ผู้เขียน หัวข้อ: ~*น้ำใจคน~*  (อ่าน 1777 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
~*น้ำใจคน~*
« เมื่อ: มี.ค. 14, 2010, 10:44 PM »
0

 salam

ขอตั้งกระทู้นี้ เพื่อให้มีการบอกเล่าเรื่องราวของ
"น้ำใจคน"

ใครมีเรื่องราวดีๆ นำมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ...
จะคอยติดตามค่ะ...  loveit:

เพราะ "น้ำใจ" เป็นหยดน้ำที่ไหลออกมาจากใจและจากความรู้สึกของมนุษย์เรา
และ หยดน้ำใจที่ว่า จะช่วยชะโลมความร้อนภายในจิตใจทั้งของผู้ให้และของผู้รับ
ทำให้ความคิดร้ายต่อกันภายใจจิตใจมลายหายไป

มนุษย์พยายามสร้างกำแพงบ้านเพื่อความปลอดภัยสำหรับชีวิตและทรัพย์สินของตนเอง
และคนที่ตัวเองรัก ต่างจากสมัยก่อนที่บ้านแต่ละหลังกลับไร้ซึ่งกำแพง
ทุกคนไปมาหาสู่กันได้อย่างสบายใจ ไม่มีความหวาดระแวงต่อกัน
และหากสังเกต...คนในสังคมสมัยนี้นอกจากจะสร้างกำแพงบ้านอย่างดีแล้ว
ก็มักจะสร้างกำแพงล้อมกรอบตัวเอง เพื่อความปลอดภัยทางจิตใจ
หรือเพื่ออะไรกัน ?

และมิใช่แค่กำแพงในจิตใจเท่านั้น มนุษย์ยังสร้างหน้ากากในยามที่ต้องเผชิญหน้ากัน...

และเราจะเชื่อใจกันได้อย่างไร ในเมื่อเราและเขาต่างก็สร้างกำแพง
และสวมหน้ากากเข้าหาซึ่งกันและกัน...


และเราจะทำอย่างไร เพื่อจะทะลายกำแพงเหล่านั้น
เราจะทำอย่างไร เพื่อที่จะทะลายหน้ากากเหล่านั้น
เราจะทำอย่างไร เพื่อที่จะก้าวเข้าไปในจิตใจของมนุษย์ได้...

เมื่อเราถูกปิดกั้นด้วยกำแพงหนา และเจอหน้ากันผ่านหน้ากาก...
ที่เราไม่รู้ว่าแต่ละคนสร้างมากี่ชั้น...

มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกับการทำลายกำแพงของผู้อื่น
หากเรายังไม่ยอมทำลายกำแพงที่เราสร้างขึ้นมาล้อมตัวและหัวใจเรา...

ปัญหามันอาจจะไม่ได้อยู่ที่ว่า...คนอื่นไม่ยอมเปิดประตูหรือเปิดใจให้เรา
แต่อาจเกิดจากเราไม่ยอมเปิดประตูหรือพังกำแพงออกไปหาคนอื่น...


สิ่งหนึ่งที่ ข้าน้อยรู้สึกว่า มันสามารถทะลายกำแพงดังกล่าวได้คือ
"หยดน้ำใจ"

แม้เพียงแค่หยดเดียว หากว่ามาจากใจจริงของเราแล้ว
มันจะสามารถกระเทาะหัวใจของเราและคนอื่นได้ ไม่ต่างจากหยดน้ำที่เซาะหิน...

และหยดน้ำใจที่เราหมั่นสร้างสม
จะก่อเกิดเป็นกำแพงบุญที่หนักแน่นและอ่อนโยน มิใช่กำแพงที่เอาไว้ปิดกั้น
แต่เป็นกำแพงที่เอาไว้เชื่อมโยงมิตรภาพ...
เป็นกำแพงที่ทำหน้าที่เป็นสะพานทอดออกไปไม่มีที่สิ้นสุด
ให้เราได้เดินออกไปด้วยความปลอดภัยทั้งกายและใจ...
ด้วยหยดน้ำใจที่ทำให้คลายความร้อนรน ดับความชิงชัง กัดกร่อนใจให้ละมุนละไม
ทำให้หัวใจชุ่มฉ่ำ  มีชีวิตชีวา loveit:

...สร้างกำแพงบุญ ทำบุญเถิดหนา ด้วยศรัทธา ปัญญาจะเกิดแก่เรา
หมั่นทำความดี ความดีจะอยู่คู่เรา หลุดพ้นจากความหมองเศร้า
ที่พาให้เรามืดมน...


มาแชร์เรื่องราวของ "น้ำใจคน"กันนะคะ...
อย่างน้อยๆมันก็อาจช่วยชะโลมโลกร้อนๆให้สดชื่นขึ้นได้ ;D
และอาจทำให้เรารับรู้ว่า ในโลกใบนี้ยังมีเรื่องราวดีๆ
ที่ช่วยชะโลมหัวใจเหนื่อยๆของเราให้มีชีวิตชีวา
และทำให้เราอยากเดินออกไปนอกกำแพงใจพร้อมรอยยิ้มเต็มหน้า...

ปล.ครั้งหนึ่งเคยมีรุ่นพี่บอกค่ะว่า...ข้าน้อยโง่ที่ไม่รู้ว่าโดนเพื่อนหลอก...
แต่ก็แปลกดีค่ะ...เรากลับมีความสุขที่ได้ให้ ไม่รู้จริงๆว่าโดนหลอก
แถมเดินยิ้มกลับบ้าน ด้วยคิดว่าไม่ได้เสียอะไรไป...
แต่พอได้เล่าให้รุ่นพี่ฟัง รุ่นพี่กลับชี้ให้เห็นว่า ทำไมเขาถึงคิดว่า
ข้าน้อยโดนหลอก ซึ่งมันก็อาจจะเป็นดั่งรุ่นพี่บอกก็ได้
แต่มันจะแปลกอะไร ถ้าเราจะคิดว่า เราไม่ได้โดนหลอก...
เรายังมีความสุขดี...

และเชื่อเถอะค่ะ คนที่อาจจะคิดหลอกเรา เขาจะไม่สามารถทำให้เรารู้สึกแย่ได้เลย
หากเราไม่นำความรู้สึกที่ว่ามาใส่ใจหรือนำมาคิดติดใจ...โลกมันก็ยังสวยอยู่ดี...
ในเมื่อก่อนที่เราจะให้อะไรใครไป เราคิดดีแล้วว่า เราให้ด้วยใจ
เพราะการจะให้อะไรใครได้ นั่นหมายความว่า
เราไม่ได้หวงและเรามีความสามารถพอที่จะให้ได้...
และเราจะเสียใจได้อย่างไร หากเราให้ด้วยความเต็มใจ
ไม่ว่าคนรับจะคิดและมองว่าเราโง่ที่โดนเขาหลอกเอาง่ายๆยังไงก็ตาม...
ซึ่งท้ายที่สุด อาจจะไม่มีคำว่าใครโง่ ใครฉลาด ใครแพ้หรือใครชนะ
แต่มันอาจเหลือเพียงคำว่า...น้ำใสใจจริง...ที่ไร้ตะกอน

แต่สิ่งที่ทำให้เสียความรู้สึกหรือรู้สึกไม่ดีจากการให้ และทำให้น้ำใจตกตะกอน
คือการให้ที่ไม่ได้เต็มใจจะให้...หรือโดนบังคับ
จะด้วยสถานการณ์บังคับหรือโดนผู้คนหรือโดนสังคมบังคับก็ตาม...
คล้ายๆกับตอนที่เราถูกบังคับให้หัวเราะในขณะที่เราอยากจะร้องไห้ ;D

วัสลามค่ะ


"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ กูปีเยาะฮฺสะอื้น

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1679
  • เพศ: ชาย
  • ที่สุดแห่งชีวิต
  • Respect: +14
    • ดูรายละเอียด
Re: ~*น้ำใจคน~*
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มี.ค. 18, 2010, 01:45 PM »
0
 loveit:
มีหลักเกณฑ์ ยึดหลักการ มีหลักฐาน มั่นหลักธรรม

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: ~*น้ำใจคน~*
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พ.ค. 14, 2010, 05:40 PM »
0
 salam

รอหยดน้ำใจไหลหลั่งจากฟากฟ้า  พาฝนมาชโลมกายและใจคน
หยดน้ำตาไหลหลั่งจากฝูงชน       จะต้องรออีกกี่หนลมฝนจะพัด(พา)ไป 

mycry mycry mycry

วัสสลามค่ะ
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: ~*น้ำใจคน~*
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: พ.ค. 25, 2010, 02:06 PM »
0

หยดน้ำใจไหลลงมาให้เห็นบ้างแล้วค่ะหลังจากได้ดูข่าววันก่อน  loveit:

ได้ฟังคำพูดของสว.หญิงท่านหนึ่ง ที่ท่านกล่าวไว้ให้น่าคิดมากว่า...

ต้นไม้บางต้นนั้น...มันจะงอกออกมาก็ต่อเมื่อโดนไฟเผาจนดินแห้งผาก...

 myGreat:

ดังนั้น หัวใจที่แห้งแล้งและโดนแผดเผามา
ก็สามารถเยียวยาได้ด้วย "หยดน้ำใจ"
เมื่อหยดน้ำใจตกลงบนหัวใจที่แห้งผาก ต้นรักก็จะงอกออกมาให้เราได้เห็นก็เป็นได้...

วัสสลามค่ะ

"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: ~*น้ำใจคน~*
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ก.ย. 22, 2013, 03:47 PM »
0
อัสลามุอะลัยกุม วะเราะมาตุลลอฮฺ วะบารอกาตุ

วันศุกร์ที่เพิ่งผ่านมา ช่วงเช้าในกทม.รถติดเพราะช่วงกลางคืนนั้น
พายุเข้า ทำให้การจารจรบนท้องถนนและบนรถเมล์แน่นขนัด

ข้าน้อยเป็นคนนึงที่เริ่มรู้สึกว่า มนุษย์เรากำลังเลิกสนใจที่จะทำความดี
คนดีเริ่มน้อยลง...เพราะการได้อยู่ในสังคมเมือง ได้สัมผัสกับวิถีชีวิต
ของคนเมือง ทำให้เห็นความไร้น้ำจิตน้ำใจของผู้คน...

เปรียบไปเหมือน "บัวแล้งน้ำ"

หลายคนยังคงหวงแหนและกอดแน่นสิ่งหนึ่งที่พึงพอใจเอาไว้
ไม่ยอมเสียสละหรือยอมปล่อยสิ่งนั้นไปสู่มือผู้อื่น...
จึงทำให้เขาสูญเสียความสุขที่จะได้รับจากการได้"ให้" หรือ "เสียสละ"สิ่งนั้นไป

แต่ช่วงนาทีวิกฤติ เรากลับพบเห็นว่า มนุษย์ยังมีหัวใจที่รักในการทำความดี
รักในการช่วยเหลือผู้อื่น และทนดูผู้อื่นได้รับความเดือดร้อนไม่ได้

วันศุกร์ขาไปทำงาน ตอนนั้นภายในรถเมล์คนแน่นมาก
ข้าน้อยได้ยืนหลบมุมอยู่ในมุมๆหนึ่งบนพื้นที่แห่งนั้นด้วย...
หลายคนที่นั่งบนเก้าอี้ก็กอดเก้าอี้ตัวนั้นเอาไว้แน่น
หาใครที่จะใส่ใจหญิงชราเพื่อที่จะลุกให้นั่งเก้าอี้ตัวนั้นในสภาวะคนแน่นแบบนั้น
ไม่มีใครสนใจใคร และในความอึดอัดนั้นได้ทำให้มีผู้หญิงคนนึงเป็นลม
ข้าน้อยเห็นจากไกลๆเพราะอยู่กันคนละฟากกัน...
มีเสียงของผู้หญิงคนนึงร้องดังว่า

"ผู้โดยสารเป็นลม..."

เท่านั้นเอง ผู้หญิงในรถคันนั้นรวมถึงข้าน้อยพยายามควานหา
ยาดมในกระเป๋ากันโดยจิตอัตโนมัติ...
แต่คนที่อยู่ใกล้ที่สุดกลับไปเป็นผู้ช่วยเหลือและได้หยิบยื่นให้...
ซึ่งเราคนที่ตั้งใจให้ก็หวังเพียงแค่นั้น แค่ให้เขาได้ยาดม
จะของใครใช่สำคัญ...และในความแออัดภายในรถ
ข้าน้อยมองเริ่มมองเห็น "น้ำใจคน"
ทุกคนพยายามทำตัวลีบเพื่อที่จะให้ ณ ที่ตรงนั้นเปิดโล่งขึ้น
ให้ผู้โดยสารคนนั้นได้มีอากาศถ่ายเทท่ามกลางรถที่แล่นอยู่
และพอเขาค่อยยังชั่ว ก็มีผู้โดยสารคนนึงลุกจากที่นั่งให้ผู้โดยสารคนนั้น
ได้นั่งในรถ เพราะหลายคนในนั้นลงความเห็นว่า
เขาควรจะไปโรงพยาบาล แต่คนป่วยกลับส่ายหน้าบอกว่า

"ไม่เป็นไร..."

และสถานการณ์ก็กลับมาสู่สภาวะปกติ...

แม้เราจะไม่มีโอกาสได้ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเลย
แต่ก็อิ่มใจมากที่ได้เห็นภาพของการช่วยเหลือกัน
ภาพของ "น้ำใจคน" ที่ข้าน้อยเคยคิดว่ามันแห้งหายไปจากใจคนนานแล้ว

ซึ่งหลายครั้งเหลือเกินที่ข้าน้อยพบว่า มนุษย์เราอายที่จะกล่าวคำ "ขอบคุณ"
เมื่อได้รับการช่วยเหลือ ทั้งๆที่แววตานั้นดูจะมีคำว่า "ขอบคุณ"อยู่ล้นเปี่ยม

ซึ่งสิ่งนี้...เราควรฝึกเอาไว้...

เมื่อใดที่เราได้รับการช่วยเหลือ ได้รับสิ่งดีๆจากผู้อื่น
และรู้สึกอยากขอบคุณเขา...เราควรฝึกจิตใจของเราให้กล่าวคำว่า

"ขอบคุณ"ออกไป โดยทิ้งความอายเอาไว้

และเมื่อทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนแม้จะเพียงนิดเดียว เราก็ควรฝึกจิต
และฝึกพูดคำว่า

"ขอโทษ" ออกไป

และเมื่อได้รับการขออภัยจากผู้อื่น เราก็ควรฝึกจิตใจและฝึกพูดคำว่า

"ไม่เป็นไร"

 3 ประโยคที่ดูน้อยนิดและหลายคนลืมที่จะฝึกจิตใจและฝึกพูดนั้น
เพราะประโยคดังกล่าวนั้น มีพลังซ่อนอยู่ในตัวของมันอย่างมากมาย

1.เท่ากับเป็นการให้กำลังใจคนทำความดี ให้เขาอยากทำความดีต่อไป
   อย่างไม่ทดท้อ

2.เท่ากับเป็นการปลอบใจคนที่ได้กระทำผิด ให้เขาได้รู้ถึงการให้อภัยของเรา
   ให้เขาได้สบายใจ และเป็นการเปิดโอกาสให้เขาได้กล่าวคำๆนั้นต่อไป

3.เมื่อรู้สึกผิดแล้วขอโทษออกไป แน่นอนว่านั่นคือมารยาทที่ดีงาม
   ผู้ได้ฟังย่อมไม่อาจถือสาในการกระทำของเรา และแน่นอน
   นั่นเท่ากับเราได้ฝึกให้อีกฝ่ายได้รับรู้คุณค่าแห่งคำว่า "ขอโทษ"ไปด้วยในตัว


เมื่อเราเจอคนที่ทำดี เจอเด็กเสริฟที่ขยันขันแข็งต่อหน้าที่
ได้กินอาหารรสชาติอร่อย...ก็จงอย่าลืมกล่าวคำชม
หรือหากไม่กล้ากล่าวออกไป ก็จงเขียนข้อความให้เขา
หากไม่อาจเขียนข้อความให้เขาได้ ก็จงยกนิ้วโป้งให้เขาเมื่อเขาหันมาหาเรา

สิ่งเหล่านี้จะเป็นดั่งบ่อน้ำที่จะไปขับเคลื่อนพลังให้กับเขา
ให้เขาได้ต่อสู้ในการทำสิ่งดีๆ และสู้กับงานหนักๆได้ต่อไป...

และมันก็เป็นสิ่งที่ไม่ได้ทำยากเกินไปสำหรับเรา...

เมื่อชอบ เราก็แสดงออกให้รู้ว่า "ชอบ"
เมื่อประทับใจ เราก็แสดงออกให้รู้ว่า "ประทับใจ"

อย่ากักเก็บความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้ กด LIKE ให้เขารู้ว่าเราถูกใจ...


คนทำดี จะได้ไม่ห่อเหี่ยวและมีกำลังใจที่ดีต่อไป...

"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: ~*น้ำใจคน~*
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ก.ย. 22, 2013, 04:09 PM »
0
และเมื่อขากลับจากทำงาน ก็ได้เจอกับ "น้ำใจคน"อีก
ขณะนั้นรถไม่แน่น และมีผู้โดยสารสองคนกำลังจะลงจากรถ
แต่ได้ยินเสียงของตกหล่น ซึ่งผู้โดยสารสองคนนั้นไม่ได้สนใจ
รีบลงจากรถไป คนที่มานั่งเก้าอี้ตัวนั้นต่อจากเขาก็เลยก้มๆดูใต้เก้าอี้
ปรากฎว่าเจอโทรศัพท์มือถือนอนอยู่ จึงหยิบขึ้นมาแล้วรีบกดกริ่งในรถ
ให้รถหยุด เมื่อรถหยุดเขาก็รีบวิ่งลงไปเพื่อที่จะนำโทรศัพท์เครื่องนั้น
ไปให้กับผู้หญิงสองคนนั้น...แต่อาจจะเป็นเพราะแถวหน้ารามคนแน่น
เลยอาจจะหาไม่เจอหรือว่าอย่างไรก็ไม่ทราบได้ เพราะรถผ่านไปเพียงไม่กี่ป้าย
ผู้หญิงสองคนนั้นก็ขึ้นมายังรถเมล์คันที่ข้าน้อยนั่ง มองหาโทรศัพท์
ของตนเองให้วุ่น กระเป๋ารถเมล์เลยเข้ามาบอกว่า

"เมื่อกี้มีคนเจอโทรศัพท์แล้ว และลงจากรถไปเพื่อนำไปให้
ไม่ได้เจอกันหรอกหรือ"

 ผู้หญิงคนที่นั่งใกล้ข้าน้อยหันมาพูดกับข้าน้อยว่า

"อย่างนี้คงไม่มีทางได้กลับหรอก ไม่รู้ว่าเขาเอาไปไหนแล้ว..."

แต่ข้าน้อยไม่คิดเช่นนั้น เพราะดูจากท่าทางของคนที่กดกริ่งเพื่อรีบลงจากรถ
ด้วยตั้งใจจะนำโทรศัพท์นั้นไปให้เจ้าของ มันมีความตั้งใจซ่อนอยู่จริงๆ
เพราะเขาเพิ่งขึ้นมาอยู่บนรถได้ไม่กี่ป้ายก็ต้องลงไปทำธุระของผู้อื่น
ซึ่งเขาเลือกที่จะไม่ทำไม่สนใจก็ได้ และเขาก็เลือกที่จะนั่งรถไปสู่เป้าหมาย
ของตัวเองต่อไปโดยไม่แยแสต่อการนำของไปคืนเจ้าของก็ได้
แต่เขาไม่ทำ เขาเลือกที่จะลงจากรถ ลงตรงป้ายที่ไม่ใช่เป้าหมายหลัก
แต่เป็นเป้าหมายรอง...ซึ่งถ้าเขาอยากได้โทรศัพท์เครื่องนั้นจริง
เขาไม่จำเป็นต้องลงจากรถเพื่อนำของไปให้เจ้าของเลยก็ได้
เขามีวิธีอีกตั้งหลายวิธีเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเหนื่อยและเสียเวลา
แต่เขาก็มี "น้ำใจ" และมี "จิตอาสา" หรือ "ใจอยากช่วย"

ข้าน้อยจึงคิดว่า อย่างไรเสีย สาวสองคนนั่นต้องได้โทรศัพท์คืนอย่างแน่นอน
ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง...

และยังคงคิดในแง่บวกเมื่อสถานการณ์มันยังสามารถทำให้เรา
คิดในแง่บวกได้อยู่...

และก็เป็นเหตุการณ์ที่อดทำให้ระบายยิ้มออกมาไม่ได้
เมื่อได้เห็น "น้ำใจคน" ออกมาจากใจเช่นนั้นอีกแล้วในรอบวัน...

บางครั้ง...ความสุขของผู้อื่นก็จำเป็นต่อความสุขของเรา
เรามีความสุขได้ เมื่อเห็นคนอื่นมีความสุข

และแม้เราจะไม่ได้เป็นคนทำดีในสิ่งนั้น แต่เราก็มีความสุขได้
เมื่อได้พบเห็นคนทำความดี...


ข้าน้อยจึงมองว่า...มนุษย์เรายังคงรักที่จะทำความดี
เพียงแต่มีกำแพงบางอย่างหรือมีอะไรบางอย่างที่เกาะแน่นอยู่ในสังคม
ทำให้เขาไม่อาจแสดงออก หรือไม่กล้าแสดงออกมาได้

หน้าที่เราก็คือ ทำอย่างไรก็ได้ให้เขากล้าที่จะทำสิ่งดีๆ
กล้าที่จะทำความดี และไม่รีรอที่จะทำมัน...

และเราก็คือ หนึ่งในคนที่พร้อมจะทำมัน...
พร้อมที่จะเป็นแบบอย่าง ซึ่งแน่นอนว่า เราต้องมีความกล้า
ต้องมีความมั่นใจ ต้องไม่มีความหวาดหวั่นเมื่อเราต้องแสดงบทบาท
ของคนดีต่อหน้าผู้อื่นและไม่ได้คาดหวังคำชื่นชมเมื่อต้องทำความดี
ลับหลังผู้อื่น...

"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: ~*น้ำใจคน~*
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ก.ย. 22, 2013, 04:27 PM »
0
พี่ที่ทำงานต้องนำงานกลับไปทำที่บ้าน เนื่องจากเกรงใจพี่อีกคน
ซึ่งเป็นคนถือพวงกุญแจของห้องบัญชีเอาไว้ เพราะหากว่าตัวเขาทำงานไม่เสร็จ
พี่คนที่ถือพวงกุญแจก็ไม่อาจกลับบ้านได้ เขาเลยเกรงใจ
นำงานหอบกลับไปทำที่บ้าน เพราะงานต้องส่งก่อนวันรุ่งขึ้น...

แน่นอนว่าคืนนั้น พี่เขาได้นอนตอนตีสองครึ่งของอีกวัน...
และได้ส่งสรุปยอดบัญีชีให้กับทางเจ้าของงาน
แต่กลับไม่ได้รับอะไรตอบกลับมา...น่าเศร้าจิต...

ข้าน้อยเลยปลอบไปว่า

"เขาก็เป็นเช่นนี้แหล่ะ เขาต้องการแค่ตัวงานอย่างเดียว
ไม่ได้สนใจว่าจะต้องขอบคุณเราที่ส่งงานไปให้เขาหรอก
เพราะจิตใจเขาหมกมุ่นอยู่แต่กับตัวของงาน ไม่ได้ให้ความสนใจ
กับเจ้าของผลงาน...เขาเลยอาจจะลืมขอบคุณพี่..."

พี่เขาก็เลยบอกว่า พี่ควรจะสั่งสอนมารยาทเขาอย่างไรดี...
เพราะการจะปล่อยให้เขาเป็นคนแบบนี้ไปเรื่อยๆดูจะไม่ดีนัก
พี่ไม่ได้ต้องการคำขอบคุณจากเขา
เพียงแค่ต้องการมารยาทที่ดีจากเขาแค่นั้นเอง

อย่างน้อย เขาก็ควรขอบคุณพี่ตามมารยาทที่ดีบ้าง
แม้ใจจะไม่ได้รู้สึกเลยสักนิดก็ตาม...เราจะได้ทำงานกันได้ง่ายกว่านี้
และพี่ก็ไม่แน่ใจว่า เมลล์ของพี่ได้ถูกส่งไปถึงมือของเขารึเปล่า

ข้าน้อยจึงแนะนำไปว่า...

"สำหรับคนญี่ปุ่น หากเราเดินเข้าไปต่อว่าเขาในการกระทำนั้นๆ
เขาจะรู้สึกว่าเรานั้นไร้มารยาทยิ่งกว่าเขาเสียอีก...
ดังนั้น การจะตำหนิเขา เราควรจะเดินไปหาเขาและพูดกับเขาดีๆ
ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน บอกเขาไปว่า เรานั้นได้ส่งเมลล์ของงานที่ทำ
ไปให้เขาแล้วนะ แต่เพราะไม่เห็นมีอะไรตอบกลับมาจากเขาเลย
เราก็เลยกังวลว่าเมลล์ของเราจะส่งไปถึงเขาแล้วรึยัง เราควรจะส่งไปให้เขา
ใหม่อีกสักครั้งดีมั้ย...แต่เพราะไม่อยากรบกวนตอนดึกๆขนาดนั้น
ก็เลยคิดว่า น่าจะไม่เป็นไร..."

แล้วเขาจะรู้สึกผิด และความรู้สึกผิดนั้นจะสอนให้เขารู้จักที่จะมีมารยาทกับเรา
มากขึ้นกว่าเดิม...การเดินไปตำหนิเขาโดยตรงจะไม่ยังประโยชน์
เท่ากับการเดินเข้าไปพูดให้เรารู้สึกผิด...การทำให้เขารู้สึกผิดโดยทางอ้อม
นั้นจะมุ่งสู่เป้าหมายได้ดีกว่าการเดินเข้าไปต่อว่าเขาให้เสียๆหายๆได้
อย่างยิ่งยวด และด้วยประสบการณ์ในการอยู่กับคนญี่ปุ่น
การันตีมาว่า การใช้วิธีการแบบนี้ได้ผลยิ่งกว่าวิธีอื่น...

บางครั้ง...การทำให้คนๆนึงรู้สึกผิดก็เป็น "น้ำใจ"อย่างหนึ่ง
ที่เราควรจะทำ เพราะคนบางคน หากไม่ได้รับการสะกิดใจบ้าง
ก็คิดไม่ได้ ทำไม่ถูกเช่นกัน...การเดินไปสะกิดเขาเบาๆ
ก็อาจจะเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ต่อการที่เขาจะเปลี่ยนแปลง
แม้นั่นจะเป็นเพียงสิ่งเล็กๆน้อยๆที่คนหลายๆคนมองข้ามไป

แต่เชื่อมั้ยคะว่า

คนที่พยายามที่จะทำสิ่งเล็กๆน้อยๆให้สมบูรณ์แบบ
คนๆนั้นจะเป็นคนที่สามารถเดินสู่เป้าหมายได้สำเร็จ
เพราะสิ่งเล็กๆน้อยๆนั้นเมื่อรวมตัวกันมันจะกลายเป็นสิ่งที่ใหญ่ขึ้น...



"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: ~*น้ำใจคน~*
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: ก.ย. 22, 2013, 05:31 PM »
0
พี่ที่ทำงานด้วยกัน เคยถึงกับน้อยใจกับการทำสิ่งดีๆให้ผู้อื่นในทุกๆวัน
เพราะสิ่งที่ตอกกลับมา คือ คนที่พี่เขาทำดีด้วย
พวกเขากลับตีค่าความดีนั้นว่าเป็นการเสแสร้งแกล้งทำไป...

แน่นอนค่ะ...สมัยนี้ บางคนสร้างความดีขึ้นมาตบตาชาวบ้าน
ซึ่งสิ่งนั้นไม่ได้ทำขึ้นมาด้วยใจจริง แต่สร้างความดีนั้นขึ้นมาเพื่อหวังผลบางอย่าง
เช่น ต้องการสร้างภาพ ต้องการหลอกล่อคนอื่นให้ติดกับดักที่วางไว้
หรืออาจต้องการหลอกใช้เขา เลยต้องแกล้งทำดีให้เขาตายใจ...
เพราะมนุษย์ทุกคนชอบสิ่งดีๆ ชอบให้คนอื่นทำดี
หรือจะพูดให้ตรงๆก็คือ ชอบความดี (แต่บางครั้งกลับเหยียบย่ำคนดี
และเอาเปรียบคนดีอยู่ร่ำไป)

ผู้คนเลยหวาดระแวงเมื่อมีใครสักคนหยิบยื่นความดีให้
เพราะเกรงว่า ความดีนั้นจะอาบยาพิษ และทำให้เขาเสียหายได้ในภายหลัง...
เขาเลยไม่แน่ใจว่าคนที่หยิบยื่นความดีให้นั้นกำลังหวังอะไรจากเขา...

ข้าน้อยคนนึงก็เคยตกอยู่ในวังวนแห่งความคิดแบบนั้น
จนสับสน เพราะเคยต้องการเป็นที่ยอมรับจากคนรอบกาย
เลยพยายามทำทุกอย่างให้เป็นที่ยอมรับ...
แต่ผลสุดท้ายก็คือ เรากลับหาตัวเองไม่เจอ ไม่รู้ว่าตัวเรานั้นเป็นใคร
หาจุดยืนที่แท้จริงของตัวเองไม่เจอ ไม่รู้จักตัวตนของตัวเอง...

เลยบอกกับพี่เขาไปว่า

ไม่ว่าเราจะได้รับการยอมรับจากคนอื่นมากน้อยเพียงไหนก็ตาม
นั่นไม่ใช่สิ่งที่ขับเคลื่อนตัวเราอย่างแท้จริง
เพราะแท้จริงแล้ว การที่จะทำให้คนอื่นยอมรับเราได้นั้น
เราต้องหัดยอมรับตัวของเราในทุกๆอย่างให้ได้ก่อน
เราเป็นใคร มาจากไหน พ่อแม่เป็นใคร เราสวยเราหล่อแค่ไหน
อะไรก็ตามที่เป็นตัวเรา เรายอมรับมันได้หรือยัง...
หากเรายังยอมรับตัวตนของตัวเองไม่ได้ ก็ยากที่จะทำให้คนอื่นยอมรับ
ตัวเราได้...และหากตรงไหนที่เป็นเราและเราไม่อาจยอมรับตัวเองได้
เราเปลี่ยนแปลงมันไปในทางที่ดีได้หรือไม่...
แต่แน่นอนว่า เราไม่อาจเปลี่ยนแปลงนามสกุลของพ่อแม่ที่ติดอยู่หลังชื่อเราได้
ไม่อาจเปลี่ยนวงตระกูลที่เราเกิดมาได้ ไม่อาจเปลี่ยนที่ที่เราเกิดมาได้
ไม่อาจเปลี่ยนหน้าตาที่ได้มา ไม่อาจเปลี่ยนโครงสร้างแห่งการสร้างของพระเจ้าได้
แต่สิ่งหนึ่งที่เราเปลี่ยนได้คือ หัวใจเรา

คนเราจะสูงหรือต่ำ วัดกันที่ จิตใจ...

แน่นอนว่า เดี๋ยวนี้ผู้คนพยายามเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภายนอกของตัวเอง
เพื่อให้เป็นที่ยอมรับต่อสายตาผู้อื่น ยอมเปลี่ยนแปลงจมูก คาง ดวงตา
ริมฝีปาก แม้แต่ยอมเปลี่ยนหน้าทั้งหมดก็ยังยอม...ยอมผ่าตัดเปลี่ยนรูปร่าง
แล้วสุดท้าย...เอกลักษณ์ของเราที่ได้รับมาตั้งแต่ไหนๆก็หมดไป...

ผู้ชายพยายามผ่าตัดเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นผู้หญิง
ส่วนผู้หญิงก็ผ่าตัดเปลี่ยนแปลงตัวเองจนกลายเป็นกระเทย...

หมดสิ้นเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ไป...

เราทำทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่ออะไร...
เพื่อการยอมรับใช่ไหม?

ทำไมเราไม่ถามตัวเราบ้างว่า ขนาดเรายังไม่อาจยอมรับตัวเราได้เลย
แล้วใครหน้าไหนจะกล้ายอมรับในตัวเรา...

จงเป็นตัวของตัวเราให้ดีที่สุด จะดีกว่าไหม...

ได้หน้าตามาอย่างนี้ก็จงขัดมันให้สะอาดสะอ้านทุกวันจะดีกว่าไหม
ได้รูปร่างนี้มาอย่างนี้ก็จงพยายามดูแลมันอย่าให้มีไขมันส่วนเกิน
ไม่ให้มันมีขี้กลากขี้ไคล ไม่ให้มีร้ิวรอยน่าตำหนิในทุกๆสัดส่วนจะดีกว่าไหม

ก่อนที่เราจะได้รับการยอมรับจากผู้อื่น บทเรียนหนึ่งที่เราควรฝึกฝนก็คือ
การศึกษาตัวเอง และการฝึกการยอมรับตัวเองให้ได้
พยายามฝึกยอมรับตัวเองไปวันละข้อ สักวันนึงเราจะเห็นตัวเราได้ชัดเจน
และรู้ว่าอะไรที่เราควรยอมรับมันซะ และอะไรที่เราควรเปลี่ยนแปลงมัน...
เมื่อเรายอมรับตัวเราได้ เราก็จงแสดงตัวตนของเราออกมา
อย่าปิดกั้นตัวเอง

เช่น เราเป็นมุสลิม เรายอมรับในบทบัญญัติทุกข้อของศาสนา
เราก็แสดงออกมาให้โลกรู้ไปเลยว่า เรายอมรับในความเป็นมุสลิมของเรา
ส่วนเขาจะยอมรับในตัวเราแค่ไหน มันไม่ใช่สาระสำคัญของการมีชีวิต
เพราะสาระของมันก็คือ อิสลามมีดีอย่างไร เราเผยออกไป...

หากเราเกิดมาในครอบครัวยากจน ก็จงยอมรับว่าเรานั้นจนเถิด
อย่าอายกับการเป็นคนจน ในเมื่อเราจนจริงๆ
แต่จงใช้ชีวิตให้มีคุณค่าด้วยการปฏิบัติมารยาทที่ดีงาม
บอกให้โลกรู้ว่า คนจนก็เป็นคนดี...และมีน้ำใจกับผู้อื่น

หากเราเกิดเป็นคนบ้านนอก บ้านอยู่ในหมง
ก็จงอย่าอายที่จะบอกว่าเราเป็นคนที่ไหน
แต่จงแสดงให้เขารู้ว่าที่ๆเราเกิดมานั้นดีอย่างไร...
และหากเราเป็นคนดีจนคนชื่นชมก็จงให้เครดิตกับสถานที่เกิด
เพราะที่นั่นคือที่ที่หล่อหลอมเราขึ้นมา...

หากเรามีพ่อแม่เป็นแค่ชาวนาชาวสวนชาวไร่ ไม่ได้มียศฐาบรรดาศักดิ์ใดๆ
ก็จงอย่าอายที่จะบอกไปว่าพ่อแม่เราเป็นใคร และเรารักและภูมิใจ
ในตัวท่านแค่ไหน...

เมื่อเรารักที่จะทำความดี อยากช่วยเหลือผู้อื่น ก็จงทำมันด้วยความตั้งใจ
และมั่นอกมั่นใจเถิด แม้เขาจะมองเราว่าเสแสร้งหรือสร้างภาพ
ก็อย่าได้ไปแคร์ เนื่องจากพื้นฐานความนึกคิดของมนุษย์แต่ละคน
ไม่เหมือนกัน โดนหล่อหลอมมาแตกต่างกัน...เขาสามารถคิดแบบนั้นได้
แต่เราอย่าไปสนใจความคิดนั้นจนพาให้ใจตัวเองห่อเหี่ยว
จนคิดที่จะเลิกทำความดี หรือไม่กล้าท่ีจะแสดงความดีนั้นออกไป
เพราะกลัวว่าจะโดนต่อว่าว่าเป็นคนสร้างภาพ...

เพราะความดีแท้นั้นคงทน หากเรายึดมั่นที่จะทำมันด้วยใจไปตลอด
ภาพนั้นจะติดตาตรึงใจผู้คนไปเอง โดยที่เราไม่จำเป็นต้องไปขอร้อง
หรือเรียกร้องการยอมรับจากพวกเขาเลย...

หากเขาอยากจะยอมรับเรา เขาก็จะยอมรับด้วยตัวของเขาเอง...

แค่เรายอมรับตัวเราได้ และยึดมั่นบนทางที่ดีงาม
พร้อมกับปฏิบัติสิ่งนั้นเป็นกิจวัตรแล้ว...มันจะเป็นภาพที่แท้จริง
โดยที่คนมองด้วยใจจะเห็นถึงความเป็นธรรมชาติของมัน...
เมื่อเราทำมันจนเป็นปกติธรรมดาไปแล้ว...


เหมือนแม่ที่รักลูกโดยธรรมชาตินั่นแล....

ไม่มีแม่คนไหนขึ้นมากล่าวคำโฆษณาถึงความรักที่มอบให้กับลูก
เพื่อต้องการการยอมรับจากลูกของตัวเอง...
แต่ลูกก็รับรู้และยอมรับได้โดยธรรมชาติว่าแม่นั้นรักเราแค่ไหน...
เพราะแม่ทำมันและทำทุกอย่างให้เราโดยปกติ และโดยธรรมชาติของแม่
ไร้การปรุงแต่ง...และมันจะเป็นเช่นนั้นไปตลอด...
เพราะนั่นคือ ความรักโดยธรรมชาติของแม่...

และเพราะนั่นคือ...."น้ำใจแม่"


ความดี ถ้าไม่กล้า ทำไม่ได้
สิ่งดีๆ ถ้าไม่คิดปีนป่าย ก็จะไม่ได้มา...

"น้ำใจคน" หากไม่ขุดมันขึ้นมา เราจะไม่ได้เห็น

และอุปกรณ์ที่จะขุดน้ำใจคนขึ้นมา คือ
การฝึกฝนเป็นคนมีน้ำใจ
และการกล่่าวชื่นชมยกย่องความดีงามของผู้อื่น
ทั้งต่อหน้าและลับหลังด้วยความจริงใจไม่เลยเถิด...
การให้กำลังใจคนทำความดีให้เขากล้าที่จะทำมันต่อไป...


"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

 

GoogleTagged