salam
คุณนูรุลอิสลามคิดว่า อัลเลาะไม่มีความสามารถที่จะเคลื่อนย้ายหรือครับ
อยากสรุปง่าย ๆ ว่า การเคลื่อนไหวย้ายลงไปลงมานั้น อัลกุรอานและซุนนะฮ์ มิได้รับรองเอาไว้ และสะลัฟไม่ได้พูดเอาไว้ เนื่องจากมันเป็น วิธีการ الكيف ดังนั้นการเชื่อถึงวิธีการเกี่ยวกับซีฟัตของอัลเลาะฮ์ ถือว่าเป็นบิดอะฮ์ที่ลุ่มหลงนั่นเอง และไม่ใช่อะกีดะฮ์ของสะละฟุศศอลิห์
ท่านอัตติมีซีย์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ สุนันของท่านว่า
والمذهب في هذا عند أهل العلم من الائمة مثل سفيان الثوري ومالك بن أنس وابن المبارك وابن عيينة ووكيع وغيرهم أنهم رووا هذه الاشياء ثم قالوا :تروى هذه الاحاديث ونؤمن بها ، ولا يقال كيف ، وهذا الذي اختاره أهل الحديث أن تروى هذه الاشياء كما جاءت ويؤمن بها ولا تفسر ولا تتوهم
ولا يقال كيف وهذا أمر أهل العلم الذي اختاروه وذهبوا إليه
"แนวทางในเรื่องนี้ ตามทัศนะของนักวิชาการจากบรรดานักปราชญ์ อย่างเช่น ท่านซุฟยาน อัษเษารีย์ , ท่านมาลิดบินอะนัส , ท่านอิบนุอัลมุบาร๊อก , ท่านอิบนุอุยัยนะฮ์ , ท่านวะเกี๊ยะอฺ , และท่านอื่นๆ ให้ทัศนะว่า พวกเขาเหล่านั้นได้ทำการรายงานบรรดาประการต่างเหล่านี้ หลังจากนั้น พวกเขาก็กล่าวว่า บรรดาหะดิษเหล่าวนี้ได้ถูกรายงาน โดยเราทำการศรัทธาด้วยกับมัน และไม่ถูกกล่าวว่ามันเป็นอย่างไร และนี้ก็คือสิ่งที่นักวิชาการหะดิษได้เลือกเฟ้นมัน โดยการรายงานประการต่างๆเหล่าวนี้ เสมือนกับที่มันได้มีมา และถูกศรัทธาด้วยกับมัน โดยไม่ถูกอธิบาย(ตัฟซีรความหมาย) , ไม่คิดสงสัย
และไม่ถูกกล่าวว่ามีรูปแบบวิธีการอย่างไร และนี้คือสิ่งที่นักวิชาการได้เลือกและได้ให้ทัศนะไปยังมัน" ดู สุนัน อัตติรมีซีย์ เล่ม 4 หน้า 692
ท่านอิบนุกุดามะฮ์ ได้กล่าวว่า
علموا أن المتكلم به صادق لا شك فى صدقه فصدقوه ، ولم يعلموا حقيقة معناها فسكتوا عما لم يعلموه
" พวกเขา(สะลัฟ)รู้ว่า แท้จริง ผู้ที่พูดกับมันนั้น เป็นผู้สัจจริง โดยไม่ต้องสงสัยในความสัจจริงของเขา ดังนั้น พวกเขาจึงยอมรับกับมัน โดยที่พวกเขาไม่รู้ถึง"ฮะกีกัตความหมายของมัน" ดังนั้น พวกเขาจึงนิ่งจากสิ่งที่พวกเขาไม่รู้" ดู หนังสือ ซัมมฺ อัตตะวีล หน้า 25
ด้วยเหตุเช่นนี้ ท่านอิมามอะหฺมัดจึงกล่าวว่า
هذه الأحاديت نؤمن بها ونصدق ، لا كيف ولا معنى ، ولا نصف الله تعالى بأكثر مما وصف به نفسه
"บรรดาหะดิษเหล่านี้ เราได้ศรัทธานั้น และเชื่อ
โดยที่ไม่มีวิธีการว่าเป็นอย่างไร และไม่มีความหมาย(ที่เฉพาะเจาะจง) และเราไม่พรรณากับคุณลักษณะของอัลเลาะฮ์ ให้มากกว่าสิ่งที่พระองค์ทรงพรรณาไว้กับพระองค์เอง" ดู หนังสือ ลุมอะฮ์ อัลเอี๊ยะติก๊อต ของท่าน อิบนุ กุดามะฮ์ หน้า 3
ท่านอิมามอันนะวาวีย์ กล่าวอธิบายว่า
اعلم أن لأهل العلم في أحاديث الصفات وآيات الصفات قولين
"ท่านจงรู้เถิดว่า แท้จริงให้กับนักปราชญ์ เกี่ยวกับบรรดาหะดิษซิฟาตและบรรดาอายาตซีฟาตนั้น มี 2 ทัศนะ" คือ
أحدهما : وهو مذهب معظم السلف أو كلهم أنه لا يتكلم في معناها , بل يقولون : يجب علينا أن نؤمن بها ونعتقد لها معنى يليق بجلال الله تعالى وعظمته مع اعتقادنا الجازم أن الله تعالى ليس كمثله شيء وأنه منزه عن التجسم
والانتقال والتحيز في جهة وعن سائر صفات المخلوق , وهذا القول هو مذهب جماعة من المتكلمين , واختاره جماعة من محققيهم وهو أسلم
ทัศนะที่ หนึ่ง คือ
มัซฮับส่วนมากของสะลัฟหรือทั้งหมด กล่าวคือ จะไม่มีการพูดกันในความหมายของมัน แต่พวกเขากล่าวว่า จำเป็นบนเราต้องศรัทธาเชื่อด้วยกับมัน(บรรดาอายะฮ์และหะดิษซีฟาต) และเราเชื่อมันกับความหมายที่เหมาะสมกับความเกรียงไกรและความยิ่งใหญ่ของอัล เลาะฮ์ ตะอาลา พร้อมกับให้เราเชื่อมั่นว่า แท้จริงอัลเลาะฮ์ ตะอาลา "ไม่มีผู้ใดที่มาคล้ายเหมือนกับพระองค์" และพระองค์ทรงปราศจากการเป็นร่างกาย(ตัวตน)
ปราศจากการเคลื่อนย้าย(จากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ) ปรากจากการอยู่ในทิศใดทิศหนึ่ง และปราศจากการเหมือนบรรดาคุณลักษณะอื่น ๆ ของบรรดามัคโลค และนี้คือทัศนะคำกล่าวของมัซฮับกลุ่มหนึ่งจากอุลามาอ์กะลาม และกลุ่มหนึ่งจากอุลามาอ์กะลามที่ทรงความรู้อันแน่นแฟ้นได้เลือกเฟ้น และมันคือทัศนะที่ปลอดภัยกว่า"
ดังนั้น อะกีดะฮ์ของกลุ่มที่บอกว่า อัลลอฮ์ทรงลงมา แบบเคลื่อนไหวเคลื่อนย้ายนั้น คือกลุ่มอะกีดะฮ์ที่บิดอะฮ์ ไม่ใช่แนวทางของสะละฟุศศอลิห์นั่นเองครับวัลลอฮุอะลัม