ผู้เขียน หัวข้อ: เราะมะฎอน: ช่วงเวลาที่น่ารักที่สุดในโลก..  (อ่าน 2700 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ - ครูจริงใจ-

  • อยากเป็นคนดีที่อัลลอฮฺรัก
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 817
  • เพศ: หญิง
  • ทุกวินาทีของเราไม่เคยรอดพ้นจากบันทึกของรอกิบ-อาติด
  • Respect: +96
    • ดูรายละเอียด




ว่ากันว่า ช่วงเวลาที่ดี สุดสุข และน่าหวงที่สุดของชีวิตมักผ่านไปเร็วอย่างน่าใจหาย
รู้ตัวอีกที ก็ตอนใกล้ถึงเวลาต้องละจากความรู้สึกแสนดีเหล่านั้นออกมานั่นแหละ
จนอาจได้ยินหลายเสียงบ่นเสียดายเป็นหมีกินผึ้ง นึกอยากเขกกะโหลกตัวเองบ้างอะไรบ้าง หรือไม่ก็แอบมองค้อนปฏิทินและนาฬิกาข้างฝาโทษฐานที่เดินเร็วและไม่ยอมส่งเสียงเตือน ทั้งๆ ที่ปฏิทินและเจ้านาฬิกามันก็ทำหน้าที่ปกติของมันอย่างไม่เคยจะบกพร่องเลยแม้แต่น้อย

เป็นเหมือนกันไหมที่การได้สูดอากาศในเดือนเราะมะฎอนเข้าไปเป็นอะไรที่โล่งจมูกและรู้สึกสบายปอดสุดๆ ราวกับว่า ชีวิตคนในเมืองหลวงที่มีโอกาสได้สูดดมอากาศในชนบทที่มีนาข้าวและภูเขาล้อมรอบ เช้าๆก็มีหมอกสดใสให้ตื่นตารื่นใจยังไงยังงั้น ทั้งที่ก็เป็นอากาศเหมือนๆกับหลายๆเดือนที่ผ่านมาที่มีสัดส่วนของก๊าชชนิดต่างๆในปริมาณที่คล้ายๆกัน ใครบางคนที่ไม่เคยรู้จักและมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเราะมะฎอนมาก่อนคงนั่งคิ้วขมวดพร้อมเครื่องหมายเควชั่นมาร์กและบ่นเสียให้ได้ว่าโพรงจมูกและปอดคู่นั้นคงไบแอสเหลือเกิน

การได้มีชีวิตอยู่เจอ รินรสและตักตวงทุกความดีงามในเดือนเราะมะฎอนนับเป็นอภิมหึมามหาการุณอย่างเว่อร์วี่ว่ากับชีวิต๑ ๆ ที่อัรเราะฮมานจะเมตตาให้ เดือนที่แต้มคะแนนของแต่ละอาม้าล (ยกเว้นการถือศีลอดซึ่งเป็นสิทธิของอัลลอฮฺและอัลลอฮฺจะตอบแทนเอง: ดูเพิ่มเติมใน 40 ฮะดิษเราะมะฎอน) ที่ทำนั้นมีแต่ระดับที่ทบเท่าทวีคูณเป็น ๑o-๗oo เท่า จะมีอะไรดีและน่ารักกว่านี้อีกไหม..ชีวิตที่ได้เจอเราะมะฎอนเป็นชีวิตที่น่ารักที่สุดแล้ว-อินชาอัลลอฮฺ
 
ไม่เกินไปเลยจริงๆ ที่จะยืนยันว่า นั่นคือ ความเมตตายิ่งกว่าอินฟินิตี้ ถ้าเราเคยศึกษาประวัติและปฏิกิริยาของผู้คนสมัยก่อนหน้าเราต่อการได้เจอกับเราะมะฎอน ผู้คนที่หัวใจของพวกเขาเป็นหัวใจชนิดพิเศษกว่าเราเป็นไหนๆ มองโลกนี้ทะลไปไกลถึงอาคีเราะฮฺตั้งหลายพันปีแสง  ผู้คนที่ดุนยาถือว่าร้ายกาจเหลือหลาย แต่กลับทำอะไรพวกเค้าไม่ได้ นอกจากยอมปล่อยให้พวกเขาเดินทางฝ่าข้ามไปอย่างไร้ปากเสียงและเงียบเชียบที่สุดราวต้องมนต์สะกด
ใช่แล้ว! พวกเขาคือ บรรดาซอฮาบะฮฺและสลัฟ ผู้คนที่หน้าประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่า พวกเขาเคยรอคอยคืนวันของเราะมะฎอนแบบปีต่อปี รอด้วยหัวใจ อย่างคนที่เฝ้ารอคอยจะเจอคนรัก รอด้วยหวังและใจถวิลหา ดังที่มีรายงานว่าเมื่อเดือนเราะญับมาถึง พวกเขาจะขอดุอาอฺต่ออัลลอฮฺว่า
“โอ้อัลลอฮฺ โปรดประทานความจำเริญให้แก่เราในเดือนเราะญับและชะอฺบาน และโปรดให้เราบรรลุสู่เราะมะฎอน’’
นี่คือ สิ่งที่ผู้คนที่ละแล้วซึ่งทุกอย่างในโลกนี้ราวกับทุกอย่างเป็นแค่กองขยะกลับหวังและรอคอยเพื่อจะได้พบ

แต่แล้วเรา-ผู้คนที่ยังเห็นการละเล่นสนุกสนานแค่ชั่วครู่-ชั่วคราวของโลกนี้เป็นสุขสุดอยู่เสมอ ได้มีโอกาสใช้ชีวิตและสูดอากาศของเดือนนี้เข้าไปเต็มๆ ทั้งๆที่ไม่เคยเลยแม้แต่จะขอดุอาอฺหรือเตรียมตัวอย่างดีเพื่อจะเจอ (บางทีออกอาการอิดออดต่อการเข้ามาของเราะมะฎอนด้วยซ้ำไป -ขออัลลอฮฺปกป้องเราจากความรู้สึกเยี่ยงนี้)
เหล่านี้ยังไม่คู่ควร/ เพียงพออีกหรือโอ้ดิน-สิ่งถูกสร้างที่ต้อยต่ำเอ๋ยต่อการที่เจ้าจะศิโรราบอย่างนอบน้อมและขอบคุณ
...ยังไม่เพียงพออีกหรือโอ้ดินเอ๋ย ?
(‘การได้เป็นบ่าวที่ขอบคุณ’ อย่างไรนั้น  โปรดค้นและศึกษาจากแบบอย่างของบุคคลต้นแบบโดยพลัน แบบอย่างที่การตื่นขึ้นมาอิบาดะฮฺในยามค่ำคืนกระทั่งเท้าบวม ทั้งๆที่เป็นความผิดทั้งก่อนหน้า ปัจจุบันและอนาคตไม่มี เพราะท้ายที่สุดแล้วการเป็นบ่าวที่ขอบคุณด้วยหัวใจและการกระทำเป็นอะไรที่ดีต่อตัวเราเองนี่แหละ ทั้งๆที่หากไม่มีใครจะขอบคุณพระองค์ไม่เดือดร้อนเลยสักนิด!)

เมื่อมีโอกาสได้อยู่ในห้วงบรรยากาศของเราะมะฎอนแล้ว อะไรคือ แก่นแท้ของการได้ใช้ชีวิตในเดือนนี้กันนะ ?
คำตอบที่ชัดเจนที่สุดจากผู้ที่ส่งเราะมะฎอนมาให้เรามีเรียบร้อยแล้วนี่ไง

‘يَٰٓأَيُّهَا ٱلَّذِينَ ءَامَنُواْ كُتِبَ عَلَيۡكُمُ ٱلصِّيَامُ كَمَا كُتِبَ عَلَى ٱلَّذِينَ مِن قَبۡلِكُمۡ لَعَلَّكُمۡ تَتَّقُونَ’
‘โอ้ผู้ศรัทธาทั้งหลาย! พวกเจ้าถูกกำหนดให้ถือศีลอดในเดือนเราะมะฎอน) เช่นเดียวกับที่การถือศีลอดได้ถูกกำหนดแก่ประชาชาติก่อนหน้าพวกเจ้า เพื่อว่าพวกเจ้าจะยำเกรง’
[อัลบ่ะกอเราะฮฺ : 183]

..มิใช่เพื่ออะไรอื่นเลยจริงๆ แต่ ‘เพื่อให้เราได้ยำเกรง’ การถือศีลอดจึงถูกบัญญัติให้แก่พวกเราและบุคคลก่อนหน้าเรา
ถ้ากลับไปพิจารณา ส่วนต้นเลยของซูเราะฮฺเดียวกันนี้อีกทีเราก็จะพบว่า อัลลอฮฺบอกเราว่า อัลกุรอานนี่น่ะ เป็น "ฮุดา-ทางนำ" สำหรับผู้มี "ตักวา : ความยำเกรง" [ดูอัลบะกอเราะฮ อายะฮฺที่ 2]
คือใครไม่มีตักวา ก็จะไม่ได้สัมผัสความเป็นฮุดาของอัลกุรอาน อย่างที่เราะมะฎอนเค้าได้ฉายาว่า ‘ชะฮรุ้ลกุรอ่าน’
...นั่นหมายความว่า ท้ายที่สุดแล้ว เราถือศีลอด เรามุ่งสู่ความยำเกรง ก็เพื่อจะได้เข้าสู่การเป็นชาวอัลกุรอานที่สมบูรณ์นั่นเอง ซุบฮานัลลอฮฺ! การเข้าถึงทางนำแห่งอัลกุรอานคือสุดยอดของการถือศีลอดนั่นเอง

จริงๆ ด้วยระยะเวลาที่เราะมะฎอนได้แวะมาทักทายจนถึงโค้งสุดท้ายนี่ ช่วงเวลานี้ควรจัดเป็นช่วงเวลาที่ชีวิตได้ตีซิ้กับเราะมะฎอนถึงขึ้นสนิทแล้วไหมหนอ ?  คือ ชีวิตเรา’ควร’ (ขีดเส้นใต้หนาๆ อังศนา 48) เป็นชีวิตที่ผูกพันกับอัลกุรอ่านพอควรแล้วกระมัง ผูกอย่างเดียวไม่พอ ต้อง ‘พัน’ ไว้อย่างหนาที่สุด เชือกชนิดดีที่สุดด้วย เพื่อความแนบแน่นที่ดีและเพื่อให้ตลอดชีวิตของเราได้รักอัลกุรอ่าน เหมือนที่เราะมะฎอนรักอัลกุรอ่านและอัลกุรอ่านก็รักเราะมะฎอน เพราะเมื่อเรารักอัลกุรอ่าน อัลกุรอ่านก็จะรักเรา และเราะมะฎอนก็จะรักเราด้วย จะดีแค่ไหนหนอชีวิตที่ถูกรักด้วยอัลกุรอ่าน-ธรรมนูญที่สวยสด งดงาม อุ่นใจ มีคำตอบและเส้นทางที่ชัดเจนแจ่มแจ๋วที่สุดอย่างที่ควรเป็นธรรมนุญของทุกชีวิต-ที่ไม่มีธรรมนูญหรือวิถีชีวิตที่ผิดแปลกใดๆมาแทรกแซงและสั่นคลอนได้แม้จะเดือนใดหรือช่วงไหนๆ ของชีวิต

ไปดูตัวอย่างของคนก่อนหน้ากับการใช้เวลาในเราะมะฎอนกันไหม ? (เผื่อหัวใจบางดวงถึงหลายๆดวงจะรู้สึกอิจฉาและบอกกับตัวเองว่า ถ้าอยู่อย่างที่เป็นอยู่คงไม่ได้แล้ว)
จากงานเขียนของชัยค์อัซซาม กล่าวว่าในยุคของบรรดาคนสลัฟนั้น พวกเขาจะคำนวณนับเวลาในเราะมะฎอนกันเป็นนาที มีรายงานถึงบางคนในหมู่ตาบิอีน และยุคหลังจากพวกเขาเกี่ยวกับการอ่านอัล-กุรอ่านและการละหมาด โดยบางคนในหมู่พวกเขาสามารถคอตัมอัล-กุรอ่านถึง 60 ครั้ง ภายในเดือนเราะมะฎอน อิมามชาฟีอีย์ คือคนหนึ่งที่ถูกรายงานอย่างเจาจะจงในเรื่องนี้ ท่านคอตัมกุรอ่าน 1 รอบในช่วงกลางวัน และอีก  1 รอบในช่วงกลางคืน บางคนในหมู่สลัฟก็ใช้เวลา 3 วัน ในการคอตัม 1 รอบ จนกระทั่งถึงช่วง 10 คืนสุดท้าย ซึ่งพวกเขาจะเอี๊ยะติก๊าฟในมัสญิด ก็ลดลงเหลือเพียง 1 วัน สำหรับการคอตัม 1 รอบ

นอกจากนี้เชคอัซซามได้กล่าวว่า ฉันเคยได้ยินอบุลฮะซัน อันนัดวียฺกล่าวว่า “ฉันเห็นบรรดาครูของฉัน พวกท่านแต่ละคนแทบจะไม่พูดจากันเลยในเดือนเราะมะฎอน ทว่าพวกท่านทุ่มเทเวลาไปกับการทำอิบาดะฮฺ ทั้งการอ่านอัล-กุรอ่านและการละหมาด ถ้าใครสักคนมาพูดกับพวกท่าน พวกท่านก็จะนับคำพูดที่พวกท่านพูด และคำนวณเวลาที่พวกท่านใช้ไปในการนั้นเป็นนาทีและวินาที

เมื่อเราะมะฎอนมาถึง อิมามมาลิกจะไม่ยอมปล่อยให้ตัวท่านง่วนอยู่กับสิ่งอื่นใดมากไปกว่าอัลกุรอ่าน ท่านเคยยกเลิกการสอนและบรรยายวิชาต่างๆ ในช่วงเราะมะฎอน ด้วยเหตุว่านี่คือเดือนแห่งอัลกุรอ่าน

ซุบฮานัลลอฮฺ! ..
นี่แค่เป็นตัวอย่างเล็กๆน้อยที่แอบหยิบยกมาให้สมกับการเป็น ‘ชะฮรุลกุรอ่าน’ น่ะนะ (ยังมีหลากหลายเรื่องราวของอัลมุสฏอฟาและบุคคลรอบๆตัวท่าน บุคคลยุคหลังจากท่านจากการถือศีลอดแบบอย่างที่การอดข้าวอดน้ำทำร้ายท้องและลำคอของพวกเขาไม่ได้เลย นอกจากเป็นฐานและพลังให้พวกเขาใช้ไปสู่ดื่มด่ำและใกล้ชิดเจ้าของชีวิตอย่างแท้จริงและความสุขจากการได้ตื่นขึ้นมาอิบาดะฮฺในยามค่ำคืนที่พาหัวใจสั่นไหวอีกเยอะมากมายรอให้เราได้ลองไปศึกษาและแหวกว่ายในบรรยากาศและอิบาดะฮ์อันหอมหวานนั้นอยู่)
ไม่ต้องฉงนใจแล้วใช่ไหม? หากเกิดคำถามในใจอีกคราว่า แล้วนี่หัวใจเราและเขาต่างชนิดกันหรือไร ?
หัวใจของเขาคงเป็นหัวใจที่เปี่ยมล้นไปด้วย ‘ความยำเกรง’ ที่ถูกปลูก เติบโตและหยั่งรากแก้วลึกลงไปในหัวใจแน่ๆ
เราะมะฎอนที่แวะผ่านเข้ามาปีแล้วปีเล่า ก็อาจเป็นได้แค่ปุ๋ยชนิดดีที่สุดที่ส่งผลให้ ‘ความยำเกรง’ งอกเงยอย่างงดงามยิ่งขึ้นแก่หัวใจของผู้คนเหล่านี้เองกระมัง

ความหดหู่คืบคลานสู่ทุกอณูหัวใจอีกครั้งเมื่อหันกลับมามองตัวเองและถามตัวเองดังๆ ในใจเป็นครั้งที่ร้อยกว่าว่า แล้วหัวใจของเราล่ะ หัวใจของเราเป็นหัวใจชนิดไหนกันนะ แบบเดียวกับพวกเขาหรือมีอะไรคล้ายๆกับพวกเขาบ้างหรือป่าว ?

เราะมะฎอนล่วงมาถึงโค้งสุดท้ายแล้ว บางทีเมล็ดพันธุ์แห่งความยำเกรงยังโตได้ไม่ดีพออย่างที่ควรเป็น
หรือยังเป็นแค่ต้นกล้าเล็กๆ ที่พอจะสดชื่นขึ้นบ้างในวันที่ได้น้ำดีๆ อากาศแจ่มๆ กระนั้นแต่ก็ยังไม่แย่เท่าการที่เราทำเมล็ดพันธุ์นั้นหายไป อย่างนึกยังไงก็นึกไม่ออกว่าหล่นหายไปไหน ที่น่ากลัวสุดๆ คงไม่ถึงขึ้นดินไม่ดีปลูกยังไงก้คงไม่ขึ้นแน่ๆ..

ผ่านไปแล้วเรื่องราวของคนก่อนหน้ากับการแสวงหาและการอาศัยพลังจากเราะมะฎอนเพื่อทะยานไปสู่การใกล้ชิดกับผู้ที่เราควรรักและรักเราที่สุดในโลก  ผ่านมาแล้วแบบอย่างและเรื่องราวของพวกเขา แต่เรื่องราวของเรา-มนุษย์ที่ยังคงต้องแสวงหาความโปรดปรานเพื่อเป็นกุญแจไปสู่ประตูความสุขที่ไม่เคยมีในโลกนี้-ความสุขที่ตาไม่เคยเห็น หูไม่เคยได้ยินและหัวใจไม่เคยหยั่งถึง จำเป็นต้องดำเนินต่อไปกระทั่งกำหนดที่ชัดเจนมาถึง

โอ้นักแสวงหาความโปรดปรานและรางวัลอันยิ่งใหญ่ทั้งหลาย ขุมทรัพย์ใหญ่กำลังรออยู่ข้างหน้า ณ โค้งสุดท้ายของเราะมะฎอน รีบจัดการภารกิจดุนยาแล้วไปเสาะแสวงหากันเถอะ..

«لَيْلَةُ الْقَدْرِ خَيْرٌ مِنْ أَلْفِ شَهْرٍ»
"(การประกอบอิบาดะฮฺในค่ำคืน)ลัยละตุล ก็อดรฺดีกว่า(การประกอบ อิบาดะฮฺ)หนึ่งพันเดือน(ในค่ำคืนอื่นจากลัยละตุล ก็อดรฺ)"
(ซูเราะฮ์อัล-ก็อดรฺ:3)

ด้วยรัก ตักวา และเราะมะฎอน | ณ โค้งสุดท้ายของเราะมะฎอน 1433
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 07, 2012, 04:31 PM โดย - ครูจริงใจ- »

ท่าน ฮะซัน อัลบัศรีย์ (ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ) กล่าวว่า :
 
วัลลอฮฺ คนที่เป็นมุอฺมินจริงๆนั้น ท่านจะเห็นว่าเขาจะไม่ตำหนิใครเลยนอกจากตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด
จะคิดว่าตนคือผู้บกพร่องเสมอจะเสียใจ และโทษตนเอง ...แต่ คน ฟาญิร (ไม่ดี) จะกระทำโดยไม่สนใจสิ่งใดและไม่เคยโทษตนเอง..

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
+1
 :salam:

คำวิจารณ์จากผู้อ่าน

"เนื้อหาดี สำนวนการนำเสนอ ล้ำสมัย และให้ความรู้ ปลุกเร้าให้หึกเหิมในการทำความดี"

A+

والسلام عليكم ورحمة الله وبركاته

ออฟไลน์ JawhaR

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1303
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
0
"ทุกๆ การงานของลูกหลานอาดัมจะเพิ่มพูนถึงสิบ
เทาจนถึงเจ็ดรอยเทา อัลลอฮฺไดตรัสวา นอกจากการถือศีล
อด แทจริงมันเปนสิทธิของขาและขาจะตอบแทนมันเอง(โดย
ไมกําหนดตายตัววาเพิ่มขึ้นเทาใด) เขาไดละทิ้งตัณหาและ
อาหารเพื่อข้า สําหรบผู้ที่ถือศิลอดนั้นมีสองความสุข(เบิกบาน
ใจ) ความสุขแรกตอนที่เขาละศีลอด และความสุขที่สองตอน
ที่ไดพบกับพระผูเปนเจาของเขา และแทจริงกลิ่นปากของผูที่
ถือศีลอด ณ อัลลอฮฺนั้นหอมยิ่งกวากลิ่นของชะมดเชียงเสีย
อีก" 

(บันทึกโดยอัล-บุคอรีย : 1894 และมุสลิม :1151)
I'm just a Mini Muslim and will try to be   StrongeR. Insha-Allah

ออฟไลน์ - ครูจริงใจ-

  • อยากเป็นคนดีที่อัลลอฮฺรัก
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 817
  • เพศ: หญิง
  • ทุกวินาทีของเราไม่เคยรอดพ้นจากบันทึกของรอกิบ-อาติด
  • Respect: +96
    • ดูรายละเอียด
+1
:salam:

คำวิจารณ์จากผู้อ่าน

"เนื้อหาดี สำนวนการนำเสนอ ล้ำสมัย และให้ความรู้ ปลุกเร้าให้หึกเหิมในการทำความดี"

A+

والسلام عليكم ورحمة الله وبركاته

ว่ะอะลัยกุ้มมุสลาม ว่ะเราะฮมาตุลลอฮฺ ว่ะบะร่อกาตุฮฺ
อัลฮัมดูลิลลาฮฺ  ไม่มีพลังอำนาจ การนึกคิด การเคลื่อนไหวใดๆ นอกจากที่มาจากอัลลอฮฺ
ฉะนั้น พระองค์คือผู้ที่คู่ควรต่อทุกการสรรเสริญ อัลฮัมดูลิลลาฮฺ..

ญะซากัลลอฮฺ ค็อยร่้อนสำหรับคอมเมนเตชั่นค่ะแช
โดยส่วนตัวคิดว่า A+ เยอะไปนะคะ ด้วยระยะเวลา ไม่ทันได้ตรวจทานให่้ดี กลับมาอ่านอีกทีพบว่า แต่ละวรรคไม่ค่อยจะต่อเนื่องกันสักเท่าไหร่เลย

"ทุกๆ การงานของลูกหลานอาดัมจะเพิ่มพูนถึงสิบ
เท่าจนถึงเจ็ดร้อยเท่า อัลลอฮฺได้ตรัสว่า นอกจากการถือศีล
อด แท้จริงมันเป็นสิทธิของข้าและข้าจะตอบแทนมันเอง(โดย
ไม่กําหนดตายตัวว่าเพิ่มขึ้นเท่าใด) เขาได้ละทิ้งตัณหาและ
อาหารเพื่อข้า สําหรบผู้ที่ถือศิลอดนั้นมีสองความสุข(เบิกบาน
ใจ) ความสุขแรกตอนที่เขาละศีลอด และความสุขที่สองตอน
ที่ได้พบกับพระผู้เป็นเจ้าของเขา และแท้จริงกลิ่นปากของผู้ที่
ถือศีลอด ณ อัลลอฮฺนั้นหอมยิ่งกว่ากลิ่นของชะมดเชียงเสีย
อีก" 

(บันทึกโดยอัล-บุคอรี : 1894 และมุสลิม :1151)

ทำไมจึงยกเว้นเฉพาะการถือศีลอดคะ ?
(พี่น้องท่านใดสามารถอธิบายเพิ่มเติมได้อีก ขอเรียนเชิญนะคะ )

ท่าน ฮะซัน อัลบัศรีย์ (ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ) กล่าวว่า :
 
วัลลอฮฺ คนที่เป็นมุอฺมินจริงๆนั้น ท่านจะเห็นว่าเขาจะไม่ตำหนิใครเลยนอกจากตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด
จะคิดว่าตนคือผู้บกพร่องเสมอจะเสียใจ และโทษตนเอง ...แต่ คน ฟาญิร (ไม่ดี) จะกระทำโดยไม่สนใจสิ่งใดและไม่เคยโทษตนเอง..

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: เราะมะฎอน: ช่วงเวลาที่น่ารักที่สุดในโลก..
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: มี.ค. 30, 2015, 11:17 PM »
0
ได้มีอัล-ฮาดีษอัลกุดซีย์ (บัญญัติแห่งพระเจ้าที่ผ่านตรงมาสู่ท่านศาสดามูฮำมัด)
ถูกรายงานมาว่า

كل عمل ابن آدم له إلاّ الصيام فإنه لي وأنا أجزي به ))

ความว่า: “ทุกๆกิจการงานของลูกหลานอาดัม (มนุษย์) นั้นเป็นสิทธิ์ของพวกเขา
นอกจากการถือศีลอด แน่แท้การถือศีลอดนั้นเป็นสิทธิ์ของข้า (อัลลอฮฺ)
โดยที่ข้าจะตอบแทนผลบุญเนื่องด้วยการถือศีลอดนั้น”

(รายงานโดย ท่านอะห์มัด มุสลิม และน่าซาอีย์)
                                       
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
0
คิดถึงกระทู้นี้และบรรยากาศในวันวาน...

จึงกลับมาขุดอีกครั้ง...

รอมาฎอนมุบาร็อกค่ะ ^^

เมื่่่อเราคิดถึงใครหรือสิ่งใดๆ...แน่นอนว่าเราย่อมยินดีปรีดาและมีความสุข
เมื่อได้ประสบพบเจอกับคนหรือสิ่งที่เราคิดถึง...

^^

"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

 

GoogleTagged