อ่านบทความนี้แล้วให้สะกิดใจ
เพราะสำหรับตัวเองนั้น
"วัยเรียน" กับ "วัยทำงาน" จะทำควบคู่กันมาเนิ่นนานแล้วค่ะ
ตั้งแต่เด็กๆเลย...จนแยกไม่ออกว่า ช่วงเวลานั้นเป็นวัยเรียน
หรือวัยทำงาน ซ้ำปัจจุบันก็ยังคงเป็นเช่นนั้นอยู่...
ยังเรียนควบคู่ไปกับทำงาน
เนื่องจากตอนเด็กๆจะช่วยพ่อแม่ทำงานทุกอย่างเท่าที่จะทำได้
เราถูกมอบหมายหน้าที่ให้ทำมาตั้งแต่เด็ก...
และเมื่อมีเวลาว่างจากการเรียน เราก็จะช่วยเหลือการงาน
ของพ่อแม่ อาจจะมีเล่นกับเพื่อนบ้าง แต่ก็แค่พอประมาณค่ะ
ถ้าถามว่าสนุกไหมกับชีวิตที่ผ่านมา...
...มันยิ่งกว่าคำว่าสนุกค่ะ....
เพราะมันมีคำว่า "ภาคภูมิใจ"อยู่ในนั้นด้วย
และชีวิตเช่นนั้นเองที่สอนให้เรารู้จักคุณค่าของตัวเอง
รู้จักคุณค่าของการมีชีวิต...ไม่ว่าจะลำบาก
หรือผ่านเรื่องทุกข์มาขนาดไหนก็ไม่เคยคิดสักครั้ง
ว่าอยากจะตาย...ไม่เคยคิดว่าพระเจ้าโหดร้ายกับเรา
เพราะเรารู้ดีว่านี่คือ...ความเมตตาจากพระองค์...
ที่เรามีทุกอย่างในวันนั้นและในวันนี้ก็เพราะพระองค์ให้มา...
ความสามารถ ความรู้ที่มีอยู่ ณ วันนี้ก็เกิดมาจาก
การสั่งสมในวันนั้น...
บททดสอบต่างๆที่ได้ประสบมา ไม่ได้ทำให้เราท้อแท้
เนื่องจากแท้จริงแล้วมันสอนให้เราอดทนได้มากขึ้น...
มันสอนให้เรารู้จักความรักของผู้ให้ที่แท้จริงมากขึ้น...
และที่สำคัญ...มันสอนให้เราเห็นจุดมุ่งหมายปลายทาง
ได้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ...
ณ วันนี้ มองย้อนกลับไปในวันวาน...
เห็นได้ชัดว่า..."วัยหวาน"ที่วัยรุ่นสมัยนี้เขามีกัน
ตััวข้าน้อยไม่เคยมี...แต่ถามว่า ที่ผ่านมาพอใจไหม
ตอบได้อย่างภาคภูมิใจว่า...พอใจอย่างที่สุด...
เนื่องจากเป็นคนหนึ่งที่ตกหลุมรัก"การเรียนรู้"
กับ"การทำงานเพื่อสร้างคุณค่าให้ตัวเอง"...
และไม่ได้ขอเงินพ่อแม่มาตั้งแต่เดินทางไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น...
ไม่ว่าจะเจอปัญหาเรื่องเงินมากแค่ไหน...
หนึ่งสมองและหัวใจจะสั่งให้สองมือและสองเท้า
ออกทำงาน...เพื่อที่จะได้ไม่เป็นมือล่าง...
เพราะเชื่อมาเสมอว่า มือบนนั้นย่อมดีกว่ามือล่าง...
ตราบเท่าที่อัลลอฮฺยังให้เรามีกำลังและความสามารถอยู่
เราก็จะยังคงใช้สิ่งที่พระองค์ให้มาจนเต็มกำลัง...
ความอดทนจึงก่อเกิดเป็นความเข้มแข็ง
และความมุมานะบากบั่น
จึงก่อให้เกิดความพากเพียรพยายาม...
และศรัทธาในหัวใจก่อให้เกิดความอ่อนโยน
พร้อมด้วยหัวใจที่ไม่สิ้นหวัง...มองเห็นโลกในมุมที่ดีขึ้น...
ไม่ว่าจะผิดพลาดอย่างไร เราก็ยังมีพระเจ้าที่ยังคง
เป็นที่พึ่งและเป็นความหวัง...มีพ่อแม่พี่น้องคอยส่งกำลังใจ...
ดังนั้น...อะไรก็ไม่ยิ่งใหญ่เท่ากับการได้สัมผัสกับ
ความรักจากผู้ให้ที่แท้จริง...
แล้วที่สำคัญที่เป็นคติเตือนใจ บอกใจตัวเองมาเสมอก็คือ
...จะไม่ยอมให้อะไรหรืออุปสรรคใดๆมาทำให้
รอยยิ้มในหัวใจของเราหายไป...
ไม่ว่าจะทุกข์เราก็ยิ้มให้กับมัน เพราะความทุกข์ไม่ได้จะอยู่กับเราไปตลอด...
ไม่ว่าจะสุขเราก็ยิ้มให้กับมัน เพราะความสุขก็ไม่ได้จะอยู่
กับเราตลอดไป
แต่มีหนึ่งเดียวที่จะอยู่กับเราตลอดไป...นั่นก็คือ...
อัลลอฮฺ...
และเราจะยิ้ม...หัวใจเราจะยิ้ม
เพราะเรามีพระองค์อยู่กับเราตลอด...
ซึ่งนั่นแหล่ะคือ...ความมั่นคงเดียวในชีวิตที่เรามี...
ดังนั้น...ไม่ว่าชีวิตเราจะสูญเสียอะไรไปเท่าไหร่
แต่เรายังมีพระเจ้า...ไม่มีค่าใดจะยิ่งใหญ่ไปกว่านี้...
ไม่มีอีกแล้ว...
ปล.ความหวังของพ่อแม่ อาจจะต้องการให้ลูกมีความรู้
มีการศึกษา ได้รับปริญญาจากมหาวิทยาลัยที่เข้าเรียน...
แต่ข้าน้อยรู้ว่า พ่อกับแม่ของข้าน้อยหวังมากกว่านั้น...
ท่านอยากให้ข้าน้อยได้รับปริญญาจากอัลลอฮฺ...
ใบปริญญาที่มีเกียรตินิยมพ่วงท้ายมาด้วย...
เนื่องจากบททดสอบของอัลลอฮฺนั้นยากกว่าบททดสอบ
ในห้องสอบของมหาวิทยาลัยที่เราๆเข้าสอบแข่งขันกัน
หลายเท่านัก...การจะจบออกมาด้วยเกียรตินิยมพ่วงท้าย
มาด้วยนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลยสักนิดเดียว...
...แต่เมื่อลมหายใจยังไม่ถึงลูกกระเดือก...
เราก็ยังมีหวัง...^^
วัสลามค่ะ