ขอถามผู้รู้ในนี้ทุกๆท่านเรยครับ คือว่า ผมได้ตอบโต้กลุ่มวะฮาบีย์ในฮาดิษที่เกี่ยวกับทาสหญิงที่ว่า การกระทำของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม เช่นการที่ท่านชี้นิ้วขึ้นไปยังฟากฟ้าขณะที่ท่านคุฏบะฮฺกับผู้คนจำนวนมาก แร้วนบีพูดว่า อัลลอฮฺฟิซซามาอฺ ดังกล่าวนั้นคือ วันอะรอฟะฮฺ ปีหัจญ์วะดาอฺ (หัจญ์อำลา) ฮาดิษนี้นักศึกษาไทยที่มาดีนะห์สายอิหม่ามชาฟีอีย์เราซึ่งเป็นคนมีความรู้คนนึงเรยครับเขาได้บอกผมมาครับว่าเป้นฮาดิษอาฮ๊าด แต่พอผมไปบอกพวกวะฮาบีย์มันบอกว่าถึงจาอาฮ๊าดแต่มีฮาดิษของทาสหญิงที่สายรายงานมุตาวาติร รองรับอยู่ด้วย ผมก้อ งง ครับว่าจริงหรอ ตกลงมันมีสายรายงานที่มุตาวาติรจิงหรอครับ แร้วฮาดิษที่ว่าประชาชาติของฉันจะแตกเป็น 73 จำพวกอ่ะครับ ที่เป็นฮาดิษหากินของพวกวะฮาบีย์ ผมได้ยินมาว่า มันเป็นฮาดิษฎออีฟ จริงหรอครับ เรยอยากรู้สายรายงานที่ไปที่มาหน่อยอ่ะครับ ขอบคุณผู้รู้ในนี้ด้วยนะครับ
หรืออีกสายรายงานหนึ่งที่มีเนื่อหาคล้ายๆกันว่า...
ครั้งหนึ่ง มูอาวียะห์ บุตร อัลฮากัม อัสซูลามี ท่านต้องการที่จะให้อิสรภาพกับ ญารียะห์ทาสของท่าน มูอาวียะห์ได้นำตัวญารียะห์ไปหาท่านรอซูล ซ.ล ท่านรอซูลได้ถามญารียะห์ว่า พระองค์อัลลอฮ.อยู่ที่ไหน? เธอตอบว่า พระองค์อัลลอฮอยู่บนฟ้า ท่านรอซูลได้ถามต่อไปว่า แล้วฉันเป็นใคร? เขาก็ตอบว่าท่านคือศาสนทูตของพระองค์ หลังจากนั้นท่านรอซูลได้กล่าวกับมูอาวียะห์ว่า ปล่อยเธอให้เป็นอิสระเถิด เพราะแท้จริงเธอคือผู้ศรัทธา ฮาดิษนี้บันทึกโดยนักบันทึกฮาดิษหลายท่าน เช่น อิหม่ามมาลิก

;Dความจริงแล้วพระองค์อัลลอฮ.ทรงสถิตอยู่บนบัลลังค์ของพระองค์ดังที่พระองค์ได้ทรงกล่าวไว้ถึงความเหมาะสมความมีเกียรติและความเกรียงไกรของพระองค์ ดังหลักฐานต่อไปนี้
ฮะดิษนี้ท่านอิมามอันนะวาวีย์ ได้อธิบายจุดยืนหลักอะกีดะฮ์ของ อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ ความว่า
هذا الحديث من أحاديث الصفات , وفيها مذهبان تقدم ذكرهما مرات في كتاب الإيمان . أحدهما : الإيمان به من غير خوض في معناه , مع اعتقاد أن الله تعالى ليس كمثله شيء وتنزيهه عن سمات المخلوقات . والثاني تأويله بما يليق به , فمن قال بهذا قال : كان المراد امتحانها , هل هي موحدة تقر بأن الخالق المدبر الفعال هو الله وحده , وهو الذي إذا دعاه الداعي استقبل السماء كما إذا صلى المصلي استقبل الكعبة ؟ وليس ذلك ; لأنه منحصر في السماء كما أنه ليس منحصرا في جهة الكعبة , بل ذلك لأن السماء قبلة الداعين , كما أن الكعبة قبلة المصلين , أو هي من عبدة الأوثان العابدين للأوثان التي بين أيديهم , فلما قالت : في السماء , علم أنها موحدة وليست عابدة للأوثان
ًًฮะดิษนี้ เป็นส่วนหนึ่งจากบรรดาฮะดิษซีฟาต และเกี่ยวกับบรรดาฮะดิษซีฟาตนั้น มี 2 แนวทาง (ซึ่งทั้ง 2 แนวทางก็คือแนวทางของอัลอะชาอิเราะฮ์) ตามที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วในกิตาบอัลอีหม่าน ก็คือ
(1) ให้ศรัทธาด้วยกับฮะดิษนี้ โดยไม่เข้าใจยุ่งเกี่ยวในความหมายของมัน พร้อมกับเชื่อว่าอัลเลาะฮ์ตะอาลานั้นไม่มีสิ่งใดคล้ายเหมือนกับพระองค์ และพระองค์ทรงบริสุทธิ์จากสัญลักษณ์ของบรรดามัคโลค (คือแนวทางสะละฟุศศอลิห์โดยรวม)
(2) ให้ทำการตีความ(ตะวีล) ฮะดิษนี้ด้วยสิ่งที่เหมาะสมต่อพระองค์ (คือแนวทางของค่อลัฟโดยรวม)
ดัง นั้น ผู้ที่ได้กล่าวด้วยกับการตีความนี้ เขาก็จะกล่าวว่า จุดมุ่งหมายก็คือ การทดสอบตัวนาง(ทาสหญิงผิวดำที่เป็นเด็ก) ว่านางนั้นเป็นผู้ที่เชื่อในอัลเลาะฮ์องค์เดียวหรือไม่ ยอมรับว่าผู้ทรงสร้าง เป็นผู้ทรงบริหาร ผู้ทรงกระทำ(ตามที่พระองค์ทรงประสงค์) คืออัลเลาะฮ์องค์เดียวหรือไม่? และพระองค์คือผู้ที่ผู้วอนขอต่อพระองค์ได้ทำการผินไปยังท้องฟ้าเหมือนกับที่ ผู้ทำการละหมาดได้ผินไปทางกิบลัตหรือไม่? ซึ่งดังกล่าวนั้น ไม่ใช่เพราะพระองค์ทรงจำกัดอยู่ในฟ้ากฟ้าเฉกที่พระองค์ก็ไม่ได้จำกัดอยู่ใน ทิศกะบะฮ์ แต่ทว่าสิ่งดังกล่าวเพราะท้องฟ้าเป็นกิบลัต(ทิศ)ของผู้ที่วอนขอดุอา เหมือนกับ กะบะฮ์เป็นกิบลัต(ทิศ)ของผู้ที่ทำการละหมาด หรือว่า(เพื่อสอบว่า)นางเป็นส่วนหนึ่งจากผู้ที่กราบไว้รูปปั้นที่อยู่ในมือ ของพวกเขาหรือไม่? ดังนั้นในขณะที่นางได้กล่าวว่า อยู่ในฟ้า ก็รู้เลยว่านางเป็นผู้ที่นับถือพระองค์เพียงองค์เดียวไม่ใช่เป็นผู้กราบไหว้ เจว็ด" ดู ชัรหฺ ซอเฮี๊ยะหฺมุสลิม ของอิมาม อันนะวาวีย์ เล่ม 5 หน้า 24
ท่านอัลฮาฟิซฺ อิบนุ ฮะญัร ได้กล่าวว่า
قوله " في السماء " ظاهره غير مراد ، إذ الله منزه عن الحلول في المكان لكن لما كانت جهة العلو أشرف من غيرها أضافها إليه إشارة إلى علو الذات والصفات
"(ท่านอัลกิรมานีย์กล่าวว่า) คำตรัสที่ว่า فِي السَّمَاءِ "ในฟ้า" นั้น ความหมายผิวเผินของมัน ไม่ใช่จุดมุ่งหมาย เนื่องจากอัลเลาะฮ์ทรงบริสุทธิ์ปราศจากการเข้าไปอยู่ในสถานที่ แต่เมื่อทิศสูงมีเกียรติยิ่งกว่าทิศอื่น พระองค์จึงพาดพิงทิศสูงไปยังพระองค์เอง เพื่อชี้ถึงว่าซาตและคุณลักษณะของพระองค์นั้นสูงส่ง(ในเชิงนามธรรมมิใช่มีสถานที่อยู่บนที่สูงในเชิงรูปธรรม)" ฟัตฮุลบานีย์ : 13/412
ส่วนวะฮาบีย์นั้น กลับเชื่อว่าอัลเลาะฮ์ทรงมีรูปร่างสถิตนั่งอยู่บนบัลลังก์ด้วยซาตของพระองค์ในความเชิงรูปธรรม ซึ่งมิใช่อะกีดะฮ์สะละฟุศศอลิห์ ไม่ใช่เป็นอะกีดะฮ์ของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ แต่เป็นอะกีดะฮ์ของพวกอัลกัรรอมียะฮ์
วัลลอฮุอะลัม
อ้างอิงมาจากเวปนี้ในกระทู้
ผมแนะนำให้หาข้อมูลจากนั้เรยคับ
http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php/board,4.0.html