ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 23 สูเราะฮฺ อัลมุอ์มินูน  (อ่าน 5322 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

 :salam:

คำอธิบายประกอบสูเราะฮฺ อัลมุอ์มินูน (บรรดาผู้ศรัทธา - المؤمنون)R4.

เป็นสูเราะฮฺ มักกียะฮฺ มี 118 อายะฮฺ

ความหมายโดยสรุปของสูเราะฮฺอัลมุอ์มินูน
     ซุเราะฮฺอัลมุอ์มินูน เป็นซูเราะฮฺมักกียะฮฺที่กล่าวถึงหลักฐานของศาสนา เช่น เรื่องเกี่ยวกับการให้ความเป็นเอกภาพ สาสน์ และการฟื้นคืนชีพ ซูเราะฮฺนี้ถูกขนานนามด้วยชื่ออันทรงเกียรติว่า อัลมุอ์มินูน เพื่อเป็นอนุสรณ์และเชิดชูความดีงามของพวกเขา ซึ่งสมควรจะได้รับการตอบแทนด้วยสวนสวรรค์ชั้นฟิรเดาส์อันสูงส่ง
       ซูเราะฮฺนี้ได้เปิดเผยถึงหลักการต่าง ๆ แห่งเดชานุภาพและความเป็นเอกะ ซึ่งเป็นภาพลักษณ์ที่ปรากฏอยู่ในจักรวาลอันน่าประหลาดนี้ เช่น ในตัวมนุษย์ สัตว์ และพืชพันธุ์ต่าง ๆ แล้วก็ในการสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายอันงดงาม ในเครื่องหมายทั้งหลายแห่งจักรวาลที่เนรียงราย ซึ่งมนุษย์ได้พบเห็นมันในโลกที่มองเห็นอยู่ในชนิดต่าง ๆ ของต้นอินทผลัม องุ่น มะกอก ทับทิม ตลอดจนผลไม้และพืชผลต่าง ๆ อีกทั้งในเรือเดินสมุทรที่แล่นฝ่ากระแสน้ำในท้องทะเล และอื่นจากนี้ในเครื่องหมายทั้งหลายแห่งจักรวาลที่ชี้บ่งถึงการมีอัลลอฮฺ ญัลละ วะอะลา
       ซูเราะฮฺนี้ได้เปิดเผยถึงเรื่องราวของนะบีบางท่าน เพื่อเป็นการปลอบโยนท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จากการที่ท่านได้ประสบกับการทำร้ายของพวกมุชริกีน โดยกล่าวถึงเรื่องราวของนะบีนูหฺ นะบีฮูด นะบีมูซา และเรื่องราวของมัรยัมผู้บริสุทธิ์ และบุตรของนางคือ นะบีอีซา แล้วได้เปิดเผยถึงพวกกุฟฟารมักกะฮฺในความดื้อรั้นและความเย่อหยิ่งของพวกเขาที่มีต่อสัจธรรม หลังจากเป็นที่ประจักษ์แจ้งแพวกเขาแล้ว นอกจากนั้นยังได้นำหลักฐานและสิ่งพิสูจน์ต่าง ๆ มายืนยันถึงเรื่องการฟื้นคืนชีพในวันกิยามะฮฺ ซึ่งเป็นแกนสำคัญของซูเราะฮฺนี้
       ซูเราะฮฺนี้ได้กล่าวถึงเหตุการณ์อันน่ากลัวและความคับขันที่พวกกุฟฟารจะประสบคือความตาย โดยที่พวกเขาจะได้รับความทุกข์ทรมานอย่างลำบากยิ่ง พวกเขาจะภาวนาขอกลับใช้ชีวิตในโลกดุนยาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อชดใช้สิ่งที่พวกเขาได้ละเลยในการทำความดี แต่มันเป็นความหวังที่เลื่อนลอยและห่างไกล เพราะกาลเวลาได้ล่วงเลยมาแล้ว ซูเราะฮฺนี้ได้จบลงด้วยการกล่าวถึงวันกิยามะฮฺ โดยที่มนุษย์จะถูกแยกออกเป็นสองจำพวก คือพวกที่ได้รับความสุข และพวกที่ได้รับควาสมทุกข์ ทรัพย์สมบัติก็ดี วงศ์ตระกูลก็ดี จะถูกตัดขาด ไม่อำนวยประโยชน์ให้แก่ใครเลย นอกจากการอีมานและงานที่ดี และการสนทนาได้ถูกบันทึกไว้ระหว่างผู้ทรงอภิสิทธิ์และชาวนรกโดยที่พวกเขาได้ร้องตะโกนอยู่ในนั้น แล้วพวกเขาจะไม่ได้รับความช่งวยเหลือและไม่ได้รับการตอบรับแต่ประการใด
       ซูเราะฮฺนี้ถูกขนานนามด้วยชื่ออันทรงเกียรติว่า อัลมุอฺมินูน เป็นการรำลึกและเชิดชูความดีงามของบรรดามุอฺมิน ซึ่งสมควรจะได้รับการตอบแทนด้วยสวนสวรรค์ชั้นฟิรเดาส์ อันสูงส่งในบรรดาสวนสวรรค์อันหลาหลาย

----------------------------------------------------

เอกสารอ้างอิง
R1. The Noble Qur’an (Dr.Muhammad Taqi-ud-Din al-Hilali and Dr.Muhammad Muhsin Khan.)
R2. อัลกุรอานฉบับแปลภาษาไทย โดย มัรวาน สะมะอุน
R3. ตัฟฮีมุลกุรฺอาน(อรรถาธิบายโดย เมาลานา ซัยยิด อบุล อลา เมาดูดี แปลโดย บรรจง บินกาซัน)
R4. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน พร้อมคำแปลเป็นภาษาไทย ศูนย์กษัตริย์ฟาฮัด เพื่อการพิมพ์อัลกุรฺ อานแห่งนครมาดีนะฮ์
R5. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ฉบับภาษาไทย (โดย นายต่วน สุวรรณศาสน์-ฮัจยีอิสมาแอล บินฮัจยียะห์ยา)

--------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลมุอ์มินูน อายะฮฺที่ 1 - 11




คำแปล R1.
1. Successful indeed are the believers.
2. Those who offer their Salat (prayers) with all solemnity and full submissiveness.
3. And those who turn away from Al-Laghw (dirty, false, evil vain talk, falsehood, and all that Allah has forbidden).
4. And those who pay the Zakat .
5. And those who guard their chastity (i.e. private parts, from illegal sexual acts)
6. Except from their wives or (the captives and slaves) that their right hands possess, for then, they are free from blame;
7. But whoever seeks beyond that, and then those are the transgressors;
8. Those who are faithfully true to their Amanat (all the duties which Allah has ordained, honesty, moral responsibility and trusts etc.) and to their covenants;
9. And those who strictly guard their (five compulsory congregational) Salawat (prayers) (at their fixed stated hours).
10. These are indeed the inheritors.
11. Who shall inherit the Firdaus (Paradise). They shall dwell therein forever.


คำแปล R2.
1. บรรดาศรัทธาชนย่อมประสบชัยชนะอย่างแน่นอน
2. พวกเขาเป็นผู้ที่มีความนอบน้อมในการทำละหมาดของพวกเขา
3. พวกเขาเป็นผู้ที่หันเหออกจากสิ่งไร้สาระ(ทั้งคำพูดและการกระทำ
4. พวกเขาเป็นผู้บริจาคทานซะกาต
5. พวกเขาเป็นผู้รักษาอวัยวะเพศของพวกเขา(ไม่ล่วงละเมิดบทบัญญัติทางเพศ)
6. นอกจากต่อคู่ครองของพวกเขาหรือทาสหญิงที่เขาครอบครอง ที่จริงพวกเหล่านั้นไม่เป็นที่น่าตำหนิแต่ประการใด ๆ (ที่จะมีสัมพันธ์ทางเพศด้วย)
7. ดังนั้นผู้ใดแสวงหา(ความสุขทางเพศ)นอกจากนั้น พวกเหล่านั้นก็เป็นพวกที่ล่วงละเมิด(บทบัญญัติ)โดยแท้จริง
8. และพวกเขาเป็นผู้รักษาไว้ซึ่งความซื่อสัตย์และสัญญาของพวกเขา
9. พวกเขาเป็นผู้รักษาไว้ซึ่งการละหมาดของพวกเขา (โดยกระทำอย่างเคร่งครัด)
10. พวกเหล่านั้นเป็นทายาท
11. ซึ่งสืบมรดกแห่งสวรรค์ฟิรเดาซ์ (ชั้นสุดยอด) พวกเขาได้เข้าประจำในนั้นเป็นนิรันดร


คำแปล R3.
1. แน่นอนที่สุด บรรดาผู้ศรัทธาได้รับความสำเร็จที่แท้จริง
2. ผู้ซึ่งปฏิบัตินมาซของพวกเขาด้วยความถ่อมตน
3. ผู้ซึ่งหลีกห่างจากสิ่งไร้สาระทั้งหลาย
4. ผู้ซึ่งใช้จ่ายซะกาตของเขาไปในทางที่เหมาะสม
5. ผู้ซึ่งปกป้องอวัยวะส่วนอันพึงสงวนของตัวเอง
6. ยกเว้นกับภรรยาของพวกเขาและบรรดาหญิงที่อยู่ในการครอบครองของพวกเขาอย่างถูกต้อง เพราะในกรณีเช่นนั้นพวกเขาจะไม่ถูกตำหนิ
7. แต่ใครที่เลยเถิดไปกว่านี้ (ในอารมณ์เพื่อความต้องการทางเพศ) พวกเขาก็เป็นผู้ละเมิด
8. บรรดาผู้รับผิดชอบต่อสิ่งที่พวกเขาได้รับมอบหมายและสัญญาของพวกเขา
9.  และบรรดาผู้รักษาการนมาซของพวกเขาอย่างเข็มงวด
10. พวกเขาเหล่านี้คือทายาท
11. ที่จะไดรับมรดกแห่งสวนสวรรค์ และพวกเขาจะได้พำนักอยู่ในนั้นตลอดไป

 
คำแปล R4.
1. แน่นอนบรรดาผู้ศรัทธาได้ประสบความสำเร็จแล้ว
2. บรรดาผู้ที่พวกเขาเป็นผู้นอบน้อมถ่อมตนในเวลาละหมาดของพวกเขา
3. และบรรดาผู้ที่พวกเขาเป็นผู้ผินหลังให้จากเรื่องไร้สาระต่าง ๆ
4. และบรรดาผู้ที่พวกเขาเป็นผู้บริจาคซะกาต
5. และบรรดาผู้ที่พวกเขาเป็นผู้รักษา (ไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ของ) ทวารของพวกเขา
6. เว้นแต่แก่บรรดาภรรยาของพวกเขา หรือที่มือขวาของพวกเขาครอบครอง (คือทาสี) ในกรณีเช่นนั้นพวกเขาจะไม่ถูกตำหนิ
7. ฉะนั้นผู้ใดแสวงหาอื่นจากนั้น ชนเหล่านั้นพวกเขาก็เป็นผู้ละเมิด
8. และบรรดาผู้ที่พวกเขาเป็นผู้เอาใจใส่ต่อสิ่งที่ได้รับมอบหมายของพวกเขา และสัญญาของพวกเขา
9. และบรรดาผู้ที่พวกเขาเป็นผู้รักษาการละหมาดของพวกเขา
10. ชนเหล่านี้แหละพวกเขาเป็นทายาท
11. ซึ่งพวกเขา จะได้รับมรดกสวนสวรรค์ชั้นฟริเดาส์ พวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล

 
คำแปล R5.
๑. แท้จริงย่อมสมหวังเสมอ บรรดาศรัทธาชนผู้มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
๒. คือพวกเขาผู้มีความสำรวมในการละหมาดของพวกเขา ขณะพวกเขาอยู่ในพิธีละหมาด เขาปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ต่าง ๆ อย่างมีระเบียบและทำด้วยความเรียบร้อยหาที่ติมิได้ เช่น ไม่ถือ ยึด หรือกำเครื่องแต่งกาย ไม่ผินซ้ายผินขวา ไม่หาว ไม่หลับตา ไม่ปิดปาก ไม่ประสานนิ้ว ไม่เขี่ยลูกกรวด เม็ดทราย ตลอดจนพฤติกรรมอันพึงรังเกียจอื่น ๆ
๓. และพวกเขาเป็นผู้ซึ่งผินออกจากการกระทำอันโมฆะ ซึ่งต้องห้ามตามบทบัญญัติทางศาสนา หรือเป็นที่น่ารังเกียจหรือการกระทำอันไร้สาระต่าง ๆ ตลอดจนเหตุอันนำไปสู่การกระทำสิ่งดังกล่าว
๔. และพวกเขาเป็นผู้ซึ่งปฏิบัติต่อทานซะกาต(ตามศาสนบัญญัติ)ของตนเองโดยถูกต้องตามบทบัญญัติของศาสนา คือบริจาคตามอัตราส่วนที่ศาสนาได้พิกัดไว้อย่างครบถ้วน
๕. และพวกเขาเป็นผู้ซึ่งรักษาอวัยวะเพศของพวกเขา มิได้ประพฤติผิดด้วยการมีสัมพันธ์ทางเพศกับบุคคลซึ่งมิใช่คู่ครองของตนเอง
๖. ยกเว้นต่อคู่ครองของพวกเขาหรือทาสหญิงที่พวกเขาถือกรรมสิทธิ์ ซึ่งเมื่อพวกเขาได้มีสัมพันธ์ทางเพศต่อบุคคลดังกล่าว พวกเขาก็จะไม่ถูกตำหนิอย่างแน่นอน
๗. ส่วนผู้ใดแสวงหาความสุขทางเพศจากภริยาหรือทาสผิดไปจากนั้น พวกเขาก็จะเป็นผู้ละเมิด เช่น การสำเร็จความใคร่โดยใช้มือฯลฯ ท่านอิบนิฮัมบัลกล่าวว่า อนุญาตให้สำเร็จความใคร่ด้วยมือเมื่อมีเงื่อนไขครบ ๓ ประการคือ ๑. กลัวทำซินา ๒. ไม่มีค่าสมรส ๓. ทำด้วยมือของตัวเองหรือของภรรยาหรือของทาสของตนเอง
๘. และพวกเขาเป็นผู้ที่รักษาไว้ซึ่งความซื่อสัตย์และสัญญาของพวกเขา โดยไม่บิดพลิ้วต่อความไว้วางใจของผู้อื่น และไม่ละเมิดต่อสัญญาที่เขากระทำต่อผู้อื่นหรือสัญญาที่มีต่ออัลเลาะห์ เช่น การทำละหมาด เป็นต้น
๙. และบรรดาผู้ที่พิทักษ์ไว้ซึ่งการนมัสการของพวกเขา ให้ปฏิบัติโดยครบถ้วนและตรงต่อเวลา
๑๐. พวกเหล่านั้นล้วนเป็นผู้ได้รับมรดกอันมีค่าที่สุด ซึ่งบุคคลอื่น ๆ ไม่มีสิทธิและโอกาสที่จะได้รับเหมือนพวกเขา
๑๑. กล่าวคือพวกเขาเป็นผู้ได้รับมรดกสวรรค์อัลฟิรเดาส์ (สวรรค์ชั้นสูงสุด) ซึ่งพวกเขาจะอยู่ในนั้นชั่วนิจนิรันดร โดยไม่ออกหรือตาย

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลมุอ์มินูน อายะฮฺที่ 12 - 16


คำแปล R1.
12. Aand indeed we created man (Adam) out of an extract of clay (water and earth).
13. Thereafter we made him (the offspring of Adam) as a Nutfah (mixed drops of the male and female sexual discharge) (and lodged it) in a safe lodging (womb of the woman).
14. Then we made the Nutfah into a clot (a piece of thick coagulated blood), then we made the clot into a little lump of flesh, then we made out of that little lump of flesh bones, then we clothed the bones with flesh, and then we brought it forth as another creation. So blessed be Allah, the best of creators.
15. After that, surely, you will die.
16. Then (again), surely, you will be resurrected on the Day of Resurrection.


คำแปล R2.
12. ขอยืนยัน แท้จริง เราได้บันดาลมนุษย์มาจากธาตุเดิมที่มาจากดิน
13. หลังจากนั้นเราได้บันดาลเขา(มนุษย์ลูกหลานเผ่าพันธุ์อาดัม)ให้เป็นน้ำอสุจิในที่พักอันมั่นคง(คือมดลูก)
14. หลังจากนั้นเราได้บันดาลอสุจิให้เป็นก้อนเลือด แล้วเราก็บันดาลก้อนเลือดให้เป็นก้อนเนื้อ จากนั้นก็บันดาลก้อนเนื้อให้เป็นกระดูก แล้วให้มีเนื้อห่อหุ้มกระดูก หลังจากนั้นเราได้บังเกิดมันมาในกำเนิดอื่น(ให้เป็นมนุษย์ครบถ้วนและมีวิญญาณพร้อมซึ่งผิดลักษณะดั้งเดิมซึ่งผ่านขั้นตอนต่าง ๆ ตามที่กล่าวมา) แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงเกียรติสูงส่งยิ่ง ทรงเป็นเลิศที่สุดแห่งบรรดาผู้สร้าง
15. ต่อมาแท้จริงพวกเจ้าก็ตายภายหลังจากนั้น
16. หลังจากนั้น แท้จริงพวกเจ้าก็จะถูกฟื้นขึ้นมาอีก ในวันชาติหน้า


คำแปล R3.
12. เราได้สร้างมนุษย์มาจากแก่นสารของดิน
13.  หลังจากนั้นเราได้ทำให้เชื้ออสุจิอยู่ในที่อันปลอดภัย
14. แล้วเราได้ทำให้เชื้ออสุจิเป็นก้อนเลือด แล้วเราได้ทำให้ก้อนเลือดเป็นก้อนเนื้อ แล้วเราได้ทำให้ก้อนเนื้อนั้นเป็นกระดูก แล้วเราได้หุ้มกระดูกนั้นด้วยเนื้อ แล้วเราได้นำเขาออกมาเป็นสิ่งถูกสร้างอีกอย่างหนึ่ง (ซึ่งต่างไปจากตัวอ่อน) ดังนั้นมหาจำเริญยิ่งคืออัลลอฮฺ ผู้ทรงเป็นเลิศที่สุดของบรรดาผู้สร้างทั้งหลาย
15. แล้วหลังจากนั้นสูเจ้าก็จะตาย
16. แล้วหลังจากนั้นสูเจ้าก็จะถูกทำให้ฟื้นขึ้นในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ


คำแปล R4.
12. และขอสาบานว่า แน่นอนเราได้สร้างมนุษย์มาจากธาตุแท้ของดิน
13. แล้วเราทำให้เขาเป็นเชื้ออสุจิ อยู่ในที่พักอันมั่นคง (คือมดลูก)
14. แล้วเราได้ทำให้เชื้ออสุจิกลายเป็นก้อนเลือดแล้วเราได้ทำให้ก้อนเลือดกลายเป็นก้อนเนื้อแล้วเราได้ทำให้ก้อนเนื้อกลายเป็นกระดูก แล้วเราหุ้มกระดูกนั้นด้วยเนื้อ แล้วเราได้เป่าวิญญาณให้เขากลายเป็นอีกรูปร่างหนึ่ง ดังนั้นอัลลอฮฺทรงจำเริญยิ่ง ผู้ทรงเลิศแห่งปวงผู้สร้าง
15. หลังจากนั้น แท้จริงพวกเจ้าต้องตายอย่างแน่นอน
16. แล้ว แท้จริงพวกเจ้าจะถูกให้ฟื้นคืนชีพขึ้นในวันกิยามะฮฺ


คำแปล R5.
๑๒. และแท้จริงเราได้บันดาลอาดัมผู้เป็นมนุษย์คนแรกมาจากธาตุดินอันสะอาด
๑๓. หลังจากนั้น เราได้บันดาลเขามนุษย์ผู้เป็นลูกหลานเผ่าพันธุ์ของอาดัมในสภาพอสุจิ โดยให้ก่อตัวและปฏิสนธิอยู่ในครรภ์ของมารดาซึ่งเป็นที่อยู่อันมั่นคงของเขา
๑๔. หลังจากนั้นเราได้บันดาลอสุจินั้นให้แปรสภาพมาเป็นก้อนเลือดแล้วเราได้บันดาลให้ก้อนเลือดนั้นค่อย ๆ แข็งตัวและแปรสภาพไปเป็นก้อนเนื้อแล้วเราก็บันดาลก้อนเนื้อนั้นให้เป็นกระดูก แล้วเราได้บันดาลให้มีเนื้อหุ้มกระดูกนั้นไว้ หลังจากนั้นเราได้สร้างเขาให้เปลี่ยนจากสภาพเดิมที่ไร้ชีวิต คือเป็นเพียงก้อนเนื้อหุ้มกระดูกดังกล่าวแล้วนั้นเป็นอีกกำเนิดหนึ่งคือให้มีชีวิตครบสมบูรณ์มีความรู้สึกและมีการใช้สื่อสัมผัสและอวัยวะต่าง ๆ ได้อย่างกว้างขวาง ทั้ง ๆ ที่เมื่อเริ่มกำเนิดนั้น เขามีสภาพเพียงวัตถุชนิดหนึ่งที่ไร้ความรู้สึกและไม่มีชีวิต แท้จริงอัลเลาะห์ผู้ทรงมหามงคลยิ่ง พระองค์ทรงเป็นผู้สร้างที่ดีงามกว่าบรรดาผู้สร้างทั้งหลาย
๑๕. หลังจากนั้นแท้จริงพวกเจ้าทั้งหลายก็จะตาย ภายหลังจากได้ผ่านขั้นตอนแห่งกำเนิด คือเริ่มด้วยความไม่มี แล้วก็ให้มีในสภาพคล้ายวัตถุ แล้วเจริญวัยนั้นมาในสภาพที่มีชีวิตตามรายละเอียดที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น
๑๖. หลังจากนั้นแท้จริงพวกเจ้าทั้งหลายจะฟื้นขึ้นจากสุสานในสภาพมีชีวิตในวันปรภพ เพื่อรับสนองผลกรรมที่ได้ประพฤติไปแต่อดีต


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลมุอ์มินูน อายะฮฺที่ 17 - 22


คำแปล R1.
17. And indeed we have created above you seven heavens (one over the other), and we are never unaware of the creation.
18. And we sent down from the sky water (rain) in (due) measure, and we gave it lodging in the earth, and verily, we are able to take it away.
19. Then we brought forth for you therewith gardens of date-palms and grapes, wherein is much fruit for you, and whereof you eat.
20. And a tree (olive) that springs forth from Mount Sinai, that grows oil, and (it is a) relish for the eaters.
21. And verily! In the cattle there is indeed a lesson for you. We give you to drink (milk) of that which is in their bellies. And there are, in them, numerous (other) benefits for you, and of them you eat.
22. And on them and on ships you are carried.


คำแปล R2.
17. ขอยืนยันแท้จริงเราได้บันดาลเจ็ดทางเดิน(สำหรับดวงดาว)ไว้เบื้องบนของพวกเจ้า(คือในฟากฟ้า) และเรามิได้ละเลยต่อมวลสิ่งบันดาล(ของเราเลย)
18. และเราได้บันดาลให้มีน้ำฝนลงมาจากฟากฟ้า โดยมีกำหนดที่แน่นอน และเราก็ให้มันค้างอยู่ในแผ่นดิน ทั้งที่ความเป็นจริงนั้น เรามีอำนาจที่จะขจัดมันไป (จากแผ่นดินจนหมดสิ้น
19. จากนั้นเราได้ทำให้มีส่วนต่าง ๆ งอกเงยขึ้นมาเพื่อพวกเจ้าเพราะน้ำฝนนั้น ไม่ว่าจะเป็นสวนอินทผลัมและสวนองุ่นก็ตาม พวกเจ้าได้รับผลไม้มากมายในนั้น และบางส่วนของมันพวกเจ้าก็นำมารับทาน (และบางส่วนพวกเจ้าก็นำไปขาย)
20. และ(เราได้ทำให้งอกขึ้นมา)ต้นไม้(ชนิดหนึ่ง)ซึ่งมันออกมาจากภูเขาฏูรซัยนาอ์ มันงอกขึ้นมาพร้อมด้วยน้ำมัน(ที่มีอยู่ในผลของมัน) และใช้เป็นน้ำแกง (กับขนมปังเป็นอาทิ) สำหรับผู้บริโภคทั้งมวล (ต้นไม้ชนืดนั้นได้แก่ ไซตูน – มะกอก)
21. และแท้จริงมีข้อติดสำหรับพวกเจ้าในปศุสัตว์ เราให้พวกเจ้าได้ดื่มน้ำนมที่มีอยู่ในท้องของมัน และพวกเจ้าจะได้รับประโยชน์อย่างมากมายในมันและบางส่วนของมันพวกเจ้าก็นำมารับทาน(เป็นอาหาร)
22. และพวกเจ้าถูกบรรทุก(เดินทางไปไหน ๆ )บนมันและบนเรือ


คำแปล R3.
17. และเราได้สร้างหนทางทั้งเจ็ดไว้เหนือสูเจ้า เรามิได้เป็นผู้ไร้ความชำนาญในการสร้าง
18. และเราได้ส่งฝนลงมาจากฟ้าในปริมาณที่กำหนดไว้ แล้วเราได้ให้มันขังอยู่ในแผ่นดิน และเราสามารถที่จะเอามันออกไปจากนั้นตามที่เราประสงค์
19. แล้วด้วยฝนนั้น เราได้ทำให้สวนอินทผลัมและสวนองุ่นงอกเงยขึ้นมา ในสวนนั้นมีผลไม้รสอร่อยมากมายและส่วนหนึ่งสูเจ้าก็ได้กินมัน
20. และเราได้ให้มีต้นไม้ที่ขึ้นบนภูเขาซีนาย ซึ่งมันให้น้ำมันและได้ถูกนำไปใช้เป็นอาหารโดยผู้ชอบกินมัน
21. แท้จริงแล้วในปศุสัตว์นั้นมีบทเรียนสำหรับสูเจ้า เราได้ให้สิ่งที่อยู่ในท้องของมันเป็นเครื่องดื่มแก่สูเจ้า และนอกจากนี้แล้วสูเจ้ายังได้ประโยชน์อื่น ๆ จากมันอีกมากมาย และสูเจ้ายังได้กินเนื้อของมัน
22. และสูเจ้าได้ถูกบรรทุกบนมันจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง และบนเรือ

 
คำแปล R4.
17. และแน่นอนยิ่งเราได้สร้างชั้นฟ้าทั้งเจ็ดไว้เบื้องบนพวกเจ้า และเรามิได้เพิกเฉยทอดทิ้งระบบการสร้าง
18. และเราได้หลั่งน้ำให้ลงมาจากฟากฟ้าตามปริมาณ แล้วเราได้ให้มันขังอยู่ในแผ่นดิน และแท้จริงเราเป็นผู้สามารถอย่างแน่นอนที่จะให้มันเหือดหายไป
19. และด้วยน้ำนั้นเราทำให้มันเป็นสวนหลากหลายแก่พวกเจ้ามีต้นอินทผลัม และต้นองุ่นสำหรับพวกเจ้าในสวนนั้นมีผลไม้มากมาย และส่วนหนึ่งพวกเจ้าก็บริโภคมัน
20. และเราได้ทำให้มันเป็นต้นไม้ (ไซตูน) ที่ภูเขาซีนาย ซึ่งมันได้ผลิตออกมาเป็นน้ำมันและน้ำแกง สำหรับผู้บริโภค
21. และแท้จริงในเรื่องปศุสัตว์ (อูฐ วัว แพะ แกะ) นั้นเป็นบทเรียนสำหรับพวกเจ้า เราให้พวกเจ้าดื่ม สิ่งที่อยู่ในท้องของมัน (น้ำนม) และในตัวมันมีประโยชน์มากมายสำหรับพวกเจ้าและบางชนิดพวกเจ้าก็บริโภคมัน
22. และพวกเจ้าได้บรรทุกบนหลังมัน เช่น เดียวกับใช้บรรทุกบนเรือ

 
คำแปล R5.
๑๗. และแท้จริงเราได้สร้างเจ็ดชั้นฟ้าไว้เบื้องบนของพวกเจ้า แต่ละชั้นมีช่วงห่างจากกัน แต่ละชั้นเป็นที่อยู่ของดวงดาว นับจำนวนไม่ถ้วน และแต่ละชั้นมีมลาอิกะห์ทำหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิด และเราหาได้ละเลยต่อสิ่งบันดาลของเรา จัดให้แต่ละอย่างดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบโดยไม่สับสน
๑๘. และเราได้หลั่งลงมาจากฟากฟ้าซึ่งน้ำฝน ตามกำหนดอันแน่นอนและปริมาณที่พอเพียง  แล้วเราก็ให้น้ำฝนนั้นขังดูด ซึมอยู่ในพื้นดิน เพื่อให้มนุษย์ทั้งหลายได้ใช้ประโยชน์จากมันในการเกษตร การกสิกรรม การบริโภค  และแท้จริงเราย่อมทรงอานุภาพเพียงองค์เดียว ที่จะให้มันสูญหายไปโดยมิให้ฝนตกลงมา หรือเมื่อตกมาแล้วก็ให้ตกในภูมิประเทศที่พวกเจ้าไม่อาจเอาประโยชน์จากฝนได้ เช่น ในทะเลทรายเป็นต้น หรือให้ตกในพื้นที่อันไกลโพ้นจนไม่มีใครสามารถจะเดินทางเข้าไปถึง
๑๙.  ต่อมาเราได้สร้างให้แก่พวกเจ้าทั้งหลายด้วยเหตุของมัน(น้ำฝน) บรรดาสวนอินทผาลัมและสวนองุ่น ซึ่งใน สวนเหล่า นั้นพวกเจ้ายังมีผลไม้อื่น ๆ อีก มากมาย นอกจากอินทผาลัมและองุ่น  และพวกเจ้าจะได้บริโภคจากพืชผลต่าง ๆ ที่มีอยู่ในสวน นั้น
๒๐.  และเราได้สร้าง ต้นไม้ชนิดหนึ่งให้พวกเจ้า ซึ่งออกจากภูเขาตูริไซนา ได้แก่ต้นมะกอก(ไซตูน) ซึ่งงอกเงยอยู่บนภูเขาดังกล่าว  มันงอกและผลิออกมาเป็นผลที่สามารถจะนำไปสกัดทำ น้ำมันเพื่อใช้ในทางการแพทย์  และผลของมันก็ยังนำไปทำ น้ำแกงสำหรับผู้บริโภคทั้งหลายได้อีกด้วย
๒๑.  และแท้จริงในปศุสัตว์ทั้งหลายย่อมมีข้อคิดสำหรับพวกเจ้าเพื่อการยอมรับในเอกภาพและอานุภาพของพระองค์อัลเลาะห์ผู้ทรงบันดาลมันมา อันข้อคิดที่พวกเจ้าจะพึงได้นั้นคือ  เราให้พวกเจ้าได้ดื่มน้ำนมอันเป็น บางส่วนที่มีอยู่ในท้องของมัน และในปศุสัตว์เหล่า นั้นยัง มีคุณานุประโยชน์อันมากมายสำหรับพวกเจ้าทั้งมวล นอกเหนือไปจากที่พวกเจ้าได้ดื่มกินน้ำนมของมัน เช่น ได้ใช้ขนของมันมาผลิตเป็นเครื่องนุ่งห่ม  และพวกเจ้าจะได้บริโภคบางตัว จากมันเมื่อมันได้ตายไปแล้วโดยการเชือดที่ถูกแบบแผนตามบทบัญญัติศาสนา
๒๒.  และพวกเจ้าจะได้รับการบรรทุกบนปศุสัตว์นั้น และบนเรือ เพื่อธุระต่าง ๆ ของพวกเจ้าสู่หัวเมืองไกล ๆ


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลมุอ์มินูน อายะฮฺที่ 23 - 25


คำแปล R1.
23. And indeed we sent Nuh (Noah) to his people, and he said: "O my people! Worship Allah! You have no other Ilah (God) but Him (Islamic Monotheism). Will you not then be afraid (of Him i.e. of his punishment because of worshipping others besides Him)?"
24. But the chiefs of those who disbelieved among his people said: "He is no more than a human being like you; He seeks to make himself superior to you. Had Allah willed, he surely could have sent down angels; never did we hear such a thing among our fathers of old.
25. "He is only a man in whom is madness, so wait for him a while."


คำแปล R2.
23. ขอยืนยันแท้จริงเราได้ส่งนูห์มาเป็นศาสนทูต(เพื่อประกาศศาสนา)ยังกลุ่มชนของเขา แล้วเขาก็ประกาศว่า “โอ้พวกพ้องของฉัน พวกท่านจงนมัสการอัลเลาะฮฺเถิด พวกท่านไม่มีพระเจ้าอื่นใดทั้งสิ้นนอกจากพระองค์ แล้วไฉนเล่าพวกท่านจึงไม่ยำเกรงต่อพระองค์?”
24. ครั้นแล้วชนชั้นผู้นำจากกลุ่มชนของเขาที่ปฏิเสธ(คำปรพกาศของเขา)ก็ได้กล่าว(คัดค้าน)ว่า “บุคคลผู้นี้หาใช่อื่นใดไม่นอกจากเป็นเพียงปุถุชนธรรมดาเยี่ยงท่านทั้งหลายนี้เอง เขาเพียงแต่ปรารถนาที่จะยกตัวเองให้เหนือพวกท่านเท่านั้น และหากอัลเลาะฮฺประสงค์ (ที่จะส่งศาสนทูตมาจริง) แน่นอนพระองค์ก็จักต้องส่งมลาอิกะฮฺให้ลงมา(ประกาศ มิใช่ตัวเขาเป็นแน่) เราไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อนเลยในบรรพบุรุษดั้งเดิมของเรา
25. “เขามิใช่ใคร นอกจากเป็นเพียงชายผู้หนึ่งที่วิกลจริต ดังนั้นพวกท่านจงรอ(สังเกต)เขาไปตราบถึงระยะหนึ่งก่อนเถิด (แล้วจะพบความเปลี่ยนแปลงในตัวเขาอย่างแน่นอน)


คำแปล R3.
23. เราได้ส่งนูฮฺมายังหมู่ชนของเรา เขาได้กล่าวว่า “หมู่ชนของฉันเอ๋ย จงเคารพภักดีอัลลอฮฺเท่านั้น พวกท่านไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกไปจากพระองค์ พวกท่านไม่เกรงกลัว (การชิริก) กระนั้นหรือ ?
24. แต่บรรดาหัวหน้าของผู้ปฏิเสธในหมู่ชนของเขาได้กล่าวว่า “คนผู้นี้ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งเหมือนพวกเจ้า เขาเพียงแต่ต้องการทำตัวให้อยู่เหนือพวกเจ้า ถ้าหากอัลลอฮฺทรงประสงค์ พระองค์ก็น่าจะส่งมลาอิกะฮฺลงมา เราไม่เคยได้ยินเรื่องเช่นนี้ (ว่าจะมีมนุษย์มาเป็นรอซูล) จากบรรพบุรุษของเรามาก่อน
25. แน่นอน เขาไม่ได้เป็นอะไรนอกไปจากคนบ้า เพราะฉะนั้นจงคอยสักหน่อย (บางทีเขาอาจจะได้รับการรักษาให้หายได้)


คำแปล R4.
23. และเป็นที่แน่นอนยิ่ง เราได้ส่งนูห์ ไปยังหมู่ชนของเขา ดังนั้นเขาได้กล่าวว่า โอ้หมู่ชนของฉันเอ๋ย พวกท่านจงเคารพภักดี อัลลอฮฺเถิดสำหรับพวกท่านนั้นไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ดังนั้นพวกท่านจะไม่ยำเกรง (การลงโทษของพระองค์) หรือ
24. แล้วหัวหน้าของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาในหมู่ชนของเขาได้กล่าวขึ้นว่า เขาผู้ที่มิใช่ใครอื่นนอกจากเป็นปุถุชนคนธรรมดาเช่นเดียวกับพวกท่านเพียงแต่เขาต้องการที่จะทำตัวให้ดีเด่นเหนือพวกท่าน และหากอัลลอฮฺทรงประสงค์แล้ว แน่นอนพระองค์จะทรงส่งมะลาอิกะฮฺลงมา เราไม่เคยได้ยินคำพูดเช่นนี้ในสมัยบรรพบุรุษของเราแต่กาลก่อนเลย
25. เขามิได้เป็นอะไรนอกจากเป็นคนบ้า ดังนั้นพวกท่านจงอดทนคอยเขาสักระยะเวลาหนึ่ง


คำแปล R5.
๒๓. เราปฏิญาณ แท้จริงเราได้ส่งนูห์โดยการแต่งตั้งให้เป็นศาสนทูตมาสู่กลุ่มชนของเขา เพื่อตักเตือนและเชิญชวนพวกนั้นให้สำนึกถึงการลงโทษของอัลลอฮฺ แล้วเขา(นูห์) ก็กล่าว กับกลุ่มชนของเขาด้วยความห่วงใยและความเมตตาว่า โอ้กลุ่มชนของข้า พวกท่านพึงนมัสการอัลเลาะห์เถิดด้วยการยอมศรัทธาในเอกภาพของพระองค์ และภักดีต่อคำบัญชาของพระองค์โดยเคร่งครัด สำหรับพวกท่านนั้นย่อมไม่มีพระเจ้าใด ๆ อีกแล้วนอกจากพระองค์เพียงพระองค์เดียวเท่านั้น แล้วพวกท่านจะไม่ยำเกรงพระองค์อีกหรือ
๒๔. แต่กลุ่มหัวหน้าผู้เนรคุณจากกลุ่มชนของเขากล่าวว่า อันบุคคลผู้นี้มิใช่ผู้สำคัญแต่อย่างใดเลย นอกจากเป็นปุถุชนธรรมดาเยี่ยงพวกท่านนั่นเอง เขามุ่งหวังที่จะตั้งตนเป็นผู้ทรงเกียรติและเป็นผู้นำเหนือพวกท่าน และถ้าอัลเลาะห์ทรงปรารถนาที่จะประกาศให้พวกเราได้ประพฤติไปตามที่เขาอ้างว่าได้รับบัญชามา แน่นอนพระองค์ย่อมส่งมลาอิกะห์ลงมาเป็นผู้ประกาศ หาใช่ตัวของเขาซึ่งเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาไม่ เราไม่เคยได้ยินมาก่อนเหมือน กับที่นูห์ได้ประกาศนี้ ในยุคสมัยแห่งบรรพบุรุษแรกเริ่มของเรา
๒๕. ที่จริงแล้วเขามิได้เป็นอะไรเลย นอกจากชายคนหนึ่งที่วิกลจริตเท่านั้นเอง ดังนั้น ท่านทั้งหลายจงรอดูเขาเถิด และปล่อยเขาไปตามเรื่องของเขา อย่าสนใจเขามากนัก จนกว่าจะถึงวาระหนึ่งในอนาคตอันไม่ไกลนักบางทีเมื่อเขาสำนึกถึงความคับแค้นอันประสบแก่เขาเอง อันเนื่องมาจากการประกาศของเขา เขาก็จะหวนกลับเข้าสู่สภาพเดิมของเขาและยอมรับหลักธรรมทางศาสนาของบรพบุรุษ


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลมุอ์มินูน อายะฮฺที่ 26 - 30


คำแปล R1.
26. [Nuh (Noah)] said: "O my Lord! Help me because they deny me."
27. So We inspired him (saying): "Construct the ship under Our eyes and under Our Revelation (guidance). then, when Our command comes, and the oven gushes forth water, take on board of each kind two (male and female), and your family, except those thereof against whom the word has already gone forth. And address me not in favour of those who have done wrong. Verily, they are to be drowned.
28. And when you have embarked on the ship, you and whoever is with you, then say: "All the praises and thanks be to Allah, who has saved us from the people who are Zalimun (i.e. oppressors, wrong-doers, polytheists, those who join others in worship with Allah, etc.).
29. And say: "My Lord! Cause me to land at a blessed landing-place, for You are the best of those who bring to land."
30. Verily, in this [what we did as regards drowning of the people of Nuh (Noah)], there are indeed Ayat (proofs, evidences, lessons, signs, etc. for men to understand), for sure we are ever putting (men) to the test.


คำแปล R2.
26. นบีนูห์ได้กล่าวว่า “โอ้องค์อภิบาล โปรดช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด ด้วยเหตุที่พวกเขาว่าข้าพเจ้ามุสา (ในคำประกาศของข้าพเจ้าที่ได้รับมาจากพระองค์)”
27. จากนั้นเราได้โองการแก่เขาว่า “เจ้าจงทำเรือเถิด ภายใต้การอนุเคราะห์ของเราและด้วยโองการของเรา ดังนั้นเมื่อการงาน(การลงโทษ)ของเราได้มาปรากฏขึ้น และน้ำได้พวยพุ่งขึ้นมาจากเตาไฟ(เป็นปาฏิหาริย์บอกเหตุว่าน้ำท่วมโลก) เจ้าก็จงบรรทุกลงไปในเรือนั้นจากทุกชนิด ๆ ละสอง(ตัวผู้ ตัวเมีย) และครอบครัวของเจ้าด้วย ยกเว้นเพียงบางคนจากพวกนั้น ซึ่งประกาศิต(ลงโทษ) ได้ล่วงหน้าไว้แล้วแก่เขา”
28. ครั้นเมื่อพวกเจ้าและผู้ที่อยู่พร้อมกับเจ้าได้ขึ้นไปบนเรือ (เสร็จเรียบร้อยแล้ว) เจ้าก็จงกล่าวเถิดว่า “การสรรเสริญเป็นของอัลเลาะฮฺ ซึ่งพระองค์ได้ยังความปลอดภัยแก่พวกเราให้พ้นจากกลุ่มชนที่ฉ้อฉล”
29. และเจ้าจงกล่าวต่อไปว่า “โอ้องค์อภิบาล ขอพระองค์ทรงให้ข้าพเจ้าได้ลง(จากเรือ)ในที่ที่มีแต่ความจำเริญ และพระองค์ทรงเป็นผู้จัดให้ลงที่ประเสริฐที่สุด”
30. แท้จริงในสิ่งนั้นย่อมมีสัญลักษณ์ต่าง ๆ และแท้จริงเราเป็นผู้ทำการทดสอบ(บ่าวของเรา)

 
คำแปล R3.
26. นูฮฺได้กล่าวว่า “ข้าแต่พระผู้อภิบาล โปรดทรงช่วยฉันด้วยเถิด เพราะพวกเขาถือว่าฉันเป็นผู้โกหก”
27. ดังนั้นเราจึงได้วะฮีย์แก่เขาว่า:จงต่อเรือขึ้นมาตามคำสั่งของเราโดยเร็ว แล้วเมื่อคำบัญชาของเรามาและ อัตตันนูรฺ เริ่มพวยพุ่งขึ้น จงนำเอาสัตว์ทุกชนิดอย่างละคู่ขึ้นบนเรือรวมทั้งคนในครอบครัวของเจ้าด้วย ยกเว้นบรรดาผู้ที่ได้ถูกตัดสินไปแล้ว และจงอย่าร้องขออะไรต่อฉันให้กับพวกคนที่สร้างความอธรรม เพราะพวกเขาจะถูทำให้จมน้ำตาย
28. แล้วเมื่อเจ้าอยู่ในเรือพร้อมกับบรรดาคนที่อยู่ร่วมกับเจ้าแล้วจงกล่าวว่า “บรรดาการสรรเสริญเป็นของอัลลอฮฺผู้ทรงช่วยให้เราพ้นจากหมู่ชนผู้อธรรม”
29. และจงวิงวอนว่า “ข้าแต่พระผู้อภิบาลโปรดจงให้การจอดเรือนี้ของฉันเป็นการจอดยังสถานที่อันจำเริญด้วยเถิด เพราะพระองค์ทรงเป็นเลิศที่สุดแห่งบรรดาผู้กำหนดให้จอด”
30. แท้จริงในเรื่องนี้มีสัญญาณหลายอย่างและเราเป็นผู้ทดสอบมนุษย์เสมอ


คำแปล R4.
26. นูห์ได้กล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอพระองค์ทรงโปรดช่วยเหลือข้าพระองค์ด้วย เพราะพวกเขาปฏิเสธไม่ยอมเชื่อข้าพระองค์
27. ดังนั้น เราจึงวะฮีแก่เขาให้ต่อเรือภายใต้การคุ้มครองของเราและคำสั่งสอนของเรา และเมื่อคำบัญชาของเราได้มาถึง น้ำในเตาก็จะเดือดพุ่ง เจ้าจงบรรทุกทุกชนิดของสัตว์เป็นคู่ ๆ และครอบครัวของเจ้าด้วย นอกจากผู้ที่คำดำรัสได้บันทึกไว้ก่อนแล้ว (ให้หายนะ) ในหมู่พวกเขา (ที่ไม่ยอมศรัทธา) และเจ้าอย่าได้ขอช่วยเหลือเขา ในบรรดาผู้ที่อธรรม แท้จริงพวกเขาจะถูกให้จมน้ำตาย
28. ครั้นเมื่อเจ้า และผู้ที่อยู่ร่วมกับเจ้าได้ขึ้นไปอยู่บนเรือแล้ว ก็จงกล่าวเถิดว่า “บรรดาการสรรเสริญเป็นของอัลลอฮฺ ผู้ซึ่งทรงให้เรารอดพ้นจากหมู่ชนผู้อธรรม”
29. และจงกล่าวเถิดว่า “ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอพระองค์ทรงให้ข้าพระองค์ลงจากเรือด้วยการลงที่มีความจำเริญและพระองค์เท่านั้นเป็นผู้เลิศยิ่งแห่งบรรดาผู้ให้ลงจากเรือ”
30. แท้จริงในการนั้นย่อมเป็นสัญญาณข้อเตือนสติมากหลาย และถึงแม้ว่าเราเป็นผู้ทดสอบปวงบ่าวของเรา


คำแปล R5.
๒๖. นบีนูห์เขากล่าวว่า โฮ้พระผู้อภิบาลของข้า ขอพระองค์ได้โปรดอนุเคราะห์ข้าพเจ้าด้วยเถิด กับการที่พวกนั้นได้กล่าวหาว่าข้าพูดเท็จ
๒๗. ดังนั้นเราจึงดลโองการแก่เขาว่า เจ้าจงทำเรือขึ้นลำหนึ่ง ด้วยการพิทักษ์ของเราต่อเจ้าให้พ้นจากการล่วงละเมิดของฝ่ายทุนชนทั้งหลาย และด้วยโองการของเราที่จะดลให้เจ้าได้ทราบถึงวิธีการทำเรือดังกล่าว ต่อมาเมื่องานของเราได้มาประสบแก่ชาวโลกตามที่เราได้กำหนดไว้ นั่นคือมหาอุทกภัยล้างโลกและหน้าแผ่นดินมีน้ำพุพลุ่งขึ้นมา เจ้าจงบรรทุกลงในเรือลำนั้นจากสัตว์ทุก ๆ ชนิดบนหน้าโลก ๆ นี้ทุก ๆ สองคู่ ตัวผู้ตัวเมีย นำขึ้นบรรทุกสองตัว คือตัวผู้ ๑ ตัว ตัวเมีย ๑ ตัว เช่น อูฐตัวเมีย อูฐตัวผู้ ม้าตัวเมีย ม้าตัวผู้ และครอบครัวของเจ้า ยกเว้นบางคนของพวกเขาที่มีประกาศิตจากเรามาแต่ก่อนแล้วว่าจะลงโทษแก่เขา นั่นคือกันอานและแม่ของเขา ซึ่งเจ้าไม่ต้องบรรทุกเข้าไว้ในเรือด้วย และเจ้าอย่าได้ขอร้องต่อข้าในการให้ความคุ้มครองแก่บรรดาผู้ที่ทุจริตทั้งหลายให้พ้นจากการจมน้ำ เพราะที่จริงพวกเขานั้น ข้าได้ประกาศิตไว้แล้วว่าพวกเขาจะต้องเป็นผู้จมน้ำตายอย่างแน่นอน
๒๘. ดังนั้นเมื่อเจ้าและบุคคลผู้ร่วมกับเจ้าได้อยู่บนเรือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เจ้าจงกล่าวเถิดว่า “มวลการสรรเสริญทั้งหลายเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของอัลเลาะห์ผู้ทรงบันดาลให้เราได้ปลอดภัยจากกลุ่มทุจริตชน”
๒๙. และเจ้าจงกล่าวต่อไปอีกเมื่อเจ้าปลอดภัยจากน้ำท่วมและออกจากเรือแล้วว่า “โอ้องค์พระผู้ทรงอภิบาล ขอพระองค์ได้โปรดให้ข้าพระองค์ได้พำนัก ณ สถานที่พำนักอันเจริญยิ่ง และพระองค์นั้นทรงเป็นผู้ที่เลิศที่สุดแห่งบรรดาผู้ให้ที่พำนักทั้งหลาย”
๓๐. แท้จริงในการที่ได้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงแก่กลุ่มชนของนบีนูห์จนคนเหล่านั้นเสียชีวิตโดยมหาอุทกภัยดังกล่าว เพราะเหตุที่พวกเขากล่าวหาว่านบีนูห์พูดเท็จ ตลอดจนการปฏิเสธในเอกภาพของพระเจ้า และลุ่มหลงในการกราบไหว้บูชาวัตถุเคารพต่าง ๆ นั้น ย่อมเป็นนานาสัญลักษณ์ทางปัญญาที่จะให้ข้อคิด และเป็นอนุสติอันสำคัญยิ่ง แก่พวกกาฟิรชาวกุไรช์ทั้งหลาย เมื่อพวกเขาปฏิเสธในเนื้อหาเดียวกับชุมชนในยุคของนบีนูห์พวกเขาก็ย่อมได้รับการลงโทษดุจเดียวกับที่ชุมชนในยุคนั้นได้รับด้วยเช่นเดียวกัน และแท้จริงเราย่อมเป็นผู้ปฏิบัติการลงโทษเพื่อการทดสอบต่อประชาชาติในทุกยุคทุกสมัยแม้ในสมัยปัจจุบันนี้ก็ตาม


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลมุอ์มินูน อายะฮฺที่ 31 - 35


คำแปล R1.
31. Then, after them, we created another generation.
32. And we sent to them a Messenger from among themselves (saying): "Worship Allah! You have no other Ilah (God) but Him. Will you not then be afraid (of Him i.e. of his punishment because of worshipping others besides Him)?"
33. And the chiefs of his people, who disbelieved and denied the meeting in the Hereafter, and to whom we had given the luxuries and comforts of this life, said: "He is no more than a human being like you, he eats of that which you eat, and drinks of what you drink.
34. "If you were to obey a human being like yourselves, Then Verily! You indeed would be losers.
35. "Does he promise you that when you have died and have become dust and bones, you shall come out alive (resurrected)?


คำแปล R2.
31. หลังจากนั้นเราได้บังเกิดประชาติอื่น ๆ อีก ภายหลังจากพวกเขา (พวกอ๊าด)
32. แล้วเราก็ส่งศาสนทูต(ซึ่งเป็นผู้หนึ่ง)จากกลุ่มของพวกเขาเอง(คือนบีฮู๊ด ให้นำโองการมาประกาศ)ในพวกเขาว่า “ท่านทั้งหลายจงนมัสการอัลเลาะฮฺเถิด พวกท่านไม่มีพระเจ้าอื่นใดทั้งสิ้น นอกจากพระองค์ ไฉนพวกท่านจึงไม่ยำเกรงพระองค์?”
33. และชนชั้นผู้นำจากกลุ่มชนของเขาที่ปฏิเสธ (คำประกาศของเขา)และว่าเรื่องการเผชิญกับโลกหน้าเป็นความเท็จ และเราได้ยังความมั่งคั่งแก่พวกเขาในชีวิตโลกนี้ (พวกเหล่านั้น)ได้กล่าวว่า “บุคคลผู้นั้นมิใช่ใครหรอกนอกจากเป็นปุถุชนสามัญเยี่ยงพวกท่านนั่นเอง เขารับทานจากสิ่งที่พวกท่านรับทาน และเขาดื่มจากสิ่งที่พวกท่านดื่ม (ไม่มีอะไรพิเศษเหนือกว่ากันเลย แล้วจะศรัทธากับเขาได้อย่างไร?)
34. “ขอสาบาน แท้จริงหากพวกท่านเชื่อฟังสามัญชนเยี่ยงพวกท่าน แน่นอนที่สุดพวกท่านก็จะต้องขาดทุนโดยพลัน”
35. “เป็นไปได้หรือ ตามที่เขาสัญญากับพวกท่าน ว่าพวกท่านนั้นเมื่อได้ตายไปแล้วและพวกท่านได้กลายเป็นดินและเหลือแต่กระดูก แล้วพวกท่านจะถูกใฟ้ฟื้น(คืนชีพ)ออกมา(จากสุสานอีก)?”

 
คำแปล R3.
31. หลังจากพวกเขาแล้วเราได้ให้มีหมู่ชนเกิดขึ้นอีกรุ่นหนึ่ง
32. แล้วเราได้ส่งรอซูลคนหนึ่งจากในหมู่พวกเขาไปยังพวกเขาซึ่งกล่าวว่า “จงเคาระภักดีอัลลอฮฺเท่านั้น พวกท่านไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ แล้วพวกท่านไม่กลัว(การปฏิเสธ)ดอกหรือ ?”
33. บรรดาหัวหน้าหมู่ชนของเขาที่ปฏิเสธสาส์นและปฏิเสธชีวิตในโลกหน้า และผู้ที่เราได้ให้ความเจริญมั่งคั่งในชีวิตโลกนี้แก่เขาได้กล่าวว่า “คนผู้นี้ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกไปจากมนุษย์ธรรมดาเหมือนพวกเจ้า เพราะเขาก็กินเหมือนกับที่พวกเจ้ากิน และดื่มเหมือนกับที่พวกเจ้าดื่ม
34. ถ้าหากพวกเจ้ายอมปฏิบัติตามมนุษย์เหใทอนอย่างพวกเจ้า พวกเจ้าก็จะเป็นผู้ขาดทุนอย่างแน่นอน
35. อะไรนะ เขาบอกพวกเจ้าหรือว่า หลังจากที่พวกเขาตาย กลายเป็นผุยผงและเป็นกระดูกไปแล้ว พวกเจ้าจะถูกนำออกมาอีกครั้งหนึ่ง (จากสุสาน) ?

 
คำแปล R4.
31. แล้วหลังจากพวกเขา เราได้บังเกิดชนอีกกลุ่มหนึ่ง (พวกอ๊าด)
32. ดังนั้นเราได้ส่งร่อซูลคนหนึ่ง (ฮูด) ของพวกเขาไปยังพวกเขา โดยกล่าวว่า พวกท่านจงเคารพภักดีอัลลอฮฺเถิด สำหับพวกท่านนั้นไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ดังนั้นพวกท่านจะไม่ยำเกรง (การลงโทษของ) พระองค์หรือ
33. และหัวหน้าหมู่ชนของเขา คือบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา และปฏิเสธไม่ยอมเชื่อการมีวันปรโลก และเราได้ให้ความสำราญแก่พวกเขาในโลกนี้ กล่าวว่า เขาผู้นี้มิใช่ใครอื่นนอกจากเป็นปุถุชนคนธรรมดาเช่นเดียวกับพวกท่านเขากินอาหารเช่นเดียวกับที่พวกท่านกิน และเขาดื่มเช่นเดียวกับพวกท่านดื่ม
34. และหากพวกท่านเชื่อฟังปฏิบัติตามมนุษย์ธรรมดาเช่นเดียวกับพวกท่าน ดังนั้นแน่นอนพวกท่านเป็นผู้ขาดทุน
35. เขาสัญญากับพวกท่านกระนั้นหรือว่าแท้จริงเมื่อพวกท่านได้ตายไปแล้ว และพวกท่านกลายเป็นดิน และกระดูกแล้ว แน่นอนพวกท่านจะถูกนำให้ออกมาฟื้นขึ้นอีก


คำแปล R5.
ชีวประวัตินบีฮู๊ด
๓๑. ต่อมาเราได้ให้บังเกิดภายหลังจากกลุ่มชนของนบีนูห์ได้สลายไปแล้ว ซึ่งประชาชาติอื่นอีกมากมาย พวกนั้นได้แก่พวก “อ๊าด”
๓๒. แล้วเราได้ส่งมาในพวกนั้นทูตคนหนึ่งที่ได้รับการแต่งตั้งขึ้นจากกลุ่มชนนั้นเอง เขามีนามว่า “ฮู๊ด” โดยทูตผู้นี้ได้มาประกาศว่า “พวกท่านทั้งหลายจงนมัสการต่ออัลเลาะห์ และภักดีต่อพระองค์เพียงพระองค์เดียว ทั้งนี้เพราะอันที่จริงสำหรับพวกท่านทั้งหลายไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีกแล้วที่พึงศรทัธาและนมัสการนอกจากพระองค์เท่านั้น แล้วพวกท่านทั้งหลายยังจะไม่ยำเกรงพระองค์อีกหรือ พวกท่านจงกลัวโทษที่จะประสบแก่ตัวเองเถิดเมื่อพวกท่านมากันนมัสการสิ่งอื่น”
๓๓.และชนชั้นหัวหน้าจากกลุ่มชนของเขาซึ่งเป็นผู้เนรคุณและกล่าวหาเป็นเท็จเกี่ยวกับการประสบวาระแห่งปรภพทั้ง ๆ ที่เราได้โปรดปรานแก่เขาในชีวิตแห่งภพปัจจุบัน ให้พวกเขามีความสุขและมั่นคงอย่างอดมสมบูรณ์ได้กล่าวคัดค้านการประกาศของนบีฮู๊ดว่า คนผู้นี้มิใช่อื่นใดเลยนอกจากเป็นเพียงปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งเยี่ยงพวกท่านทั้งหลาย นี้เอง เขาไม่มีอันใดวิเศษกว่าพวกท่าน เขารับประทานอาหารจากสิ่งที่พวกท่านรับประทาน และเขาดื่มจากสิ่งที่พวกท่านดื่ม
๓๔. และมาดแม้นพวกท่านภักดีเชื่อฟังต่อปุถุชนธรรมดาเยี่ยงพวกท่าน แน่แท้ ณ บัดนั้น พวกท่านก็จะเป็นผู้ขาดทุนอย่างแน่นอน
๓๕. เขาผู้นั้นหรือ ที่สัญญาต่อพวกท่านว่า เมื่อพวกท่านเสียชีวิตทั้ง ๆ ที่พวกท่านเป็นเพียงดินและกระดูกที่กองรวมอยู่ในสุสาน พวกท่านจะได้ฟื้นขึ้นอีกครั้งหนึ่งในสภาพเดียวกับที่พวกท่านยังไม่เสียชีวิตแล้วจะให้ออกมาจากสุสานนั้น


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลมุอ์มินูน อายะฮฺที่ 36 - 38


คำแปล R1.
36. "Far, very far is that which you are promised.
37. "There is nothing but our life of this world! We die and we live! And we are not going to be resurrected!
38. "He is only a man who has invented a lie against Allah, but we are not going to believe in him."


คำแปล R2.
36. ช่างห่างไกล(ความจริง)เหลือเกิน ช่างห่างไกล(ความจริง)เหลือเกิน สำหรับสิ่งที่พวกท่านถูกสัญญา(จากเขา)”
37. “การมีชีวิตจะไม่มี(หลายครั้งเป็นเด็ดขาด)นอกจากชีวิตของเราในโลกนี้เท่านั้น เราตายและเราเป็น แต่เราจะไม่มีการถูกฟื่น(คืนชีพขึ้นมาอีกครั้งในวันกิยามะฮฺเป็นแน่)”
38. “เขาหาใช่ใครไม่นอกจากเป็นเพียงชายผู้หนึ่งที่กุความเท็จให้แก่อัลเลาะฮฺ และพวกเราจะไม่ขอศรัทธากับเขา(เป็นอันขาด)”

 
คำแปล R3.
36. เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ ในเรื่องที่พวกเจ้าถูกขู่ไว้
37. ไม่มีชีวิตอื่นใดอีกแล้วนอกจากชีวิตในโลกนี้ เราจะอยู่ที่นี่ และตายที่นี่ และเราจะไม่ถูกทำให้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
38. คนผู้นี้ เป็นแค่เพียงคนโกหกที่กำลังสร้างเรื่องเท็จขึ้นมาในนามของอัลลอฮฺ และเราจะไม่เชื่อเขา”


คำแปล R4.
36. ไกลเสียจริง ไกลเสียจริง ในสิ่งที่พวกท่านถูกสัญญาไว้
37. ไม่มีชีวิต นอกจากการดำรงชีวิตของเราในโลกนี้ เราจะตายไป และ (บางคนในพวก)เราก็จะมีชีวิตอยู่ และพวกเราจะไม่ถูกให้ฟื้นคืนชีพมาอีก
38. เขามิใช่ใครอื่น นอกจากเป็นคนธรรมดาที่กล่าวเท็จต่ออัลลอฮฺ และเราไม่ยอมศรัทธาต่อเขาเป็นอันขาด


คำแปล R5.
๓๖. ห่างไกลเสียเหลือเกินสำหรับสิ่งที่พวกท่านทั้งหลายได้รับสัญญามาจากเขาที่ว่าหลังจากเสียชีวิตไปแล้วร่างกายจะฟื้นคาสู่สภาพปกติอีกครั้งหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่มันเหลืออยู่เพียงดินและกองกระดูก แล้วก็จะออกจากสุสานไปสู่การสอบสวนและการตอบแทนผลประพฤติตามที่คนชื่อฮู๊ดได้พร่ำเพ้อเจ้าไว้นั้นเป็นเรื่องไร้สาระ หาแก่นสารมิได้และเป็นเรื่องที่เกิดไม่ได้อย่าแน่นอน พวกท่านอย่าได้โง่เขลาหลงเชื่อคนผู้นั้นเป็นอันขาด
๓๗. พวกเขาคัดค้านนบีฮู๊ดกำชับขึ้นอีกว่า อันที่จริงไม่มีชีวิตอื่นใดทั้งสิ้นนอกจากชีวิตของพวกเราในภพนี้เท่านั้น เราเสียชีวิต และเรามีชีวิตกันอยู่ในภพนี้ เมื่อคนใดตายลงไป เขาก็จะไม่ฟื้นขึ้นมาอีก และคนอื่น ๆ ก็จะให้การสืบพันธุ์ต่อเนื่องกันเรื่อยไป และพวกเราจะไม่ถูกให้ฟื้นขึ้นมาจากสุสานเช่นที่ฮู๊ดได้ประกาศไว้หรอก
๓๘. พวกเหล่านั้นได้ใส่ร้ายท่านนบีฮู๊ดเพื่อเน้นข้อคัดค้านยิ่งขึ้นว่า เขานั้นมิใช่ใครเลยนอกจากเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่เสกสรรความเท็จขึ้นเหนืออัลเลาะห์ ทั้ง ๆ ที่พระองค์มิได้ตรัสข้อความที่เขานำมาอ้างนั้นเลย บางทีเขาก็พูดว่า นอกจากอัลเลาะห์แล้ว ไม่มีพระเจ้าใด ๆ ทั้งสิ้น พระองค์ทรงสร้างชั้นฟ้าและแผ่นดิน” และบางทีเขาก็พูดอีกว่า “คนตายไปแล้วจะได้ฟื้นขึ้นอีก” ซึ่งเป็นเรื่องมุสาที่เขาแต่งเองทั้งสิ้น และพวกเราไม่เชื่อถือเขาหรอกในเรื่องที่เขาพร่ำเพ้อออกมานั้น


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลมุอ์มินูน อายะฮฺที่ 39 - 41


คำแปล R1.
39. He said: "O my Lord! Help me because they deny me."
40. (Allah) said: "In a little while, they are sure to be regretful."
41. So As-Saihah (torment - awful cry, etc.) overtook them with justice, and we made them as rubbish of dead plants. So away with the people who are Zalimun (polytheists, wrong-doers, disbelievers in the Oneness of Allah, disobedient to his Messengers, etc.).


คำแปล R2.
39. เขา(นบีฮู๊ด)ได้กล่าวว่า “โอ้องค์อถิบาลโปรดช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด เพราะสาเหตุที่พวกเขาได้ว่าข้าพเจ้ามุสา”
40. อัลเลาะฮฺทรงตรัสว่า “ในช่วงเวลาอันเล็กน้อยนี้เอง พวกเขาจะต้องประสบกับความระทมอย่างแน่นอน
41. ผลที่สุดเสียงกัมปนาท(แห่งการทำลายล้าง)ก็ได้ทำลายล้างพวกเขาโดยสัจจริง แล้วเราก็ดลบันดาลให้พวกเขามีสภาพประดุจดังขยะในฟองน้ำ(ซึ่งมีแต่การแตกสลาย) ที่จริงช่างห่างไกลเหลือเกิน(ที่จะได้รับความสุขและทางนำ)สำหรับกลุ่มทุจริตชนทั้งมวล


คำแปล R3.
39. ดังนั้น รอซูลจึงได้กล่าวว่า “ข้าแต่พระผู้อภิบาลของฉัน โปรดจงช่วยเหลือฉันด้วยเถิด เพราะพวกเขาหาว่าฉันเป็นผู้โกหก”
40. พระองค์ได้ทรงตอบว่า “ในไม่ช้านี้ พวกเขาจะเสียใจ”
41. หลังจากนั้นไม่นาน การลงโทษอันยิ่งใหญ่ก็ได้ทำลายพวกเขาอย่างยุติธรรม แล้วเราได้ทำให้พวกเขาเป็นเหมือนเศษสวะ ดังนั้น ความห่างไกลจากความเมตตาของอัลลอฮฺจึงประสบแก่หมู่ชนผู้อธรรม


คำแปล R4.
39. เขา (ฮูด) กล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอพระองค์ทรงโปรดช่วยเหลือข้าพระองค์ด้วย เพราะพวกเขาปฏิเสธไม่ยอมเชื่อข้าพระองค์
40. พระองค์ ตรัสว่า หลังจากชั่วเวลาอีกเล็กน้อยพวกเขาจะกลายเป็นผู้เศร้าโศกเสียใจอย่างแน่นอน
41. ดังนั้นเสียงงกัมปนาทได้ผลาญชีวิตพวกเขาอย่างยุติธรรม แล้วเราได้ทำให้พวกเขากลายเป็นเศษขยะ ฉะนั้น (ความหายนะ) ความห่างไกล (จากเมตตาของอัลลอฮฺ) จึงประสบแก่หมู่ชนผู้อธรรม


คำแปล R5.
๓๙. หลังจากท่านนบีฮู๊ดประสบความผิดหวังในการประกาศสัจธรรมและสิ้นหวังที่จะทำให้พวกนั้นเชื่อถือ เขาจึงกล่าววิงวอนต่ออัลเลาะห์ว่า โอ้องค์พระผู้ทรงอภิบาล โปรดอนุเคราะห์ข้าพเจ้าให้ข้าพเจ้ามีชัยชนะเหนือพวกเขาด้วยเถิด ด้วยเหตุที่พวกนั้นหาว่าข้ามุสา ในคำประกาศของข้าตามพระบัญชาของพระองค์ ขอพระองค์ได้โปรดลงโทษพวกเขาด้วย
๔๐. พระองค์อัลเลาะห์ทรงโองการเพื่อสนองคำวอนขอของท่านนบีฮู๊ดว่า บรรดาชนผู้กล่าวหาเจ้าว่าเป็นผู้มุสานั้นพวกเขาจะเปลี่ยนสภาพเป็นผู้เสียใจอย่างแน่นอนภายหลังจากกาลเวลาอันเล็กน้อย พวกเขาจะเสียใจเป็นอย่างยิ่งในการกระทำของเขาที่ล่วงมาแล้ว แล้วต่อจากนั้นพวกเขาก็จะต้องรับการลงโทษของเราซึ่งขณะนั้นความเสียใจของพวกเขาจะไม่เกิดประโยชน์ใด ๆ แก่พวกเขาเลย
๔๑. แล้วกำปนาทแห่งมหันตโทษก็ได้ประสบแก่พวกเขาด้วยสัจจะ จนพวกเขาไม่อาจทนรับการลงโทษนั้นได้ และที่จริงแล้วพวกเขาเป็นผู้เหมาะสมแล้วต่อการรับโทษเพราะเหตุที่พวกเขากล่าวหาศาสดาของพวกเขาเองว่าเป็นผู้มุสา และพวกเขาเนรคุณต่อเรา แล้วเราได้บันดาลพวกเขาให้เป็นเช่นพืชแห้งที่เหี่ยวเฉา ซึ่งไร้ความสามารถที่จะช่วยตัวเองได้ และไม่มีประโยชน์อันพึงหวังได้จากพวกเขาเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นจึงเป็นความห่างไกลอย่างยิ่งจากความเมตตาสำหรับบรรดาทุจริตชนผู้กล่าวหาเป็นเท็จในศาสดาและคำประกาศของเขา


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลมุอ์มินูน อายะฮฺที่ 42 - 44


คำแปล R1.
42. Then, after them, we created other generations.
43. No nation can anticipate their term, nor can they delay it.
44. Then we sent Our Messengers in succession, every time there came to a nation their Messenger, they denied him, so we made them follow one another (to destruction), and we made them as Ahadith (the true stories for mankind to learn a lesson from them). So away with a people who believe not.


คำแปล R2.
42. หลังจากนั้น เราได้บังเกิดประชาชาติอื่น ๆ หลังจากเขา
43. แต่ละประชาชาติจะไม่สามารถล่วงหน้าอายุขัยของตนเองและไม่สามารถขอเนิ่นเวลาของอายุขัยออกไป(จากกำหนดที่มีอยู่แล้ว)
44. หลังจากนั้นเราได้ส่งบรรดาศาสนทูตของเราอย่างต่อเนื่องกัน ทุกสิ่งที่ศาสนทูตแห่งประชาชาตินั้น ๆ ได้นำมาประกาศ พวกเขาก็ถือว่าเป็นความเท็จ(ทั้งสิ้น) ดังนั้นเราจึงให้พวกเขาตามติดซึ่งกันและกัน(ในการได้รับโทษ) และเราได้บันดาลพวกเขาให้เป็นเรื่องราวที่เล่าสืบต่อกัน(เป็นคติเตือนใจแก่คนรุ่นหลัง ๆ) ที่จริงช่างห่างไกลเหลือเกินสำหรับกลุ่มชนที่ไม่ศรัทธา


คำแปล R3.
42. หลังจากคนพวกนี้แล้ว เราได้ให้มีอีกหมู่ชนหนึ่งเกิดขึ้น
43. ไม่มีหมู่ชนใดที่จะสิ้นสุดวาระของตนเองก่อนเวลาที่ได้ถูกกำหนดไว้ และไม่มีหมูชนใดจะสามารถมีอายุเกินไปกว่านั้น
44. และเราได้ส่งรอซูลของเรามาอย่างต่อเนื่อง เมื่อใดก็ตามที่รอซูลได้มายังหมู่ชนของเขา พวกเขาก็ถือว่าเขาโกหก ดังนั้นเราจึงได้ทำลายหมู่ชนนั้นหมู่ชนนี้จนกระทั่งเราได้ทำให้หมู่ชนเหล่านั้นเป็นเรื่องบอกเล่าสืบต่อกันมา แน่นอน ความหายนะจะเกิดขึ้นแก่บรรดาผู้ไม่ศรัทธา


คำแปล R4.
42. แล้วหลังจากพวกเขา เราได้บังเกิดหมู่ชนอีกหลายกลุ่ม
43. ไม่มีประชาชาติใดที่จะได้รับการลงโทษก่อนกำหนดของมัน และก็จะไม่ล่าช้ากว่ากำหนดเช่นกัน
44. แล้วเราได้ส่งบรรดารอซูลของเรามาอย่างต่อเนื่องกัน ทุกครั้งที่รอซูลของพวกเขาได้มายังชนชาติหนึ่งพวกเขาก็ปฏิเสธไม่ยอมเชื่อถือเขา ดังนั้นเราจึงให้บางกลุ่มของพวกเขาติดตามอีกบางกลุ่ม (ด้วยความหายนะพินาศ) แล้วเราได้ทำให้พวกเขาเป็นเรื่องบอกเล่าต่อกันมา ฉะนั้น (ความหายนะ) ความห่างไกล (จากเมตตาของอัลลอฮฺ) จึงประสบแก่บรรดาผู้ไม่ยอมศรัทธา


คำแปล R5.
ชีวประวัติของนบีซอลิห์, ลู๊ต ซุไอบ์ และอื่น ๆ
๔๒. ต่อมาเราได้ให้บังเกิดกลุ่มชนอื่นอีกภายหลังจากพวกเขา(พวกอ๊าด)ได้ถึงแก่กาลวิบัติไปแล้ว เช่น กลุ่มชนของนบีซอลิห์, ลู๊ต, ซุไอบ์ และอื่น ๆ อีก
๔๓. ประชาชาติใด ๆ ก็ตามย่อมไม่ล่วงหน้าอายุขัยของตัวเองและไม่ขอเนิ่นช้าไปจากอายุขัยของตัวเองที่อัลเลาะห์ได้ทรงกำหนดและลิขิตไว้ ดังนั้นเมื่อพระองค์ทรงลิขิตให้พวกเขาเสียชีวิตเมื่อใด เขาก็ไม่อาจขอให้ความตายนั้นเกิดก่อนกำหนดหรือให้ล่ากว่ากำหนดได้
๔๔. หลังจากนั้นเราได้ส่งบรรดาทูตของเราลงมาสู่ทุก ๆ ประชาชาติในแต่ละยุคโดยต่อเนื่อง เมื่อทูตคนหนึ่งจากไป เราจะส่งคนอื่นมาแทนเพื่อประกาศโองการของเราให้ประชาชาติทุกยุคสมัย ทุกครั้งที่ทูตแห่งประชาชาติหนึ่ง ๆ มาสู่พวกเขา พวกเขาก็กล่าวหาว่าเป็นผู้มุสา เป็นเช่นนี้ในทุกยุคทุกสมัย เฉกเช่นที่อาหรับมุชริกทำกับเจ้าในปัจจุบันนี้แหละ ดังนั้นเราจึงจัดการลงโทษแต่ละประชาชาติสืบเนื่องติดต่อกันมา บางส่วนของพวกเขาแก่อีกบางส่วนและเราได้บันดาลพวกที่ถูกลงโทษไปแล้วนั้นให้เป็นเรื่องราวที่คนสมัยหลังจะนำมาพูดถึงกันอยู่ด้วยความฉงนฉงาย ดังนั้นอัลเลาะห์ได้บันดาลความห่างไกลอย่างยิ่งให้เป็นของกลุ่มชนที่ไม่ศรัทธา


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลมุอ์มินูน อายะฮฺที่ 45 - 49


คำแปล R1.
45. Then we sent Musa (Moses) and his brother Harun (Aaron), with Our Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.) and manifest authority,
46. To Fir'aun (Pharaoh) and his chiefs, but they behaved insolently and they were people self-exalting (by disobeying their Lord, and exalting themselves over and above the Messenger of Allah).
47. They said: "Shall we believe in two men like ourselves, and their people are obedient to us with humility (and we use them to serve us as we like)."
48. So they denied them both [Musa (Moses) and Harun (Aaron)] and became of those who were destroyed.
49. And indeed we gave Musa (Moses) the scripture, that they may be guided.


คำแปล R2.
45. หลังจากนั้นเราได้ส่งมูซาและพี่น้องของเขาคือฮารูนมาเป็นทูตนำโองการต่าง ๆ ของเราและหลักฐานอันชัดแจ้ง
46. (มาประกาศ)ยังฟิรเอาน์และพวกพ้องของเขา แต่แล้วพวกนั้นกลับยโส(ที่จะตอบรับคำประกาศ) และพวกเขาเป็นกลุ่มชนที่ยกตัวเอง
47. จนถึงกับพูดว่า “จะให้เราศรัทธากับคนสามัญสองคนที่เหมือนกับเรากระนั้นหรือ ทั้ง ๆ ที่กลุ่ม(อิสรออีล)ของเขาทั้งสองนั้นเป็นทาสรับใช้ของเรา?”
48. จากนั้นพวกเขาก็ว่าคนทั้งสองมุสา ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นพวกหนึ่งจากบรรดาจำพวกที่ประสบความหายนะ
49. ขอยืนยัน แท้จริงเราได้มอบคัมภีร์เตารอฮฺแก่มูซา เพื่อพวกเหล่านั้นจะได้รับการชี้นำ (ด้วยการประกาศคัมภีร์ดังกล่าวโดยนบีมูซา)


คำแปล R3.
45. หลังจากนั้นเราได้ส่งมูซาและฮารูนพี่ชายของเขาพร้อมกับสัญญาณและหลักฐานอันชัดแจ้งของเรา
46. มายังฟาโรห์และบรรดาขุนนางของเขา แต่พวกเขากลับโอหังและเป็นหมู่ชนที่ทะนงตน
47. พวกเขากล่าวว่า “อะไรนะ เราจะเชื่อคนสองคนที่เป็นมนุษย์เหมือนกับพวกเรา และคนของเขาทั้งสองนี้ เป็นทาสเรากระนั้นหรือ ?”
48. ดังนั้นพวกเขาจึงได้ถือว่า เขาทั้งสองเป็นผู้โกหกและจึงได้ถูกทำลาย
49. และเราได้ประทานคัมภีร์แก่มูซาเพื่อที่ผู้คนจะได้อยู่ในทางนำ


คำแปล R4.
45. แล้วเราได้ส่งมูซา และพี่ชายของเขาคือฮารูน พร้อมด้วยสัญญาณทั้งหลายของเราและหลักฐานอันชัดแจ้ง
46. ไปยังฟิรเอาน์ และบุคคลชั้นหัวหน้าของเขา แต่พวกเขาก็อวดใหญ่อวดโต และพวกเขาเป็นหมู่ชนที่เย่อหยิ่งจองหอง
47. พวกเขากล่าวว่า จะให้พวกเราศรัทธาต่อบุคคลทั้งสองที่มีสภาพเช่นเดียวกับเราและทั้ง ๆ ที่พวกพ้องของเขาทั้งสองก็เป็นทาสรับใช้เรา
48. ฉะนั้นพวกเขาจึงปฏิเสธไม่ยอมเชื่อฟังเขาทั้งสอง พวกเขาจึงอยู่ในหมู่ผู้ถูกทำลายจมน้ำตาย
49. และแท้จริงเราได้ให้คัมภีร์ (เตารอฮฺ) แก่มูซา เพื่อพวกเขาจะได้อยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง


คำแปล R5.
ชีวประวัติของนบีมูซา – ฮารูน
๔๕.  หลังจากนั้นเราได้ส่งมูซาและพี่ชายของเขาคือฮารูรพร้อมด้วยสัญลักษณ์ต่าง ๆ ของเราและเหตุผลอันชัดแจ้ง
๔๖.  มูซาและฮารูนนั้นถูกส่งตัวมา ยังฟิรเอาน์และชนชั้นหัวหน้าแห่งกลุ่มชนชาวกิบตี(ไอยคุปต์)ซึ่งเป็นกลุ่มชน ของเขา(ฟิรเอาน์) โดยฟิรเอาน์เป็นกษัติริย์แห่งกลุ่มชนนั้น  แต่แล้วพวกเขากลับแสดง โอหัง ไม่ยอมเชื่อถือต่อนบีมูซาและฮารูน  และพวกเขาถือดีว่า เป็นกลุ่มชนผู้สูงศักดิ์กว่ามวลมนุษย์ทั้งหลายในแผ่นดินนี้
๔๗.  ดังนั้นพวกเขาจึงกล่าวว่า จะให้เราศรัทธาต่อปุถุชนธรรมดาสองคนที่เหมือนกับเรากระนั้นหรือ ทั้ง ๆ ที่พวกพ้องของเขาทั้งสองผู้เป็นชนเผ่าอิสรออีลนั้น ก็เป็นผู้กราบไหว้ต่อเรา เป็นทาสและเป็นข้าแผ่นดินของเราอยู่และเหมาะสมหรือที่จะให้คนอย่างเราไปนับถือศาสนาที่เขาทั้งสองประกาศ
๔๘.  แล้วพวกเขาได้กล่าวหาแก่ทั้งสอง มูซาและฮารูน ว่าเป็นผู้มุสา ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นส่วนหนึ่ง จากบรรดาผู้วิบัติโดยอัลเลาะห์บันดาลให้พวกเขาจมน้ำตายในทะเลแดง
๔๙.  และแท้จริงเราได้ประทานคัมภีร์เตารอต แก่นบี มูซา ซึ่งในคัมภีร์นั้นมีบทบัญญัติต่าง ๆ ทั้งคำสั่งใช้ให้กระทำและข้อห้ามภายหลังจากฟิรเอาน์และชนชั้นหัวหน้าของชาวกิปตีได้ประสบกับความวิบัติไปแล้ว  เพื่อพวกเขาจะได้รับการชี้นำไปสู่แนวทางอันถูกต้องต่อไป


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลมุอ์มินูน อายะฮฺที่ 50 - 56


คำแปล R1.
50. And we made the son of Maryam (Mary) and his mother as a sign, and we gave them refuge on high ground, a place of rest, security and flowing streams.
51. O (you) Messengers! Eat of the Taiyibat [all kinds of halal (legal) foods which Allah has made legal (meat of slaughtered eatable animals, milk products, fats, vegetables, fruits, etc.], and do righteous deeds. Verily! I am Well-Acquainted with what you do.
52. And Verily! This you’re Religion (of Islamic Monotheism) is one religion, and I am your Lord, so keep your duty to Me.
53. But they (men) have broken their Religion among them into sects, each group rejoicing in its belief.
54. So leave them in their error for a time.
55. Do they think that we enlarge them in wealth and children?
56. We hasten unto them with good things (in this worldly life so that they will have no share of good things in the Hereafter)? Nay, but they perceive not.


คำแปล R2.
50. และเราได้ดลบันดาล(อีซา)บุตรของมัรยัมและมารดาของเขาให้เป็นสัญลักษณ์หนึ่ง (ปาฏิหาริย์) และเราให้คนทั้งสองได้มาถึงพื้นราบ ให้เป็นที่อยู่ที่มีความมั่นคงและอุดมด้วยแหล่งน้ำ
51. โอ้บรรดาศาสนทูตทั้งหลายพวกเจ้าจงบริโภคจากสิ่งที่ดีและจงประพฤติแต่ความดี แท้จริงข้ารอบรู้ในสิ่งที่เจ้าประพฤติ
52. และแท้จริง(ศาสนาแห่ง)ประชาชาตินี้คือ (ศาสนาแห่ง)ประชาชาติของพวกเจ้า ย่อมเป็น(ศาสนาแห่ง)ประชาชาติเดียวกัน และข้าเป็นองค์อภิบาลของพวกเจ้า ดังนั้นพวกเจ้าจงยำเกรงข้าเถิด
53. ครั้นต่อมา ประชาชาติแห่งศาสนทูตเหล่านั้น ก็ได้แตกแยกกิจการแห่งศาสนาของพวกเขาในระหว่างพวกเขาให้เป็นกลุ่มทัศนะต่าง ๆ แต่ละคณะ (ที่แตกแยกกันนั้น)ต่างก็ชื่นชอบในสิ่งที่อยู่ในทัศนะของพวกเขาเอง
54. ดังนั้นเจ้าจงปล่อยพวกเขาไว้ในความงมงายของพวกเขาต่อไปเถิด ตราบถึงวาระหนึ่ง(ที่พวกเขาจะต้องประสบกับการลงโทษอันทรมาน)
55. พวกเขาคิดหรือว่า อันสิ่งที่เราได้โปรดแก่พวกเขาให้มีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพย์สินและบุตรบริวารนั้น
56. (จะมีความหมายว่า)เรารีบให้พวกเขาได้ตกอยู่ในความดี? (ที่จริงหาเป็นเช่นนั้นไม่) ทว่า พวกเขาไม่สำนึกเอง


คำแปล R3.
50. และเราได้ทำให้ลูกของมัรฺยัมและแม่ของเขาเป็นสัญญาณหนึ่ง และเราได้ให้ที่พักแก่เขาทั้งสองบนที่ราบสูงอันเป็นที่พวกเขาจะได้รับความสงบและได้รับน้ำจากสายน้ำที่ไหลผ่าน
51. โอ้บรรดารอซูล จงบริโภคสิ่งที่สะอาดและกระทำความดี แท้จริงฉันรู้ดีทุกอย่างถึงสิ่งที่เจ้ากระทำ
52. แท้จริงเจ้าทั้งหลายนั้นเป็นหมู่ชนเดียวกัน และฉันเป็นพระผู้อภิบาลของเจ้า ดังนั้น จงเกรงกลัวฉัน
53. แต่หลังจากนั้นผู้คนก็ได้แบ่งแยกพวกเขาเองออกเป็นพวกต่าง ๆ และแต่ละพวกก็สุขสำราญในสิ่งที่มีอยู่
54. ดังนั้นจงปล่อยให้พวกเขาหมกมุ่นอยู่ในความงมงายไว้จนกระทั่งถึงวาระที่ถูกกำหนดไว้
55. พวกเขาคิดหรือว่า ด้วยการให้ทรัพย์สมบัติและลูก ๆ แก่พวกเขาตลอดมานั้น
56. เราได้ทำไปเพื่อเอาใจพวกเขา ? มิใช่เช่นนั้นเลย พวกเขาไม่เข้าใจความจริงต่างหาก


คำแปล R4.
50. และเราได้ทำให้อีซาบุตรของมัรยัม และแม่ของเขาเป็นสัญญาณหนึ่ง (ปาฏิหาริย์อันยิ่งใหญ่) และเราได้ให้ที่พักพิงแก่เขาทั้งสอง ณ ที่ราบสูงแห่งหนึ่ง (บัยตุลมักดิส) เป็นที่พักอย่างสะดวกสบาย และมีธารน้ำไหล
51. โอ้ บรรดารอซูลเอ๋ย  พวกเจ้าจงบริโภคส่วนที่ดี (ฮะล้าล) และจงกระทำความดีเถิดเพราะแท้จริง ข้ารอบรู้สิ่งพวกเจ้ากระทำ
52. แท้จริงนี่คือประชาชาติของพวกเจ้า เป็นประชาชาติเดียวกัน และข้าคือพระเจ้าของพวกเจ้าฉะนั้นพวกเจ้าจงยำเกรงต่อข้า
53. พวกเขาได้แตกแยกกันในเรื่องของพวกเขา ระหว่างพวกเขากันเอง แต่ละฝ่ายก็พอใจในสิ่งที่ตนเองยึดถือ
54. ดังนั้นเจ้า (มุฮัมมัด) จงปล่อยพวกเขาให้อยู่ในความงมงายของพวกเขา สักระยะเวลาหนึ่ง
55. พวกเขาคิดหรือว่า แท้จริงสิ่งที่เราได้ให้แก่พวกเขา เช่น ทรัพย์สมบัติ และลูกหลานนั้น
56. เราได้รีบเร่งให้ความดีต่าง ๆ แก่พวกเขากระนั้นหรือ ? เปล่าเลย แต่ทว่าพวกเขาไม่มีความรู้สึกหรือ

 
คำแปล R5.
ประวัตินบีอีซา
๕๐. และเราได้บันดาลอีซาผู้เป็นบุตรของมัรยัมและมารดาของเขาเป็นหลักฐานหนึ่งอันสำแดงถึงอานุภาพอันยิ่งใหญ่ของเรา กล่าวคือ เราได้ให้อีซาบังเกิดขึ้นโดยไม่มีบิดา มีแต่มารดาเท่านั้นและเราได้ให้เขาทั้งสองพำนักอยู่ ณ พื้นดินที่เป็นเนินและแหล่งน้ำอันอุดมสมบูรณ์ พื้นดินนั้นคือ ไบติลมุก๊อดดิส หรือ ดิมัชก์ หรือฟิลิศตีน
๕๑. โอ้บรรดาศาสนทูตทั้งหลาย พึงบริโภคแต่สิ่งที่ดีเถิดและพึงประพฤติความดีงาม แท้จริงข้านอบรู้ยิ่งกับสิ่งที่พวกเจ้าทั้งหลายปฏิบัติ ดังนั้นข้าจะตอบแทนผลปฏิบัติของพวกเจ้าอย่างพร้อมมูลและสมบูรณ์
๕๒. และแท้จริงศาสนาอิสลามนี้เป็นศาสนาแห่งพวกเจ้าเพียงศาสนาเดียวเท่านั้น เป็นศาสนาที่เรียกร้องไปสู่การนับถือพระเจ้าองค์เดียว คืออัลเลาะห์โดยแท้จริง ศาสนานี้ไม่อนุมัติให้จัดตั้งสิ่งอื่นใดขึ้นร่วมเป็นภาคีกับพระองค์เป็นอันขาด และข้าคือองค์พระผู้อภิบาลของพวกเจ้า ไม่มีผู้ใดร่วมในการอภิบาลนั้น ดังนั้นพวกเจ้าพึงยำเกรงข้าเถิด
๕๓. แล้วต่อมาพวกเขาบรรดาผู้เจริญรอยตามศาสดาในยุคหลัง ๆ ได้แตกแยกการงานของพวกเขาในระหว่างพวกเขาเป็นหลายกลุ่ม แต่ละกลุ่มสมีทัศนะความคิดเห็นไม่สอดคล้องกัน ซึ่งแต่ละกลุ่มก็ชื่นชมกับสิ่งที่ตนมีอยู่ พร้อมกับกล่าวหากลุ่มอื่น ๆ เป็นฝ่ายผิด
๕๔. ดังนั้น โอ้มุฮำมัด เจ้าจงปล่อยพวกเขา(พวกกาฟิรมักกะห์) ไว้ในความหลงผิดของพวกเขาเองไปเถิด ไม่ต้องไปชี้ชวนให้มากไปกว่าที่เจ้าได้ทำไปแล้ว จนกว่าจะถึงวาระแห่งความตายของพวกเขา เมื่อถึงวาระนั้น เขาจึงจะรู้สำนึกและเศร้าโศกเสียใจแต่ก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้
๕๕. พวกเขาคิดหรือว่า เท่าที่เราได้ประทานบางอย่างจากทรัพย์สมบัติและลูก ๆ แก่พวกเขาโดยยืนนานนั้น
๕๖. เราจะเร่งรีบให้พวกเขาได้ประสบในความดีทั้งหลาย พวกเขาอย่าคิดเช่นนั้นเป็นอันขาด แต่ทว่าพวกเขาหาได้สำนึกไม่ว่า ที่เราประทานสิ่งต่าง ๆ แก่พวกเขาดังกล่าวนั้น มิใช่จะเร่งรีบให้เขาได้รับความดี ความจริงแล้วเป็นการประทานให้เพื่อประชดและเยาะเย้ยพวกเขาเท่านั้นเอง


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลมุอ์มินูน อายะฮฺที่ 57 - 61


คำแปล R1.
57. Verily! Those who live in awe for fear of their Lord;
58. And those who believe in the Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.) of their Lord,
59. And those who join not anyone (in worship) as partners with their Lord;
60. And those who give that (their charity) which they give (and also do other good deeds) with their hearts full of fear (whether their alms and charities, etc., have been accepted or not), because they are sure to return to their Lord (for reckoning).
61. It is these who race for the good deeds, and they are foremost in them [e.g. offering the compulsory Salat (prayers) in their (early) stated, fixed times and so on].


คำแปล R2.
57. แท้จริงบรรดาจำพวกที่มีความสังวรตนเนื่องเพราะความเกรงกลัวต่อองค์อภิบาลของพวกเขา
58. และบรรดาจำพวกที่ศรัทธามั่นในบรรดาโองการแห่งองค์อภิบาลของพวกเขา
59. และบรรดาจำพวกที่มิได้ตั้งภาคีต่อองค์อภิบาลของพวกเขา
60. และบรรดาจำพวกที่บริจาคทรัพย์สินที่พวกเขาบริจาคออกไปโดยหัวใจของพวกเขามีความสะทกสะท้าน เพราะพวกเขา(มั่นใจว่า)จะต้องกลับคืนไปยังองค์อภิบาลของพวกเขา
61. พวกนั้นล้วนเป็นพวกที่รีบเร่งในการทำดี และพวกเขาจึงเป็นผู้คว้าชัยชนะในการดีนั้น


คำแปล R3.
57. บรรดาผู้เกรงกลัวพระผู้อภิบาลของพวกเขา
58. และบรรดาผู้ศรัทธาในสัญญาณทั้งหลายของพระผู้อภิบาลของพวกเขา
59. และบรรดาผู้ไม่ตั้งผู้ใดเป็นภาคีร่วมกับพระผู้อภิบาลของพวกเขา
60. และบรรดาผู้ใช้จ่ายอะไรไปและหัวใจของเขาก็ประหวั่นไปด้วยความกลัวว่าพวกเขาจะต้องกลับไปยังพระผู้อภิบาลของพวกเขา
61. เหล่านี้คือคนที่แข่งขันกันทำในสิ่งดีงาม และพวกเขาต่างพยายามที่จะเป็นคนแรก

 
คำแปล R4.
57. แท้จริงบรรดาผู้ที่พวกเขาเป็นผู้มีจิตใจยำเกรงเนื่องจากความกลัวต่อพระเจ้าของพวกเขา
58. และบรรดาผู้ที่พวกเขาศรัทธาต่อสัญญาณต่าง ๆ แห่งพระเจ้าของพวกเขา
59. และบรรดาผู้ที่พวกเขาไม่ตั้งภาคีต่อพระเจ้าของพวกเขา
60. และบรรดาผู้ที่บริจาคสิ่งที่พวกเขาได้มาโดยที่จิตใจของเขาเปี่ยมได้ด้วยความหวั่นเกรงว่าแท้จริงพวกเขาต้องกลับไปหาพระเจ้าของพวกเขา
61. ชนเหล่านั้น พวกเขารีบเร่งในการประกอบความดีทั้งหลาย และพวกเขาเป็นผู้เหมาะสม สมควรเป็นผู้รุดหน้าไปก่อน


คำแปล R5.
๕๗. แท้จริงบรรดาผู้ที่มีความยำกลัวต่อพระผู้ทรงอภิบาลอย่างสูงสุด พวกเขาตั้งมั่นอยู่ในการภักดีต่อพระองค์พากเพียรประพฤติแต่ในสิ่งที่พระองค์ยินดี มีความกลัวต่อความพิโรธของพระองค์ และกลัวการลงโทษของพระองค์ พวกเขาจึงเว้นการบาปทั้งปวง
๕๘. และบรรดาผู้ที่ศรัทธาต่อสัญลักษณ์อันสำแดงถึงความมีอยู่และเอกภาพของพระองค์(ถ้าแปลตามศัพท์ ควรจะเป็น:ขององค์อภิบาลของพวกเขา) และศรัทธาเลื่อมใสอย่างมั่นคงต่อพระบัญชาของพระองค์ ความสงสัยและความลังเลไม่มีอยู่ในจิตใจของพวกเขาเลย
๕๙. และบรรดาผู้ที่ไม่ตั้งสิ่งใด ๆ ขึ้นเป็นภาคีร่วมกับองค์อภิบาลของพวกเขา พวกเขาไม่ยอมสักการบูชาสิ่งอื่นใดทั้งสิ้น และพวกเขาทราบดีว่าพระองค์ทรงมีเพียงหนึ่ง ทรงเป็นสรณะและไม่มีบุตร
๖๐. และบรรดาผู้ที่บริจาคสิ่งที่ตนได้รับจากพระผู้เป็นเจ้าให้เป็นทานแก่ผู้ขัดสนทั้งหลาย และหัวใจของพวกเขามีความกลัวอยู่ตลอดเวลาว่า การบริจาคและการปฏิบัติความดีงามต่าง ๆ ของพวกเขานั้นจะไม่ได้รับการรับรองจากพระองค์ แน่นอนที่สุดพวกเขาจะต้องคืนกลับสู่องค์พระผู้อภิบาลของพวกเขาหลังจากพวกเขาได้ฟื้นคืนชีพขึ้นจากสุสานแล้ว เพื่อรับสนองผลตอบแทนแห่งความประพฤติของพวกเขาโดยยุติธรรม
๖๑. พวกที่มีคุณสมบัติ ๔ ประการครบถ้วนตามที่ได้กล่าวไว้เหล่านั้นต่างรีบเร่งในการประพฤติความดีงามต่าง ๆ เพื่อเขาจะได้ไม่ตกหล่นในการประพฤติความดีเหล่านั้น เตรียมเป็นเสบียงไว้สำหรับวาระหลังความตายของพวกเขา และพวกเขาทั้งหลายเป็นผู้ถูกกำหนดให้ได้รับความดีเหล่านั้นจากพระองค์อัลเลาะห์ไว้ล่วงหน้าแล้วมาแต่เดิม และพวกเขาได้รับมันไว้โดยมนุษย์อื่นไม่มีโอกาสจะรับได้ ซึ่งการที่พวกเขาได้รับก็หาใช่เนื่องมาจากที่พวกเขามีทรัพย์สมบัติและลูกเต้ามากมาย โดยมิได้สนองเจตนารมณ์พระผู้เป็นเจ้าไม่ ความจริงมูลเหตุที่พวกเขาได้รับความดีงามจากพระผู้เป็นเจ้า ก็สืบเนื่องมาจากการที่พวกเขามีความยำเกรงพระองค์ ไม่ตั้งภาคร่วมเคารพกับพระองค์ ไม่มีความโอ้อวดในความประพฤติต่าง ๆ


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลมุอ์มินูน อายะฮฺที่ 62 - 65


คำแปล R1.
62. And we tax not any person except according to his capacity, and with us is a record which speaks the truth, and they will not be wronged.
63. Nay, but their hearts are covered (blind) from understanding this (the Qur'an), and they have other (evil) deeds, besides, which they are doing.
64. Until, when we grasp those of them who lead a luxurious life with punishment, behold! They make humble invocation with a loud voice.
65. Invoke not loudly this day! Certainly, you shall not be helped by us.


คำแปล R2.
62. และเราไม่บังคับแก่คนหนึ่งคนใดนอกจากเท่าที่เขามีความสามารถเท่านั้น และเรามีบัญชีบันทึก(ความประพฤติ)ซึ่งมันจะรายงานตามความเป็นจริง(ทุกประการ)และพวกเขาไม่ถูกฉ้อฉลเลย
63. ทว่าหัวใจของพวกเขาตกอยู่ในความงมงายต่อ(การสนใจในคำเตือนของอัลกุรอาน)นี้ และพวกเขายังมีการงาน(อันชั่วช้า)นอกเหนือจากนั้นอีก ที่พวกเขาได้กระทำลงไป
64. จนเมื่อเราได้จัดการลงโทษแก่ผู้ประสบความสุขในหมู่พวกเขา พลันพวกเขาก็หวีดร้อง(ขอความช่วยเหลือ)
65. (จึงมีผู้ประกาศโองการแก่พวกเขาว่า) “พวกเจ้าอย่าหวีดร้องขอความช่วยเหลือเลยในวันนี้ เพราะแท้จริงพวกเจ้าจะไม่ได้รับการช่วยเหลือใด ๆ จากเราเลย


คำแปล R3.
62. เราไม่ได้วางภาระแก่ผู้ใดเกินกว่าที่เขาสามารถจะแบกรับได้ และเรามีบันทึกที่จะบอกอย่างถูกต้อง (เกี่ยวกับทุกคน) และพวกเขาจะไม่ได้รับความอยุติธรรม
63. แต่พวกเขาไม่ใส่ใจในเรื่องนี้และพวกเขาก็ทำในสิ่งที่แตกต่างไป (จากบรรดาที่ได้กล่าวมาข้างต้น)
64. (พวกเขาจะทำผิดต่อไป) จนกระทั่งเราได้นำการลงโทษมายังบรรดาคนเจ้าสำราญในหมู่พวกเขา แล้วเมื่อนั้นพวกเขาก็เริ่มร้องครวญคราง
65. ตอนนี้ จงอย่าร้องครวญครางกันอีกเลย วันนี้สูเจ้าจะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเรา


คำแปล R4.
62. และเรามิได้บังคับผู้ใด เว้นแต่ความสามารถของเขา และ ณ ที่เรานั้นมีบันทึก ที่บันทึกแต่ความจริง โดยที่พวกเขาจะไม่ถูกอยุติธรรม
63. แต่ว่าจิตใจของพวกเขาอยู่ในปลักแห่งความงมงายจากอัลกุรอาน และสำหรับพวกเขามีการงานอื่นอีกจากนั้น โดยที่พวกเขาต้องปฏิบัติมัน
64. จนกระทั่งเมื่อเราได้คร่าเอาชีวิตพวกที่อยู่ในความสุขสำราญของพวกเขาด้วยการลงโทษ เมื่อนั้นพวกเขาก็ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ
65. พวกเจ้าอย่าได้ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือเลยในวันนี้ แท้จริงพวกเจ้าจะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเราดอก


คำแปล R5.
๖๒. และเรามิได้บังคับแก่ผู้ใดจนเกินขีดความสามารถของเขาที่จะประพฤติตามได้ นอกจากเราจะบังคับเขาเท่าที่เขาสามารถเท่านั้น และคัมภีร์ที่บันทึกความประพฤติต่าง ๆ ของมวลมนุษย์ซึ่งจะพูดแต่ความจริงย่อมอยู่ที่เราเพียงองค์เดียวเท่านั้น ในคัมภีร์นั้นมีบัญชีความประพฤติของเจ้าอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเล็กน้อยหรือใหญ่โตมากมายเท่าใดก็ตาม พวกเขาจะได้อ่านบัญชีของเขาในวาระแห่งการสอบสวนและพวกเขาจะไม่ได้รับการฉ้อฉลเลยแม้แต่น้อยในการสนองผลกรรมต่าง ๆ ของพวกเขา พวกเขาจะได้รับพิจารณาตอบแทนอย่างยุติธรรมที่สุด
๖๓. แต่ทว่าหัวใจของพวกเขาตกอยู่ในความโฉดเขลาต่อการชี้นำแนวทางของอัลกุรอานนี้ พวกเขาไม่สนใจต่ออัลกุรอานจึงไม่ทราบว่าในนั้นมีสัจธรรมอันนำมวลมนุษย์ทั้งหลายไปสู่ความสุขแท้ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า และพวกเขายังมีความประพฤติต่าง ๆ นอกจากนั้นอีกมากมายที่เลวทรามยิ่งกว่านั้น ซึ่งพวกเขาเป็นผู้ประพฤติสิ่งนั้นเอง นั้นคือพวกเขาลุ่มหลงและจมปลักอยู่ในความผิดต่าง ๆ พวกเขานับถือวัตถุธรรมเป็นประหนึ่งพระเจ้า พวกเขาเยาะหยันคัมภีร์อัลกุรอาน ถือเป็นสิ่งไร้สาระ และอื่น ๆ อีกมากมาย
๖๔. จนกระทั่งเมื่อถึงวาระแห่งปรภพและเราได้ลงโทษอย่างทรมานที่สุดแก่บรรดาผู้มีความสุขสำราญจากพวกเขาเมื่อครั้งใช้ชีวิตอยู่ในสกลภพ พลันพวกเขาก็หวีดร้องด้วยความรู้สึกขัดแย้งและไม่พึงประสงค์ที่จะได้รับการลงโทษอันทรมานนั้น อันความทรมานที่พวกเขาได้ประจักษ์อยู่กับสายตาของเขาจากบรรดาบุคคลผู้เคยมีความสุขสำราญนั้นช่างร้ายแรงเหลือเกิน แล้วพวกเขาก็ต้องเศร้าโศกที่เขาถลำตัวในสิ่งอันเป็นเหตุให้เขาต้องมาประสบการลงโทษ แต่ความเศร้าของเขาก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้
๖๕. เราได้โองการแก่พวกนั้นว่า พวกเจ้าอย่าได้หวีดร้องเลยในวันนี้ เพราะที่จริงพวกเจ้าจะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเรา ในยามนี้เป็นวาระแห่งการตอบสนองตามแต่พวกเจ้าได้ประพฤติไว้ จะหาใครมาช่วยเหลือเพื่อผ่อนคลายหรือเปลื้องโทษไม่ได้อย่างเด็ดขาด


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลมุอ์มินูน อายะฮฺที่ 66 - 70


คำแปล R1.
66. Indeed My Verses used to be recited to you, but you used to turn back on your heels (denying them, and with hatred to listen to them).
67. In pride (they Quraish pagans and polytheists of Makkah used to feel proud that they are the dwellers of Makkah sanctuary Haram), talking evil about it (the Qur'an) by night.
68. Have they not pondered over the word (of Allah, i.e. what is sent down to the Prophet), or has there come to them what had not come to their fathers of old?
69. Or is it that they did not recognize their Messenger (Muhammad) so they deny him?
70. Or say they: "There is madness in him?" Nay, but he brought them the truth [i.e. "(A) Tauhid: worshipping Allah alone in all aspects (B) the Qur'an (C) the Religion of Islam,"] but Most of them (the disbelievers) are averse to the truth.


คำแปล R2.
66. อันที่จริงบรรดาโองการของข้าได้ถูกนำมาอ่านให้พวกเจ้าฟังแล้ว แต่พวกเจ้ากลับหันหลังให้(ไม่ยอมรับฟังโองการเหล่านั้น)
67. โดยความยโสต่อสิ่งนั้น พร้อมทั้งคุยกันในยามค่ำคืน เพื่อพวกเจ้าทำการใส่ไคล้ (อัลกุรอาน)
68. แล้วเป็นเพราะพวกเขามิได้วิเคราะห์ถ้อยคำ(สอนที่พวกเขาได้รับ)ดอกหรือ? (พวกเขาจึงได้กระทำการเช่นนั้น) หรือเพราะได้มาถึงพวกเขาแล้ว สิ่งที่ไม่เคยมาถึงบรรพบุรุษรุ่นดั้งเดิมของพวกเขา
69. หรือเป็นเพราะพวกเขาไม่รู้จักศาสนทูตของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงทำการคัดค้าน
70. หรือเป็นเพราะพวกเขากล่าวหาว่าศาสนทูตเป็นคนวิกลจริต? ความจริงเหตุผลต่าง ๆ ที่กล่าวมานั้น มิได้เป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขากระทำการดังกล่าวเลย) หากทว่าเป็นเพราะศาสนทูตได้นำสัจธรรมมายังพวกเขา แต่คนส่วนมากของพวกเขากลับชิงชังสัจธรรมนั้น


คำแปล R3.
66. เพราะเมื่ออายะฮฺของเราได้ถูกอ่านให้สูเจ้าฟัง สูเจ้ากลับหันส้นเท้าของสูเจ้า (ไม่ยอมฟังเสียงของรอซูล)
67. สูเจ้าทำเป็นโอหังไม่ใส่ใจต่อเขา หัวเราเยาะเขาในสภาพที่พบปะกันของสูเจ้า และพูดถึงเขาอย่างไร้สาระ
68. บรรดาผู้ปฏิเสธไม่เคยพิจารณาวจนะเลยกระนั้นหรือ ? หรือเขาได้นำบางสิ่งที่ไม่เคยมีมายังบรรพบุรุษของพวกเขามาให้พวกเขา ?
69. หรือพวกเขาไม่รู้จักรอซูลของพวกเขา ดังนั้นจึงกระทำสิ่งที่น่าละอายต่อเขา (เหมือนกับเขาเป็นผู้แปลกหน้า)?
70. หรือพวกเขาเชื่อว่าเขาเป็นคนเสียสติไป (เพราะญิน) ? ไม่ใช่เช่นนั้น ความจริงก็คือเขาได้นำสัจธรรมมาให้พวกเขา แต่พวกเขาส่วนมากไม่ชอบความจริง


คำแปล R4.
66. แน่นอนโองการทั้งหลายของเราถูกนำมาอ่านแก่พวกเจ้า แล้วพวกเจ้าก็หันสันเท้าของพวกเจ้ากลับ
67. พวกเขาหยิ่งจองหองต่ออัลกุรอาน พวกเจ้าจับกลุ่มสนทนากันในเวลากลางคืน
68. พวกเขามิได้พิจารณา พระดำรัสดอกหรือ ?  หรือว่าได้มีมายังพวกเขา สิ่งที่มิได้มีมายังบรรพบุรุษของพวกเขารุ่นก่อน ๆ
69. หรือว่าพวกเขาไม่รู้จักรอซูลของพวกเขาดังนั้นพวกเขาจึงปฏิเสธต่อต้านเขา
70. หรือพวกเขากล่าวหาเขาว่าเป็นบ้า มิใช่เช่นนั้นดอก เขาได้นำความจริงมาให้พวกเขาแล้ว แต่ส่วนมากของพวกเขาเป็นผู้เกลียดชังความจริง


คำแปล R5.
๖๖. แท้จริงบรรดาโองการของข้านั้นได้ถูกอ่านเหนือพวกเจ้าทั้งหลายเพื่อการรับฟัง แต่แล้วพวกเจ้ากลับเดินถอยหลังไม่ยอมรับฟังโองการดังกล่าว
๖๗. โดยพวกเจ้าเป็นผู้ยโสที่จะศรัทธาต่อคำประกาศของนบีมุฮำมัด เพราะเหตุที่พวกเจ้าถือดีว่าเป็นผู้ที่อยู่ใดล้ชิดไบตุลเลาะห์หรืออยู่ในแผ่นดินอันศักดิ์สิทธิ์นั้น โดยพวกเจ้าตั้งกลุ่มสนทนาในยามกลางคืนรอบ ๆ ไบตุลเลาะห์ อีกทั้งพวกเจ้าทอดทิ้งอัลกุรอาน ไม่ศรัทธาและไม่สนใจใด ๆ ทั้งสิ้น
๖๘. และพวกเขามิได้พิเคราะห์พระคำแห่งอัลกุรอานดอกหรือ ซึ่งเป็นพระคำอันชี้นำไปสู่ความเป็นสัจจะแห่งนบี เนื่องเพราะเนื้อความและรูปประโยคของอัลกุรอานล้วนอุดมสมบูรณ์ไปด้วยความไพเราะทางสัมผัสลึกล้ำทางภาษาและเป็นความจริงที่พิสูจน์ได้เสมอและลักษณะเหล่านั้นย่อมเหลือวิสัยที่ผู้อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้เช่นนบีมุฮำมัด จะเป็นผู้ประพันธ์ขึ้นเอง จึงเป็นข้อพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่า อัลกุรอานนั้นต้องมาจากพระเจ้า และนั่นเป็นการยืนยันในสัจจะของท่านศาสดานบีมุฮำมัดโดยตรง หรือพวกเขาคิดว่า สิ่งที่ได้มาสู่พวกเขาคือการมีศาสดามาประกาศหลักธรรมของพระเจ้านั้นเป็นสิ่งที่ไม่เคยมาสู่บรรพบุรุษแรกเริ่มของพวกเขา ซึ่งความเป็นจริงพวกเขาก็ทราบดีว่า ในยุคบรรพบุรุษของเขานั้นมีศาสดาหลายองค์ได้ล่วงพ้นมาแล้วในการทำหน้าที่ประกาศหลักธรรมพระเจ้าสู่มวลชน ประดุจเดียวกับที่นบีมุฮำมัดได้ประกาศหลักธรรมแก่พวกเขาในยุคนี้นั่นเอง
๖๙. หรือว่าพวกเขาไม่รู้จักศาสนทูตของพวกเขา พวกเขาจึงได้คัดค้านศาสนทูตนั้น ความจริงพวกเขาก็เคยรู้จักศาสนทูต คือนบีมุฮำมัดมาก่อนแล้วเป็นอันดีว่าเป็นผู้ซื่อสัตย์ กอปร์ด้วยคุณธรรมอันประเสริฐยิ่งเป็นที่ไว้วางใจของพวกเขามาแต่อดีตอันยาวนาน ก็พวกเขารู้จักศาสนทูตเป็นอย่างดีเช่นนั้น จนขนานนามแก่ศาสนทูตว่า “อัลอะมีน-ผู้ซื่อสัตย์” ไฉนพวกเขาจึงยังคัดค้านอย่างแข็งขันเช่นนั้นอีก
๗๐. หรือพวกเขากล่าวว่าเขา (มุฮำมัด) วิกลจริต แต่ที่จริงแล้วพวกเขาก็ไม่บังอาจกล่าวเช่นนั้นได้ เพราะผลประจักษ์แก่พวกเขาอย่างชัดเจนว่า ท่านนบีมุฮำมัดหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ แต่ทว่าความเป็นจริงนั้น นบีมุฮำมัดผู้เป็นศาสนทูตของพวกเขานั้น เขาได้นำสัจธรรมมาสู่พวกเขาโดยประกาศให้พวกเขาได้ทราบและได้ศรัทธา ซึ่งสัจธรรมแห่งอัลกุรอานที่นบีมุฮำมัดได้นำมาประกาศนั้น ประกอบด้วยหลักความเชื่อในเอกภาพของพระเจ้าและมีบทบัญญัติอื่น ๆ อีกมากมาย การที่พวกเขาเหล่านั้นไม่ศรัทธาเป็นเพราะความดื้อรั้นของพวกเขาเท่านั้น หาได้มาจากเหตุผลและหลักการอันถูกต้องไม่ และส่วนมากของพวกนั้นเป็นผู้รังเกียจต่อสัจธรรม


 

GoogleTagged