ผู้เขียน หัวข้อ: มุสตอละฮุ้ลหะดีษ (หลักพิจารณาอัลหะดีษ) ตอนที่ 7  (อ่าน 2665 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Ahlulhadeeth

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 27
  • Respect: +4
    • ดูรายละเอียด

วิชา มุสตอละฮุ้ลหะดีษ (หลักพิจารณาอัลหะดีษ) ตอนที่ 7


โดย รอฟีกี มูฮำหมัด


8.2.หะดีษซอเฮี๊ยะห์ลี่ฆอยรี่ฮี ( الحديث الصحيح لغيره ) "หะดีษที่ซอเฮี๊ยะห์ด้วยการสนับสนุนของหะดีษอื่น"

เราได้กล่าวมาก่อนแล้วถึงหะดีษที่ซอเฮี๊ยะห์ด้วยตัวของมันเอง และต่อจากนี้ไป เราก็จะกล่าวถึงหะดีษที่ซอเฮี๊ยะห์ด้วยการสนับสนุนของหะดีษอื่น ซึ่งก็คือ หะดีษที่เดิมทีเป็น "หะดีษหะซันลี่ซาตี่ฮี" ต่อมาได้รับการสนับสนุนจากหะดีษอื่นที่มีความเท่าเทียมกัน หรือ มีความแข็งแรงมากกว่า หรือ มาจากหะดีษอื่นๆ จากหลายๆแนวทาง ที่ไม่ถึงขั้นหะซันลี่ซาตี่ฮี แต่มีการพูดถึงกันอย่างมากมาย ได้มาสนับสนุนให้หะดีษบทนั้นมีความแข็งแรงขึ้น ก็จะทำให้ "หะดีษที่หะซันด้วยตัวของมันเอง" ( الحديث الحسن لذاته ) เลื่อนขั้นขึ้นไปเป็น "หะดีษซอเฮี๊ยะห์ลี่ฆอยรี่ฮี" ( الحديث الصحيح لغيره ) เหมือนที่ได้รับทราบกันมาก่อนแล้ว

และที่เรียกว่า ซอเฮี๊ยะห์ด้วยกับหะดีษอื่น ( لغيره ) นั้น เนื่องจากหะดีษบทนั้น ไม่ใช่หะดีษที่ซอเฮี๊ยะห์ด้วยตัวของมันเอง แต่ว่าได้มีมาจากแนวทางอื่นๆ ที่มาสนับสนุนทำให้มันมีความแข็งแรงขึ้น จึงเรียกมันว่า ซอเฮี๊ยะห์ลี่ฆอยรี่ฮี "ซอเฮี๊ยะห์เนื่องจากมีหะดีษอื่นมาสนับสนุน" นั่นเอง

ตัวอย่างของหะดีษซอเฮี๊ยะห์ลี่ฆอยรี่ฮี เช่น หะดีษที่ท่านอีหม่ามติรมีซีย์(รฮ.)ได้กล่าวว่า

حدثنا أبو كريب ، حدثنا عبدة بن سليمان ، عن محمد بن عمرو ، عن أبي سلمة ، عن أبي هريرة رضي الله عنه أن رسول الله صلى الله عليه وسـلم قال

(( لَوْلَا أَنْ أَشُقَّ عَلَى أُمَّتِي لَأَمَرْتُهُمْ بِالسِّوَاكِ عِنْدَ كُلِّ صَلَاةٍ ))


ท่านอบูกู่รอยบ์ได้เล่าให้เราฟังว่า ท่านอับดะห์ บิน สุลัยมาน ได้เล่าให้ฟัง จากท่านมูฮำหมัด บิน อัมร์ จากท่านอบูซาลามะห์ จากท่านอบูฮู่รอยเราะห์(รด.) ว่า แท้จริงท่านร่อซู้ล(ซล.)ทรงกล่าวว่า "หากฉันไม่เกรงว่าจะเกิดความลำบากแก่อุมมะห์ของฉันแล้ว แน่นอน ฉันจะใช้ให้พวกเขาแปรงฟันทุกๆการละหมาด" (บันทึกโดย ท่านอีหม่ามติรมีซีย์ ในสุนันติรมีซีย์ เล่ม 1 บทที่ว่าด้วย ما جاء في السواك หะดีษที่ 22)

วิจารณ์สายรายงาน : โดยแต่ละคนมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

1.ท่านอบูกู่รอยบ์
เป็นผู้ที่มีความน่าเชื่อถือ ( ثقة ) "ซิเกาะห์"

2.ท่านอับดะห์ บิน สุลัยมาน เป็นผู้ที่มีความน่าเชื่อถือ ( ثقة ) "ซิเกาะห์"

3.ท่านมูฮำหมัด บิน อัมร์ เป็นผู้ที่มีความเลื่องลือในด้านของความมีสัจจะ ( صدوق ) "ซ่อดู๊ก"

4.ท่านอบูซาลามะห์ เป็นผู้ที่มีความน่าเชื่อถือ ( ثقة ) "ซิเกาะห์"

5.ท่านอบูฮู่รอยเราะห์(รด.) เป็นซอฮาบะห์ของท่านร่อซู้ล ( صحابِي ) "ซอฮาบีย์" และเป็นผู้ที่มีความน่าเชื่อถือ ( ثقة ) "ซิเกาะห์"

หะดีษนี้ มีปัญหาที่นักรายงานในลำดับที่ 3 คือ "ท่านมูฮำหมัด บิน อัมร์ บินอัลกอมะห์" หะดีษบทนี้จึงเป็น "หะดีษหะซันดัวยตัวของมันเอง" เนื่องจาก "ท่านมูฮำหมัด บิน อัมร์ บินอัลกอมะห์" นั้น แม้ว่าจะเป็นผู้ที่มีความเลื่องลือในด้านของความมีสัจจะ ( صدوق ) "ซ่อดู๊ก" แต่เขาไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งจากผู้ที่มีความจำแม่นยำ ( الضبط ) "ด๊อบฎ์" จนกระทั่งบางส่วนให้การ ( ضعيف ) "ด่ออีฟ" กับเขาทางด้านของความจำ แต่ก็มีบางส่วนให้การเชื่อถือ ( ثقة ) "ซิเกาะห์" เนื่องจากเป็นผู้ที่มีสัจจะ และมีความสูงส่ง (ดู ตัยซีร มุสตอละฮุ้ลหะดีษ ของเชคมะห์มูด เตาะห์ฮาน หน้า 51 มักตะบะห์ อัลมะอาริฟ ริยาด)

แต่หะดีษบทนี้ได้รับการสนุบสนุนจากหะดีษบทอื่นที่มีความแข็งแรงกว่า เช่น หะดีษของท่านอีหม่ามบุคอรีย์(รฮ.) ที่ได้บันทึกไว้ว่า

حدثنا عبد الله بن يوسف قال ، أخبرنا مالك ، عن أبي الزناد ، عن الأعرج ، عن أبي هريرة رضي الله عنه أن رسول الله صلى الله عليه وسـلم قال   

(( لَوْلَا أَنْ أَشُقَّ عَلَى أُمَّتِي - أَوْ عَلَى النَّاسِ - لَأَمَرْتُهُمْ بِالسِّوَاكِ مَعَ كُلِّ صَلَاةٍ  ))


ท่านอับดุลเลาะห์ บิน ยูซุฟ ได้เล่าให้เราฟัง โดยกล่าวว่า ท่านอีหม่ามมาลิก ได้บอกเรา จากท่านอบุ๊ซซินาด จากท่านอะอ์รอจญ์ จากท่านอบูฮู่รอยเราะห์ ว่า แท้จริงท่านร่อซู้ล(ซล.)ทรงกล่าวว่า "หากฉันไม่เกรงว่าจะเกิดความลำบากแก่อุมมะห์ของฉัน - หรือ แก่ผู้คนแล้ว - แน่นอน ฉันจะใช้ให้พวกเขาแปรงฟันกับทุกๆการละหมาด" (บันทึกโดย ท่านอีหม่ามบุคอรีย์ ใน อัลญาเมี๊ยะอ์ อัสซอเฮี๊ยะห์ เล่มที่ 1 หน้า 283 บทที่ว่าด้วย السواك يوم الجمعة หะดีษที่ 887 มักตับ อัสซะละฟีย์ ตะห์กีกโดย มู่ฮิบบุดดีน และมูฮำหมัดฟู่อ๊าด อับดุลบากีย์)

และยังได้รับการสนับสนุนจากหะดีษของท่านอีหม่ามมุสลิม(รฮ.)ด้วยเช่นกัน ดังที่ท่านอีหม่ามมุสลิมได้บันทึกไว้ว่า

حدثنا قتيبة وعمرو الناقد وزهير بن حرب قالوا حدثنا سفيان ، عن أبي الزناد ، عن الأعرج ، عن أبي هريرة رضي الله عنه ، عن النبي صلى الله عليه وسـلم قال

(( لَوْلا أَنْ أَشُقَّ عَلَى الْمُؤْمِنِينَ )) ، وفي حديث زهير (( عََلَى أُمَّتِي لأَمَرْتُهُمْ بِالسِّوَاكِ عِنْدَ كُلِّ صَلَاةٍ ))


ท่านกู่ตัยบะห์ และท่านอัมร์ อันนากิด และท่านซู่ฮัยร์ บิน ฮัรบ์ ได้เล่าให้เราฟัง โดยพวกเขาได้กล่าวว่า ท่านซุฟยาน ได้เล่าให้เราฟัง จากท่านอบุ๊ซซินาด จากท่านอะอ์รอจญ์ จากท่านอบูฮู่รอยเราะห์(รด.) จากท่านนบี(ซล.) ซึ่งท่านนบีได้กล่าวว่า "หากฉันไม่เกรงว่าจะเกิดความลำบากแก่บรรดาผู้ศรัทธา" และในหะดีษของท่านซู่ฮัยร์ ใช้คำว่า "แก่อุมมะห์ของฉัน แน่นอน ฉันจะใช้ให้พวกเขาแปรงฟันทุกๆการละหมาด" (บันทึกโดย ท่านอีหม่ามมุสลิม ในซอเฮี๊ยะห์มุสลิม บี่ชัรฮิ้นนะวะวีย์ บทที่ว่าด้วย การแปรงฟัน باب السواك  เล่มที่ 3 หน้า 142 -143 / และมีบันทึกอยู่ในหนังสือ อิกมาลุ้ลมัวะอ์ลิม บี่ฟ่าวาอี่ดี้มุสลิม เป็นหนังสือช่าเราะห์ซอเฮี๊ยะห์มุสลิม ของท่านอัลฮาฟิส อบุ้ลฟัดฎ์ กอดีอิยาด บิน มูซา บิน อิยาด อัลฮัยซ่อบีย์ เสียชีวิตในปีที่ 544 เล่มที่ 2 กิตาบุตฎ่อฮาเราะห์ บทที่ว่าด้วยการแปรงฟัน باب السواك หน้า 57 หะดีษที่ 252 ดารุ้ลว่าฟาอ์ ตะห์กีกโดย ด๊อกเตอร์ ยะห์ยา อิสมาอีล)

นอกจากนี้ยังมีหะดีษอีกบทที่ท่านอีหม่ามติรมีซีย์ได้บันทึกไว้ในสุนันของท่านมาสนับสนุนอีก จากรายงานของท่านฮันนาด โดยเล่ามาจากท่าน อับดะห์ บิน สุลัยมาน จากมูฮำหมัด บิน อิสฮาก จากท่านมูหมัด บิน อิบรอฮีม จากอบูซาลามะห์ จากท่านซัยด์ บิน คอลิด อัลญูฮานีย์ จากท่านนบี(ซล.) ดังที่ถูกบันทึกไว้ว่า :

حدثنا هناد ، حدثنا عبدة بن سليمان ، عن محمد بن إسحاق ، عن محمد بن إبراهيم ، عن أبي سلمة ، عن زيد بن خالد الجهني قال سمعت رسول الله صلى الله عليه وسـلم يقول

(( لَوْلَا أَنْ أَشُقَّ عَلَى أُمَّتِي لَأَمَرْتُهُمْ بِالسِّوَاكِ عِنْدَ كُلِّ صَلَاةٍ ))


(บันทึกโดย ท่านอีหม่ามติรมีซีย์ ในสุนันติรมีซีย์ เล่ม 1 บทที่ว่าด้วย ما جاء في السواك หะดีษที่ 23) และท่านอีหม่ามติรมีซีย์ ได้กล่าวว่า หะดีษนี้ "เป็นหะดีษหะซันซอเฮี๊ยะห์"

ดังนั้น หะดีษบทแรกที่ท่านอีหม่ามติรมีซีย์ได้รายงานไว้ คือ หะดีษที่รายงานจากท่านอบูกู่รอยบ์ ซึ่งเดิมทีเป็นหะดีษหะซัน เนื่องจากในสายรายงานมีท่านมูฮำหมัด บิน อัมร์ บินอัลกอมะห์ ซึ่งเป็นผู้ที่ความจำไม่ถึงขั้นดีเยี่ยม ร่วมอยู่ในสายรายงานด้วย ได้รับการสนับสนุนจากหะดีษที่ซอเฮี๊ยะห์ของท่านอีหม่ามบุคอรีย์และอีหม่ามมุสลิม และหะดีษของท่านอีหม่ามติรมีซีย์เอง จากการรายงานของ ท่านฮันนาด ที่รายงานจาก ท่านอับดะห์ จาก ท่านมูฮำหมัด บิน อิสฮาก ซึ่งนำมาจาก ท่านมูฮำหมัด บิน อิบรอฮีม ทำให้หะดีษบทแรก ที่รายงานจากท่านอบูกู่รอยบ์นั้น เลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นหะดีษซอเฮี๊ยะห์ลี่ฆอยรี่ฮี

นอกจากนี้ ท่านมูฮำหมัด บิน อิสมาอีล(ท่านอีหม่ามบุคอรีย์)ยังได้อ้างว่า "แท้จริงหะดีษของท่านอบูซาลามะห์ ที่รายงายจากท่านซัยด์ บิน คอลิด อัลญูฮานีย์ นั้น ซอเฮี๊ยะห์ที่สุด" (ดู ตัวะห์ฟ่าตุ้ลอะห์วาซีย์ เล่ม 1 หน้า 105 ดารุ้ลฟิกรี่ ตัซเฮี๊ยะห์โดย อับดุลวะห์ฮาบ อับดุลล่าตีฟ เป็นครูผู้สอนในคณะนิติศาสตร์อิสลาม มหาลัยอัลอัซฮัร)

ดังนั้น หะดีษที่ท่านอีหม่ามติรมีซีย์(รฮ.)ได้กล่าวว่า

حدثنا أبو كريب ، حدثنا عبدة بن سليمان ، عن محمد بن عمرو ، عن أبي سلمة ، عن أبي هريرة رضي الله عنه أن رسول الله صلى الله عليه وسـلم قال 

(( لَوْلَا أَنْ أَشُقَّ عَلَى أُمَّتِي لَأَمَرْتُهُمْ بِالسِّوَاكِ عنْدَ كُلِّ صَلَاةٍ ))

หะดีษบทนี้ จึงเป็น "หะดีษซอเฮี๊ยะห์ลี่ฆอยรี่ฮี" ( الحديث الصحيح لغيره ) ดังได้กล่าวมาแล้ว


ข้อกำหนดของหะดีษซอเฮี๊ยะฮ์ลี่ฆอยรี่ฮี

หะดีษซอเฮี๊ยะห์ลี่ฆอยรี่ฮีนั้น เป็นหะดีษที่มีระดับที่ต่ำกว่าหะดีษซอเฮี๊ยะห์ลี่ซาตี่ฮี และบรรดาอุละมาอ์มีความเห็นตรงกันว่า หะดีษซอเฮี๊ยะห์ลี่ฆอยรี่ฮีนั้นก็เหมือนกับหะดีษซอเฮี๊ยะห์ลี่ซาตี่ฮี ทางด้านของการนำมาเป็นหลักฐาน ทั้งในด้านของหลักศรัทธา หลักปฎิบัติ และหลักคุณธรรม-จริยธรรม

อะไรคือจุดมุ่งหมายของคำว่า "นี่คือ หะดีษที่มีสายรายงานซอเฮี๊ยะห์" ( هذا حديث صحيح الإسناد ) หรือ "นี่คือ หะดีษที่มีสายรายงานหะซัน" ( هذا حديث حسن الإسناد ) ?

เป็นที่ทราบกันดีในหมู่นักวิชาการหะดีษว่า แท้จริงแล้ว ไม่มีความแน่นอนเลย ระหว่างสายรายงานและตัวบท ซึ่งบางทีสายรายงานนั้นซอเฮี๊ยะห์ เพราะมีการติดต่อกันของสายรายงาน และนักรายงานนั้นก็มีความน่าเชื่อถือ แต่ทว่า ตัวบทนั้นไม่ซอเฮี๊ยะห์ เพราะตัวบทนั้นไปค้านกับการรายงานของบุคคลที่น่าเชื่อถือมากกว่า "ชาซ" ( الشاذ ) หรือ มีตำหนิซึ่งไม่อาจนำมาเป็นหลักฐานได้ "อิลละห์ กอดิฮะห์" ( علة قادحة )

และบางทีตัวบทนั้นซอเฮี๊ยะห์ แต่สายรายงานไม่ซอเฮี๊ยะห์ เนื่องจากหะดีษบทนั้น มีไม่ครบทั้ง 5 ประการ จากเงื่อนไขของการยอมรับหะดีษ

เมื่อปรากฎว่า นักวิชาการได้กำหนดฮู่ก่มบนหะดีษหนึ่ง ก็จะถือว่า เป็นการฮู่ก่มทั้งตัวบทและสายรายงานไปพร้อมๆกัน เช่น เมื่อบรรดาผู้นำทางด้านหะดีษได้กล่าวว่า นี่คือ "หะดีษซอเฮี๊ยะห์" ( هذا حديث صحيح ) ก็จะถูกตัดสินทั้งตัวบทและสายรายงานว่า "ซอเฮี๊ยะห์" และเช่นกัน เมื่อบรรดาผู้นำทางด้านหะดีษได้กล่าวว่า นี่คือ "หะดีษหะซัน" ( هذا حديث حسن ) ก็จะถูกตัดสินทั้งตัวบทและสายรายงานว่า "หะซัน"

และเมื่อบรรดาผู้นำทางด้านหะดีษได้กล่าวว่า "เป็นหะดีษที่มีสายรายงานซอเฮี๊ยะห์" ( هذا إسناد صحيح ) หรือ กล่าวว่า "เป็นหะดีษที่มีสายรายงานหะซัน" ( هذا إسناد حسن ) ดังนั้น มันจะถูกพิจารณาว่า เป็นการฮู่ก่มตัวบทหะดีษนั้นว่าซอเฮี๊ยะห์และหะซันหรือไม่ ? หรือ เป็นการฮู่ก่มแค่สายรายงานเท่านั้น ?

ท่านอีหม่ามซู่ยูตีย์(รฮ.)ได้กล่าวว่า : เมื่อนักวิชาการหะดีษได้กล่าวว่า "นี่คือ หะดีษที่มีสายรายงานซอเฮี๊ยะห์" หรือ "นี่คือ หะดีษที่มีสายรายงานหะซัน" โดยมิได้กล่าวว่า "นี่คือ หะดีษซอเฮี๊ยะห์" หรือ "นี่คือ หะดีษหะซัน" แต่มิได้มีการระบุถึงเหตุผลของการกล่าวเช่นนั้น ดังนั้น ที่ชัดเจนแล้ว ถือว่า เป็นการฮู่ก่มบนตัวบทของหะดีษนั้นด้วยเช่นเดียวกัน

แต่ท่านอัลฮาฟิสอิบนุฮาญัร(รฮ.)ได้กล่าวว่า : คำว่า "นี่คือ หะดีษที่มีสายรายงานซอเฮี๊ยะห์" หรือ "นี่คือ หะดีษที่มีสายรายงานหะซัน" นั้น ถือว่า เป็นการฮู่ก่มแค่เพียงสายรายงานเท่านั้น โดยไม่เกี่ยวกับตัวบท และให้หยุดการฮู่ก่มบนตัวบทเอาไว้ก่อน (คือ เมื่อจะนำมาใช้ก็ให้ตรวจสอบดูอีกที เพราะเป็นไปได้ว่า การที่นักวิชาการไม่ได้กล่าวเจาะจงลงไปว่า เป็นหะดีษที่ซอเฮี๊ยะห์ หรือ หะซัน นั้น เพราะอาจเป็นหะดีษชาซ หรือ เป็นหะดีษที่มีตำหนิ จึงระบุแค่เพียงสายรายงานว่าซอเฮี๊ยะห์หรือไม่เท่านั้น)


_______________________________________________________________________________________________

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิ.ย. 19, 2013, 04:54 AM โดย Ahlulhadeeth »

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
 :salam:

ขอบคุณที่เติมสระให้ครับ ขออัลลอฮฺตอบแทนด้วยสิ่งที่ดี

วัสสลาม

ออฟไลน์ Ahlulhadeeth

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 27
  • Respect: +4
    • ดูรายละเอียด
ว่าอ้าลัยกุมสลาม ครับผม ด้วยความยินดีครับ  natural:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ย. 18, 2012, 07:38 AM โดย Ahlulhadeeth »

 

GoogleTagged