ขอบคุณค่ะสำหรับความรู้
หากในกรณีที่เราไม่ได้ไปหาหมอดู แต่มีหมอดูมาทักเราเอาเองล่ะคะ...
เพราะมีอยู่ครั้งหนึ่ง ตอนนั้นนั่งรถไฟไปยะลากับพี่สาว ตอนนั้นยังเด็กอยู่มาก เพราะเป็นแค่เด็กมัธยมต้น
ซึ่งในขบวนที่นั่งไป มีชายที่ค่อนข้างสูงอายุหน่อย
ซึ่งนั่งอยู่ตรงที่นั่งฝั่งตรงข้าม เขาก็มองเราแล้วมองเราอีก ซึ่งไม่ได้มองแบบน่าระหวาดระแวงอะไรนะคะ
แล้วเขาก็ขอให้ข้าน้อยยกนิ้วหัวแม่มือให้เขาดู
พอข้าน้อยยกให้เขาดู เขาก็นิ่ง แล้วก็บอกให้กำมือให้ดูหน่อย ข้าน้อยก็ทำตาม
(ในใจก็ยังนึกๆอยู่ว่า จะไปทำตามเขาว่าทำไมกัน ใครที่ไหนก็ไม่รู้)
สักพักเขาก็บอกว่า โตขึ้นจะได้เป็นศิลปิน ได้ทำงานด้านศิลป์ และมีชายหนุ่มมากมายหมายปอง
เพราะดูจากหัวแม่มือแล้ว บอกถึงความเป็นศิลปินในสายเลือด และดูจากการกำมือแล้ว
บ่งบอกถึงเรื่องราวความรัก...ประมาณนั้นค่ะ...
ซึ่งบอกตามตรงว่า ไม่เคยเชื่อในสิ่งที่เขาพูด และยังบอกเขาไปด้วย ณ ตอนนั้นว่า
หนูน่ะชอบวาดภาพอะไรพวกนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงคุณลุงไม่บอกหนูก็เชื่อมั่นในความเป็นศิลปินในสายเลือดอยู่ดีค่ะ...
เพราะพ่อก็ทำงานด้านนี้...พี่ๆก็มีเลือดศิลปิน...
ส่วนเรื่องความรัก เท่าที่รู้มาก็คือ ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เพราะพ่อดุ และถูกล้อมด้วยพี่ชายตั้งหลายคน...
อีกอย่างหน้าตาหนูไม่ได้ดีอะไรขนาดที่จะมีคนมากมายมารุมรัก....นิสัยก็ค่อนไปทางแข็งๆ...
แถมยังขวานผ่าซากด้วย...ชายที่ไหนเขาจะมารุมชอบล่ะคะลุง...รึลุงว่าไม่จริง...
คนที่ทักข้าน้อยเขาก็เลยยิ้มและหัวเราะ...บอกว่าเป็นคนตรงไปตรงมาดี...ชัดเจนดี
พร้อมกับบอกว่า...ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร...แต่ฉันไม่ได้มั่ว...ก็ว่าไปตามสูตร...
ซึ่งสูตรที่เขาว่านั้นเขาเรียนรู้มาอย่างไรข้าน้อยก็ยังพะล่อมถามมาเหมือนกันค่ะ...
แล้วเขาก็พยายามจะซักถามพี่สาวอีก ข้าน้อยเลยบอกว่า...เราไม่เชื่ออะไรที่ไร้การรับรองแบบนี้ค่ะ....
เพียงแต่ที่ถามเพราะอยากรู้ว่าคุณลุงเอาสูตรพวกนี้มาจากไหนเท่านั้นเอง...
สรุปเขาก็เลยชวนคุยเรื่องอื่นๆไปค่ะ...
ถ้าในกรณีเช่นนี้ ละหมาดของเราจะถูกตอบรับรึเปล่าคะ...เพราะถึงจะไม่เชื่อ แต่ก็ไม่วายหาเรื่องถามเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ซ้ำยังจำอยู่เลยค่ะ มันลบไปจากความจำไม่ได้...
จากเหตุการณ์คร้ังนั้น จึงทำให้หลายครั้งพยายามที่จะบอกกับใครๆว่า
หากเราไม่เชื่อเรื่องการทำนายทายทักของหมอดูก็อย่าไปฟังเขา
หรือให้ความสนใจกับสิ่งเหล่านั้น แม้แต่การลองก็อย่าเข้าใกล้ และพยายามลดความอยากรู้อยากเห็น
ในสิ่งที่ยังมาไม่ถึงแบบนี้ไป...เพราะแม้เราจะไม่เชื่อก็จริง แต่เราจะจำมัน
และมันจะตามมาหลอกหลอนหลักการยึดมั่นของเราเอาได้ในยามที่อีหม่านของเราอ่อนแอ
ปล.แล้วถ้าเชื่อความฝันล่ะคะ เช่น ฝันเห็นงูรัด แล้วจะได้เนื้อคู่ อะไรทำนองนี้นั้น จะเข้าข่ายตามหะดิษดังกล่าวด้วยรึเปล่าคะ...
ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนบัญญัติเป็นคนแรกว่า การฝันเห็นงูรัดนั้นหมายความว่าจะเจอเนื้อคู่น่ะค่ะ...
แต่ผู้หญิงหลายๆคนก็ต่างให้ความสนใจกับฝันดังกล่าวเป็นอย่างมาก...
ขอบคุณล่วงหน้านะคะ
วัสลามค่ะ