting (in our way).
122. And you wait! We (too) are waiting."
123. And to Allah belongs the Ghaib (unseen) of the heavens and the earth, and to Him return all affairs (for decision). So worship Him (O Muhammad) and put your trust in Him. And your Lord is not unaware of what you (people) do."


คำแปล R2.
120. และทุก ๆ เรื่องราวของบรรดาศาสนทูตต่าง ๆ ที่เราแถลงให้เจ้าทราบนั้น เป็นสิ่งที่เจ้านำมันมาสร้างความแน่นแฟ้นแก่หัวใจของเจ้า และได้มีมายังเจ้าแล้วในเรื่องเหล่านี้ซึ่งสัจธรรม คำสั่งสอนและข้อเตือนสติ สำหรับศรัทธาชนทั้งหลาย
121. และจงประกาศเถิด(มุฮำมัด)แก่บรรดาผู้ไม่ศรัทธาทั้งหลายว่า “พวกท่านทั้งหลายจงปฏิบัติเถิด ตามฐานานุรูปของพวกท่านทั้งหลาย แท้จริงเราเองก็เป็นผู้ปฏิบัติเหมือนกัน”
122. “และท่านทั้งหลายจงรอคอยเถิด แท้จริงพวกเราก็รอคอยเหมือนกัน”
123. และสำหรับอัลเลาะฮฺนั้นทรงสิทธิ์ในความเร้นลับของชั้นฟ้าและแผ่นดิน และการงานทั้งหมดย่อมถูกส่งคืนไปยังพระองค์ ดังนั้นเจ้าจงนมัสการพระองค์ และจงมอบหมายแด่พระองค์ และองค์อภิบาลของเจ้าหาใช่ผู้ละเลยในสิ่งที่พวกเจ้าประพฤติไม่


คำแปล R3.
120. และ (โอ้ มุฮัมมัด) เราเล่าเรื่องราวของบรรดารอซูลให้แก่เจ้าก็เพื่อที่จะทำให้หัวใจของเจ้าเข้มแข็งขึ้นด้วยเรื่องเหล่านี้ และเจ้าได้รับรู้ความจริงจากเรื่องเหล่านี้แล้วและบรรดาผู้ศรัทธาก็ได้รับคำเตือนและข้อเตือนใจจากเรื่องเหล่านี้แล้ว
121. ส่วนบรรดาผูไม่เชื่อนั้น จงกล่าวแก่พวกเขาเถิดว่า “พวกท่านจงปฏิบัติไปตามทางของพวกท่าน และเราก็จะปฏิบัติไปตามทางของเราเช่นกัน
122. พวกท่านจงคอยดูบั้นปลายของมันและเราก็จะคอยดูด้วยเช่นกัน”
123. ทุกสิ่งที่ซ่อนเร้นในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินล้วนอยู่ในอำนาจของอัลลอฮฺ ทุกสิ่งจะกลับไปยังพระองค์ ดังนั้น (โอ้ นบี) จงเคารพภักดีพระองค์ และจงวางใจในพระองค์ เพราะพระผู้อภิบาลของเจ้ามิทรงเฉยเมยในสิ่งที่เจ้ากำลังกระทำ


คำแปล R4.
120. และทั้งหมดนี้เราได้บอกเล่าแก่เจ้า จากเรื่องราวของบรรดารอซูล เพื่อทำให้จิตใจของเจ้าหนักแน่น และได้มายังเจ้าแล้วใน (เรื่องราวเหล่า) นี้ซึ่งความจริงและข้อตักเตือน และข้อรำลึกสำหรับผู้ศรัทธาทั้งหลาย
121. จงกล่าวเถิดมุฮัมมัดแก่บรรดาผู้ไม่ศรัทธาว่า พวกท่านจงกระทำตามแนวทางพวกท่าน แท้จริงเราก็กระทำเช่นกัน
122. และพวกท่านจงคอยดูเถิด แท้จริงเราก็เป็นผู้คอยดู
123. และกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮฺคือ สิ่งพ้นญาณวิสัยแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และยังพระองค์การงานทั้งมวลจะถูกนำกลับไป ดังนั้นเจ้าจงเคารพอิบาดะฮฺพระองค์ และจงมอบหมายต่อพระองค์และพระเจ้าของเจ้าจะไม่เป็นผู้ทรงเผลอในสิ่งที่พวกท่านกระทำ


คำแปล R5.
๑๒๐. เรา(อัลเลาะห์) จะเล่าให้ฟังถึงเรื่องราวแต่ละเรื่องของเหล่าศาสนทูตอันเราต้องการ ไว้เป็นที่มั่นใจของเจ้ายิ่งขึ้นแล้วเรื่องราวหรือโองการต่าง ๆ นี้ก็เป็นความจริง เป็นข้อตักเตือนและที่ระลึกสำหรับปวงศรัทธาชน มีมายังเจ้าแล้ว
๑๒๑. และอัลเลาะห์ตรัสในทำนองขู่พวกกาฟิรแก่มุฮำมัดว่า โอ่มุฮำมัด จงกล่าวแก่บรรดาผู้ไม่ศรัทธา(ชนกาฟิร) เถิดว่า พวกท่านจงปฏิบัติไปตามประสาความไม่ศรัทธาโดยมั่นคงของพวกท่านเถิด ส่วนพวกเราก็ปฏิบัติกันไปตามประสาความศรัทธาโดยมั่นคงของพวกเรา
๑๒๒. แล้วพวกท่านจงรอดูเถิดถึงวาระขั้นสุดท้ายของพวกท่านเอง ฝ่ายเราก็รอดูถึงวาระขั้นสุดท้ายของพวกท่านอยู่ด้วย
๑๒๓. อันความลี้ลับในบรรดาชั้นฟ้าทั้งเจ็ดและผืนแผ่นดินนั้นเป็นเอกสิทธิ์ของอัลเลาะห์ กิจทั้งปวงย่อมจะคืนสู่การตัดสินของพระองค์ พระองค์จะทรงลงโทษพวกซึ่งทรยศต่อพระองค์ ฉะนั้นทั้งเจ้าและปวงชนทั้งที่เป็นมุสลิม และที่เป็นกาฟิร จงถือในเอกภาพของอัลเลาะห์ และจงยึดมั่นในพระองค์ด้วยเถิด ฝ่ายองค์พระผู้อภิบาลของเจ้านั้น ย่อมไม่ทรงละเลยซึ่งพฤติการณ์ที่พวกเจ้ากระทำขึ้น แท้จริงพระองค์จะทรงหน่วงเวลาไว้จนกว่าจะถึงวาระของพวกเจ้าในภาคภพนี้ หรือในภาคภพหน้า


------------------------------------------------------
ดำรัสของอัลลอฮฺผู้ทรงยิ่งใหญ่เป็นจริงเสมอ (صدق الله العظيم)
จบสูเราะฮฺที่ 11 ฮูด
والسلام عليكم ورحمة الله وبركاته

 

GoogleTagged