بسم الله الرحمن الرحيم
الحمد لله رب العالمين و الصلاة والسلام على سيدنا محمد وعلي اله وصحبه أجمعين
เมื่อละหมาดเสร็จแล้วก็พบว่ามีน้ำหล่อลื่นไหลออกมานั้น ก็ให้คุณกลับไปละหมาดใหม่นะครับ
หลักนิติศาสตร์อิสลาม ระบุว่า
اَلْأَصْلُ فِى كُلِّ حَادِثٍ تَقْدِيْرُهُ بِأَقْرَبِ زَمَنٍ
"หลักเดิมในทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมา ก็กำหนดให้มัน(เกิดขึ้น) ด้วยเวลาอันใกล้(ก่อนจากนั้น)"
ท่านอัลหะฟิซฺ อิบนุหะญัร อัลฮัยตะมีย์ กล่าวว่า "ถ้าหากคนหนึ่งทำการละหมาดโดยเปื้อนนะยิสที่ไม่ถูกมะอัฟ(ไม่ถูกอภัยให้) ไม่ว่าจะมีอยู่ที่เสื้อผ้า , ร่างกาย , หรือสถานที่ละหมาด โดยเขาไม่รู้ว่าเปื้อนนะยิสหลังจากตักบีร่อตุลเอี๊ยะห์รอมละหมาดแล้ว หลังจากเสร็จละหมาดเขาทราบว่าเปื้อนนะยิส ก็จำเป็นบนเขาต้องกอฏอ(กลับไปทำละหมาดใหม่) ตามทัศนะคำกล่าว(ญะดีด)ใหม่ของอิมามอัชชาฟิอีย์" ดู หนังสือ ตั๊วะฟะตุลมั๊วะตาจญ์ 2/13
ส่วนละหมาดของมะอฺมูมนั้น ถือว่าใช้ได้ แต่ถ้าหากอิมามบอกให้รู้มะอฺมูมรู้หลังละหมาด ก็ให้ร่วมทำการละหมาดใหม่
แต่หากคุณคาดการณ์ว่าน้ำหล่อลื่นออกมาหลังจากละหมาดแล้ว ก็ไม่ต้องกอฏอหรือกลับไปละหมาดใหม่แต่ประการใด
ท่านอัลค่อฏีบ อัชชัรบีนีย์ กล่าวว่า
فيجب إعادة كل صلاة تيقن فعلها مع النجاسة ، فإن احتمل حدوثها بعد الصلاة فلا شىء عليه
"ดังนั้นจำเป็นต้องกลับไปละหมาดใหม่กับทุก ๆ ละหมาดที่เขามั่นใจว่ากระทำมันพร้อมกับมีนะยิส ดังนั้น หากเขาคาดการณ์ว่าเกิดมีนะยิสขึ้นหลังจากละหมาดแล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดที่จำเป็นบนเขาแล้ว" มุฆนี อัลมั๊วะห์ตาจญ์ 1/270
ส่วนคราบน้ำอสุจินั้นถือว่าไม่เป็นนะยิสนะครับ และหากเป็นคราบแห้งแล้วนั้น ก็สุนัตให้เอาเล็บขูดออก
ท่านอบูดาวูด (372) ได้รายงานจากท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮา ซึ่งท่านนางได้กล่าวความว่า
كُنْتُ أَفْرُكُ الْمَنِيَّ مِنْ ثَوْبِ رَسُولِ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم فَيُصَلِّي فِيهِ
"ฉันได้ขูด(ถู)น้ำอสุจิจากผ้าของท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม แล้วท่านก็ทำการละหมาดด้วยผ้านั้น"
والله تعالى أعلى وأعلم