ยิวในสมัยสุลต่านมูร๊อดที่ 4 กับการปรากฏตัวของซาบาตัย ซาฟีย์ (ค.ศ.1623-1640)=(ฮ.ศ.1033-1050)
ในสมัยของสุลต่านมูร๊อดที่ 4 ปรากฏว่าอาณาจักรออตโตมานเดินไปในทิศทางของการล้มสลาย โดยออตโตมานได้ทำสงครามกับกรุงเวนิส Venice (เป็นเมืองท่าในตะวันออกเฉียงเหนือของอิตาลีสร้างอยู่บนเกาะเล็กๆ) เช่นเดียวกัน ออตโตมานได้ทำสงครามกับรัสเซีย ออตโตมานสามารถปิดล้อมกรุงเวียนนา (เมืองหลวงของประเทศออสเตรีย) ได้เป็นครั้งที่ 2 ซึ่งเคยถูกปิดล้อมมาก่อนนี้แล้วในครั้งสมัยสุลต่านสุไลมาน อัลกอนูนีย์ แต่ทว่าออตโตมานไม่สามารถผ่านเข้าไปในเมืองนั้นได้ และวิถีแห่งการถ่อยหลังของอาณาจักรออตโตมานก็ได้เริ่มขึ้น
ในช่วงเวลาดังกล่าว ความรู้สึกของชาวยิวก็เริ่มประสานรวมกันภายใต้บังเหียนเดียวกันที่จะทำให้พวกเขาได้รับการปลดแอกจากการปกครองของผู้ที่ไม่ใช้พวกตน โดยที่คลื่นลูกใหญ่ได้โหมกระหน่ำใส่ชาวยิวที่อาศัยอยู่ในรัสเซีย โปแลนด์ และยูเครน จนเป็นทำให้ความคิดในการที่จะเอาตัวรอดเกิดขึ้นในสมองของพวกยิว ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นในปี ค.ศ.1648 (ตรงกับ ฮ.ศ.1058) (อ้างอิง: อะห์มัด อุสมาน หน้าที่ 55)
ในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น ยิวมีความเชื่อว่าสิ่งต่างๆที่พวกเขากระทำจะไม่สามารถทำให้บังเกิดความก้าวหน้าทางด้านความคิดที่จะแก้ไขปัญหาของพวกเขา และสงครามก็ไม่สามารถเรียกร้องและรวบรวมสิทธิของพวกเขาได้ ดังนั้นพวกเขาจึงค้นหาบุคคลหนึ่งที่จะทำให้รากฐานของความศรัทธาของพวกเขามีชีวิตขึ้นมาและสามารถปกครองพวกเขาได้
ดังนั้นจึงไม่มีนักคิดจากพระยิวคนใด นอกจากจะต้องกลับไปยังพระคัมภีร์ต่างๆและตัวบทศาสนาเก่าในศาสนาต่างๆของพวกเขา และจะต้องพึ่งความคิดที่จะเอาตัวรอดจากการทดสอบที่พวกเขาเผชิญอยู่ ในช่วงเวลานั้นเองความคิดในการที่จะเอาเรื่องราวของพระเยซูที่พวกเขารอคอยมาปะปิดปะต่อกัน โดยที่พวกเขาเชื่อว่าพระเยซูจะมา และจะกลับมายังประเทศของพวกเขา และมาปลดแอกพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงมุ้งหน้าเต็มตัวไปยังยิวที่มีชื่อว่า ซาบาตัย ซาฟีย์ ซึ่งเขาได้ประกาศแก่ชาวยิวว่าตัวของเขานั้นเป็นพระเยซูอันบริสุทธิ์ การแอบอ้างนี้ได้เกิดขึ้นในสมัยสุลต่านมูร๊อด ที่ 4 (ค.ศ.1623-1640)
และในหน้าหนังสือต่อไปนี้จะเสนอบทบาทของยิวในตุรกีในขณะที่พวกเขาเรียกร้องเอกภาพ การมีสถานภาพที่มั่นคงจากหนทางที่จะหลบซ้อนอยู่หลังศาสนาคริสต์ และประกาศการกลับมาของพระเยซู เพื่อที่โลกจะได้หันหน้ามายังพวกเขา และแน่นอนขบวนการของพวกเขาก็ได้รับความสำเร็จไปอีกด้านหนึ่ง โดยการนำของซาบาตัย ซาฟีย์ ที่อ้างตนเป็นพระเยซู กลุ่มชนของเขาที่ถูกเรียกว่า ?Dunma? มีผลกระทบอย่างมากมายทางด้านการเมือง หลังความเชื่อ และข้อมูลของตุรกี
ยิวถูกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆด้วยกัน
นักค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องยิวได้แบ่งยิวออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้
1. เอชกานาซ์ พวกเขาเป็นกลุ่มยิวที่ร้นมาจากเยอรมัน พูดภาษาเยอรมัน และเรียกภาษาดังกล่าวว่า ภาษายัยดัช ซึ่งเป็นภาษาที่ผสมผสานกันระหว่างภาษาเยอรมัน ภาษาเออรเมียและบางคำจากภาษาอื่นๆ พวกเขาอาศัยอยู่ในยุคกลาง คำว่า ?เอชกานาซ์? มาจากคำว่า ?ชักนาซ? ความหมายว่า ?ชาวเยอรมัน? เดิมทีพวกเอชกานาซ์ถูกเรียกโดยจำกัดเฉพาะยิวเยอรมันเท่านั้น ต่อมาคำนี้ได้ถูกใช้กับกลุ่มยิวที่อาศัยอยู่ในยุโรป ฝรั่งเศส และบางส่วนจากออสเตรีย และแน่นอนยิวกลุ่มนี้คือยิวหัวรุนแรงจากพวกไซออนิสต์ในปัจจุบัน
2. ซะฟาร์ดิม พวกเขาเป็นกลุ่มยิวที่อพยพไปยังคาบสมุทรเอบีเรียหลังจากที่อิสลามได้เขาไปเปิดในปี ค.ศ.711 ในช่วงที่พวกเขามาใหม่ๆ พวกเขาพูดภาษาอาหรับจนถึงศตวรรษที่ 13 ต่อมาพวกเขาได้หันมาใช้ภาษาสเปนและได้ยึดภาษาสเปนเป็นภาษากลางสำหรับพวกเขา ภาษาของพวกเขาถูกรู้จักกันให้ชื่อ ?ลาดิโน่?
ซะฟาร์ดิมมีความแตกต่างจากเอชกานาซ์ทางด้านวัฒนธรรม เนื่องจากยิวกลุ่มนี้ (ซะฟาร์ดิม) ได้แสวงหาประโยชน์จากอารยธรรมอาหรับในสเปน ในขณะเดียวกันยิวเอชกานาซ์ถูกปล่อยให้ใช้ชีวิตโดยลำพัง ไร้ซึ่งออารยธรรม ด้วยเหตุนี้ยิวซะฟาร์ดิมจึงถือว่าตนเองเป็นชนชาติที่มีเกียรติ และรู้สึกว่าตนนั้นมีวัฒนธรรมและอารยธรรมที่แตกต่างจากยิวเอชกานาซ์ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ยอมลดตัวที่จะไปปะปนกับยิวเอชกานาซ์ และไม่แต่งกันกับระหว่างสองเชื่อชาตินี้ สภาพดังกล่าวนี้คงเรื่อยมาจนถึงศตวรรษที่ 18 (อ้างอิง: อะห์มัด ซูซะห์ หน้าที่ 699-700)
3. ยิวตะวันออก พวกเขาเป็นกลุ่มยิวที่ออกจากปาเลสไตน์หลังถูกจับเป็นเฉลย โดยที่พวกเขาได้กระจัดกระจายไปในอิรัก อิหร่าน ตอนเหนือของแอฟริกา และในที่อื่นๆ พวกเขาพูดภาษาพื้นเมืองของประเทศที่พวกเขาอยู่
ภาษายิวในอาณาจักรออตโตมาน
ภาษายิวในอาณาจักรออตโตมานสามารถแบ่งได้เป็นระดับชั้นของกลุ่มยิวที่อาศัยอยู่ในอาณาจักรนี้ อาทิเช่น
กลุ่มที่ 1 พวกเขาเป็นยิวสเปน ในจำนวน 77% ที่พูดภาษาลาดิโน่ ซึ่งเป็นภาษาที่ประกอบขึ้นจากภาษาลาตินกับภาษาสเปน ภาษานี้ได้ถูกแบ่งเป็น 2 สำเนียงย่อยๆ ในท้ายศตวรรษที่ 15
1) สำเนียงภาษาในกาสตาเลีย
2) สำเนียงภาษาที่ใช้กันในตอนเหนือของสเปนและโปรตุเกส
รูปอักษรของภาษาลาดิโน่ที่ใช้เขียน ถูกเรียกว่า ?ลาดิโน่? ซึ่งได้ถูกนำมาใช้เป็นอักษรตุรกีสมัยใหม่ และด้วยกับภาษาลาดิโน่เป็นอักษรในรูปของการเขียนมีความแตกต่างจากภาษาสเปน ต่อมาได้กลายมาเป็นภาษาสเปนจากอีกรูปแบบหนึ่ง
กลุ่มที่ 2 กลุ่มยิวที่พูดภาษาฝรั่งเศส ซึ่งมีจำนวนถึง 96%
กลุ่มที่ 3 กลุ่มยิวซึ่งรวมถึงยิวเอชกานาซ์ที่พูดภาษาเยอรมัน ซึ่งมีจำนวนถึง 31%
กลุ่มที่ 4 พูดภาษาฮิบรู ซึ่งมีจำนวนเพียง 8%
ทุกๆกลุ่มจากยิวเหล่านี้รู้จักภาษาตุรกีและพูดภาษาตุรกีได้อย่างดี
48% จากยิวรู้ภาษาอังกฤษ และอีก 33% รู้ภาษาโรมัน ซึ่งส่วนใหญ่จะพูดมากกว่าหนึ่งภาษา แต่ทว่าด้วยกับจำนวนเปอร์เซ็นที่กล่าวมานั้น นายโฮเวลได้ถือว่าภาษาที่สูงส่งที่สุดคือภาษาฮิบรู และเช่นเดียวกันกลุ่มก๊อรราเอน ซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองกอรม์ในยุคท้ายๆ พวกเขาพูดภาษาตาต๊าร (ตาร์ตาร์) แต่เดิมยิวที่อาศัยอยู่ในเมืองดัยารบัก ซัยปัร และอุรฟะห์ พวกเขาพูดภาษาอาหรับซึ่งเป็นภาษาตอนใต้ของดัยยารบัก แต่ว่ายิวที่อาศัยอยู่ในมารีเดน พวกเขาพูดภาษาที่แตกต่างกันไป และยิวที่อาศัยอยู่ในเมืองวาน และเมืองโบวกาสลัต พูดภาษาอัลการ์เดีย
ในปี ค.ศ.1660 (ตรงกับปี ฮ.ศ.1071) ยิวที่อพยพมาจากสเปน พวกเขาใช้ภาษายิวสเปนในพื้นที่ที่ใกล้เคียงกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและทะเลไอจีอัน (ทะเลในเมดิเทเรเนียนอยู่ระหว่างกรีกกับตุรกี) และเรียกภาษานี้ว่า ?ลาดิโน่?
โดย : ดร.ฮูดา ดูรอววิช
แปลและเรียบเรียงโดย : อะห์มัด มุสตอฟา โต๊ะลง
www.ridwanclub.com