ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 23 สูเราะฮฺ อัลมุอ์มินูน  (อ่าน 5238 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลมุอ์มินูน อายะฮฺที่ 71 - 74


คำแปล R1.
71. And if the truth had been in accordance with their desires, verily, the heavens and the earth, and whosoever is therein would have been corrupted! Nay, we have brought them their reminder, but they turn away from their reminder.
72. Or is it that you (O Muhammad) ask them for some wages? But the recompense of your Lord is better, and He is the best of those who give sustenance.
73. And certainly, you (O Muhammad) call them to a Straight Path (true Religion Islamic Monotheism).
74. And verily, those who believe not in the Hereafter are indeed deviating far astray from the path (true Religion Islamic Monotheism).


คำแปล R2.
71. และหากสัจธรรมต้องคล้อยตามอารมณ์ใคร่ของพวกเขาแล้วไซร้ แน่นอนที่สุด ฟากฟ้าและแผ่นดินรวมทั้งสิ่งที่อยู่ในเหล่านั้นก็ย้อมพินาศสิ้น ยิ่งไปกว่านั้น เราได้มอบแก่พวกเขา อัลกุรอานซึ่งเป็นเกียรติคุณของพวกเขา แต่แล้วพวกเขาก็หันเหออกจากเกียรติคุณของพวกเขาเอง
72. หรือ (ที่พวกเขาคัดค้านคำประกาศของเจ้านั้น) เป็นเพราะเจ้าขอค่าจ้างจากพวกเขา? ความจริงค่าจ้างแห่งองค์อภิบาลของเจ้าย่อมประเสริฐกว่า และพระองค์ทรงเป็นเลิศที่สุดแห่งผู้ให้โชคผล
73. และแท้จริงเจ้านั้นทำการเชิญชวนพวกเขาไปสู่แนวทางอันเที่ยงตรง
74. และแท้จริงบรรดาผู้ไม่ศรัทธาในโลกหน้า ย่อมผันแปรออกไป จากแนวทาง(อันถูกต้อง)


คำแปล R3.
71. และหากสัจธรรมต้องคล้อยตามอารมณ์ต่ำของพวกเขา ระบบทั้งหมดของชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและผู้ที่อยู่ในนั้นจะต้องได้รับความเสียหาย ไม่ เราได้นำข้อตักเตือนมายังพวกเขาเพื่อผลดีของพวกเขาเองแล้ว แต่พวกเขากลับหันห่างออกจากมัน
72. เจ้าเรียกร้องสิ่งตอบแทนบางอย่างจากพวกเขากระนั้นหรือ ? การตอบแทนของอัลลอฮฺนั้นดีที่สุดสำหรับเจ้า เพราะพระองค์คือผู้ทรงประทานปัจจัยยังชีพที่ดีเลิศที่สุด
73. แท้จริงแล้วเจ้ากำลังเชิญชวนพวกเขาสู่หนทางอันเที่ยงตรง
74. แต่บรรดาผูไม่ศรัทธาในโลกหน้านั้นจะหลงออกไปจากหนทางที่เที่ยงตรง


คำแปล R4.
71. และหากว่าความจริงนั้นสอดคล้องอารมณ์ใฝ่ต่ำของพวกเขาแล้ว ชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดินและสิ่งที่อยู่ในนั้นต้องเสียหายอย่างแน่นอน แต่ทว่าเราได้นำข้อเตือนสติของพวกเขา (คืออัลกุรอาน) มาให้พวกเขาแล้ว แต่พวกเขาเป็นผู้หันหลังให้กับข้อเตือนสติของพวกเขา
72. หรือเจ้าขอค่าจ้าง (ในการเผยแพร่ศาสนา) จากพวกเขากระนั้นหรือ? แต่การให้ค่าจ้างของพระเจ้าของเจ้านั้นเลิศยิ่งกว่า และพระองค์เท่านั้นทรงเป็นเลิศยิ่งในหมู่ผู้ประทานปัจจัยยังชีพ
73. และแท้จริงเจ้านั้นเป็นพวกชักชวนพวกเขาอย่างแน่นอนไปสู่แนวทางอันเที่ยงธรรม
74. และแท้จริงบรรดาผู้ไม่ศรัทธาต่อวันปรโลกนั้น พวกเขาเป็นผู้หันห่างจากแนวทางอันเที่ยงธรรม


คำแปล R5.
๗๑. และหากจะให้สัจธรรมต้องคล้อยตามตัณหาของพวกเขาแล้วไซร้ ชั้นฟ้า ชั้นแผ่นดินและสิ่งที่อยู่ในนั้น ก็จะต้องพินาศอย่างแน่นอน กล่าวคือหากแม้นอัลกุรอานอันเป็นสัจธรรมจากพระผู้เป็นเจ้าจะดำเนินเนื้อหาคล้อยตามความยึดมั่นเดิม ๆ ของพวกเขา โดยบรรยายว่ามีพระเจ้าหลายองค์หรือพระเจ้ามีบุตร เป็นต้น แน่นอนที่สุดการยอมรับเช่นนั้นก็เป็นสิ่งที่ขาดเหตุผลอย่างที่สุด เพราะถ้ามีพระเจ้าหลายองค์หรือมีพระเจ้าเป็นคนธรรมดาที่มีบุตรสืบตระกูล แน่นอนการจัดระเบียบของจักรวาลนี้ก็จะสับสน จนในที่สุดก็ต้องถึงกับความวิบัติเป็นแน่แท้ แต่ทว่าฟ้าและแผ่นดินก็ยังคงมีอยู่ในสภาวะอันสมบูรณ์แบบและมีระเบียบอย่างมั่นคง ฉะนั้นจึงเป็นไปตามที่ได้กล่าวมานั้นไม่ได้ แต่ทว่าเราได้ประทานอัลกุรอานอันเป็นกิตติคุณของพวกเขาแก่พวกเขา เพราะอัลกุรอานเป็นภาษาของพวกเขาเองและลงมาสู่พวกเขา ซึ่งพวกเขาน่าจะภูมิใจในเกียรติยศแห่งชาติที่พระเจ้าทรงเลือกเฟ้นให้เป็นผู้รับโองการของพระองค์ แต่แล้วพวกเขากลับหันเหจากกิติคุณของพวกเขาเอง พวกเขาไม่ยอมสนใจอัลกุรอานที่ประทานแก่พวกเขาเพื่อเป็นเกียรติแก่พวกเขาดังกล่าวแล้ว ตรงข้าม พวกเขากลับล้อเลียนเยาะหยันและคัดค้านอย่างรุนแรง
๗๒. โอ้มุฮำมัด หรือเจ้าขอค่าจ้างจากพวกเขา ในการที่จะให้พวกเขายอมรับสถานภาพของเจ้า ตลอดจนการยอมรับยอมศรัทธาในคำประกาศของเจ้า ความจริงแล้วเจ้าก็ไม่เคยขอหรือคิดจะขอค่าจ้างจากพวกนั้นเลย ทั้งนี้เพราะแท้จริงค่าจ้างขององค์พระอภิบาลของเจ้านั้นย่อมเลิศกว่าค่าจ้างใด ๆ ทั้งสิ้น และพระองค์ทรงเป็นผู้ประทานโชคผลที่เลิศกว่าบรรดาผู้ให้โชคผลทั้งหลาย
   ถ้าพวกอาหรับมักกะห์จะอ้างว่า นบีมุฮำมัดต้องการผลประโยชน์ตอบแทนในการประกาศหลักธรรมพวกเขาจึงไม่ยอมเชื่อถือและศรัทธาความจริง ข้ออ้างนั้นก็ฟังไม่ขึ้น เพราะท่านนบีมุฮำมัดไม่เคยกระทำเช่นนั้น หรือคิดจะทำเช่นนั้น ดังนั้นการที่พวกนั้นไม่เชื่อถือจึงเป็นไปโดยความดื้อรั้นและมุ่งโต้แย้งประการเดียวเท่านั้น
๗๓. และแท้จริงเจ้าทำหน้าที่เรียกร้องพวกเขาสู่แนวทางอันเที่ยงตรง คือหลักธรรมแห่งอิสลามอันบริสุทธิ์เท่านั้น หาได้แอบแฝงความมุ่งหวังใด ๆ ไม่
๗๔. และแท้จริงบรรดาผู้ไม่ศรัทธาต่อวันปรภพ นับแต่การฟื้นคืนชีพจากสุสาน การสิ้นสภาพของโลกปัจจุบัน การอุบัติขึ้นของโลกหน้า ตลอดจนการตอบแทนความประพฤติของมนุษย์ชาติทั้งหลาย พวกเขาเป็นผู้หันเหออกจากสัจธรรมโดยแท้จริง อันหลักสัจธรรมแห่งอิสลามเป็นหลักที่พระองค์อัลเลาะห์ทรงเฟ้นไว้สำหรับมวลข้าทาสของพระองค์ เพื่อการดำเนินไปสู่ทางรอด และเป็นหลักที่มีเหตุผลหลักฐานยืนยัน พิสูจน์โดยพร้อมมูล


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลมุอ์มินูน อายะฮฺที่ 75 - 77
 

คำแปล R1.
75. And though We had mercy on them and removed the distress which is on them, still they would obstinately persist in their transgression, wandering blindly.
76. And indeed We seized them with punishment, but they humbled not themselves to their Lord, nor did they invoke (Allah) with submission to Him.
77. Until, when we open for them the gate of severe punishment, then Lo! They will be plunged into destruction with deep regrets, sorrows and in despair.


คำแปล R2.
75. และมาดแม้นเราให้ความเมตตาแก่พวกเขา และคลี่คลายเภทภัยที่ประสบแก่พวกเขา แน่นอนพวกเขาก็จักคงยืนยงอยู่ในความหลงผิดต่อไปอย่างงงงัน
76. ขอยืนยัน แท้จริงเราได้จัดการลงโทษแก่พวกเขา (ในโลกนี้) แต่แล้วพวกเขาก็ไม่ยอมสิโรราบต่อองค์อภิบาลของพวกเขาและพวกเขาไม่ยอมนอบน้อม
77. จนกระทั่งเมื่อเราได้เปิดประตูที่มีการลงโทษอันรุนแรงแก่พวกเขา พลันพวกเขาก็มีความรู้สึกรันทด ท้อแท้ในนั้น


คำแปล R3.
75. ถ้าหากเราได้ให้ความเมตตาแก่พวกเขาและปลดเปลื้องพวกเขาจากความทุกข์ยากเดือดร้อน พวกเขาก็ยังคงดันทุรังไปในการหลงผิดอย่างมืดบอด
76. เพราะแม้แต่ตอนนี้ที่พวกเขากำลังถูกลงโทษพวกเขาก็ยังไม่นอบน้อมต่อพระผู้อภิบาลของพวกเขา และไม่ยอมถ่อมตน
77. อย่างไรก็ตาม เมื่อใดที่เราลงโทษอย่างแสนสาหัสแก่พวกเขา (เจ้าจะพบว่า) พวกเขาจะหมดหวังอย่างสิ้นเชิง


คำแปล R4.
75. และหากเราเมตตาพวกเขา และเราได้ปลดเปลื้องความทุกข์ยากออกจากพวกเขาแล้ว แน่นอนพวกเขาก็ยังคงมั่วสุมอยู่ในความผยองของพวกเขาเช่นเดียวกับคนตาบอด
76. และโดยแน่แท้เราได้ทดสอบพวกเขาด้วยการลงโทษ แต่พวกเขาก็หาได้นอบน้อมต่อพระเจ้าของพวกเขาไม่ และพวกเขาก็ไม่ยอมถ่อมตน
77. จนกระทั่งเมื่อเราเปิดประตูแห่งการลงโทษอันสาหัสแก่พวกเขา เมื่อนั้นแหละพวกเขาก็เป็นผู้ท้อถอยหมดหวังเสียแล้ว


คำแปล R5.
๗๕. และถึงแม้เราเมตตาพวกเขาและได้ขจัดอันตรายอันประสบแก่พวกเขาก็ตาม อันได้แก่ความอดอยากขาดแคลนที่พวกเขาประสบอยู่ ณ มักกะห์ประมาณ เจ็ด ปี แน่นอนพวกเขาก็ยังคงยืนยงอยู่ในความหลงผิดของพวกเขา โดยพวกเขามีแต่ความลังเลประดุจเดิมนั่นเอง และพวกเขาก็จะยังคงฝ่าฝืนข้อห้ามต่าง ๆ ของเราโดยไม่เปลี่ยนแปลง
๗๖. และแท้จริงเราได้จัดการลงโทษพวกเขาโดยให้พวกเขาประสบความอดอยาก ขาดแคลน และพ่ายแพ้ในการทำสงครามบัดร์ แต่พวกเขาก็หาได้สำนึกและเปลี่ยนแปลงนิสัยเดิมไม่  พวกเขาหาได้สำรวมตนต่อองค์อภิบาลไม่ และพวกเขามิได้นอบน้อมต่อพระองค์เลย พวกเขากลับแสดงความยโสโดยไม่ยอมขอความช่วยเหลือจากพระองค์ และพวกเขายังคงดื้อรั้นเช่นเดิมนั่นเอง
๗๗. จนเมื่อเราได้เปิดประตูที่มีการลงโทษอันร้ายแรงแก่พวกเขา นั่นคือการทำศึก ณ บัดร์ ที่พวกนั้นประสบความพ่ายแพ้ยับเยินและถูกฆ่าตาย พลันพวกเขาก็รู้สึกสิ้นหวังในประตูแห่งความพ่ายแพ้ ณ บัดร์นั้นโดยสิ้นเชิง พวกเขาท้อแท้และหมดกำลังใจที่จะแสวงหาความดีงามต่าง ๆ แก่ตัวของพวกเขาเอง

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลมุอ์มินูน อายะฮฺที่ 78 - 83
 

คำแปล R1.
78. It is he, who has created for you (the sense of) hearing (ears), sight (eyes), and hearts (understanding). Little thanks you give.
79. And it is He who has created you on the earth, and to Him you shall be gathered back.
80. And it is He who gives life and causes death, and his is the alternation of night and Day. Will you not then understand?
81. Nay, but they say the like of what the men of old said.
82. They said: "When we are dead and have become dust and bones, shall we be resurrected indeed?
83. "Verily, this we have been promised, we and our fathers before (us)! This is only the tales of the ancients!"


คำแปล R2.
78. และพระองค์ทรงบันดาลหู, ตาและจิตใจแก่พวกเจ้า แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่พวกเจ้ากตัญญู
79. และพระองค์ทรงสืบทอดชาติพันธุ์ของพวกเจ้าในแผ่นดิน และพวกเจ้าจะต้องถูกรวบรวมกลับไปยังพระองค์อย่างแน่นอน
80. และพระองค์ทรงประทานชีวิต และทรงประทานความตาย และพระองค์ทรงอำนาจสับเปลี่ยนกลางคืนและกลางวัน (ให้หมุนเวียน) และพวกเจ้ามิได้ใช้ปัญญาตริตรองดอกหรือ
81. ทว่า พวกเขากล่า (แสดงความคิดเห็น) เช่นเดียวกับบรรพชนได้เคยกล่าวไว้ (ทุกประการ)
82. พวกเขากล่าวว่า “เป็นไปได้หรือ เมื่อเราได้ตายไปแล้ว และพวกเรากลายเป็นดินและเหลือแต่กระดูก แล้วพวกเรายังจะถูกฟื้นขึ้นมาอีก?”
83. “ขอสาบาน แท้จริง ทั้งพวกเราและบรรพบุรุษของพวกเราต่างก็ถูกสัญญาสิ่งนี้ไว้เมื่อก่อนหน้า แต่สิ่งนี้ก็หาใช่อื่นใดไม่นอกจากเป็นเพียงนิยายปรัมปราของบรรพชนเท่านั้นเอง”


คำแปล R3.
78. อัลลอฮฺคือผู้ทรงประทานความสามารถแห่งการได้ยินและการได้เห็นและหัวใจแก่สูเจ้าเพื่อที่จะคิด แต่สูเจ้ากลับไม่แสดงความขอบคุณ
79. พระองค์อีกเช่นกันที่ได้ทรงแพร่กระจายสูเจ้าออกไปในแผ่นดิน และต่อหน้าพระองค์ที่สูเจ้าจะถูกรวบรวมกลับมา
80. พระองค์คือผู้ทรงให้ชีวิตสูเจ้าและทรงให้สูเจ้าตาย และทรงควบคุมการสับเปลี่ยนของกลางคืนและกลางวัน สูเจ้าไม่เข้าใจสิ่งนี้หรือ
81. ไม่เลย พวกเขากล่าวสิ่งที่บรรพบุรุษของพวกเขาได้เคยกล่าวมาก่อนหน้าพวกเขา
82. พวกเขากล่าวว่า “เราจะถูกทำให้ฟื้นคืนชีพขึ้นอีกครั้งหนึ่งกระนั้นหรือ หลังจากที่เราตายกลายเป็นธุลีและกระดูกไปแล้ว ?
83. เราได้ยินคำขู่เช่นนี้มาหลายครั้งแล้ว เช่นเดียวกับบรรพบุรุษก่อนหน้าเรา สิ่งเหล่านี้มิใช่อะไรนอกไปจากนิยายปรัมปรา

 
คำแปล R4.
78. และพระองค์เป็นผู้สร้างสัมผัสการฟังและการเห็น และหัวใจเพื่อเข้าใจแก่พวกเจ้า แต่เพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่พวกเจ้าขอบคุณ
79. และพระองค์เป็นผู้ทรงแพร่พันธุ์ของพวกเจ้าในแผ่นดิน และพวกเจ้าจะถูกรวบรวมให้กลับไปหาพระองค์
80. และพระองค์เป็นผู้ทรงให้เป็นและทรงให้ตาย และพระองค์ทรงสิทธิในการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกลางคืนกลางวัน พวกเจ้ามิได้ใช้สติปัญญาพิจารณาดอกหรือ ?
81. แต่ทว่าพวกเขาได้กล่าวเช่นเดียวกับชนชาติสมัยก่อน ๆ ได้กล่าวไว้
82. พวกเขาได้กล่าวว่า เมื่อเราได้ตายไปแล้ว และเราได้กลายเป็นฝุ่นดินและกระดูกป่น เราจะถูกให้ฟื้นคืนชีพครั้งหนึ่งหรือ ?”
83. แท้จริงเราและบรรพบุรุษของเราได้ถูกสัญญามาก่อนแล้วในเรื่องนี้ มันมิใช่อะไรอื่นนอกจากเป็นนิยายเหลวไหลสมัยก่อนเท่านั้น


คำแปล R5.
๗๘. และพระองค์อัลเลาะห์ทรงสร้างหู ตา และจิตใจแก่พวกเจ้าทั้งหลาย เพื่อพวกเจ้าจะได้ฟัง มอง และคิดให้เกิดปัญญาส่องทางไปสู่ความสุขทั้งในโลกนี้และโลกหน้า และเพื่อความยอมรับในเอกภาพและอานุภาพของพระองค์อัลเลาะห์เจ้า แต่พวกเจ้าทั้งหลายก็รู้คุณและขอบคุณต่อพระองค์น้อยเหลือเกิน ที่จริงแล้วพวกเจ้ามิได้ขอบคุณพระองค์เลย ทั้ง ๆ ที่พระองค์ทรงประทานสัมผัสอันสำคัญยิ่งแก่ชีวิตทั้งสามประการนั้น เท่าที่อัลกุรอานจำกัดไว้เพียงสามประการ ก็เนื่องมาจากสัมผัสสามประการนี้ เป็นสัมผัสที่มนุษย์อาศัยมากที่สุด และยังประโยชน์แก่ตัวมนุษย์เองกว้างขวางที่สุด การเรียนรู้ต่าง ๆ จำเป็นต้องอาศัยสัมผัสสามประการนั้นเป็นสำคัญ
๗๙. และพระองค์ อัลเลาะห์ทรงเก็บพวกเจ้าไว้ในแผ่นดินเมื่อพวกเจ้าเสียชีวิตไปแล้ว และเมื่อถึงกำหนดการที่พระองค์ทรงกำหนดไว้ พวกเจ้าก็จะถูกให้ฟื้นขึ้นจากสุสานและรวบรวมพวกเจ้าทั้งหลายไปยังพระองค์เพื่อการพิจารณาตัดสินผลประพฤติต่าง ๆ ของพวกเจ้า วันนั้นคือวันปรภพซึ่งผู้พิพากษามีพระองค์เท่านั้น
๘๐.และพระองค์ทรงเป็นผู้ยังชีวิต แก่บุคคลที่พระองค์ทรงประสงค์และยังความตายแก่บุคคลที่พระองค์ทรงประสงค์ พระองค์ทรงสิทธิเพียงองค์เดียว ในอันที่จะให้เกิดความแตกต่างของกลางคืนและกลางวัน ให้กลางคืนมืด กลางวันสว่าง และบางฤดูกลางวันน้อยกว่ากลางคืน บางฤดูก็ให้มากกว่าเป็นต้น และพวกเจ้ามิตริตรองดอกหรือในกิจการต่าง ๆ ของพระองค์ที่ทรงดลบันดาลให้เป็นไปอย่างมหัศจรรย์ยิ่ง เมื่อพวกเจ้าตริตรองและใช้วิจารณญาณอย่างถ่องแท้แล้ว ก็จะต้องยอมรับในเอกภาพ อานุภาพ พระปรีชา และความรู้รอบของพระองค์ว่าทรงมีอยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่าง และทุก ๆ สิ่งจะต้องยอมจำนนอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์และครรลองที่พระองค์ทรงกำหนดไว้โดยแน่นอน ซึ่งไม่มีสิ่งใดบังอาจขัดขืนหรือฝ่าฝืนได้
๘๑. แต่แล้วพวกเขากลับพูดประดุจเดียวกับที่บรรดาบรรพบุรุษผู้เริ่มแรกพูดกันเมื่ออดีต
๘๒. กล่าวคือ พวกบรรพบุรุษของพวกนั้นเมื่ออดีต เขากล่าวคัดค้านด้วยความดื้อรั้นว่าเมื่อพวกเราได้ตายไปแล้วและพวกเราได้กลายไปเป็นดินและเป็นกระดูกซึ่งเนื้อหนังและอวัยวะส่วนอื่น ๆ เน่าเปื่อยจนหมดสิ้นไปแล้ว แล้วพวกเรายังจะถูกให้ฟื้นขึ้นมาอีกหรือ จะเป็นไปได้อย่างไร พวกเราไม่เชื่อเด็ดขาดว่าจะเป็นไปเช่นนั้นได้
๘๓. อันที่จริงเรื่องไร้สาระเช่นที่กล่าวมานี้ พวกเราและบรรพบุรุษของพวกเราเมื่ออดีต ก็ถูกให้สัญญากันมาก่อนแล้วเหมือนกัน จากบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นศาสนทูตจากพระผู้เป็นเจ้า แต่คำสัญญาที่พวกอ้างตัวเหล่านั้นก็หาได้อุบัติขึ้นไม่ทั้ง ๆ ที่ผ่านกาลเวลาเอายาวนานนักหนาแล้ว ซึ่งถ้าคำประกาศในเรื่องเหล่านั้นเป็นเรื่องจริง ก็น่าจะอุบัติขึ้นมาแล้วสัญญาการฟื้นจากสุสานและการตัดสินความดีความชั่วในวันปรภพเช่นที่กล่าวมานี้ มิใช่อื่นใดเลยนอกจากเป็นนิยายปรัมปราของบรรดาคนโบราณที่เล่าขานต่อการมาแบบมดเท็จที่สุด ไม่มีส่วนใดที่พอจะยอมรับในความเป็นจริงได้เลยแม้แต่น้อย


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลมุอ์มินูน อายะฮฺที่ 84 - 87


คำแปล R1.
84. Say: "Whose is the earth and whosoever is therein? If you know!"
85. They will say: "It is Allah's!" say: "Will you not then remember?"
86. Say: "Who is (the) Lord of the seven heavens, and (the) Lord of the great Throne?"
87. They will say: "Allah." say: "Will you not then fear Allah (believe in his Oneness, obey him, believe in the resurrection and recompense for each and every good or bad deed)."


คำแปล R2.
84. จงประกาศเถิด “แผ่นดินนี้และสรรพสิ่งในนั้นเป็นของใครเล่าหากพวกเจ้ารู้?”
85. พวกเขาจะตอบคำถามนั้นว่า “เป็นของอัลเลาะฮฺ” เจ้าจงประกาศเถิด “แล้วพวกเจ้ามิได้สำนึกบ้างดอกหรือ ?”
86. จงประกาศเถิด “ผู้ใดเล่าที่ทรงอภิบาลฟากฟ้าทั้งเจ็ดและทรงอภิบาลบัลลังก์อันยิ่งใหญ่”
87. พวกเขาก็จะบอกว่า “เป็นของอัลเลาะฮฺ” จงประกาศเถิด “แล้วพวกเจ้าไม่ยำเกรงพระองค์ดอกหรือ?”


คำแปล R3.
84. จงบอกพวกเขา “บอกฉันหน่อยซิ ถ้าหากพวกท่านรู้ โลกนี้และผู้ที่อยู่ในนั้นเป็นของใคร ?”
85. พวกเขาจะกล่าวว่า “ของอัลลอฮฺ” จงถามพวกเขาว่า “กระนั้นแล้วพวกเขายังไม่เข้าใจสิ่งนี้อีกหรือ ?”
86. จงบอกพวกเขาว่า “ใครเป็นพระผู้อภิบาลแห่งชั้นฟ้าทั้งเจ็ดและพระผู้อภิบาลบัลลังก์อันยิ่งใหญ่ ?”
87. พวกเขาจะกล่าวว่า “เป็นของอัลลอฮฺ” จงกล่าวเถิด “ดังนั้นแล้วพวกท่านยังไม่เกรงกลัวพระองค์อีกหรือ”


คำแปล R4.
84. จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด แผ่นดินนี้ และผู้ที่อยู่ในนั้นเป็นของใคร หากพวกท่านรู้
85. พวกเขาจะกล่าวว่า มันเป็นของอัลลอฮฺ จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด ถ้าเช่นนั้น พวกท่านจะไม่พิจารณาใคร่ครวญหรือ ?
86. จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด ใครเป็นเจ้าของชั้นฟ้าทั้งเจ็ดและเป็นผู้สร้างบัลลังก์อันยิ่งใหญ่ ?
87. พวกเขาจะกล่าวว่า มันเป็นของอัลลอฮฺ จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด ถ้าเช่นนั้นพวกท่านจะไม่ยำเกรง (การลงโทษของ)พระองค์หรือ ?


คำแปล R5.
๘๔. โอ้มุฮำมัด เจ้าจงกล่าวถามพวกเหล่านั้นเถิดว่า แผ่นดินและสรรพสิ่งที่อยู่ในนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ใดเล่าแม้นพวกเจ้ารู้ก็จงตอบมาเถิด
๘๕. พวกเขาจะกล่าวตอบแก่เจ้าว่า อันแผ่นดินและสรรพสิ่งทั้งผองนั้นย่อมเป็นเอกสิทธิของอัลเลาะห์ เจ้าจงกล่าวสำทับพวกนั้นว่า แล้วพวกเจ้าไม่ระลึกดอกหรือในสิ่งที่พวกเจ้าก็รู้เป้นอย่างดีมาแล้ว ว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของอัลเลาะห์ ดังนั้นจึงเป็นเอกสิทธิของพระองค์ที่จะทรงบันดาลให้พวกเจ้าได้ฟื้นขึ้นมาอีกคำรบหนึ่ง หลังจากได้เสียชีวิตไปแล้ว โดยอานุภาพและปรีชานุภาพของพระองค์
๘๖. เจ้าจงกล่าวกับพวกนั้นต่อไปอีกว่า ใครเป็นผู้ทรงอภิบาลเจ็ดชั้นฟ้าและเป็นผู้ทรงอภิบาลบัลลังก์อันยิ่งใหญ่ ณ ฟ้าชั้นที่เก้า
๘๗. พวกเขาจะกล่าวตอบเจ้าว่า อัลเลาะห์ทรงเป็นผู้อภิบาลสิ่งนั้น เจ้าจงกล่าวกับพวกเขาเถิดว่า แล้วพวกเจ้าไม่ยำเกรงพระองค์ดอกหรือ


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลมุอ์มินูน อายะฮฺที่ 88 - 90


คำแปล R1.
88. Say "In whose hand is the sovereignty of everything (i.e. treasures of each and everything)? And He protects (all), while against whom there is no protector, (i.e. if Allah saves anyone none can punish or harm him, and if Allah punishes or harms anyone none can save him), if you know." [Tafsir Al-Qurtubi,Vol. 12, Page 145]
89. They will say: "(All that belongs) to Allah." say: "How then are you deceived and turn away from the truth?"
90. Nay, but we have brought them the truth (Islamic Monotheism), and verily, they (disbelievers) are liars.


คำแปล R2.
88. จงประกาศเถิด “ใครเล่าที่ทรงอำนาจสิทธิในอาณาจักรของทุก ๆ สิ่งและสามารถคุ้มครองผู้อื่น แต่พระองค์ไม่ต้องมีผู้ใดคุ้มครอง (จงตอบเถิด) หากพวกเจ้ารู้ ?”
89. พวกเขาก็จะตอบว่า “เป็นอำนาจสิทธิของอัลเลาะฮฺ” จงประกาศเถิด “แล้วไฉนพวกเจ้าจึงถูกลวง(ให้ยอมรับสิ่งที่ไร้สาระและหันเหสัจธรรม”
90. ยิ่งไปกว่านั้น เราได้นำมาซึ่งสัจธรรมแก่พวกเขา และแท้จริงพวกเขาล้วนเป็นผู้มุสา


คำแปล R3.
88. จงบอกพวกเขา “บอกฉันซิ ถ้าหากว่าพวกท่านรู้ อำนาจสูงสุดเหนือทุกสิ่งเป็นของใคร ? และใครผู้นั้นที่เป็นผู้ให้ความคุ้มครองในขณะที่ไม่มีใครสามารถให้ความคุ้มครองไปจากพระองค์ได้ ?”
89. พวกเขาจะกล่าวว่า “อำนาจนี้เป็นของอัลลอฮฺ” จงกล่าวเถิด “ถ้าเช่นนั้นพวกท่านถูกทำให้หลงไปได้อย่างไร ?”
90. ความจริงเราได้นำสัจธรรมมายังพวกเขาแล้ว และคนเหล่านี้เป็นผู้โกหก


คำแปล R4.
88. จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด อำนาจอันกว้างใหญ่ไพศาลทุกสิ่งอย่างนี้อยู่ในพระหัตถ์ของผู้ใด ? และพระองค์เป็นผู้ทรงปกป้องคุ้มครอง และจะไม่มีใครปกป้องคุ้มครองพระองค์ หากพวกท่านรู้
89. พวกเขาจะกล่าวว่า มันเป็นของอัลลอฮฺ จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด ดังนั้นพวกท่านถูกหลอกลวงได่อย่างไร ?
90. แต่ทว่า เราได้นำเอาสัจธรรมมาให้แก่พวกเขาแล้ว และแท้จริงพวกเขาเป็นผู้กล่าวเท็จอย่างแน่นอน

 
คำแปล R5.
๘๘. เจ้าจงกล่าวถามพวกเขาอีกว่า การปกครองทุก ๆ สิ่งนั้นอยู่ในอำนาจของใคร และเขาเป็นผู้คุ้มครองและเขาไม่ถูกคุ้มครองจากผู้ใด แม้นพวกเจ้าทั้งหลายทราบก็จงตอบมา
๘๙. พวกเขาจะกล่าวตอบเจ้าว่า อัลเลาะห์ทรงเป็นผู้ปกครองสิ่งเหล่านั้นและเป็นพระเจ้าที่ให้ความคุ้มครองแต่ไม่มีใครต้องคุ้มครองพระองค์ เจ้าจงกล่าวแก่พวกนั้นว่า แล้วไฉนพวกเจ้าจึงถูกลวงให้หันเหออกจากการนมัสการในพระองค์ ทั้ง ๆ ที่พวกเจ้าก็ทราบว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงคุ้มครองและผู้ทรงสิทธิทุกประการ
๙๐. แต่เราได้ประทาน อัลกุรอาน คัมภีร์แห่งสัจธรรมแก่พวกเขาทั้งหลายเพื่อชี้ให้พวกเขาได้เห็นชัดถึงความเป็นจริงต่าง ๆ ซึ่งไม่เป็นไปดังที่พวกเขาคิดกัน เช่นที่เขาคิดว่ากุรอานเป็นนิยายปรัมปรา อัลเลาะห์มีบุตรและมีสิ่งอื่น ๆ เป็นภาคีร่วมกับพระองค์เป็นต้น และแท้จริงพวกเขาล้วนมุสาอย่างยิ่งในข้อคัดค้านต่าง ๆ ของพวกเขาที่มีต่ออัลกุรอาน ทั้งนี้เพราะสติปัญญาของพวกเขาถูกมอมเมา ถูกบิดเบือน และถูกลวงให้เห็นผิดเป็นชอบ ด้วยการกระทำและคำสอนของบรรพบุรุษของพวกเขาเอง


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลมุอ์มินูน อายะฮฺที่ 91 - 92


คำแปล R1.
91. No son (or offspring or children) did Allah beget, nor is there any Ilah (God) along with him; (if there had been many gods), behold, each God would have taken away what He had created, and some would have tried to overcome others! Glorified be Allah above all that they attribute to him!
92. All-Knower of the unseen and the seen! Exalted is He over all that they associate as partners to him!


คำแปล R2.
91. อัลเลาะฮฺไม่มีบุตรอย่างเด็ดขาด และไม่มีพระเจ้าอื่นใดร่วม(เป็นภาคี)กับพระองค์ (หากสมมติว่ามีพระเจ้าหลายองค์) แน่นอนพระเจ้าทุกองค์ต่างก็ต้องนำสิ่งที่ตนสร้างไป(บริหารเอง) และแน่นอนพระเจ้าเหล่านั้น บางส่วนก็จะต้องมีอำนาจเหลื่อมล้ำเหนือกว่าอีกบางส่วน มหาบริสุทธิ์แด่อัลเลาะฮฺ(ผู้ทรง)พ้นจากที่พวกเขาบรรยายไว้
92. ทรงรอบรู้สิ่งเร้นลับและเปิดเผย ที่พระองค์ทรงสูงส่งเกินกว่าที่พวกเขาตั้งภาคีไว้


คำแปล R3.
91. อัลลอฮฺไม่ได้ทรงมีบุตร และไม่มีพระเจ้าอื่นใดเป็นภาคีกับพระองค์ ถ้าหากเป็นเช่นนั้นพระเจ้าเหล่านั้นแต่ละองค์ก็จะกลายเป็นผู้ปกครองอิสระเหนือสิ่งถูกสร้าง และจะพยายามที่จะมีอำนาจเหนือกันและกัน มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่อัลลอฮฺผู้ทรงห่างพ้นจากสิ่งที่พวกเขาเสกสรร
92. พระองค์ทรงรอบรู้ทุกสรรพสิ่งทั้งที่ถูกซ่อนเร้นและที่ถูกเปิดเผย พระองค์ทรงอยู่เหนือการชิริกที่พวกนี้สร้างขึ้น


คำแปล R4.
91. อัลลอฮฺมิได้ทรงตั้งผู้ใดเป็นพระบุตรและไม่มีพระเจ้าอื่นใดคู่เคียงกับพระองค์ ถ้าเช่นนั้นพระเจ้าแต่ละองค์ก็จะเอาสิ่งที่ตนสร้างไปเสียหมด และแน่นอนพระเจ้าบางพระองค์ในหมู่พวกเขาก็จะมีอำนาจเหนือกว่าอีกบางองค์ มหาบริสุทธิ์ยิ่งแห่งอัลลอฮฺ ให้พ้นจากที่พวกเขากล่าวหา
92. พระผู้ทรงรอบรู้ในสิ่งพ้นญาณวิสัยและสิ่งที่มองเห็นได้ พระองค์ทรงสูงส่งยิ่งจากสิ่งที่พวกเขาตั้งเป็นภาคี


คำแปล R5.
๙๑. อัลเลาะห์มิทรงมีบุตรดังที่พวกเขาคิดและยึดมั่น กล่าวคือพวกอาหรับมุชริกมักกะห์ยึดมั่นว่ามลาอิกะห์ เป็นบุตรของอัลเลาะห์ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ และไม่มีพระเจ้าใด ๆ เป็นภาคีร่วมกับพระองค์ เพราะถ้ามีพระเจ้าอื่น ๆ นอกจากอัลเลาะห์เพียงองค์เดียวแล้ว แน่นอน พลันพระเจ้าแต่ละองค์ก็จะนำไปปกครองโดยเอกเทศ และไม่สัมพันธ์กับพระเจ้าองค์อื่น ๆ ซึ่งสิ่งที่ตนสร้าง ขึ้นมาและเมื่อแต่ละพระเจ้าปกครองสิ่งที่ตนสร้างโดยเอกเทศ ไม่สัมพันธ์กันแล้ว แน่นอนที่สุด ความสับสนวุ่นวายก็จะเกิดแก่สรรพสิ่งทั้งมวล และจะถึงแก่ความวิบัติในที่สุด และแน่นอน ต่างก็จะแข่งอำนาจบารมีของตนเพื่อการยกระดับให้สูงกว่ากันและกัน เช่น บรรดาผู้ปกครองนครต่าง ๆ ในโลกนี้ประพฤติปฏิบัติ อัลเลาะห์ทรงบริสุทธิ์ยิ่งเกินกว่าที่พวกเขาบรรยายลักษณะของพระองค์ไว้ ซึ่งเป็นสิ่งซึ่งเป็นไปไม่ได้เลย
๙๒. พระองค์ทรงรอบรู้ความเร้นลับและความเปิดเผย ดังนั้นพระองค์จึงทรงคุณลักษณะยิ่งใหญ่และเหนือเกินกว่าที่พวกเขาได้ตั้งภาคีขึ้นร่วมกับพระองค์


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลมุอ์มินูน อายะฮฺที่ 93 - 96
 

คำแปล R1.
93. Say (O Muhammad): "My Lord! If you would show me that with which they are threatened (torment),
94. "My Lord! Then (save me from your punishment), and put me not amongst the people who are the Zalimun (polytheists and wrong-doing)."
95. And indeed we are able to show you (O Muhammad) that with which we have threatened them.
96. Repel evil with that which is better. We are Best-Acquainted with the things they utter.


คำแปล R2.
93. จงกล่าวเถิด “โอ้องค์อภิบาล หาก(ตรงกับเจตจำนงของพระองค์ก็ขอให้)พระองค์ดลบันดาลให้ข้าพเจ้าได้เห็นการลงโทษที่พวกเขาได้ถูกสัญญาไว้(เสียแต่ในโลกนี้เลย)”
94. “โอ้องค์อภิบาล ขอพระองค์อย่าดลบันดาลข้าพเจ้าให้อยู่ในกลุ่มทุจริตชนเถิด”
95. (อัลเลาะฮฺตรัสว่า) และแท้จริงเราทรงอำนาจที่จะให้เจ้ามองเห็นการลงโทษที่เราสัญญาแก่พวกเขา
96. เจ้าจงผลักไสความเลวร้าย(ที่ประสบแก่เจ้า)ด้วยวิธีการที่ดีงามที่สุด เพราะเรารอบรู้ในสิ่งที่พวกเขาบรรยายไว้ยิ่งนัก

 
คำแปล R3.
93. (โอ้ มุฮัมมัด) จงวิงวอนเถิด “ข้าแต่พระผู้อภิบาล ระหว่างที่ฉันอยู่กับพวกเขา ถ้าพระองค์ทรงลงโทษพวกเขา ด้วยสิ่งที่พวกเขาได้ถูกเตือนไว้แล้ว
94. โอ้ ข้าแต่พระผู้อภิบาลของฉัน โปรดทรงอย่ารวมฉันไว้ในหมู่ชนที่อธรรมนี้ด้วยเลย”
95. และแท้จริง เราเป็นผู้มีอำนาจที่จะทำให้เจ้าได้เห็นสิ่งที่พวกเขาได้ถูกเตือนไว้
96. (โอ้ มุฮัมมัด) จงขจัดความชั่วด้วยสิ่งที่ดีที่สุด เรารู้ดีถึงสิ่งที่พวกเขากล่าวต่อเจ้า

 
คำแปล R4.
93. จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ หากพระองค์จะทรงให้ข้าพระองค์ได้เห็นสิ่งที่พวกเขาถูกกล่าวเตือนสำทับไว้แล้ว
94. ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ของพระองค์ทรงอย่าให้ข้าพระองค์อยู่ในหมู่พวกอธรรมเลย
95. และแท้จริงเราเป็นผู้มีอานุภาพอย่างแน่นอนที่จะให้เจ้าได้เห็นสิ่งที่เราได้สัญญาพวกเขาไว้
96. เจ้าจงปราบความชั่ว ด้วยสิ่งที่ดียิ่ง เรารู้ดียิ่งในสิ่งที่พวกเขากล่าวหา


คำแปล R5.
๙๓. โอ้มุฮำมัด เจ้าจงกล่าววิงวอนขอต่อองค์พระอภิบาลเถิดว่า โอ้องค์อภิบาลของข้า ถ้าพระองค์ดลให้ข้าพระองค์ได้เห็นเป็นที่ประจักษ์ชัดด้วยสายตาของข้าพระองค์ซึ่งการลงโทษแก่พวกนั้นตาม ทีพวกเขาถูกสัญญาไว้
๙๔. โอ้องค์พระอภิบาลของข้า ดังนั้นขอพระองค์โปรดอย่าบันดาลข้าพระองค์ให้ร่วมอยู่ในกลุ่มทุจริตชนเถิด เนื่องเพราะเมื่อพวกเขาถูกลงโทษ ก็อาจจะมีผลกระทบถึงข้าพระองค์ด้วย
๙๕. พระองค์อัลเลาะห์ทรงโองการแก่ท่านนบีมุฮำมัดว่า และที่จริงเรามีอานุภาพที่จะดลบันดาลให้เจ้าได้เห็นการลงโทษแก่พวกนั้นตามที่เราได้สัญญาไว้แก่พวกเขาอย่างแน่นอน ดังนั้นเจ้าไม่ต้องกังวลและเศร้าใจต่อการกล่าวหาของพวกนั้นหรอก เมื่อถึงวาระตามที่เราได้กำหนดไว้ เจ้าจะเห็นด้วยสายตาของเจ้าเองว่า พวกนั้นจะถูกลงโทษอย่างไร
๙๖. โอ้มุฮำมัด เจ้าพึงป้องกันความเลว ร้ายของพวกเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นโดยทางวาจาหรือการกระทำก็ตาม ด้วยการตอบโต้ต่อพวกนั้นทั้งทางกาย วาจา และการกระทำที่ดีงามกว่าพวกเหล่านั้นแสดงออกต่อเจ้า เจ้าต้องให้อภัย อดทนและพูดจาสุภาพอ่อนน้อมต่อพวกนั้น แม้พวกเขาจะกักขฬะ หยาบคาย และก้าวร้าวต่อเจ้าสักปานใดก็ตาม เราย่อมรอบรู้ยิ่งในสิ่งที่พวกเขาบรรยายลักษณะของเราอันผิดไปจากความเป็นจริงต่าง ๆ ซึ่งล้วนเป็นการกล่าวเท็จทั้งสิ้น ตลอดถึงการที่พวกนั้นได้กล่าวตำหนิเจ้า


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลมุอ์มินูน อายะฮฺที่ 97 - 100


คำแปล R1.
97. And say: "My Lord! I seek refuge with You from the whisperings (suggestions) of the Shayatin (devils).
98. "And I seek refuge with You, my Lord! Lest they may attend (or come near) me."
99. Until, when death comes to one of them (those who join partners with Allah), He says: "My Lord! Send me back,
100. "So that I may do good in that which I have left behind!" No! It is but a word that he speaks, and behind them is Barzakh (a barrier) until the day when they will be resurrected.


คำแปล R2.
97. และจงกล่าวต่อไปอีกว่า “โอ้องค์อภิบาล ข้าพเจ้าขอความอารักขาต่อพระองค์ให้พ้นจากมายาการของมวลมารทั้งหลาย”
98. “และข้าพเจ้าขออารักขาต่อพระองค์เพื่ออย่าให้พวกมารเหล่านั้นเข้ามาหาข้าพเจ้า โอ้ผู้ทรงอภิบาล”
99. จนเมื่อความตายได้มายังคนหนึ่งคนใดของพวกเขา เขาก็กล่าวว่า “โอ้องค์อภิบาล ขอได้โปรดอนุญาตให้ข้าพเจ้าได้กลับคืน(สู่โลกอีกครั้งเถิด)”
100. “เพื่อข้าพเจ้าจะได้ประพฤติแต่ความดี(ชดเชย)ในสิ่งที่ข้าพเจ้าได้ทอดทิ้งไป” เป็นไปไม่ได้หรอก แท้จริงคำพูดของเขานั้นเป็นคำพูดที่เขาได้กล่าวไว้(อย่างเลื่อนลอยและสูญเปล่า) และจากเบื้องหลังของพวกเขานั้นมีฉากกำบังเขาไว้(มิให้กลับคืนไปได้) ตราบถึงวันที่พวกเขาจะถูกฟื้นขึ้นมา


คำแปล R3.
97. และจงวิงวอนว่า “ข้าแต่พระผู้อภิบาลของฉัน ฉันขอความคุ้มครองจากพระองค์ให้พ้นจากการกระซิบกระซาบของมาร
98. และฉันขอความคุ้มครองจากพระองค์ ข้าแต่พระผู้อภิบาลของฉัน ให้พ้นจากการที่พวกมันจะมาปรากฏต่อหน้าฉัน
99. (คนเหล่านี้จะไม่หยุดยั้งจากการกระทำของพวกเขา) จนกระทั่งเมื่อความตายได้มายังคนหนึ่งคนใดในหมู่พวกเขา เขาจะกล่าวว่า “ข้าแต่พระผู้อภิบาลของฉัน โปรดทรงส่งฉันกลับไปยังโลกที่ฉันจากมาด้วยเถิด
100. ทั้งนี้เพื่อที่ฉันจะได้กระทำความดี” ไม่มีวันเสียแล้ว มันเป็นแค่เพียงคำพูดที่เขากล่าวออกมาเท่านั้น เพราะตอนนี้มีที่คั่นกลางระหว่างความตาย(และโลกที่เขาจากมา) จนกระทั่งถึงวันที่เขาจะถูกทำให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง


คำแปล R4.
97. และจงกล่าวเถิดมุฮัมมัด ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ขอความคุ้มครองต่อพระองค์ ให้พ้นจากเสียงกระซิบกระซาบของชัยฎอน
98. และข้าพระองค์ขอความคุ้มครองต่อพระองค์ ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ให้พ้นจากการที่พวกมันจะนำความชั่วร้ายมาสู่ข้าพระองค์
99. จนกระทั่งเมื่อความตายได้มาหาคนใดในพวกเขา เขาก็จะกล่าวขึ้นว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอพระองค์ทรงให้ข้าพระองค์กลับไปมีชีวิตอีกครั้งหนึ่งเถิด
100. เพื่อข้าพระองค์จะได้กระทำความดีในสิ่งที่ข้าพระองค์ปล่อยทิ้งไว้ เปล่าเลย มันเป็นเพียงถ้อยคำที่เขากล่าวมันไว้เท่านั้น และเบื้องหน้าของพวกเขานั้นมีโลกบัรซัค จนกระทั่งถึงวันที่พวกเขาจะถูกฟื้นคืนชีพขึ้นมา


คำแปล R5.
๙๗. และเจ้าจงกล่าววอนขอต่อพระองค์อัลเลาะห์ผู้เป็นเจ้าเถิดว่า โอ้องค์พระอภิบาล ข้าพระองค์ขอความคุ้มครองต่อพระองค์ให้พ้นไปจากมายาการต่าง ๆ ของมารร้ายด้วยเถิด
๙๘. และโอ้องค์พระอภิบาล ข้าพระองค์ขอความคุ้มครองต่อพระองค์ให้พระองค์ทรงปัดป้องพวกมารร้ายเหล่านั้น อย่าได้เข้ามาหาข้าพระองค์ เพื่อหลอกลวงให้ข้าพระองค์ต้องประพฤติผิด
๙๙. อันเหล่าทุรนชนผู้เนรคุณทั้งหลาย จะประกอบกิจกรรมชั่วต่าง ๆ นานาต่อเนื่องกันเป็นนิจศีล ไม่เลิก ไม่ยุติ จนเมื่อความตายได้มาหาคนใดจากพวกเขา เขาผู้นั้นก็จะรูสำนึกในความชั่วช้าที่เขาได้ประกอบไว้แต่อดีต และเขาเสียใจเป็นอย่างยิ่ง เขากล่าวออกมาจากความสำนึกผิดและความเศร้าโศกเสียใจว่า โอ้องค์พระอภิบาลขอพระองค์ได้โปรดส่งข้าพเจ้ากลับคืนสู่สากลโลกอีกครั้งหนึ่งเถิด
๑๐๐. เพื่อข้าพระองค์จักได้ประพฤติความดีงามชดเชยในช่วงวาระที่ข้าพเจ้าได้ทอดทิ้ง ไม่นำมาประพฤติตามคำสั่งของพระองค์เมื่ออดีต ข้าพระองค์ได้ละเลยต่อคำสั่งของพระองค์ เป็นไปไม่ได้ ที่พวกเขาจะขอกลับไปสู่สากลโลกเพื่อแก้ตัวและขอประพฤติความดีงามชดเชยในสิ่งที่ทอดทิ้งไว้ตามคำขอของเขานั้น แท้จริงถ้อยคำนั้น เขาเป็นผู้จำนรรจ์ออกมาโดยไร้ผลด้วยประการทั้งปวง และจากเบื้องหลังของพวกเขานั้นมีม่านที่กั้นพวกเขาไว้มิให้คืนกลับสู่สากลโลกได้ ซึ่งม่านนั้นจะกั้นเขาไว้จนถึงวันที่พวกเขาจะถูกให้ฟื้นขึ้นจากสุสานนั้น คือวันปรภพ


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลมุอ์มินูน อายะฮฺที่ 101 - 105


คำแปล R1.
101. Then, when the trumpet is blown, there will be no kinship among them that day, nor will they ask of one another.
102. Then, those whose scales (of good deeds) are heavy, - these, they are the successful.
103. And those whose scales (of good deeds) are light, they are those who lose their own selves, in Hell will they abide.
104. The Fire will burn their faces, and therein they will grin, with displaced lips (disfigured).
105. "Were not My Verses (this Qur'an) recited to you, and then you used to deny them?"


คำแปล R2.
101. ครั้นเมื่อมีการเป่าลงในสังข์ ในวันนั้นก็จะไม่มีความสัมพันธ์ทางสายตระกูลกันอีกต่อไปแล้ว และพวกเขาจะไม่ถามไถ่(สารทุกข์สุข)ซึ่งกันและกัน
102. ดังนั้นผู้ใดที่ตราชูของเขาหนัก(ความดี) แน่นอนพวกเหล่านั้นเป็นพวกประสบชัยชนะโดยแท้จริง
103. และผู้ใดตราชูของเขาเบา (เพราะมีความดีน้อย) แน่นอนพวกเหล่านั้นเป็นพวกที่ทำให้ตัวเองขาดทุน ซึ่งพวกเขาจะต้องเข้าประจำถาวรในนรกยะฮันนัม
104. ไฟนรกจะเผาใบหน้าของพวกเขาและพวกเขาจะอยู่ในนั้นด้วยใบหน้าอันบึ้งตึง(เพราะความทุกข์ตรม)
105. ก็โองการต่าง ๆ ของข้าได้ถูกแถลงแก่พวกเจ้าแล้วมิใช่หรือ แต่พวกเจ้าก็ว่าโองการเหล่านั้นเป็นเท็จ


คำแปล R3.
101. ดังนั้นเมื่อแตรได้ถูกเป่า ความสัมพันธ์(ทางโลก) ทั้งหมดระหว่างพวกเขาจะไม่มีอีกต่อไป และพวกเขาจะไม่ถามกันและกัน
102. ดังนั้นคนที่ตาชั่งของเขาหนัก ก็จะเป็นผู้ได้รับความสำเร็จ
103. และผู้ใดที่ตาชั่งของเขาเบา คนเหล่านี้ก็คือผู้ที่ทำให้ตัวเองขาดทุน พวกเขาจะได้อยู่ในนรกตลอดไป
104. ไฟจะเผาไหม้ใบหน้าของพวกเขาจนเห็นขากรรไกรของพวกเขา
105. (จะมีคำกล่าวแก่พวกเขาว่า ) “สูเจ้ามิใช่คนพวกเดียวกับพวกที่ถือว่าอายะฮฺทั้งหลายของฉันเป็นเท็จดอกหรือ เมื่อมันได้ถูกอ่านแก่สูเจ้า ?”


คำแปล R4.
101. ดังนั้นเมื่อสังข์ได้ถูกเป่าขึ้น ดังนั้นจะไม่มีความสัมพันธ์ทางเครือญาติระหว่างพวกเขาในวันนั้น และพวกเขาจะไม่ไต่ถามซึ่งกันและกัน
102. ดังนั้นผู้ใดตราชูของเขาหนัก ชนเหล่านั้น พวกเขาเป็นผู้ประสบชัยชนะ
103. และผู้ใดตราชูของเบา ชนเหล่านั้นคือบรรดาผู้ที่ทำให้ตัวของพวกเขาขาดทุน พวกเขาจะพำนักอยู่ในนรกตลอดกาล
104. ไฟนรกจะเผาไหม้ใบหน้าของพวกเขา และพวกเขาจะมีใบหน้าที่บูดเบี้ยวในนรกนั้น
105. โองการทั้งหลายของเรามิได้ถูกนำมาอ่านแก่พวกเจ้าดอกหรือ แล้วพวกเจ้าก็ปฏิเสธไม่ยอมเชื่อมัน


คำแปล R5.
๑๐๑. ดังนั้นเมื่อมีการเป่าวิญญาณเข้าไปในรูป ร่างของมนุษย์ทั้งหลาย หรือการเป่าสังข์เพื่อส่งวิญญาณเข้าสู่ร่างของมนุษย์ในสุสานเพื่อการฟื้นขึ้นจากสุสาน ที่จริงในวันนั้นไม่มีความเป็นญาติกันในระหว่างพวกเขาที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ ความเป็นญาติที่เคยมีกันมาแต่อดีตกาลนั้นไม่อาจยังประโยชน์แก่พวกเขาได้ และพวกเขาจะไม่ซักถามซึ่งกันและกัน ทั้ง ๆ ที่มองเห็นกันอยู่โดยใกล้ชิด ทั้งนี้เพราะความชุลมุน ความโกลาหล และความตระหนกที่อุบัติขึ้นในวันนั้น ทำให้ทุกคนไม่มีเวลาที่จะสนใจซึ่งกันและกัน แม้จะเคยเป็นสามี ภรรยา พ่อ แม่ ลูก หรือญาติพี่น้องหรือมิตรสหายผู้ใกล้ชิดสนิทสนมกันมาเป็นอย่างดีแล้วก็ตาม จึงไม่มีใครซักถามและทักทายใครทั้งสิ้น
๑๐๒. ดังนั้นผู้ใดที่ตราชูแห่งความดีของเขาหนัก พวกเหล่านั้นแหละจะเป็นผู้สมหวังโดยแท้จริง พวกเขาจะได้รับผลตอบสนองด้วยการเข้าสู่สวนสวรรค์
๑๐๓. และผู้ใดซึ่งตราชูแห่งความดีของเขาเบาเนื่องเพราะถูกถ่วงไว้ด้วยความชั่ว ความเลวที่เขาได้ประกอบไว้ แน่นอนเขาเหล่านี้จะเป็นผู้ทำความขาดทุนแก่ตัวของพวกเขาเอง พวกเขาอยู่ในนรกชั่วนิจนิรันดรไม่มีโอกาสออกจากนั้นได้
๑๐๔. นรกจะเผาไหม้ใบหน้าของพวกเขาจนดำเกรียม และพวกเขาอ้าปากออกจากันจนริมฝีปากด้านบนฉีกขึ้นไปถึงกลางศีรษะ และริมฝีปากด้านล่างห้อยลงไปถึงสะดือ ขณะเมื่ออยู่ในนรกนั้น ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวและทรมานที่เขาได้รับจากนรก
๑๐๕. พระองค์อัลเลาะห์ทรงโองการแก่พวกเขาขณะอยู่ในนรกว่า บรรดาโองการต่าง ๆ ของข้ามิได้อ่านเหนือพวกเจ้าดอกหรือ แน่นอนโองการของข้า ศาสนทูตที่ข้าส่งเขามาได้นำมาอ่านให้พวกเจ้าได้รับฟังโดยตลอด เมื่อครั้งพวกเจ้ายังมีชีวิตอยู่ในสากลโลก แต่แล้วพวกเจ้ากลับกล่าวหาเป็นเท็จต่อโองการเหล่านั้น และพวกเจ้าได้หันเหออกจากโองการเหล่านั้น ไม่สนใจที่จะรับฟังหรือแสร้งรับฟังเพื่อที่จะคัดค้านและเยาะหยัน ยิ่งไปกว่านั้นพวกเจ้ายังก้าวร้าวและรุกรานสร้างความเดือดร้อนแก่ศาสดาผู้นำโองการเหล่านั้นมาเผยแพร่อีกด้วย


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลมุอ์มินูน อายะฮฺที่ 106 - 108


คำแปล R1.
106. They will say: "Our Lord! Our wretchedness overcame us, and we were (an) erring people.
107. "Our Lord! Bring us out of this; if ever we return (to evil), then indeed we shall be Zalimun (polytheists, oppressors, unjust, and wrong-doers, etc.)."
108. He (Allah) will say: "Remain you in it with ignominy! And speak you not to Me!"


คำแปล R2.
106. พวกเขาอ้อนวอนว่า “โอ้องค์อภิบาลของเรา ความอัปโชคของเราได้พิชิตเหนือเราเสียแล้ว และพวกเราเป็นผู้หลงผิดโดยแท้จริง
107. โอ้องค์อภิบาลของเรา โปรดนำเราออกจากนรกเถิด(เพื่อกลับสู่โลก) ครั้นต่อมาหากพวกเราหวนกลับ(ไปทำความชั่วและเนรคุณอีก) แน่นอนพวกเราก็เป็นผู้ทุจริตโดยแท้”
108. พระองค์ทรงตรัสว่า “พวกเจ้าจงอยู่ในนั้นอย่างอัปยศต่อไปเถิด และพวกเจ้าอย่าได้ร้องทุกข์ใด ๆ ต่อข้า(ข้าจะไม่รับพิจารณาด้วยประการทั้งปวง)”


คำแปล R3.
106. พวกเขาจะกล่าวว่า “ข้าแต่พระผู้อภิบาลของเรา ความเลวร้ายได้เกิดขึ้นแก่เราและเราเป็นหมู่ชนผู้หลงผิด
107. ข้าแต่พระผู้อภิบาลของเรา โปรดทรงเอาเราออกจากสถานที่แห่งนี้ด้วยเถิด หลังจากนี้ถ้าเราทำผิดเช่นนั้นอีก เราก็เป็นผู้กระทำความผิดที่แท้จริง”
108. อัลลอฮฺทรงกล่าวว่า “จงอยู่ต่อไปในนั้น และจงอย่ามาพูดกับฉันอีก


คำแปล R4.
106. พวกเขากล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของเราความชั่วช้าเลวทรามของพวกเราได้เข้ามาครอบงำพวกเรา และพวกเราเป็นหมู่ชนหลงทาง
107. ข้าแต่พระเจ้าของเรา ขอพระองค์ทรงโปรดเอาพวกเราออกจากนรกด้วยเถิด ถ้าหากเรากลับไปทำความชั่วช้าอีก แน่นอนเราก็เป็นพวกอธรรม
108. พระองค์ ตรัสว่า พวกเจ้าจงตะเพิดไปจมอยู่ในนั้นเถิด และพวกเจ้าอย่าได้มาพูดกับข้าเลย


คำแปล R5.
๑๐๖. พวกชาวนรกทั้งมวล เขากล่าวว่า โอ้องค์อภิบาลของเรา ความอัปโชคไร้วาสนาของเราได้พิชิตเหนือเราเสียแล้ว เราไม่อาจฝืนวาสนาอันต่ำต้อยของเราได้ และเราจึงเป็นกลุ่มชนผู้หลงผิดออกจากแนวทางของสัจธรรมแห่งศาสนาโดยสิ้นเชิง
๑๐๗. โอ้องค์อภิบาลของเรา ขอพระองค์ได้โปรดนำพวกเราออกจากนรกเถิด เพื่อส่งพวกเรากลับคืนสู่สากลโลกอีกครั้ง พวกเราจะได้กลับเนื้อกลับตัวประกอบแต่ความดี แล้วเมื่อพวกเราถูกส่งคืนกลับไปสู่สากลโลก และพวกเรายังขัดแย้งกับพระองค์และประกอบกรรมชั่วอีกเสมือนเมื่อครั้งที่พวกเรายังมีชีวิตอยู่ นั่นแหละจึงจะเป็นข้อพิสูจน์ว่า พวกเราเป็นผู้ทุจริตโดยแท้จริง แล้วพระองค์ก็จงนำพวกเรากลับมาลงโทษในนรกเถิด
๑๐๘. พระองค์อัลเลาะห์ทรงดำรัสผ่านมลาอิกะฮฺทวารักษ์นรกว่า พวกเจ้าทั้งหลายจงอยู่อย่างต่ำต้อยในนรกเถิด อย่าได้ออกมาจากนรกตามที่พวกเจ้าเฝ้าขอนั้นเลย และพวกเจ้าอย่าได้จำนรรจ์ถ้อยคำวิงวอนใดต่อข้า ไม่มีประโยชน์อันใดทั้งสิ้น ข้าไม่รับฟังคำวอนขอของพวกเจ้าหรอก


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลมุอ์มินูน อายะฮฺที่ 109 - 111


คำแปล R1.
109. Verily! There was a party of my slaves, who used to say: "Our Lord! We believe, so forgive us, and have mercy on us, for You are the best of all who show mercy!"
110. But you took them for a laughingstock, so much so that they made you forget My remembrance while you used to laugh at them!
111. Verily! I have rewarded them this day for their patience, they are indeed the ones that are successful.


คำแปล R2.
109. แท้จริงมีคนกลุ่มหนึ่งจากมวลบ่าวของข้ากล่าววอนขอต่อข้าว่า “โอ้องค์อภิบาลของเรา เราศรัทธาแล้ว ดังนั้นขอพระองค์ได้โปรดอภัยแก่พวกเรา และโปรดเมตตาแก่พวกเราเถิด และพระอค์นั้นเป็นผู้ทรงประเสริฐที่สุดแห่งมวลผู้เมตตา”
110. แต่แล้วพวกเจ้าก็ยึดเอาพวกเขา(ที่กล่าวเช่นนั้น)มาเป็นเครื่องเย้ยหยัน จนกระทั่งพวกเขาเป็นเหตุให้พวกเจ้าลืมการระลึกถึงข้า และพวกเจ้าก็ได้หัวเราะเยาะพวกเขา (อยู่ตลอดเวลา)
111. แท้จริงข้าได้ตอบแทนพวกเขาในวันนี้(อย่างดีที่สุด)เพราะเหตุที่พวกเขามีความอดทน แท้จริงพวกเขาเป็นผู้มีชัยชนะโดยแท้จริง


คำแปล R3.
109. แท้จริงแล้วในตอนที่มีคนกลุ่มหนึ่งจากปวงบ่าวของฉันกล่าวว่า “ข้าแต่พระผู้อภิบาลของเรา เราศรัทธา ดังนั้นโปรดจงให้อภัยแก่เรา และทรงเมตตาต่อเรา เพราะพระองค์ทรงเป็นเลิศที่สุดแห่งบรรดาผู้เมตตาทั้งหลาย”
110. แต่สูเจ้าได้ถือเอาพวกเขาเป็นผู้ขบขันจนสูเจ้าลืมแม้กระทั่งฉันและหัวเราะเยาะเขาอยู่ต่อไป
111. วันนี้ฉันได้ตอบแทนพวกเขาแล้วสำหรับความอดทนของพวกเขา และพวกเขาได้ชัยชนะเหนือพวกเจ้า”


คำแปล R4.
109. แท้จริงมีหมู่ชนกลุ่มหนึ่งจากปวงบ่าวของเรา พวกเขากล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของเรา พวกเราได้ศรัทธาต่อพระองค์ ขอพระองค์ทรงโปรดอภัยโทษให้แก่เรา และทรงเมตตาต่อเราด้วย และพระองค์ท่านเท่านั้น ทรงเป็นผู้เมตตาที่ดียิ่ง
110. พวกเจ้าได้ดูถูกเหยียดหยามพวกเขา จนกระทั่ง (การกระทำเช่นนั้นแก่พวกเขา) ทำให้พวกเจ้าลืมนึกถึงข้า และพวกเจ้าก็หัวเราะเยาะเย้ยพวกเขา
111. แท้จริงข้าได้ตอบแทนรางวัลให้แก่พวกเขาแล้วในวันนี้ เพราะพวกเขาอดทน แท้จริงพวกเขาเท่านั้นเป็นผู้ได้รับชัยชนะ


คำแปล R5.
๑๐๙. จากนั้นพระองค์อัลเลาะห์ได้แจ้งถึงมูลเหตุในการลงโทษที่ประสบแก่เขาว่า โดยแท้จริงมีชนกลุ่มหนึ่งจากพวกข้าทาสของข้า ซึ่งพวกเขาเป็นผู้มีศรัทธาต่ออัลเลาะห์และต่อวันปรภพ ขณะพวกเขามีชีวิตอยู่ในสากลโลก ชนกลุ่มนี้ได้แก่ “ชาวมุฮาญิรฺ ผู้อพยพจากมักกะห์มาสู่มาดีนะห์” พวกเขากล่าววิงวอนต่อข้าว่า โอ้องค์พระอภิบาลของเรา เราศรัทธาต่อพระองค์ ต่อศาสนทูตของพระองค์ และต่อคำประกาศของเขาที่นำมาจากพระองค์ ดังนั้นขอพระองค์ได้โปรดให้อภัยแก่พวกเราในความผิดพลาดและความพลั้งเผลอของพวกเรา และขอพระองค์ได้โปรดเมตตาต่อพวกเรา อย่าได้นำตัวพวกเราไปลงโทษ และเพราะพระองค์ทรงเป็นผู้เลิศยิ่งแห่งบรรดาผู้เมตตาทั้งหลาย พระองค์ทรงเมตตายิ่งแก่บรรดาข้าทาสของพระองค์ที่ประสบบาปและภัยต่าง ๆ
๑๑๐. เมื่อพวกศรัทธาชนได้วิงวอนต่อพระองค์อัลเลาะห์ ตามที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น พระองค์อัลเลาะห์ก็ได้แจ้งถึงทีท่าของพวกทุรชนชาวมักกะห์ที่แสดงออกต่อบรรดาศรัทธาชนทั้งหลายโดยพระองค์ทรงโองการว่า แต่แล้วพวกเจ้าทั้งหลายกลับถือเอาพวกเขาผู้มีศรัทธาที่วิงวอนขอดังกล่าวนั้นเป็นที่เยาะเย้ยและล้อเลียนสำหรับพวกเจ้า จนกระทั่งพวกเจ้าทั้งหลายลืมระลึกถึงข้า และไม่กลัวการลงโทษของข้า และพวกเจ้าได้หัวเราะเยาะพวกเขาเหล่านั้น อันบุคคลที่ถูกหัวเราะเยาะในเหตุการณ์ครั้งนั้นได้แก่ บิลาล ฮะบะซีย ซุไฮบรูมี ซัลมานฟาริซีและอัมม๊ารอะรอบี โดยมูลเหตุที่พวกเจ้าทั้งหลายได้เยาะเย้ยต่อศรัทธาชนทั้งหลายที่เฝ้าวอนขอต่อข้าดังกล่าวนั้นเอง พวกเจ้าจึงต้องได้รับการลงโทษในนรกเช่นนี้
๑๑๑. แท้จริงข้าได้ตอบแทนความดีงามของพวกเขา ศรัทธาชนทั้งหลายในวันนี้ คือวันปรภพ โดยให้พวกเขาได้เข้าสู่สรวงสวรรค์ เพราะความอดทนของพวกเขาที่มีกับการเยาะเย้ยของเหล่าทุรชนทั้งหลายในอาการอันดุษณี แม้จะรู้สึกโกรธ แต่ก็อดทนไว้ไม่บันดาลความโกรธออกมา พวกเขาเป็นผู้ชนะโดยแท้จริง โดยได้เข้าพำนักอยู่ในสวรรค์อย่างบรมสุข


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลมุอ์มินูน อายะฮฺที่ 112 - 116


คำแปล R1.
112. He (Allah) will say: "What number of years did you stay on earth?"
113. They will say: "We stayed a day or part of a day. Ask of those who keep account."
114. He (Allah) will say: "You stayed not but a little, if you had only known!
115. "Did you think that We had created you in play (without any purpose), and that you would not be brought back to us?"
116. So exalted be Allah, the true king, La ilaha illa Huwa (none has the right to be worshipped but He), the Lord of the Supreme Throne!


คำแปล R2.
112. อัลเลาะฮฺตรัสว่า “พวกเจ้าทั้งหลายได้อาศัยอยู่ในพื่นพิภพมีจำนวนกี่ปีเล่า ?”
113. พวกเขาตอบว่า “เราพำนักอยู่เพียงวันเดียวหรือครึ่งวันเท่านั้นเอง ดังนั้นจงถาม(มลาอิกะฮฺ)ผู้ทำหน้าที่นับ(อายุของมวลมนุษย์)เถิด”
114. อัลเลาะฮฺตรัสต่อไปว่า “พวกเจ้ามิได้พำนักอยู่(ในโลก)นอกจากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากแม้นพวกเจ้าทั้งหลายรู้
115. แล้วพวกเจ้าคิดหรือว่า เราบันดาลพวกเจ้านั้นมาอย่างไร้สาระ ? และ(พวกเจ้าคิดอีกหรือว่า) แท้จริงพวกเจ้านั้นจะไม่ถูกส่งกลับคืนมายังเรา?”
116. ที่จริงอัลเลาะฮฺทรงสูงส่งนัก ทรงอำนาจปกครอง ทรงสัจจะ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ผู้ทรงอภิบาลแห่งบัลลังก์อันมีเกียรติ

 
คำแปล R3.
112. (หลังจากนั้น) อัลลอฮฺจะถามพวกเขาว่า “สูเจ้าอยู่ในโลกนี้กันกี่ปี ?”
113. พวกเขาจะกล่าวว่า “เราอยู่ที่นั่นเพียงแค่วันหนึ่งหรือส่วนหนึ่งของวัน พระองค์อาจถามจากบรรดาคนที่นับดูก็ได้”
114. พระองค์ทรงกล่าวว่า “สูเจ้าอยู่ที่นั่นเพียงชั่วครู่เท่านั้นถ้าหากสูเจ้ารู้” (แต่น่าสงสารที่สูเจ้าหาได้ตระหนักไม่)
115. สูเจ้าคิดหรือว่า เราสร้างสูเจ้ามาโดยไร้วัตถุประสงค์ และสูเจ้าจะไม่ถูกนำกลับมายังเรา ?”
116. ดังนั้นอัลลอฮฺคือผู้ทรงสูงส่ง ผู้ทรงมีอำนาจสูงสุดอย่างแท้จริง ทรงสัจจะ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีกนอกจากพระองค์ พระองค์คือพระผู้อภิบาลแห่งบัลลังก์อันทรงเกียรติ


คำแปล R4.
112. พระองค์ตรัสว่า พวกเจ้าพำนักอยู่ในแผ่นดินเป็นจำนวนกี่ปี
113. พวกเขากล่าวตอบว่า เราพำนักอยู่วันหนึ่งหรือส่วนหนึ่งของวัน ขอพระองค์โปรดถามนักคำนวณที่เชี่ยวชาญเถิด
114. พระองค์ตรัสว่า พวกเจ้ามิได้พำนักอยู่เว้นแต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากพวกเจ้ารู้
115. พวกเจ้าคิดว่า แท้จริงเราได้ให้พวกเจ้าบังเกิดมาโดยไร้ประโยชน์ และแท้จริงพวกเจ้าจะไม่กลับไปหาเรากระนั้นหรือ
116. อัลลอฮฺผู้ทรงสูงส่ง ผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงสัจจะ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ พระเจ้าแห่งบัลลังก์อันทรงเกียรติ


คำแปล R5.
๑๑๒. ขณะเมื่อพวกเขาอยู่ในสวรรค์ พระองค์อัลเลาะห์ได้ทรงโองการผ่านมลาอิกะห์ชื่อ “มาลิก ซะบานียะห์” ผู้เป็นทวารักษ์แห่งขุมนรกว่า พวกเจ้าทั้งหลายได้พำนักอยู่ ณ หน้าแผ่นดินแห่งสกลจักรวาลรวมทั้งในสุสานด้วยจำนวนกี่ปี
๑๑๓. พวกเขากล่าวตอบว่าพวกเราได้พำนักอยู่ในแผ่นดินแห่งสกลจักรวาลเพียงหนึ่งวันหรือครึ่งวันเท่านั้น พวกเขาตกอยู่ในอาการแห่งความตระหนกและครั่นคร้ามต่อวันปรภพซึ่งมีแต่ความน่ากลัว เหตุการณ์ในวันนั้นทำให้เขาเห็นเป็นการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด จนเห็นว่ากาลอดีตที่ผ่านมาเป็นเรื่องเล็กน้อยเหลือเกิน เขาจึงลืมสนิทว่า เขาอยู่ในโลกอดีตมาแล้วนานเท่าใด ดังนั้นหากท่านต้องการจำนวนอันแน่ชัด ท่านโปรดถามบรรดามลาอิกะห์ผู้ทำหน้าที่นับจำนวนดังกล่าวโดยได้รับมอบหมายจากพระองค์อัลเลาะห์ ซึ่งบรรดามลาอิกะห์เหล่านั้นมีหน้าที่พิทักษ์พฤติกรรมและจำนวนแห่งสถิติและข้อมูลต่าง ๆ ของมวลมนุษยชาติ เรียกมลาอิกะห์กลุ่มนี้ว่า “อัลหะฟะเซาะฮ์”
๑๑๔. พระองค์อัลเลาะห์ได้ตรัสแก่พวกเขาผ่านมาลิกว่า พวกเจ้าหาได้พำนักอยู่ในแผ่นดินแห่งสกลจักรวาลนานเท่าใดเลย นอกจากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แม้พวกเจ้าทราบ เพราะเมื่อเทียบกาลเวลาระหว่างโลกสากลเมื่ออดีตกับโลกใหม่แห่งปัจจุบัน อันเป็นโลกที่มีการลงโทษพวกเขาอย่างทรมานในนรก เวลาของโลกนรกย่อมจะยาวนานกว่าเวลาของโลกสากลแน่ ๆ ทั้งในความรู้สึกของพวกเขาและในความเป็นจริง
๑๑๕.แล้วพวกเจ้าคิดหรือว่าเราได้บันดาลพวกเจ้า ให้บังเกิดขึ้นมาสู่การมีชีวิตโดยไร้สาระ ไม่มีเหตุผล พวกเจ้าอย่าได้คิดเช่นนั้นเป็นอันขาด เพราะเราบันดาลพวกเจ้ามาอย่างมีเหตุผลและเป้าหมายที่แน่ชัด และพวกเจ้าคิดหรือว่าพวกเจ้าทั้งหลายจะไม่ถูกส่งตัวกลับคืนมาสู่เราในวันนี้ พวกเจ้าก็ได้ประจักษ์แล้วว่า พวกเจ้าถูกส่งตัวกลับมาสู่เรา เพื่อทำการลงโทษให้สาสมกับความเนรคุณของพวกเจ้า
๑๑๖. แท้จริง ทรงสูงส่งเกินกว่าการกล่าวร้ายของผู้ใด และทรงสภาวะอันเหนือไปกว่าการบรรยายลักษณะของใครทั้งสิ้น อัลเลาะห์ผู้ทรงสิทธิ ผู้ทรงสัจจะ ผู้ทรงเอกภาพ ไม่มีพระเจ้าใด ๆ ทั้งสิ้นนอกจากพระองค์เท่านั้นที่เป็นพระเจ้าโดยแท้จริง พระองค์ทรงเป็นผู้ทรงอภิบาลบัลลังก์อันทรงเกียรติยิ่ง


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลมุอ์มินูน อายะฮฺที่ 117 - 118


คำแปล R1.
117. And whoever invokes (or worships), besides Allah, any other Ilah (God), of whom He has no proof, then his reckoning is only with his Lord. Surely! Al-Kafirun (the disbelievers in Allah and in the Oneness of Allah, polytheists, pagans, idolaters, etc.) will not be successful.
118. And say (O Muhammad): "My Lord! Forgive and have Mercy, for you are the best of those who show mercy!"


คำแปล R2.
117. และผู้ใดวอนนมัสการพร้อมกับอัลเลาะฮฺต่อพระเจ้าอื่นใด แน่นอนเขาก็ไม่มีหลักฐานยืนยันในเรื่องนั้นได้เลย ที่จริงแล้วการสอบสวนเขาอยู่ในอำนาจสิทธิขององค์อภิบาลของเขา แท้จริงมวลผู้ไร้ศรัทธาย่อมไม่สมหวัง
118. และจงกล่าวเถิด “โอ้องค์อภิบาลโปรดให้อภัยและโปรดเมตตา และพระองค์ทรงเป็นผู้ประเสริฐสุดแห่งมวลผู้เมตตา


คำแปล R3.
117. ดังนั้นถ้าผู้ใดวิงวอนพระเจ้าอื่นร่วมกับอัลลอฮฺโดยที่เขาไม่มีหลักฐานพิสูจน์ บัญชีของเขานั้นอยู่ที่พระผู้อภิบาลของเขาแล้ว แท้จริงบรรดาผู้ปฏิเสธนั้นจะไม่มีวันประสบ “ผลสำเร็จ”
118. (โอ้ มุฮัมมัด) จงกล่าวเถิด “ข้าแต่พระผู้อภิบาลของฉัน โปรดทรงอภัยและทรงเมตตาด้วยเถิด เพราะพระองค์ทรงเป็นเลิศที่สุดแห่งบรรดาผู้เมตตาทั้งหลาย”


คำแปล R4.
117. และผู้ใดวิงวอนขอพระเจ้าอื่นคู่เคียงกับอัลลอฮฺ โดยไม่มีหลักฐานพิสูจน์แก่เขาในการนี้ แท้จริงการคิดบัญชีของเขาอยู่ที่พระเจ้าของเขา แท้จริงบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาจะไม่ประสบความสำเร็จ
118. และจงกล่าวเถิดมุฮัมมัดว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอพระองค์ทรงโปรดอภัยและทรงเมตตา และพระองค์ท่านเท่านั้นทรงเป็นผู้เมตตาที่ดียิ่ง


คำแปล R5.
๑๑๗. และผู้ใดวอนขอและกราบไหว้นมัสการร่วมกับอัลเลาะห์ต่อพระเจ้าอื่นใดซึ่งไม่มีเหตุผลยืนยันให้ประจักษ์ชัดสำหรับสิ่งนั้นเลยว่าจะเป็นพระเจ้าขึ้นมาได้ ที่จริงการสอบสวนเขาผู้กราบไหว้พระเจ้าอื่นร่วมเคียงอัลเลาะห์นั้น ย่อมอยู่ที่องค์พระอภิบาลของเขา สุดแต่พระองค์จะทรงเมตตา แท้จริงบรรดาชนผู้เนรคุณทั้งหลายย่อมไม่สมหวังในสิ่งที่ตนได้ตั้งความหวังไว้
๑๑๘. และโอ้มุฮำมัด เจ้าจงกล่าววิงวอนเถิดว่า โอ้องค์อภิบาล ขอพระองค์ได้ทรงโปรดให้อภัยในความผิดพลาดต่าง ๆ ของข้าพระองค์ และโปรดเมตตาแก่ข้าพระองค์อย่าได้นำตัวไปลงโทษ และพระองค์คือผู้ทรงเลิศยิ่งจากจากบรรดาผู้เมตตาทั้งหลาย ไม่มีใครอีกแล้วที่จะมีเมตตายิ่งไปกว่าพระองค์

---------------------------------------------------------

 
ดำรัสแห่งอัลลอฮฺผู้ทรงยิ่งใหญ่เป็นจริงเสมอ (صدق الله العظيم)
จบตอนที่ 23 ซูเราะฮฺ อัลมุอ์มินูน
والسلام عليكم ورحمة الله وبركاته


 

GoogleTagged