กระดานเสวนานักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว:
กระทู้ที่น่าสนใจ
ฟอรั่ม
หน้าแรก
ค้นหา
ปฏิทิน
Contact
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
GoogleTagged
กระดานเสวนานักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
»
เสวนาเชิงวิชาการ
»
อัลหะดีษ
»
มุสตอละฮุ้ลหะดีษ (หลักพิจารณาอัลหะดีษ) ตอนที่ 11
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
ผู้เขียน
หัวข้อ: มุสตอละฮุ้ลหะดีษ (หลักพิจารณาอัลหะดีษ) ตอนที่ 11 (อ่าน 2636 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Ahlulhadeeth
เพื่อนใหม่ (O_0)
กระทู้: 27
Respect:
+4
มุสตอละฮุ้ลหะดีษ (หลักพิจารณาอัลหะดีษ) ตอนที่ 11
«
เมื่อ:
พ.ย. 17, 2012, 03:20 AM »
0
Tweet
วิชา มุสตอละฮุ้ลหะดีษ (หลักพิจารณาอัลหะดีษ) ตอนที่ 11
โดย รอฟีกี มูฮำหมัด
9.ประเภทของ "หะดีษมัรดู๊ด" หรือ "หะดีษที่ถูกปฎิเสธ"
เราได้กล่าวผ่านมาก่อนแล้วจากเรื่องของหะดีษ เมื่อพิจารณาถึงการนำมาอ้างอิงเป็นหลักฐานทางด้านของการรับและไม่รับ ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ
1.หะดีษมักบู้ล
(
الحديث المقبول
) หรือ
"หะดีษที่ได้รับการรับรอง"
(ซึ่งเราได้กล่าวผ่านมาก่อนแล้ว) และ
2.หะดีษมัรดู๊ด
(
الحديث المردود
) หรือ
"หะดีษที่ถูกปฎิเสธ"
ก็คือ หะดีษที่ไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานได้โดยเด็ดขาด เว้นแต่ต้องมีเงื่อนไข ได้แก่ หะดีษที่ขาดไปหนึ่งเงื่อนไข หรือ มากกว่า จากบรรดาเงื่อนไขของการยอมรับหะดีษ ซึ่งหะดีษมัรดู๊ดนั้น เรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า
"หะดีษด่ออีฟ"
(
الحديث الضعيف
) หมายถึง
"หะดีษที่อ่อนแอ"
ซึ่งหะดีษด่ออีฟนั้น มีอยู่หลายประเภท และหลายระดับ บางประเภทก็สามารถนำมาเป็นหลักฐานได้ บางประเภทก็ไม่อาจนำมาเป็นหลักฐานได้ ซึ่งแต่ละประเภท ก็จะมีลักษณะและคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป ตามแต่ละองค์ประกอบที่เกิดขึ้นในประเภทนั้นๆ ซึ่งข้าพเจ้าจะได้กล่าวถึงรายละเอียดของแต่ละประเภทต่อไป...อินชาอัลเลาะห์
9.1.คำนิยามของหะดีษด่ออีฟ
คำว่า ด่ออีฟ (
الضعيف
)
"อ่อนแอ"
ในแง่ของภาษานั้น ตรงข้ามกับคำว่า กู๊วะห์ (
القوَة
)
"แข็งแรง"
หรือ เซี๊ยะห์ฮะห์ (
الصِحَّة
)
"มีสุขภาพดี"
และในแง่ของวิชาการนั้น คำว่า
"ด่ออีฟ"
นั้น หมายถึง
"หะดีษที่ขาดไปหนึ่งเงื่อนไข หรือ มากกว่า จากเงื่อนไขของหะดีษที่ถูกรับรอง"
หรือ อีกคำนิยามหนึ่ง ก็คือ
"หะดีษที่ไม่ถูกรวมไว้ซึ่งลักษณะของหะดีษหะซัน โดยตกไปหนึ่งเงื่อนไข หรือ มากกว่า จากบรรดาเงื่อนไขของมัน"
(เงื่อนไขของหะดีษที่ถูกรับรอง ก็คือ เงื่อนไขของหะดีษมักบู้ลทั้ง 6 ข้อ ที่ได้กล่าวผ่านมาก่อนแล้ว)
9.2.ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับหะดีษด่ออีฟ
1.เมื่อบรรดาอุลามาอ์ ได้กล่าวว่า
"นี่คือ หะดีษด่ออีฟ"
(
هذا حديث ضعيف
) เป้าหมายของมัน ก็คือ
"หะดีษที่ขาดไปหนึ่งเงื่อนไข หรือ มากกว่า จากเงื่อนไขของหะดีษที่ถูกรับรอง"
ไม่ใช่หมายถึง
"หะดีษที่ท่านนบี(ซล.)ไม่เคยพูดมัน"
ดังนั้น เมื่อมีการพูดถึงหะดีษด่ออีฟ ก็มิใช่หะดีษที่ถูกตัดสินว่า นำมาเป็นหลักฐานไม่ได้ แต่เป็นหะดีษที่ไม่มีผู้ใดสามารถตัดสินมันให้เด็ดขาดได้ เพราะเป็นไปได้ว่า คนที่มีผิดพลาดมากๆ อาจจะ(พูด)ถูกต้องก็ได้ แม้ว่าความถูกต้องของเขาจะมีเพียงน้อยนิดก็ตาม
2.หะดีษด่ออีฟทั้งหมดนั้น ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน และไม่ได้มีเพียงประเภทเดียว แต่มีอยู่มากมายหลายประเภท ซึ่งท่านอิบนุฮิบบาน ได้นับประเภทของหะดีษด่ออีฟและกล่าวว่า มีถึง 49 ประเภท และนักหะดีษคนอื่นๆได้นับว่ามีมากกว่านั้น แต่มิใช่อยู่ในระดับเดียวกัน ดังนั้น หะดีษด่ออีฟที่ถูกรายงานจากผู้รายงานที่มีความจำไม่ดี ไม่ใช่หะดีษที่อยู่ในระดับเดียวกับหะดีษด่ออีฟที่เกิดขึ้นจากสาเหตุของผู้รายงานที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนโกหก เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงไม่ถูกต้องที่จะถือว่าหะดีษด่ออีฟทั้งหมดอยู่ในระดับเดียวกัน หรือ เป็นชนิดเดียวกัน แต่ความจริงแล้วหะดีษด่ออีฟนั้น มีอยู่หลายระดับ ดังจะได้กล่าวต่อไป ซึ่งเราจะพบว่านักวิชาการบางท่านได้นำหะดีษด่ออีฟบางประเภทมาใช้เป็นหลักฐาน เช่น หะดีษมุรซั้ล และบางท่านก็นำหะดีษด่ออีฟมาใช้เป็นหลักฐานก่อนการกิยาส(การอนุมาน) เช่น ท่านอีหม่ามอะห์หมัด และบางท่านก็ได้นำหะดีษด่ออีฟมาปฏิบัติในเรื่องที่เกี่ยวกับความประเสริฐของอมั้ลต่างๆ แต่พวกเขาก็มีมติเป็นเอกฉันท์เช่นกันว่า ให้ปฏิเสธหะดีษด่ออีฟอีกหลายประเภท เช่น หะดีษเมาดัวะอ์ เป็นต้น
9.3.การรายงานและการถ่ายทอดหะดีษด่ออีฟ
ผู้ที่รายงานหะดีษด่ออีฟ หรือ ผู้ที่ถ่ายทอดหะดีษด่ออีฟนั้น บางท่านก็รายงานมัน หรือ ถ่ายทอดมันด้วยสายรายงานของตนเอง และบางท่านก็รายงานมัน หรือ ถ่ายทอดมันด้วยสายรายงานของผู้อื่น ดังนั้น สำหรับผู้รายงานหะดีษด่ออีฟ ที่ได้รายงาน หรือ ถ่ายทอด ด้วยสายรายงานของเขาเองนั้น ไม่ถือว่าจำเป็นสำหรับเขา ที่จะต้องอธิบายถึงความด่ออีฟในหะดีษบทนั้น(ว่าด่ออีฟเพราะอะไร) เพราะผู้ที่รายงานหะดีษด้วยสายรายงานของตนเองนั้น เท่ากับเป็นการโอนให้ผู้อ่านได้ค้นคว้าจาก(ความน่าเชื่อถือ)ของตัวของผู้รายงานและความถูกต้องของตัวบทหะดีษ ซึ่งดำเนินไปบน
"กออีดะห์"
(กฎ) ที่ว่า
مَنْ أَسْنَدَ فَقَدْ أَحَالَكَ وَمَنْ أَرْسَلَ فَقَدْ تَكفَّلَ لَكَ
ความว่า
"ผู้ใดอ้างสายรายงาน(หมายถึง ได้กล่าวถึงสายรายงานของหะดีษไว้) ก็เท่ากับเขาได้โอนหน้าที่(ในการตรวจสอบสายรายงานนั้น)ให้กับท่าน และผู้ใดปล่อยสายรายงานไว้(โดยไม่ได้กล่าวถึงสายรายงานและนักรายงานที่เขารับหะดีษมา) ก็เท่ากับเขา(ผู้รายงานหะดีษนั้น)เป็นหลักประกันให้กับท่าน"
และแม้ว่าที่ดีแล้ว ให้เขา(ผู้รายงานหะดีษนั้น)ระบุถึงความอ่อนแอของหะดีษด้วยก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อปรากฎว่าหะดีษนั้น เป็นหะดีษ
"เมาดัวะอ์"
ก็ยิ่งจำเป็นที่จะต้องระบุให้ชัดเจนว่า
"เป็นหะดีษเมาดัวะอ์"
มิเช่นนั้นแล้ว ผู้รายงานก็จะมีบาปร่วมกับผู้ที่ปลอมแปลงหะดีษของท่านนบี(ซล.)
ส่วนในกรณีที่ผู้รายงานหะดีษ ไม่ได้กล่าวสายรายงานไว้ ก็ถือว่าจำเป็นสำหรับเขา(ผู้ที่จะนำหะดีษออกไปรายงาน) การที่เขาจะต้องบอก หรือ อธิบายด้วยว่า
"เป็นหะดีษด่ออีฟ"
หรือ ให้เขารายด้วยรูปแบบที่แสดงให้เห็นว่า หะดีษนี้มีความอ่อนแออยู่ (
صيغة التمريض
) เช่น ใช้สำนวนว่า
"กีล่า"
(
قِيْلَ
) ถูกกล่าวว่า /
"ยุรวา"
(
يُرْوَى
) ถูกรายงานมาว่า /
"ยัวะห์กา"
(
يُحْكَى
) ถูกเล่าว่า /
"บ่าล่าฆ่อนา"
(
بَلَغَنَا
) ได้มาถึงพวกเราว่า / เป็นต้น ซึ่งรูปแบบของคำเหล่านี้ บ่งชี้ให้เห็นว่า หะดีษนั้น เป็นหะดีษที่ด่ออีฟ เพราะไม่มีการระบุชัดถึงตัวผู้รายงาน และไม่ยินยอมให้เขารายงานโดยใช้สำนวนที่เด็ดขาด (
صيغة الجزم
) เช่น ใช้สำนวนว่า
"กอล่า"
(
قَالَ
) เขาได้กล่าวว่า /
"ฟ่าอ้าล่า"
(
فَعَلَ
) เขาได้กระทำ / เป็นต้น เพราะรูปแบบของคำเหล่านี้ เป็นรูปแบบของคำกริยาที่รู้ตัวผู้กระทำ (
مبني للمعلوم
)
"รู้ตัวประธาน"
ซึ่งไม่อนุญาตในการนำมาใช้รายงานเกี่ยวกับหะดีษด่ออีฟ
ส่วนในกรณีของการรายงานหะดีษซอเฮี๊ยะห์ โดยไม่มีสายรายงานนั้น ถือว่าจำเป็นแก่เขาที่จะต้องระบุสายรายงาน ด้วยรูปแบบที่เด็ดขาด เช่น
"กอล่า"
(
قَالَ
) เขาได้กล่าวว่า /
"ร่อวา"
(
رَوَى
) เขาได้รายงานว่า / และรูปแบบอื่นๆ ซึ่งเป็นรูปแบบที่แสดงให้เห็นว่า หะดีษนั้น เป็นหะดีษที่ซอเฮียะห์ และไม่ยินยอมให้เขารายงานด้วยรูปแบบที่แสดงให้เห็นว่า เป็นหะดีษที่ด่ออีฟ
9.4.อะไรคือความหมายของนักวิชาการ จากคำพูดที่ว่า "หะดีษนี้ไม่มีที่มา" ( لاَ أَصْلَ لَهُ ) หรือ "ไม่มีต้นตอสำหรับหะดีษนี้" ( لَيْسَ لَهُ أَصْلٌ ) ?
ท่านอีหม่ามซู่ยูตีย์ได้กล่าวว่า : ท่านอิบนุตัยมียะห์ ได้กล่าวว่า :
"คำพูดดังกล่าว หมายถึง เป็นหะดีษที่ไม่มีสายรายงาน"
9.5.สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากมีการบันทึกตำราหะดีษแล้ว ?
ภายหลังจากที่ได้มีการบันทึกตำราหะดีษเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้คนต่างก็เปลี่ยนไปยึดถือในตำราเหล่านั้นแทน ในด้านของการรับเอาหะดีษมาปฎิบัติ ดังนั้น ผู้ใดที่นำหะดีษหนึ่งมา ซึ่งไม่พบว่ามีอยู่ในตำราหะดีษเหล่านั้น ก็จะไม่ได้รับการรับรอง
9.6.อนุญาตให้นำหะดีษด่ออีฟมาปฎิบัติหรือไม่ ?
ก่อนที่เราจะได้กล่าวถึงทัศนะของบรรดาอุลามาอ์ในด้านของการอนุญาตให้ปฎิบัติด้วยกับหะดีษด่ออีฟหรือไม่ เราก็ควรจะได้รับทราบข้อเท็จจริงอีกบางประการที่บรรดานักวิชาการได้มีมติอย่างเป็นเอกฉันท์ไว้เกี่ยวกับหะดีษด่ออีฟ คือ
1.บรรดานักวิชาการได้ลงมติกันว่า ไม่อนุญาตให้นำหะดีษด่ออีฟไปเป็นหลักฐานอ้างอิงในเรื่องที่เกี่ยวกับ
"หลักการยึดมั่น"
(
عقيدة
) ดังนั้น ท่านจะเห็นได้ว่า บรรดานักวิชาการ จะไม่นำหะดีษด่ออีฟมาใช้ในเรื่องที่เกี่ยวกับนามชื่อของอัลเลาะห์ บรรดาซิฟัตต่างๆของพระองค์ บรรดาสิ่งที่วายิบ สิ่งที่ญาอิสสำหรับพระองค์ และบรรดาสิ่งที่เป็นมุสตะฮี้ล และอื่นๆนอกเหนือจากสิ่งดังกล่าวในประเด็นปัญหาที่ว่าด้วยการยึดมั่นศรัทธา
2.บรรดานักวิชาการได้ลงมติกันว่า ไม่อนุญาตให้รายงานหะดีษเมาดัวะอ์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ตักเตือนให้กลัวบาป เรื่องการส่งเสริมให้ทำความดี เรื่องคของความประเสริฐในด้านต่างๆ และเรื่องอื่นๆ นอกจากเป็นการเตือนให้ผู้คนได้รู้ว่า หะดีษเหล่านี้ เป็นหะดีษเมาดัวะอ์ เพื่อให้ผู้คนได้ระมัดระวังจากมัน(ให้ระวังจากการนำมาใช้)
เมื่อเราได้รับทราบกันไปแล้วว่า หะดีษด่ออีฟนั้น มิใช่หมายถึงหะดีษที่ท่านร่อซู้ล(ซล.)ไม่เคยพูดไว้ แต่หมายถึงหะดีษที่ไม่มีผู้ใดสามารถตัดสินให้เด็ดขาดได้ถึงความถูกต้องของมัน เพราะบางทีการด่ออีฟนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นที่ตัวบท แต่เกิดขึ้นที่คุณสมบัติของนักรายงานที่มีความอ่อนแอ และบางทีตัวบทนั้น อาจมีความถูกต้องก็ได้ นักวิชาการจึงได้มีความเห็นในเรื่องของการนำมาปฎิบัติด้วยกับหะดีษด่ออีฟไว้ในหลายๆทัศนะที่มีความแตกต่างกัน ซึ่งพอที่จะสรุปได้ดังนี้
9.7.ทัศนะของนักวิชาการในการปฎิบัติด้วยกับหะดีษด่ออีฟ
นักวิชาการมีทัศนะที่แตกต่างกันเกี่ยวกับหะดีษด่ออีฟ ที่ไม่ถึงขั้นเป็นเมาดัวะอ์ว่า จะอนุญาตให้นำรายงาน และนำไปปฏิบัติได้หรือไม่ และต่อไปนี้คือทรรศนะของนักวิชาการในเรื่องดังกล่าว :
1.แนวทางของนักวิชาการส่วนใหญ่ (
جمهور العلماء
) มีทรรศนะว่า :
อนุญาตให้รายงานและปฎิบัตตามหะดีษด่ออีฟที่ไม่ถึงขั้นเมาดัวะอ์ได้ ในเรื่องที่เป็นการเตือนให้กลัวบาป กระตุ้นให้ทำความดี และในเรื่องของความประเสริฐต่างๆทางด้านอามั้ล และประวัติต่างๆ
ท่านอีหม่ามนะวะวีย์(รฮ.)ได้กล่าวว่า : นักวิชาการหะดีษและนักวิชาการด้านอื่นๆนั้น ยินยอมให้ปฎิบัติได้ โดยไม่ต้องพิถีพิถันในเรื่องของสายรายงานและการรายงานหะดีษที่ไม่ใช่เป็นเมาดัวะอ์ อันได้แก่ หะดีษด่ออีฟ และอนุญาตการปฏิบัติตามหะดีษด่ออีฟ โดยไม่ต้องอธิบายถึงสาเหตุการเป็นด่ออีฟของหะดีษนั้น ในเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับซิฟัต(คุณลักษณะ)ของอัลเลาะห์ และข้อตัดสินต่างๆ เช่น ฮ่าลาล-ฮ่ารอม จากหะดีษที่ไม่เกี่ยวข้องกับหลักการศรัทธาและข้อตัดสินต่างๆ
เงื่อนไขในการปฏิบัติตามหะดีษด่ออีฟ ในเรื่องความประเสริฐต่างๆของการทำความดี
ถึงกระนั้น ก็มิได้หมายความว่าหะดีษด่ออีฟทั้งหมดนั้น เหมาะสมที่จะนำมาปฏิบัติในเรื่องความประเสริฐต่างๆของการทำความดี และในเรื่องการส่งเสริมให้กลัวบาป หรือ ส่งเสริมให้ทำความดี ท่านชัยคุ้ลอิสลาม อัลฮาฟิซ อิบนุฮะญัร ได้กล่าวเงื่อนไขไว้สามประการ คือ
1.เป็นหะดีษที่ไม่ด่ออีฟอย่างรุนแรง ดังนั้น คนที่โกหก หรือ คนที่ถูกกล่าวหาว่าโกหก และคนที่มีความผิดพลาดอย่างน่าเกียจ ที่รายงานหะดีษลำพังเพียงคนเดียว จึงไม่เข้าอยู่ในเงื่อนไขนี้ ท่านอะลาอีย์ได้รายงานว่า
"นักวิชาการทั้งหลายมีความเห็นตรงกันด้วยกับเงื่อนไขในข้อนี้"
2.หะดีษนั้นต้องเข้าอยู่ภายใต้หลักการเดิมที่มีการปฏิบัติกันอยู่แล้ว
3.ในขณะที่มีการนำหะดีษด่ออีฟมาปฏิบัตินั้น ผู้ปฎิบัติจะต้องไม่ยึดมั่นว่า หะดีษนั้นเป็นหะดีษที่ได้รับการยืนยันจริงๆ แต่ให้ยึดมั่นว่าเป็นการทำเผื่อไว้ (
احتياط
)
2.แนวทางของท่านอีหม่ามอะห์มัด บิน ฮันบัล ท่านอีหม่ามอบูดาวูด ท่านอิบนุมินดะห์ และท่านอื่นๆ มีทรรศนะว่า :
ให้ปฏิบัติตามหะดีษด่ออีฟได้ ในเรื่องที่เกี่ยวกับข้อตัดสิน(ฮู่ก่ม) และให้นำเอาหะดีษด่ออีฟมาใช้ก่อนการกิยาส(การเทียบ)
เงื่อนไขในการปฏิบัติตามหะดีษด่ออีฟ และให้นำเอาหะดีษมาใช้ก่อนหลักกิยาส(หลักการอนุมาน)
เมื่อมีนักวิชาการกลุ่มหนึ่งได้ปฏิบัติตามหะดีษด่ออีฟ และวิเคราะห์ข้อตัดสิน(ฮู่ก่ม)ออกมาจากหะดีษด่ออีฟ และนำหะดีษด่ออีฟมาใช้ก่อนการกิยาส(การอนุมาน) แท้จริงแล้ว สิ่งดังกล่าว มิใช่เป็นการนำมาใช้โดยไม่มีเงื่อนไข แต่ทว่า เป็นการนำมาใช้โดยมีเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
1.หะดีษนั้น ต้องไม่ด่ออีฟอย่างรุนแรง(ต้องไม่อ่อนแอเกินไป) ดังนั้น อนุญาตให้นำหะดีษด่ออีฟที่ในสายรายงานนั้น มีผู้รายงานที่มีความจำไม่ดี (
سوء الحفظ
) หรือ เป็นผู้ที่ไม่มีผู้ใดรู้จักตัวตนของเขา (
مجهول العين
) หรือ ไม่มีใครรู้จักสถานะของเขา (
مجهول الحال
) มาใช้เป็นหลักฐานได้ แต่สำหรับหะดีษด่ออีฟที่ในสายรายงานมีผู้รายงานที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนโกหกนั้น จะนำมาใช้เป็นหลักฐานไม่ได้โดยเด็ดขาด
2.ในเรื่องนั้นจะต้องไม่มีหลักฐานอันอื่นอีกจากอัลกุรอานและซุนนะห์ของท่านร่อซู้ล(ซล.)
3.ในเรื่องนั้นจะต้องไม่มีสิ่งใดที่มาขัดแย้งกับหะดีษด่ออีฟนั้น
ท่านอีหม่ามมาลิก(รฮ.)ได้นำหะดีษมุรซั้ล(ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งจากหะดีษด่ออีฟ) และหะดีษที่ถูกรายงานแบบบาลาฆอต(หะดีษที่ถูกรายงานว่า (
بَلَغَنَا
) ( ได้มาถึงพวกเราว่า...) มาเป็นหลักฐาน และเป็นแนวทางที่ท่านได้ทำใว้ในหนังสืออัลมู่วัตเตาะอ์ ซึ่งสามารถยืนยันได้
ท่านอิบนุอับดิ้ลบัรร์ ได้กล่าวว่า :
"พื้นฐานของมัซฮับมาลีกีย์ และสิ่งที่บรรดานักวิชาการฝ่ายมาลีกีย์ยึดถือ ก็คือ หะดีษมุรซั้ลของคนที่เชื่อถือได้นั้น ถือเป็นหลักฐาน และจำเป็นต้องปฏิบัติตามหะดีษที่มีสายรายงานติดต่อกัน"
และท่านอีหม่ามชาฟีอีย์(รฮ.)ก็ได้ใช้หะดีษมุรซั้ลเป็นหลักฐาน พร้อมด้วยเงื่อนไขของมัน ดังจะได้กล่าวต่อไป
นอกจากนั้น หนังสือสุนันทั้งสี่เล่ม ซึ่งที่เป็นหนังสือที่ถูกเรียบเรียงขึ้นตามบทของหนังสือฟิกฮ์ ก็มีหะดีษด่ออีฟไปรวมอยู่ด้วย ทั้งๆที่ความจริงแล้ว พื้นฐานของการเรียบเรียงตามบทของหนังสือฟิกห์นั้น ผู้เรียบเรียงจะต้องนำมารวมไว้แต่เฉพาะหะดีษที่เหมาะสมในการนำมาปฏิบัติเท่านั้น
ท่านอัลฮาฟิซ อิบนุหะญัร ได้กล่าวว่า :
"พื้นฐานของการเรียบเรียงหนังสือหะดีษตามบทต่างๆของฟิกฮ์นั้น จะต้องจำกัดเฉพาะหะดีษที่เหมาะสมในการนำมาอ้างอิงเป็นหลักฐาน หรือ เป็นหะดีษที่สามารถนำมาสนับสนุนได้เท่านั้น ต่างกับผู้ที่เรียบเรียงหะดีษตามสายรายงาน(มุสนัด) ซึ่งพื้นฐานการเรียบเรียง ก็คือ การรวบรวมหะดีษตามสายรายงานเท่านั้น"
ข้าพเจ้า(ผู้แต่งหนังสือ)มีทรรศนะว่า :
มิใช่ว่าหะดีษด่ออีฟทุกบท จะวิเคราะห์ออกมาเป็นข้อตัดสิน(ฮู่ก่ม)ได้ และไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถวิเคราะห์ข้อตัดสิน(ฮู่ก่ม)ได้ เพราะการวิเคราะห์นี้ เป็นงานของปรมาจารย์ในวิชาหะดีษและฟิกห์เท่านั้น และการหยิบยกเอาประเด็นนี้ขึ้นมาพูด ดูจะเป็นเรื่องที่ยืดยาว เพราะจำเป็นต้องมีการสำรวจและติดตามการทำงานของบรรดาผู้นำทางด้านหะดีษและฟิกห์ในตำราของพวกเขา ข้าพเจ้าจึงของนำเสนอแค่เพียงบางส่วนเท่านั้น ดังจะได้กล่าวต่อไป...อินชาอัลเลาะห์
3.แนวทางบางส่วนของนักวิชาการ พวกเขามีทัศนะว่า :
อนุญาตให้ปฏิบัติตามหะดีษด่ออีฟได้ โดยเป็นการเผื่อไว้ (
احتياط
) ดังนั้น เมื่อได้มีหะดีษด่ออีฟบทหนึ่งมาสั่งห้ามเกี่ยวกับการค้าขายประเภทหนึ่ง ก็ให้ปฏิบัติตามหะดีษด่ออีฟนั้นเอาไว้ก่อน เพื่อเป็นการเผื่อไว้
4.แนวทางของนักวิชาการอีกกลุ่มหนึ่ง มีทรรศนะว่า :
หะดีษดออีฟนั้น จะนำมาปฏิบัติไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการสนับสนุนให้กลัวบาป เรื่องการส่งเสริมให้ทำความดี เรื่องที่เกี่ยวกับข้อตัดสิน(ฮู่ก่ม)ต่างๆ และเรื่องอี่นๆ ซึ่งนักวิชาการกลุ่มนี้ ได้แก่ ท่านอีหม่ามยะห์ยา บิน ม่าอีน ท่านอีหม่ามบุคอรีย์ ท่านอีหม่ามมุสลิม ท่านอะบูบักร์ บิน อัลอะรอบีย์ ท่านอิบนุฮัซม์ อัสซอฮีรีย์
มุมมองและแนวคิดในการปฎิเสธหะดีษด่ออีฟของพวกเขา
คือ กลับไปสู่แนวคิดของนักวิชาการที่มีทัศนะในการปฏิเสธหะดีษด่ออีฟ โดยไม่แยกระหว่างสิ่งที่เป็นข้อตัดสิน(ฮู่ก่ม) และเรื่องอื่นๆ เช่น สนับสนุนให้เกรงกลัวบาป หรือ ส่งเสริมให้ทำความดี โดยมีเหตุผลดังต่อไปนี้ :
1.ในอัลกุรอานและซุนนะห์ที่ได้รับการรับรองแล้วนั้น เพียงพอแล้วที่จะนำมาปฎิบัติ โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยหะดีษด่ออีฟเหล่านี้
2.เรื่องราวต่างๆของศาสนานั้น มีความเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับข้อตัดสิน(ฮู่ก่ม) หรือ คำสั่งสอนที่รวมถึงการสนับสนุนให้เกรงกลัวบาป และส่งเสริมให้ทำความดี ซึ่งในเรื่องเหล่านี้ จะไม่ถูกยอมรับนอกจากหะดีษที่ถูกรับรองเท่านั้น เพราะทั้งหมดนั้น คือ ศาสนาของอัลเลาะห์ และเป็นการทำให้ตัวของเขาใกล้ชิดพระองค์(จึงสมควรนำมาปฎิบัติด้วยหะดีษที่ซอเฮี๊ยะห์เท่านั้น)
______________________________________________________________________________________________
อ่านย้อน >
มุสตอละฮุ้ลหะดีษ (หลักพิจารณาอัลหะดีษ) ตอนที่ 10
อ่านต่อ >
มุสตอละฮุ้ลหะดีษ (หลักพิจารณาอัลหะดีษ) ตอนที่ 12
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิ.ย. 19, 2013, 05:17 AM โดย Ahlulhadeeth
»
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
พิมพ์
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระดานเสวนานักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
»
เสวนาเชิงวิชาการ
»
อัลหะดีษ
»
มุสตอละฮุ้ลหะดีษ (หลักพิจารณาอัลหะดีษ) ตอนที่ 11
GoogleTagged
bmk
sunnahstudents
49478099
อ่าน
คือ
นาฮู
ซอ
ฮาดีษ
55123115
ฮี
bgq
66917471
57967247
มุรสัล
อิบนุ
หะดิษ
ตอนที่
วิชา
55980276
อัล