ผู้เขียน หัวข้อ: วะฮาบีย์  (อ่าน 8484 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
Re: วะฮาบีย์
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: ส.ค. 23, 2007, 11:37 AM »
0
อัลเลาะฮ์ (ซ.บ.) ทรงตรัสไว้ว่า

 أن الشيطان لكم عدو إنما يدعو حزبه ليكونوا من أصحاب السعير

       ?แท้จริง มารชัยฏอนนั้นเป็นศัตรูกับพวกเจ้า ดังนั้น พวกเจ้าจงถือว่ามันเป็นศัตรู แท้จริง มันเรียกร้องพลพรรคของมัน เพื่อให้พวกมันเป็นสหายแห่งไฟลุกโชติช่วง? 

ท่าน  อิมาม  อัช-ชัยค์  อัศ-ศอวีย์  กล่าวไว้ในตัฟซีร  ของท่าน  ว่า

وقيل هده الأية نزلت فى الخوارج الدين يحرفون تأويل الكتاب والسنة ويستحلون بدلك دماء المسلمين وأموالهم كما هو مشاهد الآن في نظائرهم وهم فرقة بأرض الحجاز يقال لهم الوهابية يحسبون أنهم على شيء ألا إنهم هم الكاذبون

       ? ถูกกล่าวว่า  อายะฮ์นี้  ถูกประทาน  เกี่ยวกับพวกค่อวาริจญฺ  ซึ่งที่พวกเขา ได้ทำการบิดเบือนกับการตีความอัลกุรอานและซุนนะฮ์  โดยที่พวกเขาได้ทำการหะลาลเลือดและทรัพย์สินของบรรดามุสลิมมีน ด้วยกับสิ่งดังกล่าว  เสมือนที่ได้ปรากฏเห็นในปัจจุบัน(คือในสมัยของท่านอัศ-ศอวีย์)  โดยที่พวกเขาเหล่านั้น  คือชนกลุ่มหนึ่ง  ที่อยู่ ณ แผ่นดินหิญาซฺ (แถบนัจญฺดีย์  มักกะฮ์ และมะดีนะฮ์ ปัจจุบัน)  ซึ่งพวกเขาถูกเรียกว่า พวกวะฮาบีย์  พวกเขาคิดว่าตนเองอยู่บนสิ่งหนึ่ง(ที่เป็นสัจจะธรรม) แต่พึงทราบเถิดพวกเขาคือบรรดาผู้ที่โกหกมุสา?  ดู  ตัฟซีร อัศ-ศอวีย์  อธิบายซูเราะฮ์  อัล-ฟาฏิร  อายะฮ์ที่ 6   ตีพิมพ์ที่  มุสตอฟา  อัล-หะละบีย์ 

       แต่ในปัจจุบัน  ข้อความตรงนี้  วะฮาบีย์ต่างว่าจ้างทุ่มงบลงทุน  ให้โรงพิมพ์อื่นๆ ให้ทำการตัดทอนข้อความที่มาเปิดโปงและเป็นสิ่งที่น่าอับอายของวะฮาบีย์นี้ออกไป  โรงพิมพ์ใหนที่ตีพิมพ์ต้นฉบับแท้ดังกล่าวพวกเขาจะกว้านซื้อให้หมดเพื่อนำไปเผา

       บรรดาโรงพิมพ์ ที่ได้การว่างจ้างจากวะฮาบีย์  ที่ให้ทำการตัดทอนข้อความของอุลามาอ์ ที่กล่าวข้อเท็จจริงเกี่ยววะฮาบีย์ นั้น  เช่น  ดารฺ อัลกุตุบ อัลอิลมียะฮ์  ดารฺ อัล-ฟิกร์  ดารฺ อัลญัยล์   พี่น้องนักศึกษาไคโร ทุกๆท่านครับ  หากท่านจะต้องการซื้อหนังสือ ตัฟซีร  อัศ-ศอวีย์   ที่อธิบายตัฟซีร อัล-ญะละลัยน์  นั้น  ท่านสมควรซื้อ  โรงพิมพ์ มุสต่อฟา อัล-หะลาบีย์   ส่วนโรงพิมพ์อื่นนั้น  จะมีการบิดเบือนตัดทอนคำกล่าวของอุลามาอ์  โดยการว่าจ้างจากวะฮาบีย์ครับ

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
Re: วะฮาบีย์
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: ส.ค. 23, 2007, 11:44 AM »
0
วะฮาบีย์  เรียกร้องไปยังเตาฮีดบนการเข่นฆ่าพี่น้องมุสลิม 

การเรียกร้องไปยังเตาฮีด  วะฮาบีย์จะนำมาเป็นภาพลักษณ์ของตนให้ดูดี

การเข่นฆ่าพี่น้องมุสลิม     วะฮาบีย์ต่างพยายามปกปิดวีรกรรมของพวกเขาอย่างสุดชีวิต

นั่นคือสิ่งที่ท่าน อิมามอิบนุอาบิดีน  อิมามอัศศอวีย์  และนักปราชญ์ท่านอื่นๆ ร่วมสมัยนั้นได้ยืนยันเอาไว้  :'(

aswar

  • บุคคลทั่วไป
Re: วะฮาบีย์
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: ส.ค. 23, 2007, 04:58 PM »
0
อัสสลามุอะลัยกุม

พวกของเชคมุฮำหมัด อับดุลวะฮาบ เป็นพวกมุวะห์หิดูน แล้วพวก "มุสลิม"คนอื่นๆที่พวกเขาต่อสู้ด้วยนั้นเป็นอะไรล่ะขอรับ?

การบูชาสักการะนักบุญ หลุมศพ และบรรพบุรุษนี่เป็นยังไงหรือครับ?ทำไมอุลามาอ์คนอื่นเขาไม่ยอมตักเตือน

มีมุญัดดิดในระยะเวลา 500 ปี ระหว่างอิบนุ ตัยมียะฮ์ กับ อิบนุ อับดิลวะฮ์ฮาบ ที่มาตัจดีดเรื่องเดียวกันนี้หรือไม่ขอรับ?

วัสสลาม

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
Re: วะฮาบีย์
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: ส.ค. 24, 2007, 09:52 AM »
0
อัสสลามุอะลัยกุม

พวกของเชคมุฮำหมัด อับดุลวะฮาบ เป็นพวกมุวะห์หิดูน แล้วพวก "มุสลิม"คนอื่นๆที่พวกเขาต่อสู้ด้วยนั้นเป็นอะไรล่ะขอรับ?

การบูชาสักการะนักบุญ หลุมศพ และบรรพบุรุษนี่เป็นยังไงหรือครับ?ทำไมอุลามาอ์คนอื่นเขาไม่ยอมตักเตือน

มีมุญัดดิดในระยะเวลา 500 ปี ระหว่างอิบนุ ตัยมียะฮ์ กับ อิบนุ อับดิลวะฮ์ฮาบ ที่มาตัจดีดเรื่องเดียวกันนี้หรือไม่ขอรับ?

วัสสลาม

    เท่าที่ดูจากประวัติศาสตร์ของวะฮาบีย์  พวกเขาพยายามสื่อให้เราเห็นว่า  ในช่วงยุคก่อนจากพวกเขาหลายร้อยปี  อยู่ในความลุ่มหลงงมงาย  แล้วเชคมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ ทำการฟื้นฟูหลักอิสลามอีกครั้ง  ซึ่งประวัติศาสตร์ตรงนี้ค้านกับหะดิษของท่านนบีที่ว่า

 إن الله يبعث على رأس كل مائة سنة من يجدد لها دينها

"แท้จริงอัลเลาะฮ์จะส่งมาทุก 100 ปี กับผู้ที่ทำการฟื้นฟูศาสนา"

แต่ดูเหมือนกว่าประวัติศาสตร์ของวะฮาบีย์จะค้านกับหะดิษนี้  ดังนั้นเอาประวัติวะฮาบีย์อันสวยหรูทิ้งไป  แล้วยึดหะดิษของท่านนบี(ซ.ล.)

ออฟไลน์ philosophy

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 94
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: วะฮาบีย์
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: ส.ค. 27, 2007, 10:47 AM »
0
السلام عليكم
วันนี้อยากจะเสนอมุมมองอีกมุมมองหนึ่งของอาจารย์ของผมเกี่ยวกับวะฮาบี
วะฮาบียะฮ เป็นลัทธิใหม่ในอิสลามจริงหรือ?
ผศ.ดร.อับดุลเลาะฮ หนุ่มสุข

บทนำ
         สืบเนื่องจากได้มีการพาดพิงถึง วะฮาบียะฮว่าเป็นลัทธิใหม่ในอิสลามที่กำลังแพร่หลายในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และกำลังเป็นภัยคุกคามความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของประเทศ โดยถูกนำไปเชื่อมโยงกับกลุ่มอัลกออีดะฮของอูซามะฮ บินลาเด็น และอีกหลายๆ กลุ่มที่ถูกป้ายสีว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย เพื่อความกระจ่างในเรื่องนี้ผู้เขียนใคร่ขอนำเสนอข้อมูลเชิงวิชาการเกี่ยวกับชื่อ ประวัติความเป็นมา แนวคิดที่สำคัญรวมทั้งอิทธิพลและการแพร่หลายของวะฮาบีย์ ดังนี้

1. ชื่อ วะฮาบีย์
วะฮาบียะฮ คือ ชื่อของขบวนการฟื้นฟูอิสลาม โดยการนำของ เชคมูฮัมมัด อิบน อับดุลวาฮาบ มีชีวิตอยู่ในช่วง(1115 ? 1206 ฮ.ศ.) ตรงกับ (1703 ? 1791 ค.ศ.) ที่เมืองนัจด ในซาอุดิอาระเบีย ชื่อนี้มาจากพยางค์ที่สองของชื่อบิดา คือ อัลวะฮาบ ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นพระนามหนึ่งของอัลลอฮ พระผู้เป็นเจ้า มีความหมายว่า ผู้ทรงให้อย่างมากมาย ชื่อนี้บางคนเรียกเพี้ยนเป็น วะฮบีย์ ซึ่งไม่ถูกต้อง ที่ถูกต้องคือ วะฮาบียะฮ หมายถึง ขบวนการฟื้นฟูอิสลาม วะฮาบียะฮ หรือ วะฮาบีย์ หมายถึงผู้มีแนวคิดและแนวปฏิบัติตามขบวนการดังกล่าวอย่างไรก็ตามชื่อนี้ไม่เป็นที่ชื่นชอบของกลุ่มวะฮาบียะฮ เนื่องจากเป็นชื่อที่ถูกตั้งขึ้นโดยฝ่ายต่อต้าน และมักจะนำมาใช้ในเชิงลบเป็นส่วนใหญ่ กลุ่มวะฮาบียะฮเองจึงไม่ใช้ชื่อนี้เรียกกลุ่มของตน แต่จะเรียกกลุ่มของตนว่ากลุ่ม ?สะลาฟียะฮ? (Salafiah) หรือ ?สะละฟียูน?(Salafiyoon) แปลว่า กลุ่มที่ยึดมั่นในแนวคิดดั้งเดิมของอิสลาม หรือบางทีเรียกกลุ่มของตนว่า ?มุวะหิดูน? (Muwahidoon) แปลว่า กลุ่มผู้ยึดมั่นในเอกภาพของอัลลอฮ

2. ประวัติความเป็นมาของวะฮาบียะฮเป็นที่ทราบกันดีว่าในตอนต้นของศตวรรษที่ 12 แห่งฮิจเราะฮศักราช (หรือคริสต์ศตวรรษที่ 18) ศาสนาและศิลธรรมในโลกอิสลามเสื่อมทรามลงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคาบสมุทรอาระเบีย กล่าวคือ มุสลิมส่วนใหญ่ได้พากันละทิ้งหลักการอิสลาม ละทิ้งหลักความเชื่อในเอกภาพของพระผู้เป็นเจ้า และ ละทิ้งการปฏิบัติตามแนวทางของศาสนทูต มูฮัมมัด ( ศ็อลลอลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) พวกเขาได้หันไปหลงไหล คลั่งไคล้อยู่กับเรื่องไสยศาสตร์ เวทมนต์คาถา และการตั้งภาคีต่อพระผู้เป็นเจ้าในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเคารพสักการะ และการขอความช่วยเหลือและคุ้มครองจากสุสานของบุคคลต่างๆ ที่ตัวเองเห็นว่าเป็นผู้วิเศษและศักดิ์สิทธิในท่ามกลางสภาพสังคมที่ฟอนเฟะและโง่งมงายนี้ได้มีบุคคลผู้หนึ่งถือกำเนิดขึ้นที่ตำบลอัลอุยัยนะฮ ในเมืองนัจด (เมืองริยาด) ในปี ค.ศ. 1703 บุคคลผู้นั้นคือ มูฮัมมัด อิบน อับดุลวะฮาบ เขามาจากตระกูล อุลามาอ (ผู้ทรงความรู้) ได้ศึกษาวิชาความรู้จากบิดา และสามารถท่องจำอัลกุรอานทั้งเล่มได้เมื่อมีอายุเพียง 10 ขวบเท่านั้น และแม้ว่าเขาจะได้รับการยกย่องว่าเป็นปราชญ์ผู้มากด้วยความรู้ แต่เขาก็ตัดสินใจออกเดินทางเพื่อแสวงหาความรู้เพิ่มเติมยังหัวเมืองต่าง ๆ เช่น มักกะฮ มะดีนะฮ บัศเราะฮ บัฆดาด และเมาศิลในอิรัก เมื่อเขาได้กลับมาสู่มาตุภูมิ และได้เรียกร้องเชิญชวนผู้คนให้กลับสู่แนวทางอันบริสุทธิ์ของอิสลาม เขาก็ได้รับการต่อต้านจากบรรดาผู้ปกครองซึ่งพากันหวาดระแวงกับอิทธิพลของเขาที่จะสั่นสะเทือนต่ออำนาจการ ปกครองของพวกตน เขาต้องถูกขับไล่ออกจากดินแดนที่เป็นบ้านเกิดเมืองนอน แต่เขาก็ยังยืนหยัดในอุดมการณ์อันมั่นคงที่จะฟื้นฟูและกอบกู้สังคมให้กลับไปสู่หลักการอันบริสุทธิ จุดเปลี่ยนที่สำคัญของ มูฮัมมัด อิบน อับดุลวะฮาบ ก็คือ เมื่อท่านเดินทางมาที่เมือง อัดดัรอียะฮ ซึ่งเป็นเมืองในการ ปกครองของตระกูล สะอูด (ราชวงศ์สะอูดในปัจจุบัน) ท่านก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากอามีร มูฮัมมัด อิบนสะอูด เจ้าเมืองคนหนึ่งซึ่งตกลงใจที่จะร่วมงานกับเขาในการฟื้นฟูและเผยแผ่คำสอนของอิสลาม หลังจากนั้นไม่นานภายใต้การปกครองของ อามีร มูฮัมมัด อิบน สะอูด และการเผยแพร่คำสอนของ เชค มูฮัมมัด อิบน อับดุลวะฮาบ อย่างเอาจริงเอาจัง วิถีชีวิตและความเชื่อของมุสลิมที่อยู่ภายใต้การปกครองก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง จากความโง่งมงายในหลักการอิสลาม และหลงผิดในการตั้งภาคี (ชิรก) และการนิยมชมชอบในอุตริกรรมทางศาสนา (บิดอะฮ) ุกคนถูกเรียกร้องเชิญชวนสู่การเคารพภักดีต่ออัลลอฮองค์เดียวและยึดมั่นในคำภีร์อัลกุรอานและแบบอย่างคำสอนของ ศาสนทูตมูฮัมมัด ( ศ็อลลอลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) ทุกคนหันมานมาซรวมกัน ปฏิบัติศาสนกิจรวมกัน และศึกษาศาสนาร่วมกัน สัญลักษณ์ต่างๆ ของการตั้งภาคีและสิ่งไม่ดีงามต่างๆ ได้ถูกทำลายสิ้น สังคมอาหรับได้กลับคืนสู่ความอยู่เย็นเป็นสุขอีกครั้งหนึ่ง และที่สำคัญก็คือได้กลับมาสู่การดำเนินตามหลักคำสอนดั้งเดิมอันบริสุทธิที่ถูกปกปักษ์รักษา ถ่ายทอด และฟื้นฟูโดยนักปราชญ์ชาว สลัฟ (นักปราชญ์ในยุค 300 ปีแรก) การที่มูฮัมมัด อิบน อับดุลวะฮาบได้รับการอุ้มชูอุปถัมป์จากราชสำนักของราชวงศ์สะอูดทำให้เขามีฐานอำนาจในการดำเนินกิจการต่างๆ จนบรรลุผล ฐานอำนาจดังกล่าวทำให้ดูเหมือนว่าเขามีท่าทีที่แข็งกร้าวต่อกลุ่มสองกลุ่มที่แพร่หลายอยู่ในขณะนั้น คือ
1) กลุ่มซูฟีย์ (Sufism) คือ กลุ่มนิยมความลี้ลับและมีความคลั่งไคล้ในวิชาตะเซาวุฟ (การฝึกจิตภายใน) มูฮัมมัด อิบน อับดุลวะฮาบเห็นว่า วิชานี้เป็นยาเสพติดที่มอมเมาคนในสมัยนั้นให้เฉื่อยชา ไม่เข้มแข็ง และเป็นวิชาที่ถูกนำมาใช้ในทางที่ผิดและบิดเบนออกไปจากเดิมมากมาย ตัวอย่างที่ชัดเจนก็คือ สิ่งอุตริทางศาสนาใหม่ๆ ที่กลุ่มซูฟีย์ได้สร้างขึ้น เช่น การเคารพ สักการะนักบุญ หลุมฝังศพและสัญลักษณ์ต่างๆ การเคารพ บูชาบรรพบุรุษหรือขอความช่วยเหลือจากผู้ที่ตายไปแล้ว หรือขอให้ผู้ที่ตายช่วยเป็นสื่อหรือนายหน้าติดต่อกับพระเจ้า การสร้างมัสยิดหรืออาคารเหนือหลุมฝังศพและการประดับตบแต่งหลุมฝังศพ เป็นต้น
2) กลุ่มมุตะกัลลิมีน (Mutakallimin) คือกลุ่มนักเทววิทยาที่เน้นการเอาเหตุผลทางปัญญาและทางตรรกวิทยามาอธิบายหลักความเชื่อในอิสลามจนทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนและเบี่ยงเบนจากความถูกต้อง มูฮัมมัด อิบน อับดุลวะฮาบเห็นเช่นเดียวกันว่า วิชาอิลมุลกะลาม Elmulkalam (เทววิทยา) เป็นยาเสพติดอีกชนิดหนึ่งที่ มอมเมาคนในสมัยนั้นให้หมกมุ่นอยู่กับการถกเถียงในเรื่องที่ไม่ควรถกเถียง แล้วในที่สุดก็ทำให้พวกเขาหลงทาง มูฮัมมัด อิบน อับดุลวะฮาบได้ทำการคัดค้านทั้งสองกลุ่มอย่างแข้งกร้าว และได้ใช้ฐานอำนาจทางการปกครองสนับสนุนและจัดการกับสิ่งอุตริทางศาสนาอย่างได้ผล แน่นอนการกระทำของเขาได้ไปขัดผลประโยชน์และทำลายความเชื่อของคนที่โง่งมงายในสิ่งเหล่านั้นอย่างรุนแรง คนเหล่านั้นจึงตั้งตนเป็นศัตรู และพยายามชักชวนและประกาศให้คนทั่วไปเชื่อว่าสิ่งที่เขาสอนนั้นเป็นศาสนาใหม่ที่ มิใช่อิสลาม และกล่าวหาเขาว่าเป็นผู้สร้างลัทธิใหม่สำหรับผู่ที่ปฏิบัติตามคำสอนของมูฮัมมัด อิบน อับดุลวะฮาบนั้นก็ถูกคนกลุ่มดังกล่าวประณามว่าเป็นพวกนอกศ่าสนา และเรียกพวกเขาว่า วะฮาบียะฮ (Wahabism) ในที่สุด

3. แนวคิดที่สำคัญของวะฮาบียะฮ
สำหรับแนวคิดที่สำคัญของวะฮาบียะฮนั้นพอสรุปเป็นหัวข้อได้ดังนี้ คือ
1) ยึดแนวของอิมามอะฮมัด อิบน ฮัมบัล (มัซฮับฮัมบะลีย์) ในเรื่องปลีกย่อยต่างๆ แต่ไม่ยึดแนวของ อิมามคนใดเป็นเกณฑ์แน่นอนในเรื่องหลักพื้นฐานทั่วไป
2) เรียกร้องให้เปิดประตูการอิจติฮาด (หมายถึงการวิเคราะห์และวินิจฉัยหลักฐานต่างๆ ทางศาสนาเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อบัญญัติของปัญหาต่างๆ ) หลังจากที่ได้ถูกปิดมานานตั้งแต่กรุงแบกแดดแตกจากการโจมตีของพวกมองโกลในปี ฮ.ศ. 656 (ค.ศ.1235)
3) ยืนยันในความจำเป็นที่จะต้องยึดถือคัมภีร์อัลกุรอานและสุนนะฮ(แบบฉบับของศาสนทูตมูฮัมมัด)
4) ยึดมั่นในแนวทางของอะฮลิสสุนนะฮวัลญะมาอะฮ (นิกายสุนนีย์)
5) เรียกร้องสู่หลักเตาฮีด (การให้เอกภาพต่อพระผู้เป็นเจ้า) อันบริสุทธิตามแนวทางของกัลญานชนมุสลิมในยุคแรกของอิสลาม
6) เน้นหลักเตาฮีดอูลูฮียะฮ (การให้เอกภาพต่อพระผู้เป็นเจ้าในด้านการเคารพสักการะ) และหลักเตาฮีดอัสมาอ
วัศศิฟาต (การให้เอกภาพต่อพระผู้เป็นเจ้าด้านนามชื่อ และคุณลักษณะของพระองค์)
7) ต่อต้านสิ่งเหลวไหลและอุตริกรรมทางศาสนาที่แพร่หลายในสังคมอันเนื่องจากความโง่งมงายของผู้คน
8) คัดค้านกลุ่มฏอรีเกาะฮซูฟีย์และกลุ่มมุตะกัลลีมีน และสิ่งอุตริทางศาสนาที่กลุ่มเหล่านี้สร้างขึ้นมา
9) ต่อต้านการทำชีริก (ตั้งภาคี) ต่ออัลลอฮทุกประเภท
10) ต่อต้านการตักลีด (การตามอย่างคนตาบอด) และเรียกร้องสู่การให้ความรู้และการค้นคว้าหาหลักฐาน

4. อิทธิพลและการแพร่หลายของกลุ่มวะฮาบียะฮ
ภายใต้การอุปถัมป์ของราชวงศ์สะอูดทำให้วะฮาบียะฮแพร่หลายในซาอุดิอาระเบีย โดยเฉพาะภายหลังการสถาปนาราชอาณาจักรโดยกษัตริย์อับดุลอาซีซ อิบน อับดิรรอหมาน อาลิสะอูด ในปี ฮ.ศ. 1351 (ค.ศ.1930) และต่อมาวะฮาบียะฮได้แพร่หลายอย่างรวดเร็วยังกลุ่มประเทศต่างๆ ในโลกมุสลิมผ่านทางคณะต่างๆ ที่เดินทางเข้ามาเพื่อประกอบพิธีอัจย์และอุมเราะฮ และนักศึกษาที่เข้ามาศึกษาในมัสยิดหะรอมทั้งสองแห่งที่นครมักกะฮและนครมะดีนะฮ และที่เข้ามาศึกษาในโรงเรียน มหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาอื่นๆ ในซาอุดิอาระเบียและประเทศใกล้เคียง ปัจจุบันรัฐบาลซาอุดิอาระเบียให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนมุสลิมทั่วโลกเป็นจำนวนมากเพื่อเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่สอนเกี่ยวกับอิสลามศึกษาและภาษาอาหรับทั้งในระดับปริญญาตรี ปริญญาโทและปริญญาเอก บัณฑิตที่จบจากมหาวิทยาลัยเหล่านี้กระจัดกระจายอยู่ในทุกส่วนของโลกเพื่อทำหน้าที่อบรมสั่งสอนจริยธรรมอิสลาม และเรียกร้องเชิญชวนสู่หลักการอันบริสุทธิ นอกเหนือจากนั้นแล้วรัฐบาลซาอุดิอาระเบียยังได้สนับสนุนงานด้านสังคมสงเคราะห์ การเผยแผ่อิสลามในรูปแบบต่างๆ แก่มุสลิมทั่วโลกอีกด้วย อาทิ เช่น การสร้างมัสยิดและสถาบันการศึกษา การจัดอบรมภาษาอาหรับและวิทยาการอิสลาม การพิมพ์อัลกุรอานและความหมายอัลกุรอานเป็นภาษาต่างๆ กว่า 150 ภาษา (รวมทั้งภาษาไทย) และการช่วยเหลือสงเคราะห์คนยากจนและผู้ได้รับความเดือดร้อนจากภัยพิบัติ เป็นต้น ดังกล่าวมานี้แสดงให้เห็นถึงการแผ่ขยายของวะฮาบียะฮภายใต้การสนับสนุนอย่างจริงจังจากรัฐบาลของซาอุดิอาระเบีย สำหรับอิทธิพลของวะฮาบียะฮนั้นอาจกล่าวได้ว่า วะฮาบียะฮหรือสะละฟียะฮในชื่อทางวิชาการได้มีอิทธิพลอย่างใหญ่หลวงต่อการฟื้นฟูอิสลามและการปฏิรูปสังคมมุสลิม ให้กลับไปสู่หลักคำสอนดั้งเดิมอันบริสุทธิ ขบวนการฟื้นฟูอิสลามที่เกิดขึ้นในระยะหลังในแอฟริกา ในอียิปต์ และในชมพูทวีป ล้วนแล้วแต่ได้รับอิทธิพลและอานิสงส์จากแนววะฮาบียะฮด้วยกันทั้งสิ้น


บทส่งท้าย
         วะฮาบียะฮ อาจถูกมองว่าเป็นแนวใหม่หรือลัทธิใหม่ในอิสลาม แต่นั่นเป็นความเข้าใจผิด เพราะใน วะฮาบียะฮไม่มีคำสอนใดที่ออกนอกหลักการอิสลาม ตรงกันข้ามวะฮาบียะฮเรียกร้องผู้คนให้กลับไปสู่หลักคำสอนดั้งเดิมอันบริสุทธิของอิสลาม ขบวนการวะฮาบียะฮจึงไม่แตกต่างไปจากขบวนการฟื้นฟูอิสลามอื่นๆในแนวอะฮลิสสุนนะฮ (สุนนีย์) ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นแต่อย่างใด การกล่าวหาว่าขบวนการวะฮาบียะฮเป็นขบวนการก่อการร้ายเท่ากับเป็นการกล่าวหาคำสอนของอิสลามอันบริสุทธิ ว่าเป็นคำสอนที่ต้องการให้ผู้ปฏิบัติมีความคิดหรือมีพฤติกรรมอย่างนั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ รัฐบาลภายใต้การนำของ ฯพณฯ นายกทักษิณ ซึ่งเข้าใจปัญหามุสลิมค่อนข้างดีควรจะปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยข่าวกรองทั้งในพื้นที่และในระดับชาติให้เข้าถึงข้อเท็จจริงอันถูกต้องก่อนที่จะนำเสนอต่อสาธารณชน เพราะเรื่องศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อน มิเช่นนั้นแล้วจะก่อให้เกิดความยุ่งยากอย่างใหญ่หลวงเกินกว่าจะแก้ไขได้
والسلام

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
Re: วะฮาบีย์
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: ส.ค. 27, 2007, 11:12 AM »
0
วะอะลัยกุมุสลาม
   
     ระหว่างข้อเขียนกับ ดร.อับดุลเลาะฮ์ หนุ่มสุข กับคำพูดของนักปราชญ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์  ท่านอิมาม อิบนุอาบีดีน ร่อฮิมะฮุลลอฮ์ นักปราชญ์มุฮักกีกีนของหะนะฟีย์ และท่านอิมามอัศศอวีย์  ร่อฮิมะฮุลลอฮ์  นักปราชญ์มุฮักกินของมาลิกีย์   เราเห็นได้ชัดถึงความน่าเชื่อถือว่า  คำกล่าวของนักปราชญ์ระดับมุฮักกิกีนย่อมยืนยันถึงข้อเท็จจริงได้ดีกว่าเป็นที่สุด  ซึ่งข้อเขียนของ ดร.อับดุลลอฮ์ หนุ่มสุข เทียบไม่ได้เลยแม่แต่น้อย

    ความจริงก็คือความจริง  เราจะไปย้อมสีให้มันดูดี  ความจริงก็ต้องปรากฏอยู่ดีนั่นแหละครับ 

ออฟไลน์ del_dangerous

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 178
  • เพศ: ชาย
  • ถ้าชีวิตยังไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันต่อไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
Re: วะฮาบีย์
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: ส.ค. 28, 2007, 08:26 PM »
0
ทำไมคนเราชอบคิดว่า

"เราถูกเสมอ"

ทำไมไม่คิดว่า

"เราอาจผิดพลาดได้ตลอดเวลา"

วัสลาม
ชีวิตคือการเดินทาง สิ่งที่ดีใจคือไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ แต่สิ่งที่น่าเสียใจ คือ ย้อมกลับไปไม่ได้

ออฟไลน์ del_dangerous

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 178
  • เพศ: ชาย
  • ถ้าชีวิตยังไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันต่อไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
Re: วะฮาบีย์
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: ส.ค. 28, 2007, 08:44 PM »
0
กล่าวชมสิ่งดีๆ

ผิดพลาด เป็นอุทาหรณ์

วัสลาม
ชีวิตคือการเดินทาง สิ่งที่ดีใจคือไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ แต่สิ่งที่น่าเสียใจ คือ ย้อมกลับไปไม่ได้

ออฟไลน์ น้องปุ้มปุ้ยเองค่ะ ^^

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 27
  • เพศ: หญิง
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: วะฮาบีย์
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: ส.ค. 29, 2007, 12:06 PM »
0
อ่านเรื่อง วะฮาบีย์
หนูก้อ มึน ๆ อีกแระ
เพราะ ข้อมูล ที่ได้ มาจาก ฝั่งที่ ไม่เห็นด้วยกับ วะฮาบีย์(ซึ่งจะเน้น เรื่อง การเข่นฆ่า พี่น้องและ การยัดเยียด กาเฟร ให้มุสลิม)
 และ ฝั่งที่เห็นดีเห็นงาม กับ วะฮาบี(ซึ่งจะเน้น เรื่อง ผลงาน ดีเด่น ของกลุ่ม นี้ ที่ ต่อต้านแนวทางที่ถูกกล่าว ว่า ไม่ใช่แนวทางของนบี
ต่อต้าน ชีริก ความเชือ่ผิดๆ ที่มุสลิมหลงทาง)
แล้ว หนูจะทำงัยเนี่ย
ส่วนที่ดี เค้าก้อมี หนูจะเชื่อถือแนวทางนี้ได้มั้ย
ส่วนที่เค้า ว่า ไม่ดี มันก้อมี หนูจะตัดหางปล่อยวัด เลยได้มั้ยคะ

หนูสับสัน ค่ะ พี่ๆๆๆ

 :-\ :-\
หน้าตาดี เพราะจิตใจงาม ^^

ออฟไลน์ philosophy

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 94
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: วะฮาบีย์
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: ส.ค. 29, 2007, 03:53 PM »
0
السلام عليكم
สงสัยต้องกล่าวคำว่า...
والله أعلم بالصواب
กันแล้วคร้าบท่านพี่น้อง...เหอๆๆๆๆ
والسلام :
 :o :o :o

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
Re: วะฮาบีย์
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: ส.ค. 29, 2007, 05:51 PM »
0
อ่านเรื่อง วะฮาบีย์
หนูก้อ มึน ๆ อีกแระ
เพราะ ข้อมูล ที่ได้ มาจาก ฝั่งที่ ไม่เห็นด้วยกับ วะฮาบีย์(ซึ่งจะเน้น เรื่อง การเข่นฆ่า พี่น้องและ การยัดเยียด กาเฟร ให้มุสลิม)
 และ ฝั่งที่เห็นดีเห็นงาม กับ วะฮาบี(ซึ่งจะเน้น เรื่อง ผลงาน ดีเด่น ของกลุ่ม นี้ ที่ ต่อต้านแนวทางที่ถูกกล่าว ว่า ไม่ใช่แนวทางของนบี
ต่อต้าน ชีริก ความเชือ่ผิดๆ ที่มุสลิมหลงทาง)
แล้ว หนูจะทำงัยเนี่ย
ส่วนที่ดี เค้าก้อมี หนูจะเชื่อถือแนวทางนี้ได้มั้ย
ส่วนที่เค้า ว่า ไม่ดี มันก้อมี หนูจะตัดหางปล่อยวัด เลยได้มั้ยคะ

หนูสับสัน ค่ะ พี่ๆๆๆ

...

ไม่ต้องสับสนครับ.....ผมแนะนำให้น้องเอาแนวทางของมัสหับทั้ง4 ไว้ก่อนครับ..เพราะความรู้ของพวกเขานั้นถูกบันทึกไว้แล้วครับ............

รอยมลทินจากอีม่ามทั้ง4ก็ไม่เคยโดนอุลามะท่านใด  หรือใครๆโจมตี ในแง่ลบเหมือนวาฮาบีย์ครับ..อีกอย่างปลอดภัยไว้ก่อน

ออฟไลน์ del_dangerous

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 178
  • เพศ: ชาย
  • ถ้าชีวิตยังไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันต่อไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
Re: วะฮาบีย์
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: ส.ค. 29, 2007, 06:36 PM »
0
น้องปุ้มปุ้ยครับ

ไม่ต้องไปสนใจอะไรมากหรอก
ทำให้เราเครียดเปล่า ๆ
เอาเป็นว่าน้องเรียนมายังไง
ก็ทำไปอย่างนั้นแหล่ะครับ

บางอย่างมันเกินความสามารถของคนอย่างเราๆ (ผมด้วย)
เราก็ลองศึกษา แล้วก็ถามผู้ที่รู้
มันก็น่าจะทำให้เราไปในทางที่ถูกต้องได้นะครับ(คิดว่าง้าน...)

อีกอย่าง เราอย่าไปหุก่มใครแล้วกัน
พวกเรามันคนไม่มีความรู้มากมาย
ถ้าไม่เห็นอะไรที่มันผิดชัดๆ ก็อย่าไปยุ้งเลย
ปล่อยให้บรรดาผู้ เค้าจัดการกันเถอะครับ

วัสลาม
ชีวิตคือการเดินทาง สิ่งที่ดีใจคือไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ แต่สิ่งที่น่าเสียใจ คือ ย้อมกลับไปไม่ได้

ออฟไลน์ sunnah 50

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 117
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: วะฮาบีย์
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: ส.ค. 30, 2007, 01:27 AM »
0
ดร.สะฟัร บิน อับดุรเราะห์มาน อัลหะวาลีย์กล่าวว่า
الحكم الصحيح في الأشاعرة أنهم من أهل القبلة ، لا شك في ذلك ، أما أنهم من أهل السنة فلا
ข้อตัดสินที่ถูกต้องในอัลอะชาอีเราะฮนั้น ความจริงพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งจากชาวกิบลัต(ชาวมุสลิม) โดยไม่ต้องสงสัย สำหรับที่ว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งจากชาวอะฮลุสสุนนะฮนั้น ย่อมไม่ใช่ - มินฮะญุนอัลอะชาอิเราะฮ  หน้า 22
.........
ได้ไปพบมา ไม่ทราบว่า คำพูดนี้ถูกต้องหรือไม่ อาจารย์อัลอัชอารีย์ตอบด้วย

ออฟไลน์ sunnah 50

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 117
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: วะฮาบีย์
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: ส.ค. 30, 2007, 01:43 AM »
0
อบุลอับบาส อิบนิสุรัยญ์ อัชชาฟิอีย กล่าวว่า
لا نقول بتأويل المعتزلة ، والأشعرية ، والجهمية
เราจะไม่กล่าวตามการตีความของพวกมุอฺตะซิละฮ,พวกอัชอะรียะฮและพวกอัลญะฮมียะฮ - มินฮาจญอัลอะชาอิเราะฮ ของ ดร.สะฟัร หน้า 18

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
Re: วะฮาบีย์
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: ส.ค. 30, 2007, 01:50 AM »
0
ดร.สะฟัร บิน อับดุรเราะห์มาน อัลหะวาลีย์กล่าวว่า
الحكم الصحيح في الأشاعرة أنهم من أهل القبلة ، لا شك في ذلك ، أما أنهم من أهل السنة فلا
ข้อตัดสินที่ถูกต้องในอัลอะชาอีเราะฮนั้น ความจริงพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งจากชาวกิบลัต(ชาวมุสลิม) โดยไม่ต้องสงสัย สำหรับที่ว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งจากชาวอะฮลุสสุนนะฮนั้น ย่อมไม่ใช่ - มินฮะญุนอัลอะชาอิเราะฮ  หน้า 22
.........
ได้ไปพบมา ไม่ทราบว่า คำพูดนี้ถูกต้องหรือไม่ อาจารย์อัลอัชอารีย์ตอบด้วย

      
กระทู้นี้เสวนาเรื่องวะฮาบีย์  ส่วนอัลอะชาอิเราะฮ์  ไปในกระทู้นี้ครับ  เอา ดร. สะฟัร มาเป็นบันทัดฐานวิจารณ์เลยก็ไม่ว่าน่ะ  :o

http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?topic=1245.0

 

GoogleTagged