ผู้เขียน หัวข้อ: ภรรยาเเละสามีถูกเนื้อต้องตัวได้ไม่เสียน้ำละหมาดจริงหรือ  (อ่าน 2623 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ wanibrahim

  • เพื่อนแรกพบ (^^)/
  • *
  • กระทู้: 3
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด

วันนี้ฟัง tvmuslim บอกว่าสามีกับภรรยาถูกเนื้อต้องตัวได้ไม่เสียน้ำละหมาด งงจังเพราะเท่าที่ทราบไม่ได้ ขอท่านผู้รู้ช่วยตอบข้อข้องใจหน่อยครับ
วัสลาม
ibrahim

ออฟไลน์ charif

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 12
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ปัญหาเรื่องการเสียน้ำละหมาด
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ต.ค. 08, 2012, 01:03 PM »
0
อ้างถึง
วันนี้ฟัง tvmuslim บอกว่าสามีกับภรรยาถูกเนื้อต้องตัวได้ไม่เสียน้ำละหมาด งงจังเพราะเท่าที่ทราบไม่ได้ ขอท่านผู้รู้ช่วยตอบข้อข้องใจหน่อยครับ


ทีวี มุสลิมเป็นเผยแพร่แนวทางของวะฮาบีย์ครับ จะเลือกใช้ฟิกฮ์หรือฮุกมตามที่ตนถนัด บางทีก็เลือกใช้ฟิกฮ์ของอีม่ามทั้ง 4 บางทีก็ยึดตามแนวทางสายอุลามะของวะฮาบีย์โดยตรง เรื่องของการเสียน้ำละหมาดนั้นมีการเห็นแตกต่างกันระหว่างซอฮาบะของท่านนบี แบ่งออกเป็น3ฝ่าย

1เมื่อมีการสัมผัสกันเสียน้ำละหมาดทุกกรณี

2.เมื่อมีการสัมผัสทุกรณีจะไม่เสียน้ำละหมาด

3.เมื่อมีการสัมผัสนั้นดูกรณีว่าเจตนาหรืออารมณ์ของผู้สัมผัสและผู้ถูกสัมผัสถ้ามีอารรมณ์จากการสัมผัสก็เสียน้ำละหมาดและถือว่าผู้สัมผัสนั้นเสียน้ำละหมาด[/colo
...

  :-[การสัมผัสภรรยานั้น เป็นปัญหาที่บรรดาปวงปราชญ์นิติศาสตร์อิสลามจากมัซฮับทั้งหลาย มีความเห็นที่ขัดแย้งและแตกต่างกันอย่างกว้างขวาง และในเรื่องดังกล่าวนี้ ก็ได้มีหลักฐานต่างๆ มากมายที่ถูกถ่ายทอดกันมา และบรรดาปวงปราชญ์ทั้งหลายเหล่านี้ ต่างก็ได้พยายามทำความเข้าใจในบรรดาโองการต่างๆ จากอัล-กุรอานและพยายามทำความเข้าใจบรรดาหะดีษต่างๆ เพื่อใช้ในการวินิจฉัยปัญหาศาสนา ซึ่งบรรดาปวงปราชญ์ทั้งหลายเหล่านี้ คือ มุจญตะฮิด(นักวินิจฉัยปัญหาศาสนา) ผู้ได้รับผลตอบแทนจากอัลลอฮฺ ตะอาลา ทั้งสิ้น





ส่วนบรรดานักปราชญ์นิติศาสตร์อิสลามในมัซฮับชาฟีอี(รฮ)ของเรา คือ ปวงปราชญ์ในมัซฮับอัช-ชาฟิอีย์ มีความเห็นว่า “แท้จริงการที่ผู้ชายได้สัมผัสผิวหนังภรรยาของเขา และได้สัมผัสผู้หญิงอื่นที่ไม่ใช่มะหฺรอม(เพศตรงข้ามที่ห้ามแต่งงานด้วย) ของเขานั้น ถือว่า ทำให้เสียน้ำละหมาด ถึงแม้ว่าจะเป็นการสัมผัสที่ปราศจากอารมณ์ทางเพศก็ตาม”


โดยปราชญ์กลุ่มนี้ได้อ้างหลักฐานจากอัล-กุรอาน ที่ว่า ..

وَإِنْ كُنْتُمْ جُنُبًا فَاطَّهَّرُوا وَإِنْ كُنْتُمْ مَرْضَى أَوْ عَلَى سَفَرٍ أَوْ جَاءَ أَحَدٌ مِنْكُمْ مِنَ الْغَائِطِ أَوْ لَامَسْتُمُ النِّسَاءَ فَلَمْ تَجِدُوا مَاءً فَتَيَمَّمُوا صَعِيدًا طَيِّبًا

“และหากพวกเจ้ามีญะนาบะฮฺ ก็จงชำระร่างกายให้สะอาด และหากพวกเจ้าป่วย หรืออยู่ในการเดินทาง หรือคนใดในหมู่พวกท่านมาจากการถ่ายทุกข์ หรือท่านทั้งหลายได้สัมผัสสตรีมา แล้วพวกเจ้าไม่พบน้ำก็จงมุ่งสู่ดินที่ดี” (ซูเราะฮฺ อัล-มาอิดะฮฺ : 6)


ซึ่งท่านอิมามอัช-ชาฟิอีย์ ได้ทำการอธิบายโองการที่ว่า ..

لَامَسْتُمُ النِّسَاءَ

“ท่านทั้งหลายได้สัมผัสสตรี” (ซูเราะฮฺ อัล-มาอิดะฮฺ : 6)

"การสัมผัส" ตรงนี้หมายถึง การสัมผัสกันระหว่างผิวหนังของคนๆ หนึ่งกับผิวหนังอีกคนที่เป็นเพศตรงข้าม ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่การมีเพศสัมพันธ์กันก็ตาม(ก็ทำให้เสียน้ำละหมาด) ด้วยเหตุผลดังนี้ คือ ..

1. แท้จริงอัลลอฮฺ ตะอาลา ได้กล่าวถึงการมีญะนาบะฮฺ ซึ่งเป็นเรื่องหะดัษใหญ่ไปแล้วในช่วงแรกของอายะฮฺ หลังจากนั้นอัลลอฮฺ ตะอาลา ก็มากล่าวถึงการถ่ายทุกข์ต่อและก็ตามมาด้วยการสัมผัสสตรี ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่บ่งชี้ว่าเป็นหะดัษเล็ก(คือ ช่วงแรกกล่าวถึงหะดัษใหญ่ก่อน และกล่าวตามด้วยหะดัษเล็กทีหลัง) เช่น การถ่ายทุกข์ เป็นต้น ซึ่งแน่นอนว่า การถ่ายทุกข์นั้นไม่ใช่หะดัษใหญ่  ดังนั้น จุดประสงค์ของอัลลอฮฺ ตะอาลา ที่กล่าวในอายะฮฺข้างต้นตรงนี้ คือ การสัมผัสด้วยมือ ไม่ใช่หมายถึง การมีเพศสัมพันธ์(เพราะการสัมผัสผิวหนังของสตรีนั้น เป็นแค่หะดัษเล็กเท่านั้น)

2. ความชัดเจนด้านภาษาอาหรับ คำว่า “لامس” หมายถึง “การสัมผัส”  เหมือนกับที่เราอ่านในโองการอื่นที่ว่า ..

فَلَمَسُوهُ بِأَيْدِيهِمْ

“แล้วพวกเขาก็ได้สัมผัสคัมภีร์นั้นด้วยมือของพวกเขาเอง” (ซูเราะฮฺ อัล-อันอาม : 7)

3. และปราชญ์กลุ่มนี้ยังได้อ้างหลักฐานอีกว่า มีรายงานจากท่านอับดุลลอฮฺ อิบนุ อุมัร (ร.ด.) ได้กล่าวว่า ..

قبلة الرجل امرأته وجسها بيده من الملامسة، فمن قبل امرأته، أو جسها بيده، فعليه الوضوء

“การจูบภรรยาของชายคนหนึ่ง และการสัมผัสแตะต้องตัวของนางด้วยมือนั้น เป็นส่วนหนึ่งของการกระทำที่เรียกว่า การสัมผัส(อัล-มุลามะสะฮฺ) ดังนั้น ผู้ใดก็ตามที่ได้จูบภรรยาของเขา หรือได้สัมผัสแตะต้องตัวนางด้วยมือของเขา ดังนั้นก็จำเป็นสำหรับเขาที่จะต้องอาบน้ำละหมาด”  (บันทึกโดย ท่านอิมามมาลิก ในตำรา อัล-มุวัฏเฏาะอฺ ด้วยสายรายงานที่เศาะเฮี๊ยะหฺ)

ท่านอิมาม อัล-บุญัยริมีย์ ได้กล่าว่า ..

اعلم أن اللمس ناقض بشروط خمسة: أحدها: أن يكون بين مختلفين ذكورة وأنوثة. ثانيها: أن يكون بالبشرة دون الشعر والسن والظفر. ثالثها: أن يكون بدون حائل. رابعها: أن يبلغ كل منهما حدا يشتهى فيه. خامسها: عدم المحرمية

 “พึงทราบไว้เถิดว่า การสัมผัสที่จะทำให้เสียน้ำละหมาดได้นั้น ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข 5 ประการด้วยกัน คือ ..

1.   ต้องเป็นการสัมผัสกันระหว่างเพศชายกับเพศหญิง

2.   ต้องเป็นการสัมผัสกันระหว่างผิวหนังด้วยกัน ไม่ใช่ไปสัมผัสกับเส้นผม ,เส้นขน ,ฟัน หรือเล็บ

3.   ต้องเป็นการสัมผัสกันโดยปราศจากสิ่งปิดกั้น

4.   ต้องเป็นการสัมผัสกันโดยที่ทั้งสองคนต่างก็มีอารมณ์ใคร่ด้วยกันทั้งคู่

5.   ต้องเป็นการสัมผัสกับผู้ที่ไม่ใช่มะห์รอม (เพศตรงข้ามที่แต่งงานกันไม่ได้)

ดู ตำรา  หาชียะฮฺ อัล-บุญัยริมีย์  โดย ท่านอิมาม อัล-บุญัยริมีย์  เล่มที่ 1  หน้าที่ 211


ส่วนทัศนะของปราชญ์มัซฮับหะนะฟีย์ มีความเห็นว่า แท้จริงการสัมผัสสตรีนั้น ไม่ทำให้เสียน้ำละหมาดแต่อย่างใด ไม่ว่าสตรีนางนั้นจะเป็นภรรยา หรือเป็นสตรีทั่วไป หรือเป็นมะหฺรอม(เพศตรงข้ามที่แต่งงานกันไม่ได้) ก็ตาม และไม่ว่าจะเป็นการสัมผัสโดยมีอารมณ์ใคร่ หรือสัมผัสโดยไม่มีอารมณ์ใคร่ก็ตาม ก็ไม่ทำให้เสียน้ำละหมาดแต่อย่างใด

ท่านอิมาม อัซ-ซะรอคซีย์  กล่าวว่า ..

لا يجب الوضوء من القبلة ومس المرأة، بشهوة أو غير شهوة

“ไม่จำเป็นจะต้องอาบน้ำละหมาดใหม่ สำหรับผู้ที่จูบหรือสัมผัสสตรี ไม่ว่าจะสัมผัสด้วยอารมณ์ใคร่หรือไม่มีอารมณ์ใคร่ก็ตาม”

ดู ตำรา อัล-มับสูฏ โดยท่านอิมาม อัซ-ซะรอคซีย์  เล่มที่ 1  หน้าที่ 121


โดยปราชญ์กลุ่มนี้ได้อ้างหลักฐานต่างๆ มากมายเช่นกัน ส่วนหนึ่งคือ ..

1. แท้จริงหลักการเดิมๆ นั้นคือ มีความถูกต้องในความสะอาด(สำหรับการสัมผัสสตรี) และถือว่าไม่เสียน้ำละหมาดนอกจากจะต้องมีหลักฐานที่ถูกต้องและชัดเจนมารองรับเท่านั้น

2. มีหะดีษเศาะเฮี๊ยะหฺบางส่วนที่มาบ่งชี้ว่าแท้จริงท่านนบี(ซ.ล.) ไม่ได้อาบน้ำละหมาดใหม่ เมื่อได้สัมผัสกับพระนางอาอิชะฮฺ(ร.ด.) ซึ่งพระนางอาอิชะฮฺ(ร.ด.) ได้กล่าวว่า ..

كُنْتُ أَنَامُ بَيْنَ يَدَيْ رَسُولِ اللهِ صلى الله عليه وسلم وَرِجْلاَيَ فِي قِبْلَتِهِ، فَإِذَا سَجَدَ غَمَزَنِي

“ฉันเคยนอนอยู่ต่อหน้าท่านรสูลุลลอฮฺศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมในขณะที่เท้า ทั้งสองของฉันพาดไปทางทิศกิบลัตของท่าน ดังนั้นเมื่อท่านสุญูดลงท่านก็จะเอามือมาสัมผัสฉัน” (บันทึกโดย บุคอรีย์-มุสลิม)


และพระนางอาอิชะฮฺ(ร.ด.) ยังได้กล่าวอีกว่า ..

فَقَدْتُ رَسُولَ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ لَيْلَةً مِنَ الْفِرَاشِ فَالْتَمَسْتُهُ فَوَقَعَتْ يَدِي عَلَى بَطْنِ قَدَمَيْهِ

“ในคืนหนึ่งฉันได้คลำหาท่านรสูล(ซ.ล.) ตรงที่นอน แล้วฉันก็ได้สัมผัสกับท่านรสูล(ซ.ล.) แล้วมือของฉันก็ได้วางอยู่บนฝ่าเท้าทั้งสองของท่าน” (บันทึกโดยมุสลิม หะดีษที่ 486)

3. ส่วนในโองการที่ว่า ..

لَامَسْتُمُ النِّسَاءَ

“ท่านทั้งหลายได้สัมผัสสตรี” (ซูเราะฮฺ อัล-มาอิดะฮฺ : 6)

“การสัมผัส” ตรงนี้หมายถึง “การมีเพศสัมพันธ์”  ดังคำตรัสของอัลลอฮฺ ตะอาลา ที่ได้กล่าวถึงเรื่องของพระนางมัรยัม ว่า ..

لَمْ يَمْسَسْنِي بَشَرٌ

“ทั้ง ๆ ที่มิได้มีบุรุษใดแตะต้องข้าพระองค์” (ซูเราะฮฺ อาละอิมรอน : 47)

และนี่ยังเป็นทัศนะของกลุ่มหนึ่งจากบรรดาเศาะหาบะฮฺ อาทิ ท่านอะลีย์ บิน อะบีฏอลิบ ,ท่านอิบนุ อับบาส อีกทั้งยังถูกรายงานมาจากท่านอุมัร อิบนุ ค็อฏฏอบ เช่นกัน

ดู ตำรา อัล-มุศ็อนนัฟ  โดย ท่านอับดุรรอซซาก อัศ-ศอนอานีย์ เล่มที่ 1  หน้าที่ 134


แท้จริงปราชญ์จากมัซฮับมาลิกีย์และปราชญ์จากมัซฮับหัมบะลีย์ ได้ทำการรวมหลักฐานจากทั้งสองกลุ่มข้างต้น และมีความเห็นว่า การกระทบหรือสัมผัสที่ทำให้เสียน้ำละหมาด คือ การกระทบหรือสัมผัสกันระหว่างผิวหนังกับผิวหนังโดยมีอารมณ์ใคร่  นี่คือเป้าหมายของโองการจากอัล-กุรอาน แต่หากว่าเป็นการกระทบหรือสัมผัสกันโดยปราศจากอารมณ์ใคร่ ดังที่มีหะดีษรายงานมาจากท่านหญิงอาอิชะฮฺ(ร.ด.) ก็ถือว่า ไม่เสียน้ำละหมาดแต่ประการใด

ดู ตำรา  หาชียะฮฺ อัด-ดะสูกีย์  โดย ท่านอิมาม อัด-ดะสูกีย์  เล่มที่ 1  หน้าที่ 411  ,ตำรา  ชัรหุ มุนตะฮา อัล-อิรอดาต  โดย ท่านอิมาม อัล-บุฮูตีย์  เล่มที่ 1  หน้าที่ 73  ,ตำรา  อัล-มุฆนีย์  โดย ท่านอิบนุ กุดามะฮฺ  เล่มที่ 1  หน้าที่ 142


และสุดท้ายแล้วสิ่งที่ถูกยึดถือในการฟัตวาชี้ขาดของสถาบันชี้ขาดปัญหาศาสนาแห่งนี้ คือ ยึดตามทัศนะของปราชญ์ในมัซฮับอัช-ชาฟิอีย์ ซึ่งเป็นทัศนะที่รอบคอบและปลอดภัยที่สุด โดยอาศัยการบ่งชี้ที่ชัดเจนจากอัล-กุรอาน ส่วนหะดีษของพระนางอาอิชะฮฺ(ร.ด.) นั้น แท้จริงท่านอิมามอัน-นะวะวีย์ ได้ให้ทัศนะว่า ..

حملوا الحديث على أنه غمزها فوق حائل، وهذا هو الظاهر من حال النائم، فلا دلالة فيه على عدم النقض

“หะดีษนี้ถูกยึดอยู่บนความเข้าใจที่ว่า แท้จริงท่านรสูล(ซ.ล.) ได้สัมผัสพระนางอาอิชะฮฺ(ร.ด.) โดยมีสิ่งปิดกั้นอยู่ และนี่คือสิ่งที่ปรากฏอยู่ภายนอกจากสภาพของผู้ที่นอน ดังนั้น ไม่มีหลักฐานใดเลยที่มาบ่งชี้อย่างชัดเจนว่า การสัมผัสสตรีหรือภรรยานั้น ไม่ทำให้เสียน้ำละหมาด !!”

ดู ตำรา  ชัรหุ มัสลิม  โดย ท่านอิมาม อัน-นะวะวีย์  เล่มที่ 4  หน้าที่ 230


ชี้ขาดโดย สถาบันดาอิเราะฮฺ อัล-อิฟตาอฺ อัล-อาม อัล-อุรดุน (สถาบันชี้ขาดปัญหาศาสนาแห่งประเทศจอร์แดน)

ที่มา : http://aliftaa.jo/index.php/fatwa/show/id/1895


วัลลอฮุ ตะอาลา อะลา

จากคุณ  MUFFTY



หมายเหตุ-รบกวนผู้ที่มีคำถามปัญหาศาสนาทุกท่านช่วยตรวจสอบคำถามคำตอบในกระทู้ถามตอบปัญหาศาสนา ก่อนทุกครั้งเพื่อความรวดเร็วในการรอคอยครับ  ญาซากามุลลอฮ์คอยรอน

http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?topic=2409.msg16637#msg16637

http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php/topic,4672.0.html
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 08, 2012, 02:07 PM โดย charif »

ออฟไลน์ HZN

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 45
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=lcKhFf_xZI4" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=lcKhFf_xZI4</a>

ขอผู้แปล เก่งๆ น่าจะเข้าใจดี

ออฟไลน์ wanibrahim

  • เพื่อนแรกพบ (^^)/
  • *
  • กระทู้: 3
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ ส่วนตัวเเล้วยึดมั่นเเบบเดิมดีเเล้วคือการถูกเนื้อต้องตัวโดยปราศจากผ้าปิดกั้นทำให้เสียน้ำละหมาด

wanibrahim

 

GoogleTagged