เสวนาเชิงวิชาการ > สนทนาศาสนธรรม

สอบถามเกี่ยวกับฮาดิษที่วะฮาบีย์ชอบยกครับ

<< < (2/2)

charif:

--- อ้างถึง ---ขอถามผู้รู้ในนี้ทุกๆท่านเรยครับ คือว่า ผมได้ตอบโต้กลุ่มวะฮาบีย์ในฮาดิษที่เกี่ยวกับทาสหญิงที่ว่า การกระทำของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม เช่นการที่ท่านชี้นิ้วขึ้นไปยังฟากฟ้าขณะที่ท่านคุฏบะฮฺกับผู้คนจำนวนมาก แร้วนบีพูดว่า อัลลอฮฺฟิซซามาอฺ ดังกล่าวนั้นคือ วันอะรอฟะฮฺ ปีหัจญ์วะดาอฺ (หัจญ์อำลา) ฮาดิษนี้นักศึกษาไทยที่มาดีนะห์สายอิหม่ามชาฟีอีย์เราซึ่งเป็นคนมีความรู้คนนึงเรยครับเขาได้บอกผมมาครับว่าเป้นฮาดิษอาฮ๊าด แต่พอผมไปบอกพวกวะฮาบีย์มันบอกว่าถึงจาอาฮ๊าดแต่มีฮาดิษของทาสหญิงที่สายรายงานมุตาวาติร รองรับอยู่ด้วย ผมก้อ งง ครับว่าจริงหรอ ตกลงมันมีสายรายงานที่มุตาวาติรจิงหรอครับ แร้วฮาดิษที่ว่าประชาชาติของฉันจะแตกเป็น 73 จำพวกอ่ะครับ ที่เป็นฮาดิษหากินของพวกวะฮาบีย์ ผมได้ยินมาว่า มันเป็นฮาดิษฎออีฟ จริงหรอครับ เรยอยากรู้สายรายงานที่ไปที่มาหน่อยอ่ะครับ ขอบคุณผู้รู้ในนี้ด้วยนะครับ
--- End quote ---


หรืออีกสายรายงานหนึ่งที่มีเนื่อหาคล้ายๆกันว่า...


--- อ้างถึง ---ครั้งหนึ่ง มูอาวียะห์ บุตร อัลฮากัม อัสซูลามี ท่านต้องการที่จะให้อิสรภาพกับ ญารียะห์ทาสของท่าน มูอาวียะห์ได้นำตัวญารียะห์ไปหาท่านรอซูล ซ.ล ท่านรอซูลได้ถามญารียะห์ว่า พระองค์อัลลอฮ.อยู่ที่ไหน? เธอตอบว่า พระองค์อัลลอฮอยู่บนฟ้า ท่านรอซูลได้ถามต่อไปว่า แล้วฉันเป็นใคร? เขาก็ตอบว่าท่านคือศาสนทูตของพระองค์ หลังจากนั้นท่านรอซูลได้กล่าวกับมูอาวียะห์ว่า ปล่อยเธอให้เป็นอิสระเถิด เพราะแท้จริงเธอคือผู้ศรัทธา ฮาดิษนี้บันทึกโดยนักบันทึกฮาดิษหลายท่าน เช่น อิหม่ามมาลิก
--- End quote ---

  :salam:

 ;Dความจริงแล้วพระองค์อัลลอฮ.ทรงสถิตอยู่บนบัลลังค์ของพระองค์ดังที่พระองค์ได้ทรงกล่าวไว้ถึงความเหมาะสมความมีเกียรติและความเกรียงไกรของพระองค์ ดังหลักฐานต่อไปนี้

ฮะดิษนี้ท่านอิมามอันนะวาวีย์  ได้อธิบายจุดยืนหลักอะกีดะฮ์ของ อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์  ความว่า

هذا الحديث من أحاديث الصفات , وفيها مذهبان تقدم ذكرهما مرات في كتاب الإيمان . أحدهما : الإيمان به من غير خوض في معناه , مع اعتقاد أن الله تعالى ليس كمثله شيء وتنزيهه عن سمات المخلوقات . والثاني تأويله بما يليق به , فمن قال بهذا قال : كان المراد امتحانها , هل هي موحدة تقر بأن الخالق المدبر الفعال هو الله وحده , وهو الذي إذا دعاه الداعي استقبل السماء كما إذا صلى المصلي استقبل الكعبة ؟ وليس ذلك ; لأنه منحصر في السماء كما أنه ليس منحصرا في جهة الكعبة , بل ذلك لأن السماء قبلة الداعين , كما أن الكعبة قبلة المصلين , أو هي من عبدة الأوثان العابدين للأوثان التي بين أيديهم , فلما قالت : في السماء , علم أنها موحدة وليست عابدة للأوثان

ًًฮะดิษนี้  เป็นส่วนหนึ่งจากบรรดาฮะดิษซีฟาต  และเกี่ยวกับบรรดาฮะดิษซีฟาตนั้น  มี  2  แนวทาง (ซึ่งทั้ง 2 แนวทางก็คือแนวทางของอัลอะชาอิเราะฮ์) ตามที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วในกิตาบอัลอีหม่าน   ก็คือ

(1) ให้ศรัทธาด้วยกับฮะดิษนี้  โดยไม่เข้าใจยุ่งเกี่ยวในความหมายของมัน  พร้อมกับเชื่อว่าอัลเลาะฮ์ตะอาลานั้นไม่มีสิ่งใดคล้ายเหมือนกับพระองค์  และพระองค์ทรงบริสุทธิ์จากสัญลักษณ์ของบรรดามัคโลค (คือแนวทางสะละฟุศศอลิห์โดยรวม)

(2) ให้ทำการตีความ(ตะวีล) ฮะดิษนี้ด้วยสิ่งที่เหมาะสมต่อพระองค์  (คือแนวทางของค่อลัฟโดยรวม)

ดัง นั้น  ผู้ที่ได้กล่าวด้วยกับการตีความนี้  เขาก็จะกล่าวว่า  จุดมุ่งหมายก็คือ  การทดสอบตัวนาง(ทาสหญิงผิวดำที่เป็นเด็ก)  ว่านางนั้นเป็นผู้ที่เชื่อในอัลเลาะฮ์องค์เดียวหรือไม่ ยอมรับว่าผู้ทรงสร้าง  เป็นผู้ทรงบริหาร  ผู้ทรงกระทำ(ตามที่พระองค์ทรงประสงค์) คืออัลเลาะฮ์องค์เดียวหรือไม่?  และพระองค์คือผู้ที่ผู้วอนขอต่อพระองค์ได้ทำการผินไปยังท้องฟ้าเหมือนกับที่ ผู้ทำการละหมาดได้ผินไปทางกิบลัตหรือไม่?  ซึ่งดังกล่าวนั้น  ไม่ใช่เพราะพระองค์ทรงจำกัดอยู่ในฟ้ากฟ้าเฉกที่พระองค์ก็ไม่ได้จำกัดอยู่ใน ทิศกะบะฮ์  แต่ทว่าสิ่งดังกล่าวเพราะท้องฟ้าเป็นกิบลัต(ทิศ)ของผู้ที่วอนขอดุอา  เหมือนกับ  กะบะฮ์เป็นกิบลัต(ทิศ)ของผู้ที่ทำการละหมาด  หรือว่า(เพื่อสอบว่า)นางเป็นส่วนหนึ่งจากผู้ที่กราบไว้รูปปั้นที่อยู่ในมือ ของพวกเขาหรือไม่?  ดังนั้นในขณะที่นางได้กล่าวว่า  อยู่ในฟ้า  ก็รู้เลยว่านางเป็นผู้ที่นับถือพระองค์เพียงองค์เดียวไม่ใช่เป็นผู้กราบไหว้ เจว็ด" ดู  ชัรหฺ ซอเฮี๊ยะหฺมุสลิม ของอิมาม อันนะวาวีย์ เล่ม 5 หน้า 24

ท่านอัลฮาฟิซฺ  อิบนุ ฮะญัร  ได้กล่าวว่า

قوله " في السماء " ظاهره غير مراد ، إذ الله منزه عن الحلول في المكان لكن لما كانت جهة العلو أشرف من غيرها أضافها إليه إشارة إلى علو الذات والصفات

 "(ท่านอัลกิรมานีย์กล่าวว่า) คำตรัสที่ว่า فِي السَّمَاءِ "ในฟ้า" นั้น  ความหมายผิวเผินของมัน  ไม่ใช่จุดมุ่งหมาย   เนื่องจากอัลเลาะฮ์ทรงบริสุทธิ์ปราศจากการเข้าไปอยู่ในสถานที่  แต่เมื่อทิศสูงมีเกียรติยิ่งกว่าทิศอื่น  พระองค์จึงพาดพิงทิศสูงไปยังพระองค์เอง  เพื่อชี้ถึงว่าซาตและคุณลักษณะของพระองค์นั้นสูงส่ง(ในเชิงนามธรรมมิใช่มีสถานที่อยู่บนที่สูงในเชิงรูปธรรม)"  ฟัตฮุลบานีย์ : 13/412

ส่วนวะฮาบีย์นั้น   กลับเชื่อว่าอัลเลาะฮ์ทรงมีรูปร่างสถิตนั่งอยู่บนบัลลังก์ด้วยซาตของพระองค์ในความเชิงรูปธรรม  ซึ่งมิใช่อะกีดะฮ์สะละฟุศศอลิห์  ไม่ใช่เป็นอะกีดะฮ์ของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์  แต่เป็นอะกีดะฮ์ของพวกอัลกัรรอมียะฮ์

วัลลอฮุอะลัม
 

อ้างอิงมาจากเวปนี้ในกระทู้
ผมแนะนำให้หาข้อมูลจากนั้เรยคับ
http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php/board,4.0.html

al-ashairoh:
ญาซากัลลอฮฺครับ ผมอ่านเกือบหมดแร้วครับ ^^

charif:
แล้วอย่าลืมอ่านกระทู้นี้เพิ่มเจิมนะคับ  จะได้โต้วะฮาบีย์แบบจัดเต็มครับ 



http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php/topic,3546.msg27145.html#msg27145

al-ashairoh:
ญาซากัลลอฮฺมากเรยครับ ขอพระองค์ทรงตอบแทนด้วยนะครับ  ;D

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version