ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 12 สูเราะฮฺ ยูสุฟ  (อ่าน 7556 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ยูศุฟ อายะฮฺที่ 50 - 52


คำแปล R1.
50. And the king said: "Bring him to me." But when the Messenger came to him, [Yusuf (Joseph)] said: "Return to your Lord and ask him, 'What happened to the women who cut their hands? Surely, my Lord (Allah) is Well-Aware of their plot.'"
51. (The King) said (to the women): "What was your affair when you did seek to seduce Yusuf (Joseph)?" The women said: "Allah forbid! No evil know we against him!"The wife of Al-'Aziz said: "Now the truth is manifest (to all), it was I who sought to seduce him, and he is surely of the truthful."
52. [Then Yusuf (Joseph) said: "I asked for this enquiry] in order that he (Al-'Aziz) may know that I betrayed him not in secret. And, Verily! Allah guides not the plot of the betrayers.


คำแปล R2.
50. และกษัตริย์ได้ตรัสว่า “พวกเจ้าจงไปนำตัวเขามายังฉันซิ” ต่อมาเมื่ทูตของกษัตริย์ได้มาหายูซุฟ (เพื่อนำตัวมาพบกษัตริย์) เขาได้กล่าวกับทูตว่า “ท่านจงกลับไปหานายของท่านเถิด แล้วจงถามเขาว่า บรรดาผู้หญิงที่บั่นมือของนางเป็นอย่างไรบ้าง แท้จริงองค์อภิบาลของฉันทรงรอบรู้ในแผนการของพวกนาง”
51. กษัตริย์ตรัส(ถามพวกผู้หญิงเหล่านั้น)ว่า “พวกเธอเป็นอย่างไร เมื่อพวกเธอได้ยั่วยวนในตัวยูซุฟเพื่อร่วมเสน่หากับเขา?” พวกนางทูลตอบว่า “มหาบริสุทธิ์ยิ่งนักสำหรับอัลเลาะฮฺ! เราไม่รู้ความชั่วใด ๆ ในตัวเขาเลย (เขาเป็นคนดีที่สุด)” ภริยาของอะซีซได้ทูลว่า “ณ บัดนี้ ความจริงก็ได้เปิดเผยแล้ว ฉันเองที่ทำการยั่วยวนเขาเพื่อร่วมเสน่หากับเขา และเขานั้นเป็นผู้หนึ่งจากพวกที่มีความสัตย์จริงโดยแท้จริง
52. (ยูซุฟกล่าวว่า) นั้น! เพื่อเขา(อะซีซ)จะได้ทราบว่า แท้จริงฉันมิได้เคยคิดคดต่อเขาในยามลับหลังเลย และแท้จริงอัลเลาะฮฺย่อมไม่ชี้นำแผนการแก่บรรดาผู้คิดคดทั้งหลาย


คำแปล R3.
50. กษัตริย์ได้กล่าวว่า “จงนำตัวเขามาหาฉัน” แต่เมื่อตัวแทนของกษัตริย์ได้มาหาเขา ยูซุฟก็กล่าวว่า “จงกลับไปหานายของท่านและขอให้เขาสอบถามเกี่ยวกับเรื่องของผู้หญิงที่ถูกมีดบาดมือ แท้จริงพระผู้อภิบาลของฉันทรงรอบรู้ถึงอุบายของคนพวกนั้น”
51. (กษัตริย์จึงได้ถามพวกผู้หญิงเหล่านั้น) พระองค์กล่าวว่า “พวกนางจะพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องเมื่อตอนที่พวกนางจะพยายามยั่วยวนยูซุฟ?” พวกนางตอบกันเป็นเสียงเดียวว่า “ขอพระเจ้าทรงคุ้มครองเรา พวกเราไม่พบความชั่วอันใดในตัวเขา แล้วภรรยาของอะซีสก็สารภาพว่า “ตอนนี้ ความจริงได้เป็นที่เปิดเผยแล้ว ฉันเองที่พยายามยั่วยวนปลุกปล้ำเขา ความจริงแล้วเขาเป็นผู้ที่อยู่ในความถูกต้อง”
52. (ยูซุฟได้กล่าวว่า) โดยการสอบถามเรื่องนี้ ฉันต้องการให้เขา (อะซีส) รู้ว่าฉันมิได้คิดคดต่อเขาลับหลัง และเพื่อที่เขาจะได้รู้ว่า อัลลอฮฺไม่ทรงทำให้แผนการของพวกหลอกลวงเป็นผลสำเร็จ


คำแปล R4.
50. และกษัตริย์ตรัสว่า จงนำเขามาหาฉันซิ เมื่อคนนำข่าวมาหาเขา เขากล่าวว่า จงกลับไปยังนายของท่าน แล้วถามพระองค์ถึงเรื่องของพวกผู้หญิงที่เฉือนมือของนาง แท้จริงพระเจ้าของฉันทรงรอบรู้ถึงอุบายของนางเหล่านั้น
51. กษัตริย์ตรัสว่า เรื่องราวของพวกเธอเป็นเช่นไร เมื่อพวกเธอยั่วยวนยูซุฟ พวกนางกล่าวว่า ขออัลลอฮฺทรงคุ้มครอง เราไม่รู้มาก่อนเลยว่าเขาทำชั่ว ภริยาของผู้ว่าฯ กล่าวว่า บัดนี้ความจริงได้ปรากฏขึ้นแล้ว ฉันได้ยั่วยวนเขาและแท้จริงเขาคือผู้หนึ่งในหมู่ผู้สัตย์จริงอย่างแน่นอน
52. ทั้งนี้เพื่อให้เขารู้ว่า แท้จริงฉันมิได้ทรยศต่อเขาโดยลับหลัง และแท้จริงอัลลอฮฺจะไม่ทรงชี้แนะแนวการวางแผนของพวกทรยศ


คำแปล R5.
๕๐. กษัตริย์แห่งอียิปต์ตรัสว่า พวกท่านจงไปนำตัว ผู้ทำนายฝันที่ว่านั้นมาที่ฉันซิ ครั้นเมื่อผู้ควบคุมเครื่องดื่มประจำราชสำนักซึ่งเป็นราชทูตได้ไปหาเขา (ยูซุฟ) และได้ขอร้องให้ยูซุฟออกจากที่คุมขังไป เขา (ยูซุฟ) ก็กล่าวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของตนแก่ราชทูตว่า จงกลับไปหาพระเจ้าแผ่นดินของท่านเถิด แล้วจงขอต่อพระองค์ (พระเจ้าแผ่นดิน) ให้ตรัสสอบถามว่า พวกผู้หญิงที่หั่นนิ้วมือของตนเองนั้นเป็นอย่างไร เพราะพระเจ้าแผ่นดินของฉันทรงรู้ถึงกลอุบายของเธอเหล่านั้นแน่นอน และแล้วผู้ควบคุมเครื่องดื่มซึ่งเป็นราชทูต ก็กลับมาทูลรายงานแด่พระเจ้าแผ่นดินของตน ในที่สุด พระองค์ทรงเรียกหญิงเหล่านั้นพร้อมทั้งสุไลคออ์ด้วยเข้ามาประชุมกัน
(หมายเหตุของผู้นำเสนอ คำว่า ร็อบบียฺ ในประโยคสุดท้ายน่าจะหมายถึงองค์อภิบาลหรือพระเจ้าของฉัน คือ อัลลอฮฺตะอาลา มากกว่าที่จะหมายถึง พระเจ้าแผ่นดินของฉัน)
๕๑. พระองค์ (พระเจ้าแผ่นดิน) สอบถามหญิงเหล่านั้นว่าความรู้สึกของพวกเธอเป็นอย่างไร ในเมื่อพวกเธอใคร่เสน่หาในตัวยูซุฟ พวกเธอรู้ไหมว่ายูซุฟจะคล้อยตามประสงค์ของพวกเธอหรือไม่ เธอเหล่านั้นทูลตอบว่า “มหาบริสุทธิ์ในอัลเลาะห์ ข้าพระองค์ทั้งปวงนี้มิได้ทราบเกล้าถึงเรื่องอัปยศอันมีขึ้นแก่เขา (ยูซุฟ) เลย พ่ะย่ะค่ะ ฝ่ายสุไลคออ์ภรรยาของกิฏฟีรเสนาบดี ผู้ยิ่งใหญ่พูดขึ้นว่า “ไหน ๆ บัดนี้ ความจริงก็ได้ประจักษ์ชัดแจ้งเป็นที่รู้ ๆ กันอยู่แล้ว ตัวฉันเองแหละที่ชวนเขา(ยูซุฟ) ให้ร่วมเสน่หาด้วย เขาจึงเป็นผู้หนึ่งที่สัจซื่อ” ซึ่งเขาเคยอ้างอยู่แล้วว่านาง(สุไลคออ์)เองต่างหากเป็นคนชวนเขาร่วมสังวาส จากนั้นราชทูตจึงนำเอาถ้อยคำเจรจาโต้ตอบของเหล่าหญิงนั้นแจ้งให้ยูซุฟทราบถึงในเรือนจำ
๕๒. ยูซุฟกล่าวว่า ที่ตนพยายามหาความบริสุทธิ์เพื่อตัวเองดังกล่าวมานี้แหละ กิฏฟีรผู้สามีของนางเขาจะได้รู้เสียทีว่าฉัน(ยูซุฟ) นั้นมิได้กระทำทุจริตต่อเขา ได้รู้ว่า แน่แท้อัลเลาะห์จะไม่ทรงแนะอุบายสำหรับผู้ทุจริตเลย

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ยูสุฟ อายะฮฺที่ 53 - 57


คำแปล R1.
53. "And I free not myself (from the blame). Verily, the (human) self is inclined to evil, except when my Lord bestows His Mercy (upon whom He wills). Verily, my Lord is Oft-Forgiving, Most Merciful."
54. And the king said: "Bring him to me that I may attach him to my person." Then, when he spoke to him, he said: "Verily, this day, you are with us high in rank and fully trusted."
55. [Yusuf (Joseph)] said: "Set me over the storehouses of the land; I will indeed guard them with full knowledge" (as a minister of finance in Egypt, in place of Al-'Aziz who was dead at that time).
56. Thus did we give full authority to Yusuf (Joseph) in the land, to take possession therein, as when or where he likes. We bestow of Our Mercy on whom we please, and We make not to be lost the reward of Al-Muhsinun (the good doers - see V.2:112).
57.And Verily, the reward of the Hereafter is better for those who believe and used to fear Allah and keep their duty to Him (by abstaining from all kinds of sins and evil deeds and by performing all kinds of righteous good deeds).


คำแปล R2.
53. และฉันมิได้คิดว่าตัวเองเป็นผู้หมดมลทินเลย เพราะความจริงอารมณ์ (ของคนเรา) นั้น มักยุยงในด้านชั่วเสมอ ยกเว้นกรณีที่องค์อภิบาลของฉันทรงเมตตาเท่านั้น แท้จริงองค์อภิบาลของฉันทรงให้อภัย อีกทั้งทรงเมตตายิ่ง
54. และกษัตริย์ได้กล่าวว่า “พวกเจ้าจงนำตัวเขามาให้ฉันเถิด เพื่อฉันจะได้แต่งตั้งเขาเป็นคนสนิทของฉันโดยเฉพาะ ครั้นเมื่อเขาได้สนทนากับยูซุฟแล้ว เขาจึงรับสั่งว่า “แท้จริงเจ้านั้น (นับแต่) วันนี้ เป็นผู้มีตำแหน่งที่ได้รับความไว้วางใจสำหรับฉัน”
55. เขากล่าวว่า “ขอท่านได้โปรดแต่งตั้งฉันเป็นผู้ควบคุมท้องพระคลังแผ่นดิน (อียิปต์) แท้จริงฉันเป็นผู้รักษา (พระคลังได้) อีกทั้งมีความรู้ (พอที่จะบริหารงานได้)
56. และเช่นนั้น! เรา (อัลเลาะฮฺ) ได้ให้ถิ่นฐานแก่ยูซุฟ (มีตำแหน่ง) ในแผ่นดิน เขาจะพำนักอยู่ในแผ่นดินตามแต่เขาปรารถนา เราหลั่งความเมตตาของเราแก่ผู้ที่เราประสงค์และเราจะไม่ให้รางวัลของมวลผู้ประพฤติดีสูญเปล่า
57. ขอยืนยัน แท้จริง รางวัลของโลกหน้าย่อมประเสริฐสุดสำหรับบรรดาผู้มีศรัทธาและพวกเขาเป็นผู้มีความยำเกรง


คำแปล R3.
53. แต่ฉันก็มิได้ถือว่าตัวฉันปลอดพ้นจากบาป เพราะวิญญาณนั้นกระตุ้นไปสู่การชั่วยกเว้นแต่ผู้ที่พระผู้อภิบาลของฉันทรงเมตตา แท้จริงพระผู้อภิบาลของฉันเป็นผู้ทรงอภัยและผู้ทรงเมตตาเสมอ”
54. และกษัตริย์ได้กล่าวว่า “จงไปนำตัวเขามายังฉันเพื่อที่ฉันจะได้ให้เขาอยู่ใกล้ชิดกับฉันเป็นการเฉพาะ” เมื่อยูซุฟได้พูดกับกษัตริย์พระองค์ได้กล่าวว่า “นับแต่นี้ไป เจ้าได้รับตำแหน่งอันมีเกียรติอยู่กับเราและเจ้าจะได้รับความไว้วางใจอย่างเต็มที่”
55. ยูซุฟได้กล่าวว่า “ได้ทรงโปรดให้ทรัพยากรทั้งหมดของแผ่นดินนี้อยู่ในการควบคุมดูแลของฉัน เพราะฉันรู้วิธีการดูแลรักษามันและมีความรู้ด้วย”
56. ด้วยเหตุนี้เองที่เราได้ให้อำนาจแก่ยูซุฟในแผ่นดิน เขามีสิทธิทุกอย่างที่จะเป็นเจ้าของสิ่งใดก็ได้ที่เขาต้องการ เราประทานความเมตตาแก่ใครก็ตามที่เราประสงค์ และเราไม่ทำให้รางวัลตอบแทนของผู้ทำความดีต้องเสียหาย
57. แต่รางวัลตอบแทนของชีวิตในโลกหน้านั้นดีกว่ามากมายสำหรับบรรดาผู้ศรัทธาและประพฤติตนอย่างเกรงกลัวพระเจ้า


คำแปล R4.
53. และฉันไม่อาจชำระจิตใจของฉันให้สะอาดบริสุทธิ์ได้ แท้จริงจิตใจนั้นถูกครอบงำไว้ด้วยความชั่วนอกจากที่พระเจ้าของฉันทรงเมตตา แท้จริงพระเจ้าของฉันเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ
54. และกษัตริย์ตรัสว่า จงนำเขามาหาฉันซิ ฉันจะแต่งตั้งเขาให้เป็นผู้ใกล้ชิดของฉัน เมื่อยูซุฟได้สนทนากับพระองค์แล้ว พระองค์ตรัสว่า แท้จริงท่านอยู่ต่อหน้าเราวันนี้ เป็นผู้มีตำแหน่งสูงเป็นที่ไว้วางใจ
55. เขากล่าวว่า ได้โปรดแต่งตั้งฉันให้ควบคุมการคลังของประเทศ แท้จริงฉันเป็นผู้ชื่อสัตย์ผู้รู้
56. และเช่นนั้นแหละ เราได้ให้ยูซุฟมีอำนาจในแผ่นดิน เขาจะพำนักอยู่ที่ใดได้ตามต้องการ เราให้ความเมตตาของเราแก่ผู้ที่เราประสงค์ และเราจะมิให้รางวัลของบรรดาผู้ทำความดีสูญหาย
57. และแน่นอน รางวัลในปรโลกนั้นดียิ่งสำหรับบรรดาผู้ศรัทธาและพวกเขายำเกรง


คำแปล R5.
๕๓.แต่ยูซุฟกล่าวอย่างนอบน้อมว่าฉันไม่อาจฝืนอารมณ์ของตัวเองให้พ้นจากความผิดพลาดได้ อันความจริงอารมณ์ของคนเรานั้นมักจะผลักดันไปยังความชั่ว ยกไว้แต่ บุคคลที่องค์พระผู้อภิบาลของฉันทรงกรุณาเท่านั้น พระองค์จึงทรงให้ความคุ้มครองผู้นั้นพ้นจากความชั่วเลวได้ แน่แท้ องค์พระผู้อภิบาลของฉันทรงเป็นองค์อภัยยิ่ง แก่ปวงนรชนของพระองค์ ทรงปรานียิ่งต่อนรชนเหล่านั้น
๕๔. ร็อยยานฯ พระราชาแห่งอียิปต์ตรัสว่า พวกท่านจงนำเอาตัวเขา (ยูซุฟ) มาที่ฉันซิ ฉันจะเอาเขา(ยูซุฟ) ไว้เป็นคนของฉัน จะได้ไม่มีผู้ใดมายุ่งเกี่ยวกับตัวเขา เมื่อราชทูตได้มาหายูซุฟแล้วบอกว่า “ฉันรับสนองพระราชโองการมาแต่พระราชาให้นำตัวท่านไปเฝ้าพระองค์” ยูซุฟลุกขึ้นยืนและกล่าวคำอำลาสหายร่วมเรือนจำทั้งยังได้กล่าวอำนวยพรให้เพื่อนเหล่านั้น เสร็จแล้วก็อาบน้ำชำระร่างกายแล้วแต่งกายด้วยเสื้อผ้าอันสวยงาม จากนั้นก็ได้ไปเฝ้าพระราชา และกราบบังคมทูลเป็นภาษาอาหรับ ครั้นเมื่อพระองค์ได้ตรัสสนทนากับเขา (ยูซุฟ) แล้วพระองค์ตรัสว่า วันนี้ท่านมาปรากฏตัวอยู่ในตำแหน่งใกล้ชิดเรา เป็นผู้ได้รับไว้วางใจในกิจทั้งปวงของเรา แล้วท่านเห็นว่าเราควรปฏิบัติการเป็นอย่างไร ? ยูซุฟทูลตอบว่า ขอพระองค์ได้โปรดตระเตรียมเสบียงเครื่องบริโภคเก็บตุนไว้ และทำการเพาะปลูหพืชพันธุ์ธัญญาหารไว้ให้มากในปีที่อุดมบริบูรณ์นี้ แล้วเก็บกักเมล็ดพืชเหล่านั้นไว้ทั้งรวงและต้นของมันด้วยพ่ะย่ะค่ะ ยูซุฟทูลต่อไปอีกว่า คงไม่มีผู้ใดรับผิดชอบและอุระในกิจการ ซึ่งข้าพระองค์กราบทูลให้ทราบเกล้านี้เลยพะยะคะ
๕๕. เขา (ยูซุฟ) ทูลว่า ขอพระองค์ทรงแต่งตั้งให้ข้าพระองค์เป็นเจ้าหน้าที่ผู้ว่าการคลังธัญญาหารและมหาสมบัติแห่งแผ่นดินอียิปต์ถิดเพะยะคะ ด้วยข้าพระองค์นี้เป็นผู้ดูแลและรู้บริหารการคลังเป็นอย่างดียิ่งนัก
๕๖. เช่นเดียวกับที่เราได้ให้ยูซุฟรอดพ้นมาจากเรือนจำนี้เอง เราจึงให้ยูซุฟได้อยู่อาศัยแผ่นดิน อียิปต์นั้น ณ ที่แห่งใดก็ได้ ตามที่เขา (ยูซุฟ) ประสงค์จะพักอยู่ หลังจากเขาขาดอิสระ ขณะถูกคุมขัง ตามประวัติบอกว่า พระราชาทรงแปรพระพักตร์ของพระองค์มาทางยูซุฟ แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ยูซุฟดำรงตำแหน่งเสนาบดีว่าการพระคลังมหาสมบัติแทนกิฏฟีร พร้อมกันนั้นก็ทรงเกษียณอายุราชการของกิฏฟีร ต่อมาในไม่ช้ากิฏฟีรก็ถึงแก่กรรมลง ยูซุฟจึงได้สมรสกับนางสุไลคออ์ ยูซุฟทราบดีว่านางยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ทั้งนี้เพราะกิฤฟีรเป็นชายวิกลไม่ชอบหญิง และไม่เคยร่วมกามกิจกับนางผู้ภริยาของตนอีกด้วย ยูซุฟกับสุไลคออ์มีลูกชายด้วยกันสองคน คนหนึ่งชื่ออิฟรอซีม อีกคนหนึ่งชื่อมีซา ยูซุฟได้ปฏิบัติราชการด้วยความสัตย์ซื่อและสุจริตเสมอมา จนปวงประชาชนต่างมอบความไว้วางใจและรักใคร่ยูซุฟโดยเสมอหน้ากัน เรา(อัลเลาะห์) จะให้ นรชนของเรา ผู้ที่เราปรารถนาได้รับซึ่งความปรานีด้วยตำแหน่งพระศาสดาจากเรา ทั้งเรา(อัลเลาะห์) จะมิให้สูญเปล่าซึ่งผลตอบแทนคุณความดีของผู้ประพฤติดีงามอีกด้วย
๕๗. อันผลตอบแทนคุณความดีในวันปรภพนั้นย่อมเลิศกว่าผลตอบแทนคุณความดีในภาคภพนี้ สำหรับบรรดาที่ประพฤติการอันดีงาม ผู้มีศรัทธาและเป็นผู้ยำเกรงในอัลเลาะห์


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ยูศุฟ อายะฮฺที่ 58 - 61


คำแปล R1.
58. And Yusuf's (Joseph) brethren came and they entered unto him, and he recognized them, but they recognized him not.
59. And when he had furnished them forth with provisions (according to their need), he said: "Bring me a brother of yours from your father; (he meant Benjamin). See you not that I give full measure, and that I am the best of the hosts?
60. "But if you bring him not to me, there shall be no measure (of corn) for you with me, nor shall you come near me."
61. They said: "We shall try to get permission (for him) from his father, and verily, we shall do it."


คำแปล R2.
58. (ต่อมาในประเทศอียิปต์และใกล้เคียงเกิดขาดแคลนอย่างหนัก) และบรรดาพี่ของยูสุฟได้มา (ยกเว้นน้องชายชื่อบุนยามีน) แล้วเข้าไปหาเขา (เพื่อขอซื้อแลกเปลี่ยนส่วนแบ่งอาหาร) ซึ่งเขารู้จักพวกนั้นและพวกนั้นหารู้จักเขาไม่ (เพราะคิดไม่ถึงว่ายูสุฟยังมีชีวิตอยู่ และมาเป็นใหญ่เป็นโตถึงขนาดนี้)
59. และเมื่อยูสุฟได้ (สั่งให้) เตรียมเสบียงของพวกเขาแล้ว เขาก็กล่าวว่า “พวกท่านจงนำน้องชายอีกคนหนึ่งของพวกท่าน (บุนยามีน) จากบิดาของพวกท่าน มาหารฉันด้วยเถิด พวกท่านไม่เห็นหรือ ฉันตวง (อาหารให้พวกท่าน) อย่างครบครันและฉันให้การ ต้อนรับอย่างดีเยี่ยมแก่พวกท่าน?”
60. แต่ถ้าพวกท่านไม่นำเขามาหาฉัน ก็จะไม่มีการตวง (อาหาร)จากฉันให้แก่พวกท่านอีก และพวกท่านจะไม่ได้ใกล้ชิดกับฉันอีกเลย
61. พวกเขากล่าวว่า “(ถ้าท่านต้องการเช่นนั้น) พวกเราก็จะ(พยายาม) หว่านล้อมบิดาของเขาให้ปล่อยเขามา และแท้จริงพวกเราจะ (พยายาม)กระทำให้ได้


คำแปล R3.
58. และพี่ ๆ ของยูซุฟได้มายังอียิปต์และได้ไปอยู่ต่อหน้าเขา เขาจำพวกพี่ ๆ ได้ แต่พวกพี่ ๆ จำเขาไม่ได้
59. เมื่อเขาได้จัดเตรียมอาหารที่จำเป็นแก่พวกเขาแล้ว เขาได้กล่าวว่า “จงนำน้องชายจากพ่อของพวกท่านมาหาฉัน พวกท่านไม่เห็นหรือว่าฉันให้พวกท่านอย่างเต็มที่ และฉันดีที่สุดในบรรดาเจ้าภาพ?
60. แต่ถ้าพวกท่านไม่นำเขามาหาฉัน พวกท่านก็จะไม่ได้รับเมล็ดพืชจากฉันอีก และพวกท่านก็ไม่ควรแม้แต่จะเข้ามาใกล้ฉันอีก”
61. พวกเขาตอบว่า “เราจะพยายามอย่างดีที่สุดที่จะหว่านล้อมพ่อของเขาให้ส่งเขามากับเรา เราจะทำตามนี้อย่างแน่นอน


คำแปล R4.
58. และพี่น้องของยูซุฟได้มา แล้วเขาไปหาเขา ยูซุฟจำพวกเขาได้ แต่พวกเขาจำยูซุฟไม่ได้
59. และเมื่อเขาได้จัดเตรียมให้แก่พวกเขาซึ่งเสบียงอาหารของพวกเขาแล้ว เขากล่าวว่า จงนำน้องชายของพวกท่านจากพ่อของพวกท่านมาหาฉันด้วย พวกท่านไม่เห็นหรือว่าแท้จริงฉันได้ตวงให้อย่างครบถ้วน และฉันนั้นดียิ่งในหมู่ผู้ให้การต้อนรับ
60. หากพวกท่านไม่นำเขามาหาฉัน จะไม่มีการตวงจากฉันให้พวกท่านอีก และพวกท่านอย่าเข้ามาใกล้ฉัน
61. พวกเขากล่าวว่า เราจะเกลี้ยกล่อมบิดาของเขาให้เขาออกมา และแท้จริงเราจะทำได้อย่างแน่นอน


คำแปล R5.
๕๘. ครั้นแล้วปรากฏการณ์แห้งแล้งเพราะขาดแคลนน้ำฝนก็เข้ามาสู่แผ่นดินกันอานและเมืองชาม(ซีเรีย)นานติดต่อกันถึง ๗ ปี พี่น้องของยูซุฟ ทุกคนนอกจากบินบามีนจึงได้มาถึงยูซุฟเพื่อจะขอปันส่วนเครื่องบริโภค เพราะขณะนี้ผู้ดำรงอำนาจในแผ่นดินอียิปต์จะขายเครื่องบริโภคให้ผู้มาขอปันส่วนตามราคาของมัน แล้วพวกพี่ ๆ ของยูซุฟเหล่านั้นเข้าไปหา เขา(ยูซุฟ) จำพวกนั้นได้ว่าเป็นพวกพี่ของเขาเอง แต่พวกนั้นกลับจำเขาไม่ได้ เพราะได้จากกันมาเป็นเวลานานถึง ๔๐ ปี พวกนั้นคิดว่ายูซุฟตายแล้ว พวกพี่ ๆ เริ่มการสนทนากับยูซุฟด้วยภาษาฮิบรู(อิบรอนี) ยูซุฟถามว่า”มีอะไรสำคัญนักหรือที่ทำให้พวกท่านถึงกับดั้นด้นมายังเมืองของเรานี้? พวกนั้นตอบว่า ที่พวกเราต้องมานี้ก็เพราะขาดแคลนอาหาร ยูซุฟพูดจาเสความว่า พวกท่านอาจเป็นพวกจารกรรมเที่ยวมาสืบเสาะเอาความลับทางราชการจากเมืองเราไปบอกกับฝ่ายศัตรูก็ได้ พวกนั้นตอบว่า “ขอต่ออัลเลาะห์ทรงให้คลาดแคลัวจากการเป็นเช่นนั้นเถิด”  ครั้นแล้วยูซุฟจึงได้ถามพวกนั้นต่อไปอีกว่า ถ้าอย่างนั้นพวกท่านมาแต่ไหน? พวกเรามาแต่ดินแดนกันอาน(คานะอัน) บิดาของพวกเราชื่อว่ายะกู๊บ ยูซุฟแสร้งถามว่า ยะกู๊บแกมีลูกกี่คน? พวกนั้นตอบ มี ๑๒ คน น้องคนเล็กตายไปแล้ว ณ ท้องถิ่นแห่งหนึ่ง คงมีแต่น้องชายอีกคนหนึ่งชื่อ บินยามีน คุณพ่อท่านได้ควบคุมตัวไว้มิให้ร่วมทางมาด้วยพวกเรา เพื่อจะทุเลาความรันทดใจที่เสียลูกชายคนโปรดชื่อยูซุฟไปคนหนึ่งแล้ว ยูซุฟสั่งให้พวกนั้นค้างคืน และให้การต้อนรับพวกเหล่านั้นอย่างมีเกียรติ
๕๙. และเมื่อเขา(ยูซุฟ) ได้สั่งพนักงานให้เตรียมการตวงอาหารบรรจุไว้พร้อมแล้วสำหรับพวกนั้น ก็พูดขึ้นว่า พวกท่านจงไปนำตัวบินยามีนน้องชายของพวกท่านจากบิดามาที่ฉันซิ ฉันจะได้รู้ว่าพวกท่านพูดจาเป็นจริงแค่ไหน พวกท่านไม่เห็นหรือว่าฉันได้ตวงเข้าของสำหรับพวกท่านไว้ครบครันแล้วมิได้บกพร่องแต่อย่างไรเลยและพวกท่านไม่เห็นหรือว่าฉันนั้นให้การรับรองพวกท่านด้วยการเลี้ยงอาหารเป็นอย่างดีเลิศกว่าคนอื่นที่รับรองเป็นไหน ๆ
๖๐. หากว่าพวกท่านไม่ไปนำตัวเขา (บินยามีน) มาที่ฉันแล้วไซร้ ฉันก็ไม่มีอะไรตวงให้พวกท่านไป แล้วพวกท่านอย่าเหยียบย่างเข้ามาใกล้ผืนแผ่นดินแห่งใดแห่งหนึ่งของฉันอีกเลย
๖๑. พวกเหล่านั้นบอกว่า พวกเราจะพยายามชวนเขา (บินยามีน) มาจากบิดาให้ได้ และพวกเราจะปฏิบัติตามที่ท่านต้องการ
 

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ยูสุฟ อายะฮฺที่ 62 - 64


คำแปล R1.
62. And [Yusuf (Joseph)] told his servants to put their money (with which they had bought the corn) into their bags, so that they might know it when they go back to their people, in order that they might come back.
63. So, when they returned to their father, they said: "O our father! No more measure of grain shall we get (unless we take our brother). So send our brother with us, and we shall get our measure and truly we will guard him."
64. He said: "Can I entrust him to you except as I entrusted his brother [Yusuf (Joseph)] to you aforetime? But Allah is the best to guard, and He is the Most Merciful of those who show mercy."


คำแปล R2.
62. และยูซุฟได้กล่าวกับบรรดาเด็กรับใช้ของเขาว่า “พวกเธอจงจัดการนำสิ่งแลกเปลี่ยนของพวกเขา (ที่นำมาแลกเปลี่ยนอาหารเก็บไว้) ในถุงเก็บของในพาหนะของพวกเขา (ตามเดิม) เพื่อพวกเขาจะได้จำมันได้ เมื่อพวกเขากลับไปสู่ครอบครัวของพวกเขา เพื่อพวกเขาจะได้กลับมาอีก
63. ครั้นเมื่อพวกเขากลับมาสู่บิดาของพวกเขา พวกเขาก็กล่าวว่า “โอ้คุณพ่อของเรา การตวง(อาหารปันส่วน) ถูกยับยั้งจากพวกเราเสียแล้ว (ในครั้งต่อไป หากพวกเราไปขอซื้อแลกเปลี่ยนคราวหน้าโดยไม่มีบุนยามีนไปด้วย) ดังนั้นขอให้ท่านได้โปรดส่งตัวน้องชายของเรา (บุนยามีน) ไปกับเราด้วยเถิด เพื่อเราจะได้รับการตวงอาหารและพวกเราจะคอยปกป้องเขาอย่างดีที่สุด”
64. เขา(บิดา)กล่าวว่า “ฉันจะไม่ไว้ใจพวกท่านในตัวของเขา นอกจา (คงประสบเหตุกับเขาแบบเดียวกับที่ฉันเคยไว้ใจพวกเจ้าในพี่ของเขา (ยูซุฟ) เมื่อครั้งก่อนนั่นเอง อันที่จริงอัลเลาะฮฺทรงเป็นผู้พิทักษ์ที่เลิศประเสริฐที่สุด และพระองค์ทรงเป็นผู้เมตตายิ่งกว่าบรรดาผู้เมตตาทั้งหลาย


คำแปล R3.
62. และยูซุฟได้กล่าวแก่พวกคนใช้ของเขาว่า “จงแอบใส่สิ่งที่พวกเขานำมาแลกเข้าไปในถุงกระสอบของพวกเขา” ยูซุฟทำเช่นนี้ก็เพื่อที่เมื่อพวกเขากลับไปถึงบ้านของพวกเขาแล้วพวกเขาจะได้รู้ และเผื่บางทีพวกเขาอาจจะกลับมาอีก
63. เมื่อพวกเขาได้กลับไปหาพ่อของพวกเขา พวกเขาได้กล่าวว่า “พ่อครับ ต่อนี้ไปเราจะถูกห้ามมิให้รับเมล็ดพันธุ์พืชอีก กรุณาส่งน้องของเราไปกับเราเพื่อที่เราจะได้นำส่วนตวงของเรากลับมา และเราจะเป็นผู้รับผิดชอบในความปลอดภัยของเขาอย่างเต็มที่”
64. พ่อตอบว่า “จะให้ฉันไว้ใจพวกเจ้าโดยส่งเขาไปเหมือนกับที่ฉันเคยไว้ใจส่งพี่ของเขาไปกับพวกเจ้าก่อนหน้านี้กระนั้นหรือ? อัลลอฮฺทรงเป็นผู้คุ้มครองที่ดีเลิศและพระองค์ทรงเป็นผู้เมตตาที่สุด”


คำแปล R4.
62. และเขากล่าวแก่พวกคนใช้ของเขาว่า จงใส่เงินของพวกเขาไว้ในย่ามของพวกเขา หวังว่าพวกเขาคงจำไม่ได้ เมื่อพวกเขากลับไปหาครอบครัวของพวกเขา เพื่อพวกเขาจะได้กลับมาอีก
63. เมื่อพวกเขากลับไปหาพ่อของพวกเขาพวกเขากล่าวว่า โอ้พ่อของเรา การตวงถูกห้ามแก่เรา จงส่งน้องของเราไปกับเราเพื่อเราจะได้ส่วนตวง และแท้จริงเราจะเป็นผู้คุ้มกันเขา
64. เขา(พ่อ) กล่าวว่า ฉันจะไม่ไว้ใจพวกเจ้าที่มีต่อเขาอีก นอกจากว่าเช่นกับที่ฉันได้ไว้ใจพวกเจ้าที่มีต่อพี่ของเขาเมื่อก่อนนี้ ดังนั้นอัลลอฮฺทรงเป็นผู้คุ้มกันที่ดียิ่ง และพระองค์เท่านั้นทรงเมตตายิ่งในหมู่ผู้เมตตาทั้งหลาย


คำแปล R5.
๖๒. เขา(ยูซุฟ) บอกแก่คนรับใช้สองคนของตัวว่า จงเอาเหรียญเงินแทนราคาซื้ออาหารใส่ลงในย่ามของพวกเขาซิ เพื่อว่าเมื่อพวกเขากลับไปถึงครอบครัวของตนแล้วพวกเขาจะเอาของออกจากย่ามและพวกเขาจะได้ทราบว่า นั่นคือเหรียญเงินซึ่งเป็นผลทำให้พวกเขาอาจย้อนกลับมาที่นี่อีกก็ได้ เพราะต่างคนคิดว่าที่พวกตนมาที่นี้เป็นการมาเอาเหรียญเงินเป็นกรรมสิทธิ์ไว้ก่อน
๖๓. เมื่อพวกเหล่านั้นกลับไปถึงบิดาและกล่าวว่า โอ้บิดาของเรา พวกเราจะถูกตัดสิทธิ์มิให้ได้ของตวงมาอีกแล้ว ถ้าพวกเราย้อนคืนไปดินแดนอียิปต์อีกครั้งหนึ่ง โดยไม่นำเอาตัวบินยามีนไปด้วย ฉะนั้นขอให้ท่าน(บิดา) ส่งน้องบินยามีนไปด้วยพวกเราในคราวนี้เถิด แล้วพวกเราจะได้ยอมให้เขาตกลงใจตวงของที่พวกเราต้องการมา สำหรับพวกเรานั้นจะปกป้องเขา(บินยามีน) ไว้มิให้ประสบเหตุร้ายเป็นมั่นคง
๖๔. เขา(ยะกู๊บ) พูดแก่ลูก ๆ ว่า เรื่องที่จะเอาบินยามีนไปครั้งนี้ ฉันจะไม่ไว้ใจพวกท่านอีกแล้ว ยกไว้แต่เมื่อก่อนเท่านั้นที่ฉันเคยไว้ใจพวกท่านในตัวยูซุฟผู้เป็นพี่ของเขา(บินยามีน) และพวกท่านก็ได้จัดการกับยูซุฟให้สูญสิ้นไปแล้ว ฝ่ายอัลเลาะห์นั้นทรงเป็นองค์อารักขาผู้เลิศยิ่งนัก ทั้งพระองค์ทรงปรานียิ่งกว่าผู้ปรานีทั้งหลาย ดังนั้นฉันจึงหวังใจเป็นอย่างยิ่งว่าพระองค์ทรงปกป้องบินยามีนไว้เป็นอันดี
 

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ยูศุฟ อายะฮฺที่ 65 - 66


คำแปล R1.
65. And when they opened their bags, they found their money had been returned to them. They said: "O our father! What (more) can we desire? This, our money has been returned to us, so we shall get (more) food for our family, and we shall guard our brother and add one more measure of a camel's load. This quantity is easy (for the king to give)."
66. He [Ya'qub (Jacob)] said: "I will not send him with you until you swear a solemn oath to me in Allah's Name, that you will bring him back to me unless you are yourselves surrounded (by enemies, etc.)," And when they had sworn their solemn oath, He said: "Allah is the witness over what we have said."


คำแปล R2.
65. และเมื่อพวกเขาได้เปิดสัมภาระของพวกเขา เขาได้พบสิ่งแลกเปลี่ยนของพวกเขา (ที่นำไปแลกกับอาหาร) ถูกส่งกลับคืนมายังพวกเขา (ดังเดิม) พวกเขาจึงกล่าวว่า “โอ้คุณพ่อของเรา! อะไรที่เรายังต้องการอีกเล่า? นี่คือสิ่งแลกเปลี่ยนของเรา มันได้ถูกส่งกลับคืนมายังเราอีก (โดยความเมตตาของเสนาบดีคลังผู้นั้น) และเราจะได้เพิ่มเสบียงอาหารแก่ครอบครัวของเรา (ด้วยการนำสิ่งนี้ไปแลกเปลี่ยนมาอีก) และเราจะดูแลน้องชาย (บุนยามีน) ของเรา และเราจะเพิ่มการตวง (อาหาร) บนอูฐ (ของเราให้มากขึ้นกว่าคราวที่แล้ว) นั่นเป็นการตวงที่ง่ายดาย
66. เขา (บิดา) กล่าวว่า “ฉันไม่ยอมส่งเขา (บุนยามีน) ให้ไปพร้อมกับพวกเจ้าหรอก จนกว่าพวกเจ้าจะให้คำมั่นสัญญาแก่ฉันต่ออัลเลาะฮฺว่า “พวกเจ้าจะนำเขา(กลับ)มา(คืน)ให้ฉัน(ให้จงได้) นอกจากพวกเจ้าจะถูกสกัดล้อม(จากศัตรูจนไม่สามารถช่วยเหลือเขาได้)” ครั้นเมื่อพวกเขาได้ให้คำมั่นสัญญาแก่บิดาแล้วเขา (บิดา) ก็กล่าวว่า “อัลเลาะฮฺทรงเป็นที่มอบหมายในสิ่งที่เราพูดกัน (ในครั้งนี้)


คำแปล R3.
65. เมื่อพวกเขาเปิดถุงกระสอบ พวกเขาก็พบว่าสิ่งของของพวกเขาได้ถูกคืนกลับมายังพวกเขาด้วย พอได้เห็นพวกเขาก็กล่าวออกมาด้วยความดีใจว่า “พอครับ ดูนี่สิ เราต้องการอะไรมากไปกว่านี้อีกเล่า? นี่คือสิ่งของที่ถูกคืนกลับมาให้เรา ดังนั้นเราจะกลับไปใหม่และนำเอาอาหารมาให้ครอบครัวเราอีก เราจะดูแลน้องเราเป็นอย่างดีและเราจะขนเสบียงอาหารมาจนเต็มหลังอูฐ นั่นเป็นการเพิ่มที่ง่ายดาย”
66. พ่อของเขากล่าวว่า “ฉันจะไม่ส่งเขาไปกับพวกเจ้าจนกว่าพวกเจ้าจะให้คำมั่นสัญญาในนามของอัลลอฮฺแก่ฉันว่าพวกเจ้าจะนำเขากลับมาหาฉัน เว้นแต่พวกเจ้าจะตกอยูในสถานการณ์ที่ไม่อาจช่วยตัวเองได้” เมื่อพวกเขาได้ให้คำมั่นสัญญาอันมั่นคงแก่พ่อของพวกเขาแล้ว พ่อก็กล่าวว่า “จงรู้ไว้เถิดว่า อัลลอฮฺทรงเป็นผู้เฝ้าดูคำสัญญาที่พวกเราได้กล่าวไป”


คำแปล R4.
65. และเมื่อพวกเขาเปิดย่ามเสบียงของพวกเขา ก็เห็นเงินของพวกเขาถูกคืนกลับมายังพวกเขาด้วยพวกเขาจึงกล่าวว่า โอ้พ่อของเรา เราต้องการอะไรอีกเล่า นี่เงินของเราถูกคืนกลับมายังเรา แล้วเรายังได้นำเสบียงมายังครอบครัวของเราอีก และเราจะคุ้มกันน้องของเรา และเราจะได้เพิ่มการตวงอีกหนึ่งตัวลา นั่นเป็นการตวงที่ง่าย
66. เขา (พ่อ) กล่าวว่า  ฉันจะไม่ส่งเขาไปกับพวกเจ้า จนกว่าพวกเจ้าจะนำสัญญาจากอัลลอฮฺให้แก่ฉันเสียก่อนว่า พวกเจ้าจะนำเขากลับมาอย่างแน่นอน เว้นแต่พวกเจ้าจะถูกปิดล้อม เมื่อพวกเขาได้ให้สัญญาของพวกเขาแก่เขาแล้ว (พ่อ) กล่าวว่า  อัลลอฮฺทรงเป็นพยานต่อสิ่งที่เราสัญญาไว้


คำแปล R5.
๖๕. และเมื่อพวกเหล่านั้นเปิดย่ามของตนออกต่อหน้าผู้บิดาก็เจอเหรียญเงินแทนราคาอาหารถูกบรรจุส่งกลับมากับพวกนั้นด้วย จึงต่างเอ่ยขึ้นว่า โอ้บิดาแห่งพวกเรา เราอยากได้อะไรกันบ้าง ในโอกาสที่พวกเราได้รับเกียรติเป็นอย่างดีถึงปานนี้จากพระราชาทีททรงตวงเครื่องบริโภคมาให้พวกเราจนครบแถมยังคืนเหรียญแทนราคากลับมาแก่พวกเราเสียอีกด้วย นี่แน่ะเหรียญของพวกเรตาที่ถูกให้กลับคืนมา พวกเราจะเอาไปขึ้นอาหารมาให้ครอบครัวของพวกเรา พวกเราจะให้ความคุ้มครองบินยามีน น้องของเรา เครื่องบริโภคที่เราขอบรรทุกอูฐเพิ่มขึ้นมาอีกตัวอูฐหนึ่งสำหรับเป็นของบินยามีนน้องชายเรา เครื่องบริโภคที่พวกเราขอบรรทุกอูฐเพิ่มขึ้นอีกตัวหนึ่ง นี้ เป็นของง่ายดายมาก สำหรับพระราชาแห่งอียิปต์ ทั้งนี้พระองค์เป็นผู้มีน้ำพระทัยเป็นกุศล
๖๖. เขา (ยะกู๊บ) บอกกับบรรดาลูก ๆ ว่า ฉันยอมส่งเขา(บินยามีน) ไปกับพวกท่านมิได้ จนกว่าพวกท่านจะให้คำมั่นโดยการสาบานด้วยพระนามอัลเลาะห์เสียก่อนว่าพวกท่านจักต้องนำตัวเขา(บินยามีน) กลับมาถึงฉันได้ นอกจากพวกท่านจะถูกเหล่าศัตรูสกัดล้อมไว้จนพ่ายแพ้หรือมีอันเป็นไปถึงตาย ซึ่งสุดวิสัยที่จะนำตัวบินยามีนกลับมาได้เท่านั้น พวกเหล่านั้นจึงรับปากกับบิดาว่า พวกตนรับรองจะนำน้องชายกลับมาถึงบิดาให้จงได้ ครั้นเมื่อพวกเหล่านั้นได้ให้คำมั่นแก่เขา (ยะกู๊บ) เขา (ยะกู๊บ) จึงกล่าวขึ้นว่า “อัลเลาะห์ทรงเป็นองค์พยานในเรื่องที่เราและพวกท่านพูดอยู่นี้” ดังนั้นยะกู๊บจึงยินยอมมอบตัวบินยามีนเดินทางไปยังอียิปต์พร้อมกับพวกเหล่านั้น
 

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ยูศุฟ อายะฮฺที่ 67 - 68


คำแปล R1.
67. And he said: "O my sons! Do not enter by one gate, but enter by different gates, and I cannot avail you against Allah at all. Verily! The decision rests only with Allah. In him, I put my trust and let all those that trust, put their trust in him."
68. And when they entered according to their father's advice, it did not avail them in the least against (the will of) Allah, it was but a need of Ya'qub's (Jacob) inner-self which he discharged. And verily, he was endowed with knowledge because we had taught him, but most men know not.


คำแปล R2.
67. และเขากล่าว (ต่อไป)ว่า “โอ้ลูกรักทั้งหลาย! พวกเจ้าอย่าเข้า (เมืองอียิปต์) ทางประตูเดียวกัน และพวกเจ้าจงแยกย้ายเข้าทางประตูต่างกันหลาย ๆ ประตู และฉันจะไม่ (สามารถ) ป้องกันพวกเจ้า (ให้พ้น) จาก (อันตรายที่กำหนดโดย) อัลเลาะฮฺได้เลยสักกรณีเดียวก็ตาม แท้จริงการตัดสินเป็นสิทธิของอัลเลาะฮฺเพียงองค์เดียวเท่านั้น ฉันขอมอบหมายแด่พระองค์ และต่อพระองค์โดยเฉพาะ บรรดาผู้มอบหมายทั้งหลายพึงทำการมาอบหมายเถิด
68. และเมื่อพวกเขาได้เข้า (สู่ประเทศอียิปต์) ตามวิธีที่บิดาได้สั่งไว้ (ความจริงคำสั่งของบิดาดังกล่าวนี้)มิใช่จะช่วยป้องกันพวกเขาจาก (อันตรายที่กำหนดโดย)อัลเลาะฮฺสักกรณีหนึ่ง (ถ้าพระองค์จะทรงกำหนดให้เป็นไป) นอกจากสิ่งนั้นเป็นเพียงความต้องการในจิตใจของยะอฺกู๊บซึ่งเขากำหนดขึ้น (ด้วยความห่วงใยบุตรของเขา) เท่านั้น และแท้จริงเขานั้นเป็นผู้มีความรู้ เพราะเราได้สอนเขาไว้ และแต่ทว่ามนุษย์ส่วนมากไม่รู้

 
คำแปล R3.
67. และเขาได้กล่าวว่า “ลูก ๆ เอ๋ย จงอย่าเข้าเมืองโดยทางประตูเดียว แต่ตรงเข้าทางประตูอื่นบ้าง จงจำไว้ให้ดีวฉันไม่อาจช่วยพวกเจ้าให้พ้นจากพระประสงค์ของอัลลอฮฺได้เพราะไม่มีผู้ใดอื่นนอกไปจากอัลลอฮิผู้ทรงมีอำนาจตัดสิน ฉันมอบความไว้วางใจของฉันแก่พระองค์ และทุกคนที่ต้องการจะไว้ใจใครนั้น ก็ควรจะมอบความไว้วางใจแก่พระองค์”
68. และเมื่อพวกเขาได้เข้าเมืองโดยทางประตูอื่นตามที่พ่อของพวกเขาแนะนำ ก็ปรากฏว่ามาตรการใด ๆ ก็ไม่มีผลต่อพระประสงค์ของอัลลอฮฺแน่นอน ยะกู๊บได้ทำดีที่สุดเพื่อที่จะขจัดความกลัวในหัวใจของเขา แท้จริงแล้ว เขารู้เพราะเราได้สอนเขาแต่คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจความจริง


คำแปล R4.
67. และเขากล่าวว่า โอ้ลูกเอ๋ย พวกเจ้าอย่าเข้าเมืองทางเดียวกัน แต่พวกเจ้าจงเข้าเมืองต่างทางกัน และฉันไม่อาจให้ความคุ้มกันพวกเจ้าจากอัลลอฮฺได้ การตัดสินเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮฺฉันขอมอบการไว้ใจแด่พระองค์และขอให้บรรดาผู้มอบการไว้ใจจงไว้ใจแด่พระองค์
68. และเมื่อได้เข้าเมืองตามที่พ่อของพวกเขาได้สั่งไว้ ไม่มีสิ่งใดที่จะช่วยพวกเขาให้พ้นจากอัลลอฮฺได้ เว้นแต่ความต้องการในจิตใจของยะอฺกูบซึ่งเขาได้ปฏิบัติไป และแท้จริงเขาเป็นผู้มีความรู้ซึ่งเราได้สอนเขา แต่ส่วนมากของมนุษย์ไม่รู้


คำแปล R5.
๖๗. เขา(ยะกู๊บ) กล่าวอีกว่าโอ้ลูกรักของพ่อพวกท่านอย่าเข้าไปสู่ประเทศอียิปต์ทางประตูเดียวกัน แต่จงแยกย้ายกันเข้าไปหลาย ๆ ประตู เพื่อพวกท่านจะได้ไม่เป็นอันตรายจากการแลมองของผู้คน ด้วยว่าฉัน (ยะกู๊บ) นี้ไม่อาจปกป้องพวกท่านให้รอดพ้นสรรพยันตรายจากอัลเลาะห์ที่ทรงกำหนดขึ้นแก่พวกท่านได้เลยแม้สักนิดเดียว ก็การตัดสินนั้นหามีขึ้นได้ไม่ นอกจากมาแต่อัลเลาะห์เพียงพระองค์เดียว ซึ่งเฉพาะต่อพระองค์เท่านั้นที่ฉันขอยึดมั่นอยู่และพวกผู้ซึ่งยึดมั่นทั้งหลายก็จงยึดมั่นต่อพระองค์ด้วยเถิด
๖๘. อัลเลาะห์ตรัสว่า ครั้นเมื่อพวก(พี่ๆ ของยูซุฟ) เหล่านั้นแยกย้ายกันเข้าไปสู่อียิปต์ทางประตูต่าง ๆ ตามที่บิดาของพวกตนสั่งไว้ แม้ที่สุดถึงลูก ๆ จะถือปฏิบัติตามคำสั่งกำชับนั้น ก็ไม่ได้ช่วยให้พวกนั้นรอดพ้นสรรพยันตรายจากอัลเลาะห์ได้เลย แต่มันเป็นแค่เจตนาของยะกู๊บที่ได้ตั้งมั่นไว้ เพราะเวทนาลูก ๆ ที่สั่งว่าต้องแยกย้ายกันเข้าสู่ประเทศอียิปต์ทางประตูต่าง ๆ นั้นจะได้ไม่ถูกภัยจากการแลมองของผู้คน แต่เขา(ยะกู๊บ) ก็เป็นผู้มีคุณวุฒิ เพราะเรา(อัลเลาะห์) สอนให้ ปวงชนกาฟิรส่วนมากมิได้รู้เลยว่าพระองค์ทรงดลใจให้นรชน อันเป็นที่โปรดปรานแห่งพระองค์รู้อะไร ๆ โดยมิต้องร่ำเรียนก็ย่อมได้


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ยูสุฟ อายะฮฺที่ 69 - 75


คำแปล R1.
69. And when they went in before Yusuf (Joseph), he betook his brother (Benjamin) to himself and said: "Verily! I am your brother, so grieve not for what they used to do."
70. So when he had furnished them forth with their provisions, he put the (golden) bowl into his brother's bag, then a crier cried: "O you (in) the caravan! Surely, you are thieves!"
71. They, turning towards them, said: "What is it that you have missed?"
72. They said: "We have missed the (golden) bowl of the king and for him who produces it is (the reward of) a camel load; I will be bound by it."
73. They said: "By Allah! Indeed you know that we came not to make mischief in the land, and we are no thieves!"
74. They [Yusuf's (Joseph) men] said: "What then shall be the penalty of him, if you are (proved to be) liars."
75. They [Yusuf's (Joseph) brothers] said: "The penalty should be that he, in whose bag it is found, should be held for the punishment (of the crime). Thus we punish the Zalimun (wrong-doers, etc.)!"


คำแปล R2.
69. และเมื่อพวกเขาเข้ามายังยูสุฟ เขาก็ให้น้องชายของเขา (บุนยามีน) ได้พักกับเขา (สองต่อสอง) เขาจึงบอก (แก่น้องชาย) ว่า “ฉันนี้ แท้จริงเป็นพี่ชายของท่าน ดังนั้นท่านจงอย่าได้เสียใจในการกระทำของพวกเขา(พี่ ๆ )เลย
70. ต่อเมื่อเขา (สั่งให้) จัดเตรียมเสบียงอาหารของพวกเขา เขาก็จัดการวางขันทอง (ของท้องพระคลัง) ในพาหนะของน้องชายของเขา หลังจากนั้นเขาก็สั่งให้ผู้ประกาศประกาศว่า “โอ้กองคาราวานนี้! พวกท่านเป็นผู้ขโมย (ทรัพย์สินของแผ่นดิน)”
71. พวกเขา (พี่ ๆ ของยูสุฟ) กล่าวพร้อมกับหันมาทางพวกเจ้าหน้าที่ว่า “อะไรที่พวกท่านสูญหาย?”
72. พวกเจ้าหน้าที่ตอบว่า “เราสูญหายขันทองของกษัตริย์ ฉะนั้นผู้ใดนำมันมาคืน เขาจะได้ของบรรทุกเต็มหลังอูฐ (เป็นรางวัล) และฉันขอรับประกันในข้อนั้น
73. พวกเขา (พี่ของยูซุฟ)กล่าวว่า “ขอสาบานต่ออัลเลาะฮฺ! ความจริงพวกท่านทราบดีว่าพวกเรามิได้มาเพื่อสร้างความเสียหายในแผ่นดินนี้ และพวกเรามิได้เป็นขโมย
74. พวกเขา (เจ้าหน้าที่) กล่าวว่า “แล้วอะไรเล่าคือการตอบแทนแก่ผู้ขโมย หากพวกท่านเป็นผู้มุสา
75. พวกเขาตอบว่า “การตอบแทนของผู้ขโมยก็คือ ใครก็ตามที่ถูกค้นพบ (ขันทองใบนั้น) ในย่ามของเขา ตัวเขานั้นแหละ คือการตอบแทน (ด้วยการยึดเขาไว้) เช่นนั้น! ที่พวกเราตอบแทนบรรดาผู้ฉ้อฉลทั้งปวง


คำแปล R3.
69. เมื่อพวกเขาได้เข้าไปหายูซุฟ เขาได้เรียกน้องชายของเขาให้เข้ามาหาตามลำพัง และเขาได้กล่าวแก่น้องชายของเขาว่า “ฉันเป็นพี่ชายของเจ้า(ซึ่งหายสาบสูญไป)จงอย่าเสียใจในสิ่งที่พวกเขาได้กระทำไป”
70. ขณะที่ยูซุฟจัดการเอาเสบียงอาหารใส่ถุงของพวกของพี่ชายของเขา เขาก็ใส่ถ้วยตวงของเขาลงในถุงของน้องชายของเขาเอง หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็ประกาศขึ้นมาว่า “เฮ้ย พวกคนขี่อูฐ พวกแกเป็นหัวขโมยนี่”
71. พวกพี่ ๆ จึงหันไปถามว่า “มีอะไรที่ท่านว่าหายไป?”
72. พวกเจ้าหน้าที่ได้ตอบว่า “ถ้วยตวงของกษัตริย์ได้หายไป” (และหัวหน้าของพวกเขาได้กล่าวว่า) “คนที่นำมันกลับมาจะได้รับข้าวโพดเต็มหลังอูฐเป็นรางวัล ฉันรับประกัน”
73. พวกพี่ ๆ ของท่านจึงตอบว่า “ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ พวกท่านก็รู้ดีว่าพวกเราไม่ได้มาที่นี่เพื่อก่อความวุ่นวายขึ้นในแผ่นดินนี้ และพวกเราก็ไม่ได้เป็นขโมย”
74. พวกเจ้าหน้าที่จึงได้กล่าวว่า “เอาละ โทษของขโมยจะเป็นสถานใดเล่า ถ้าหากพวกท่านเป็นผู้โกหก?”
75. พวกเขาตอบว่า “โทษของผู้นั้นก็คือการถูกกักตัวไว้ ถ้าหากมีการพบสิ่งนั้นในถุงของเขา พวกเราลงโทษคนทำผิดดังกล่าวกันเช่นนั้น”


คำแปล R4.
69. และเมื่อพวกเขาได้เข้าไปหายูซุฟ เขารับน้องชายของเขาไปอยู่กับเขา เขากล่าวว่า แท้จริงฉันเป็นพี่ชายของเจ้า ดังนั้นเจ้าอย่าเสียใจในสิ่งที่พวกเขากระทำ
70. เมื่อเขาได้จัดเตรียมเสบียงอาหารของพวกเขาให้แก่พวกเขาแล้ว เขาได้ใส่ขันน้ำลงในย่ามของน้องชายเขา แล้วผู้ประกาศได้ประกาศว่าโอ้คณะเดินทางทั้งหลายเอ๋ย แท้จริงพวกท่านเป็นพวกขโมย
71. พวกเขากล่าวพลางหันไปทางพวกเขา (ผู้ประกาศ) ว่า มีอะไรหายไปจากพวกท่าน?
72. พวกเขากล่าวว่า ขันน้ำของกษัตริย์หายไปจากเรา และผู้ใดนำมันมาคืนเขาจะได้รับเสบียงเป็นรางวัลหนึ่งตัวลา และฉันเป็นผู้รับรอง
73. พวกเขากล่าวว่า ขอสาบานต่ออัลลอฮฺโดยแน่นอนพวกท่านทราบดีว่า เรามิได้มาที่นี่เพื่อทำความเสียหายในแผ่นดิน และเราก็มิใช่พวกขโมย
74. พวกเขากล่าวว่า ถ้าเช่นนั้นโทษของมันจะเป็นเช่นใด หากพวกท่านเป็นผู้กล่าวเท็จ
75. พวกเขากล่าวว่า โทษของมันคือ ผู้ใดถูกค้นพบในย่ามของเขา ดังนั้นเขาก็รับโทษของมัน เช่นนั้นแหละเราลงโทษบรรดาผู้อธรรม


คำแปล R5.
๖๙. และเมื่อพวก(พี่ ๆ ของยูซุฟ) เหล่านั้นเข้าไปหายูซุฟแล้ว เขา(ยูซุฟ) จึงรับตัว บินยามีนน้องชายเข้าไปแนบแน่นไว้กับทรวงอกของเขาเองพลางกล่าวว่า ฉันนี้แหละคือพี่ชายของท่าน ท่านอย่าได้สลดในในพฤติการณ์ที่พวก (พี่ ๆ ของเรา) เหล่านั้นกระทำแก่ฉัน (ยูซุฟ) เพราะแรงริษยาเลย และแล้วยูซุฟจึงใช้ให้บินยามีนบอกแก่พวกเหล่านั้นว่าเขานี่แหละคือยูซุฟ กับทั้งเขาทั้งสอง(ยูซุฟและบินยามีน)ยังคบคิดกันหาอุบายว่าจะต้องกักตัวบินยามีนไว้ที่ประเทศอียิปต์ให้จงได้
๗๐. และเมื่อเขา(ยูซุฟ) ได้สั่งพนักงานให้เตรียมการตวงเครื่องบริโภคบรรจุไว้พร้อมสรรพแล้วสำหรับพวก(พี่ ๆ) เหล่านั้น เขา(ยูซุฟ) เอาขันทองคำสำหรับตักน้ำประดับด้วยมณีล้ำค่าซุกไว้ในย่ามของบินยามีนน้องชายของเขา พอจัดการเสร็จสรรพแล้วพวกเหล่านั้นก็เคลื่อนขบวนออกจากจวนของยูซุฟกลับสู่ภูมิลำเนาของตน จึงมีคนหนึ่งร้องตะโกนถามว่า นี่แน่ะขบวนอูฐพวกท่านต้องเป็นพวกขโมยเอาขันทองคำของหลวงไปแน่ทีเดียว
๗๑. พวกเขาเหลียวกับไปพูดกับพวกนั้นที่ร้องตะโกนเมื่อกี้นี้ว่า อะไรของพวกท่านสูญหายไปหรือ?
๗๒. พวกนั้นร้องตะโกนตอบว่า พวกเราภาชนะตักน้ำของพระราชาไม่พบ ผู้ร้องตะโกนบอกว่า ฉันขอยืนยันว่าใครก็ตามที่นำขันทองคำมาคืน เขาจะได้ของบริโภคอีกอูฐสัมภาระหนึ่ง
๗๓. พวก(พี่ ๆ ของยูซุฟ) เขากล่าวถ้อยคำสาบานว่า เราขอให้สัจปฏิญาณโดยพระนามแห่งอัลเลาะห์ว่า พวกท่านย่อมทราบดีง่าพวกเรามิได้มาเพื่อทำหายนะในแผ่นดินอียิปต์นี้เลย ดูเถอะแม้กระทั่งที่ปากอูฐพาหนะทุก ๆ ตัว พวกเราก็ยังเอาตะกร้าผูกปิดไว้เพื่อมิให้มันกัดกินพืชพันธุ์ธัญญาหารของชาวแผ่นดินอียิปต์ พวกเราหาได้เป็นพวกขโมยไม่ การที่มาครั้งหลังนี้ก็เป็นเพราะว่า เมื่อครั้งแรกที่เรามาแล้วกลับไปถึงบ้านพวกเราเปิดย่ามพบเหรียญแทนราคาอาหารเข้า พวกเรายังได้นำมันกลับมาคืนให้พวกท่าน
๗๔. พวกพนักงานเหล่านั้นร้องตะโกนถามว่า ถ้าหากพวกท่านเป็นผู้เท็จในคำอ้างที่ว่า “พวกเรามิได้เป็นขโมย” และพบขันทองคำอยู่ที่พวกท่านแล้ว จะมีอะไรเป็นโทษตอบแทนแก่ผู้ขโมยนั้นบ้างเล่า?
๗๕. พวก(พี่ ๆ ของยูซุฟ) เขาตอบว่า โทษตอบแทนของผู้ที่เป็นขโมยนั้น ก็คือตัวผู้ซึ่งเป็นขโมยที่เขาจับขันทองคำของกลางได้ในย่ามนั่นเอง ผู้เป็นขโมยนั้นแหละที่ได้รับโทษตอบแทน นี่เป็นแนวปฏิบัติของยะกู๊บผู้บิดาของเรา พวกเราก็จะทำโทษสนองแก่ผู้คดโกง ซึ่งขโมยขันทองคำให้เป็นเช่นนั้นด้วยเหมือนกัน โดยตัดสินให้ผู้เป็นขโมยตกเป็นทาส ต่อแต่นั้นพี่ ๆ ของยูซุฟจึงกลับเข้าไปหายูซุฟเพื่อให้ตรวจค้นย่ามของตัว


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ยูศุฟ อายะฮฺที่ 76 - 79


คำแปล R1.
76. So he [Yusuf (Joseph)] began (the search) in their bags before the bag of his brother. Then he brought it out of his brother's bag. Thus did we plan for Yusuf (Joseph). He could not take his brother by the law of the king (as a slave), except that Allah willed it. (So Allah made the brothers to bind themselves with their way of "punishment, i.e. enslaving of a thief.") We raise to degrees whom we please, but over all those endowed with knowledge is the All-Knowing (Allah).
77. They [(Yusuf's (Joseph) brothers] said: "If he steals, there was a brother of his [Yusuf (Joseph)] who did steal before (him)." but these things did Yusuf (Joseph) Keep in himself, revealing not the secrets to them. He said (within himself): "You are in worst case, and Allah knows best the truth of what you assert!"
78. They said: "O ruler of the land! Verily, he has an old father (who will grieve for him); so take one of us in his place. Indeed we think that you are one of the Muhsinun (good-doers - see V.2:112)."
79. He said: "Allah forbid, that we should take anyone but him with whom we found our property. Indeed (if we did so), we should be Zalimun (wrong-doers)."


คำแปล R2.
76. จากนั้นเขา (ยูซุฟ) ก็เริ่ม (ตรวจค้น) ภาชนะใส่สัมภาระของพวกเขา (พี่ๆ) ก่อนภาชนะใส่สัมภาระของน้องชายของเขา หลังจากนั้นเขาก็นำสิ่งนั้นออกมาจากภาชนะของน้องชายของเขา เช่นนั้น! เรา (อัลเลาะฮฺ) ได้วางแผนให้แก่ยูซุฟ ซึ่งเขาก็มิได้เอาโทษน้องชายของเขา (ในข้อหาลักทรัพย์)ตามกฎมณเฑียรบาลของกษัตริย์แต่ประการใด ๆ ยกเว้น (เขาได้ปฏิบัติ)ตามที่อัลเลาะฮฺทรงประสงค์เท่านั้น เรายกย่องผู้ที่เราประสงค์หลายฐานันดร และเหนือผู้รู้ทุก ๆ คนนั้น ยังมีพระผู้ทรงรอบรู้ยิ่ง (คืออัลเลาะฮฺ)
77. พวกเขา (พี่ ๆ ของยูซุฟ) กล่าวว่า “หากเขาขโมย (ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะ) แท้จริงพี่ชายคนหนึ่งของเขา (คือยูซุฟ) ก็เคยขโมยมาก่อน (เมื่อได้ยินคำใส่ร้ายตนเช่นนั้น) ยูซุฟก็ซ่อนเร้น (ความรู้สึกต่อ) คำพูดนั้น ไว้ในจิตใจของเขา และเขามิได้แสดงออกสิ่งนั้นแก่พวกเขาเลย เขารำพึง (ในใจของเขา) ว่า “พวกท่านช่างมีสภาพที่เลวแท้ ๆ และอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้ยิ่งในสิ่งที่พวกท่านบรรยายไว้”
78. พวกเขากล่าวว่า “โอ้ เสนาบดี! แท้จริงเขานั้นมีบิดาคนหนึ่งที่ชรามากแล้ว (และท่านเป็นห่วงอาลัยและรักเขามาก) ดังนั้นท่านจงเอาตัวของพวกเราคนใดคนหนึ่งแทนตัวเขาก็แล้วกัน แท้จริงเราเองก็เห็นว่าท่านนั้นเป็นหนึ่งจากบรรดาผู้ประพฤติดี “(คงจะยินดีรับข้อต่อรองของเรา)”
79. เขา (ยูซุฟ) กล่าวว่า “ขออัลเลาะฮฺทรงคุ้มครองที่เราจะเอา (ผู้อื่นใด) นอกจากบุคคลที่เราได้พบสิ่งของของเราที่เขาเท่านั้น (ถ้าเรายอมเอาตัวคนอื่นมาแทน) แน่นอนเราก็เป็นผู้ฉ้อฉลโดยพลัน”

 
คำแปล R3.
76. แล้วยูซุฟก็เริ่มค้นถุงของพวกพี่ชายก่อนที่จะค้นถุงของน้องชายของเขาในที่สุด เขาก็เอามันออกมาจากถุงของน้องชายของเขา ดังนั้นเราได้ช่วยเหลือยูซุฟด้วยแผนการของเรา เพราะมันไม่เป็นการเหมาะสมที่ยูซุฟจะกักตัวน้องชายของเขาไว้โดยกฎหมายของกษัตริย์เว้นแต่ว่าอัลลลอฮฺจะทรงประสงค์เช่นนั้น เรายกตำแหน่งของผู้ที่เราประสงค์ให้สูงขึ้นและมีเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ความรู้ของพระองค์ยิ่งใหญ่กว้างไกลกว่าความรู้ของผู้อื่นทั้งหมด
77. เมื่อมีการค้นพบ พวกพี่ ๆ ของเขาก็กล่าวว่า “ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เขาขโมย เพราะพี่ชายของเขาเองก็เคยขโมยมาก่อน” เมื่อได้ยินเช่นนี้ยูซุฟก็เก็บความรู้สึกของเขาไว้และไม่เปิดเผยความลับแก่พวกเขา แต่ได้กล่าวเพียงเบา ๆ ว่า “พวกเจ้านี้ช่างเลวเสียจริง พวกเจ้ากำลังกล่าวหาฉัน (ต่อหน้าฉัน)ในสิ่งที่อัลลฮฺทรงรู้ดีที่สุด
78. พวกเขากล่าวว่า “โอ้ท่านผู้มีอำนาจ เขามีพ่อที่ชรามากแล้ว ดังนั้นขอให้กักตัวใครสักคนในหมู่พวกเราแทนเขาเถิด เราเห็นว่าเป็นคนดีมากคนหนึ่ง”
79. ยูซุฟได้ตอบว่า “อัลลอฮฺทรงห้ามเรากักตัวใครอื่นนอกจากคนที่เราได้พบว่าทรัพย์สินของเราอยู่กับเขา เพราะถ้าหากเราทำเช่นนั้น เราก็จะเป็นผู้อธรรม”


คำแปล R4.
76. ดังนั้น เขาได้เริ่มค้นในย่ามของพวกเขาก่อนย่ามของน้องชายของเขา แล้วเขาก็ได้เอามันออกมาจากย่ามของน้องชายของเขา เช่นนั้นแหละเราได้ถูกยูซุฟใช้กลอุบาย เขาจะเอาน้องชายของเขาไว้ไม่ได้ในศาสนาของกษัตริย์ นอกจากว่าอัลลอฮฺจะทรงประสงค์ เราจะเชิดชูฐานะหลายชั้นแก่ผู้ที่เราประสงค์ และเหนือทุก ๆ ผู้ที่มีความรู้คือผู้ทรงรอบรู้
77. พวกเขากล่าวว่า หากเขาขโมย แน่นอนพี่ชายของเขาก็ได้ขโมยมาก่อน แต่ยูซุฟได้ซ่อนความรู้สึกไว้ในใจของเขา และไม่เปิดเผยมันแก่พวกเขา เขากล่าว พวกท่านมีสถานะที่เลวมาก และอัลลอฮฺทรงรอบรู้ดียิ่งที่พวกท่านกล่าวหา
78. พวกเขากล่าวว่า โอ้ท่านผู้ว่าฯ เขามีพ่อที่แก่ชรามากแล้ว ขอได้โปรดเอาคนหนึ่งในพวกเราไว้แทน แท้จริงเราเห็นว่าท่านนั้นอยู่ในหมู่ผู้ทำความดี
79. เขากล่าวว่า เราขอความคุ้มครองด้วยอัลลอฮฺ ที่เราจะเอาคนอื่น นอกจากผู้ที่เราพบทรัพย์สินของเราอยู่ที่เขา ดังนั้น แท้จริงเราก็เป็นผู้อธรรมอย่างแน่นอน

 
คำแปล R5.
๗๖. ดังนั้นเขา(ยูซุฟ) จึงเริ่มตรวจค้นจากย่ามของพวก(พี่ ๆ ของยูซุฟ) เหล่านั้น ก่อนค้นย่ามบินยามีนผู้เป็นน้องของตัว ทั้งนี้เพื่อพรางมิให้พวกเหล่านั้นแคลงใจ ครั้นเมื่อได้ค้นเสร็จแล้วเขาก็ได้หยิบเอาของกลางเป็นขันทองคำจากย่ามบินยามีนผู้เป็นน้องของตัวออกมาได้ อัลเลาะห์ตรัสว่า เรา(อัลเลาะห์) เอง วางแผนให้ยูซุฟไว้เป็นอย่างนี้ เพื่อจะได้หาทางกักตัวบินยามีนไว้ได้โดยสนิท แต่เขา(ยูซุฟ) ก็หาได้เอาโทษบินยามีนน้องของตัวตามกฎของพระราชาแห่งอียิปต์ไม่ เพราะการตัดสินลงโทษผู้เป็นขโมยตามกระบวนวิธีของพระราชาแห่งอียิปต์ก็คือให้โบยด้วยและให้คืนของเป็นสองเท่าของของกลางด้วย บินยามีนมิได้ถูกตัดสินอย่างนั้นเลย หากแต่เป็นไปตามที่อัลเลาะห์ทรงมุ่งประสงค์ด้วยทรงไหวใจให้พี่ ๆ ของยูซุฟได้ขอทุเลา และให้มีการตกลงยอมรับเพียงให้ลงโทษสถานเบาแค่ตกเป็นทาสเท่านั้น เรา(อัลเลาะห์) จะเลื่อนตำแหน่งให้สูงขึ้นด้วย ให้มีคุณวุฒิแก่ผู้ซึ่งเรามุ่งประสงค์เหมือนดังยูซุฟแต่ผู้ทรงคุณวุฒิทั้งปวงก็ยังมีผู้รู้เหนือกว่า
๗๗. พวก(พี่ ๆ ของยูซุฟ) เหล่านั้นกล่าวหาว่าหากเขา(บินยามีน) ขโมย ยูซุฟพี่ของเขาก็เคยขโมยเทวรูปทองคำของบิดามารดาของตนมาก่อนเหมือนกัน แล้วนำเอาทุบจนแตกแหลกและทิ้งไว้เกลื่อนกลาดทางเพื่อจะไม่ให้เคารพบูชาเทวรูปทองคำนั้นอีกต่อไป แต่ยูซุฟปิดความไว้ในใจของตัวเองไม่เปิดเผยเรื่องที่ตนขโมยให้พวก(พี่ ๆ ) เหล่านั้นรู้ เขา(ยูซุฟ) กล่าวรำพึงแก่ตนเองมิให้ผู้อื่นได้ยินว่า “พวกท่านนี่ช่างเลวแท้ อัลเลาะห์ทรงตัดสินให้พวกท่านตกอยู่ในฐานะเลวยิ่งกว่าฉันและบินยามีนน้องชายของฉัน” ก็พวกท่านนั่นแหละที่ขโมยตัวฉันมาจากบิดา และยังได้ก่อกรรมทำเข็ญกับฉัน อัลเลาะห์ทรงรู้ถึงข้อ เท็จจริงแห่งถ้อยคำที่พวกท่านเอ่ยอ้างว่าฉันขโมยเทวรูป
๗๘. พวก(พี่ ๆ ของยูซุฟ) เหล่านั้นเอ่ยว่า ท่านผู้ยิ่งในอำนาจ อันความจริงเขา (บินยามีน) นั้นมีบิดาที่แก่เฒ่ามาก ท่านโปรดปรานบินยามีนมากยิ่งกว่าพวกเรา แม้ยูซุฟลูกรักจะตายจากไปแล้วก็ยังพอทำให้บิดาท่านบรรเทาความทุกข์โศกลงได้เพราะมีบินยามีนเป็นหัวแก้วหัวขวัญร่วมอยู่ด้วย มาบัดนี้บินยามีนก็ต้องมาพรากจากไปอีกคน จึงทำให้บิดาท่านเกิดความทุกข์ระทมมากขึ้นอีก ฉะนั้นขอท่านได้โปรดยึดเอาตัวใครก็ได้สักคนหนึ่งในพวกของเรานี้ไปเป็นทาสแทนตัวเขา (บินยามีน) เราจักได้แลเห็นว่าท่าน(ยูซุฟ) นี้คือผู้หนึ่งจากบรรดาที่ประพฤติดีงามในกิจส่วนตัวของท่านเอง
๗๙. เขา(ยูซุฟ) ตอบพี่ ๆ ของตนว่า ขออัลเลาะห์จงพิทักษ์ด้วยเถิด ให้เราเอาตัวได้เฉพาะผู้ที่เราพบเห็นมีภาชนะทองคำอยู่ที่เขาเท่านั้น หากเราจับผู้กระทำผิดที่ไม่ใช่บินยามีนได้แล้วเมื่อใด เมื่อนั้นแหละเราจึงเป็นผู้ทุจริต


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ยูศุฟ อายะฮฺที่ 80 - 83


คำแปล R1.
80. So, when they despaired of him, they held a conference in private. The eldest among them said: "Know you not that your father did take an oath from you in Allah's Name, and before this you did fail in your duty with Yusuf (Joseph)? Therefore I will not leave this land until my father permits me, or Allah decides my case (by releasing Benjamin) and he is the best of the judges.
81. "Return to your father and say, 'O our father! Verily, your son (Benjamin) has stolen, and we testify not except according to what we know, and we could not know the unseen!
82. "And ask (the people of) the town where we have been, and the caravan in which we returned, and indeed we are telling the truth."
83. He [Ya'qub (Jacob)] said: "Nay, but your own selves have beguiled you into something. So patience is most fitting (for me). May be Allah will bring them (back) all to me.Truly He! Only He is All-Knowing, All-Wise."


คำแปล R2.
80. ต่อมาเมื่อพวกเขาหมดหวัง (ที่จะได้รับการช่วยเหลือตามข้อต่อรอง)จากเขา(ยูซุฟ) พวกเขาก็ปลีกตัวอกมาปรึกษากันตามลำพัง ผู้มีอายุมากที่สุดของพวกเขากล่าวว่า “พวกท่านไม่รู้หรือว่าบิดาของพวกท่านได้เอาคำมั่นสัญญาต่อพวกท่าน โดยสาบานกับอัลเลาะฮฺไว้แล้ว (ก่อนออกเดินทาง) และเมื่อก่อนนั้น พวกท่านได้ละเมิดสัญญาในกรณีของยูซุฟ (มาครั้งหนี่งแล้ว) ดังนั้นฉันจะไม่ออกไปจากแผ่นดินนี้ จนกว่าบิดาของฉันจะอนุญาตแก่ฉัน หรือจนกว่าอัลเลาะฮฺจะทรงตัดสินแก่ฉัน (ให้ฉันออกจากเมืองนี้) และพระองค์ทรงเป็นผู้ตัดสินที่ประเสริฐสุด
81. พวกท่านจงกลับไปหาบิดาเถิด แล้วจงพูดกับท่านว่า “โอ้คุณพ่อของเรา! แท้จริงบุตรของท่าน (บุนยามีน) นั้น เขาขโมย (ของจากท้องพระคลัง) และเรามิได้เป็นพยานให้แก่เขา นอกจากในสิ่งที่เรารู้เท่านั้น และเราไม่อาจเฝ้ารักษาเรื่องลี้ลับได้
82. และ (พ่อ) จงสอบถาม (ชาว) เมืองที่เราร่วมอาศัยอยู่เถิด และ (สอบถาม) กองคาราวานที่เราเดินทางกลับมาด้วย และแท้จริงเราเป็นผู้สัตย์จริง
83. เขา (บิดา) กล่าวว่า “(ที่พวกเจ้าพูดนั้นไม่เป็นความจริงหรอก) ที่จริงนั้น จิต (ริษยา) ของพวกเจ้าได้คิดแต่งเรื่อง (อันไม่กินในปัญญาขึ้นมา) เอง ดังนั้นฉันจึงมีแต่ความอดทนอันดีงามเท่านั้น หวังว่าอัลเลาะฮฺคงจะนำพวกเขา (ลูกทั้งสาม คือ ยูซุฟ บุนยามีน และลูกชายคนหัวปีที่ไม่ยอมกลับบ้านเพราะความละอายต่อบิดา) กลับมาหาฉันโดยพร้อมเพรียงกันทั้งหมด แท้จริงพระองค์ทรงรอบรู้ยิ่ง อีกทั้งทรงปรีชาญาณยิ่ง


คำแปล R3.
80. เมื่อพวกเขาท้อแท้ต่อยูซุฟ พวกเขาก็หันไปปรึกษากัน พี่ชายคนโตของพวกเขาได้กล่าวว่า “พวกเจ้ารู้ว่าพ่อของพวกเจ้าได้ให้พวกเจ้าทำสัญญาอย่างหนักแน่นในนามของอัลลอฮฺ และพวกเจ้าก็รู้ด้วยว่าพวกเจ้าได้ผิดต่อยูซุฟก่อนหน้านี้ ดังนั้น ฉันจะไม่ออกไปจากแผ่นดินนี้จนกว่าพ่อของฉันจะอนุญาตหรืออัลลอฮฺทรงตัดสินให้แก่ฉัน เพราะอัลลอฮฺทรงเป็นเลิศที่สุดในบรรดาผู้ตัดสิน
81. จงกลับไปหาพ่อของพวกเจ้าและบอกว่า “พ่อ ลูกชายของท่านขโมยของ เราไม่ได้เห็นเขาขโมย เราเพียงแต่กล่าวว่าเรารู้และเราไม่อาจป้องกันสิ่งที่ไม่อาจมองเห็นได้
82. ท่านอาจจะสอบถามจากผู้คนของเมืองนั้นและจากขบวนอูฐที่เราเดินทางกลับมาด้วย เราพูดความจริงอย่างแน่นอน”
83. (เมื่อได้ยินเรื่องราว) พ่อได้กล่าวว่า “จิตใจของพวกเจ้าเองต่างหากที่ได้ทำเรื่องอื่นขึ้นมาให้เป็นการง่ายสำหรับพวกเจ้า เอาเถอะ ฉันจะอดทนต่อสิ่งนี้ด้วยดี บางทีอัลลอฮฺอาจจะนำพวกเขาทั้งหมดมาหาฉัน เพราะพระองค์ทรงรู้ทุกสิ่งและทรงปรีชาญาณยิ่ง”


คำแปล R4.
80. ดังนั้น เมื่อพวกเขาหมดอาลัยจากเขาพวกเขาก็หันหน้าเข้าปรึกษากันตามลำพัง พี่คนโตของพวกเขากล่าวว่า พวกท่านไม่รู้ดอกหรือว่าพ่อของพวกท่านได้เอาสัญญาอย่างมั่นคงจากอัลลอฮฺแก่พวกท่าน และก่อนนี้พวกท่านก็ได้ทำผิดพลาดในเรื่องของยูซุฟมาแล้ว ฉันจะไม่ออกจากดินแดนนี้จนกว่าพ่อของฉันจะอนุญาตแก่ฉัน หรืออัลลอฮฺจะทรงตัดสินแก่ฉัน และพระองค์ทรงเป็นผู้ตัดสินที่ดียิ่ง
81. พวกท่านจงกลับไปยังพ่อของพวกท่านแล้วกล่าวว่า โอ้คุณพ่อของเรา แท้จริงลูกของท่านขโมยและเราไม่เป็นพยานเว้นแต่ในสิ่งที่เรารู้และเรามิใช่ผู้เก็บความลับ
82. และจงถามชาวเมืองซึ่งเราพำนักอยู่ในนั้นและกองคาราวานซึ่งเราเดินทางร่วมมากับมัน และแท้จริงเรานั้นเป็นผู้สัตย์จริงอย่างแน่นอน
83. เขากล่าวว่า แต่ว่าจิตใจของพวกเจ้าได้ตกแต่งเรื่องขึ้นเพื่อพวกเจ้า ดังนั้นการอดทนเป็นสิ่งที่ดี หวังว่าอัลลอฮฺจะทรงนำพวกเขาทั้งหมดมาหาฉัน แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ

 
คำแปล R5.
๘๐. เมื่อพวก(พี่ ๆ ของยูซุฟ) เหล่านั้นสิ้นหวังจากเขา(ยูซุฟ)ในอันที่จะให้เขายอมตามข้อเรียกร้องของพวกตนแล้วจึงต่างปลีกตัวออกมาจากที่ว่าการของยูซุฟ เพื่อปรึกษาหารือกันในการหาลู่ทางจะเอาตัวบินยามีนออกมา ยะฮูดาหรือเราบิน พี่คนโตของพวกเหล่านั้นถามว่า พวกท่านมิทราบหรือว่าบิดาของพวกท่านก็เคยเอาคำมั่นสัญญาจากพวกท่านโดยพระนามแห่งอัลเลาะห์ว่า จักต้องนำตัวบินยามีนคืนมา ซึ่งก่อนนั้นพวกท่านก็เคยผิดสัญญามาแล้วเกี่ยวกับตัวยูซุฟ ทั้งฉันจะไม่ยอมออกจากแผ่นดิน อียิปต์นี้เลยจนกว่าบิดาของฉันจะอนุญาตให้ฉันออกไปจากแผ่นดินนี้ หรือกว่าอัลเลาะห์จะทรงตัดสินให้ฉันที่ให้น้องชายบินยามีนปลอดพ้นจากถูกกักตัวมาได้ ทั้งนี้เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้เลิศยิ่งกว่าบรรดาผู้ตัดสินทั้งหลาย
๘๑. จงกลับไปหาบิดาของพวกท่านแล้วจงกล่าวแก่บิดาของท่านด้วยเถิดว่าโอ้บิดาของพวกเราแท้จริงบินยามีนลูกของท่านได้ขโมย พวกเรา(ลูก) จะไม่เป็นพยานใส่ร้ายเขา(บินยามีน) นอกจากจะเป็นพยานให้ตามที่เรารู้อย่างแน่ชัดว่ามีภาชนะสำหรับดื่มน้ำติดอยู่ในสัมภาระของบินยามีน ทั้งพวกเราก็มิได้สังเกตดูเลสนัยอันลึกลับสำหรับเราในขณะนำตัวบินยามีนกลับคืนมาอีกด้วย แต่ถ้าพวกเรารู้ว่าบินยามีนเป็นคนขโมย พวกเราจะไม่พาบินยามีนไปด้วยพวกเราอย่างเด็ดขาด
๘๒. และโอ้บิดาของเรา ขอให้ท่านส่งคนไปที่ประเทศอียิปต์แล้วก็ลองไต่ถามชาวเมืองในละแวกที่พวกเราเคยไปอยู่และถามขบวนพานิชในคณะกันอานที่พวกเราสวนทางกันที่เมืองนั้นดูเถิด แล้วเรา( ยะฮูดา) นี่แหละ จะเป็นผู้สัจจริงในถ้อยคำ
๘๓. เขา (ยะกู๊บผู้บิดา) กล่าวโต้ว่า แต่แล้วพวกเจ้าก็คงเล่นตลกกับฉันอีก ตามแบบฉบับที่พวกเจ้าเคยปฏิบัติกันมาแล้วหนหนึ่ง เมื่อครั้งที่เอายูซุฟไปจากฉัน แต่ฉันก็พออดใจได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว คาดว่าอัลเลาะห์อาจให้เขาทั้งหมดสามคน คือ ยูซุฟ บินยามีน และยะฮูดาซึ่งอยู่ ณ ประเทศอียิปต์คืนมาสู่ฉันก็ได้ เพราะพระองค์นั้นเป็นองค์รู้ยิ่งถึงสภาพของฉัน ทรงประณีต ยิ่งในบรรดากิจของพระองค์


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ยูศุฟ อายะฮฺที่ 84 - 87
 

คำแปล R1.
84. And he turned away from them and said: "Alas, my grief for Yusuf (Joseph)!" And he lost his sight because of the sorrow that he was suppressing.
85. They said: "By Allah! You will never cease remembering Yusuf (Joseph) until you become weak with old age, or until you be of the dead."
86. He said: "I only complain of my grief and sorrow to Allah, and I know from Allah that which you know not.
87. "O my sons! Go you and enquire about Yusuf (Joseph) and his brother, and never give up hope of Allah's Mercy. Certainly no one despairs of Allah's Mercy, except the people who disbelieve."


คำแปล R2.
84. และ (บิดา คือนบียะอฺกู๊บ) ได้ผันผายออกไปจากพวกเขา (ลูก ๆ ที่มารายงานข่าว) และเขากล่าวว่า “โอ้ ความระทมที่ฉันมีต่อยูซุฟ!” และดวงตาทั้งสองของเขาขาวซีดเพราะความโศกเศร้า และเขาก็ได้แก่กล้ำกลืนไว้
85. พวกเขากล่าวว่า “ขอสาบานในนามอัลเลาะฮฺ! (โอ้คุณพ่อ) ท่านเฝ้าแต่คิดถึงยูซุฟเสียจนท่านป่วยเจียนตาย หรือจนท่านจะเป็นผู้หนึ่งจากบรรดาผู้พินาศ (ตาย)
86. เขากล่าวว่า “อันที่จริงฉันเพียงแต่ปรารมภ์ทุกข์ และความเศร้าโศกของฉันต่ออัลเลาะฮฺ และฉันรู้ (โดยสื่อแห่งการดลจิต) จากอัลเลาะฮฺในสิ่งที่พวกเจ้าไม่รู้
87. “โอ้ลูกรักทั้งหลาย! พวกเจ้าจงไปเถิดแล้วจงสืบข่าวของยูซุฟและน้องชายของเขา และพวกเจ้าอย่าท้อแท้ในพระเมตตาของอัลเลาะฮฺ แท้จริงจะไม่ (มีผู้ใดทั้งสิ้นที่) ท้อแท้จากพระเมตตาของอัลเลาะฮฺ ยกเว้นกลุ่มชนผู้อกตัญญูเท่านั้น


คำแปล R3.
84. แล้วเขาก็เบือนหน้าไปจากพวกเขาพางกล่าวว่า “พ่อเศร้าใจเรื่องยูซุฟเหลือเกิน” แล้วเขาก็ต้องข่มความเศร้าไว้ด้วยความเจ็บปวด และตาเขาก็พร่ามัวเพราะความเศร้า
85. พวกลูก ๆ ได้กล่าวว่า “ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ท่านยังจะคิดถึงยูซุฟจนสุขภาพทรุดโทรมหรือตายไปเพราะความเศร้าโศกอยู่อีกหรือ”
86. เขาตอบว่า “ฉันร้องทุกข์ถึงความเศร้าโศกเสียใจต่ออัลลอฮฺเท่านั้น และฉันรู้จากอัลลอฮฺมนสิ่งที่พวกเจ้าไม่รู้
87. ลูก ๆ เอ๋ย จงออกไปสืบหายูซุฟและน้องของเขา จงอย่าหมดหวังในความเมตตาของอัลลอฮฺ เพราะมีแต่บรรดาผู้ปฏิเสธเท่านั้นที่หมดหวังในความเมตตาของพระองค์”


คำแปล R4.
84. และเขาผินหลังให้พวกเขาและกล่าวว่า โอ้อนิจจา ยูซุฟเอ๋ย และตาทั้งสองข้างของเขามัวเนื่องจากความเศร้าโศกและเขาเป็นผู้อดกลั้น
85. พวกเขากล่าวว่า ขอสาบานต่ออัลลอฮฺท่านยังคงรำลึกถึงยูซุฟอยู่ จนกระทั่งท่านเจ็บจวนจะตายหรือท่านจะพินาศไป
86. เขากล่าวว่า แท้จริงฉันร้องเรียนความเศร้าสลดของฉันและความทุกข์ระทมของฉันต่ออัลลอฮฺ และฉันรู้ (เรื่องความเมตตา)จากอัลลอฮฺซึ่งพวกเจ้าไม่รู้
87. โอ้ลูกรัก พวกเจ้าจงไปสืบข่าวของยูซุฟ และน้องของเขา และพวกเจ้าอย่าเบื่อหน่ายต่อความเมตตาของอัลลอฮฺ แท้จริงไม่มีผู้ใดเบื่อหน่ายต่อความเมตตาของอัลลอฮฺ นอกจากหมู่ชนผู้ปฏิเสธ

 
คำแปล R5.
๘๔. แล้วเขา(ยะกู๊บ) ก็หันหลังให้พวกลูก ๆ ทั้งเก้านั้น ไม่เจรจาโต้ตอบว่ากระไรเพียงแต่กล่าวรำพึงว่า น่าระทมทุกข์แทนยูซุฟเหลือเกิน นัยน์ตาสองข้างของเขา(ยะกู๊บ) ดูขุ่นหมอง แสดงความทุกข์โศก มีน้ำตาไหลนองหน้าเพราะร้องไห้ที่ต้องเสียยูซุฟไป แต่ก็ซ่อนความเศร้าหมองไว้ได้
๘๕. พวก(ลูกของยะกู๊บ) เหล่านั้นกล่าวขึ้นโดยอ้างถึงพระนามของอัลเลาะห์ว่า ท่านเอาแต่คร่ำครวญถึงยูซุฟเสียจนกระทั่งร่วงโรยหรือจวนถึงตาย
๘๖. เขา(ยะกู๊บ) กล่าวแก่ลูกของเขาว่า ฉันจะปรับทุกข์และโศกของฉันไปยังอัลเลาะห์ แต่เพียงพระองค์เดียวเท่านั้น และจากอัลเลาะห์เท่านั้นที่ฉันรู้การทำนายฝันของยูซุฟซึ่งพวกเจ้าไม่รู้ และรู้ว่า แม้บัดนี้ยูซุฟก็ยังคงมีชีวิตอยู่ เพียงแต่ไม่รู้แหล่งที่อยู่อันแน่นอนของยูซุฟเท่านั้นเอง
๘๗. ต่อแต่นั้น ยะกู๊บเอ่ยว่า โอ้ลูกรักของฉันพวกท่านจงไปประเทศอียิปต์กันเถิดแล้วจงไปสืบหายูซุฟกับบินยามีน น้องของเขาด้วย มีใครโจษกันที่ไหนก็คอยเงี่ยหูฟังและสอดส่องดู พวกท่านอย่าสิ้นหวังในพระกรุณาของอัลเลาะห์เลย ย่อมไม่มีใครสิ้นหวังในพระกรุณาของอัลเลาะห์นอกจากชนกาฟิร ดังนั้นพวกลูก ๆ ของยะกู๊บจึงมุ่งหน้าไปยังประเทศอียิปต์เพื่อเสาะหาตัวยูซุฟ


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ยูศุฟ อายะฮฺที่ 88 - 91


คำแปล R1.
88. Then, when they entered unto him [Yusuf (Joseph)], they said: "O ruler of the land! A hard time has hit us and our family, and we have brought but poor capital, so pay us full measure and be charitable to us. Truly, Allah does reward the charitable."
89. He said: "Do you know what you did with Yusuf (Joseph) and his brother, when you were ignorant?"
90. They said: "Are you indeed Yusuf (Joseph)?" He said: "I am Yusuf (Joseph), and this is my brother (Benjamin). Allah has indeed been Gracious to us. Verily, he who fears Allah with obedience to Him (by abstaining from sins and evil deeds, and by performing righteous good deeds), and is patient, then surely, Allah makes not the reward of the Muhsinun (good-doers - see V.2:112) to be lost."
91. They said: "By Allah! Indeed Allah has preferred you above us, and we certainly have been sinners."


คำแปล R2.
88. ครั้นแล้ว เมื่อพวกเขา (ได้เดินทางมาสืบข่าวในอียิปต์และ) ได้เข้าพบยูซุฟ พวกเขาก็กล่าวว่า “โอ้เสนาบดี ความยากแค้นได้ประสบแก่เราและครอบครัวของเรา และเราได้นำสิ่งแลกเปลี่ยนที่ด้อยคุณภาพ (เพราะหาที่ดีกว่านี้ไม่ได้) ดังนั้นขอท่านจงตวงอาหารให้เราอย่างครบถ้วนเถิด และท่านจงทำทานแก่เราด้วย แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงตอบแทนบรรดาผู้ทำทานเสมอ
89. เขา (ยูซุฟ) กล่าวว่า “พวกท่านทราบไหม พวกท่านได้ทำอะไรกับยูซุฟ และน้องชายของเขาบ้าง เมื่อครั้งพวกท่านยังชั่วโฉด (ในครั้งกระนั้น)?”
90. พวกเขากล่าวว่า “หรือว่าท่านนี่แหละ คือยูซุฟ?” เขาตอบว่า “ฉันคือยูซุฟ! และนี้คือน้องชายของฉัน อัลเลาะฮฺได้ทรงโปรดปรานเราแล้ว เพราะแท้จริงใครก็ตามที่ยำเกรงและอดทน แน่นอน อัลเลาะฮฺจะไม่สลายรางวัลของบรรดาผู้ประพฤติดี
91. พวกเขากล่าวว่า “ขอสาบานต่ออัลเลาะฮฺ แน่แท้อัลเลาะฮฺได้ทรงประทานเกียรติแก่ท่านเหนือกว่าพวกเรา และแท้จริงพวกเราได้ผิดไปแล้ว


คำแปล R3.
88. เมื่อพวกเขากลับไปยังอียิปต์และได้พบยูซุฟ พวกเขาได้กล่าวว่า “ท่านผู้ทรงเกียรติ เราและครอบครัวของเรากำลังได้รับความทุกข์ ถึงแม้เราจะนำสิ่งของมาเพียงเล็กน้อยเพื่อแลกเปลี่ยน แต่เราขอร้องท่านได้กรุณาให้เมล็ดข้าวโดยเต็มแก่เราด้วยเถิด และโปรดทำบุญทำทานแก่เรา เพราะอัลลอฮฺจะทรงตอบแทนผู้ใจบุญอย่างเหลือเฟือ”
89. ยูซุฟจึงได้กล่าวออกมาว่า “พวกท่านรู้ไหมว่าพวกท่านได้ทำอะไรลงไปกับยูซุฟและน้องชายของเขา เมื่อตอนที่พวกท่านโง่เขลา?”
90. พวกเขาแปลกใจและร้องออกมาว่า “ท่านคือยูซุฟจริง ๆ หรือนี่?” เขาตอบว่า “ใช่ ฉันคือยูซุฟ และนี่คือน้องชายของฉัน อัลลอฮฺทรงปรานีแก่เรา ความจริงก็คือ อัลลอฮิมี่ทรงปล่อยให้การตอบแทนคนดีมีคุณธรรสมที่มีความยำเกรงและความอดทนต้องสูญเปล่า”
91. พวกเขากล่าวว่า “ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ พระองค์ทรงยกย่องท่านเหนือพวกเรา และเราเป็นผู้ทำบาปจริง ๆ”


คำแปล R4.
88. ดังนั้น เมื่อพวกเขาได้เข้ามาหาเขา (ยูซุฟ) พวกเขากล่าวว่า “โอ้ท่านข้าหลวง ความทุกข์ได้ประสบกับเราและครอบครัวของเราและได้นำสินค้าราคาต่ำมา ดังนั้นขอท่านได้โปรดตวงให้เราอย่างครบถ้วน และโปรดบริจาคให้เราด้วย แท้จริงอัลลอฮฺทรงตอบแทนผู้บริจาคทาน
89. เขากล่าวว่า พวกท่านทราบไหม สิ่งที่พวกท่านได้ทำกับยูซุฟและน้องชายของเขา เมื่อพวกท่านเป็นผู้งมงาย
90. พวกเขากล่าวว่า แน่นอน ท่านคือยูซุฟใช่ไหม เขากล่าวว่า ฉันคือยูซุฟและนี่คือน้องของฉัน แน่นอนอัลลอฮฺทรงโปรดปรานเรา แท้จริงผู้ใดที่ยำเกรงและอดทน แน่นอนอัลลอฮฺจะมิทรงให้รางวัลของบรรดาผู้ทำความดีสูญหาย
91. พวกเขากล่าวว่า ขอสาบานต่ออัลลอฮฺโดยแน่นอนอัลลอฮฺทรงให้เกียรติท่านเหนือพวกเรา โดยที่พวกเราเป็นผู้ผิดอย่างแน่นอน

 
คำแปล R5.
๘๘. เมื่อพวก(ลูกของยะกู๊บ) เหล่านั้นเข้าไปหาเขา(ยูซุฟ) จึงเอ่ยขึ้นว่า ข้าแต่ท่านผู้ยิ่งด้วยอำนาจ ทุกขเวทนาอันมีความหิวกระหายเป็นต้น ได้มาพานพบกับพวกเรา และครอบครัวของพวกเราแล้ว พวกเราจึงได้นำเอาเหรียญเงินแทนราคาอันเลวที่ใคร ๆ เห็นเข้าก็ไม่อยากได้มาด้วย ขอท่าน(ยูซุฟ) ได้โปรดตวงของขายให้พวกเราอย่างครบถ้วน และได้โปรดทำทานแก่พวกเราโดยการคืนตัวบินยามีนน้องชายของพวกเราด้วยเถิด แน่แท้อัลเลาะห์จักทรงสนองผลให้แก่ท่านเหมือนดั่งผู้ให้ทานทั้งหลาย ฝ่ายยูซุฟเกิดความสงสารพวกนั้นจึงได้ให้ความกรุณาต่อพวกนั้น ดังนั้นยูซุฟจึงได้ดึงม่านกำบังระหว่างตัวเขากับพวกนั้นออกให้แลเห็นกัน
๘๙. พอพวกนั้นทราบว่าเขาคือยูซุฟเขา(ยูซุฟ) ก็กล่าวตำหนิพวกนั้นว่า “พวกท่านทราบไหมว่าพวกท่านได้กระทำการอันใดลงไปกับยูซุฟและบินยามีนน้องชายของเขา” ท่านเคยตี เคยขาย และกระทำอีกตั้งหลายอย่างกับยูซุฟแล้วเคยก่อกรรมทำเข็ยกับบินยามีนอีกคน หลังจากพรากยูซุฟไปจากท่านบิดาแล้วใช่ไหม? ตอนนั้นพวกท่านคงไม่รู้ดอกว่า สภาพในอนาคตของยูซุฟจะมีเกียรติและเรืองอำนาจยิ่งใหญ่ประการใด
๙๐. หลังจากทราบว่าเป็นยูซุฟแล้ว พวกเหล่านั้นเอ่ยถามว่า ตัวท่านเองหรือคือยูซุฟ? เขา(ยูซุฟ) ตอบว่า ฉันนี่แหละคือยูซุฟ และผู้นี้ก็คือบินยามีน น้องชายของฉัน อัลเลาะห์ทรงกรุณาต่อเราเป็นแน่แท้ ที่ทรงให้เราทั้งสองได้มาพบกัน แท้จริงผู้ใดมีความยำเกรงในอัลเลาะห์และสงบใจไว้ได้ อัลเลาะห์ก็จะไม่ทรงให้สูญเปล่าซึ่งค่าตอบแทนของผู้ประพฤติดีงาม
๙๑. พวกเหล่านั้นกล่าวโดยปฏิญาณถึงพระนามแห่งอัลเลาะห์ว่า อัลเลาะห์ทรงเทิดท่านไว้ให้มีตำแหน่ง มีความอดทน มีสติปัญญา ตลอดทั้งความอ่อนน้อมและอื่น ๆ เป็นเลิศกว่าพวกเราแล้ว แน่แท้พวกเรานั้นเป็นผู้ทำผิดทุจริตต่อส่วนงานของท่าน ฉะนั้นจึงยอมอยู่ใต้อำนาจของท่าน

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ยูศุฟ อายะฮฺที่ 92 - 96


คำแปล R1.
92. He said: "No reproach on ou his day, may Allah forgive you, and He is the Most Merciful of those who show mercy!
93. "Go with this shirt of mine, and cast it over the face of my father, he will become clear-sighted, and bring to me all your family."
94. And when the caravan departed, their father said: "I do indeed feel the smell of Yusuf (Joseph), if only you think me not a dotard (a person who has weakness of mind because of old age)."
95. They said: "By Allah! Certainly, you are in your old error."
96. Then, when the bearer of the glad tidings arrived, he cast it (the shirt) over his face, and he became clear-sighted. He said: "Did I not say to you, 'I know from Allah that which you know not.' "


คำแปล R2.
92. เขา (ยูซุฟ) กล่าวว่า “ตั้งแต่วันนี้ พวกท่านจะไม่ต้องรับการกล่าวโทษใด ๆ (จากฉัน) อัลเลาะฮฺทรงอภัยแก่พวกท่าน และพระองค์ทรงเลิศยิ่งจากบรรดาผู้เมตตาทั้งหลาย
93. “ท่านทั้งหลายจงนำเสื้อของฉันตัวนี้ไปเถิด และจงวางมันไว้บนใบหน้าบิดาของฉัน ท่าน(นบียะอฺกู๊บ)จะได้มองเห็นชัดเจนและพวกท่านจงนำครอบครัวของพวกท่านทั้งหมดมาหาฉันเถิด”
94. และเมี่อกองคาราวานอูฐได้ออกพ้น (จากเมืองอียิปต์มุงไปสู่ปาเลสไตน์ที่อยู่ของบิดา) บิดาของพวกเขาได้กล่าว (กับบรรดาเครือญาติที่อยู่กับเขา) ว่า “แท้จริงฉันได้พบกลิ่นของยูซุฟ ทั้งนี้หากพวกท่านไม่หาว่าฉันเลอะเลือน”
95. พวกเหล่านั้นกล่าวว่า “ขอสาบานต่ออัลเลาะฮฺ! แท้จริงท่านนั้นตกอยู่ในความหลงผิดดั้งเดิมของท่าน”
96. ต่อมาเมื่อผู้แจ้งข่าวดี (คือยะฮูดา พี่ชายคนหนึ่งของยูซุฟ) ได้มาถึง เขาก็วางมัน (เสื้อของยูซุฟ) ลงบนใบหน้าของเขา (นบียะอฺกู๊บ) แล้วเขาก็กลับมองเห็น (ตามเดิม) เขากล่าวว่า “ฉันได้บอกพวกเจ้าไว้แล้วมิใช่หรือว่า ฉันรู้จากอัลเลาะฮฺในสิ่งที่พวกเจ้าไม่รู้?”


คำแปล R3.
92. เขาตอบว่า “วันนี้จะไม่มีการลงโทษ ขออัลลอฮฺทรงโปรดอภัยให้พวกท่าน พระองค์เป็นผู้ทรงเมตตาที่สุดของทุกสรรพสิ่ง
93. จงเอาเสื้อของฉันตัวนี้ไปวางไว้ต่อหน้าพ่อของฉันและเขาจะจำได้ทันทีเมื่อเห็น หลังจากนั้นก็จงนำครอบครัวของพวกท่านทั้งหมดมาหาฉัน”
94. เมื่อขบวนอูฐออกไป (จากอียิปต์)พ่อของพวกเขา (ในคะนาอัน)ได้กล่าวว่า “ฉันได้กลิ่นของยูซุฟ ถึงแม้พวกเจ้าจะคิดว่าฉันอยู่ในวัยชราที่เลอะเลือนแล้วก็ตาม”
95. พวกเขาจึงตอบว่า “สาบานต่ออัลลอฮฺได้เลย แท้จริงแล้วท่านยังคงหลงอยู่ในภาพเก่า ๆ ของท่าน”
96. แต่เมื่อผู้นำข่าวดีมาถึงที่นั่น เขาก็โยนเสื้อของยูซุฟไปที่หน้าของยะกู๊บ และเขาก็กลับมามองเห็นได้ แล้วเขาก็กล่าวว่า “ฉันไม่ได้บอกพวกเจ้าหรือว่า ฉันรู้จากอัลลอฮฺในสิ่งที่พวกเจ้าไม่รู้?”


คำแปล R4.
92. เขากล่าวว่า วันนี้ไม่มีการประณามพวกท่าน อัลลอฮฺจะทรงอภัยโทษพวกท่าน และพระองค์ทรงเมตตายิ่งในบรรดาผู้เมตตา
93. พวกท่านจงนำเสื้อของฉันตัวนี้ไปวางไว้ที่ข้างหน้าพ่อของฉัน เขาจะกลับเป็นผู้มองเห็น และจงนำครอบครัวของพวกท่านทั้งหมดมายังฉัน
94. เมื่อกองคาราวานได้ออกมา (จากอียิปต์) พ่อของพวกเขากล่าวว่า แท้จริงฉันได้กลิ่นของยูซุฟ หากพวกท่านไม่กล่าวหาฉันว่าเหลวไหล
95. พวกเขากล่าวว่า ขอสาบานด้วยอัลลอฮฺแท้จริงท่านนั้นยังอยู่ในการหลงของท่านเช่นเดิม
96. เมื่อผู้นำข่าวดีมาถึง เขาได้วางเสื้อของยูซุฟไว้ที่ข้างหน้าเขา ดังนั้นเขาจึงกลับเป็นผู้มองเห็นเขากล่าวว่า ฉันมิได้บอกพวกเจ้าหรือว่า แท้จริงฉันรู้จากอัลลอฮฺในสิ่งที่พวกเจ้าไม่รู้

 
คำแปล R5.
๙๒. เขา(ยูซุฟ) บอกว่าวันนี้ไม่มีข้อน่าตำหนิในพวกท่านเลย อัลเลาะห์ทรงอภัยให้พวกท่าน ด้วยพระองค์นั้นทรงเป็นองค์ปรานียิ่งกว่าผู้มีความปรานีทั้งหลาย ต่อแต่นั้นยูซุฟก็ไต่ถามถึงทุกข์สุขของยะกู๊บผู้บิดาจากพวกเหล่านั้น ได้รับคำตอบว่า “สายตาของท่านแย่เต็มที”
๙๓. ยูซุฟสั่งแก่พวกนั้นว่า พวกท่านจงเอาเสื้อของฉันตัวนี้ไปซิ (เป็นเสื้อตัวเดียวกับที่พระศาสดาอิบรอฮีมสวมใส่ขณะถูกจับโยนลงกองไฟ และเป็นเสื้อมาจากสวรรค์ ในตอนที่ยูซุฟถูกโยนลงก้นบ่อเหวนั้น เสื้อตัวนี้คล้องติดอยู่ที่คอยูซุฟไปด้วย ยิบรออีลได้ใช้ให้ยูซุฟส่งเสื้อนี้ไปให้ยะกู๊บผู้บิดา และบอกว่าเสื้อนั้นยังมีกลิ่นสวรรค์ ซึ่งจะเอามันไปสวมให้ผู้มีโรคภัยไข้เจ็บมิได้ นอกจากว่าผู้นั้นต้องหายป่วยเสียก่อน) แล้วพวกท่านจงเอามันไปคลุมที่หน้าบิดาของฉันด้วย ท่านบิดาก็จะแลเห็นได้โดยชัดแจ้ง ทั้งพวกท่านจะต้องนำเอาครอบครัวของพวกท่านทั้งหมดมาที่ฉันนี้ด้วย
๙๔. ครั้นเมื่อขบวนอูฐเคลื่อนออกจากประเทศอียิปต์ เดินทางไปถึงเมืองเมืองบหนึ่งชื่อว่า “อะริช” อันเป็นเมืองชายแดนติดต่อกับประเทศชาม(ซีเรีย) จากเมืองอะริชก็เดินทางมุงหน้าสู่(เมืองกันอาน) ที่หมายแล้ว บิดาของพวกนั้นจึงกล่าวแก่ผู้ปรากฏต่อหน้าท่าน มีพวกนั้นและลูก ๆ ของพวกนั้นว่า ฉันรู้สึกจะได้กลิ่นอายของยูซุฟเข้าจริง ๆ แล้วซิ โดยพระอนุญาตของอัลเลาะห์ที่ทรงให้ลมตะบู๊รหอบกลิ่นนั้นจากอียิปต์ผ่านเมืองชามมาเป็นระยะทางเดินถึง ๓ วัน หรือ ๘ วัน หรือกว่านั้น หากพวกท่านจะไม่คิดว่าฉันหลง ๆ ลืม ๆ ละก็ พวกท่านต้องยอมนับว่าข้าได้กลิ่นนี้จริง
๙๕. พวกเหล่านั้นทั้งที่เป็นลูกและหลานกล่าวโดยอ้างถึงพระนามแห่งอัลเลาะห์ว่า ท่านนี้ต้องมีความลุ่มหลงตัวยูซุฟติดค้างอยู่เป็นแน่ เพราะท่านรักยูซุฟเสียจนเกินขนาด ทั้งยังหวังอยู่ว่าจะได้พบยูซุฟผู้ซึ่งจากกันไปนานถึงสิบแปดหรือยี่สิบหรือแปดสิบปี
๙๖. เมื่อยะฮูดาผู้นำข่าวดีคือมีเสื้อจากยูซุฟมาถึง ได้เอาเสื้อนั้นคลุมเข้าที่หน้าของเขา(ยะกู๊บ) แล้วเขา(ยะกู๊บ) ก็กลับเป็นผู้มีสายตาดีดังเดิม เขา(ยะกู๊บ) กล่าว ฉันมิเคยได้บอกแก่พวกเจ้าดอกหรือว่า แน่แท้ฉันย่อมรู้ถึงสิ่งที่พวกเจ้าไม่รู้ได้จากอัลเลาะห์


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ยูศุฟ อายะฮฺที่ 97 - 100
 

คำแปล R1.
97. They said: "O our father! Ask forgiveness (from Allah) for our sins, indeed we have been sinners."
98. He said: "I will ask my Lord for forgiveness for you, verily He! Only He is the Oft-Forgiving, the Most Merciful."
99. Then, when they entered unto Yusuf (Joseph), he betook his parents to himself and said: "Enter Egypt, if Allah wills, in security."
100. And he raised his parents to the throne and they fell down before him prostrate. And he said: "O my father! This is the interpretation of my dream aforetime! My Lord has made it come true! He was indeed good to me, when He took me out of the prison, and brought you (all here) out of the Bedouin-life, after Shaitan (Satan) had sown enmity between me and my brothers. Certainly, my Lord is the Most Courteous and kind unto whom He will. Truly He! Only He is the All-Knowing, the All-Wise.


คำแปล R2.
97. พวกเขากล่าวว่า “โอ้บิดาของเรา! ขอท่านได้โปรดขออภัยโทษให้แก่พวกเราด้วยเถิด แท้จริงพวกเราได้ผิดไปแล้ว!”
98. เขากล่าวว่า “ฉันจะขออภัยต่อองค์อภิบาลของฉันให้พวกเจ้า! แท้จริงพระองค์ทรงให้อภัย อีกทั้งทรงเมตตายิ่ง”
99. ครั้นเมื่อพวกเขาได้เข้ามาหายูซุฟ (ในวาระต่อมา โดยครอบครัวเดินทางมาทั้งหมด) ยูซุฟก็(ออกไปต้อนรับที่ชานเมืองและ)สวมกอดบิดามารดาทั้งสองของเขา และกล่าวว่า “พวกท่านจงเข้าสู่อียิปต์โดยความปลอดภัยเถิด หากอัลเลาะฮฺทรงประสงค์”
100. และเขาได้เชิญบิดามารดาของเขาขึ้นบนบัลลังก์(ร่วมกับเขา) และพวกเขาทั้งหมดก็ทรุดกายลงแสดงความคารวะต่อยูซุฟ และเขากล่าวว่า “โอ้คุณพ่อที่รัก! นี่คือการทำนายความฝันของฉัน แท้จริงองค์อภิบาลของฉันได้บันดาลมันให้เป็นจริงแล้ว และองค์อภิบาลของฉันทรงโปรดประทานความดีงามแก่ฉัน เมื่อพระองค์ทรงนำฉันออกมาจากคุก และพระองค์ทรงนำท่านทั้งหลายมาจากทุกทะเลทราย ภายหลังจากมารร้ายได้เข้ามาก่อกวนระหว่างฉันกับพี่ ๆ ของฉัน แท้จริงองค์อภิบาลของฉันทรงอาทร (ต่อบ่าวของพระองค์) ในสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ แท้จริงพระองค์ทรงรอบรู้อีกทั้งทรงปรีชาญาณยิ่ง


คำแปล R3.
97. พวกเขากล่าวว่า “พ่อครับ ได้โปรดขออภัยให้แก่ความผิดบาปของพวกเราด้วยเถิด เพราะเราเป็นผู้ทำบาปจริง ๆ”
98. เขาได้ตอบว่า “ฉันจะวิงวอนขอต่อพระผู้อภิบาลของฉันให้ทรงโปรดอภัยให้แก่พวกเจ้า เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้ให้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ”
99. และเมื่อพวกเขามาหายูซุฟ เขาได้ให้พ่อแม่ของเขานั่งเคียงข้างอยู่กับเขาและกล่าว (แก่คนในครอบครัวของเขา)ว่า “ตอนนี้เข้าไปในเมืองกันเถอะ หากเป็นพระประสงค์ของอัลลอฮฺพวกท่านจะได้อยู่อย่างสันติ”

(ในอายะฮฺนี้ R3.ให้ความหมายของคำว่า “อาวาอิลัยฮิ” แตกต่างไปจากเอกสารอ้างอิงอื่น ๆ คือ แปลว่า “นั่งเคียงข้างอยู่กับเขา” ในขณะที่อีก 4 ฉบับ แปลว่า “สวมกอด”)
100. (หลังจากเข้ามาในเมือง) เขาก็ได้ยกพ่อแม่ของเขาขึ้นบนบัลลังก์และให้ทั้งสองนั่งอยู่กับเขาพร้อม ๆ กัน ยูซุฟได้กล่าวว่า “พ่อครับ นี่คือการทำนายฝันที่ฉันได้ฝันก่อนหน้านี้ พระผู้อภิบาลของฉันได้ทำให้มันเป็นจริงแล้ว มันเป็นความโปรดปรานของพระองค์ที่ทรงทำให้ฉันออกจากคุกและทรงนำพวกท่านมายังฉันจากทะเลทราย หลังจากที่มารร้ายได้สร้างความแตกแยกระหว่างฉันกับพี่ ๆ ของฉัน ความจริงแล้วพระผู้อภิบาลของฉันทรงทำให้แผนการของพระองค์เป็นผลสำเร็จด้วยความแนบเนียน เพราะพระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ

คำแปล R4.
97. พวกเขากล่าวว่า โอ้พ่อของเรา โปรดขออภัยโทษความผิดของเราให้แก่เรา แท้จริงเราเป็นผู้ผิด
98. เขากล่าวว่า ฉันจะขออภัยโทษต่อพระเจ้าของฉันให้พวกเจ้า แท้จริงพระองค์เท่านั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ
99. ดังนั้นเมื่อพวกเขาเข้าไปหายูซุฟ เขาได้สวมกอดพ่อแม่ของเขาและกล่าวว่า พวกท่านจงเข้ามาในอียิปต์โดยปลอดภัยเถิด อินชาอัลลอฮฺ
100. และเขาได้ยกย่องพ่อแม่ของเขาขึ้นบนบัลลังก์แล้วพวกเขาก็ก้มลงสุญูด(คารวะ) เขาและกล่าวว่า โอ้พ่อของฉัน นี่คือการทำนายฝันของฉันแต่ครั้งก่อน พระเจ้าของฉันทรงทำให้เป็นจริง และพระองค์ทรงให้เกียรติฉัน โดยพระองค์ทรงให้ฉันออกจากคุก และนำพวกท่านมาจากชนบทหลังจากที่ชัยฏอนได้ยุยงให้เกิดการแตกแยกระหว่างฉันกับพี่น้องของฉัน แท้จริงพระเจ้าของฉันทรงโปรดปรานแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ แท้จริงพระองค์เท่านั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ


คำแปล R5.
๙๗. พวก(ลูกของยะกู๊บ) เหล่านั้นกล่าวว่า โอ้บิดาของเราขอท่านได้โปรดขอประทานอภัยโทษจากอัลเลาะห์ให้พวกเราด้วยเถิด แน่แท้พวกเรานี้คือผู้กระทำผิด
๙๘. เขา(ยะกู๊บ) กล่าวว่า ไม่ช้าฉันจะขอประทานอภัยจากองค์พระผู้อภิบาลของฉันแก่พวกเจ้า ด้วยว่าพระองค์นั้นทรงเป็นองค์ยิ่งในการอภัยให้แก่เหล่านรชนของพระองค์ทรงปรานียิ่งต่อชนเหล่านั้น แต่ยะกู๊บผู้บิดาได้ทอดเวลาไว้ก่อนยังไม่ขอประทานยกโทษให้แก่ลูก ๆ จนกระทั่งเวลารุ่งอรุณหรือถึงคืนวันศุกร์ เพราะทั้งสองเวลานี้เป็นเวลาที่ท่านมั่นใจมาก แล้วอัลเลาะห์ทรงรับซึ่งคำขอของยะกู๊บ แต่นั้น พวกลูกของยะกู๊บพร้อมทั้งครอบครัวจึงออกเดินทางมุ่งไปยังประเทศอียิปต์อีกครั้งหนึ่งตามคำสั่งของยูซุฟ พอไปถึง ยูซุฟกับคณะชนผู้มีศักดิ์สูงออกมาเพื่อต้อนรับ ขากลับยูซุฟสั่งให้จัดอูฐพาหนะจำนวนถึง ๒๐๐ ตัวกับเสบียงอาหารให้พวกเหล่านั้นไป พร้อมกับได้ออกมาส่งด้วยตนเองท่ามกลางเหล่าทหารอีก ๔๐๐ คน
๙๙. แล้วในเมื่อพวกเขา(ยะกู๊บพร้อมกับครอบครัว) ได้เข้าไปหายูซุฟถึงในปะรำที่จัดไว้สำหรับต้อนรับยะกู๊บที่นอกเมืองนั้น เขา(ยูซุฟ) ก็โอบกอดบิดามารดา(มารดาของยูซุฟชื่อรอฮีล เป็นสตรีซึ่งมีโฉมงามเป็นเลิศซึ่งตายแล้ว แต่อัลเลาะห์ทรงให้ฟื้นคืนชีพมาอีกครั้งหนึ่ง) เข้ามาประชิดแนบไว้กับทรวงอกของตน เขา(ยูซุฟ) กล่าวแก่ยะกู๊บ รอฮีล และคนในครอบครัวทั้งหมดว่า แม้อัลเลาะฮฺทรงมุ่งประสงค์แล้ว ขอพวกท่านจงเข้าสู่ประเทศอียิปต์กันโดยสวัสดิภาพเถิด
๑๐๐. ฝ่ายตัวเขา (ยูซุฟ) ได้เชิญบิดามารดาขึ้นนั่งบนอาสนะร่วมกับเขาเองด้วย แล้วบุคคลพวกนั้น ทั้งยะกู๊บ รอฮีล และพี่น้องอีก ๑๑ คน ก็ได้โค้งคำนับเขา (ยูซุฟ) เขา (ยูซุฟ) กล่าวว่า โอ้บิดาของฉัน การโค้งคำนับนี่แหละคือความเป็นจริงตามคำที่ท่านเคยทำนายฝันของฉันเมื่อครั้งก่อนที่ฉันอายุได้ ๑๒ ขวบ องค์อภิบาลของฉันทรงให้มัน(ความฝัน) เป็นจริง แน่นอนแล้ว และทรงให้ฉันรุ่งเรืองดีขึ้น เพราะพระองค์ทรงให้ฉันได้รับการปลดออกจากคุกมาได้ ตามที่จริงยูซุฟควรบอกว่า “เพราะพระองค์ทรงให้ฉันออกจากบ่อเหวมาได้” ที่ไม่พูดอย่างนี้ก็เพราะเกรงว่าพวกพี่ ๆ ทั้งหมดจะสะเทือนน้ำใจ เนื่องจากยูซุฟเคยพูดปลอบขวัญพวกนั้นไว้ครั้งหนึ่งว่า “วันนี้ไม่มีข้อน่าตำหนิในพวกท่านเลย (โองการที่ ๙๒ บทเดียวกันนี้)” ทั้งพระองค์ยังได้ทรงให้พวกท่านมาจากทุ่งกว้างแห่งทะเลทรายจนถึงประเทศอียิปต์นี้ หลังจากไชตอนเคยก่อความวุ่นวายให้กับทั้งฉันและพี่น้องของฉันทั้ง ๑๑ คนมาแล้ว แท้จริงองค์พระผู้อภิบาลแห่งฉันทรงเป็นองค์รู้ซึ้งในบรรดากิจอันลี้ลับ ทรงเป็นองค์วางระบบงานให้เป็นไปโดยมีระเบียบ และทรงให้กิจที่ยากบรรลุผลได้โดยง่ายตามที่ทรงมุ่งประสงค์ พระองค์นั้นทรงเป็นองค์รู้ยิ่งถึงบรรดาชนม์ของพระองค์ ทรงประณีตยิ่งในกิจทั้งปวงของพระองค์


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ยูศุฟ อายะฮฺที่ 101 - 102
 

คำแปล R1.
101. "My Lord! You have indeed bestowed on me of the sovereignty, and taught me the interpretation of dreams; The (only) Creator of the heavens and the earth! You are my Wali (Protector, helper, supporter, guardian, etc.) in this world and in the Hereafter, cause me to die as a Muslim (the one submitting to Your Will), and join me with the righteous."
102. This is of the news of the Ghaib (unseen) which we reveal by Inspiration to you (O Muhammad). You were not (present) with them when they arranged their plan together, and (also, while) they were plotting.


คำแปล R2.
101. “โอ้องค์อภิบาล พระองค์ได้ทรงประทารนอำนาจบางส่วนแก่ฉัน และพระองค์ทรงสอนฉันให้เข้าใจวิธีทำนายคำบอกเล่าต่าง ๆ (จากความฝัน) พระองค์ทรงประดิษฐืฟากฟ้าและแผ่นดิน พระองค์ทรงเป็นผู้ปกครองฉัน ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า ขอพระองค์ทรงโปรดให้ฉันสิ้นชีวิตลงในฐานะผู้สวามิภักดิ์ต่อพระองค์ และได้โปรดให้ฉันได้สัมพันธ์กับบรรดาผู้ประพฤติชอบทั้งหลาย
102. (ตามประวัติของยูซุฟที่พรรณนามาแล้ว) นั่น! เป็นบางส่วนของเรื่องราวอันเร้นลับ ซึ่งเราได้ดลจิตแก่เจ้า (โอ้มุฮำมัด) ทั้ง ๆ ที่เจ้ามิได้อยู่กับพวกเขาเลย เมื่อพวกเขาตกลงที่จะดำเนินกิจการกับพวกเขา (คือจัดการโยนยูซุฟลงในก้นบ่อ) และพวกเขาวางแผน (อันชั่วร้ายแก่ยูซุฟดังได้พรรณาไว้แล้ว)


คำแปล R3.
101. โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน พระองค์ได้ทรงประทานอำนาจให้แก่ฉันและได้สอนฉันถึงการรู้ซึ้งถึงปัญหา ข้าแต่พระผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน ผู้ทรงคุ้มครองดูแลฉันทั้งในโลกนี้และโลกหน้า ขอได้ทรงโปรดให้ฉันตายในฐานะเป็นมุสลิมและได้ทรงโปรดรวมฉันไว้กับผู้มีคุณธรรมความดีในที่สุดด้วยเถิด”
102. (โอ้ มุฮัมมัด) เรื่องราวที่เรากำลังวะฮีย์แก่เจ้านี้เป็นสิ่งที่เจ้าไม่รู้ เพราะเจ้าไม่ได้อยู่กับพวกเขาเมื่อตอนที่พวกเขาร่วมกันวางแผนร้ายต่อยูซุฟ


คำแปล R4.
101. โอ้พระเจ้าของข้าพระองค์ แท้จริงพระองค์ทรงได้ประทานอำนาจบางส่วนแก่ข้าพระองค์และทรงสอนข้าพระองค์ให้รู้การทำนายฝัน พระผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน พระองค์เป็นผู้คุ้มครองข้าพระองค์ทั้งในโลกดุนยาและอาคิเราะฮฺ ขอพระองค์ทรงให้ข้าพระองค์ตายในสภาพเป็นผู้นอบน้อม และทรงให้ข้าพระองค์รวมอยู่ในหมู่คนดีทั้งหลาย
102. นั่นคือส่วนหนึ่งจากข่าวเร้นลับที่เราได้วะฮีแก่เจ้า และเจ้ามิได้อยู่กับพวกเขา ขณะที่พวกเขาตกลงกันในเรื่องของพวกเขาและพวกเขาวางแผน


คำแปล R5.
    ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น ยะกู๊บเคยอยู่ด้วยกันกับยูซุฟบุตรชายนานถึง ๒๔ ปี และที่ต้องพรากจากกันมานานก็อีกสิบแปด หรือ สี่สิบ หรือ แปดสิบปี และในขณะที่ยะกู๊บจวนถึงแก่กรรมนั้นได้สั่งกับยูซุฟไว้ว่า ให้นำศพไปฝังติดกับสุสานของอิสหากผู้บิดาที่ประเทศชาม (ซีเรีย) พอยะกู๊บถึงแก่กรรม ยูซุฟก็ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของบิดาด้วยตนเอง เสรค็จแล้วเดินทางกลับสู่ประเทศอียิปต์ และพักอยู่ ณ ประเทศนี้อีกนาน ๒๓ ปี ครั้นเมื่อเขาได้ปฏิบัติภารกิจจนบรรลุผลสมปรารถนาแล้ว ทั้งรู้อยู่อว่า เขานั้นไม่อาจอยู่ปฏิบัติการไปให้ยั่งยืนนานได้ แต่อีกใจหนึ่งอยากทำหน้าที่เป็นนักปกครองไปตลอดกาล เขาจึงเอ่ยขอต่อองค์พระผู้อภิบาลของตัวว่า
๑๐๑. โอ้องค์พระผู้อภิบาลของฉัน พระองค์ทรงมอบหน้าที่ปกครองบางส่วนแห่งแคว้นแก่ข้าพระองค์ คือให้ได้เป็นเจ้าเมืองแห่งอียิปต์ แต่มิใช่สี่แคว้นอันหมายถึงสองแคว้นปกครองโดยมุสลิม ได้แก่พระเจ้าอิสกันดัรฺ และสุไลมานบุตรดาวูด ส่วนอีกสองแคว้นปกครองโดยกาฟิร ชื่อ บุคตะนัซซ็อรคนหนึ่งกับซัดด๊าดบุตรอ๊าดอีกคนหนึ่ง และพระองค์ทรงสอนข้าพระองค์ให้ทำนายฝันได้บ้าง โอ้พระองค์ผู้ทรงบันดาลชั้นฟ้าทั้งเจ็ดและพิภพ พระองค์ทรงเป็นองค์อารักขาในถิ่นอันรุ่งเรืองของข้าพระองค์ทั้งในภาคภพนี้(ดุนยา) และภาคปรภพ(อาคิเราะฮฺ) ขอพระองค์ได้โปรดให้ข้าพระองค์จบชีวิตลงในสภาพเป็นมุสลิม และขอได้โปรดให้ข้าพระองค์รวมอยู่ในกลุ่มบรรพบุรุษผู้ประพฤติชอบของข้าพระองค์ด้วยเถิด นับแต่นั้นมาอีกประมาณหนึ่งสัปดาห์หรือกว่านั้น ยูซุฟก็ถึงแก่กรรม คำนวณอายุได้ ๑๒๐ ปี ประชาชนอียิปต์พร้อมใจกันนำศพของยูซุฟไปฝังอยู่เหนือแม้น้ำไนล์ เพื่อให้เกิดเป็นมิ่งขวัญปกแผ่ไปโดยทั่วกัน มหาบริสุทธิ์นั้น ข้าพระองค์ขอถวายแด่องค์พระผู้อภิบาลผู้ทรงให้สิ้นวาระแห่งอำนาจปกครองของยูซุฟ
๑๐๒. โอ้มุฮำมัดประวัติของยูซุฟเช่นที่เล่ามานี้เป็นเพียงท้องเรื่องส่วนหนึ่งของเรื่องราวที่พ้นสมัยจากเจ้า ซึ่งเรา (อัลเลาะห์) ลงโองการเรื่องนั้นมายังเจ้าโดยเจ้านั้นมิได้อยู่ในสมัยเมื่อพวก (พี่ ๆ ของยูซุฟ) เหล่านั้นรวมหัวกันออกอุบายกระทำการทำลายยูซุฟเลย โอ้มุฮำมัด เจ้ามิได้สู่อยู่ในสมัยเดียวกับพวกนั้น แต่เจ้าก็ยังสามารถล่วงรู้ประวัติความเป็นมาของพวกนั้นได้ ดังนั้นเจ้าจงเล่าประวัติดังกล่าวให้รู้กันโดยทั่ว ก็แหละที่เจ้าสามารถรู้ประวัตินี้ได้ เนื่องจากได้รับดลกระแสโองการจากเรา


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ยูศุฟ อายะฮฺที่ 103 - 108
 

คำแปล R1.
103. And most of mankind will not believe even if you desire it eagerly.
104. And no reward you (O Muhammad ) ask of them (those who deny your Prophethood) for it, it(the Qur'an) is no less than a reminder and an advice unto the 'Alamin (men and jinns).
105. And how many a sign in the heavens and the earth they pass by, while they are averse therefrom.
106. And most of them believe not in Allah except that they attribute partners unto Him [i.e. they are Mushrikun -polytheists - see Verse 6: 121].
107. Do they then feel secure from the coming against them of the covering veil of the torment of Allah, or of the coming against them of the (Final) Hour, all of a sudden while they perceive not?
108. Say (O Muhammad): "This is my Way; I invite unto Allah (i.e. to the Oneness of Allah - Islamic Monotheism) with sure knowledge, I and whosoever follows me (also must invite others to Allah i.e to the Oneness of Allah - Islamic Monotheism) with sure knowledge. And glorified and exalted be Allah (above all that they associate as partners with Him). And I am not of the Mushrikun (polytheists, pagans, idolaters and disbelievers In the Oneness of Allโh; those who Worship others along with Allโh or set up rivals or partners to Allah)."


คำแปล R2.
103. และมาดแม้นเจ้าจะมีความมุ่งมาดอย่างแรงกล้า (ที่จะให้มวลมนุษย์มีศรัทธา) แต่มนุษย์ส่วนมากก็หาได้ศรัทธาไม่
104. และเจ้ามิได้ขอค่าจ้างพวกเหล่านั้นเนื่องในการนั้น (คือการประกาศเผยแพร่สัจธรรมแห่งกุรฺอาน) ซึ่งอัลกุรอานนั้นมิใช่สิ่งใดเลย นอกจากเป็นคำเตือสำหรับชาวโลกทั้งมวล
105. และมีอยู่มากมายยิ่งนัก สัญลักษณ์ (แสดงเดชานุภาพและเอกานุภาพแห่งอัลเลาะฮฺ) ทั้งในฟากฟ้าและแผ่นดิน ซึ่งพวกเขาผ่าน (ไปมา) บนสิ่งนั้น (เป็นประจำ) แต่พวกเขาก็หันเห (ไม่ให้ความสนใจ)
106. และคนส่วนมากของพวกเขาหาได้ศรัทธาในอัลเลาะฮฺไม่ นอกจากในขณะเดียวกันพวกเขาก็เป็นผู้ตั้งภาคี (ต่ออัลเลาะฮฺพร้อมกันไป)
107. แล้วพวกเขารู้สึกวางใจว่าตัวเองจะปลอดภัยหรือ ที่การลงโทษอันห้อมล้อมพวกเขาจะมาประสบแก่พวกเขา หรือกาลอวสาน (แห่งโลกนี้) จะมาประสบแก่พวกเขาโดยกะทันหัน โดยพวกเขาหาได้รู้ตัวไม่?
108. จงประกาศเถิด “นี้แหละคือแนวทางของฉัน ฉันและผู้ประพฤติตามฉันทำการชักชวนสู่อัลเลาะฮฺ โดยหลักฐานอันประจักษ์แจ้ง และอัลเลาะฮฺทรงบริสุทธิ์ยิ่งนัก และฉันหาใช่เป็นผู้หนึ่งจากบรรดาพวกตั้งภาคีไม่


คำแปล R3.
103. แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังไม่เชื่อ ไม่ว่าเจ้าจะปรารถนาอย่างไรก็ตาม
104. และแม้เจ้าจะไม่ขอสิ่งตอบแทนสำหรับสาส์นนี้ มันก็เป็นคำสั่งสอนสำหรับคนทั้งโลก
105. และตั้งมากมายที่เป็นสัญญาณในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน แต่พวกเขาก็ยังผ่านไปและไม่ใส่ใจต่อมัน
106. ดังนั้น พวกเขาส่วนใหญ่ผู้ไม่ศรัทธาในอัลลอฮฺจึงเอาสิ่งอื่นมาเป็นภาคีกับพระองค์
107. พวกเขารู้สึกปลอดภัยกระนั้นหรือที่การลงโทษของอัลลฮฺจะไม่ลงมาบนพวกเขา และเวลาอวสานจะไม่มายังพวกเขาโดยฉับพลันเมื่อพวกเขาไม่รู้?”
108. จงบอกพวกเขาว่า “นี่คือทางของฉัน ฉันเชิญชวนพวกท่านมายังอัลลอฮฺ ฉันเองเห็นแนวทางของฉันอย่างชัดแจ้งและบรรดาผู้ตามฉันก็เห็นมันด้วยเช่นกัน และอัลลอฮฺทรงปลอดพ้นจากข้อบกพร่องใด ๆ และฉันก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับบรรดาผู้ตั้งภาคี”


คำแปล R4.
103. และส่วนใหญ่ของมนุษย์จะไม่ศรัทธาต่อเจ้า ถึงแม้เจ้าปรารถนาอย่างยิ่งก็ตาม
104. และเจ้ามิได้ขอรางวัลพวกเขาในเรื่องนี้มัน (อัลกุรอาน) มิใช่อื่นใด นอกจากเป็นการตักเตือนแก่ปวงมนุษย์
105. และกี่มากน้อยแล้ว จากสัญญาณในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน ที่พวกเขาผ่านมันไปโดยที่พวกเขาผินหลังให้
106. และส่วนใหญ่ของพวกเขาจะไม่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ เว้นแต่พวกเขาเป็นผู้ตั้งภาคี
107. พวกเขาจะปลอดภัยละหรือ เมื่อการครอบคลุมแห่งการลงโทษของอัลลอฮฺจะมายังพวกเขา หรือเมื่อวันอวสานจะมายังพวกเขาอย่างฉับพลัน โดยที่พวกเขาไม่รู้สึกตัว
108. จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด นี่คือแนวทางของฉัน ฉันเรียกร้องไปสู่อัลลอฮฺอย่างประจักษ์แจ้งทั้งตัวฉันและผู้ปฏิบัติตามฉัน และมหาบริสุทธิ์แห่งอัลลอฮฺ ฉันมิได้อยู่ในหมู่ตั้งภาคี


คำแปล R5.
๑๐๓. แม้เจ้า(มุฮำมัด) จะมั่นหมายให้ชาวนครมักกะห์เชื่อก็ตาม ชนเหล่านั้นส่วนมากหาได้เชื่อประวัติของยูซุฟไม่
๑๐๔.แต่การเผยแพร่โองการแห่งอัล-กุรอานเรื่องประวัติของยูซุฟนี้เจ้าก็มิได้เรียกร้องเอาค่าตอบแทนจากพวก(ชาวมักกะห์) เหล่านั้นเลย พระคัมภีร์อัล-กุรอานนี้มิใช่อื่นใดนอกจากเป็นคำเตือนสำหรับปวงประชาชาติทั้งมนุษย์และยินให้เกรงกลัวเท่านั้น
๑๐๕. มีมามากต่อมากแล้วที่สัญญาณจากฟากฟ้าทั้งเจ็ด บรรดาดวงดาวและจากพิภพ เช่น ภูเขา มหาสมุทร ซึ่งเหล่านั้นแสดงถึงเอกภาพของพระองค์ แสดงความรอบรู้ของพระองค์ พลานุภาพของพระองค์ ที่พวก(ชาวนครมักกะห์) เหล่านั้นพบผ่านเห็นเป็นประจักษ์แก่สายตากันมา แล้วพวกนั้นก็เหห่างไปเสีย มิได้ใช้สติปัญญาตรึกตรองในบรรดาสัญญาณนั้น ๆ เลย
๑๐๖. และพวก(ชาวนครมักกะห์) เหล่านั้นส่วนมากหาได้มีศรัทธาต่ออัลเลาะห์ไม่ ทั้งที่ต่างก็สารภาพอยู่แล้วว่า พระองค์ทรงเป็นผู้สร้าง ทรงเป็นองค์อำนวยโภคลาภ มีแต่ว่าพวกเหล่านั้นเป็นผู้ที่ถือภาคี (มุชริก) ด้วยการเคารพบูชาเทวรูปเป็นคู่ภาคีกับอัลเลาะห์เท่านั้น
๑๐๗. มิเป็นการสมควรเลยที่พวก (ชาวมักกะห์) นั้นจะวางใจในการซึ่งจะมีโทษทัณฑ์จากอัลเลาะห์มาครอบคลุมพวกตน หรือไม่น่าจะวางใจที่วาระแห่งวันกิยามะห์จะมีขึ้นแก่พวกตนอย่างฉับพลัน โดยมิทันรู้ตัวมาก่อนว่าทั้งสองอย่างนี้จะเกิดขึ้นเมื่อไร ซึ่งพวกเหล่านั้นหาได้ทันเตรียมตัวไม่
๑๐๘. โอ้มุฮำมัด จงกล่าวแก่ชนชาวนครมักกะฮฺเถิดว่า นี่แหละคือแนวทางศาสนาของฉัน ซึ่งฉันและผู้ที่เจริญตามฉันได้ชักชวนให้ไปสู่ศาสนานั้น โดยมีหลักฐานอันชัดแจ้ง มหาบริสุทธิ์ นั้นฉันขอน้อมถวายแด่อัลเลาะห์ พระองค์ปราศพ้นจากภาคี ส่วนฉันก็มิใช่ผู้หนึ่งที่ถือภาคี(มุชริก) อีกด้วย


 

GoogleTagged