ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 12 สูเราะฮฺ ยูสุฟ  (อ่าน 7574 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

 :salam:

คำอธิบายประกอบสูเราะฮฺ ยูสุฟ ( يوسف  ชื่อของศาสนทูต R 4.)

เป็นสูเราะฮฺมักกียะฮฺ มี 111 อายะฮฺ
ความหมายโดยสรุปของซูเราะฮฺยูซุฟ
    ซูเราะฮฺยูซุฟเป็นซูเราะฮฺมักกียะฮฺที่ประมวลไว้ด้วยเรื่องราวประวัติความเป็นมาของบรรดานะบี ในซูเราะฮฺได้แยกกล่าวถึงประวัติของนะบีของอัลลอฮฺ คือ ยูซุฟ อิบนุยะอฺกูบ ไว้อย่างละเอียดพอสมควร เป็นต้นว่า สิ่งที่เขาได้ประสบกับการทดสอบนานาชนิด ได้รับการทรมานจากพี่ ๆ ของเขาและคนอื่น ๆ ในทำเนียบของผู้ว่าราชการอียิปต์ รวมทั้งในคุก ตลอดจนการวางแผนล่อลวงของเหล่าสตรีในทำเนียบ จนกระทั่งอัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงบันดาลให้เขารอดพ้นจากความหนักใจ จุดมุ่งหมายในการนี้ก็เพื่อเป็นการปลอบใจท่านนะบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ขณะที่ท่านกำลังประสบกับความคับขันและกลุ้มใจในการสูญเสียคนรักถึงสองคนในปีเดียวกัน คือค่อดียะฮฺภริยาสุดที่รักของท่าน และคุณลุงอะบูฏอลิบ
    ซูเราะฮฺยูซุฟมีสำนวนโดดเด่นไม่เหมือนกับซูเราะฮฺมักกียะฮ์อื่น ๆ ทั้งในด้านการใช้ถ้อยคำสำนวน การเรียบเรียงข้อความ ประวัติ และเค้าโครงของเรื่องก็เป็นที่เพลิดเพลินจับใจ อีกทั้งการดำเนินเรื่องก็เข้าถึงจิตใจของผู้อ่าน ซูเราะฮฺนี้ถึงแม้ว่าจะเป็นซูเราะฮฺมักกียะฮฺ ซึ่งส่วนใหญ่จะดำเนินไปในรูปแบบของการตักเตือน และสำทับก็ตาม แต่ซูเราะฮฺยูซุฟก็แตกต่างออกไป กล่าวคือ จะดำเนินไปในรูปแบบที่นิ่มนวลละมุนละไม สำนวนดึงดูดจิตใจผู้อ่าน ไพเราะกลมกลืน และเข้าใจง่าย มีบรรยากาศแห่งความเอ็นดูเมตตา ความเห็นอกเห็นใจ และความสงสาร ด้วยเหตุนี้ คอลิด อิบนุมะอฺดาน จึงได้กล่าวไว้เกี่ยวกับซูเราะฮฺนี้ว่า “ซูเราะฮฺยูซุฟและซูเราะฮฺมัรยัม ชาวสวรรค์กล่าวถึงด้วยความสนุกสนานในสวนสวรรค์” และอะฎออฺกล่าวว่า “ผู้ที่เศร้าโศกเมื่อได้ยินการอ่านซูเราะฮฺยูซุฟแล้ว จะได้รับความสงบสุขทางด้านจิตใจ”
    ซูเราะฮฺยูซุฟถูกประทานลงมาแก่ท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม หลังจากซูเราะฮฺฮูดขณะที่ท่านอยู่ในภาวะคับขันและวิกฤตในการดำเนินชีวิต เพราะในระยะนั้นท่านและบรรดามุอฺมินได้รับความทุกข์และเศร้าโศกอย่างสุดซึ้ง ในการสูญเสียผู้ให้ความสนับสนุนท่านในการเผยแพร่ศาสนาถึง 2 คน ดังได้กล่าวมาแล้ว นอกจากนั้นท่านและบรรดามุอฺมินยังถูกทำร้าย และได้รับการเบียดเบียนจากฝ่ายตรงข้ามจนเป็นที่รู้จักกันดีว่า ปีนั้นเป็นปีแห่งความเศร้าโศก ท่ามกลางบรรยากาศดังกล่าว อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ประทานซูเราะฮฺนี้ลงมาให้แก่นะบีของพระองค์ เพื่อเป็นการปลอบใจและบรรเทาความทุกข์โศกที่ท่านกำลังเผชิญอยู่ คล้ายกับว่าอัลลอฮฺ ตะอาลา จะทรงกล่าวกับนะบีของพระองค์ว่า โอ้มุฮัมมัดเอ๋ย  เจ้าอย่าได้เศร้าโศกเสียใจและเป็นทุกข์ร้อนต่อการต่อต้าน และการทำร้ายจากประชาชาติของเจ้าเลย ทั้งนี้ก็เพราะว่า หลังจากความทุกข์ยากก็จะมีการผ่อนคลาย หลังจากความคับแค้นก็จะมีทางออก จงดูพี่ชายของเจ้า ยูซุฟ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขา เช่น การทดสอบเนื่องจากความอิจฉา และการวางแผนจากพี่ ๆ ของเขา การทดสอบจากการถูกโยนลงไปในบ่อลึก การทดสอบจากการล่อลวงและการหลงรักของภริยาผู้ว่าราชการ การทดสอบในการติดคุกหลังจากมีชีวิตอย่างสำราญในรั้วในวัง จงดูซิว่า ยูซุฟมีความอดทนอย่างไรต่อการทดสอบดังกล่าว ทั้งนี้เป็นการต่อสู่เพื่อการศรัทธา เพื่อความถูกต้องและสัจธรรม ยูซุฟได้อดทนต่อภยันตรายและการทดสอบนานาประการ จนกระทั่งอัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงเปลี่ยนสภาพของเขาด้วยการให้ออกจากคุกเข้าสู่วัง จนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าราชการปกครองอียิปต์ มีอำนาจครอบครองเศรษฐกิจและการคลังของประเทศ ได้รับการจงรักภักดีและมีเกียรติ จนกิตติศัพท์เลื่องลือไปทั่วสารทิศ…..” นี่แหละคือการตอบแทนของพระผู้ทรงไว้ซึ่งความยุติธรรมต่อบรรดาบ่าวของพระองค์ที่จงรักภักดี ผู้ใดที่มีความอดทนหนักแน่นต่อการทดสอบ จะต้องทำจิตใจให้เข้มแข็ง เพื่อเผชิญกับการทดสอบที่จะเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดเขาจะได้รับการตอบแทนที่คู่ควรเหมาะสมทุกประการ เช่นเดียวกับบรรดาร่อซูลในอดีต
“เจ้าจงอดทนดังเช่นบรรดาผู้หนักแน่น (นูห์ อิบรอฮีม มูซา และอีซา) จากบรรดาร่อซูลที่ได้อดทนมาแล้ว” อัลอะห์กอฟ : 35
“และ เจ้าจงอดทน และการอดทนของ เจ้าจะมีไม่ได้เว้นแต่ด้วย (การเตาฟีกของ)อัลลอฮ์ และ เจ้าอย่าเศร้าโศกต่อพวกเขา และ เจ้าอย่าอยู่ในความกลัดกลุ้มต่อสิ่งที่พวกเขาวางแผนไว้” อันนะห์ลุ : 127
เรื่องราวของนะบียูซุฟ อัศศิดดีก ได้ถูกรื้อฟื้นนำมากล่าวโดยทางวะฮี เพื่อเป็นการปลอบใจท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เป็นการแจ้งข่าวดี และเป็นเพื่อนที่ดี สำหรับผู้ที่ได้ยินได้ฟังเพื่อจะได้ดำเนินตามแนวทางของบรรดานะบีจะทำให้มีความสุขและอบอุ่นใจ จะพบทางออกหลังจากที่ได้พบทางตันมาก่อน จะได้รับความสบายใจหลังจากที่ได้รับความกลัดกลุ้มมาก่อน ในซูเราะฮ์นี้ประมวลได้ด้วยบทเรียนและข้อคิด รวมทั้งคำแนะนำที่มีคุณค่าสูง แพรวพรายไปด้วยข่าวคราวที่น่าตื่นเต้นและแปลกประหลาด “สำหรับผู้มีหัวใจหรือรับฟัง และเขาตั้งใจ”
นี่คือบรรยากาศของซูเราะฮ์ที่อบอวลไปด้วยการดลใจ และสิ่งบอกเหตุหลายต่อหลายเรื่องที่บ่งบอกถึงชัยชนะและความช่วยเหลือขององค์พระผู้เป็นเจ้า ที่มีต่อบ่าวของพระองค์ที่มีความอดทนและยึดเอาขันติธรรมในการดำเนินชีวิต ซึ่งเป็นแนวทางของบรรดานะบีและร่อซูล และนักเผยแพร่ที่บริสุทธิ์ใจ ในการนี้แน่นอนย่อมเป็นการผ่อนคลายความตรึงเครียดของจิตใจ ที่เก็บความทุกข์ไว้นานนับปี โดยปกติอัลกุรอานุลกะรีมจะนำเรื่องหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต มากล่าวซ้ำไว้หลายแห่งในหลายซูเราะฮ์ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นข้อเตือนใจและเป็นบทเรียน โดยใช้สำนวนสั้น ๆ เพื่อให้การดำเนินเรื่องเป็นไปอย่างสมบูรณ์ และเพื่อให้เกิดความต้องการที่จะฟังเรื่องราว โดยปราศจากความเบื่อหน่าย ส่วนในซูเราะฮ์ยูซุฟนี้ได้นำเอาเหตุการณ์มากล่าวอย่างละเอียดและต่อเนื่องมิได้นำมากล่าวซ้ำอย่างในซูเราะฮ์อื่น ๆ เช่น เรื่องของบรรดาร่อซูลท่านอื่น ๆ เพื่อเป็นการแสดงให้เป็นที่ประจักษ์ถึงปาฏิหาริย์ของอัลกุรอาน ทั้งโดยย่อและโดยละเอียด ในลักษณะทั้งสองแบบดังกล่าว นับได้ว้าเป็นมหาบริสุทธิ์แด่พระองค์ผู้ทรงอำนาจสูงส่งผู้ทรงประทานให้อย่างมากหลาย
สาเหตุของการประทานซูเราะฮ์นี้
มีรายงานว่า พวกยะฮูดได้ถามท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมถึงเรื่องราวของนะบียูซุฟ และเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นระหว่างนะบียูซุฟกับพี่ ๆ ของเขาซูเราะฮ์นี้จึงถูกประทานลงมา



----------------------------------------------------
เอกสารอ้างอิง
R1. The Noble Qur’an (Dr.Muhammad Taqi-ud-Din al-Hilali and Dr.Muhammad Muhsin Khan.)
R2. อัลกุรอานฉบับแปลภาษาไทย โดย มัรวาน สะมะอุน
R3. ตัฟฮีมุลกุรฺอาน(อรรถาธิบายโดย เมาลานา ซัยยิด อบุล อลา เมาดูดี แปลโดย บรรจง บินกาซัน)
R4. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน พร้อมคำแปลเป็นภาษาไทย ศูนย์กษัตริย์ฟาฮัด เพื่อการพิมพ์อัลกุรฺ อานแห่งนครมาดีนะฮ์
R5. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ฉบับภาษาไทย (โดย นายต่วน สุวรรณศาสน์-ฮัจยีอิสมาแอล บินฮัจยียะห์ยา)

--------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ยูสุฟ อายะฮฺที่ 1 - 3


คำแปล R1.
1. Alif-Lam-Ra. [These letters are one of the miracles of the Qur'an, and none but Allah (Alone) knows their meanings].These are the Verses of the Clear Book (the Qur’an) that makes clear the legal and illegal things, law, a guidance and a blessing.
2. Verily, we have sent it down as an Arabic Qur'an in order that you may understand.
3. We relate unto you (Muhammad) the best of stories through our revelations unto you, of this Qur'an. And before this (i.e. before the coming of divine inspiration to you), you were among those who knew nothing about it (the Qur'an).


คำแปล R2.
1. อลิฟ, ลาม, รอ! นี้เป็นโองการต่าง ๆ ห่งคัมภีร์(อัลกุรอาน)อันแจ้งชัด
2. แท้จริงเราได้ลงคัมภีร์นั้นมาเป็นกุรอานที่อ่านเป็นภาษาอาหรับ เพื่อสูเจ้าทั้งหลายจะได้ใช้ปัญญา(ศึกษาให้เกิดความเข้าใจได้โดยง่าย)
3. เราแถลงแก่เจ้าซึ่งประวัติอันสวยงามต่าง ๆ ตามสาระที่เราได้ดลอัลกุรอานนี้มายังเจ้า ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงแล้ว เมื่อก่อนนั้น เจ้าก็เป็นผู้หนึ่งในบรรดาที่ลืมเลือน(ไม่มีความรู้ในเรื่องคัมภีร์มาก่อน)


คำแปล R3.
1.   อะลิฟ ลาม รอ เหล่านี้คืออายะฮฺของคัมภีร์ที่ทำให้เป็นที่แจ่มแจ้งแล้ว
2.   เราได้ส่งมันลงมาเป็นกุรอานในภาษาอาหรับเพื่อที่สูเจ้า (ชาวอาหรับ) จะได้เข้าใจมันได้ดี
3.   (โอ้ มุฮัมมัด) โดยการวะฮีย์กุรอานนี้แก่เจ้า เราได้เล่าเรื่องราวและความจริงแก่เจ้าในลักษณะที่ดีที่สุดถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าจะไม่รู้ (ถึงเรื่องราวเหล่านี้) เลย

 
คำแปล R4.
1. อะลิฟ ลาม รอ เหล่านี้คือโองการทั้งหลายแห่งคัมภีร์ที่ชัดแจ้ง
2. แท้จริงพวกเราได้ให้อัลกุรอานแก่เขาเป็นภาษาอาหรับ เพื่อพวกเจ้าจะใช้ปัญญาคิด
3. เราจะเล่าเรื่องราวที่ดียิ่งแก่เจ้า ตามที่เราได้วะฮีย์อัลกุรอานนี้แก่เจ้า และหากว่าก่อนหน้านี้เจ้าอยู่ในหมู่ผู้ไม่รู้เรื่องราว


คำแปล R5.
๑. อลิฟ ลาม รอ อัลเลาะห์เท่านั้นที่ทรงรู้ความหมายของคำนี้ นี้คือโองการแห่งพระคัมภีร์อัล-กุรอานที่ชัดแจ้งในความจริง ต่างจากความเสื่อมเสีย ชัดแจ้งในข้อพึงอนุญาต (หะลาล) ต่างจากข้อพึงห้าม (หะรอม)
๒. อันความจริงเรา (อัลเลาะห์) ได้มอบคัมภีร์นั้นมาเป็นอัล-กุรอานภาษาอาหรับเพื่อว่าพวกเจ้าชาวนครมักกะห์จะได้เข้าใจในความหมายของพระคัมภีร์อัล-กุรอานนี้ เพราะว่าอัล-กุรอานนี้มีมาในภาษา(อาหรับ)ของพวกเจ้า
๓. โอ้มุฮำมัด เรา(อัลเลาะห์) จะเล่าเรื่องราวอันน่าฟังให้เจ้า (มุฮำมัด) สดับไว้ตามเนื้อความที่เราได้ดลกระแสโองการแห่งพระคัมภีร์อัล-กุรอานนี้มายังเจ้า ซึ่งเจ้าก็มิเคยได้รู้วี่แววมาก่อนและไม่เคยได้ฟังเรื่องราวนี้เลย คำว่า อัล-กุรอาน ณ ที่นี้หมายความว่า เรื่องราวของประชากรในอดีตกาลหรือประวัติของศาสดายูซุฟ อันว่าประวัติของศาสดายูซุฟนี้เป็นประวัติที่น่าฟังยิ่งนัก ทั้งนี้เพราะว่า ภายในท้องเรื่องมีเคล็ดลับต่าง ๆ มีอุดมคติ มีเรื่องราวของเจ้าผู้ครองนคร เรื่องราวของนักปราชญ์ กลอุบายของผู้หญิง ตลอดจนความอดทน ความเดือดร้อน และเรื่องจิปาถะ


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ยูสุฟ อายะฮฺที่ 4 - 6


คำแปล R1.
4. (Remember) when Yusuf (Joseph) said to his father: "O my father! Verily, I saw (in a dream) eleven stars and the sun and the moon, I saw them prostrating themselves to me."
5. He (the father) said: "O my son! Relate not your vision to your brothers, lest they arrange a plot against you. Verily! Shaitan (Satan) is to man an open enemy!
6. "Thus will your Lord choose you and teach you the interpretation of dreams (and other things) and perfect his Favour on you and on the offspring of Ya'qub (Jacob), as He perfected it on your fathers, Ibrahim (Abraham) and Ishaque (Isaac) aforetime! Verily, your Lord is All-Knowing, All-Wise."


คำแปล R2.
4. เมือ่(นบี)ยูซุฟได้กล่าวแก่บิดาของเขาว่า “โอ้ คุณพ่อ! แท้จริงฉันได้ฝันเห็นดาวสิบเอ็ดดวง ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ฉันเห็นมันทั้งหมดได้แสดงความเคารพต่อฉัน”
5. (บิดาของ)เขากล่าวว่า “โอ้ลูกรัก! เจ้าอย่าเล่าความฝันของเจ้าให้บรรดาพี่น้องของเจ้าฟังเป็นอันขาด เพราะจะทำให้พวกเขาวางแผนทำลายเจ้า แท้จริงมารร้ายย่อมเป็นศัตรูอันชัดแจ้งสำหรับมวลมนุษย์
6. “และ(ความฝัน)เช่นนั้น! (เป็นนิมิตเตือนว่า) องคือภิบาลของเจ้าทรงคัดเลือกตัวเจ้า และทรงสอนเจ้าให้รู้การทำนายคำบอกเล่าต่าง ๆ (จากความฝัน) เพราะพระองค์ทรงประทานความโปรดปรานแก่เจ้าอย่างครบถ้วน และแก่วงศ์วานของยะอฺกู๊บเหมือนเช่นที่ทรงโปรดปรานสิ่งนั้นอย่างครบถ้วนแก่บิดาทั้งสองของเจ้าเมื่อครั้งก่อนคือ อิบรอฮีม(ซึ่งเป็นปู่) และอิสหาก(ซึ่งเป็นลุง) แท้จริงองค์อภิบาลของเจ้านั้นทรงรอบรู้ยิ่ง อีกทั้งทรงปรีชาญาณยิ่ง


คำแปล R3.
4.   (นี่เป็นเรื่องราวของสมัยนั้น) เมื่อยูซุฟได้กล่าวแก่พ่อของเขาว่า “พ่อครับฉันฝันเห็นดาว 11 ดวงและดวงอาทิตย์และดวงจันทร์แสดงความนบนอบต่อฉัน
5.   พ่อของเขาจึงบอกว่า “ลูกเอ๋ย จงอย่าบอกเรื่องความฝันนี้ให้แก่บรรดา พี่ ๆ ชองพวกเจ้ารู้ มิเช่นนั้นแล้ว พวกเขาจะคิดแผนร้ายต่อเจ้า จงระวังให้ดี เพราะชัยฏอนนั้นเป็นศัตรูตัวฉกาจของมนุษย์
6.   และมันจะเป็นเช่นนั้น (ดังที่เจ้าฝัน) เพื่อที่พระผู้อภิบาลของเจ้าจะทรงเลือกเจ้า (เพื่องานของพระองค์) และทำให้เจ้ามีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงปัญหาต่าง ๆ และจะทรงทำให้ความโปรดปรานของพระองค์ต่อเจ้าและต่อลูกหลานของยะกู๊บสมบูรณ์ เช่นเดียวกับที่พระองค์ได้ทำให้สมบูรณ์แก่บรรพบุรุษทั้งสองของเจ้า คืออิบรอฮีมและอิสฮาก แท้จริงพระผู้อภิบาลของเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ


คำแปล R4.
4. จงรำลึกขณะที่ยูซุฟกล่าวแก่พ่อของเขาว่า โอ้พ่อจ๋า แท้จริงฉันได้ฝันเห็นดวงดาวสิบเอ็ดดวง และดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ ฉันฝันเห็นพวกมันสุญูดต่อฉัน
5. เขา(ยะอฺกูบ) กล่าวว่า โอ้ลูกรักเอ๋ย  เจ้าอย่าเล่าความฝันของเจ้าแก่พี่น้องของเจ้า เพราะพวกเขาจะวางอุบายแก่เจ้าอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม แท้จริงชัยฏอนนั้นเป็นศัตรูที่ชัดแจ้งกับมนุษย์
6. และเช่นนั้นแหละพระเจ้าของเจ้าทรงเลือกเจ้า และทรงสอนเจ้าให้รู้วิชาทำนายฝัน และทรงให้สมบูรณ์ซึ่งความโปรดปรานของพระองค์แก่เจ้าและวงศ์วานของยะอฺกูบ เช่นเดียวกับที่พระองค์ได้ทรงให้สมบูรณ์ ซึ่งความโปรดปรานแก่ปู่ทั้งสองของเจ้าแต่ก่อน คืออิบรอฮีมและอิสฮาก แท้จริงพระเจ้าของเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ


คำแปล R5.
๔. โอ้มุฮำมัดเจ้าจงบอกแก่ประชากรของเจ้าไว้เป็นอุดมคติเถิดถึงขณะที่ยูซุฟกล่าวแก่ยะกู๊บผู้เป็นบิดาของเขาว่า บิดาเอ๋ย ฉันฝันเห็นดวงดาว ๑๑ ดวง ได้แก่ดาวชื่อ ยะริยาน ฏอริก ไซยาล กอบิส อมูดาน ฟะลีก มุสบิห์ ซ่อรู๊ค ฟัรอ์ วัซซ๊าบ และซุลกติไฟน์ ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ลงมาแต่ฟ้า แสดงความเคารพต่อฉัน ขณะนั้นยูซุฟมีอายุได้ ๑๒ขวบ (บางกระแสว่า ๑๗ ปี และ ๗ ปีบ้าง) ยูซุฟเป็นบุตรพระสาสดายะกู๊บ พระศาสดายะกู๊บเป็นบุตรพระศาสดาอิสหาก และพระศาสดาอิสหากเป็นบุตรพระศาสดาอิบรอฮีม คำว่ายูซุฟเป็นภาษาฮิบรู (อิบรอนีย์) ยูซุฟมีอายุ ๑๒๐ ปี ส่วนยะกู๊บผู้บิดามีอายุ ๑๔๗ ปี อิสหากผู้เป็นปู่ของเขามีอายุ ๑๘๐ ปี และอิบรอฮีมผู้เป็นทวดของยูซุฟมีอายุ ๑๗๕ ปี
๕. เขา (ยะกู๊บ) กล่าวว่า โอ้ลูกน้อยของพ่ออย่าได้เอาความฝันของท่านไปเล่าให้พี่น้องของท่านฟังเลย เกรงว่าพวก (พี่น้อง) เหล่านั้น จะหลอกลวงเอาท่านไปฆ่าเสียเพราะความอิจฉา ทั้งนี้เนื่องจากพวกเหล่านั้นสามารถพยากรณ์ความฝันของท่านได้ถูกต้องว่า ดาวทั้ง ๑๑ ดวงหมายถึงพี่น้อง ๑๑ คนของท่าน ส่วนดวงอาทิตย์คือมารดาของท่าน และดวงจันทร์คือบิดาของท่าน แน่แท้ไชตอนย่อมเป็นศัตรูต่อมนุษย์อย่างชัดแจ้ง
๖. และ โอ้ยูซุฟ ในทำนองเช่นเดียวกับที่พระผู้อภิบาลของเจ่าได้เลือกเฟ้นเจ้าให้เป็นผู้ได้ฝันเห็นปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้เอง องค์พระผู้อภิบาลของเจ้าจึงได้ทรงเลือกเฟ้นเจ้าให้ได้รับตำแหน่งพระศาสดา (นบี) และตำแหน่งเจ้าผู้ครองนครอียิปต์หรือกิจที่สำคัญยิ่ง และทรงสอนเจ้าให้รู้การทำนายฝัน กล่าวคือถ้าฝันนั้นเป็นฝันดี ก็ให้ผู้ฝันนั้นสรรเสริญพระองค์ และถ้าฝันร้ายก็ให้ผู้ฝันนั้นขอความคุ้มครองต่อพระองค์ และทรงให้พระกรุณาธิคุณจากพระองค์มีขึ้นแก่เจ้าและวงศ์วานของยะกู๊บอย่างครบถ้วนในภาคภพนี้เรื่อยไปจนถึงในภาคภพหน้าสำหรับพระกรุณาธิคุณจากพระองค์ซึ่งมีขึ้นแก่เจ้าในภาคภพนี้ได้แก่การได้รับตำแหน่งเป็นพระศาสดา มีอนุชนผู้เป็นบุตรหลาน คนรับใช้ บรรดาผู้ติดตาม มีทรัพย์ไพบูลย์ ตลอดจนมีเกียรติและความเกรียงไกร เป็นขวัญใจของปวงชน มีคำชมที่งดงาม ส่วนพระมหากรุณาธิคุณจากพระองค์ซึ่งมีขึ้นแก่เจ้าในวันปรภพนั้นเล่า ย่อมได้แก่ความรู้อันไพศาลและศีลธรรมอันดีงามยิ่ง แต่พระมหากรุณาธิคุณจากพระองค์ซึ่งมีขึ้นแก่วงศ์วานของยะกู๊บนั้น คือการได้รับตำแหน่งพระศาสดาเหมือนอย่างที่พระองค์ได้ทรงให้สองบูรพบิดรของเจ้า คืออิบรอฮีมกับอิสหากได้รับพระกรุณาธิคุณของพระองค์ทั้งในภาคภพนี้และภพหน้ามาก่อนแล้ว แท้จริงองค์พระผู้อภิบาลของเจ้านั้นทรงเป็นองค์รู้ยิ่งถึงเหล่าข้าของพระองค์ ทรงประณีตยิ่งในบรรดากิจของพระองค์


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ยูสุฟ อายะฮฺที่ 7 - 10


คำแปล R1.
7. Verily, in Yusuf (Joseph) and his brethren, there were Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.) for those who ask.
8. When they said: "Truly, Yusuf (Joseph) and his brother (Benjamin) are loved more by our father than we, but we are 'Usbah (a strong group). Really, our father is in a plain error.
9. "Kill Yusuf (Joseph) or cast him out to some (other) land, so that the favour of your father may be given to you alone, and after that you will be righteous folk (by intending repentance before committing the sin)."
10. One from among them said: "Kill not Yusuf (Joseph), but if you must do something, throw him down to the bottom of a well, he will be picked up by some caravan of travelers."


คำแปล R2.
7. โดยความจริงแล้ว ในเรื่องราวของยูซุฟและบรรดาพี่น้องของเขานั้น มีสัญลักษณ์เตือนใจสำหรับบรรดาผู้ซักถามทั้งมวล
8. เมื่อพวกเขา(พี่น้องของยูซุฟ)กล่าว(ปรารภซึ่งกันและกันว่า) “ที่จริงแล้วยูซุฟกับน้องชาย(บินยามีน)ของเขา เป็นที่รักของบิดาของเรายิ่งกว่าพวกเราเสียอีก ทั้ง ๆ ที่พวกเราอยู่กันเป็นกลุ่ม)คอยรับใช้บิดามากกว่าทั้งสอง) แท้จริงบิดาเรากำลังตกอยู่ในความหลงผิด อันชัดแจ้งเสียแล้ว”
9. “(ดังนั้น) ท่านทั้งหลายจงสังหารยูซุฟเสียเถิดหรือมิฉะนั้นก็จงเนรเทศเขาสู่แผ่นดินอื่น เพื่อใบหน้าบิดาของพวกท่านจะได้เหลียวแลมาทางพวกท่านบ้าง และหลังจากนั้น(สังหารหรือเนรเทศเขา)แล้ว ท่านทั้งหลายก็จะเป็นกลุ่มชนที่ประพฤติชอบ(ต่อไปด้วยการเตาบะฮฺตัว)
10. ได้มีผู้หนึ่งจากพวกเขากล่าว(ค้านขึ้น)ว่า “ท่านทั้งหลายอย่าสังหารยูซุฟเลย แต่ท่านทั้งหลายจง(จำกัดเขาขั้นเบาเพียง)โยนเขาทิ้งลงไปในก้นบ่อ ซึ่งต่อไปก็จะมีนักเดินทางมาเก็บเขาไป ทั้งนี้หากพวกท่านจะกระทำ(จริง)”


คำแปล R3.
7.   แท้จริงในเรื่องราวของยูซุฟและพี่น้องของเขานั้นมีสัญญาณมากมายสำหรับผู้สอบถาม
8.   (เรื่องราวเริ่มต้นขึ้น)เมื่อพวกพี่ ๆ ของเขากล่าวซึ่งกันและกันว่า “ยูซุฟและน้องชายของเขาเป็นที่รักของพ่อมากกว่าพวกเรา ถึงแม้ว่าเราจะเป็นกลุ่มที่กลมเกลียวกันก็ตาม แน่นอนเลยว่า พ่อของเราคงจะมีความเอนเอียงขึ้นในจิตใจ
9.   ดังนั้นพวกเราจงฆ่ายูซุฟเสีย หรือไม่ก็เอาเขาไปโยนทิ้งเสียที่ไหนสักแห่ง ทั้งนี้เพี่อที่พ่อของเจ้าจะได้หันความสนใจไปให้แก่พวกเจ้าเพียงอย่างเดียว หลังจากนั้นพวกเจ้าก็จะกลายเป็นคนดีอีกครั้งหนึ่ง”
10.   มีคนหนึ่งในหมู่พวกเขากล่าวว่า “จงอย่าฆ่ายูซุฟเลย แต่ถ้าหากจะทำก็จับเขาโยนลงไปในบ่อน้ำที่ไหนสักแห่ง บางทีพวกกองคาราวานที่ผ่านมาอาจจะเอาตัวเขาขึ้นมาจากบ่อก็ได้”


คำแปล R4.
7. แท้จริงเกี่ยวกับยูซุฟและพี่น้องของเขานั้น มีสัญญาณทั้งหลายสำหรับผู้สอบถาม
8. จงรำลึกขณะที่พวกเขากล่าวว่า แน่นอนยูซุฟและน้องของเขาเป็นที่รักแก่พ่อของเรายิ่งกว่าพวกเราทั้ง ๆ ที่พวกเรามีจำนวนมากแท้จริงพ่อของเราอยู่ในการหลงผิดจริง ๆ
9. พวกท่านจงฆ่ายูซุฟ หรือเอาไปทิ้งในที่เปลี่ยวเสีย เพื่อความเอาใจใส่ของพ่อของพวกท่านจะเกิดขึ้นแก่พวกท่าน และพวกท่านจะเป็นกลุ่มชนที่ดีหลังจากเขา
10. คนหนึ่งในพวกเขากล่าวว่า พวกท่านอย่าฆ่ายูซุฟ แต่จงโยนเขาลงในบ่อลึก เพื่อผู้เดินทางบางคนจะได้เอาเขาออกมา หากพวกท่านจำต้องกระทำเช่นนั้น


คำแปล R5.
๗. เรา(อัลเลาะห์) จักอ้างโดยสัจแน่แท้ว่าในเรื่องราวของยูซุฟกับพี่น้องของเขาทั้ง ๑๑ คนนั้น เป็นคติสำหรับผู้ถามถึง
๘. โอ้มุฮำมัดจงกล่าวแก่ปวงประชากรของเจ้าเถิดเพื่อให้เป็นอุดมคติในขณะที่พวกพี่น้องเหล่านั้นของยูซุฟนอกจากบินยามีน ซึ่งพี่น้องทั้งหมดของยูซุฟมี ๑๑ คนคือ ยะฮูซา รูบีล ซำอูน อาวี ร่อยาลูล ยัชยัร คาน ยัฟอัลี อ๊าด อาซิซ กับบินยามีน บอกแก่กันว่า อันที่จริงยูซุฟกับบินยามีนผู้เป็นน้อง (ชายร่วมมารดา) ของเขานั้น พ่อรักมากยิ่งกว่าพวกเรา ทั้งที่พวกเราก็เป็นหมู่คณะ บิดาของพวกเรานี้ผิดพลาดเห็นแน่ชัดเสียแล้ว เพราะยินดีเลือกเอายูซุฟกับบินยามีนเป็นลูกสุดที่รักยิ่งกว่าพวกเรา
๙. พวกท่านจงฆ่ายูซุฟหรือ ไม่ก็จงปล่อยเขาทิ้งไว้ ณ แผ่นดินซึ่งห่างไกล เพื่อบิดาจะได้เหลียวแลมาที่พวกท่านบ้างและต่อแต่ (ฆ่าหรือปล่อยเขาทิ้งไว้) นั้นพวกท่านก็จะได้เป็นหมู่ชนผู้ชอบธรรม โดยการขอลุแก่โทษ
๑๐. คนหนึ่งผู้เป็นพี่ชายคนโต (ยะฮูซา) ในพวกเหล่านั้นพูดว่า หากพวกท่านจะปฏิบัติการลงไปเพื่อพรากยูซุฟจากบิดาของพวกเราแล้ว ก็อย่าได้ฆ่ายูซุฟเลย เพียงแต่จงโยนเขา (ยูซุฟ) ลงไปก้นเหวเท่านั้น บางคนจากขบวนพาณิชจะได้เป็นพวกเก็บเขา(ยูซุฟ) ไป


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ยูสุฟ อายะฮฺที่ 11 - 14


คำแปล R1.
11. They said: "O our father! Why do you not trust us with Yusuf (Joseph), - when we are indeed his well-wishers?"
12. "Send him with us tomorrow to enjoy himself and play, and verily, we will take care of him."
13. He [Ya'qub (Jacob)] said: "Truly, it saddens me that you should take him away. I fear lest a wolf should devour him, while you are careless of him."
14. They said: "If a wolf devours him, while we are 'Usbah (a strong group) (to guard him), then surely, we are the losers."


คำแปล R2.
11. พวกเขา(พี่น้งของญุซุฟ)กล่าวว่า “โอ้คุณพ่อ! เหตุใดท่านจึงไม่วางใจเราใน(การดูแล)ยูซุฟทั้ง ๆ ที่พวกเรา (ทุกคน)ปรารถนาดีต่อเขา”
12. “ขอคุณพ่อได้ส่งตัวเขาให้ไปกับพวกเราในวันพรุ่งนี้เถิด เจาจะได้หา(สิ่งที่ชอบ)รับประทานและเล่นสนุกสนาน โดยพวกเราจักคอยดูแลเขาเป็นอันดี”
13. (บิดา)ได้กล่าวว่า “แท้จริงการที่พวกท่านนำตัวเขาไปนั้น จะทำให้ฉันโศกเศร้า(เพราะความคิดถึง) และฉันกลัวว่าสุนัขป่าจะกินเขาเสีย โดยพวกเจ้าเผอเรอแก่เขา(ไม่ดูแลให้ดี)”
14. พวกเขากล่าวว่า “ขอสาบาน! หากสุนัขป่ากินเขา ทั้ง ๆ ที่พวกเราอยู่กันเป็นกลุ่ม(อย่างนี้) แน่นอนที่สุด เราก็เป็นผู้ขาดทุนโดยพลัน”


คำแปล R3.
11.   (หลังจากที่ได้ปรึกษากันแล้ว) พวกเขาก็กล่าวกับพ่อของพวกเขาว่า “พ่อครับ ทำไมพ่อไม่ไว้ใจพวกเราในเรื่องของยูซุฟทั้ง ๆ ที่พวกเราเป็นผู้หวังดีต่อเขา?”
12.   พรุ่งนี้จงให้เขาไปกับพวกเราเถิด เพื่อที่เขาจะได้เที่ยวเล่นสนุกสนาน พวกเราจะดูแลเขาเอง
13.   พ่อของเขากล่าวว่า “มันทำให้ฉันไม่สบายใจที่จะให้เขาไปกับพวกเจ้า เพราะฉันกลัวว่าหมาป่าจะกินเขาเมื่อพวกเจ้าไม่เฝ้าระวัง”
14.   พวกเขาตอบว่า “ถ้าหากหมาป่าจะกินเขาในกลุ่มของพวกเราที่กลมเกลียวกัน พวกเราก็เป็นคนที่ไม่มีค่าอะไรเลย”


คำแปล R4.
11. พวกเขากล่าวว่า โอ้คุณพ่อของเรา ทำไมท่านจึงไม่ไว้ใจเราที่มีต่อยูซุฟ และแท้จริงเรานั้นเป็นผู้บริสุทธิ์ใจต่อเขา
12. พรุ่งนี้ขอให้ส่งเขาไปกับเรา เพื่อเขาจะกินให้อิ่มและเล่นอย่างสนุก และแท้จริงเรานั้นจะเป็นผู้คุ้มกันเขา
13. เขากล่าวว่า แท้จริงมันจะทำให้ฉันเศร้าใจ เมื่อพวกเจ้าจะเอาเขาไป และฉันกลัวว่า สุนัขป่าจะกินเขา ขณะที่พวกเจ้ามิได้เอาใจใส่ต่อเขา
14. พวกเขากล่าวว่า หากสุนัขป่ากินเขาทั้ง ๆ ที่พวกเรามีจำนวนมาก ดังนั้นแท้จริงพวกเราเป็นผู้ขาดทุนแน่นอน


คำแปล R5.
๑๑. พวกพี่น้องเหล่านั้นทั้ง ๑๐ คนของยูซุฟกล่าวว่า โอ้บิดาของเรา ไฉนเล่าท่านจึงไม่วางใจเราในตัวยูซุฟเลย ทั้งที่เราก็หวังดีต่อเขา (ยูซุฟ) อยู่
๑๒. พี่น้องทั้งสิบคนของยูซุฟสั่งว่า พรุ่งนี้ท่านจงส่งตัวเขา (ยูซุฟ) ไปกับเราที่ทุ่งทะเลทราย เขาจะได้เล่นสนุกสนานและรับประทานผลไม้ได้ตามสบาย โดยเราจะเป็นผู้อารักขาเขาไว้เอง
๑๓. เขา (ยะกู๊บ) กล่าวว่า จะทำให้ฉันเศร้าสร้อยมากทีเดียวที่พวกท่าน (ลูก) จะเอาเขา (ยูซุฟ) ไปด้วย เพราะยูซุฟจะต้องพลัดพรากไปจากฉัน และฉันกลัวสุนัขจิ้งจอกมันจะกินเขา ในขณะที่พวกท่านเพลินอยู่กับการวิ่งแข่งกันและมิได้พะวงต่อเขา
๑๔. พวกพี่น้องเหล่านั้นทั้ง ๑๐ คนของยูซุฟ กล่าวถ้อยคำเป็นสัจปฏิญาณว่า ถ้าสุนัขจิ้งจอกตะครุบกินเขาได้ ทั้งที่พวกเราก็อยู่กันเป็นกลุ่มแล้วไซร้ พวกเราย่อมเป็นผู้ไร้สามารถบัดนั้นแน่นอน ดังนั้นยะกู๊บจึงยอมส่งตัวยูซุฟร่วมไปกับพี่น้องเหล่านั้น


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ยูสุฟ อายะฮฺที่ 15 - 18


คำแปล R1.
15. So, when they took him away, they all agreed to throw him down to the bottom of the well, and we inspired in him:” Indeed, you shall (one day) inform them of this their affair, when they know (you) not."
16. And they came to their father in the early part of the night weeping.
17. They said: "O our father! We went racing with one another, and left Yusuf (Joseph) by our belongings and a wolf devoured him; but you will never believe us even when we speak the truth."
18. And they brought his shirt stained with false blood. He said: "Nay, but your own selves have made up a tale. So (for me) patience is most fitting. And it is Allah (Alone) whose help can be sought against that which you assert."


คำแปล R2.
15. ครั้นเมื่อพวกเขาได้นำเขาออกไป และพวกเขาได้ตกลงใจจัดการ(โยน)เขาลงไปในก้นบ่อ และเราได้ดลจิตแก่เขา(ขณะอยู่ที่ก้นบ่อ)ว่า “เจ้าจะได้บอกให้พวกเขาทราบถึงการงานของพวกเขาครั้งนี้อย่างแน่นอน(หลังจากที่เจ้าได้รอดชีวิตออกไปจากก้นเหวนี้แล้ว) โดยพวกเขาไม่รู้ตัวเลย (เพราะลืมนึกถึงความหลังที่เคยกระทำกับเจ้า)”
16. และในตอนเย็นพวกเขาก็(แสร้ง)ร้องไห้กลับมาหาบิดาของพวกเขา
17. พวกเขากล่าวว่า “โอ้บิดาของเรา! แท้จริงพวกเราได้ไปแข่งขัน(ยิงธนูกัน) และเราได้ปล่อยให้ยูซุฟ(เฝ้าดูแล)อยู่ที่สัมภาระของเรา และสุนัขป่าก็เข้ามากินเขาเสียแล้ว แต่ท่านอาจจะไม่เชื่อใจพวกเรา ทั้ง ๆ ที่เราเป็นผู้สัตย์จริง”
18. และพวกนั้นได้รุดมาที่เสื้อของเขาพร้อมด้วยเลือดแปลกปลอม (ที่พวกเขานำมาคลุกกับเสื้อผ้านั้น ยื่นให้บิดาของเขาดูประกอบคำบอกเล่า และภายหลังจากการตรวจสอบเสื้อที่มีแต่รอยเปื้อนเลือด แต่ไม่มีรอยชำรุด ซึ่งผิดวิสัยของบุคคลที่ถูกสุนัขป่ากินแล้ว)เขาจึงกล่าวว่า “มิใช่หรอก! ความจริงแล้วจิต(ริษยา)ของพวกเจ้าได้ทำให้พวกเจ้าแต่งเรื่องหนึ่ง(ที่ไม่กินกับปัญญาเลย) ดังนั้น(ข้าจึงมีแต่)ความอดทนเป็นอันดีเท่านั้น และอัลเลาะฮฺทรงเป็นผู้ถูกขอความช่วยเหลือ ในสิ่งที่พวกเจ้าบรรยาย(เท็จเรื่องของยูซุฟ)ไว้”

 
คำแปล R3.
15.   หลังจากนั้นเมื่อพวกเขาพายูซุฟออกไปแล้ว พวกเขาก็ตัดสินใจโยนยูซุฟลงไปในบ่อลึก เราจึงได้ประทานวะฮีย์ถึงเรื่องนี้แก่ยูซุฟว่า “จะมีวันหนึ่งซึ่งเจ้าจะได้เตือนพวกเขาถึงการกระทำดังกล่าวอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้พวกเขาไม่เข้าใจถึงผลของมันที่จะติดตามมา”
16.   เมื่อตกค่ำพวกเขาก็กลับมาหาพ่อของพวกเขาพลางร้องไห้คร่ำครวญ
17.   พวกเขากล่าวว่า “พ่อครับ เรากำลังสนุกอยู่กับการวิ่งแข่งกันและเราทิ้งยูซุฟไว้กับสิ่งของของพวกเรา หมาป่าได้มากินเขา แต่ท่านคงจะไม่เชื่อเรา ถึงแม้เราจะพูดความจริงก็ตาม”
18.   และ (เพื่อเป็นการพิสูจน์) พวกเขาได้นำเสื้อของเขาที่มีเลือดปลอมติดอยู่มาให้ดูด้วย เมื่อได้ยินเช่นนั้น พ่อของพวกเขาก็กล่าวว่า “ไม่ใช่เช่นนั้นหรอ จิตใจชั่วของพวกเจ้าต่างหากที่ได้ทำให้การกระทำอันน่ารังเกียจนี้เป็นเรื่องง่ายสำหรับพวกเจ้า อย่างไรก็ตาม ฉันจะอดทนด้วยความสงบ และอัลลอฮฺเท่านั้นที่จะถูกขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเจ้ากุขึ้นมา”


คำแปล R4.
15. เมื่อพวกเขาพาเขาไป พวกเขาตกลงกันว่าจะเอาเขาไปโยนในบ่อลึก และเราได้วะฮียฺแก่เขาว่า แน่นอน เจ้าจะได้เล่าแก่พวกเขาถึงการกระทำของพวกเขาในครั้งนี้ โดยที่พวกเขาไม่รู้สึก
16. และพวกเขาได้กลับมาหาพ่อของพวกเขาเวลาค่ำ พลางร้องไห้
17. พวกเขากล่าวว่า โอ้พ่อของเรา  พวกเราได้ออกไปวิ่งแข่งกัน และเราได้ปล่อยยูซุฟไว้เฝ้าสิ่งของ ๆ เรา แล้วสุนัขป่าได้มากินเขาและท่านย่อมไม่เชื่อเราทั้ง ๆ ที่เราเป็นผู้สัตย์จริง
18. และพวกเขาได้นำเสื้อของเขามา มีเลือดปลอมติดอยู่ แต่ว่าพวกเจ้าได้แต่งเรื่องขึ้นเพื่อพวกเจ้า ดังนั้น การอดทนเป็นสิ่งที่ดีและอัลลอฮฺทรงเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือในสิ่งที่พวกเจ้ากล่าวอ้าง


คำแปล R5.
๑๕. ครั้นเมื่อพวกเหล่านั้นไปกับเขา (ยูซุฟ) พวกนั้นตกลงกันว่าจะโยนเขาลงยังก้นเหวแห่งหนึ่ง ณ ดินแดนไบตุลมักดิส พวกนั้นจึงจับเขาเฆี่ยนตีพร้อมทั้งยังได้พูดจากกระทบกระเทียบให้ยูซุฟได้เจ็บแค้น แล้วจับเขาเปลื้องเสื้อออก เสร็จแล้วจึงค่อย ๆ หย่อนยูซุฟลงไปครึ่งเหว จากนั้นก็ปล่อยยุซุฟให้กลิ้งหล่นไปเองเพื่อจะให้ตาย ยูซุฟตกลงไปถึงน้ำแล้วตะเกียกตะกายไปเกาะอยู่ที่หินโตก้อนหนึ่ง พวกพี่ ๆ ร้องเรียกยูซุฟ ยูซุฟขานรับด้วยหวังว่าพวกพี่ ๆ ของเขาจะเวทนา แต่พี่ ๆ ของเขากลับช่วยกันยกก้อนหินขนาดเขื่องทุ่มไปทับยูซุฟ ฝ่ายยะฮูซา พี่ชายคนโตคอยปรามไว้ ยูซุฟค้างอยู่ที่ก้นบ่อแห่งนั้น ๓ วันระหว่างนั้นพวกพี่ ๆ คอยสังเกตดูยูซุฟอยู่ที่ปากเหว ยะฮูซาเป็นผู้นำเอาอาหารมาให้ยูซุฟกิน ความจริงแม้แต่น้ำในบ่อแห่งนั้นก็จืดสนิท ดื่มได้อิ่มต่างอาหารทีเดียว แล้วเรา (อัลเลาะห์) ก็ดลใจเขา (ยูซุฟ) ขณะที่เขายังอยู่ในก้นเหวเป็นการปลอบใจและบำรุงขวัญเขา เพราะตอนนั้นเขายังเป็นเด็ก มีอายุประมาณ ๑๗ ขวบเท่านั้น และเราให้เขาได้รู้ว่า เราจะให้เขาปลอดพ้นจากการตกระกำลำบากที่เกิดขึ้น และจะให้เขาได้เป็นผู้ปกครองพี่น้องของเขาเอง ฝ่ายพี่น้องเล่า อัลเลาะห์จะทรงให้ตกอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของยูซุฟ เจ้าย่อมจะบอกเรื่องราวแห่งทารุณกรรมและความโหดเหี้ยมครั้งนี้ ให้พวกพี่น้องเหล่านั้นฟังได้ในโอกาสหน้า โดยที่พวกเหล่านั้นจะไม่รู้ตัวเลยว่า เจ้าคือ ยูซุฟ
๑๖. พอตกเย็นพวกพี่ ๆ เหล่านั้นของยูซุฟต่างแสร้งร้องไห้กลับมาหายะกู๊บผู้บิดาของพวกเขา ทั้งยังได้หวีดเสียงขึ้นจนกระทั่งยะกู๊บได้ยิน ทำให้ยะกู๊บต้องสะดุ้ง ดังนั้นยะกู๊บจึงได้ไต่ถามพวกเหล่านั้นว่า “มีอะไรเกิดขึ้นแก่ลูกหรือนั่น? แล้วก็ยูซุฟหายไปไหนเล่า?”
๑๗. พวกเหล่านั้นกล่าวตอบคำถามผู้บิดา โอ้ บิดาของเรา พวกเราออกไปแข่งขันยิงธนูกัน แล้วได้ปล่อยทิ้งยูซุฟไว้ให้อยู่แต่ลำพังในที่ที่วางเข้าของของพวกเรา มีเสื้อผ้าเป็นต้น สุนัขจิ้งจอกก็มากินเขา (ยูซุฟ) แม้พวกเราจะเป็นผู้กล่าวถ้อยคำเป็นสัจจริง ท่าน (บิดา) อาจไม่เชื่อพวกเราก็ได้ ที่พวกเราอ้างเหตุเช่นนั้น ท่านคงต้องสงสัยพวกเราเป็นแน่ เพราะท่านนจั้นโปรดยูซุฟมาก ท่านไม่น่าจะเข้าใจผิดในพวกเราเลย
๑๘. พวก (พี่ ๆ ของยูซุฟ) เหล่านั้นจึงได้เอาเสื้อของเขา (ยูซุฟ) มีเลือดแปลกปลอมติดเกรอะกรังมาด้วย ยื่นให้ยะกู๊บผู้บิดา อันที่จริงเสื้อที่เปรอะเลือดนี้พวกเหล่านั้นได้เอาเสื้อของยูซุฟมาคลุกเคล้ากับเลือดของลูกแกะตัวหนึ่งซึ่งพวกเขาจับมันมาฆ่าเอาเลือด แต่โดยปกติ สุนัขจิ้งจอกเมื่อมันจะกินคน มันจะต้องฉีกเสื้อให้ขาดเสียก่อน ด้วยเหตุข้อนี้เอง กลอุบายของพวกพี่ ๆ ยูซุฟ จึงเห็นไม่สมจริง เพราะพวกเขาเพียงแต่เอาเสื้อคลุกเคล้ากับเลือดลูกแกะ แต่ลืมฉีกเสื้อให้ขาดกะรุ่งกะริ่งเสียก่อน ครั้นเมื่อยะกู๊บได้เหลือบแลเห็นเสื้อที่เปื้อนเลือดก็เห็นว่ายังอยู่ดี ๆ จึงได้ถามเจ้าสุนัขจิ้งจอกขึ้นว่า เจ้าสุนัขจิ้งจอกเอ๋ย เจ้ากินยูซุฟลูกรักของข้าหรือ ? ในบัดดลนั้นเองอัลเลาะห์ได้ดลบันดาลให้สุนัขจิ้งจอกเจรจาได้ มันจึงอ้างสัจปฏิญาณด้วยพระนามแห่งอัลเลาะห์เจ้า แล้วตอบว่า ฉันไม่ได้กินยูซุฟลูกของบท่าน อันที่จริงฉันก็เคยเห็นยูซุฟ ย่อมถือเป็นบาปเลยทีเดียวที่ฉันจะกัดกินเลือดเนื้อเชื้อไขของท่าน ยะกู๊บถามสุนัขจิ้งจอกอีก ทำไมเจ้าจึงได้มาอยู่ ณ แผ่นดินกันอาน (คือดินแดนภาคตะวันตกของปาเลสไตน์ ชนแห่งดินแดนนี้คือผู้สืบเชื้อสายมาแต่กันอาน และ ฮาม บุตรของพระศาสดานูห์) เจ้าสุนัขจิ้งบจอกตอบว่า ฉันมาแต่แผ่นดินกันอานเพื่อจะติดต่อวงศ์ญาติของฉัน แต่บังเอิญมาถูกพวกลูก ๆ ของท่านจับเอาตัวฉันมายังท่านด้วย ดังนั้นยะกู๊บจึงปล่อยสุนัขจิ้งจอกตัวนั้นไป เขา (ยะกู๊บ) กล่าวว่า พวกเจ้านี้มักแต่จะทำการโหดร้ายทารุณกับยูซุฟไปตามอารมณ์ชั่วเสียจริง ๆ แต่เรื่องของข้า (ยะกูบ) ก็สะกดใจไว้ได้เป็นอย่างดี หาได้มีอาการตกอกตกใจอันใดไม่ อัลเลาะห์เท่านั้นทรงเป็นองค์ถูกวอนขอให้เห็นประจักษ์เท็จซึ่งพวกท่าน(ลูก) สาธยายเรื่องของยูซุฟนั้น


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ยูสุฟ อายะฮฺที่ 19 - 20
 

คำแปล R1.
19. And there came a caravan of travellers; they sent their water-drawer, and he let down his bucket (into the well). He said: "What good news! Here is a boy." So they hid him as merchandise (a slave). And Allah was the All-Knower of what they did.
20. And they sold him for a low price, - for a few Dirhams (i.e. for a few silver coins). And they were of those who regarded him insignificant.


คำแปล R2.
19. และได้มีขบวนนักเดินทางกลุ่มหนึ่งมา (พักอยู่ใกล้ ๆ กับบ่อนั้น) แล้วพวกเขาได้ส่งผู้หาน้ำของพวกเขา(มาที่บ่อ) จากนั้น เขาจึงหย่อนถังของเขา (ลงไปในเหว เมื่อชักขึ้นมายูซุฟก็เกาะเชือกติดขึ้นมาด้วย) พร้อมทั้งกล่าวว่า “โอ้ข่าวดีแท้ ๆ ! นี้คือเด็กชาย” และพวกเขาก็ว่อนตัวยูซุฟ (ไม่ให้คนอื่นรู้)  เพื่อทำเป็นสินค้า(คือทาส) และอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้ยิ่ง ในสิ่งที่พวกเขาประพฤติ
20. และพวกเขาได้ขายยูซุฟไปด้วยราคาต่ำสุดเพียงไม่กี่ดิรฮัม และพวกเขาเป็นผู้หนึ่งจากบรรดาผู้สละทิ้งในตัวยูซุฟ(คือไม่ได้แสดงความอาลัยให้เห็นเลย)


คำแปล R3.
19. มีกองคาราวานขบวนหนึ่งได้ผ่านมาที่นั่น พวกเขาได้ส่งคนแบกน้ำออกไปหาน้ำ และเมื่อคนตักน้ำหย่อนถุงน้ำลงไปในบ่อ (และเห็นยูซุฟ) เขาก็ตะโกนออกมาว่า “ข่าวดี ในนี้มีเด็กคนหนึ่ง” ดังนั้น พวกเขาจึงได้ซ่อนเขาไว้เป็นสินค้า แต่อัลลอฮฺทรงรู้ดีในสิ่งที่เขากำลังทำ
20. แล้วพวกเขาก็ขายเขาไปด้วยราคาเล็กน้อยเพียงไม่กี่ดิรฺอัม และพวกเขาไม่ได้หวังว่าจะได้ราคามากมายจากเขา


คำแปล R4.
19. และคณะเดินทางได้มาถึง ดังนั้นพวกเขาได้ส่งคนแบกน้ำของพวกเขา(ไปตักน้ำจากบ่อ) เขาได้หย่อนถังของเขาลงไป(ในบ่อ)เขากล่าวว่า โอ้ข่าวดีจ้ะ นี่มันเด็กนี่ และพวกเขาได้ซ่อนเขาไว้เป็นสินค้า และอัลลอฮฺทรงรอบรู้ในสิ่งที่พวกเขากระทำ
20. และพวกเขาได้ขายเขาด้วยราคาถูก นับได้ไม่กี่ดิรฮัม และพวกเขาเป็นผู้มักน้อย


คำแปล R5.  
๑๙. ได้มีขบวนพาณิชจากเมืองมัดยัน (จะไปอียิปต์) มาถึงและหยุดพักขบวนลงใกล้กับเหวที่ยูซุฟอยู่ พวกเหล่านั้นจึงได้จัดส่งผู้หนึ่งชื่อมาลิกบุตรของซะร์เป็นผู้ไปชักน้ำมาไว้สำหรับดื่ม เขาผู้นี้ก็หย่อนถังสำหรับตักน้ำลงไปในเหวนั้น พอชักน้ำขึ้น ยูซุฟได้เกาะติดมากับถังน้ำด้วย มาลิกแลเห็นยูซุฟห็สั่งให้ยูซุฟออกจากถัง แล้วออกอุทานว่า แน่ะ น่าปลื้มจริง เจ้ากุมาน้อยนี่ พวกพี่ ๆ ของยูซุฟเหล่านั้นทราบเรื่องเข้าก็รีบปรี่เข้าไปพบคณะพาณิชทันที ปกปิดเรื่อง ราวทั้งสิ้นของเขา(ยูซุฟ) ไว้ มิใช้คณะพาณิชรู้ว่าใครเป็นใครทำทีบอกขายยูซุฟให้แก่คณะพาณิชเสียเลยว่า เด็กนี้เป็นทาสของเรามันหนีเรามาอยู่นี้ ยูซุฟไม่กล้าปิดปากคัดค้านว่ากระไร ก็ยังไม่วางใจ พอลับสายตาพวกพี่ ๆ ก็ยังได้ขู่สำทับยูซุฟว่า จงสงบปากไว้นะ ไม่อย่างนั้นแล้วจะฆ่าให้ตาย แต่อัลเลาะห์ทรงเป็นองค์รู้ยิ่งในเรื่องอันเป็นความลับและผลดีซึ่งแฝงอยู่ในความลับ ที่พวก(พี่ ๆ ของยูซุฟ) เหล่านั้นกระทำกับยูซุฟอยู่ เพราะว่าการทารุณและการโหดเหี้ยมของพวกพี่ๆ ยูซุฟนั้น เป็นปฐมเหตุทำให้ยูซุฟได้ไปถึงแผ่นดินอียิปต์ และได้กระเถิบไต่เต้าไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดยูซุฟได้ครองตำแหน่งถึงเจ้าผู้ครองนครอียิปต์ ทำให้อาณาประชาชนอยู่เย็นเป็นสุขและบ้านเมืองก็เจริญไพโรจน์
๒๐. พวกพี่ ๆ (ของยูซุฟ) เหล่านั้นได้ขายเขา (ยูซุฟ) ให้แก่มาลิก บุตรของซะร์ คนตักน้ำในราคาต่ำที่สุด แค่ยี่สิบหรือยี่สิบสองเหรียญเงินเท่านั้นในโดยมิได้เสียดายในตัวเขา (ยูซุฟ) เลย  ฝ่ายมาลิกบุตรของซะร์ได้นำเอายูซุฟเดินทางไปยังดินแดนอียิปต์และได้บอกขายยูซุฟให้แก่กษัตริย์ผู้เรืองอำนาจอีกทอดหนึ่งในราคายี่สิบเหรียญทองกับรองเท้าสองคู่ และผ้าอีกสองผืน ในเรื่องเกี่ยวกับการขายตัวยูซุฟนี้มีเล่าว่า พอคณะพาณิชกลับถึงอียิปต์ก็บอกขายทันที มีผู้คนเข้ามาประมูลราคาตัวยูซุฟถึงขั้นสุด คิดเป็นทองเท่ากับน้ำหนักตัวยูซุฟ บางกระแสว่าน้ำหนักเป็นเงิน บางกระแสว่าน้ำหนักเป็นชะมด และบ้างว่าเป็นไหมก็มี ซึ่งน้ำหนักตัวยูซุฟนั้น เท่ากับสี่ร้อยชั่ง
 

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ยูสุฟ อายะฮฺที่ 21 - 25


คำแปล R1.
21. And he (the man) from Egypt who bought him, said to his wife: "Make his stay comfortable, may be he will profit us or we shall adopt him as a son." Thus did we establish Yusuf (Joseph)i the land, that we might teach him the interpretation of events. And Allah has full power and control over his affairs, but most of men know not.
22. And when he [Yusuf (Joseph)] attained his full manhood, we gave him wisdom and knowledge (the Prophethood), thus we reward the Muhsinun (doers of good - see V.2:112).
23. And she, in whose house he was, sought to seduce him (to do an evil act), she closed the doors and said: "Come on, O you." He said: "I seek refuge in Allah (or Allah forbid)! Truly, he (your husband) is my master! He made my stay agreeable! (So I will never betray him). Verily, the Zalimun (wrong and evil-doers) will never be successful."
24. And indeed she did desire him and he would have inclined to her desire, had he not seen the evidence of his Lord. Thus it was that we might turn away from him evil and illegal sexual intercourse. Surely, he was one of our chosen, guided slaves.
25. So they raced with one another to the door, and she tore his shirt from the back. They both found her Lord (i.e. her husband) at the door. She said: "What is the recompense (punishment) for him who intended an evil design against your wife, except that he be put in prison or a painful torment?"


คำแปล R2.
21. และผู้ที่ซื้อเขา(ต่อ) มาจากอียิปต์ (ชื่อกิฎฟีร เสนาบดีการคลังในรัชสมัยของกษัตริย์รอยยาน) ได้กล่าวแก่ภริยาของเขา(ชื่อสุไลคอ)ว่า “เธอจงให้ที่พักแก้เขาอย่างมีเกียรติ เขาอาจอำนวยประโยชน์แก่เรา หรือมิฉะนั้นเราก็จะได้ยกเขาขึ้นเป็นบุตรของเรา” และเช่นนั้น! เราได้ให้ถิ่นฐานแก่ยูซุฟในแผ่นดิน(อียิปต์) และเพื่อเราสอนให้เขารู้วิธีทำนายคำบอกเล่า(จากความฝัน) และอัลเลาะฮฺทรงเป็นผู้พิชิต(มีอำนาจควบคุม)กิจการของพระองค์ และแต่ทว่ามนุษย์ส่วนมากไม่รู้
22. และเมื่อเขาได้บรรลุสู่วัยฉกรรจ์ เราก็ให้เขามีความสามารถและมีความรู้ และเช่นนั้น เราตอบแทนแก่บรรดาผู้ประพฤติดีทั้งมวล
23. และ(สุไลคอ) หญิงซึ่งยูซุฟอาศัยอยู่ในบ้านของนาง ได้ยั่วยวนเขาด้วยความสเน่หาในตัวเขา และนางได้ปิดประตูและกล่าวว่า “มาเร็ว ๆ ซิ ฉันปรารถนาท่าน! เขากล่าวว่า “ขออัลเลาะฮฺทรงคุ้มครองด้วย เพราะว่าเขา(สามีของนาง)ผู้เลี้ยงดูฉันได้ให้ที่อยู่อันดีงามแก่ฉัน (หากแม้นฉันทำตามความประสงค์ของนาง ฉันก็เป็นผู้ฉ้อฉลแน่) แท้จริงบรรดาพวกฉ้อฉลย่อมไม่สมหวังอย่างแน่นอน
24. ขอยืนยัน! แท้จริงนางมีความใคร่ในตัวเขา และเขาก็(อาจมีความใคร่)ในตัวนางได้(เหมือนกัน) หากแม้นเขาไม่เห็นหลักฐานแห่งองค์อภิบาลของเขา(เสียก่อน) เช่นนั้น! เพื่อเราจะได้ผันแปรความเลวร้ายและความลามกให้พ้นไปจากเขา แท้จริงเขาเป็นหนึ่งในจำนวนข้าทาสผู้พ้นมลทินของเรา
25. และคนทั้งสองได้วิ่งแข่งขันกันไปที่ประตู (เพื่อยูซุฟจะได้หนีออกจากห้องและนางวิ่งไล่ตามเพื่อดึงกลับมาสมสู่) และนางได้กระชากเสื้อของเขาจนขาดจากข้างหลัง และคนทั้งสองได้พบนายของนาง(คือสามี)อยู่ที่ประตูนั้นเอง นางจึงกล่าว (เอาตัวรอดและใส่ร้ายยูซุฟ)ว่า “ไม่มีการตอบแทนแก่ผู้ที่ประสงค์ร้ายต่อครอบครัวของท่าน(ที่จะเหมาะสมกับความผิดของเขาอีกแล้ว) นอกจากเขาต้องถูกจำคุก หรือถูกลงโทษอย่างทรมานที่สุด”


คำแปล R3.
21.   และคนที่ซื้อเขาในอียิปต์ได้พูดกับภรรยาของเขาว่า “จงบปฏิบัติต่อเขาด้วยดี บางทีเขาอาจจะมีประโยชน์ต่อเรา หรือเราอาจรับเขาเป็นบุตรของเรา ด้วยเหตุนี้เองเราได้ให้ยูซุฟได้มีที่อยู่ในแผ่นดินนั้นและได้สอนเขาให้เข้าใจถึงกิจการต่าง ๆ อัลลอฮฺทรงทำสิ่งใดก็ได้ที่พระองค์ทรงประสงค์ แต่คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจสิ่งนี้
22.   และเมื่อยูซุฟบรรลุถึงวัยเป็นผู้ใหญ่ เราก็ได้ประทานข้อตัดสินและความรู้ให้แก่เขา นี่คือวิธีการที่เราตอบแทนคนดี
23.   และผู้หญิงในบ้านทีเขาอาศัยอยู่นั้นได้เริ่มยั่วยวนเขา วันหนึ่งนางดั้ปิดประตูและกล่าวว่า “มานี่ซิ” ยูซุฟได้ตอบว่า “ขออัลลอฮฺทรงคุ้มครองฉันจากสิ่งนี้ด้วยเถิด พระผู้อภิบาลของฉันได้ให้ที่พำนักที่ดีแก่ฉันแล้ว (แล้วฉันจะมาประพฤติผิดเช่นนี้หรือ?) แน่นอนคนที่ก่อความอธรรมนั้นไม่มีวันเจริญ”
24.   นางได้เข้ามาหาเขา และเขาก็อาจจะเข้าไปหานางแล้วถ้าหากเขาไม่เห็นข้อโต้แย้งของพระผู้อภิบาลของเขา ที่เป็นเช่นนี้ก็เพื่อที่เราจะได้ขจัดความชั่วช้าและความลามกออกไปจากตัวเขา แท้จริงเขาเป็นหนึ่งในบรรดาบ่าวที่ได้รับการคัดเลือกของเรา
25.   ในที่สุดยูซุฟก็ได้วิ่งไปที่ประตูโดยที่นางได้วิ่งตามไป และนางได้ดึงเสื้อของเขาฉีกขาดจากทางด้านหลัง และทั้งสองได้พบกับสามีของนางที่ประตู นางจึงร้องออกมาว่า “ควรจะลงโทษอย่างไรถึงจะสามสมกับคนที่คิดชั่วร้ายต่อภรรยาของท่าน? จะมีอะไรมากไปกว่าจับเขาขังคุกหรือลงโทษเขาด้วยการทรมานอย่างสาหัสไหม?”


คำแปล R4.
21. และผู้ที่ซื้อเขามาจากอียิปต์กล่าวกับภริยาของเขาว่า จงให้ที่พักแก่เขาอย่างมีเกียรติ บางทีเขาจะทำประโยชน์ให้เราได้บ้างหรือรับเขาเป็นบุตร และเช่นนั้นแหละเราได้ทำให้ยูซุฟมีอำนาจในแผ่นดิน และเพื่อเราจะได้สอนให้เขารู้วิชาทำนายฝัน และอัลลอฮฺทรงเป็นผู้พิจิตในกิจการของพระองค์ และแต่ว่าส่วนใหญ่ของมนุษย์ไม่รู้
22. แลเมื่อเขาบรรลุวัยหนุ่มฉกรรจ์ของเขา เราได้ให้ความสุขุมรอบคอบและวิชาการแก่เขาและเช่นนั้นแหละ เราตอบแทนแก่บรรดาผู้กระทำความดี
23. และนางได้ยั่วยวนเขาโดยที่เขาอยู่ในบ้านของนาง และนางได้ปิดประตูอย่างแน่นและกล่าวว่ามานี่ซิ เขากล่าวว่า ฉันขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮฺ แท้จริงเขาเป็นนายของฉัน ให้ที่พักพิงที่ดียิ่งแก่ฉัน แท้จริงบรรดาผู้อธรรมจะไม่บรรลุความสำเร็จ
24. และแท้จริง นางได้ตั้งใจมั่นในตัวเขาและเขาก็ตั้งใจในตัวนาง หากเขาไม่เห็นหลักฐานแห่งพระเจ้าของเขา เช่นนั้นแหละเพื่อเราจะให้ความชั่วและการลามกห่างไกลจากเขา แท้จริงเขาคือคนหนึ่งในปวงบ่าวของเราที่สุจริต
25. และทั้งสองได้วิ่งไปที่ประตู และนางได้ดึงเสื้อของเขาขาดทางด้านหลัง และทั้งสองได้พบสามีของนางที่ประตู นางกล่าวว่าอะไรคือการตอบแทนของผู้ประสงค์ร้ายต่อภริยาของท่านนอกจากการจำคุกหรือการลงโทษอย่างเจ็บปวด


คำแปล R5. 
๒๑. กิฏฟีรฺ (เสนาบดีกระทรวงคลังในรัชกาลของกษัตริย์องค์หนึ่งทรงพระนามว่า ร็อยยาน ราชกุมารแห่งวลีด วงศ์อัมลีกีย์) เป็นผู้ครองนครอียิปต์ซึ่งได้ซื้อเขา (ยูซุฟ) ไว้ กล่าวแก่ภริยาของตนชื่อสุไลคอว่า เธอจงให้เขาพักอยู่อย่างมีเกียรติ ณ ที่ส่วนตัวของเขา (ยูซุฟ) ภายในบ้านของเรา เพราะเขาอาจมีประโยชน์ต่อเรา หรือว่าเราจะรับเขาไว้เป็นบุตรบุญธรรมเสียเลยก็ได้ ซึ่งเขาก็ยังเป็นโสดอยู่ ทำนองเดียวกับที่เรา(อัลเลาะห์)ได้ให้เขา(ยูซุฟ)รอดพ้นจากการถูกสังหารและภัยอันตรายจากก้นเหวนี้เอง เรา(อัลเลาะห์) จึงได้บันดาลหัวใจของกิฏฟีรให้เกิดความเวทนาเอ็นดู สงเคราะห์ยูซุฟไว้ เพื่อเราจะให้ยูซุฟอาศัยอยู่ที่แผ่นดิน(อียิปต์) นั้น และเพื่อเรา (อัลเลาะห์) จะได้สอนเขาได้รู้ถึงวิธีการทำนายฝัน ฝ่ายอัลเลาะห์นั้นทรงอำนาจควบคุมในกิจของพระองค์ซึ่งไม่มีสิ่งใดเลยจะทำให้พระองค์หย่อนอำนาจของพระองค์ลงได้ แต่ทว่าปวงชนกาฟิร ส่วนมากหาได้รู้เรื่องราวของยูซุฟ ดังที่กล่าวนั้นไม่
๒๒. แล้วเมื่อวัยของเขา(ยูซุฟ) สูงขึ้นถึง ๓๐ หรือ ๓๓ ปี เรา(อัลเลาะห์) จึงให้เขามีคุณวุฒิพร้อมปฏิบัติตามคุณวุฒินั้น และความเข้าใจในการศาสนาก่อนที่จะได้รับตำแห่งเป็นพระศาสดา(นบี) ทำนองเดียวกับที่เราได้สนองผลแก่ยูซุฟนี้เอง เราจึงได้สนองผลแก่ผู้ประพฤติในคุณธรรมเพื่อตนเองอีกด้วยดุจกัน
๒๓. สุไลคออ์ผู้ซึ่งขณะนี้มีเขา(ยูซุฟ) อยู่ภายในบ้านได้ชวนเขา(ยูซุฟ) ให้ร่วมเสน่หากัน นางจึงลงสลักประตูทั้งหมดเจ็ดแห่งแล้วนางกล่าวขึ้นว่า “เข้ามาซิ” เขา(ยูซุฟ) กล่าวว่า “ขอต่ออัลเลาะห์ทรงให้แคล้วคลาดไปเสียจากการกระทำเช่นนั้นเถิด ก็กิฏฟีรผู้สามีของนางนั้น เขาคือนายของฉันแท้ ๆ เขาได้ให้ที่อยู่อาศัยของฉันเป็นอย่างดี ฉันไม่อาจกระทำทุจริตแก่เขา ด้วยการทำบัดสีกับครอบึรัวของเขาได้เลย แน่แท้พวกอธรรม โดยเป็นชายชู้นั้น มิได้ประเสริฐเลย
๒๔. และเราให้สัจปฏิญาณด้วยว่า ที่จริงแล้วนางสุไลคออ์นั้นใคร่ในตัวเขา (ยูซุฟ) อยู่ และเขา (ยูซุฟ) เองก็ใคร่ในตัวนางด้วย ดีว่าเขา (ยูซุฟ) ได้แลเห็นซึ่งหลักฐานจากองค์พระผู้อภิบาลของเขา ไม่อย่างนั้นยูซุฟคงต้องร่วมสังวาสกับนางเป็นแน่ กล่าวคืออัลเลาะห์ทรงให้ยูซุฟเห็นชายผู้หนึ่งคล้ายกับยะกู๊บ(บิดาของยูซุฟ)มาทุบทรวงอกของเขา อสุจิของเขาจึงเคลื่อนออกจากอวัยวะเพศเสียก่อน ที่เราได้ให้ยูซุฟประจักษ์ซึ่งหลักฐานนี่แหละ เป็นเพราะเรา(อัลเลาะห์) จะให้เขา(ยูซุฟ) ห่างออกจากการทุจริตต่อกิฏฟีรผู้เป็นนายของเขาและความอัปยศแห่งการร่วมสังวาสกับนางสุไลคออ์แน่แท้เขา(ยูซุฟ) นั้นคือผู้หนึ่งในหมู่บ่าวผู้บริสุทธิ์ของเรา(อัลเลาะห์)
๒๕. ทั้งสอง(ยูซุฟกับสุไลคออ์) จึงชิงกันไปยังประตู โดยที่ยูซุฟนั้นต้องการจะเปิดประตูเพื่อหนีออก ส่วนนางสุไลคออ์ต้องการยื้อยูซุฟไว้ นางได้กระชากเสื้อของเขา(ยูซุฟ) ฉีกข้างหลังติดมือนางมาชิ้นหนึ่ง แล้วนางก็ดึงยูซุฟมาแนบตัวนาง แต่ทั้งสองพบว่ากิฏฟีรสามีของนางกำลังนั่งอยู่ใกล้ประตูนั้นเอง เพื่อที่นางจะปัดมลทินให้พ้นตัว นางจึงพูดกลบเกลื่อนว่า “คงไม่มีอะไรสมเป็นค่าตอบแทนสำหรับผู้มุ่งกระทำความชั่ว(ร่วมสังวาส) กับคนในครอบครัวท่าน(กิฏฟีร) นอกจากเขา(ยูซุฟ) จะต้องถูกขังอยู่ในคุกสักวันหรือสองวันหรือต้องโทษอันเจ็บแสบ” 


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ยูสุฟ อายะฮฺที่ 26 - 29


คำแปล R1.
26. He [Yusuf (Joseph)] said: "It was she that sought to seduce me," - and a witness of her household bore witness (saying): "If it be that his shirt is torn from the front, then her tale is true and he is a liar!
27. "But if it be that his shirt is torn from the back, then she has told a lie and he is speaking the truth!"
28. So when he (her husband) saw his [(Yusuf's (Joseph)] shirt torn at the back; (her husband) said: "Surely, it is a plot of you women! Certainly mighty is your plot!
29. "O Yusuf (Joseph)! Turn away from this! (O woman!) Ask forgiveness for your sin. Verily, you were of the sinful."


คำแปล R2.
26. เขาจึงกล่าวว่า “ความจริงนางได้ยั่วยวนฉันเอง” และมีพยานคนหนึ่งจากครอบครัว(เครือญาติ)ของนางเอง ได้เป็นพยานว่า “หากปรากฏว่าเสื้อของเขาถูกฉีกขาดจากด้านหน้านางก็พูดจริง และเขาเป็นหนึ่งจากพวกพูดเท็จ”
27. และถ้าเสื้อของเขาถูกฉีกขาดจากด้านหลัง แน่นอนนางพูดโกหก และเขาเป็นหนึ่งในพวกพูดจริง
28. ครั้นเมื่อเขา (สามีของสุไลคอ)ได้เห็นเสื้อของเขา(ยูซุฟ) ถูกฉีกขาดจากด้านหลัง เขาจึงกล่าวว่า “แท้จริงมันเป็นส่วนหนึ่งจากแผนการของนาง แท้จริงแผนการของนางนั้น ช่สงใหญ่หลวง(สำคัญ)ยิ่งนัก
29. (ฝ่ายสามีของสุไลคอจึงกล่าวกับยูซุฟว่า) “โอ้ยูซุฟ ท่านจงหันออก(อย่าถือสา)เรื่องนี้ และ(สุไลคอเอ๋ย) เธอจงขออภัยในความผิดของเธอเถิด เพราะแท้จริง เธอเป็นผู้หนึ่งจากพวกที่กระทำผิด”


คำแปล R3.
26. ยูซุฟได้กล่าวว่า “นางต่างหากที่ยั่วยวนฉัน” เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ได้มีคนในครอบครัวของนางออกมาให้หลักฐานที่เป็นพยานแวดล้อมโดยกล่าวว่า “ถ้าหากเสื้อของยูซุฟฉีกขาดทางด้านหน้านางก็พูดจริงและเขาเป็นผู้โกหก
27. และถ้าเสื้อของเขาฉีกขาดทางด้านหลัง นางก็พูดโกหกและเขาพูดจริง”
28.  เมื่อสามีเห็นเสื้อฉีกขาดทางด้านหลัง เขาก็กล่าวว่า “นี่มันเป็นอุบายชั่วของเธอแท้ ๆ อุบายของเธอช่างเหลือเกินเสียจริง ๆ
29. ยูซุฟเอ๋ย ปล่อยเรื่องนี้ไปเสีย และเธอจงขออภัยโทษสำหรับบาปของเธอ เพราะเธอเป็นผู้ผิดจริง”


คำแปล R4.
26. เขากล่าวว่า นางได้ยั่วยวนขืนใจฉันและพยานคนหนึ่งในบ้านของนางได้เป็นพยาน หากเสื้อของเขาถูกดึงขาดทางด้านหน้า ดังนั้นนางก็พูดจริง และเขาอยู่ในหมู่ผู้กล่าวเท็จ”
27. และหากว่าเสื้อของเขาถูกดึงขาดทางด้านหลัง นางก็กล่าวเท็จ และเขาอยู่ในหมู่ผู้พูดจริง
28. ดังนั้น เมื่อเขาเห็นเสื้อของเขาถูกดึงขาดทางด้านหลัง เขากล่าวว่า แท้จริงมันเป็นอุบายของพวกเธอแท้จริงอุบายของพวกเธอนั้นยิ่งใหญ่
29. ยูซุฟ จงผินหลังให้เรื่องนี้เถิด และเธอจงขออภัยโทษในความผิดของเธอ แท้จริงเธออยู่ในหมู่ผู้กระทำผิด


คำแปล R5.
๒๖. เขา(ยูซุฟ)กล่าวแก้ข้อกล่าวหาของนางสุไลคออ์ว่า นางต่างหากที่ชวนฉันร่วมเสน่หา มีพยานในครอบครัวของนางเป็นเด็กหญิง ซึ่งเป็นลูกอาของนางเองนอนเปลอยู่จะยืนยันให้ เด็กน้อยผู้นี้บอกว่า ถ้าเสือของเขา(ยูซุฟ) ถูกกระชากฉีกข้างหน้า นางสุไลคออ์ก็พูดถูก ฝ่ายเขา(ยูซุฟ)นั้นคือผู้เท็จ
๒๗. แล้วถ้าเสื้อของเขา (ยูซุฟ)ถูกกระชากฉีกข้างหลัง นางสุไลคออ์ก็พูดเท็จ ฝ่ายเขา(ยูซุฟ)เป็นผู้สัจจริง
๒๘. ครั้นเมื่อเขา (กิฏฟีรผู้เป็นสามีของนางสุไลคออ์)แลเห็นเสื้อ(ของยูซุฟ)นั้นถูกกระชากฉีกข้างหลังจึงเอ่ยขึ้นว่า ที่เธอบอกว่า “คงไม่มีอะไรสมเป็นค่าตอบแทนสำหรับผู้มุ่งกระทำชั่วกับคนในครอบครัวของท่าน” นั้นเป็นเล่ห์กระเท่ของพวกเธอ(เหล่านั้น)ต่างหาก เล่ห์กระเท่ห์ของพวกเธอนี้ช่างสำคัญนัก
๒๙. กิฏฟีรสามีของนางสุไลคออืกล่าวแก่ยูซุฟว่า โอ้ ยูซุฟจงออกห่างเรื่องเช่นที่เกิดขึ้นนี้เสีย และอย่าได้เอาเรื่องนี้ไปแพร่งพรายที่ไหนเลย โอ้สุไลคออ์แล้วเธอจงขอประทานอภัยในโทษของเธอเสียด้วย อันตัวเธอนั้นเป็นผู้หนึ่งที่กระทำผิดแน่ทีเดียว แต่ในที่สุดข่าวอัปมงคลนี้ได้รั่วรู้และเล่าลือกันกระฉ่อนไปทั้งเมือง

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ยูสุฟ อายะฮฺที่ 30 - 32


คำแปล R1.
30. And women in the city said: "The wife of Al-'Aziz is seeking to seduce her (slave) young man, indeed she loves him violently; Verily we see her in plain error."
31. So when she heard of their accusation, she sent for them and prepared a banquet for them; she gave each one of them a knife (to cut the foodstuff with), and she said [(to Yusuf (Joseph)]: "Come out before them." Then, when they saw him, they exalted him (at his beauty) and (in their astonishment) cut their hands. they said: "How perfect is Allah (or Allah forbid)! No man is this! This is none other than a noble angel!"
32. She said: "This is he (the young man) about whom you did blame me (for his love), and I did seek to seduce him, but he refused. And now if he refuses to obey my order, he shall certainly be cast into prison, and will be one of those who are disgraced."


คำแปล R2.
30. และพวกผู้หญิงในเมืองต่างพูดกันว่า “ผู้หญิง(ภริยา)ของผู้ทรงเกียรติยั่วยวนเด็กรับใช้ของนางเพื่อร่วมเสน่หากับเขา เขาทำให้นางมีความรักในตัวเขาอย่างลุ่มหลง แท้จริงเราย่อมมองเห็นได้ว่า นางตกอยู่ในความหลงผิดอันชัดแจ้ง
31. ต่อเมื่อนาง(สุไลคอ)ได้ยินคำให้ร้ายของพวกผู้หญิงเหล่านั้น นางจึงส่งตัวแทนไปยังพวกเหล่านั้น (เชิญมาประมาณ 40 คน) และนางได้เตรียมที่เอนกาย (พร้อมทั้งของรับประทาน)ไว้ให้พวกนั้น และนำมีดมามอบให้แก่ทุก ๆ คน และนางจึงกล่าว (กับยูซุฟ)ว่า “ท่านจงออกไปหาพวกนางซิ !” ต่อมาเมื่อพวกนางเห็นเขา พวกนางก็ตกตะลึงในตัวเขา(เพราะความงดงามของเขา) และพวกนางถึงกับบั่นมือของพวกนางเอง(โดยไม่รู้สึกตัว)และพวกนางกล่าวว่า “มหาบริสุทธิ์ยิ่งนักสำหรับอัลเลาะฮฺ! นี่หาใช่คนธรรมดาไม่ นี้มิใช่อื่นใด นอกจากเป็นมลาอิกะฮฺผู้ทรงเกียรติแน่ ๆ”
32. นาง(สุไลคอ)กล่าวว่า “นี้แหละ! คือผู้ที่พวกเธอได้ตำหนิติเตียนฉันเกี่ยวกับตัวเขา และที่ฉันได้ยั่วยวนเขาเพื่อร่วมเสน่หากับเขา แต่เขากลับรักษาตัวไว้ได้ และขอสาบาน หากเขาไม่กระทำตามที่ฉันสั่งให้เขาทำ เขาก็จะถูกจำคุกอย่างแน่นอน และแน่นอนเขาย่อมเป็นผู้หนึ่งจากบรรดาผู้ต่ำต้อย


คำแปล R3.
30. และพวกผู้หญิงในเมืองก็เริ่มพูดกันถึงเรื่องนี้โดยกล่าวว่า “ภรรยาของอะซีสได้ยั่วยวนทาสหนุ่มของนางเพราะนางได้หลงรักเขา เราคิดว่านางกำลังทำผิดอยู่ชัด ๆ”
31.   เพื่อนางได้ยินคำพูดนินทาของนางเหล่านั้น นางจึงได้เชิญผู้หญิงเหล่านั้นมางานเลี้ยงที่บ้านของนางและได้เตรียมหมอนสำหรับงานนี้ไว้ และได้จัดเตรียมมีดวางไว้ให้นางแต่ละคนด้วย แล้ว (เมื่อบรรดาผู้หญิงเหล่านั้นกำลังยุ่งอยู่กับการปอกผลไม้) นางก็ออกปากสั่งแก่ยูซุฟว่า “จงออกมาหาพวกนางหน่อยซิ” เมื่อพวกผู้หญิงเห็นเขา พวกนางก็ตกตะลึงจนเผลอทำมีดบาดมือของนางเหล่านั้นและต่างพากันอุทานออกมาว่า “พระเจ้า ช่างงามเสียเหลือเกิน เขาไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน เขาเป็นมลักผู้ทรงเกียรติแน่ ๆ”
32.   นางได้กล่าวว่า “นี่แหละคนที่พวกเธอนินทาถึงฉัน ไม่ต้องสงสัยเลย ฉันยั่วยวนเขา แต่เขาหลบหนี แต่ถ้าหากเขายังไม่ตอบสนองคำสั่งของฉันอีกละก็ ทีนี้ เขาจะถูกจำคุกและกลายเป็นผู้ต่ำต้อย”


คำแปล R4.
30. และพวกผู้หญิงในเมืองกล่าวว่า ภริยาของผู้ว่าฯ ได้ยั่วยวนเด็กรับใช้ของนาง แน่นอนเขาทำให้นางหลงรัก แท้จริงเราเห็นว่านางอยู่ในการหลงผิดอย่างชัดแจ้ง
31. เมื่อนางได้ยินเสียง (กล่าวหา) โจษจรรย์ของนางเหล่านั้น นางจึงส่งคนไปยังนางเหล่านั้นและนางได้เตรียมที่พักพิงสำหรับนางเหล่านั้นและได้นำมีดมาให้ทุกคนในหมู่นางเหล่านั้นและนางกล่าว (แก่เขาว่า) จงออกไปหานางเหล่านั้น เมื่อนางเหล่านั้นเห็นเขาก็ให้การสรรเสริญและเฉือนมือของพวกนาง และเขากล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ นี่ไม่ใช่มนุษย์เป็นแน่ มิใช่อื่นใดนอกจากมะลักผู้มีเกียรติ
32. นางกล่าวว่า นั่นคือสิ่งที่พวกเธอประณามฉันเกี่ยวกับเขา และแน่นอนฉันได้ยั่วยวนเขาแต่เขาขัดขวางอย่างแข็งขัน และหากเขาไม่ปฏิบัติตามที่ฉันสั่งเขา แน่นอนเขาจะถูกจำคุกและจะอยู่ในหมู่ผู้ยอมจำนน


คำแปล R5.
๓๐. หญิงทั้งหลายในเมือง(อียิปต์)พูดโจษจันกันว่าสุไลคออ์ภรรยาของกิฏฟีรผู้ยิ่งใหญ่ชวนยูซุฟทาสหนุ่มของนางร่วมเสน่หา ทั้งเขา(ยูซุฟ)เองก็รักนางอย่างจับใจเหมือนกัน ความจริงเรา(ผู้หญิงทั้งหลาย)เห็นว่านางสุไลคออ์ย่อมตกอยู่ในความผิดอันชัดแจ้งที่ไปหลงรักยูซุฟผู้เป็นทาสของตัวเอง
๓๑. เมื่อนางสุไลคอได้ยินคำกล่าวร้ายของเหล่าหญิงเข้าหู นางจึงได้ส่งสารไปเชิญเธอเหล่านั้นมาสี่สิบคน และจัดเตรียมของประเภทใช้มีดตัดและผ่า เช่นผลไม้ มีผลแอปเปิ้ลเป็นต้น ไว้สำหรับเธอเหล่านั้นด้วย แล้วนางก็แจกมีดให้เธอเหล่านั้นคนละเล่ม นางบอกแก่ยูซุฟว่า เธอจงออกไปท่ามกลางเธอเหล่านั้นเถิด ครั้นเธอเหล่านั้นแลเห็นเขา (ยูซุฟ) แต่งกายหมดจดสง่างามเดินออกมาแล้วต่างก็ชมเขา(ยูซุฟ)เพราะนางเหล่านั้นไม่เคยเห็นความสง่างามของยูซุฟขณะเดินผ่านมา เธอเหล่านั้นจึงเชือดมือตัวเธอเองด้วยมีดที่เธอกำลังใช้อยู่โดยไม่รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด ด้วยเหตุว่าต่างนางต่างก็จดจ้องพะวงอยู่กับความงามพร้อมสรรพของยูซุฟ เธอเหล่านั้นเอ่ยเป็นเสียงเดียวกันว่า มหาบริสุทธิ์ในอัลเลาะห์ ผู้นี้มิใช่มนุษย์ ผู้นี้มิใช่อื่นนอกจากมลาอิกะห์ผู้ประเสริฐ เพราะเพียบพร้อมไปด้วยความสง่างาม ผิดสามัญมนุษย์
๓๒. ครั้นแล้วนางสุไลคออ์จึงว่าแก่ผู้หญิงทั้งสี่สิบขณะกำลังมองตะลึงว่ายูซุฟผู้นี้แหละที่พวกเธอกล่าวโทษฉันว่าฉันลุ่มหลงในตัวเขา แล้วตัวฉันก็ใคร่เสน่หาด้วยอามรมณ์ในตัวเขา(ยูซุฟ)จริง แต่เขา(ยูซุฟ)กลับดื้อรั้นและถ้าเขา(ยูซุฟ)ไม่กระทำตามที่ฉันสั่งเขาแล้ว เขาต้องถูกขังแน่นอนทีเดียว แล้วเขาจะเป็นผู้หนึ่งในจำนวนต่ำต้อยด้วย พวกผู้หญิงทั้งหลายบอกยูซุฟว่า นี่แน่ยูซุฟ เอจงปฏิบัติคล้อยตามที่นายหญิงต้องการซิ

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ยูสุฟ อายะฮฺที่ 33 - 35
 

คำแปล R1.
33. He said:"O my Lord! Prison is more to my liking than that to which they invite me. Unless you turn away their plot from me, I will feel inclined towards them and be one (of those who commit sin and deserve blame or those who do deeds) of the ignorant."
34. So his Lord answered his invocation and turned away from him their plot. Verily, he is the All-Hearer, the All-Knower.
35. Then it appeared to them, after they had seen the proofs (of his innocence) to imprison him for a time.


คำแปล R2.
33. เขากล่าวว่า “โอ้ องค์อภิบาล! คุกตะรางฉันยังชอบมากกว่าสิ่งที่นางเรียกร้องฉันไปสู่มันเสียอีก และหากพระองค์ไม่ผันแผนการของนางให้พ้นไปจากฉันแล้วไซร้ ฉันก็คงคล้อยตาม(ความต้องการของนาง)นางเป็นแน่ และฉันก็ต้องเป็นหนึ่งจากจำนวนผู้โง่เขลาอย่างแน่นอน
34. ดังนั้น องค์อภิบาลของเขาจึงสนองตอบคำขอของเขาโดยพระองค์ผันแผนการของนางให้พ้นไปจากเขา แท้จริงพระองค์ทรงได้ยิน อีกทั้งทรงรอบรู้ยิ่ง
35. หลังจากนั้นได้ปรากฏชัดแก่พวกเขา (คือสามีของสุไลคอกับพวกใกล้ชิด) ภายหลังจากพวกเขาได้มองเห็นสัญลักษณ์ต่าง ๆ (เป็นที่แน่ชัดว่ายูซุฟมิได้ทำผิด) ว่าพวกเขาจะต้องกักขังเขาไว้สักระยะเวลาหนึ่ง (เพื่อการนินทาจะได้ยุติลง)


คำแปล R3.
33.  ยูซุฟได้กล่าวว่า “พระผู้อภิบาลของฉัน ฉันอยากที่จะเข้าคุกมากกว่าสิ่งที่พวกเขากำลังเชิญชวนฉัน หากพระองค์ไม่ทรงช่วยขจัดแผนการชั่วร้ายนี้ออกไปจากฉัน ฉันก็อาจจะหลงติดกับการยั่วยวนของพวกนางอีก และฉันจะกลายเป็นหนึ่งในหมู่คนผู้โง่เขลา”
34.  พระผู้อภิบาลของเขาได้ตอบรับคำวิงวอนของเขาและได้ทรงขจัดการล่อลวงของพวกนางไปจากเขา แท้จริงพระองค์ทรงได้ยินทุกคนและทรงรู้ทุกสิ่ง
35.  หลังจากนั้นพวกนางก็คิดขึ้นมาได้ว่าน่าที่จะนำตัวเขาไปขังคุกไว้สักระยะหนึ่ง ถึงแม้ว่าพวกนางได้เห็นสัญญาณอันชัดแจ้งแล้ว (ถึงความบริสุทธิ์ของยูซุฟและความผิดของผู้หญิงของพวกเขา)


คำแปล R4.
33. เขากล่าวว่า โอ้ ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ คุกนั้นเป็นที่รักยิ่งแก่ข้าพระองค์กว่าสิ่งที่พวกนางเรียกร้องข้าพระองค์ไปสู่มันและหากพระองค์มิทรงให้อุบายของพวกนางพ้นไปจากข้าพระองค์แล้ว ข้าพระองค์อาจจะโน้มเอียงไปหาพวกนาง และข้าพระองค์จะเป็นคนหนึ่งในหมู่ผู้โง่เขลา
34. ดังนั้น พระเจ้าของเขาได้ตอบรับเขาแล้วพระองค์ทรงให้อุบายของพวกนางหันห่างไปจากเขา แท้จริงพระองค์คือผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้
35. เมื่อเป็นที่ประจักษ์แก่พวกเขาหลังจากที่ได้พบเห็นหลักฐาน (ก็ลงความเห็นว่า) ต้องขังเขาไว้ระยะหนึ่ง


คำแปล R5.
๓๓. เขา(ยูซุฟ)กล่าวว่าโอ้พระผู้อภิบาลของข้าพระองค์ ให้ข้าพระองค์ถูกจำคุกเสียเลย ข้าพระองค์ยังชอบมากกว่าการร่วมประเวณีนอกอนุญาต(ซินา)กับสุไลคออ์ที่พวกผู้หญิงเขายุยงข้าพระองค์เสียอีก หากพระองค์(อัลเลาะห์)ไม่ทรงผลักอุบายของเธอเหล่านั้นให้ห่างพ้นไปจากข้าพระองค์แล้วไซร้ ข้าพระองค์จะต้องคล้อยตามเธอเหล่านั้นด้วยอารมณ์ใคร่เป็นแน่ แล้วข้าพระองค์ก็จะเป็นผู้หนึ่งในจำนวนผู้โง่เขลาหลงแต่ประพฤติในบาป
๓๔. อัลเลาะห์ตรัสว่า องค์พระผู้อภิบาลแห่งเขา (ยูซุฟ) ได้รับถ้อยคำวิงวอนของเขาแล้ว พระองค์จึงผลักอุบายของเธอเหล่านั้นให้พ้นไปจากเขาเสียเลย แน่แท้พระองค์ทรงเป้นองค์ได้ยินยิ่งในถ้อยคำทั้งปวง ทรงรู้ยิ่งในการกระทำใด ๆ
๓๕. หลังจากพวกนั้น (กิฏฟีรและคณะผู้มีความคิดเห็นต้องกัน) ได้แลเห็นหลักฐานยืนยันเป็นที่เชื่อถือได้ว่า ยูซุฟต้องพ้นข้อกล่าวหาแล้ว การขังตัวยูซุฟไว้ในคุกก็ปรากฏขึ้นว่าพวกนั้น(กิฏฟีรกับคณะ)จักต้องขังเขา (ยูซุฟ) ไว้ในคุกสักคราวหนึ่งประมาณ ๗ ปี หรือ ๑๒ ปีให้จงได้ เพื่อข่าวลือจะได้เงียบหายไป


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ยูศุฟ อายะฮฺที่ 36 - 38


คำแปล R1.
36. And there entered with him two young men in the prison. One of them said: "Verily, I saw myself (in a dream) pressing wine." the other said: "Verily, I saw myself (in a dream) carrying bread on my head and birds were eating thereof." (They said): "Inform us of the interpretation of this. Verily, we think you are one of the Muhsinun (doers of good - see V.2:112)."
37. He said: "No food will come to you (in wakefulness or in dream) as your provision, but I will inform (in wakefulness) its interpretation before it (the food) comes. This is of that which my Lord has taught me. Verily, I have abandoned the Religion of a people that believe not in Allah and are disbelievers in the Hereafter (i.e. the Kan'aniun of Egypt who were polytheists and used to worship sun and other false deities).
38. "And I have followed the Religion of my fathers , - Ibrahim (Abraham), Ishaque (Isaac) and Ya'qub (Jacob), and never could we attribute any partners whatsoever to Allah. This is from the Grace of Allah to us and to mankind, but most men thank not (i.e. they neither believe in Allah, nor worship Him).


คำแปล R2.
36. และมีชายหนุ่มสองคนได้เข้าคุกพร้อมกับเขา คนหนึ่งพูดกับเขาว่า “ฉันฝันว่าฉันคั้นสุรา” และอีกคนหนึ่งกล่าวว่า “ฉันฝันว่าฉันทูนขนมปังไว้บนศีรษะของฉันโดยมีนกกำลังกินมัน ดังนั้นท่านจงบอกคำทำนายฝันนั้นแก่เราด้วยเถิด และเราเห็นว่าท่านเป็นผู้หนึ่งจากบรรดาผู้ประพฤติตนดี”
37. เขากล่าวว่า “ยังไม่ทันที่อาหาร(ในคุก)ซึ่งท่านทั้งสองเคยรับประทานจะมาสู่ท่านทั้งสอง นอกจากว่าฉันจะแจ้งแก่ท่านทั้งสองถึงคำทำนายของมัน ก่อนที่อาหารนั้นจะมาถึงท่านทั้งสองด้วยซ้ำ นั้น! เป็นส่วนหนึ่งที่องค์อภิบาลของฉันได้สอนฉัน แท้จริงฉันได้ทิ้งลัทธิของกลุ่มชนที่ไม่ศรัทธาในอัลเลาะฮฺ และพวกเขาเป็นผู้คัดค้านในเรื่องของโลกหน้า”
38. “และฉันตามศาสนาแห่งบรรพบุรุษของฉัน คือ อิบรอฮีม อิสหาก และยะอ์กู๊บ เราไม่มีสิทธิเลยที่จะอุปโลกน์สิ่งใด ๆ ขึ้นมาเป็นภาคีกับอัลเลาะฮฺ นั้นเป็นส่วนหนึ่งจากความโปรดปรานของอัลเลาะฮฺที่ทรงประทานเราและแก่มวลมนุษย์ และแต่ทว่า มนุษย์ส่วนมากหากตัญญูไม่”


คำแปล R3.
36.  ปรากฏว่าบ่าวอื่น ๆ อีกสองคน ก็ได้เข้าคุกไปกับเขาด้ย หนึ่งในสองคนนั้นกล่าวว่า “ฉันได้ฝันเห็นว่าฉันกำลังคั้นเหล้าองุ่น” และอีกคนหนึ่งกล่าวว่า “ฉันก็ฝันว่าตัวฉันกำลังแบกขนมปังอยู่บนหัวและมีนกมาจิกกิน จงทำนายฝันให้เราหน่อย เพราะเราเห็นว่าท่านเป็นคนดี”
37. ยูซุฟได้ตอบว่า “ฉันจะบอกถึงการทำนายฝันก่อนอาหารที่ท่านได้รับจะมาถึงท่าน ความสามารถในการทำนายฝันนี้เป็นส่วนหนึ่งของความรู้ที่พระผู้อภิบาลของฉันได้ทรงประทานแก่ฉัน ความจริงก็คือว่าฉันไม่ปฏิบัติตามแนวทางของบรรดาผู้ไม่ศรัทธาในอัลลอฮฺและปฏิเสธโลกหน้า
38. ฉันปฏิบัติตามแนวทางของบรรพบุรุษของฉันนั่นคืออิบรอฮีม อิสฮาก และยะกู๊บ มันไม่ใช่เราที่จะไปเอาผู้ใดมาเป็นภาคีร่วมกับอัลลอฮฺ นี่คือความโปรดปรานของอัลลอฮฺที่ทรงมีต่อเราและต่อมนุษยชาติ (ที่พระองค์ไม่ทรงทำให้เราเป็นบ่าวของผู้ใดอื่นนอกไปจากพระองค์) แต่ว่ามนุษย์ส่วนใหญ่ก็ไม่กตัญญู


คำแปล R4.
36. และชายหนุ่มสองคน (มหาดเล็ก) ได้เข้าคุกพร้อมกับเขา หนึ่งในสองคนกล่าวว่า แท้จริงฉันฝันเห็นว่าฉันคั้นเหล้า และอีกคนหนึ่งกล่าวว่า แท้จริงฉันฝันเห็นว่าฉันแบกขนมปังไว้บนศีรษะของฉัน แล้วนกได้มากินมัน จงบอกเราด้วยการทำนายฝัน แท้จริงเราเห็นท่านอยู่ในหมู่ผู้ทำความดี
37. เขากล่าวว่า อาหารที่ท่านทั้งสองจะได้รับจะยังไม่มาถึงท่านทั้งสอง เว้นแต่ฉันจะบอกกับท่านทั้งสองเป็นการทำนายมัน ก่อนที่มันจะมาถึงท่านทั้งสอง นั่นแหละคือสิ่งที่พระเจ้าของฉันทรงสอนฉัน แท้จริงฉันได้ละทิ้งแนวทางของกลุ่มชนผู้ไม่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และพวกเขาเป็นพวกที่ปฏิเสธศรัทธาต่อวันปรโลก
38. และฉันได้ดำเนินตามแนวทางของบรรพบุรุษของฉัน คือ อิบรอฮีมและอิสฮากและยะอฺกูบ ไม่เป็นการบังควรแก่เราที่จะตั้งภาคีด้วยสิ่งใดต่ออัลลอฮฺ นั่นคือความโปรดปรานของอัลลอฮ์แก่เราและมนุษยชาติ แต่ส่วนใหญ่ของมนุษย์ไม่ขอบคุณ


คำแปล R5.
๓๖. มีชายหนุ่มสองคนถูกควบคุมตัวไปเข้าคุกพร้อมกับเขา(ยูซุฟ) ด้วย คนหนึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ควบคุมเครื่องเสวยประเภทของดื่มของพระเจ้าแผ่นดินอียิปต์ ทรงพระนามว่าร็อยยาน พระราชกุมารแห่งวลีด ราชวงศ์อัมลีกีย์ ส่วนอีกคนหนึ่งเป้นเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมเครื่องเสวยประเภทพระกระยาหารหนักของกษัตริย์พระองค์นั้น คนทั้งสองนี้ถูกพิพากษาจำคุกในข้อหารับจ้างวางยาพิษ เรื่องมีว่าชนพวกหนึ่งในแผ่นดินอียิปต์สมคบกันลอบปลงสังหารพระมหากษัตริย์ จึงจ้างชายหนุ่มทั้งสองนั้นให้เอายาพิษใส่ลงในพระกระยาหารไปให้เสวย ทั้งสองรับปากตกลง ต่อมาคนแรกสำนึกผิดก็เปลี่ยนใจแล้วนำค่าจ้างไปคืน แต่คนที่สองยังเห็นแก่ค่าจ้าง จึงเอายาพิษใส่ลงในอาหาร ครั้นเมื่อเขาได้นำเอาพระกระยาหารนั้นไปให้พระมหากษัตริย์เสวย คนแรกทัดทานไว้และทูลว่า “ข้าแต่พระเจ้าอยู่หัว ขอพระองค์ได้โปรดอย่าเสวยพระกระยาหารอันมียาพิษเจืออยู่ด้วยพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อเรื่องแตกคนที่สองจึงทูลบ้างว่า “ข้าแต่พระเจ้าอยู่หัว ขอพระองค์ได้โปรดอย่าทรงดื่มน้ำจัณฑ์นี้เลยพ่ะย่ะค่ะ เพราะน้ำจัณฑ์นี้ก็มียาพิษเจืออยู่เหมือนกันพ่ะย่ะค่ะ” แต่นั้นพระเจ้าแผ่นดินจึงทรงให้ให้คนแรกดื่มน้ำจัณฑ์เสียเอง เขายอมดื่มโดยดีและปลอดภัย ส่วนอีกคนหนึ่งพระองค์ทรงสั่งให้กินอาหารนั้น เขาปฏิเสธ พระองค์ทรงให้นำอาหารไปให้สัตว์กิน สัตว์กินแล้วตาย พระเจ้าแผ่นดินจึงตรัสสั่งให้นำตัวชายทั้งสองไปฝากขังไว้ก่อน เผอิญเป็นคราวเดียวกับที่ยูซุฟถูกฝากขังพอดี ชายหนุ่มทั้งสองคนนั้นแลเห็นยูซุฟเข้าก็พบแววว่าเป็นผู้มีความรู้ สามารถรู้วิชาการทำนายฝัน เขาทั้งสองจึงกล่าวว่า เราจะลองภูมิยูซุฟดูสักที คนหนึ่งผู้รับหน้าที่ควบคุมเครื่องดื่มบอกว่าฉันฝันว่าได้คั้นองุ่นสามพวงให้เป็นเหล้า ส่วนอีกคนหนึ่งผู้รับหน้าที่ควบคุมเรื่องอาหารก็ได้บอกว่าฉันฝันว่าได้ทูลขนมปังสามกระจาดไว้บนหัวฉัน มีนกมาจิกไปกินเสียหน่อยหนึ่ง ขอท่านจงบอกคำทำนายฝันของเราทั้งสองด้วย เราทั้งสองจะได้ประจักษ์แน่ว่า ท่านเป็นผู้รู้การทำนายฝันได้ดีเลิศ   
๓๗. เขา(ยูซุฟ) กล่าวแก่ชายหนุ่มทั้งสองว่าไม่ว่าอาหารใดที่ท่านทั้งสองจะได้กิน ก่อนที่มันจะมาถึงท่านทั้งสอง ฉันก็สามารถทำนายได้ว่าท่านทั้งสองจะได้กินอาหารอะไร จะได้กินมากน้อยเพียงไร และเวลาใด เรื่องซึ่งฉันได้ให้ท่านทั้งสองทราบนี้คือ กระแสโองการที่มาแต่อัลเลาะห์ที่องค์พระผู้อภิบาลแห่งฉันทรงดลมาถึงฉัน และเป็นความรู้ซึ่งพระองค์ทรงสอนให้ฉันรู้ ฉันจึงไม่ใช่โหราจารย์ผู้ทำนายโชคชะตาทั้งในอดีตและอนาคต หรือในอดีตโดยเฉพาะ ยูซุฟยังได้เสริมให้เขาทั้งสองเชื่อมั่นยิ่งขึ้น ฉันมิได้นับถือศาสนาของปวงชนผู้ไร้ศรัทธาต่ออัลเลาะห์เลย ทั้งเป็นพวกซึ่งมิได้ศรัทธาต่อวันปรภพอีกด้วย
๓๘. เมื่อยูซุฟได้ประกาศให้รู้ถึงตำแหน่งพระศาสดา และได้สำแดงอภินิหารแล้ว ก็ได้เปิดเผยว่า เขาเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขในตระกูลพระศาสดาและพระศาสนทูต เขาจึงบอกว่า แต่ฉันเจริญรอยตามพระศาสนาแห่งบรรพบุรุษของฉัน คือ อิบรอฮีม อิสหากและยะกู๊บ ไม่สมควรเลยที่พวกเราจะถือเอาสิ่งใดมาเป็นภาคีคู่กับอัลเลาะห์ ทั้งที่เราก็คอยระวังรักษาไม่ถือภาคีอยู่ การถือในเอกภาพแห่งอัลเลาะห์นี้แหละเป็นส่วนแห่งความกรุณาของอัลเลาะห์ที่มีต่อเราและมวลมนุษย์ แต่ทว่ามวลชนกาฟิรส่วนมากหาได้ขอบพระคุณในพระกรุณาธิคุณของอัลเลาะห์ไม่ พวกเขานั้นจึงเป็นพวกถือภาคี


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ยูศุฟ อายะฮฺที่ 39 - 42


คำแปล R1.
39. "O two companions of the prison! Are many different lords (gods) better or Allah, the one, the irresistible?
40. "You do not worship besides him but only names which you have named (forged), you and your fathers, for which Allah has sent down no authority. The command (or the Judgment) is for none but Allah. He has commanded that you Worship none but him (i.e. his Monotheism), that is the (true) straight religion, but most men know not.
41. "O two companions of the prison! As for one of you, he (as a servant) will pour out wine for his Lord (king or master) to drink; and as for the other, he will be crucified and birds will eat from his head. Thus is the case judged concerning which you both did inquire."
42. And he said to the one whom he knew to be saved: "Mention me to your Lord (i.e. your king, so as to get me out of the prison)." But Shaitan (Satan) made him forget to mention it to his Lord [or Satan made [(Yusuf (Joseph)] to forget the remembrance of his Lord (Allah) as to ask for his help, instead of others]. So [Yusuf (Joseph)] stayed  in prison a few (more) years.


คำแปล R2.
39. “โอ้เพื่อนชาวคุกทั้งสองของฉัน! บรรดาพระเจ้าต่าง ๆ ที่แยกย่อยนั้นดีกว่าหรือว่าอัลเลาะฮฺองค์เดียวที่ทรงอำนาจที่สุดจะดีกว่า
40. พวกท่านทั้งหลายไม่ได้นมัสการนอกเหนือจากพระองคืเลยนอกจาก (การนมัสการเพียง)ชื่อต่าง ๆ ที่พวกท่านและบรรพบุรุษของพวกท่านตั้งชื่อขึ้นเอง ทั้ง ๆ ที่อัลลอฮฺมิได้ประทานหลักฐานใด ๆในสิ่งนั้นเลย ไม่มีการตัดสิน(ของใครทั้งสิ้น)นอกจากสิทธิของอัลเลาะฮฺเท่านั้น พระองค์ทรงบัญชาว่า พวกท่านอย่านมัสการ(ผู้ใด)นอกจากพระองค์เพียงพระองค์เดียว นั้นเป็นศาสนาอันยืนยง และแต่ทว่ามนุษย์ส่วนมากหารู้ไม่”
41. “โอ้เพื่อนชาวคุกทั้งสองของฉัน! ส่วนคนหนึ่งจากทั้งสองท่านนั้น เขาจะได้รินสุราให้แก่นายของเขา และอีกคนหนึ่งนั้นเขาจะถูกตรึงไม้กางเขน แล้วมีนกมาจิกกินที่ศีรษะของเขา การงานที่ท่านทั้งสองไต่ถามฉันนั้นได้ถูกกำหนดไว้แล้ว
42. และเขา(ยูซุฟ)ได้กล่าวกับคนที่มั่นใจว่าตัวเขาเองพ้นโทษว่า “ท่านจึงกล่าวถึงฉันขณะที่อยู่กับนายของท่าน (เพื่อฉันจะได้ออกจากคุก)” แต่แล้วมารร้ายได้ทำให้เขาลืมกล่าวกับนายของเขา(เกี่ยวกับยูซุฟ) ดังนั้นยูซุฟจึงต้องค้างอยู่ในคุกอีกหลายปี


คำแปล R3.
39. เพื่อนร่วมคุกทั้งสองของฉันเอ๋ย บอกหน่อยซิว่าอันไหนดีกว่ากัน พระเจ้าต่าง ๆ มากมาย หรืออัลลอฮฺองค์เดียวผู้ทรงมีอำนาจทุกอย่าง ?
40. พระเจ้าทั้งหลายที่พวกท่านเคารพสักการะนอกไปจากพระองค์นั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าเพียงชื่อที่พวกท่านและบรรพบุรุษของพวกท่านตั้งกันขึ้นมาเอง เพราะอัลลอฮฺไม่ได้ส่งอำนาจใด ๆ มาให้แก่พวกท่าน อำนาจสูงสุดเป็นของอัลลอฮฺแต่เพียงพระองค์เดียวเท่านั้น พระองค์ได้ทรงบัญชาพวกท่านว่าจงอย่าเคารพภักดีผู้ใดนอกไปจากพระองค์ นี่คือแนวทางอันถูกต้องและเที่ยงตรง แต่ว่ามนุษย์ส่วนใหญ่ไม่รู้
41. เพื่อร่วมคุกทั้งสองของฉันเอ๋ย นี่คือคำทำนายฝันของท่าน คนหนึ่งจะรินเหล้าถวายเจ้านายของเขา (กษัตริย์แห่งอียิปต์) ส่วนอีกคนหนึ่งจะถูกตรึงกางเขนและนกจะจิกกินที่หัวของเขา เรื่องที่พวกท่านอยากรู้นั้นได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว”
42. แล้วยูซุฟก็ได้พูดกับคนหนึ่งที่เขาคิดว่าจะได้รับการปล่อยตัว เขากล่าวว่า “จงเอ๋ยถึงฉันให้เจ้านายของท่าน (กษัตริย์แห่งอียิปต์)ให้รู้ด้วย” แต่มารร้ายได้ทำให้เขาลืมเอ่ยถึงเขาต่อเจ้านายของเขา ดังนั้น ยูซุฟจึงต้องอยู่ในคุกเป็นเวลาหลายปี


คำแปล R4.
39. โอ้ เพื่อนร่วมคุกทั้งสองของฉันเอ๋ย! พระเจ้าหลายองค์ดีกว่า หรือว่าอัลลอฮฺเอกองค์ผู้ทรงอนุภาพ
40. สิ่งที่พวกท่านเคารพอิบาดะฮ์อื่นจากพระองค์ มิใช่อื่นใดนอกจากบรรดาชื่อที่พวกท่านและบรรดาบรรพบุรุษของพวกท่านใช้เรียกมัน อัลลอฮฺมิได้ประทานหลักฐานในเรื่องนี้ลงมา การตัดสินมิได้เป็นสิทธิของใครนอกจากอัลลอฮฺพระองค์ทรงใช้มิให้พวกท่านเคารพอิบาดะฮ์สิ่งใด นอกจากพระองค์เท่านั้น นั่นคือศาสนาที่เที่ยงธรรมแต่ส่วนใหญ่ของมนุษย์ไม่รู้
41. โอ้เพื่อนร่วมคุกทั้งสองของฉันเอ๋ย  ส่วนคนหนึ่งของท่านทั้งสองเขาจะรินเหล้าให้นายของเขาและส่วนอีกคนหนึ่งจะถูกแขวนตรึง แล้วนกจะกินศีรษะของเขาเรื่องถูกกำหนดไว้ตามที่ท่านทั้งสองขอความเห็น
42. และเขากล่าวแก่คนที่เขาคิดว่าจะพ้นโทษในสองคนว่า จงเล่าเรื่องของฉันแก่นายของท่านด้วย แล้วชัยฎอนได้ทำให้เขาลืมเรื่องของเขา(ยูซุฟ) ณ ที่นายของเขา เขาจึงอยู่ในคุกอีกหลายปี


คำแปล R5.
๓๙. หลังจากยูซุฟได้ชักชวนชายหนุ่มทั้งสองให้เชื่อมั่นในอัลเลาะห์แล้ว เขา (ยูซุฟ) กล่าวถามว่า โอ้เพื่อนร่วมเรือนจำทั้งสองคนของฉัน พระเจ้าประเภทต่าง ๆ ดีเลิศกว่าอัลเลาะห์ผู้ทรงเอกะ ผู้เหนืออำนาจหรือ? หรือว่าอัลเลาะฮฺผู้ทรงเอกะ ผู้เหนืออำนาจ ดีเลิศกว่าพระเจ้าประเภทต่าง ๆ นั้น พวกเจ้าจะต้องยอมรับและจงรู้ไว้เถิดว่า อัลเลาะห์นั้นทรงเลิศกว่า 
๔๐. พวกเจ้าหาได้เคารพบูชาผู้ที่นอกจากพระองค์ในอันใดไม่ นอกจากเพียงชื่อต่าง ๆ ที่พวกเจ้าและปวงบรรพบุรุษของพวกเจ้าได้ตั้งขึ้นไว้สำหรับเทวรูปนั้น ๆ ทั้งที่อัลเลาะห์ก็มิได้ทรงลงหลักฐานใด ๆ ในเรื่องเคารพบูชาเทวรูปดังกล่าวนั้นมาเลย อำนาจแห่งการตัดสินนั้นหามีมาแต่ใดไม่ นอกจากอัลเลาะห์ผู้ทรงอานุภาพเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น พระองค์ทรงบัญชาว่า มิให้พวกเจ้าเคารพบูชาใดเว้นแต่พระองค์ เอกภาพแห่งอัลเลาะห์นั้นแหละ คือศาสนาที่เที่ยงตรง แต่ทว่าปวงชนกาฟิรส่วนมากหารู้ไม่ว่าพวกเขาจะกลับไปสู่โทษทัณฑ์ที่ต้องประสบกับพวกเขา พวกเขาจึงต่างก็ถือภาคี
๔๑. หลังจากนั้นยูซุฟก็เอ่ยขึ้นว่า โอ้เพื่อนร่วมเรือนจำทั้งสองคนของฉัน คนแรกผู้ซึ่งรับหน้าที่เครื่องดื่มประจำราชสำนักหลังจากถูกคุมขังได้สามวันเขาจะถูกปล่อยตัวไปและจะได้ถวายสุราบานแด่พระเจ้าแผ่นดินแห่งเขา ตามเดิมซึ่งตรงตามฝันที่ว่า ได้คั้นองุ่นสามพวง ส่วนอีกคนหนึ่งที่รับหน้าที่เครื่องกินประจำราชสำนักนั้นเล่า หลังจากถูกคุมขังได้สามวันแล้ว เขาจะถูกเบิกตัวออกจากที่คุมขังไปประหารและจะถูกตรึงและจะมีนกมาจิกกินศีรษะของเขา นี่ก็ตรงตามที่เจ้าตัวได้ฝันว่าได้ทูลกระจาดขนมปังสามใบไว้บนศีรษะ และมีนกมาจิกเอาขนมปังไปกินเสียส่วนหนึ่ง ยูซุฟกล่าวย้ำว่านี่คือการทำนายฝันของท่านทั้งสองทั้งสองคนจึงกลับคำเสียใหม่ว่าเราหาได้ฝันถึงสิ่งใดไม่ ยูซุฟกล่าวว่า ผลแห่งการที่ท่านทั้งสองขอให้ทำนายนั้นย่อมเป็นไปตามนั้น หามีความเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าท่านจะฝันหรือไม่ก็ตาม
๔๒.  แล้วเขา(ยูซุฟ) ก็บอกแก่ผู้ (ควบคุมเครื่องดื่มประจำราชสำนัก) หนึ่งในสองคนซึ่งตนเองมั่นใจในความปลอดภัยว่า “ท่านจงออกชื่อฉันไปถึงเจ้าแผ่นดินของท่านด้วย” คือในคุกนี้ยังมีชายอยู่คนหนึ่งถูกขังโดยปราศจากความผิดมาเป็นเวลา ๕ ปีแล้ว แต่เมื่อผู้ควบคุมเครื่องดื่มนั้นได้รับอิสระออกไปจากคุก ไชตอนได้กระทำให้เขา(ชายผู้ควบคุมเครื่องดื่ม) ลืมบอกเรื่องที่ยุซุฟสั่งถึงเจ้าแผ่นดิน เขา(ยูซุฟ) จึงคงถูกคุมขังอยู่ในคุกต่อไปอีกเป็นเวลาหลายปี บ้างว่า ๗ ปี และบ้างว่า ๑๒ ปี


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ยูสุฟ อายะฮฺที่ 43 - 44


คำแปล R1.
43. And the king (of Egypt) said: "Verily, I saw (in a dream) seven fat cows, whom seven lean ones were devouring - and of seven green ears of corn and (seven) others dry. O notables! Explain to me my dream, if it be that you can interpret dreams."
44. They said: "Mixed up false dreams and we are not skilled in the interpretation of dreams."


คำแปล R2.
43. และกษัตริย์(แห่งอียิปต์)ได้ตรัสว่า “แท้จริงฉันฝันว่ามีวัวตัวเมียอ้วนพีอยู่เจ็ดตัว และมีวัวตัวผู้ผอมโซเจ็ดตัวกินมัน และมีรวงสาลีสดเจ็ดรวง ส่วนรวงอื่น ๆ (อีกเจ็ดรวง)เป็นสาลีแห้ง โอ้เสนาบดี! พวกท่านจงวินิจฉัยความฝันของฉันซิ หากพวกท่านสามารถทำนายฝันได้
44. พวกเขาตอบว่า “นี้เป็นความฝันอันฟุ้งซ่าน และพวกเราหาใช่ผู้รอบรู้ในการทำนายฝันไม่”


คำแปล R3.
43. วันหนึ่งกษัตริย์ได้กล่าวว่า “ฉันฝันเห็นวัวตัวเมียอ้วนเจ็ดตัวกำลังถูกวัวตัวเมียผอมเจ็ดตัวกิน และเห็นรวงข้าวเขียวขจีเจ็ดรวงและที่แห้งลีบอีกเจ็ดรวง เสนาบดีของฉันทำนายความฝันให้ฉันหน่อยซิ ถ้าหากพวกท่านเข้าใจความหมายของความฝัน”
44. พวกเขาตอบว่า “นี่เป็นผลของฝันร้ายและพวกเราไม่เข้าใจความหมายของมัน”


คำแปล R4.
43. และกษัตริย์ได้ตรัสว่า แท้จริงฉันฝันเห็นวัวตัวเมียอ้วนเจ็ดตัวถูกวัวผอมเจ็ดตัวกินพวกมัน และรวงข้าวเขียวเจ็ดรวงถูกรวงข้าวแห้งเจ็ดรวงรัดกินมัน โอ้ขุนนางทั้งหลายเอ๋ย จงอธิบายแก่ฉันในการฝันของฉันนี้ หากพวกท่านเป็นผู้ทำนายฝันได้
44. พวกเขากล่าวว่า เป็นการฝันที่สับสนและพวกเรามิใช่ผู้รู้ในการทำนายฝัน


คำแปล R5.
๔๓. กษัตริย์แห่งอียิปต์ตรัสว่า ฉันได้ฝันเห็นมีโคตัวเมียอ้วนเจ็ดตัว ถูกโคตัวผู้ซูบผอมเจ็ดตัวกลืนกินหมดทั้งเจ็ด และยังได้ฝันเห็นว่า มีข้าวสาลีสดเจ็ดรวงกับข้าวสาลีแห้งอีกเจ็ดรวง แต่ข้าวสาลีแห้งทั้งเจ็ดรวงพาดทับข้าวสาลีสดเจ็ดรวงแล้วดูดเอาความสดของข้าวสาลีสดทั้งเจ็ดรวงไปหมด นี่แน่ะ!ท่านเสนาบดีผู้เจริญจงทำนายคำฝันของฉันดังกล่าวให้ฉันรู้ซิหากพวกท่านเป็นผู้มีความรู้ สามารถทำนายความฝันได้
๔๔. พวกเหล่านั้นทูลตอบว่า นี่เป็นฝันที่เลอะเลือน ข้าพเจ้าทั้งหลายไม่มีความรูในการทำนายฝันนั้นเลยพ่ะย่ะค่ะ


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ยูสุฟ อายะฮฺที่ 45 - 49


คำแปล R1.
45. Then the man who was released (one of the two who were in prison), now at length remembered and said: "I will tell you its interpretation, so send me forth."
46. (He said): "O Yusuf (Joseph), the man of truth! Explain to us (the dream) of seven fat cows whom seven lean ones were devouring, and of seven green ears of corn, and (seven) others dry, that I may return to the people, and that they may know."
47. [(Yusuf (Joseph)] said: "For seven consecutive years, you shall sow as usual and that (the harvest) which you reap you shall leave in ears, (all) - except a little of it which you may eat.
48. "Then will come after that, seven hard (years), which will devour what you have laid by in advance for them, (all) except a little of that which you have guarded (stored).
49. "Then thereafter will come a year in which people will have abundant rain and in which they will press (wine and oil)."


คำแปล R2.
45. และชายที่พ้นโทษ(ได้ออกจากคุก)จากคนทั้งสองและเขาเพิ่งนึก(ถึงคำสั่งของยูซุฟ)ได้ หลังจากเวลาได้ผ่านไประยะหนึ่ง(หลายปี) ได้กล่าวว่า “ฉันจะแจ้งให้พวกท่านทราบถึงคำทนายฝันนั้นเอง ดังนั้นพวกท่านจงส่งฉันไป(นำผู้รู้ในการทำนายฝันมา)เถิด”
46. “โอ้ยูซุฟ! ผู้ซื่อตรง ท่านจงวินิจฉัย(ความฝัน)แก่เราในวัวตัวเมียอ้วนพีเจ็ดตัว ซึ่งมีวัวตัวผู้ผอมโซเจ็ดตัวกินมัน และมีรวงสาลีสดเจ็ดรวง และอีกเจ็ดรวงเป็นสาลีแห้ง เพื่อฉันจะได้กลับ(ไปบอก)คนทั้งหลาย เพื่อพวกเขาจะได้รู้(ถึงคำทำนายดังกล่าว)
47. เขากล่าว(ทำนาย)ว่า “พวกท่านจะปลูกพืชติดต่อกันเจ็ดปีตามเคย(ด้วยความเหนื่อยยาก)แล้วสิ่งที่พวกท่านได้เก็บเกี่ยวมันนั้น(และเก็บตุนไว้ให้ดี) พวกท่านจงทิ้งมันไว้คารวงของมัน(และเก็บตุนไว้ให้ดี) นอกจากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ที่พวกท่าน(นำมาสีเพื่อ)บริโภคได้
48. หลังจากนั้นจะมีอีกเจ็ดปีอันแห้งแล้งมาถึงภายหลังจากนั้น ซึ่งทั้งเจ็ดปีนั้นจะกิน(คือทำความสูญสิ้น)แก่สิ่งที่พวกท่านได้ตระเตรียมไว้เพื่อมัน ยกเว้นเพียงเล็กน้อยจากสิ่งที่พวกท่านสงวนไว้(สำหรับทำพันธุ์)
49. หลังจากนั้นจะมีปีหนึ่งมาถึง ซึ่งมวลมนุษย์ได้รับฝน(อย่างอุดมสมบูรณ์) และในปีนั้น พวกเขาได้คั้นองุ่น(อย่างมากมาย)


คำแปล R3.
45. แล้วหนึ่งในสองนักโทษที่ถูกปล่อยออกมาก็นึกถึงสิ่งที่ผ่านมาเป็นเวลานานแล้วได้ และเขาได้กล่าวว่า “ฉันจะบอกความหมายของความฝันให้ ถ้าหาดท่านเพียงแต่ส่งฉัน(ไปหายูซุฟในคุก)
46. (เมื่อพบกับยูซุฟแล้ว) เขาก็กล่าวว่า “ยูซุฟผู้สัตย์จริงเอ๋ย จงทำนายฝัยเรื่องวัวตัวเมียอ้วนเจ็ดตัวกำลังถูกวัวผอมเจ็ดตัวกิน และรวงข้าวเขียวขจีเจ็ดรวงและที่แห้งลีบเจ็ดรวงให้ฉันฟังหน่อย เพื่อที่ฉันจะได้กลับไปบอกผู้คนและพวกเขาจะได้เข้าใจ”
47. ยูซุฟได้ตอบว่า “พวกท่านจงหว่านไถแผ่นดินเป็นเวลาเจ็ดปีต่อเนื่องกันตามปกติ ในช่วงเวลานี้จงนวดสิ่งที่พวกท่านเก็บเกี่ยวไว้แค่จำนวนที่เพียงพอสำหรับกิน ส่วนที่เหลือให้ปล่อยมันไว้อยู่กับรวงของมัน
48. แล้วหลังจากนั้นก็จะมีปีแห่งความแร้นแค้นมาเจ็ดปี จงกินสิ่งที่พวกท่านได้สะสมไว้สำหรับช่วงนั้นยกเว้นสิ่งที่พวกท่านได้เก็บสำรองไว้
49. หลังจากนั้นก็จะมีปีหนึ่งซึ่งมีฝนตกชุกเพื่อตอบสนองคำวิงวอนของผู้คนและพวกเขาจะได้คั้น (น้ำผลไม้และน้ำมัน)”


คำแปล R4.
45. เขาผู้รอดพ้นคนหนึ่งในสองคนรำลึกขึ้นมาได้หลังจากชั่วเวลาหนึ่ง กล่าวว่า ฉันจะบอกพวกท่านซึ่งการทำนายฝัน พวกท่านจงส่งฉันไปซิ
46. ยูซุฟผู้ซื่อสัตย์เอ๋ย จงอธิบายแก่เราเรื่องวัวตัวเมียอ้วนเจ็ดตัวถูกวัวตัวผอมเจ็ดตัวกินมัน และรวงข้าวเจ็ดรวงถูกรวงข้าวแห้งเจ็ดรวงรัดกินมัน หวังว่าฉันจะกลับไปหามวลชน เพื่อพวกเขาจะได้รู้เรื่อง
47. เขากล่าวว่า พวกท่านจะเพาะปลูก 7 ปีต่อเนื่องกัน สิ่งที่พวกท่านเก็บเกี่ยวได้จงปล่อยมันไว้ในรวงของมัน เว้นแต่ส่วนน้อยที่ท่านจะกินมัน
48. หลังจากนั้น 7 ปีแห่งความแร้นแค้นจะติดตามมา มันจะกินสิ่งที่พวกท่านสะสมไว้สำหรับมันนอกจากส่วนน้อยที่พวกท่านจะเก็บไว้ทำพันธุ์
49. หลังจากนั้นปีที่มวลชนจะได้รับฝนติดตามมา และในปีนั้นพวกเขาจะได้คั้นองุ่น


คำแปล R5.
๔๕. รับหน้าที่คุมเครื่องดื่มประจำราชสำนักที่ได้รับการปลดปล่อยออกจากคุกและพึ่งจะนึกขึ้นได้หลังจากยูซุฟถูกขังอยู่ในคุกชั่วระยะหนึ่งนานถึง ๗ ปี กล่าวว่า ฉันจะบอกแก่พวกท่านว่า ยูซุฟนั้นเป็นคนหนึ่งมีความรู้ในการทำนายฝันแม่นยำเป็นเลิศ เคยสั่งกำชับฉันมาให้ทูลเรื่องของเขาที่ถูกจำคุกโดยไม่มีความผิดอยู่นานถึง ๕ ปีแก่เจ้าแผ่นดิน ฉันจะแจ้งให้พวกท่านทราบว่าเขา (ยูซุฟ) นั้นทำนายฝันได้ ขอพวกท่านจงส่งฉันไปติดต่อซิ ครั้นแล้วพวกเขาจึงได้ส่งเขาผู้นั้นไปนำตัวยูซุฟมา
๔๖. ผู้ควบคุมเครื่องดื่มพูดขึ้นว่า โอ้ยูซุฟผู้มีวาจาสัจ ขอท่านจงทำนายฝันให้เราทราบถึงเรื่องที่ฝันว่ามีโคตัวเมียอ้วน ๗ ตัวถูกโคตัวผู้ซูบผอม ๗ ตัวกลืนกินและมีข้าวสาลีสด ๗ รวงกับข้าวสาลีแห้งอีก ๗ รวง ล้มทับลงบนข้าวสาลีสดเจ็ดรวงแล้วดูดเอาความสดของข้าวสาลีสดนั้นไปหมด เพื่อว่าฉันจะได้กลับไปยังพระเจ้าแผ่นดิน ทรงพระนามว่าร็อยยาน ราชบุตรแห่งวลีด ราชวงศ์อัมลีกีย์ และปวงชนผู้เป็นพระสหาย เพื่อเขาเหล่านั้นจะได้ทราบถึงผลแห่งการทำนายฝันดังกล่าว
๔๗. เขา(ยูซุฟ) กล่าวว่า พวกท่านจะ ต้องปลูกพืชพันธุ์ไปถึง ๗ ปีติด ๆ กัน อันหมายตรงตามความฝันว่ามีโคอ้วน ๗ ตัว แต่พวกท่านก็จะไม่ได้เก็บเกี่ยวผลของมันเลย ดังนั้นพวกท่านจะปล่อยทิ้งมันให้อยู่คารวงสำหรับให้แมลงกัดกิน แม้กระทั่งต้นของมันนอกจากจะมีเหลือไว้บ้างเพียงนิดหน่อยที่พวกท่านจะเก็บเอารวงมานวดไว้สำหรับบริโภค
๔๘. ต่อแต่นั้นมาก็จะถึงคราวทุรกันดารอีก ๗ ปี ซึ่งข้อนี้หมายตรงตามความฝันว่ามีโคตัวผู้ซูบผอม ๗ ตัว แล้วชาวเมืองเขาจะได้บริโภคพืชผลส่วนที่พวกท่านทำการเพาะปลูกเก็บไว้ เมื่อครั้งบ้านเมืองอุดมสมบูรณ์ เว้นแต่พวกท่านจะขยักเก็บไว้สักเล็กน้อย
๔๙. หลังจาก ๗ ปีซึ่งแห้งแล้งนั้นจะมีอยู่ปีหนึ่งซึ่งปวงชนได้รับความอุดมบริบูรณ์เพราะมีฝน และในช่วงปีที่อุดมนั้น พวกเขาก็จะได้คั้นผลองุ่นเป็นเหล้ากัน คั้นผลอย่างอื่น เช่น มะกอก ให้เป็นน้ำมันมะกอก แล้วคั้นงา ให้เป็นน้ำมันงา เป็นต้น


 

GoogleTagged