
ไปอ่านเจอมาในเฟส เกี่ยวกับเสวนาเรื่องอะกีดะฮ์ระหว่างอะฮ์ลิสซุนนะฮ์กับวะฮ์ฮาบี ซึ่งเห็นว่ามีประโยชน์ เลยนำมาเสนอให้พี่น้องได้อ่านเป็นกรณีศึกษา
อะหมัดรอซีดี บินอุษมาน อิสมัญ ผมตอบไปแล้วว่า เชื่อและยืนยัน ในซิฟัต อิสต้าวา แต่ไม่ได้แปล ความหมายแบบท่าน อย่ามาโมเม ตอบผมครับ ที่ถาม...........
อะสัน หมัดอาดัมผมถามว่าอิหม่ามกุรฏุบีย์บอกว่าชาวสะลัฟยุคแรกเขาเชื่อเรื่องอิสติวาอฺอย่างไร ผมไม่ได้ถามว่าคุณเชื่ออย่างไร
เรามาดู อาสัน แปลคำถ่ายทอดของท่านอิหม่ามอัลกุรตุบีย์จากเว็ปอื่นครับ....อาสันอ้างอิงมาว่า...
อิหม่ามอัลกุรฏุบีย์ กล่าวอีกว่า
وقد كان السلف الأول لا يقولون بنفي الجهة , ولا ينطقون بل نطقوا هم والكافة بإثباتها لله , كما نطق كتابه وأخبرت رسله , ولم ينكر أحد من السلف الصالح أنه استوى على عرشه حقيقة .... , وإنما جهلوا كيفية الاستواء
และปรากฏว่าสะลัฟยุคแรก พวกเขาไม่ได้ปฏิเสธ คำว่า "ทิศ" และพวกเขาจะไม่พูด แต่ทว่า พวกเขาเองทั้งหมด รับรองมัน(ทิศ)แก่อัลลอฮ ดังที่คัมภีร์ของพระองค์ได้กล่าวเอาไว้และบรรดารอซูลของพระองค์ ได้บอกไว้ และไม่มีคนใดจากชาวสะลัพผู้ทรงธรรม ปฏิเสธ ว่า อัลลอฮทรงสถิตย์เหนือบัลลังก์ของพระองค์อย่างแท้จริง (ไม่ใช่อุปมาอุปมัย) ...และความจริงพวกเขาไม่รู้รูปแบบวิธีการของการอิสติวาอฺเท่านั้น - ดูที่มาข้างล่าง
) الجامع لأحكام القرآن 7/219-220
Sunnah Core Salafussalahอาสัน แปลคำพูดของอิหม่ามกุรตุบีย์ที่ถ่ายทอดคำพูดของสะลัฟว่า “อัลลอฮ์ทรงสถิตย์เหนือบัลลังก์...” อยากถามว่า อาสันรู้ได้ไงว่า สะลัฟทั้งหมดในยุคแรกให้ความหมาย อิสตะวา ว่า “สถิต” และอาสัน รู้ได้ยังไงว่า อิสตะวา ที่ท่านอัลกุรตุบีย์กล่าวถึงทัศนะของสะลัฟ แปลว่า “สถิต” ...
สรุปคือ อาสัน โกหก!...ต่อสะลัฟและท่านอัลกุรตุบีย์...
เรามาเข้าใจคำพูดของท่านท่านอิหม่ามอัลกุรตุบีย์ที่ท่านได้กล่าวว่า
. وَقَدْ كَانَ السَّلَف الْأَوَّل رَضِيَ اللَّه عَنْهُمْ لَا يَقُولُونَ بِنَفْيِ الْجِهَة وَلَا يَنْطِقُونَ بِذَلِكَ , بَلْ نَطَقُوا هُمْ وَالْكَافَّة بِإِثْبَاتِهَا لِلَّهِ تَعَالَى كَمَا نَطَقَ كِتَابه وَأَخْبَرَتْ رُسُله . وَلَمْ يُنْكِر أَحَد مِنْ السَّلَف الصَّالِح أَنَّهُ اِسْتَوَى عَلَى عَرْشه حَقِيقَة
“แท้จริงสะลัฟยุคแรก ขออัลลอฮ์ทรงพึงพอพระทัยพวกเขา ไม่ได้กล่าวปฏิเสธทิศและพวกเขาไม่พูดสิ่งดังกล่าว(คือไม่พูดการมีทิศ) แต่พวกเขาและทั้งหมดได้พูดยืนยันทิศให้กับอัลลอฮ์ ตะอาลา เหมือนกับที่พระองค์ได้ทรงตรัสไว้ในคำภีร์ของพระองค์และเหมือนกับสิ่งที่บรรดาร่อซูลของพระองค์ได้บอกไว้ และไม่เคยมีสะลัฟศอลิห์คนใดปฏิเสธว่า อัลลอฮ์ทรง อิสตะวา เหนือบัลลังก์ของพระองค์อย่างแท้จริง...”
เรามาพิจารณทีละประโยคครับ...
คำพูดของท่านอัลกุรตุบีย์ที่ว่า “สะลัฟยุคแรกไม่ได้กล่าวปฏิเสธทิศ”
หมายถึง: พวกเขาไม่ได้ปฏิเสธเพราะว่าประเด็นปัญหาเรื่องทิศนั้น ไม่เคยเกิดขึ้นและนำมาถกในสมัยของพวกเขา
คำพูดของท่านอัลกุรตุบีย์ที่ว่า “พวกเขาไม่ได้พูดสิ่งดังกล่าว(คือไม่พูดการมีทิศ)”
หมายถึง: การที่พูดเขาไม่พูดการมีทิศนั้นเพราะว่า การยืนยันมีทิศทางไม่ใช่อะกีดะฮ์ของสะลัฟ
เพราะปราชญ์สะลัฟอย่างท่านอิมามอบูหะนีฟะฮฺกล่าวยืนยันในการปฏิเสธทิศว่า
ولقاء الله تعالى لأهل الجنة بلا كيف ولا تشبيه ولا جهة حق
" และการที่อัลเลาะฮฺ(ตะอาลา)ทรงพบกับชาวพบสวรรค์ โดยไม่มีวิธีการ ไม่มีการคล้ายคลึง และไม่มีทิศนั้น เป็นสัจจะธรรมความจริง" ดู กิตาบ อัลวะซียะฮฺ ของอบูหะนีฟะฮฺ หน้า 4
คำพูดของท่านอัลกุรตุบีย์ที่ว่า “แต่พวกเขาและทั้งหมดได้พูดยืนยันทิศให้กับอัลลอฮ์ ตะอาลา เหมือนกับที่พระองค์ได้ทรงตรัสไว้ในคำภีร์ของพระองค์และเหมือนกับสิ่งที่บรรดาร่อซูลของพระองค์ได้บอกไว้”
หมายถึง: อัลกุรอานและซุนนะฮ์มิได้บอกเจาะจงไว้เลยว่า อัลลลอฮ์ทรงมีทิศ แต่สะลัฟเพียงแค่ยืนยันบรรดาถ้อยคำที่บ่งชี้ถึงทิศแบบผิวเผินตามที่อัลกุรอานและซุนนะฮ์ได้ระบุเป็นถ้อยคำไว้โดยไม่เพิ่มเติมและสะลัฟก็ปล่อยผ่านมันไป...
เช่น ในอัลกุรอานได้ระบุว่า
علي العرش استوي
“พระองค์ทรงอิสตะวาเหนือบัลลังก์”
คำว่า “เหนือ” ตรงนี้ สะลัฟจะใช้คำว่า فوق العرش “เหนือบัลลังก์” เป็นต้น
และท่านอิหม่ามอัลกุรตุบีย์เอง ก็ได้กล่าวรายละเอียดหลักอะกีดะฮ์ของสะลัฟศอลิห์ ไว้ในตัฟซีรของท่านและในหนังสือ อัตติษการ ฟี อัฟเฎาะลิลอัซการของท่านไว้ว่า
وقد عرف أن مذهب السلف ترك التعرض لتأويلاتها مع قطعهم باستحالة ظواهرها فيقولون أمروها كما جاءت ، وذهب بعضهم إلى إبداء تأويلاتها ، وحملها على ما يصح حمله في اللسان عليها من غير قطع بتعيين محتمل منها
“แท้จริงได้ที่รู้จักกันดีว่า แนวทางของสะลัฟนั้น ไม่นำเสนอการตะวีล(ตีความ) พร้อมกับสะลัฟมั่นใจเด็ดขาดว่าความหมายผิวเผินของมัน(ของตัวบทเกี่ยวกับซีฟาตของอัลลลอฮ์)นั้นเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงกล่าว “พวกท่านจงปล่อยผ่านมันไปเหมือนกับที่มันได้ระบุมา” และสะลัฟบางส่วนได้เปิดเผยการตีความ(ตะวีล)และทำการตีความตามนัยยะที่สามารถตีความได้ตามหลักภาษาอาหรับโดยไม่ฟันธงในการเจาะจงความหมายที่ตีความนั้น” อัตติษการ หน้า 226
คำพูดของอิหม่ามอัลกุรตุบีย์ชัดเจนแล้วว่าสะลัฟนั้น ไม่เข้าไปยุ่งความหมายผิวเผินของตัวบทแต่จะทำการอ่านหรือปล่อยผ่านมันไปและสะลัฟบางส่วนก็ทำการตะวีล(ตีความ)
ท่านอิหม่ามอัฏเฏาะบะรีย์ อุลามาอฺสะลัฟ กล่าวว่า
وَقَدْ بَيَّنَّا أَنَّ كُلَّ شَيْءٍ عالٍ بِالْقَهْرِ وَغَلَبَةٍ عَلَى شَيْءٍ، فَإِنَّ الْعَرَبَ تَقُوْلُ: هُوَ فَوْقَهُ
"เราได้อธิบายมาแล้วว่า แท้จริงทุกๆ ที่สูงด้วยอำนาจและพิชิตเหนือทุกๆ สิ่งนั้น คนอาหรับ(ทั่วไปในยุคสะลัฟ)จะพูดว่า สิ่งนั้น(หรือผู้นั้น)อยู่เหนือสิ่งนั้น(คือเหนือด้วยอำนาจและการพิชิต)" ตัฟซีรอัฏเฏาะบะรีย์ หรือ ญามิอุลบะยาน ฟี ตะวีลิลกุรอาน 13/42
คำพูดของท่านอัลกุรตุบีย์ที่ว่า “และไม่เคยมีสะลัฟศอลิห์คนใดปฏิเสธว่า อัลลอฮ์ทรง อิสตะวา เหนือบัลลังก์ของพระองค์อย่างแท้จริง...”
หมายถึง: สะลัฟนั้นเชื่อว่า อัลลอฮ์ทรงมีซีฟัต “อิสตะวา” ที่ฮะกีกัต คือระบุยืนยันไว้จริงในอัลกุรอาน...
สรุปคือ แนวทางของสะลัฟที่ท่านอิหม่ามอัลกุรตุบีย์ ได้บอกไว้นั้น ไม่สอดคล้องกับอะกีดะฮ์ของวะฮ์ฮาบี...ดังนั้นวะฮ์ฮาบีจึงแค่แอบอ้างว่าสะลัฟ