ผู้เขียน หัวข้อ: วิหารสุไลมานกับความลับของวัวสีแดง  (อ่าน 3583 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com

วิหารสุไลมานกับความลับของวัวสีแดง


มีหลายคนเคยได้ฟังเรื่องวิหารสุไลมาน แต่ไม่รู้ถึงประวัติศาสตร์ที่แท้จริงของมัน และความสัมพันธ์กับขบวนการมาโซนีย์ Masonry ในการสร้างวิหารสุไลมาน ดังนั้นอะไรคือรูปแบบวิหารที่ยิวต้องการ?

วิหารสุไลมานคือสถานที่ใช้ในการสักการระพระเจ้า เช่นเดียวกับมัสยิด และโบสถ์ ตามภาษาฮิบรูเรียกวิหารนี้ว่า ?ฮัยคอล? ซึ่งมีความหมายตามภาษาซามีย์ว่า คฤหาสน์ ดังนั้นฮัยคอลจึงมีความหมายว่าคฤหาสน์ของพระเจ้า ซึ่งใช้เพื่อทำการปฏิบัติศาสนกิจ
               
ฮัยคอลนี้มีความสัมพันธ์กับท่านสุไลมานบุตรท่านดาวุด ซึ่งเป็นหนึ่งจากบรรดานบี และกษัตริย์ของบนีอิสราเอล ซึ่งท่านนบีสุไลมานได้สร้างวิหาร หรือฮัยคอลนี้ขึ้นในช่วง 960 ? 953 ก่อนคริสต์ศักราช

ชาวยิวได้อ้างว่า นบีสุไลมานได้สร้างวิหารนี้ขึ้นบนภูเขาซีเรีย นั้นก็คือ ภูเขาบัยติลมุก็อดดัส ซึ่งเป็นที่ตั้งมัสยิดอัลอักศอ และมัสยิดกุบบะฮฺ อัลศอคเราะฮฺในปัจจุบัน แต่ว่าชาวยิวเรียกภูเขานี้ว่า ภูเขาฮัยคอล

วันที่ 25 กรกฎาคม 2001 ศาลฎีกาของอิสราเอลอนุญาตให้หน่วยความมั่นคงประจำภูเขาฮัยคอล ทำการวางศิลารากฐาน เพื่อสร้างวิหารเป็นครั้งที่ 3 ใกล้กับประตูตะวันตกของกุดุสเก่า และนี่ก็คือจุดเริ่มในการสร้างวิหารสุไลมานขึ้นมาเป็นครั้งที่ 3 หลังจากทำลายมัสยิดอัลอักศอ และมัสยิดกุบบะฮฺ ศอกเราะฮฺลง

วิหารเดิมซึ่งนบีสุไลมานได้สร้างขึ้น ถูกทำลายลงหลังจากสงครามของกษัตริย์บาบิลอนของราชอาณาจักรอิสราเอลในปี 586 ก่อนคริสต์ศักราช ซึ่งกษัตริย์ผู้นี้มีนามว่า บัคตานาสร์ กษัตริย์ผู้นี้ได้จับยิวเป็นเชลยไปยังราชอาณาจักรของตน และไม่ได้ก่อตั้งประเทศหรือราชอาณาจักรใด ๆ ให้กับพวกยิวเหล่านี้ จนกระทั้งถึงศตวรรษที่ 20 หลังคริสต์ศักราช

แต่ว่ายิวเหล่านี้ หลังจากที่ตกเป็นเชลยของบาบีลอน พวกเขาสามารถกลับมายังพื้นที่ที่พวกเขาเคยอาศัยได้ และภายใต้การปกครองของเปอร์เซีย เปอร์เซียอนุญาตให้พวกเขาสร้างวิหารขึ้นมาใหม่เป็นครั้งที่ 2 และผู้ที่ดำเนินการสร้างก็คือ ชาวยิวนามว่า นาย ซาร บาบีล  ในช่วงปี 520 ? 515 ก่อนคริสต์ศักราช

และด้วยการยึดครองของโรมันต่อปาเลสไตน์ แม่ทัพนามว่า โตโตส  ได้ทำลายวิหารอย่างราบคาบลงอีกครั้งในปีค.ศ. 70 และขับไล่ยิวออกจากปาเลสไตน์ และพวกยิวก็ไม่ได้กลับเข้ามายังปาเลสไตน์อีกเลย จนกระทั้งศตวรรษที่ 20

ยิวได้วางแผนด้วยกับทุกวิถีทางที่จะสร้างวิหารขึ้นมาอีกเป็นครั้งที่ 3 หลังจากที่โรมันได้ทำลายไป และนี่เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดการขัดแย้งกันระหว่างนิกายต่าง ๆ ของยิว เกี่ยวกับวิหารและการสร้างวิหารขึ้นมาอีกครั้ง ดังนั้นนิกายฮารีดีมของนักบวชยิวถือว่า การสร้างวิหารเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของชาวยิว และพวกเขาก็ไม่ต้องการทำลายมัสยิดอัลอักศอและมัสยิดกุบบะฮฺ อัลศ็อกเราะฮฺลง และสร้างวิหารขึ้นเหนือซากมัสยิดทั้งสอง  ยิ่งไปกว่านั้นกลุ่มนิกายนักบวชยิวนี้ ยังห้ามในการกระทำเช่นนี้ด้วย เพราะพวกเขาเชื่อว่าผู้ที่จะมาสร้างวิหารขึ้นเป็นครั้งที่ 3 และเป็นครั้งสุดท้ายก็คือ นบีอีซาเท่านั้น

และยังมีนิกายยิวอีกกลุ่มหนึ่งไม่ถือว่าวิหารสุไลมานเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์แต่อย่างใด และไม่ศรัทธาต่อสิ่งใด ๆ นอกจากบัญญัติสิบประการที่นบีมูซาได้รับมาจากพระเจ้าเท่านั้น ซึ่งกลุ่มนี้มีชื่อว่า ซามีรีย์

นักประวัติศาสตร์นามว่า W.L. Durant ได้กล่าวไว้ในหนังสือของเขาที่มีชื่อว่า ?เรื่องเล่าของอารยธรรม? โดยอ้างถึงวิหารสุไลมานและความศักดิ์สิทธิ์ของมันต่อชาวยิว ปรากฏว่าการสร้างวิหารเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญมากในเกียรติประวัติของชาวยิว เพราะวิหารนี้ไม่ใช่เป็นเพียงคฤหาสน์ของพระเจ้าเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์ร่วมจิตใจของพวกเขา เป็นเมืองหลวงของกษัตริย์ของพวกเขา และยังเป็นมรดกตกทอดของพวกเขาอีกด้วย นาย W.L.Durant กล่าว

และได้มีบันทึกในสารานุกรรมของอังกฤษฉบับที่ 1964 ว่า รอคอยการนำเอาอิสราเอลกลับมา การรวมประชากรยิวในปาเลสไตน์ นำเอาประเทศยิวกลับมา สร้างวิหารสุไลมานอีกครั้ง ก่อตั้งบัลลังก์เดวิด (ดาวุด) ในเยรูซาเล็มขึ้นมา โดยมีผู้ปกครองที่มาจากเชื้อสายดาวุด

จากวรรณกรรมของชาวยิวได้กล่าวถึงชาวยิวในอดีตว่า เมื่อพวกเขาทำลายบ้านของตน พระยิวจะสั่งใช้ให้พวกเขาเหลือมุมเล็ก ๆ ของบ้านเอาไว้ เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ของวิหารสุไลมาน

ชาวยิวจะทำการถือศีลอดในวันที่ 9 เดือนสิงหาคมของทุก ๆ ปี เพื่อเป็นการรำลึกการทำลายวิหารสุไลมาน เพราะพวกเขาอ้างว่า วิหารสุไลมานถูกทำลายลงในวันนี้ และพวกเขาก็ทำการสัการะพระเจ้าเป็นการเฉพาะในท้ายคืนนี้ เพื่อเร่งให้พระเจ้าสร้างวิหารขึ้นมาอีกครั้ง

นายกรัฐมนตรีคนแรกของอิสราเอลและยังเป็นผู้นำยิวไซออนนิสต์นามว่านาย บินจอรย่อน ได้เคยกล่าวว่า "ไม่มีความหมายใด ๆ และไม่มีค่าอะไรต่ออิสราเอลหากไม่มีเยรูซาเล็ม และเยรูซาเล็มก็ไม่มีค่าอะไร หากไม่มีวิหารสุไลมาน"

นับเป็นสิบกว่าขบวนการคริสต์ไซออนนิสต์ที่ได้ถูกก่อตั้งขึ้นในสหรัฐอเมริกา เพื่อมีเป้าหมายทำลายมัสยิดอัลอักศอ และสร้างวิหารสุไลมานขึ้นเป็นครั้งที่ 3

การขัดแย้งของพวกยิวเกี่ยวกับการมีวิหารสุไลมาน และสถานที่สร้าง ได้ชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่พวกเขาอ้างว่า วิหารอยู่บนพื้นที่ของมัสยิดอัลอักศอ เป็นเรื่องโกหก เพราะยิวซามีรีย์ไม่ยอมรับว่ามีวิหารบนพื้นที่ของมัสยิดอัลอักศอ และไม่เชื่อว่าวิหารนี้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นอกจากภูเขาจ้ารซีมในเมืองนับลาสเท่านั้น และเยรูซาเล็มก็มิใช่เมืองศักดิ์สิทธิ์ใด ๆ ตามความคิดของพวกเขา โดยอ้างความเชื่อที่มีอยู่ในคัมภีร์ที่พวกเขาศรัทธา

เมื่อชาวยิวที่มีความเชื่อว่า วิหารสุไลมานอยู่บนพื้นที่ของมัสยิดอัลอักศอ พวกเขาจึงมีความขัดแย้งกันในการกำหนดสถานที่ บางกลุ่มว่า วิหารสุไลมานอยู่ใต้มัสยิดอัลอักศอ บางกลุ่มว่าอยู่ใต้มัสยิดกุบบะฮฺ อัสศ็อกเราะฮฺ  บางกลุ่มว่าอยุ่นอกเขตเยรูซาเล็ม และบางกลุ่มเชื่อว่า วิหารสุไลมานอยู่ในอัลวาฮซึ่งเป็นเขตที่อยู่ในเยรูซาเล็ม แต่ว่าห่างจากมัสยิดอัลอักศอ และมัสยิดกุบบะฮฺ อัลศ็อกเราะฮฺออกไปอีก

ที่จริงแล้ว เรื่องราวของวิหารสุไลมานในเขตเยรูซาเล็มเป็นเรื่องเหลวไหล และเป็นตำนานที่เล่าต่อ ๆ กันมาของชาวอิสราเอล เช่นเดียวกับตำนานเรื่องประชาชาติที่พระเจ้าเลือกเฟ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่พระยิวแต่งขึ้นในช่วงที่ตกเป็นเชลยบาบีลอน เพราะไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ใด ๆ ที่ชี้ถึงเรื่องดังกล่าว โดยการที่พวกนักโบราณคดีชาวยิว ชาวตะวันตก และอเมริกาต่างร่วมกันขุดเพื่อค้นหาร่องรอยวิหารของชาวยิว แต่พวกเขาก็ไม่พบร่องรอยใด ๆ ของวิหารที่พวกเขาอ้าง

ส่วนหนึ่งจากตำนานของอิสรอเอลก็คือ เรื่องวัวสีแดง เพราะมีพระยิวบางคน เช่น ชาโลโม คูรีน และเครโชน สาโลมอน ผู้ก่อตั้งหน่วยความมั่นคงของภูเขาฮัยคอน ได้พยายามสร้างวิหารสุไลมานขึ้นเป็นครั้งที่ 3 และพวกเขาก็ยังคงค้นหาวัวสีแดงที่ไม่มีวจุดด่าง หรือลายพร้อยใด ๆ เพื่อนำเลือดของมันมาทำความสะอาดภูเขาฮัยคอนซึ่งเป็นที่ตั้งของมัสยิดอัลอักศอ และได้มีการสร้างฟาร์มโคขึ้นในเขตบ้านของนายชาโลโม เพื่อเป็นศูนย์วิจัยให้กับนาย ยาสราเอล อัรน์เยล ได้ทำการค้นคว้าให้ได้มาซึ่งผลผลิตวัวสีแดงที่ไม่มีสี หรือจุดใด ๆ ปนอยู่เลย เพราะพระยิว และนักการศาสนายิวไม่อนุญาตให้กับคนใดจากกลุ่มพวกเขา เข้าในเขตอัลมุกัดดาสนี้ นอกจากจะต้องล้างมือด้วยกับขี้เถ้าจากวัวสีแดง เพื่อเข้าไปในเขตต้องห้ามนี้ และร่วมกันสร้างวิหารสุไลมานขึ้น

ดังนั้นวัวสีแดงจึงเป็นสิ่งจำเป็นในกระบวนการสร้างวิหารสุไลมานขึ้นเป็นครั้งที่ 3 และเพราะเหตุนี้เอง คำแถลงจากพระยิวไซออนนิสต์บางคน เพื่อให้สร้างโบสถ์ยิวในพื้นที่มัสยิดอัลอักศอ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ระหว่างมัสยิดอัลอักศอกับมัสยิดกุบบะฮฺอัลศ็อกเราะฮฺ เป็นคำแถลงการณ์ที่ผิดพลาด เพราะเหตุนี้พระยิวจึงไม่พยายามอะไรมากมายในการสร้างวิหารขึ้นจนกระทั้งถึงปัจจุบันนี้

ตามประวัติศาสตร์อิสลามทำให้เรารู้ว่า นบีสุไลมานได้สร้างมัสยิดขึ้นเพื่อทำการสักการะอัลลอฮฺ และมัสยิดที่ว่านี้ก็คือ มัสยิดอัลอักศอ และท่านนบีสุไลมานก็ไม่ได้สร้างวิหารใด ๆ ขึ้นมา และแน่นอนวิหารสุไลมานนี้ก็ไม่ใช่อื่นใด นอกจากเป็นเรื่องเหลวไหลหรือตำนานที่เล่าต่อ ๆ กันมาของยิว และไม่มีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวิหารใด ๆ นอกจากเป็นเรื่องที่ชาวยิวได้กุขึ้นมาเท่านั้น

แน่นอนการค้นคว้าของนักโบราณคดีได้ยืนยันว่า ไม่มีร่องรอยของวิหารที่อ้างว่าอยู่ใต้พื้นที่เยรูซาเล็มใด ๆ

และแน่นอนจุดประสงค์ของการอ้างเรื่องวิหารสุไลมานขึ้นมาก็เพื่อเป็นการทำลายมัสยิดอัลอักศอ ซึ่งเป็นหนึ่งจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิม เป็นกิบบัต (ทิศที่หันไปในขณะละหมาด) แห่งแรกของมุสลิม และเป็นมัสยิดที่สองที่ถูกสร้างขึ้นบนโลกใบนี้เพื่อทำการสักการะอัลลอฮฺทัดจากมัสยิดอัลฮารอม

แผนการร้ายของยิวและสมุนของพวกเขาในการทำลายมัสยิดอัลอักศอยังคงมีอยู่เรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ เพราะนิติยาสาร newsy balk ของอเมริกาฉบับวันที่ 18 มิถุนายน 1984 ได้ตีแพร่การศึกษาของนาย ไมเคิ้ล ยาดม์ อาจารย์สถาบันวิจัยยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัยจอร์จ ต่าน พร้อมด้วยการช่วยเหลือของภรรยา การศึกษาได้เปิดเผยว่า ในขณะนี้ ยิวและคริสเตียนชาวยุโรปได้มีการเตรียมแผนการระเบิดมัสยิดอัลอักศอ และสร้างวิหารสุไลมานขึ้นมาแทนที่

นี่แหละเป็นเล่ห์เหลี่ยมอันชั่วร้ายของพวกยิวและสมุนของพวกเขา ซึ่งจะไม่ได้รับอันตรายใด ๆ นอกจากสิ่งที่พวกเขาวางแผนจะย้อนกับไปหาพวกเขาเอง ดังที่อัลลอฮฺได้ทรงตรัสไว้ว่า ?และแผนการชั่วร้ายนั้นจะไม่ห้อมล้อมผู้ใดนอกจากเจ้าของมันเท่านั้น? (ฟาฏิร : 43) แน่นอนมัสยิดอัลอักศอจะถูกรักษาไว้ ด้วยกับอำนาจของอัลลอฮฺ เราจงช่วยขอดุอาอฺต่ออัลลอฮฺให้พระองค์ทรงปกป้องรักษามัสยิดอัลอักศอให้พ้นจากน้ำมือของลูกหลานลิง ลูกหลานหมูกันเถิด อย่างที่พระองค์ได้เคยปกป้องรักษามัสยิดอัลฮารอมให้พ้นจากน้ำมือของคริสเตียนชาวฮาบาชะฮฺที่ยกกองทัพช้างเพื่อมาทำลายมัสยิดอัลฮารอม.

โดย : มันซูร อับดุลฮากีม

แปลและเรียบเรียงโดย : อะฮฺมัด มุสตอฟา บินอาลี
www.ridwanclub.com
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
Re: วิหารสุไลมานกับความลับของวัวสีแดง
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ส.ค. 10, 2007, 09:13 AM »
0
ดังที่อัลลอฮฺได้ทรงตรัสไว้ว่า ?และแผนการชั่วร้ายนั้นจะไม่ห้อมล้อมผู้ใดนอกจากเจ้าของมันเท่านั้น? (ฟาฏิร : 43) แน่นอนมัสยิดอัลอักศอจะถูกรักษาไว้ ด้วยกับอำนาจของอัลลอฮฺ เราจงช่วยขอดุอาอฺต่ออัลลอฮฺให้พระองค์ทรงปกป้องรักษามัสยิดอัลอักศอให้พ้นจากน้ำมือของลูกหลานลิง ลูกหลานหมูกันเถิด อย่างที่พระองค์ได้เคยปกป้องรักษามัสยิดอัลฮารอมให้พ้นจากน้ำมือของคริสเตียนชาวฮาบาชะฮฺที่ยกกองทัพช้างเพื่อมาทำลายมัสยิดอัลฮารอม.

อามีน

ออฟไลน์ musalmarn

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 796
  • เพศ: ชาย
  • สักวัน... ฉันจะขี่ม้า
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
    • ชมรมศาสนศึกษา แผนกอิสลาม มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
Re: วิหารสุไลมานกับความลับของวัวสีแดง
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ส.ค. 10, 2007, 11:24 AM »
0
ประวัติศาสตร์มีไว้เพื่อรับใช้อนาคต

ญาซากัลลอฮ ฮุ ค็อยร็อน จขกท. ครับ ^^

Al Fatoni

  • บุคคลทั่วไป
Re: วิหารสุไลมานกับความลับของวัวสีแดง
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ต.ค. 10, 2007, 03:42 PM »
0
 salam

ไม่ทราบว่า จขกท หมายถึงอะไรหรือครับ เพราะเห็นคำนี้บ่อยมากๆ ในกระทู้มุสลิมไทยก็มี และมักจะในแง่ที่ไม่ดี

ขอบคุณบังอัล-อัซฮะรีย์ นะครับ สำหรับข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับยิวในอีกมุมหนึ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน  :jazakallah

วัสสลามุ อลัยกุม

ออฟไลน์ บุคคลธรรมดา

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 433
  • live&learn in Islam
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
Re: วิหารสุไลมานกับความลับของวัวสีแดง
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ต.ค. 10, 2007, 10:19 PM »
0



สันดานยิว มันเจ้าเล่ห์ มาแต่เดิม จริง ๆ


 :jazakallah   น้อง Al fatoni ที่ขุดจ้า  hehe
ถ้าหากว่าเราจะข้ามไปยังอีกฝั่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยแอ่งปลักโคลน
แน่นอนที่สุด เราจะถึงฝั่งนั้นในสภาพที่เปรอะเปื้อนด้วยโคลน...
โคลนที่อยู่ในแอ่งนั้น มันจะทิ้งร่องรอยที่เท้าของเรา
และในที่ที่ เราได้เหยียบย่างไป

                        "อัลชะฮีด ซัยยิด กุฏุบ"

ออฟไลน์ musalmarn

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 796
  • เพศ: ชาย
  • สักวัน... ฉันจะขี่ม้า
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
    • ชมรมศาสนศึกษา แผนกอิสลาม มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
Re: วิหารสุไลมานกับความลับของวัวสีแดง
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ต.ค. 11, 2007, 03:36 AM »
0
salam

ไม่ทราบว่า จขกท หมายถึงอะไรหรือครับ เพราะเห็นคำนี้บ่อยมากๆ ในกระทู้มุสลิมไทยก็มี และมักจะในแง่ที่ไม่ดี

ขอบคุณบังอัล-อัซฮะรีย์ นะครับ สำหรับข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับยิวในอีกมุมหนึ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน  :jazakallah

วัสสลามุ อลัยกุม

จขกท. แปลว่า เจ้าของกระทู้ ซึ่งก็คือ บังอัลอัซฮะรีย์


เป็นคำย่อที่ผู้เล่นบอร์ด มักจะใช้

แล้วคำว่า แง่ที่ไม่ดี ของ ท่านอัลฟาตอนี มันยังไงหรือครับ



ญาซากัลลอฮ ฮุ ค็อยร็อนล่วงหน้า กับคำตอบ  hehe

ออฟไลน์ บุคคลธรรมดา

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 433
  • live&learn in Islam
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
Re: วิหารสุไลมานกับความลับของวัวสีแดง
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ต.ค. 11, 2007, 11:35 AM »
0


เอ... พี่ว่า น้อง อัลฟะตอนี  คงหมายถึง คำนี้ " ประวัติศาสตร์ มีไว้รับใช้อนาคต" ของน้องอัลดุลมาลิกหรือป่าวคะ

เดาอะนะ  sad:

ถ้าเข้าใจผิดขอมอัฟ ด้วย
ถ้าหากว่าเราจะข้ามไปยังอีกฝั่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยแอ่งปลักโคลน
แน่นอนที่สุด เราจะถึงฝั่งนั้นในสภาพที่เปรอะเปื้อนด้วยโคลน...
โคลนที่อยู่ในแอ่งนั้น มันจะทิ้งร่องรอยที่เท้าของเรา
และในที่ที่ เราได้เหยียบย่างไป

                        "อัลชะฮีด ซัยยิด กุฏุบ"

Al Fatoni

  • บุคคลทั่วไป
Re: วิหารสุไลมานกับความลับของวัวสีแดง
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: ต.ค. 11, 2007, 04:46 PM »
0
 salam

         แหมๆ คิดไปต่างๆ นานาเลยนะครับ ผมหมายถึง คำว่า จขกท ผมเคยเห็นในกระทู้มุสลิมไทยด้วย ซึ่งมักจะกล่าวในแง่ที่ไม่ค่อยจะดีอะครับ ส่วนในกระทู้ของเว็บนี้ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะครับ เพราะทุกอย่างที่บังอัลฯ นำเสนอบังติดตามเสมอ และเห็นด้วยทุกเรื่องที่บังเขานำเสนอ ชอบอ่านครับ และคิดตาม แต่บางครั้ง ผมก็ชอบตั้งคำถามที่มันแปลกๆ ไปบ้าง เพราะดึงดูดความสนใจ เท่านั้นเอง อิอิ อย่าคิดมากนะครับ บังอัลฯ มีทัศนคติกับวะฮะบีย์ ยังงัย ผมก็มีทัศนคติอย่างงั้นละครับ อาจจะถามอะไร หรือนำเสนออะไรเหมือนวะฮะบีย์บ้าง ก็เพราะผมอยู่แวดล้อมของวะฮะบีย์ไง เลยต้องการคำตอบที่มันชัดเจน เพื่อที่จะได้ตอบโต้พวกนี้ได้ ก็แค่นี้อะครับ หวังว่าคงจะเข้าใจผมขึ้นมาบ้างนะ มาอัฟละกันที่บางครั้งทำให้ เพื่อนๆ น้องๆ บังๆ ในเว็บนี้ เข้าใจผมในทางวะฮะบีย์ซะงั้น ผมมีอะไรข้องใจเกี่ยวกับผม ถามผมโดยตรงได้เลยนะครับ ทาง qib288310@hotmail.com

วัสสลามุ อลัยกุม

ออฟไลน์ musalmarn

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 796
  • เพศ: ชาย
  • สักวัน... ฉันจะขี่ม้า
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
    • ชมรมศาสนศึกษา แผนกอิสลาม มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
Re: วิหารสุไลมานกับความลับของวัวสีแดง
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: ต.ค. 11, 2007, 05:36 PM »
0
salam

         แหมๆ คิดไปต่างๆ นานาเลยนะครับ ผมหมายถึง คำว่า จขกท ผมเคยเห็นในกระทู้มุสลิมไทยด้วย ซึ่งมักจะกล่าวในแง่ที่ไม่ค่อยจะดีอะครับ

วัสสลามุ อลัยกุม

จขกท. แปลว่า เจ้าของกระทู้

แล้วคำว่า แง่ที่ไม่ดี ของ ท่านอัลฟาตอนี มันยังไงหรือครับ



พอดีผมเองก็เล่นบอร์ดมุสลิมไทยอยู่เหมือนกัน ^^

อยากทราบว่า แง่ที่ไม่ดี มันยังไงหรือครับ

เผื่อภายภาคหน้าผมอาจจะไม่ใช้คำว่า จขกท.




มาอัฟด้วยน่ะครับที่ต้อง quote แบบว่าอยากทราบจริงๆ

ญาซากัลลอฮ ฮุ ค็อยร็อน

 ;D

ออฟไลน์ บุคคลธรรมดา

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 433
  • live&learn in Islam
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
Re: วิหารสุไลมานกับความลับของวัวสีแดง
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: ต.ค. 11, 2007, 10:26 PM »
0


ง้าน พี่หน้าแตก  คริ คริ

 hehe
ถ้าหากว่าเราจะข้ามไปยังอีกฝั่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยแอ่งปลักโคลน
แน่นอนที่สุด เราจะถึงฝั่งนั้นในสภาพที่เปรอะเปื้อนด้วยโคลน...
โคลนที่อยู่ในแอ่งนั้น มันจะทิ้งร่องรอยที่เท้าของเรา
และในที่ที่ เราได้เหยียบย่างไป

                        "อัลชะฮีด ซัยยิด กุฏุบ"

ออฟไลน์ as-satuly

  • พลังแห่งการศรัทธา
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 997
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +10
    • ดูรายละเอียด
Re: วิหารสุไลมานกับความลับของวัวสีแดง
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: มิ.ย. 23, 2009, 10:08 AM »
0
 salam
ญะซากัลลอฮุค็อยร็อนกะษีร็อน...ได้อ่านแล้วรู้สึกได้เพิ่มความรู้ในด้านประวัติศาสตร์ครับ

 

GoogleTagged