salam
ขอตั้งกระทู้นี้ เพื่อให้มีการบอกเล่าเรื่องราวของ
"น้ำใจคน"ใครมีเรื่องราวดีๆ นำมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ...
จะคอยติดตามค่ะ...

เพราะ "น้ำใจ" เป็นหยดน้ำที่ไหลออกมาจากใจและจากความรู้สึกของมนุษย์เรา
และ หยดน้ำใจที่ว่า จะช่วยชะโลมความร้อนภายในจิตใจทั้งของผู้ให้และของผู้รับ
ทำให้ความคิดร้ายต่อกันภายใจจิตใจมลายหายไป
มนุษย์พยายามสร้างกำแพงบ้านเพื่อความปลอดภัยสำหรับชีวิตและทรัพย์สินของตนเอง
และคนที่ตัวเองรัก ต่างจากสมัยก่อนที่บ้านแต่ละหลังกลับไร้ซึ่งกำแพง
ทุกคนไปมาหาสู่กันได้อย่างสบายใจ ไม่มีความหวาดระแวงต่อกัน
และหากสังเกต...คนในสังคมสมัยนี้นอกจากจะสร้างกำแพงบ้านอย่างดีแล้ว
ก็มักจะสร้างกำแพงล้อมกรอบตัวเอง เพื่อความปลอดภัยทางจิตใจ
หรือเพื่ออะไรกัน ?
และมิใช่แค่กำแพงในจิตใจเท่านั้น มนุษย์ยังสร้างหน้ากากในยามที่ต้องเผชิญหน้ากัน...
และเราจะเชื่อใจกันได้อย่างไร ในเมื่อเราและเขาต่างก็สร้างกำแพง
และสวมหน้ากากเข้าหาซึ่งกันและกัน...
และเราจะทำอย่างไร เพื่อจะทะลายกำแพงเหล่านั้น
เราจะทำอย่างไร เพื่อที่จะทะลายหน้ากากเหล่านั้น
เราจะทำอย่างไร เพื่อที่จะก้าวเข้าไปในจิตใจของมนุษย์ได้...
เมื่อเราถูกปิดกั้นด้วยกำแพงหนา และเจอหน้ากันผ่านหน้ากาก...
ที่เราไม่รู้ว่าแต่ละคนสร้างมากี่ชั้น...
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกับการทำลายกำแพงของผู้อื่น
หากเรายังไม่ยอมทำลายกำแพงที่เราสร้างขึ้นมาล้อมตัวและหัวใจเรา...
ปัญหามันอาจจะไม่ได้อยู่ที่ว่า...คนอื่นไม่ยอมเปิดประตูหรือเปิดใจให้เรา
แต่อาจเกิดจากเราไม่ยอมเปิดประตูหรือพังกำแพงออกไปหาคนอื่น...
สิ่งหนึ่งที่ ข้าน้อยรู้สึกว่า มันสามารถทะลายกำแพงดังกล่าวได้คือ
"หยดน้ำใจ"
แม้เพียงแค่หยดเดียว หากว่ามาจากใจจริงของเราแล้ว
มันจะสามารถกระเทาะหัวใจของเราและคนอื่นได้ ไม่ต่างจากหยดน้ำที่เซาะหิน...
และหยดน้ำใจที่เราหมั่นสร้างสม
จะก่อเกิดเป็นกำแพงบุญที่หนักแน่นและอ่อนโยน มิใช่กำแพงที่เอาไว้ปิดกั้น
แต่เป็นกำแพงที่เอาไว้เชื่อมโยงมิตรภาพ...
เป็นกำแพงที่ทำหน้าที่เป็นสะพานทอดออกไปไม่มีที่สิ้นสุด
ให้เราได้เดินออกไปด้วยความปลอดภัยทั้งกายและใจ...
ด้วยหยดน้ำใจที่ทำให้คลายความร้อนรน ดับความชิงชัง กัดกร่อนใจให้ละมุนละไม
ทำให้หัวใจชุ่มฉ่ำ มีชีวิตชีวา

...สร้างกำแพงบุญ ทำบุญเถิดหนา ด้วยศรัทธา ปัญญาจะเกิดแก่เรา
หมั่นทำความดี ความดีจะอยู่คู่เรา หลุดพ้นจากความหมองเศร้า
ที่พาให้เรามืดมน...
มาแชร์เรื่องราวของ "น้ำใจคน"กันนะคะ...
อย่างน้อยๆมันก็อาจช่วยชะโลมโลกร้อนๆให้สดชื่นขึ้นได้

และอาจทำให้เรารับรู้ว่า ในโลกใบนี้ยังมีเรื่องราวดีๆ
ที่ช่วยชะโลมหัวใจเหนื่อยๆของเราให้มีชีวิตชีวา
และทำให้เราอยากเดินออกไปนอกกำแพงใจพร้อมรอยยิ้มเต็มหน้า...
ปล.ครั้งหนึ่งเคยมีรุ่นพี่บอกค่ะว่า...ข้าน้อยโง่ที่ไม่รู้ว่าโดนเพื่อนหลอก...
แต่ก็แปลกดีค่ะ...เรากลับมีความสุขที่ได้ให้ ไม่รู้จริงๆว่าโดนหลอก
แถมเดินยิ้มกลับบ้าน ด้วยคิดว่าไม่ได้เสียอะไรไป...
แต่พอได้เล่าให้รุ่นพี่ฟัง รุ่นพี่กลับชี้ให้เห็นว่า ทำไมเขาถึงคิดว่า
ข้าน้อยโดนหลอก ซึ่งมันก็อาจจะเป็นดั่งรุ่นพี่บอกก็ได้
แต่มันจะแปลกอะไร ถ้าเราจะคิดว่า เราไม่ได้โดนหลอก...
เรายังมีความสุขดี...
และเชื่อเถอะค่ะ คนที่อาจจะคิดหลอกเรา เขาจะไม่สามารถทำให้เรารู้สึกแย่ได้เลย
หากเราไม่นำความรู้สึกที่ว่ามาใส่ใจหรือนำมาคิดติดใจ...โลกมันก็ยังสวยอยู่ดี...
ในเมื่อก่อนที่เราจะให้อะไรใครไป เราคิดดีแล้วว่า เราให้ด้วยใจ
เพราะการจะให้อะไรใครได้ นั่นหมายความว่า
เราไม่ได้หวงและเรามีความสามารถพอที่จะให้ได้...
และเราจะเสียใจได้อย่างไร หากเราให้ด้วยความเต็มใจ
ไม่ว่าคนรับจะคิดและมองว่าเราโง่ที่โดนเขาหลอกเอาง่ายๆยังไงก็ตาม...
ซึ่งท้ายที่สุด อาจจะไม่มีคำว่าใครโง่ ใครฉลาด ใครแพ้หรือใครชนะ
แต่มันอาจเหลือเพียงคำว่า...น้ำใสใจจริง...ที่ไร้ตะกอน
แต่สิ่งที่ทำให้เสียความรู้สึกหรือรู้สึกไม่ดีจากการให้ และทำให้น้ำใจตกตะกอน
คือการให้ที่ไม่ได้เต็มใจจะให้...หรือโดนบังคับ
จะด้วยสถานการณ์บังคับหรือโดนผู้คนหรือโดนสังคมบังคับก็ตาม...
คล้ายๆกับตอนที่เราถูกบังคับให้หัวเราะในขณะที่เราอยากจะร้องไห้

วัสลามค่ะ