ผู้เขียน หัวข้อ: ทางรอดของอิสลาม  (อ่าน 1482 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ nasafee

  • เพื่อนแรกพบ (^^)/
  • *
  • กระทู้: 7
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ทางรอดของอิสลาม
« เมื่อ: มี.ค. 09, 2013, 05:22 AM »
0

السلام عليكم ورحمة الله وبركا ته
               
    ท่านพี่น้องที่รักยิ่งของอัลเลาะห์(ซ.บ.) ทั้งหลาย
ทุกวันนี้นั้นเราจะเห็นได้ว่าพี่น้องมุสลิมของเรานั้น
ได้มีการขัดแย้งกันในเรื่องศาสนากันมากมาย   
โดยจะเห็นได้ตั้งแต่อดีดจนถึงปจุบันนี้ 
มีการแบ่งพวกแบ่งฝ่ายกัน    จนกระทั้งในหมู่บ้านหนึ่งแบ่งกันเป็นสอง
เป็นสามมัสยิด  ทั้งที่อัลเลาะห์ (ซ.บ.) ท่านทรงใช้ให้เราอย่าแตกแยกกัน
وَاعْتَسِمُوا بِحَبْلِ اللهِ جَمِیْعاً وَ لَا تَفَرَّقُوا
ความว่า “และพวกเจ้าจงยึดสายเชือกของอัลลอฮฺ(ศาสนาของอัลลอฮฺ)
ในทุกๆส่วนทั้งหมด และจงอย่าแตกแยกกัน”
ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เกิดขึ้นจาก ผู้รู้และผู้ตาม (บางคน บางกลุ่ม) 
โดยผู้รู้บางคนนั้น คิดว่าตัวเองนั้นมีอาวุธหนักอยู่ในมือ (วิชาความรู้)
ซึ่งคอยจ่องที่จะทำลายอีกฝ่าย หนึ่งที่มีความคิดหรือการกระทำ
(ที่เขามีหลักฐานจากกุรอ่าน ฮาดิษ หรือมัตติอุลามะอฺ) ที่ไม่ตรงกับตัวของผู้รู้
ส่วนผู้ตาม ก็ตามโดยไม่ได้แยกแยะในบางสิ่งบางอย่างที่เขาตามอยู่
ไม่คิดว่าผู้ตามนั้นเปรียบเสมือคนที่ออกไปจ่ายตลาด
ซึ่งในตลาดนั้นมีอาหารที่หลากหลายมีทั้งอาหารที่เป็นคุณ
และอาหารที่เป็นโทษหากรับประทานเข้าไป   
เรื่องศาสนาก็เช่นกันเรี่องใดที่เราได้ยินได้ฟัง
มาแล้วเอามาปฏิบัติแล้ว ไม่ได้ไปขัดแย้งกับใครก็ปฎิบัติไป
ถ้ามีการแย้งกับผู้อื่นก็ปฎิบัติไป  แต่ไม่ไปโจมตีผู้อื่นที่เขาทำไม่เหมือนเรา
สาเหตุที่เกิดการขัดแย้งขึ้น  ก็เพราะเราไม่เอา أخلاق (มารยาท)
ของท่านนาบี  ของซอฮาบะฮ์ มาปฎิบัติเราเคยสอนผู้คน
ให้เป็นคนนอบน้อมถ่อมตน ให้รับฟังในความคิดที่เห็นต่าง
เราได้ปฎิบัติไม่(ผู้รู้บางคนนะครับ)   
......ทุกวันนี้เราต้องยอมรับว่าเมื่อมีปัญหาขัดแย้งเกิด
ยากที่จะมีใครมาชี้ขาดเพราะต่างฝ่ายถือว่าของตน
เองถูกต้องของเขาไม่ถูก
เช่นการทำเมาลิด ฝ่ายที่ทำก็บอกว่าจะตองกระทำ
เพราะให้เกียรติต่อท่าน ชูกุรต่ออัลเลาะห์(ซ.บ.)
ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยก็บอกว่าทำเมาลิดเป็นบิดะอะฮ์
"ต้องตกนรกแน้" ถกเถียงกันตั้งแต่อดีดจนถึ่งปัจจุบัน
และมีทีเท่าว่ายังจะเถียงกันไม่เลิก  โดยเข้าทางของ إبليس (มารร้าย)   
เมื่อเป็นแบบนี้ คือ  หาผู้มาชี้ขาดไม่ได้
เราก็ต้องหาจุดยืน
ยืนอยู่ตรงไหน ก็ยืนอยู่ตรงกลาง
แล้วมองไปที่รูปการกระทำเมาลิดว่าเขาทำอะไรบ่าง
  เขาอ่านบัรรันญี ซึ่งเกี่ยวกับชีวประวัติ
ของท่านนาบี    เขากล่าวซอลาวัตให้ท่านนาบี
กล่าวริกรุลลอฮ์    จัดเลี้ยงอาหารทำบูญ
สร้างความสัมพันธ์พี่น้องด้วยกัน  มันเป็นสิ่งที่ดีศาสนา
ก็ส่งเสริมให้กระทำ  แต่ถ้ามองแล้วว่า
เขาทำเมาลิดนั้น เต็มไปด้วย  “ม๊ะเสียด” เช่น
จัดมหรสพ  เล่นการพนัน  คงทำมาไม่ถึ่งยุดเราละครับ

หรือเรายืนข้างฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยเราไม่ทำก็ไม่ไปโจมตีเขา 
ไม่กล้าไปฮูกุมว่าเขาทำบิดะอะฮ์เพราะบิดะอะฮ์นั้น มีอยู่  5  อย่างด้วยกัน     
 1 واجب   วายิบ 
 2   حرام  ฮารอม
 3  سنة    ซุนัต 
 4  مكروه   มักโระฮ์
 5   هارس  ฮาโรส

1บิดะอะฮ์วายิบคือ   การที่เราเขียน  หรือพิมพ์อัลกุรอาน  เขียน  หรือ
พิมพ์ อิลมูที่เกี่ยวกับฮูกุมชาเราะอฺ   เมื่อใดเรากลัวว่ามันจะหมดไป
หากไม่ได้เขียนหรือพิมพ์เอาไว้  เพราะการเผยแพร่อัลกุรอาน  หรือ
ฮูกุมชาเราะอฺให้คนรุนหลังนั้นวายิบ

2บิดาอะฮ์ฮารอมคือ   การกินดอกเบี้ย   ให้การช่วยเหลือคนคดโกง
ที่ไม่ตามฮูกุมชาเราะอฺ  ให้เกียรติคนไม่รู้ก่อนจากให้เกียรติผู้รู้
แต่งตั้งผู้นำที่ไม่เหมาะสมด้วยสาเหตุว่าคนก่อนๆเขาทำมาแบบนั้น

3บิดะอะฮ์สุนัต    คือการละหมาดตารอเวียะฮ์ด้วย  ญามาอะฮ์  เพราะ
ท่านซัยยิดินาอุมัรได้กล่าวว่า  “  บิดะอะฮ์ที่ดีนั้นคือการละหมาด
ตารอเวียะฮ์ ด้วยญามาอะฮ์ ” หรือผู้ปกครองหรือผู้รู้ใช้เสื้อผ้าที่หรูหรา
ในขณะที่นาบีและซอฮาบะฮ์ไม่ทำเช่นนั้น  แต่บ่างครั้งมันจำเป็น
ที่จะต้องทำเพื่ออย่าให้ผู้อื่นมองศาสนาว่าตกต่ำ    ดังเช่นท่านอุมัรท่าน
กินรูตีกับเกลือ     แต่ท่านให้คนรองจากท่านแพะวันละตัว     
เพราะท่านรู้ว่าหากให้คนรองของท่านทำเหมือนอย่างท่าน
จะทำให้ผู้คนมองศาสนาอิสลามนั้นตกต่ำ   และเมาลิดินนาบีก็ตกอยู่
ในบิดะอะฮ์สุนัต  ทำแล้วได้รับผลบุญ

4บิดะอะฮ์มักโระห์คือ     การที่เราแสวงหาการทำอิบาดะฮ์เกินขนาด
เพราะท่านนาบีห้ามถือศีลอดในวันศุกร์โดดเดียว   หรือทำเกินขนาด

5บิดะอะฮ์ฮาโรสคือ     การที่เราทำผงของแป้งให้ละเอียด 
 เพื่อทำให้อาหารน่ารับประทานยิ่งขึ้นในขณะที่ท่านนาบีรับประทานอาหารแบบ
ง่ายๆ สิ่งที่เป็นสุนัตที่มีบอกไว้ในฮาดิษ     เช่นการกล่าวตัสเบียะฮ์ 33  ครั้ง
แต่เขาทำเป็น 100 ครั้ง  อันนี้เป็นมักโระห์




"ค่อยติดตามต่อครับ" จาก...คนกระบี่ ที่เอ็นดูพี่น้องร่วมศาสนา..
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มี.ค. 10, 2013, 10:21 PM โดย nasafee »

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: ทางรอดของอิสลาม
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มี.ค. 09, 2013, 11:24 AM »
0
บางครั้ง...เราก็คิดว่า...
สิ่งที่เรามีอยู่นั้นมันดีที่สุดแล้ว
ดีจนเราไม่คิดจะมองอะไรอีก...

แล้วถ้าใครมาบอกว่าสิ่งที่เรามีอยู่มันมีข้อเสีย
ตรงนั้นบ้าง ตรงนี้บ้าง เราก็จะรู้สึกไม่ดีกับคนที่เข้ามาบอก
และตอกกลับเขาไปอย่างเจ็บแสบ...

มารยาทในการฟัง มารยาทในการพูด
มารยาทในการตักเตือนนั้นมีแบบอย่างในอิสลามเอาไว้แล้ว
บางคนไม่รู้ บางคนก็รู้ดีแต่ว่าไม่ได้เอามาปฏิบัติ
หรืออาจจะปฏิบัติไม่ได้...
ซึ่งอาจเป็นเพราะมันทำได้ยาก ที่ยากเพราะมันค้านกับ
นัฟซูของเรา...ดังนั้น การต่อสู้กับนัฟซูจนชนะมันได้นั้น
มิใช่เรื่องง่าย และเมื่อเราเลือกที่จะต่อสู้กับความต้องการ
ต่อสู้กับนัฟซูของตัวเองให้ชนะก่อนจะทำการสิ่งใด
ลงไปได้แล้วนั้น
เราก็จะเป็นหนึ่งในผู้ที่มีมารยาทที่ดีงามตามแบบอย่าง
ที่ถูกวางไว้ได้ค่ะ...

ทุกอย่างจึงเริ่มขึ้นจากตัวเราก่อน...
หากเราสามารถควบคุมหัวใจ ควบคุมนัฟซูของตัวเองได้
การจะกระทำการใดหรือติดต่อสัมพันธ์กับใคร
ก็จะเป็นไปได้โดยดี...

สติปัญญาอาจช่วยให้เราได้เรียนรู้สิ่งต่างๆได้ดี
แต่หากเราไม่สามารถควบคุมอารมณ์ความรู้สึก
ของตัวเองได้...สติปัญญาก็ไม่อาจช่วยให้เรา
อยู่ในทางที่ชอบได้...แล้วเราก็จะกลายเป็นผู้รู้
ที่ไม่สามารถปฏิบัติตามสิ่งที่รู้มาได้...
กลายเป็นคนที่มีความรู้ท่วมหัว แต่เอาตัวไม่รอด
ที่ไม่รอดเพราะเราแพ้ภัยตัวเอง...
ที่เราแพ้ภัยตัวเอง เพราะเราไม่ได้ต่อสู้กับตัวเอง
จนชนะมันได้นั่นเองค่ะ...เราเลยกลายเป็นผู้แพ้แก่ตน
ทั้งๆที่คิดว่าตัวเองชนะผู้อื่นได้แล้ว...

สำหรับข้าน้อยนั้น...การเอาชนะคนอื่นนั้นทำได้ไม่ยาก
เท่ากับการเอาชนะใจตน...การอยู่เหนือใจตนได้
ในทุกๆสภาวะนั้น...เป็นสิ่งที่ทำได้ยากที่สุดในชีวิตนี้...

ดังนั้น...การเปิดใจกว้างเพื่อยอมรับฟังความคิดของผู้อื่นนั้น
แม้จะทำได้ยาก แต่มันจะทำให้เราเป็นผู้ฟังที่ดีค่ะ
ส่วนเราจะทำตามหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับเรา...
ว่าเราจะเลือกอะไรให้กับตัวเอง...และการเลือกของเรานั้น
ก็ไม่ได้ถูกบังคับ...อัลลอฮฺให้อิสระเราได้เลือกเสมอ...
เราจึงควรให้อิสระคนอื่นได้เลือกบ้าง...
เพราะนั่นเป็นสิทธิ์ของเขา...

จึงไม่มีการบังคับกันในอิสลาม...

ปล.เพื่อนต่างศาสนิกเคยพูดว่า...ศาสนาอิสลาม
มีกฎข้อบังคับเยอะแยะมากมาย...บังคับให้ทำโน่นให้ทำนี่...
ข้าน้อยเลยบอกว่า...จริงอยู่ว่านั่นเป็นกฎ...
แต่ที่จริงกว่านั้นคือ พระเจ้าไม่เคยบังคับให้เราหมดทางเลือก
ทั้งๆที่พระองค์ทำได้...แต่พระองค์จะบอกเราว่า
อะไรนั้นดีกับเราเอาไว้แล้ว...พระองค์ส่งหนทางที่ดีมาให้แล้ว
ส่วนเราจะเลือกหรือไม่นั้น...อยู่ที่เรา...เรามีสิทธิ์เลือก
มีอิสระในการเลือกเฟ้น...
พระองค์ไม่ได้บังคับเราทั้งๆที่พระองค์มีอำนาจจะกระทำได้
นับว่าพระองค์ให้เกียรติมนุษย์ตัวเล็กๆอย่างเรามาก...

และหากเราไม่เลือกพระองค์ ไม่เลือกหนทางที่พระองค์
ส่งมาให้...พระองค์ก็ยังคงเป็นพระองค์...
ส่วนเรานั้นก็ต้องยอมรับผลจากการเลือก...
เพราะพระองค์ได้บอกถึงผลตอบแทนในการเลือกเฟ้น
เอาไว้แล้วเช่นกัน...
สุดท้ายเป็นเราที่อธรรมกับตัวเราเองนั่นเอง...

อัลลอฮฺให้เกียรติเราด้วยกับการให้อิสระในการเลือกเฟ้น

เราเองที่เป็นมนุษย์จึงควรให้เกียรติซึ่งกันและกัน...

ส่วนอำนาจในการตัดสิน...เราก็ยกให้กับอัลลอฮฺตะอะลา
แต่เพียงผู้เดียว...

เพราะอัลลอฮฺคือผู้ทรงอำนาจเด็ดขาดในวันตอบแทน...

เชื่อว่า...หัวใจของ"อัลอิสลาม"
อยู่ที่ "อัลลอฮฺ" กับ "สันติภาพ"

ไม่ได้อยู่ที่ปลายปากกาของใคร หรืออยู่ที่ปลายลิ้นของใคร
แต่อยู่ที่ปลายปากกาที่ถูกยกขึ้นแล้ว
และอยู่ที่พระวจนะที่ถูกกล่าวเอาไว้แล้วในอัลกุรอ่าน...

ปล.แวะเข้ามาแจมด้วยคนค่ะ ^^


วัสลามค่ะ



"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

 

GoogleTagged