ผู้เขียน หัวข้อ: วิถีหัวใจระหว่าง "วัยเรียน" กับ "วัยทำงาน" [บทความ]  (อ่าน 4544 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ as-satuly

  • พลังแห่งการศรัทธา
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 997
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +10
    • ดูรายละเอียด

วิถีหัวใจระหว่าง "วัยเรียน" กับ "วัยทำงาน"


หากจะกล่าวว่า...สำหรับชีวิตใน "วัยเรียน"  มันได้ทั้งเนื้อหาสาระพร้อมความสนุกกับการเรียนและการได้สร้างสรรค์กับเพื่อนฝูง  เพราะวัยเรียนของเรานั้น  อาจจะเริ่มจริง ๆ ตั้งแต่เราเริ่มเกิดมาลืม ตาดูโลกก็ว่าได้  โดยมีป๊ะกับม๊ะเป็นครูคนแรกของเรา  จากนั้น เราก็ถูกส่งเข้าเรียน ร.ร.อนุบาล ไปสู่ ร.ร.ประถมศึกษา  จากนั้นก็ต่อด้วยระดับ ร.ร.มัธยมศึกษา  จากนั้นก็มุ่งสู่ระดับอุดมศึกษาต่อไปเรื่อย ๆ
 
ซึ่งจะเห็นได้ว่า  ชีวิตของเราแต่ละคนจะผูกพันกับวัยเรียนมากกว่า  เพราะมีทั้งความรู้ ความสนุก และความสุข ผสมผสานปนเปกันไป  ซึ่งก็เชื่อว่า  หลาย ๆ คนที่ได้รับทั้งความรู้ ความสนุก และความสุขมาก ๆ  ก็ใน "วัยเรียน" ของพวกเขาทั้งหลายนี้แหละ  จนบางคนอาจจะคิดในใจเล่น ๆ ว่า  ชั่วชีวิตนี้อยากจะเรียนไปจนตาย  หมายถึง อยากเรียนหนังสืออย่างเดียว  และเก็บเกี่ยวความรู้ความสามารถอย่างเดียว  เพราะมันเกิดความสนุกและความชื่นชอบกับการเรียนในวัยเรียนนั่นเอง

แต่เราอย่าลืมว่า...เราจะมุ่งแต่การเรียนอย่างเดียวไม่ได้หรอก  จริงอยู่ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา สิบ ๆ ปี  ป๊ะกับม๊ะหรือผู้ปกครองจะส่งเสียเลี้ยงดูเรามาโดยตลอดก็ตาม  แต่สักวัน ท่านเหล่านั้น ก็ต้องแก่ชราหรือทำงานไม่ไหว  ดังนั้น กาลเวลาก็จะหมุนเวียนมาอยู่ที่ตัวเราต่ออีกเช่นกัน  กล่าวคือ ในชีวิตของเรานั้น ไม่ใช่มุ่งแต่ "วัยเรียน" อย่างเดียว  แต่ท้ายที่สุด ทุกคนก็จะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้าสักวัน  และก็ต้องเลี้ยงชีพตัวเองด้วยกับตัวของตนเอง  เพราะจะให้ป๊ะกับม๊ะป้อนน้ำป้อนข้าวอยู่อีกไม่ได้แล้ว  เนื่องจากเราโตแล้ว  ก็ต้องรู้จักรักดิ้นรนตัวเองซะบ้าง

ดังนั้น พูดง่าย ๆ ก็คือ  ต่อให้เรามีความสนุกและความสุขกับ "วัยเรียน" มากแค่ไหนก็ตาม  แต่ท้ายที่สุด ทุก ๆ คนก็ต้องย่างเข้าสู่ "วัยทำงาน" อยู่ดี  ด้วยเหตุนี้ จุดสำคัญก็คือ 

- "วัยเรียน" ของเรานั้น  มีความผูกพันกับมันตั้งแต่เล็กจนโตและไปจนถึงวันตาย 

- แต่ "วัยทำงาน" ของเรานั้น เพิ่งเข้ามาในชีวิตของเรา เมื่อเราโตขึ้นแล้ว

ซึ่งชี้ให้เห็นว่า มันย่อมมีความผูกพัน "วัยเรียน" (ด้วยความรัก ความสุข และความสนุก) มากกว่า "วัยทำงาน" อย่างแน่นอน  แต่ด้วยเหตุที่เราไม่สามารถหนีพ้น "วัยทำงาน" ไปได้  เราก็ต้องจำเป็นเข้าสู่ "วัยทำงาน"  เพราะเราไม่สามารถย้อนเวลาไปในอดีตได้  และเราก็ไม่สามารถยึดติดกับการเรียนอย่างเดียวได้  ด้วยสาเหตุที่เราก็ต้องทำมาหากินหรือทำมาค้าขายด้วยเช่นกัน  เพื่อหารายได้เลี้ยงชีพตัวเอง  และใช้รายจ่ายให้พอเหมาะพอควรหรือพอเพียงกับฐานะของตน  อีกทั้งก็ต้องตอบแทนบุญคุณของพ่อแม่ด้วย

แต่สิ่งหนึ่งที่เราหลาย ๆ คนยังขาดกันอยู่อีก  ทั้ง ๆ ที่ทุกคนก็อาจจะย่อมรู้ดีอยู่แล้วแก่ใจ  ก็คือ...การที่เราชอบพูด ๆ กันแล้ว ว่าอย่างนั้นดี อย่างนี้ดี อย่างนู้นดี และอย่างโน้นดี  แต่ท้ายที่สุด ๆ คนที่พูดนั้น กลับไม่ปฏิบัติเลย  ทั้งที่สิ่งที่พูดนั้น มันดีมาก ๆ
ดังนั้น ทุก ๆ คนก็ต้องพยายาม ๆ สร้าง "วัยทำงาน" ให้เกิดความรู้ มีความสุข และความสนุกควบคู่กันไป ให้เหมือน ๆ กับช่วงที่เรามีความสุขและความสนุกในช่วง "วัยเรียน" นั้นเอง - อามีน ยาร็อบ

เพราะสุดท้าย เมื่อ "วัยทำงาน" ของเราแต่ละคนมีความสุข ควบคู่กับความสนุก  มันก็จะทำให้ "วัยทำงาน" หรือ "การงานอาชีพ" ของเรานั้น  มีผลดีต่อตัวเราเองและคนรอบข้าง  ดังนั้น เราทุกคนก็ต้องพยายามสร้าง "วัยทำงาน" ของเราให้มีความสุข ควบคู่กับความสนุกในเชิงธรรมชาติของการทำงานให้ดีที่สุด

สุดท้าย ทั้งวัยเรียนและวัยทำงานก็จะเกิดผลดี ความรัก ความสุขให้แก่ตัวเราเองและคนรอบข้าง  โดยเฉพาะ "คนที่เรารัก" นั่นเอง  กล่าวคือ "คนที่เรารัก" ก็หมายถึง ทั้งตัวเราเอง, ป๊ะ, ม๊ะ, พี่น้อง, เครือญาติ, เพื่อน ๆ และรวมถึงความผูกพันฉันท์พี่น้องประชาชน ตลอดจนคนที่อยู่เคียงข้างเรา นั่นก็คือ รวมถึงคู่ชีวิตของเรานั่นเอง

ด้วยเหตุนี้ เรามีความสุขกับ "วัยเรียน" มากเท่าใดก็ตาม  เราก็ต้องพยายามสร้าง "วัยทำงาน" ของเราให้มีความสุขมากเท่านั้น หรือมากยิ่งกว่าให้ได้  สุดท้าย มันจะทำให้ตัวเรามีความผูกพันฉันท์พี่น้องทั้งใน "วันเรียน" และ "วัยทำงาน"

เพราะทั้งสองวัยดังกล่าวนี้  ต้องอยู่คู่ควรกับเราไปจนถึงวันสิ้นลมหายใจของแต่ละคน  และจุดสำคัญที่สุดก็คือ  การเกิดความรัก ความสุข ความผูกพัน และความสนุกทั้ง "วัยเรียน" และ "วัยทำงาน" ได้นั้น  ก็ต้องเชื่อมโยงด้วยกับความรู้สึกนึกคิดของ "หัวใจ" ของเราแต่ละคน  เพราะมันก็เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ "การงานของหัวใจ" (อะอฺมาลุล-กุลูบ) ด้วยความรู้สึกบนความตั้งใจและสร้างจิตสำนึกบนความบริสุทธิ์ใจ  ด้วยการเข้าหารูปแบบของวิถีการงานแห่งอัล-อิสลามนั้นเองครับ – วัลลอฮุอะอฺลัม – วัสสลามุอะลัยกุม วะเราะหฺมะตุลลอฮิ วะบะเราะกาตุฮฺ


________________________________
ป.ล. บทความนี้ คงไม่ได้มีอะไรมากมายหรอก  แต่ข้าพเจ้าอยากจะเขียนและเรียบเรียงจากความรู้และประสบการณ์อันน้อยนิดขึ้นมาถ่ายทอดเป็นตัวอักษร  และอยากแบ่งปันให้กับเพื่อน ๆ ได้อ่านกันในเวลาว่าง ๆ  เผื่อว่าอย่างน้อย ๆ มันอาจจะช่วยสะกิดใจของพวกเราได้บ้าง ไม่มากก็น้อย - บิอิซนิลลาฮฺ


والسلام عليكم ورحمة الله وبركاته
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 21, 2012, 05:38 PM โดย as-satuly »

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
 :salam:

ญะซากัลลอฮุค็อยร็อน สำหรับบทความดีๆ ครับ
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ กูปีเยาะฮฺสะอื้น

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1679
  • เพศ: ชาย
  • ที่สุดแห่งชีวิต
  • Respect: +14
    • ดูรายละเอียด
ชีวิตในวัยเรียนก้อเหมือนกับบทหนึ่งในหนังสือซึ่งมีอีกหลายๆบทที่เราต้องเผชิญกับมัน
มีหลักเกณฑ์ ยึดหลักการ มีหลักฐาน มั่นหลักธรรม

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
อ่านบทความนี้แล้วให้สะกิดใจ

เพราะสำหรับตัวเองนั้น

"วัยเรียน" กับ "วัยทำงาน" จะทำควบคู่กันมาเนิ่นนานแล้วค่ะ
ตั้งแต่เด็กๆเลย...จนแยกไม่ออกว่า ช่วงเวลานั้นเป็นวัยเรียน
หรือวัยทำงาน ซ้ำปัจจุบันก็ยังคงเป็นเช่นนั้นอยู่...

ยังเรียนควบคู่ไปกับทำงาน

เนื่องจากตอนเด็กๆจะช่วยพ่อแม่ทำงานทุกอย่างเท่าที่จะทำได้
เราถูกมอบหมายหน้าที่ให้ทำมาตั้งแต่เด็ก...
และเมื่อมีเวลาว่างจากการเรียน เราก็จะช่วยเหลือการงาน
ของพ่อแม่ อาจจะมีเล่นกับเพื่อนบ้าง แต่ก็แค่พอประมาณค่ะ

ถ้าถามว่าสนุกไหมกับชีวิตที่ผ่านมา...

...มันยิ่งกว่าคำว่าสนุกค่ะ....
เพราะมันมีคำว่า "ภาคภูมิใจ"อยู่ในนั้นด้วย

และชีวิตเช่นนั้นเองที่สอนให้เรารู้จักคุณค่าของตัวเอง
รู้จักคุณค่าของการมีชีวิต...ไม่ว่าจะลำบาก
หรือผ่านเรื่องทุกข์มาขนาดไหนก็ไม่เคยคิดสักครั้ง
ว่าอยากจะตาย...ไม่เคยคิดว่าพระเจ้าโหดร้ายกับเรา
เพราะเรารู้ดีว่านี่คือ...ความเมตตาจากพระองค์...

ที่เรามีทุกอย่างในวันนั้นและในวันนี้ก็เพราะพระองค์ให้มา...

ความสามารถ ความรู้ที่มีอยู่ ณ วันนี้ก็เกิดมาจาก
การสั่งสมในวันนั้น...

บททดสอบต่างๆที่ได้ประสบมา ไม่ได้ทำให้เราท้อแท้
เนื่องจากแท้จริงแล้วมันสอนให้เราอดทนได้มากขึ้น...
มันสอนให้เรารู้จักความรักของผู้ให้ที่แท้จริงมากขึ้น...
และที่สำคัญ...มันสอนให้เราเห็นจุดมุ่งหมายปลายทาง
ได้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ...

ณ วันนี้ มองย้อนกลับไปในวันวาน...
เห็นได้ชัดว่า..."วัยหวาน"ที่วัยรุ่นสมัยนี้เขามีกัน
ตััวข้าน้อยไม่เคยมี...แต่ถามว่า ที่ผ่านมาพอใจไหม
ตอบได้อย่างภาคภูมิใจว่า...พอใจอย่างที่สุด...

เนื่องจากเป็นคนหนึ่งที่ตกหลุมรัก"การเรียนรู้"
กับ"การทำงานเพื่อสร้างคุณค่าให้ตัวเอง"...

และไม่ได้ขอเงินพ่อแม่มาตั้งแต่เดินทางไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น...
ไม่ว่าจะเจอปัญหาเรื่องเงินมากแค่ไหน...
หนึ่งสมองและหัวใจจะสั่งให้สองมือและสองเท้า
ออกทำงาน...เพื่อที่จะได้ไม่เป็นมือล่าง...
เพราะเชื่อมาเสมอว่า มือบนนั้นย่อมดีกว่ามือล่าง...
ตราบเท่าที่อัลลอฮฺยังให้เรามีกำลังและความสามารถอยู่
เราก็จะยังคงใช้สิ่งที่พระองค์ให้มาจนเต็มกำลัง...

ความอดทนจึงก่อเกิดเป็นความเข้มแข็ง
และความมุมานะบากบั่น
จึงก่อให้เกิดความพากเพียรพยายาม...

และศรัทธาในหัวใจก่อให้เกิดความอ่อนโยน
พร้อมด้วยหัวใจที่ไม่สิ้นหวัง...มองเห็นโลกในมุมที่ดีขึ้น...

ไม่ว่าจะผิดพลาดอย่างไร เราก็ยังมีพระเจ้าที่ยังคง
เป็นที่พึ่งและเป็นความหวัง...มีพ่อแม่พี่น้องคอยส่งกำลังใจ...

ดังนั้น...อะไรก็ไม่ยิ่งใหญ่เท่ากับการได้สัมผัสกับ
ความรักจากผู้ให้ที่แท้จริง...

แล้วที่สำคัญที่เป็นคติเตือนใจ บอกใจตัวเองมาเสมอก็คือ

...จะไม่ยอมให้อะไรหรืออุปสรรคใดๆมาทำให้
รอยยิ้มในหัวใจของเราหายไป...

ไม่ว่าจะทุกข์เราก็ยิ้มให้กับมัน เพราะความทุกข์ไม่ได้จะอยู่กับเราไปตลอด...

ไม่ว่าจะสุขเราก็ยิ้มให้กับมัน เพราะความสุขก็ไม่ได้จะอยู่
กับเราตลอดไป

แต่มีหนึ่งเดียวที่จะอยู่กับเราตลอดไป...นั่นก็คือ...
อัลลอฮฺ...

และเราจะยิ้ม...หัวใจเราจะยิ้ม
เพราะเรามีพระองค์อยู่กับเราตลอด...

ซึ่งนั่นแหล่ะคือ...ความมั่นคงเดียวในชีวิตที่เรามี...


ดังนั้น...ไม่ว่าชีวิตเราจะสูญเสียอะไรไปเท่าไหร่
แต่เรายังมีพระเจ้า...ไม่มีค่าใดจะยิ่งใหญ่ไปกว่านี้...
ไม่มีอีกแล้ว...

ปล.ความหวังของพ่อแม่ อาจจะต้องการให้ลูกมีความรู้
มีการศึกษา ได้รับปริญญาจากมหาวิทยาลัยที่เข้าเรียน...

แต่ข้าน้อยรู้ว่า พ่อกับแม่ของข้าน้อยหวังมากกว่านั้น...
ท่านอยากให้ข้าน้อยได้รับปริญญาจากอัลลอฮฺ...
ใบปริญญาที่มีเกียรตินิยมพ่วงท้ายมาด้วย...
เนื่องจากบททดสอบของอัลลอฮฺนั้นยากกว่าบททดสอบ
ในห้องสอบของมหาวิทยาลัยที่เราๆเข้าสอบแข่งขันกัน
หลายเท่านัก...การจะจบออกมาด้วยเกียรตินิยมพ่วงท้าย
มาด้วยนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลยสักนิดเดียว...

...แต่เมื่อลมหายใจยังไม่ถึงลูกกระเดือก...
เราก็ยังมีหวัง...^^



วัสลามค่ะ

"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ Nulhakeem

  • เพื่อนแรกพบ (^^)/
  • *
  • กระทู้: 1
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ญะซากัลลอฮุค็อยร็อน คับ

ออฟไลน์ Salmann

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 17
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด

 

GoogleTagged