ผู้เขียน หัวข้อ: วะฮาบีย์  (อ่าน 8326 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ del_dangerous

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 178
  • เพศ: ชาย
  • ถ้าชีวิตยังไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันต่อไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
วะฮาบีย์
« เมื่อ: ส.ค. 09, 2007, 09:38 PM »
0

ผมอ่านกระทู้หลายอันที่เขียนเกี่ยวกับ วะฮาบีย์ แล้วผมก็อยากจะนำเสนอบ้าง
ผมก็เป็นนักศึกษาเหมือนกัน เรียนศาสนา แต่ไม่รู้ภาษาอาหรับ หนักใจตัวเองจริงๆ

สิ่งที่ผมอยากนำเสนอก็คือ
ผมเคยอ่านหนังสือ เป็นภาษาไทยนี่แหละ จำไม่ได้ว่าใครเขียน แต่ชื่อหนังสือ วะฮาบีย์
เท่าที่ผมอ่านในหนังสือเล่มนั้น เขาบอกว่า มูฮัมมัด อิบนฺ อับดุลวะฮาบ ไม่ได้เป็นวาฮาบีย์
แต่ ท่านเป็นหนึ่ง ในผู้ที่ตามมัซฮับ ฮัมบาลีย์ แต่คนที่เป็นวาฮาบีย์นั้น ถ้าผมจำไม่ผิดนะครับ
เขาคนนั้นชื่อ อับดุลวาฮับ บิน ...... มาอัฟด้วยจำไม่ได้จริงๆ

หนังสือที่ผมอ่านเกี่ยวกับ วะฮาบีย์นั้น ถ้าจำไม่ผิดนะครับ แต่รู้สึกจะจำถูก มีผู้ตรวจหนังสือนั้นดังนี้
1. รศ. ดร. อิสมาแอล อาลี
2. รศ. ดร. อับดุลลอฺ หนุ่มสุข
3. รศ. ดร. อิสมาอีล จะปะกียา

ทั้ง 3 คนจบจาก มหาลัยมาดีนะหฺ

ปล. ครั้งแรกที่โพส ถ้ามีอะไรบกพร่อง ก็โปรดชี้แจงด้วย
ถ้าหากใคร มีข้อมูลเกี่ยวกับ ศาสนา ก็วาน ส่งมาเป็นไฟล์ Word ให้ผมหน่อยนะครับ ถ้าจะกรุณา เพราะบอกแล้ว ว่าผมเป็นนักศึกษาเหมือนกัน
del_pattani@hotmail.com
ชีวิตคือการเดินทาง สิ่งที่ดีใจคือไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ แต่สิ่งที่น่าเสียใจ คือ ย้อมกลับไปไม่ได้

ออฟไลน์ sufriyan

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 526
  • เพศ: ชาย
  • 0000
  • Respect: +16
    • ดูรายละเอียด
Re: วะฮาบีย์
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ส.ค. 09, 2007, 10:55 PM »
0
ผมอ่านแล้วก็เข้าใจแจ่มแจ้งเลยครับ  ลองอ่านต่อในแวปนะครับ คุณจะได้รับคำตอบเอง

ออฟไลน์ del_dangerous

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 178
  • เพศ: ชาย
  • ถ้าชีวิตยังไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันต่อไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
Re: วะฮาบีย์
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ส.ค. 10, 2007, 06:08 PM »
0
ผมอ่านแล้วก็เข้าใจแจ่มแจ้งเลยครับ  ลองอ่านต่อในแวปนะครับ คุณจะได้รับคำตอบเอง

ช่วยบอกผมหน่อยว่าอยู่ตรงไหน ครับ หาไม่เจอ
อีกอย่าง เน็ตมันไม่เร็ว
ชีวิตคือการเดินทาง สิ่งที่ดีใจคือไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ แต่สิ่งที่น่าเสียใจ คือ ย้อมกลับไปไม่ได้

ออฟไลน์ del_dangerous

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 178
  • เพศ: ชาย
  • ถ้าชีวิตยังไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันต่อไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
Re: วะฮาบีย์
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ส.ค. 10, 2007, 06:54 PM »
0
ผมโดนกล่าวหาว่าเป็นวาฮาบีย์ ไม่ใช่แค่ผม อาจารย์ผมและอีกหลายๆ คน
ผมละหมาด ไม่อ่านอุซ็อลลี อ่านบิสมิลลา เสียงเบา
อาซานครั้งเดียว ในวันศุกร์ ไม่กล่าวสิ่งใดๆ ตอนก่อนขึ้น คุตบะฮฺ
สลามไม่ลูบหน้า และอีกหลายๆ อย่างที่ไม่เหมือนคนอื่น (โดยส่วนมากของคนในท้องที่นั้นๆ เมื่อก่อนก็เคยทำ)
ก็คือผมทำตามอาจารย์ผม และก็ได้ศึกษาด้วยส่วนหนึ่ง

จะว่ายังไงดี ผมศึกษาดู รับฟังทุกฝ่าย คิดพิจารณาแล้ว
แต่พอผมไปที่อื่น ผมก็ไม่ได้โต้แย้งใดๆ
ก็คือสำหรับตัวผม ผมว่าถ้ามีหะดีษ ซอเหียะฮฺ ผมก็เชื่อและนำมาเป็นส่วนหนึ่งในการปฏิบัติ
ก็คือ ผมเข้าใจว่า ถ้ามีตัวบทที่ซอเหียะฮฺ เหมือนกัน ก็ให้เลือกปฏิบัติเอาซักอย่างหนึ่ง

อีกอย่างเรื่องอากีดะหฺ ผมก็แค่เรียนรู้ หลัการศรัทธา 6 ประการ
ส่วนที่เกี่ยวกับซิฟาตและอื่นๆ ผมก็ไม่ได้นึกสงสัยแต่ประการใด บอกว่าอัลลอฮฺ ทรงมี ก็คือ ทรงมี
ไม่คิดแล้ว ผมผิดไหม

กรุณาผู้รู้ทั้งหลาย ช่วยบอกด้วย ขอบคุณครับ
และโปรดกรุณาแนะนำเว็บไซต์ที่มีข้อมูลเหล่านี้
และหนังสือที่ดีๆ ให้ผมด้วย
(เป็นภาษาไทยนะครับ ภาษาอื่นอ่านไม่ออก)

ขอบคุณครับ วัสลาม
ชีวิตคือการเดินทาง สิ่งที่ดีใจคือไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ แต่สิ่งที่น่าเสียใจ คือ ย้อมกลับไปไม่ได้

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: วะฮาบีย์
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ส.ค. 10, 2007, 07:17 PM »
0
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته

ผม อัล-อัซฮะรีย์  ขอประกาศในเวปไซท์แห่งนี้ว่า  การเรียกว่า "วะฮาบีย์" ไม่ใช่เพราะไม่อ่านอุซ๊อลลี , ไม่ลูบหน้าหลังให้สลามตอนละหมาดเสร็จ , ไม่อ่านตัลกีน , ไม่ทำเมาลิดรำลึกถึงท่านนบี , ไม่อ่านกุนูต  เป็นต้น

แต่ที่เรียกว่า "วะฮาบีย์"  เพราะมีเอกลัษณ์ที่ว่า  หากผู้อื่นทำสิ่งที่ไม่เหมือนกับตนจะถูกฮุกุ่มทำบิดอะฮ์  และประการที่สำคัญสุดในการเรียกว่า "วะฮาบีย์" อย่างเป็นเอกลักษณ์นั้น  เพราะเรื่อง อะกีดะฮ์ที่มีความต่าง ตรงนี้แหละที่โลกอาหรับปัจจุบันเขาเรียกว่า  "วะฮาบีย์" นะครับ

พี่น้องโปรดรับทราบตามนี้นะครับ

والسلام

อัล-อัซฮะรีย์
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: วะฮาบีย์
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ส.ค. 10, 2007, 07:25 PM »
0
ดังนั้น  เราอย่ามายึดติดกันแค่ชื่อ , แค่เพียงนาม , กันเลยครับ  เพราะชื่อที่ฟังดูดีเทห์เก๋ นั้น  ไม่ทำให้เราได้เข้ารับความเมตตาต่ออัลเลาะฮ์หรอกครับ  แต่ให้เราพิจารณากันที่เนื้อหาหลักการและหลักอะกีดะฮ์  แม้เราจะถูกเรียกว่า วะฮาบีย์  , อัลอะชาอิเราะฮ์ , พวกมัซฮับชาฟิอีย์ , แต่หากเนื้อหาของหลักการหรือหลักอะกีดะฮ์ดีจริง  เราก็อย่าไปหวั่นไหวเดือดเนื้อร้อนใจและยึดติดแค่ชื่อเลยครับ   เพราะเราไม่ถูกสอบถามในกุบูรหรอกว่า  คุณเป็นวะฮาบีย์ , เป็นอะชาอิเราะฮ์ , เป็นชาฟิอีย์ , หรือเปล่า?  ดังนั้นไม่ต้องไปกังวลครับ
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ del_dangerous

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 178
  • เพศ: ชาย
  • ถ้าชีวิตยังไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันต่อไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
Re: วะฮาบีย์
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ส.ค. 10, 2007, 07:37 PM »
0
ขอบคุณครับ
al-azhary
ชีวิตคือการเดินทาง สิ่งที่ดีใจคือไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ แต่สิ่งที่น่าเสียใจ คือ ย้อมกลับไปไม่ได้

ออฟไลน์ sufriyan

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 526
  • เพศ: ชาย
  • 0000
  • Respect: +16
    • ดูรายละเอียด
Re: วะฮาบีย์
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: ส.ค. 11, 2007, 12:09 PM »
0
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته

ผม อัล-อัซฮะรีย์  ขอประกาศในเวปไซท์แห่งนี้ว่า  การเรียกว่า "วะฮาบีย์" ไม่ใช่เพราะไม่อ่านอุซ๊อลลี , ไม่ลูบหน้าหลังให้สลามตอนละหมาดเสร็จ , ไม่อ่านตัลกีน , ไม่ทำเมาลิดรำลึกถึงท่านนบี , ไม่อ่านกุนูต  เป็นต้น

แต่ที่เรียกว่า "วะฮาบีย์"  เพราะมีเอกลัษณ์ที่ว่า  หากผู้อื่นทำสิ่งที่ไม่เหมือนกับตนจะถูกฮุกุ่มทำบิดอะฮ์  และประการที่สำคัญสุดในการเรียกว่า "วะฮาบีย์" อย่างเป็นเอกลักษณ์นั้น  เพราะเรื่อง อะกีดะฮ์ที่มีความต่าง ตรงนี้แหละที่โลกอาหรับปัจจุบันเขาเรียกว่า  "วะฮาบีย์" นะครับ

พี่น้องโปรดรับทราบตามนี้นะครับ

والسلام

อัล-อัซฮะรีย์
ครับ ผมตามเรื่องนี้มาหลายปีเหมือนกัน  ตอนนี้ที่คุณอัซฮารีย์ บอก มันเกิดขึ้นอย่างชัดเจนในเมืองไทยแล้วครับ เมื่อก่อนมีแต่คำพูดเตือนลูกศิษย์ของบาบอ ให้ใด้ยินบ่อยๆ
แต่ในยุคนี้ เห็นชัดเจนครับ ครบถ้วนกระบวนความเหมือนที่บาบอสอนไว้ไม่มีผิด วัสลาม

ออฟไลน์ del_dangerous

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 178
  • เพศ: ชาย
  • ถ้าชีวิตยังไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันต่อไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
Re: วะฮาบีย์
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: ส.ค. 11, 2007, 01:22 PM »
0

ครับ ผมตามเรื่องนี้มาหลายปีเหมือนกัน  ตอนนี้ที่คุณอัซฮารีย์ บอก มันเกิดขึ้นอย่างชัดเจนในเมืองไทยแล้วครับ เมื่อก่อนมีแต่คำพูดเตือนลูกศิษย์ของบาบอ ให้ใด้ยินบ่อยๆ
แต่ในยุคนี้ เห็นชัดเจนครับ ครบถ้วนกระบวนความเหมือนที่บาบอสอนไว้ไม่มีผิด วัสลาม
[/quote]

บาบอคุณบอกยังไงครับ บอกผมด้วย
ผมก็รู้มาอย่างหนึ่ง ตามหนังสือ ขบวนการ และนิยาม ของวาฮาบีย์
ขอคุณมากครับ
ชีวิตคือการเดินทาง สิ่งที่ดีใจคือไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ แต่สิ่งที่น่าเสียใจ คือ ย้อมกลับไปไม่ได้

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
Re: วะฮาบีย์
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: ส.ค. 15, 2007, 09:41 PM »
0

ครับ ผมตามเรื่องนี้มาหลายปีเหมือนกัน  ตอนนี้ที่คุณอัซฮารีย์ บอก มันเกิดขึ้นอย่างชัดเจนในเมืองไทยแล้วครับ เมื่อก่อนมีแต่คำพูดเตือนลูกศิษย์ของบาบอ ให้ใด้ยินบ่อยๆ
แต่ในยุคนี้ เห็นชัดเจนครับ ครบถ้วนกระบวนความเหมือนที่บาบอสอนไว้ไม่มีผิด วัสลาม

บาบอคุณบอกยังไงครับ บอกผมด้วย
ผมก็รู้มาอย่างหนึ่ง ตามหนังสือ ขบวนการ และนิยาม ของวาฮาบีย์
ขอคุณมากครับ
[/quote]

หนังสือขบวนการและคำนิยามของวะฮาบีย์  เขียนขึ้นเพื่อบ่งชี้ให้ทราบว่า วะฮาบี มีตัวตนจริงๆ ในแง่มุมหนึ่ง

ออฟไลน์ del_dangerous

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 178
  • เพศ: ชาย
  • ถ้าชีวิตยังไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันต่อไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
Re: วะฮาบีย์
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: ส.ค. 17, 2007, 09:27 PM »
0
ช่วยนำเสนอประวัติวะฮาบีย์ ในหลายๆ แง่ด้วยครับ บังนูรุ้ล
เพื่อที่จะประดับความรู้เอาไว้

และวานบังอัซฮารี
เนื้อหาต่างๆ ที่บังได้ทำการตอบ อธิบาย บอกเล่า
บังค่อนข้างจะเป็นกลางมากครับ

ส่วนตัวนะครับ
ผมอยากให้บัง นำข้อมูลต่างๆ นั้น ทำเป็น File Word
แล้วแขวนไว้ให้ดาวโหลดไปอ่านกัน
หรือใครจะ Print เก็บไว้ (ก็ไม่น่าจะเป็นลิขสิทธิ์นะครับ)
ผมว่าน่าจะดีนะครับ
หรือไม่ก็ทำเป็นหนังสือไปเลย
อยากได้มานานแล้ว การชี้แจงในเรื่องศาสนาที่หลากหลายทัศนะพร้อมหลักฐาน

ถ้าบังกลับมาจาก อัซฮัรเมื่อไร
ก็อยากให้บังเขียนหนังสือตามที่ผมบอกนะครับ
แล้วอย่าลืมผมละ

วัสลาม
ชีวิตคือการเดินทาง สิ่งที่ดีใจคือไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ แต่สิ่งที่น่าเสียใจ คือ ย้อมกลับไปไม่ได้

ออฟไลน์ anas

  • เพื่อนแรกพบ (^^)/
  • *
  • กระทู้: 2
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: วะฮาบีย์
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: ส.ค. 19, 2007, 08:00 PM »
0
...ผมไม่ทราบว่า สิ่งที่พี่น้องทีมีชื่อว่า ....เดน อันตราย.......ต้องการทราบนั้นคือ อย่างนี้หรือไม่ครับ


..........อันตรายจากมูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบ .........
 
จุดเริ่มเรื่องของมูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบ

 เรื่องของมูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบได้เริ่มขึ้นในตะวันออกกลางในปี ฮ.ศ.1143 และได้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นในปี ฮ.ศ.1150 ที่เมืองอันนัจดฺ ซึ่งเขาได้เสียชีวิตในปี ฮ.ศ.1206 เขาได้เริ่มเผยแพร่ด้วยกับการเรียกร้องที่มีการผสมผสานความคิดต่าง ๆ ของเขา โดยอ้างว่า ความคิดเหล่านี้มาจากพระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่านและซุนนะฮฺนบี เขาได้ยึดเอาอุตริกรรมบางส่วนมาจากท่านตากียุดดีน อะฮฺหมัด อิบนุ ตัยมียะฮฺ แล้วได้นำมาฟื้นฟูใหม่อีกครั้ง

ส่วนหนึ่งจากอุตริกรรมที่ท่านอิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบที่เอามาจากอิบนุตัยมียะฮฺ คือ
1. การห้ามตะวัสสูลต่อท่านศาสดามูฮัมหมัด
2. การห้ามเดินทางเพื่อไปเยี่ยมสุสานท่านศาสดามูฮัมหมัดและคนอื่น ๆ จากบรรดาศาสนทูตและบรรดาคนซอและฮฺอื่น โดยมีจุดประสงค์เพื่อไปขอพร ณ ที่นั้น เพื่อหวังการตอบรับการขอพรจากอัลลอฮฺ (ซุบฮาฯ)
3. ยัดเยียดการเป็นกาเฟรให้แก่บุคคลที่เรียกผู้ที่ล่วงลับไปแล้วด้วยคำต่อไปนี้ :- يارَسُولَ اللهِ โอ้ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ ,  يَامُحَمَّدُ โอ้ท่านมูฮัมหมัด ,  يَاعَلِيَّ โอ้ท่านอาลี ,หรือกล่าวว่า يَاعبد القادِرِ โอ้ท่านอับดุลกอเดร จงช่วยฉันด้วย หรือเช่นถ้อยคำกล่าวเหล่านี้ นอกเสียจากจะต้องกล่าวกับผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น
4. ยกเลิกการหย่าแบบมะฟุลบิฮ ที่มีมาพร้อมกับการผิดสาบาน เช่น สาบานด้วยพระนามของอัลลอฮฺในเรื่องที่เสนอว่าจะจ่ายกัฟฟาเราะฮฺ
5. มีความเชื่อว่าอัลลอฮฺมีรูปร่างและมีทิศ

และเขาก็ได้อุตริเรื่องต่าง ๆ ด้วยกับตัวของเขาเอง ซึ่งสิ่งที่เขาได้อุตริขึ้นมาเช่นต่อไปนี้
1. การห้ามกล่าวซอลาวาตต่อท่านศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ) ทัดจากอาซาน
2. ลูกศิษย์ของเขาได้ห้ามการจัดงานฉลองวันประสูติท่านศาสดา โดยคัดแย้งกับคำสอนของท่านอิบนุตัยมียะฮฺซึ่งเป็นอาจารย์ของพวกเขา
ท่านมูฟตีย์อัชชาฟีอียะฮฺ (ผู้ชี้ขาดในเรื่องของศาสนาสำนักชาฟีอี) ในนครมักกะฮฺได้ตำหนิมูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบ
 
ท่านเชค อะฮฺหมัด ซัยนีย์ ดะหฺลาน มูฟตีย์ประจำนครมักกะฮฺ  ซึ่งท่านได้อาศัยอยู่ในท้ายยุคการปกครองแบบอุสมานีย์ (อ๊อตโตมาน) ได้กล่าวในประวัติศาสตร์ของมูฮัมหมัด อิบนุ วะฮฺฮาบ ภายใต้หัวข้อเรื่อง ?ฟิตนะฮฺ (การปลุกปั่นให้ก่อความไม่สงบ) ของกลุ่มวะฮฺฮาบียะฮฺ? ว่า เรื่องของอิบนุอับดุลวะฮฺฮาบเริ่มจากการแสวงหาความรู้ในนครมะดีนะฮฺอัลมูเนาวาเราะฮฺ ซึ่งบิดาของเขาเป็นนักวิชาการที่ซอและหฺ เช่นเดียวกับท่านเชคสุไลมานผู้เป็นพี่ชาย ปรากฏว่าบิดาและพี่ชายของเขาตลอดจนบรรดาคณาจารย์ได้ปลุกฝั่งเขาให้อยู่ในแนวทางอันเที่ยงตรง ต่อมาอิบนุอับดุลวะฮฮาบก็ได้เบี่ยงเบนและแต่งแต้มสิ่งที่บิดาและบรรดาคณาจารย์ได้เสี่ยมสอน จากคำพูด การกระทำ และการพิพาทของเขาในเรื่องของปัญหาศาสนามากมาย ผู้เป็นบิดาและบรรดาคณาจารย์ของเขาจึงได้เตือนถึงภัยร้ายที่เกิดจากมูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบ ต่อผู้คนจากการอุตริกรรมที่เกิดจากการเบี่ยงเบนและการหลงผิดของเขา อันเป็นเหตุให้ปุถุชนทั่วไปหลงผิดและสร้างความขัดแย้งต่อบรรดาผู้นำศาสนาคนอื่น ๆ อีกทั้งยังยัดเยียดการเป็นกาเฟรแก่บรรดาผู้ศรัทธา เพราะเขาได้อ้างว่า การไปเยี่ยมสุสานและการตะวัสสูลต่อท่านศาสดามูฮัมหมัด ตลอดจนบรรดาศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ บรรดาเอาลียะอฺ และบรรดาคนซอและหฺโดยมีเป้าหมายเพื่อให้ได้รับความสิริมงคลนั้น ถือว่าเป็นการตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ และการเรียกท่านศาสดามูฮัมหมัดในขณะตะวัสสูลก็ถือว่าเป็นการตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺเช่นกัน การที่ผู้หนึ่งผู้ใดพาดพิงสิ่งหนึ่ง หรือการกระทำหนึ่งไปยังสิ่งอื่นนอกจากอัลลอฮฺ ถึงแม้ว่าจะเป็นแนวทางการด้านมาญาซอักลีย์ (การเรียกชื่อสิ่งหนึ่งโดยใช้สิ่งอื่นแทน) ก็ถือว่าเป็นการตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ เช่นการกล่าวว่า ?ยานี้มีประโยชน์กับฉัน? การยึดเอาหลักฐานที่ไม่เป็นผลต่อสิ่งใด ๆ อย่างที่เขาต้องการให้แก่ตัวของเขาเอง การนำมาซึ่งสำนวนที่ปลอมแปลงด้วยกับสำนวนที่สละสลวย การปกปิดความถูกต้องต่อปุถุชนทั่วไปเพื่อให้พวกเขาปฏิบัติตาม และการประพันหนังสือต่าง ๆ ให้กับพวกเขา เพื่อให้พวกเขาเชื่อมั่นว่าบรรดานักวิชาการเตาฮีดทั้งหลายเป็นกาเฟร...

 ท่านเชคอะฮฺหมัด ซัยนีย์ ดะหฺลานยังได้กล่าวต่อไปว่า มีมากมายจากบรรดาคณาจารย์ของมูฮัมหมัด อิบนุ อัลวะฮฺฮาบ ณ นครมะดีนะฮฺได้กล่าวว่า ?ต่อไปอีกไม่นาน ชายผู้นี้ (มูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบ) จะหลงผิด..? แล้วมันก็เกิดขึ้นเช่นนั้นจริง ๆ มูฮัมหมัด อิบนุ วะฮฺฮาบได้อ้างว่า สำนึกความคิดที่อุตริหลักการเตาฮีด (วิชาการว่าด้วยการมีพระเจ้าองค์เดียว) เป็นหนึ่งจากการตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ แท้จริงมนุษย์อยู่ในการตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺมาตั้งแต่ 600 ปีมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงต้องการปรับปรุงศาสนาอิสลามให้กับมนุษย์เหล่านั้น โดยที่เขา (อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบ) ได้ตีความโองการแห่งอัลลอฮฺที่ถูกประทานลงมาในกลุ่มผู้ตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺว่าเป็นกลุ่มนักวิชาการเตาฮีด และเขายังได้กล่าวอีกว่า ผู้ที่ขอความช่วยเหลือจากท่านศาสดามูฮัมหมัดหรือคนอื่น ๆ จากบรรดาศาสนทูตของอัลลอฮฺ เอาลียะอฺ และบรรดาผู้ซอและหฺ หรือผู้ที่เรียกหรือขอชาฟาอะฮฺต่อท่านศาสดามูฮัมหมัดหรือบุคคลเหล่านี้ เขาเป็นเปรียบเสมือนบรรดาผู้ตั้งภาคี

 ท่านเชคอะฮฺหมัด ซัยนีย์ ดะหฺลานยังได้กล่าวอีกว่า ท่านบุคอรีย์ได้กล่าวว่า ท่านอับดุลลอฮฺ อิบนุ อุมัร (รอฎิฯ) ได้รายงานจากท่านนบี (ศ็อลฯ) ในลักษณะของพวกคอวารีญ (الخوارج) ว่า ?แท้จริงพวกเขาจะพูดถึงโองการต่าง ๆ ที่ประทานลงมาในกลุ่มกาเฟร แล้วได้ตีความโองการใส่ร้ายผู้ศรัทธา? และได้มีบางรายงานจากท่านอิบนุอุมัรอีกว่า ท่านศาสดามูฮัมหมัดได้กล่าวว่า ?สิ่งที่น่ากลัวยิ่งที่ฉันกลัวแทนประชาชาติของฉันคือ ชายผู้หนึ่งที่เขาได้ตีความอัลกุรอ่านซึ่งเขาจะวางอัลกุรอ่านในตำแหน่งที่ไม่ใช่ที่ของมัน? แน่นอนหลักฐานนี้และหลักฐานก่อนหน้านี้ ได้ยืนยันถึงกลุ่มนี้..

 ต่อมาท่านเชคอะฮฺหมัด ซัยนีย์ ดะหฺลานได้กล่าวว่า และหนึ่งจากผู้ประพันหนังสือตอบโต้อิบนุวะฮฺฮาบก็คือ ท่านมูฮัมหมัด อิบนุ สุไลมาน อัลกุรดีย์ ผู้ประพันหนังสือ ฮะวาชีย์ ชัรฮุอิบนิฮาญ๊าร ?حواشي شرح ابن حجر على متن بأفضل? ซึ่งท่านได้กล่าวว่า ?โอ้อิบนุอับดุลวะฮฺฮาบ ฉันขอเตือนท่าน ให้ท่านยับยั้งลิ้นของท่านจากการใส่ร้ายมุสลิม?

 ท่านเชคอะฮฺหมัด ซัยนีย์ ดะหฺลานยังได้กล่าวต่อไปว่า ?และพวกเขา (วะฮาบียะฮฺ) ได้ห้ามการซอลาวาตต่อท่านศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ) บนประภาคารทัดจากอาซาน จนกระทั้งได้มีชายตาบอดที่ซอและหฺคนหนึ่งอาซาน และทำการซอลาวาตต่อท่านศาสดาทัดจากอาซาน หลังจากที่พวกเขาได้เคยประกาศห้ามกระทำดังกล่าว ดังนั้นพวกวะฮาบียะฮฺจึงนำตัวชายผู้นั้นไปยังมูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบทำการตัดสิน แล้วอิบนุอับดุลวะฮฺฮาบจึงตัดสินได้ประหารชีวิตชายผู้นั้น และชายผู้นั้นก็จึงถูกประหาร...

 ท่านเชคอะฮฺหมัด ซัยนีย์ ดะหฺลานได้กล่าวตัวบทที่เขาได้บันทึกว่า ?ปรากฏว่ามูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบผู้สร้างอุตริกรรมด้วยกับอุตริกรรมเช่นนี้ได้ขึ้นคุตบะฮฺวันศุกร์ในมัสยิด อัดดัรอียะฮฺ โดยที่จะกล่าวในทุกคุตบะฮฺของเขาว่า ?และผู้ใดที่ทำการตะวัสสูลต่อท่านศาสดา แน่แท้เขาได้เป็นกาเฟรแล้ว? ในขณะที่ท่านสุไลมาน อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบ ผู้เป็นพี่ชายและเป็นนักวิชาการศาสนา ได้ปฏิเสธต่อมูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบ โดยปฏิเสธอย่างแข็งกร้าวในทุกการกระทำและทุกสิ่งที่มูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบ ได้สั่งใช้  และไม่ยอมที่จะปฏิบัติตามในสิ่งที่เขาได้อุตริขึ้นมาแม้แต่ครั้งเดียว ในวันหนึ่ง ท่านสุไลมาน อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบ ผู้เป็นพี่ชายไปกล่าวกับน้องชาย (มูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบ) ว่า ?รูก่นอิสลามมีเท่าไร ? โอ้มูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบ !? เขากล่าวว่า ?มีอยู่ห้า? ท่านสุไลมานจึงได้กล่าวต่อไปว่า ?ท่านได้ทำให้รูก่นอิสลามมี 6 รูก่นแล้ว ซึ่งรูก่นที่ 6 ก็คือ ผู้ใดที่ไม่ยอมปฏิบัติตามท่าน เขาผู้นั้นไม่ใช้มุสลิม ซึ่งนี้แหละคือรูก่นอิสลามข้อที่หกที่ท่านได้อุตริขึ้น? และเมื่อการโต้แย้งระหว่างเขากับพี่ชายของเขายึดเยื้อ ผู้เป็นพี่ชายจึงกลัวว่าน้องชายจะสั่งประหารตน จึงได้เดินทางไปยังเมืองมะดีนะฮฺ และได้เขียนหนังสือตอบโต้กับน้องชายของเขาและส่งไปยังเขา แต่นั่นก็ไม่ทำให้มูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบผู้เป็นน้องชายโอนอ่อนลงแต่อย่างใด เช่นเดียวกับบรรดานักวิชาการสำนักคิดฮัมบาลีย์และกลุ่มอื่น ๆ ที่ได้เขียนและประพันหนังสือตอบโต้

และอยู่มาวันหนึ่ง ก็ได้มีชายผู้หนึ่งผู้เป็นหัวหน้าเผ่า ๆ หนึ่งได้ถามกับมูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบ โดยที่เขาไม่สามารถที่จะตอบคำถามที่ถูกต้องของชายผู้นั้นได้ว่า ?เมื่อมีชายที่พูดจริง มีศาสนา มีอะมานะฮฺได้บอกกับท่านโดยที่ท่านก็รู้ว่าเขาเป็นคนพูดจริงว่า ?มีคนกลุ่มหนึ่งที่มีคนจำนวนมากได้มุ้งหน้ามาหาท่าน โดยที่คนกลุ่มนี้อยู่ด้านหลังของภูเขาลูกนั้น ๆ แล้วท่านก็ได้ส่งทหารม้าไป 1000 คนให้สอดส่องดูคนกลุ่มนั้นที่อยู่หลังเขา แต่พวกเขาก็ไม่พบร่องรอยใด ๆ แม้แต่คนเดียว ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีใครสักคนจากคนกลุ่มนั้นที่จะมายังที่นั่น ท่านจะเชื่อคนหนึ่งพันคน หรือคนที่พูดจริงเพียงแค่หนึ่งคน ?? มูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบ จึงตอบว่า ?ฉันเชื่อคนหนึ่งพันคน? ผู้เป็นหัวหน้าเผ่าผู้นั้นจึงได้กล่าวว่า ?แท้จริงมุสลิมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการที่มีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้วก็ตามที่พวกเขาได้เขียนหนังสือไว้มากมาย พวกเขาต่างก็ยืนยันว่าสิ่งที่มาจากท่านนั้นเป็นเรื่องที่กุและจอมปลอมทั้งนั้น แน่นอนเราจึงเชื่อพวกเขา (บรรดานักวิชาการเหล่านั้น) และเราจะถือว่าท่านเป็นผู้ที่โกหก ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ถึงคำตอบในเรื่องดังกล่าว

ต่อมาก็ได้มีชายผู้หนึ่งได้กล่าวกับมูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบว่า ?ท่านได้นำเอาศาสนานี้มา ดังนั้นท่านคิดว่าศาสนานี้มันเชื่อม(และต่อเนื่องมาจากท่านศาสดามูฮัมหมัด) หรือว่าถูกแยก (โดยไม่มีผู้ใดที่เชื่อมต่อศาสนามาจนกระทั้งถึงตัวท่าน) ? มูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบจึงได้ตอบชายผู้นั้นไปว่า ?แม้กระทั้งอาจารย์ของฉันและอาจารย์ของอาจารย์ของพวกเขาที่อยู่ในยุค 600 ปีที่ผ่านมา พวกเขาทั้งหมดเป็นมุชริกีน (ผู้ตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ) แล้วชายผู้นั้นจึงกล่าวว่า ?ดังนั้นศาสนาของท่านถูกแยก ไม่มีการเชื่อมศาสนา (ด้วยกับนักวิชาการใด ๆ) ดังนั้นท่านได้ยึดเอา (วิชาการและหลักความเชื่อต่าง ๆ ) มาจากใคร ?? มูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบตอบว่า ?จากวิวรณ์ด้วยการดลใจ เช่นเดียวกับท่านนบีคิเดร ชายผู้นั้นจึงกล่าวต่อไปว่า ?ถ้าเป็นเช่นนั้น เรื่องการวิวรณ์และการดลใจก็ไม่ใช้เรื่องที่จะเกิดเฉพาะกับท่านเพียงผู้เดียว ทุกคนสามารถที่จะเรียกร้องวิวรณ์ด้วยการดลใจเสมือนอย่างที่ท่านได้เรียกร้องมัน? หลังจากนั้นชายผู้นั้นจึงได้กล่าวกับเขาต่อไปว่า ?แท้จริงการตะวัสสูลได้ถูกรับรองด้วยการลงมติร่วมกันของกลุ่มอะฮฺลิสสุนนะฮฺ .. ดังนั้นการตะวัสสูลจึงได้ถูกกล่าวไว้สองแนวทาง และไม่เคยมีผู้ใดกล่าวว่า ผู้กระทำการตะวัสสูลจะเป็นกาเฟร?

มูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบได้กล่าวยัดเยียดผู้ที่อยู่ก่อนเขา 600 ปีเป็นกาเฟร เป็นมุชริกีน ซึ่งในนั้นก็ร่วมถึงอิบนุตัยมุยะฮฺผู้เป็นอาจารย์ของเขาด้วย นี่แหละคือความกล้าหาญแบบแปลก ๆ ที่มาจากชายผู้นี้ (มูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบ) ที่สามารถกล่าวหาผู้คนเป็นพัน ๆ ล้าน ๆ คนจากกลุ่มอะฮฺลิสสุนนะฮฺ บรรดาผู้ซึ่งนำอิสลามมายังชนรุ่นหลัง ๆ อีกทั้งยังจำกัดอิสลามไว้เฉพาะผู้ที่ปฏิบัติตามเขาเท่านั้น ในสมัยของมูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบมีกลุ่มอะฮฺลิสสุนนะฮฺไม่เกินหนึ่งแสนคน และชาวตำบลมัจดฺของเมืองฮีญาซซึ่งเป็นประชาชนของมูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบ ส่วนใหญ่แล้วก็ไม่ได้ยึดเอาความเชื่อของมูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน แท้จริงแล้วผู้คนมีความหวาดกลัวมูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบ เพราะพวกเขารู้มาว่า มูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบ เป็นผู้ที่กระหายเลือดคนที่ไม่ปฏิบัติตาม โดยที่มูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบ ได้รับฉายาว่า ?ผู้กระหายเลือดของผู้ไม่ปฏิบัติตาม? จากอัลอามีร อัซซอนอานีย์ เจ้าของหนังสือ سبل السلام  ดังนั้นท่านอัลอามีร อัซซอนอานีย์จึงได้เริ่มกล่าวลักษณะของมูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบก่อนที่จะเข้าใจสภาพของโคลงกลอนว่า

?สลามต่อเมืองนัจดฺและผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองมัญดฺ มาดแม่นการให้สลามของฉันต่อที่ที่ห่างไกลมันก็ไม่ถูกพบ?

โคลงวักนี้ได้ถูกกล่าวไว้ในสมุดบันทึกของท่านอามีร อัซซอนอานีย์ที่ถูกทำเป็นเล่ม และความสมบูรณ์ของโคลงบทนี้ก็ได้อยู่ในหนังสือ البدر الطالع ของท่านเชากานีย์ และหนังสือ التاج المكلل ของท่านซิดดิ๊ก คอน ดังนั้นกลอนบทนี้จึงได้ล่องลอยไปทุก ๆ ที่ ซึ่งโคลงกลอนบทนี้ประมวนไปด้วยการกล่าวชมมูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบด้วยกับการกระหายเลือด การปล้นสะดมทรัพย์สิน ความอาจหาญในการสังหารชีวิตมนุษย์ การลอบสังหารผู้คน การยัดเยียดการเป็นกาเฟรให้แก่ประชาชาติอิสลามในทุกหัวเมือง และจบด้วยการอธิบายสภาพของมูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบจากความหลงผิด การสุรุยสุร่ายในการฆ่าฟัน การปล้นชิง และตอบโต้ความคิดของเขา

และแน่นอนเชคสุไลมาน อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบ ผู้เป็นพี่ชายได้ประพันหนังสือที่มีชื่อว่า الصواعق الإلهية في الرد على الوهابية และหนังสือ فصل الخطاب في الرد على محمد بن الوهاب  ตอบโต้น้องชายของเขามูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบ

มุฟตีย์อัลฮานาบีละฮฺ (ผู้ชี้ขาดในเรื่องของศาสนาสำนักฮัมบาลีย์) ณ นครมักกะฮฺได้ตำหนิมูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบ

ท่านเชคมูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลลอฮฺ อันนัจดฺ อัลฮัมบาลียะฮฺ มุฟตีย์อัลฮานาบีละฮฺ ณ นครมักกะฮฺ (ท่านได้เสียชีวิตในปี ฮ.ศ.1295) ได้กล่าวในหนังสือของเขา ?السحب الوابلة على ضرائح الحنابلةً? ในประวัติของบิดาของมูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบ อิบนุ สุไลมาน ในตัวบทที่ว่า ?เขา (อับดุลวะฮฺฮาบ อิบนุ สุไลมาน) เป็นบิดาของมูฮัมหมัดผู้เป็นเจ้าของการเรียกร้องที่แพร่กระจายไปด้วยความชั่วร้ายในทุกสาระทิศ แต่ในระหว่างทั้งสอง (มูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบกับบิดาของเขา) มีสิ่งที่แสดงให้เห็นชัดว่า มูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบไม่เคยที่จะแสดงตนด้วยการเรียกร้องไปสู่แนวทางอันชั่วร้าย เว้นแต่หลังจากที่บิดาของเขาได้เสียชีวิตไป และผู้ที่ฉันได้พบเห็นเขาจากนักวิชาการที่อยู่ในสมัยของ อับดุลวะฮฺฮาบ อิบนุ สุไลมาน ได้เล่าให้ฉันฟังว่า ?ชายผู้นี้ (อับดุลวะฮฺฮาบ อิบนุ สุไลมาน ผู้เป็นบิดา) ได้โกรธกริ้วต่อลูกชายของเขา (มูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบ) เพราะว่าเขา (มูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบ) ไม่ยินดีและเห็นด้วยกับการปฏิบัติตามนิติศาสตร์ที่คนรุ่นหลังได้ลงมติไว้ ผู้เป็นบิดาจะกล่าวกับผู้คนว่า ?โอ้สิ่งที่พวกท่านได้เห็นที่มาจากมูฮัมหมัด (ลูกชายเขา) จากความชั่วร้าย แล้วอัลลอฮฺก็ได้ดลบันดาลให้เขาเป็นเช่นนั้น? และเช่นเดียวกันลูกชายของเขานามว่า สุไลมาน อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบ ผู้เป็นพี่ชายของมูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบก็ได้ปฏิเสธการเรียกร้องของน้องชาย และได้ตอบโต้อย่างหนักด้วยกับโองการต่าง  และฮาดีษต่าง ๆ เพื่อให้เขาได้กลับมา เขาไม่ยอมรับสิ่งอื่นใด และไม่รับฟังคำพูดของผู้รู้คนใด ทั้งรุ่นก่อนและรุ่นหลัง นอกจากเขาจะเชื่อฟังท่านตากียุดดีน อิบนุ ตัยมียะฮฺ และท่านอิบนุกอยยิมเท่านั้น เพราะเขาเห็นว่าคำพูดของท่านทั้งสองนี้เป็นตัวบท ซึ่งจะไม่รับการตีความใด ๆ และจะใช้ตัวบทนี้ทำร้ายผู้อื่นตามแบบของตน


ท่านอิบนุอาบีดีนได้ตำหนิมูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบ

 ท่านอิบนุอาบีดีน อัลฮานีฟีย์ได้กล่าวตอบโต้มูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบว่า ?ความปรารถนาในกลุ่มผู้ปฏิบัติตามอิบนุอับดุลวะฮฺฮาบ อัลคอวาริญในสมัยของเรานี้ก็คือคำพูดที่ว่า ?และพวกเขาจะยัดเยียดการเป็นกาเฟรในกับบรรดาอัครสาวกของท่านนบีของเรา? ซึ่งท่านก็รู้มาแล้วว่านี้ไม่ใช่กฎเกณฑ์ในการเรียกคอวาริญ แต่คำว่าคอวาริญก็คือคำที่อธิบายถึงบุคคลที่ออกจากท่านอาลี อิบนุ ค็อตตอบ  แต่มันก็เพียงพอที่จะเรียกกลุ่มวะฮฺฮาบียะฮฺว่าเป็นกลุ่มคอวาริญ เพราะหนึ่งจากความเชื่อของพวกเขาที่ว่า ผู้ใดที่ออกจากการปฏิบัติตามแนวทางพวกเขาผู้นั้นก็คือกาเฟร อย่างที่มันได้เกิดขึ้นในสมัยของเราในกลุ่มผู้ปฏิบัติตามมูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบ ซึ่งพวกเขาได้ออกจากนัจดฺ และได้ทำการยึดครองอัลฮารอมัยน์ (มักกะฮฺและมะดีนะฮฺ) และพวกเขาก็ได้อ้างสำนักฮัมบาลีย์เป็นทัศนะของพวกเขา แต่พวกเขาก็เชื่อว่าพวกเขาคือมุสลิม และผู้ใดที่ขัดแย้งต่อความเชื่อของเขา ถือว่าผู้นั้นเป็นมุชริกีน และถือเป็นที่อนุมัติให้สังหารกลุ่มอะฮฺลิสสุนนะฮฺ ฆ่านักวิชาการอะฮฺลิสสุนนะฮฺได้ ด้วยกับการตัดสินดังกล่าว..?

ที่มา..www.sunna.info
แปลและเรียบเรียงโดย..อะฮฺหมัด มุสตอฟา อาลี

ออฟไลน์ philosophy

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 94
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: วะฮาบีย์
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: ส.ค. 22, 2007, 07:27 PM »
0
اسلام عليكم
มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ
 ท่านศาสดามุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า ? แท้จริงพระองค์อัลลอฮ์ทรงจัดส่งบุคคลหนึ่งมายังประชาชาตินี้ในทุกๆ 100 ปี (1 ศตวรรษ ) โดยที่เขาจะฟื้นฟูปฏิรูปกิจการของพวกเขาสำหรับเขาเหล่านั้น ?

ถ้าหากว่าในประวัติศาสตร์อิสลามทุกยุคทุกสมัยจะต้องมีนักปฏิรูป ( มุญัดดิด ) เพื่อทำหน้าที่ฟื้นฟูอิสลามแล้ว มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ ก็เป็นนักปฏิรูปอีกคนหนึ่งทีเผยแผ่ศาสนาเพื่อที่จะนำพามุสลิมสู่แนวทางในการดำเนินชีวิตแบบอิสลาม

มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ เกิดที่เมืองอุยัยนะฮ์ แคว้นนัจด์ ดินแดนอารเบีย ( ปัจจุบันคือ ซาอุดิอารเบีย ) ในปี ค.ศ.1703 ในขณะที่เป็นเด็กเขามีความเฉลียวฉลาดมาก เมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่นเขาก็เป็นคนหนึ่งที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้รู้คนหนึ่งในอารเบีย ถึงแม้ว่าเขาจะมีลูกศิษย์มากมาย แต่เขาก็ยังตัดสินใจไปแสวงหาความรู้เพิ่มเติมที่มักกะฮ์ มะดีนะฮ์

มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ เรียกร้องให้มุสลิมยึดมั่นในคำปฏิญานตน ลาอิลาฮะ อิลลัลลอฮ์ สอนให้ยึดมั่นในหลักการอิสลาม ปฏิบัติตามกุรอานและซุนนะฮ์นบี แนะนำให้ทำความดีละเว้นความชั่ว และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาย้ำให้มุสลิมทุกคนต้องห่างไกลจากชิริก การตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์ ผลจากการเรียกร้องเชิญชวนของเขาทำให้ผู้ปกครองไม่พอใจ เขาถูกขับไล่ออกนอกเมือง

มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ ได้รับการต้อนรับจากมุฮัมมัด บิน สะอูด ซึ่งเป็นเจ้าเมืองคนหนึ่งของ อารเบีย การปกครองปกครองของมุฮัมมัด บิน สะอูด และการเผยแผ่ของมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ ทำให้วิถีชีวิตและความเชื่อของมุสลิมก็อยู่ในแนวทางอิสลามมากยิ่งขึ้น ท่านได้เรียกร้องให้มุสลิมทุกคนเชื่อฟังคัมภีร์อัลกุรอาน และปฏิบัติตามคำสอนของท่านศาสดามุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ทุกอย่างโดยที่ไม่มีการเคลือบแคลงสงสัย

ท่านรณรงค์ต่อต้านวิธีการต่างๆที่ขัดต่อหลักคำสอนเรื่องเอกภาพของอัลลอฮ์ อันเป็นหัวใจของหลักอะกีดะฮ์ อิสลาม ท่านต่อต้านสิ่งประดิษฐ์ทางศาสนา ( บิดอะฮ์ ) ที่มนุษย์คิดสร้างขึ้นมา เช่น การเคารพสักการะนักบุญ และหลุมฝังศพ ท่านมิได้คัดค้านคนที่มาเยือนสุสานเพื่อรำลึกถึงชีวิตหลังความตายแต่เขาต่อต้านการกระทำใดๆที่ส่อไปในทางชิริก เช่น การเคารพบูชาบรรพบุรุษหรือขอความช่วยเหลือจากผู้ที่ตายไปแล้ว

มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ เขียนหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อ กิตาบ อัตเตาฮีด ( ตำราเกี่ยวกับการยึดมั่นในเอกภาพของอัลลอฮ์ ) ซึ่งเป็นหนังสือที่สำคัญเล่มหนึ่งที่เขาได้เขียนขึ้น ถึงแม้ว่าในเรื่องของกฎหมายเขาจะยึดแนวความคิดในการตีความของมัซฮับฮัมบะลี ( อะห์หมัด อิบนิ ฮัมบัล ) แต่เขาก็มิได้คัดค้านบรรดามุสลิมที่มีความต้องการที่จะยึดแนวความคิดในการตีความกฎหมายของมัซฮับอื่นๆ

แน่นอนการกระทำดังกล่าวของมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ ได้ไปขัดผลประโยชน์และความเชื่อของคนอีกหลายกลุ่มอย่างรุนแรง ดังนั้นศัตรูของเขาจึงได้ชักชวนให้คนทั่วไปเชื่อว่าสิ่งที่เขาสอนนั้นเป็นศาสนาใหม่ที่มิใช่อิสลามแบบดั้งเดิม และกล่าวหาว่าเขาเป็นผู้สร้างลัทธิใหม่ คนพวกนี้ประณามคนที่เชื่อคำสอนของเขาว่าเป็นพวกนอกศาสนา และได้ขนานนามพวกเขาว่า ? วะฮาบี ? ในขณะเดียวกันมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ เรียกกลุ่มคนของเขาว่า ? อัลมุวาฮิดูน ? หมายถึง ขบวนการเรียกร้องสู่เอกภาพของอัลลอฮ์

ขบวนการอัลมุวาฮิดูน ของมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ ได้ร่วมมือกับมุฮัมมัด บิน สะอูด ในการสร้างความเป็นเอกภาพของมุสลิมในดินแดนอารเบีย ทั้งสองได้รวบรวมอารเบียให้เป็นหนึ่งเดียวกัน และในที่สุดก็ทำให้เกิดประเทศหนึ่ง คือ ประเทศซาอุดิอารเบีย จากการต่อสู้ของมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ ได้ปลุกเร้าจิตใจการต่อสู้เพื่อฟื้นฟูอิสลามของคนมุสลิมให้ตื่นตัวขึ้นทั่วโลก การต่อสู้ของขบวนการนี้ไดัเป็นแรงบันดาลใจที่ก่อให้เกิดขบวนการ อิควานุลมุสลิมีน ในอียิปต์ จึงกล่าวได้ว่าลูกหลานของนักฟื้นฟูอิสลามอย่างมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ ยังคงมีชีวิตอยู่และยังคงดำเนินรอยสืบทอดเจตนารมณ์ของบรรพบุรุษของตนตราบจนทุกวันนี้

จากประวัติของมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ ทำให้เราได้รับบทเรียนว่า การเผยแผ่ศาสนานั้นถึงแม้ว่าจะมีอุปสรรค มีผู้ต่อต้าน แต่ถ้าหากว่าได้ยึดมั่นยืนหยัดในการต่อสู้แล้ว พระองค์อัลลอฮ์ พระผู้เป็นเจ้าจะทำให้เขาได้รับชัยชนะเหนือศัตรู ดังนั้นมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ จึงได้รับการยอมรับว่าเป็น ? มุญัดดิด ? นักปฏิรูปคนหนึ่ง



อบูซามีนา 

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
Re: วะฮาบีย์
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: ส.ค. 23, 2007, 09:47 AM »
0
ท่านอิบนุอาบีดีนได้ตำหนิมูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบ



หัวข้อ  บรรดาผู้ตามมุฮัมมัดบินอับดุลวะฮาบค่อวาริจญ์ในยุคสมัยของเรา

ท่านอิบนุอาบีดีน อัลฮานีฟีย์ได้กล่าวตอบโต้มูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบว่า ?ความปรารถนาในกลุ่มผู้ปฏิบัติตามอิบนุอับดุลวะฮฺฮาบ อัลคอวาริญในสมัยของเรานี้ก็คือคำพูดที่ว่า ?และพวกเขาจะยัดเยียดการเป็นกาเฟรในกับบรรดาอัครสาวกของท่านนบีของเรา? ซึ่งท่านก็รู้มาแล้วว่านี้ไม่ใช่กฎเกณฑ์ในการเรียกคอวาริญ แต่คำว่าคอวาริญก็คือคำที่อธิบายถึงบุคคลที่ออกจากท่านอาลี อิบนุ ค็อตตอบ แต่มันก็เพียงพอที่จะเรียกกลุ่มวะฮฺฮาบียะฮฺว่าเป็นกลุ่มคอวาริญ เพราะหนึ่งจากความเชื่อของพวกเขาที่ว่า ผู้ใดที่ออกจากการปฏิบัติตามแนวทางพวกเขาผู้นั้นก็คือกาเฟร อย่างที่มันได้เกิดขึ้นในสมัยของเราในกลุ่มผู้ปฏิบัติตามมูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบ ซึ่งพวกเขาได้ออกจากนัจดฺ และได้ทำการยึดครองอัลฮารอมัยน์ (มักกะฮฺและมะดีนะฮฺ) และพวกเขาก็ได้อ้างสำนักฮัมบาลีย์เป็นทัศนะของพวกเขา แต่พวกเขาก็เชื่อว่าพวกเขาคือมุสลิม และผู้ใดที่ขัดแย้งต่อความเชื่อของเขา ถือว่าผู้นั้นเป็นมุชริกีน และถือเป็นที่อนุมัติให้สังหารกลุ่มอะฮฺลิสสุนนะฮฺ ฆ่านักวิชาการอะฮฺลิสสุนนะฮฺได้ ด้วยกับการตัดสินดังกล่าว..?

มันเป็นเรื่องจริงผ่านเจอครับท่านพี่น้อง

ออฟไลน์ ActionMask

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 250
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
Re: วะฮาบีย์
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: ส.ค. 23, 2007, 10:53 AM »
0
ยัดเยียดความเป็นกาเฟรฺ ให้คนกลุ่มอื่น ถ้าคนกลุ่มนั้นไม่ใช่กาเฟรฺล่ะ คนที่ไปว่าเขาจะเป็นยังไง?

 

GoogleTagged