ผู้เขียน หัวข้อ: -บั น ทึ ก ๑ บ ร ร ทั ด-  (อ่าน 1101 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ - ครูจริงใจ-

  • อยากเป็นคนดีที่อัลลอฮฺรัก
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 817
  • เพศ: หญิง
  • ทุกวินาทีของเราไม่เคยรอดพ้นจากบันทึกของรอกิบ-อาติด
  • Respect: +96
    • ดูรายละเอียด
-บั น ทึ ก ๑ บ ร ร ทั ด-
« เมื่อ: มี.ค. 29, 2013, 10:13 AM »
+3


-1-

ผมเป็นลูกชายคนเล็กครับ มีพี่สาว ๑ คน อายุมากกว่าผม ๒ ปี พ่อจากเราไปตั้งแต่ผมอายุไม่ถึง ๑ ขวบเต็ม เราสองคนโตมาโดยมีแม่ที่เป็นทั้งพ่อและแม่ในเวลาเดียวกัน เลี้ยงดู อบรม สั่งสอน และปลูกฝังเรื่องศาสนามาตั้งแต่เราจำความได้ ชาวบ้านต่างชื่นชมว่าแม่เป็นหญิงเก่ง เลี้ยงลูกเพียงลำพังจนได้ดิบได้ดี แต่ลึกๆแล้วแม่ผมคงไม่ต้องการเป็นหญิงเก่งและมีชีวิตที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนโดยไร้คนเคียงคู่อย่างทุกวันนี้หรอก

แม่ผมรักพ่อมาก และรักลูกมากจริงๆ รักมากจนผมคิดว่า แม่รักตัวเองน้อยกว่ารักคนอื่นเสมอ ภาพของแม่ที่ผมเห็นตั้งแต่เล็กจนโต คือแม่เหนื่อย แม่ลำบาก และดิ้นรนเพื่อครอบครัวมาตลอด จะว่าไปแล้วธรรมชาติของผู้หญิงคือเพศที่อ่อนแอ ต้องการการดูแลและปกป้อง แต่ด้วยบริบทและสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของผม แม่ผมจึงทำเป็นอ่อนแอไม่ได้ แม้จะอ่อนแอแค่ไหน ผมรู้เสมอว่าแม่ผมเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ผู้หญิงที่คาดหวังต่อการปกป้อง ดูแล เลี้ยงดู และเอาใจใส่จากสามี เมื่อพ่อผมไม่อยู่แล้ว ผมซึ่งเป็นผู้ชายคนเดียวในบ้านจึงต้องทาหน้าที่แทนพ่อผมต่อผู้หญิงที่ผมรักทั้งสองคน

แม่ผมเป็นคนพูดน้อย การจากไปของพ่อคงสร้างความเจ็บปวดและสะเทือนใจกับแม่มาก ผมจึงไม่เคยได้ยินเรื่องราวของพ่อจากปากแม่เท่าไหร่ มีอยู่ครั้งหนึ่งเมื่อผมยังเด็ก ผมเคยถามแม่ไปว่า “ทำไมแม่ถึงไม่แต่งงานใหม่?” คำตอบที่ผมได้รับคือ แม่อยากมีพ่อเป็นสามีในสวรรค์  ผมไม่รู้หรอกครับว่าพ่อผมเป็นคนยังไง หรือดีแค่ไหน แต่พอเข้าใจได้ว่าเป็นคนดีทีเดียวละ เพราะคนดีอย่างแม่ผมอยากจะดูแลต่อและแม่ก็อยากมีพ่อดูแลแม่ในสวนสวรรค์เช่นกัน


-2-
เมื่อผมอายุ ๒๐ ปี อุสตาซที่ผมรักท่านหนึ่ง แนะนำให้ผมเขียนบันทึกถึงลูกของผม เข้าใจไม่ผิดหรอกครับ ท่านให้ผมเขียนถึงลูกของผมจริงๆ ทั้งที่ตอนนั้นผมยังไม่มีลูก และยังไม่รู้ว่าคู่ครองของผมอยู่ตรงส่วนไหนของโลกใบนี้ ผมจึงถามอุสตาซไปว่า ทำไมจึงให้ผมเขียนบันทึกถึงลูกผม ทั้งที่แม้แต่เรื่องคู่ครองเอง ก็ยังไม่มีอยู่ในความคิดของผมเลย
 
ณ ตอนนั้น อุสตาซตอบผมว่า มนุษย์ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อโดดเดี่ยวหรืออยู่เพียงลำพัง แต่อุสตาซเองก็ไม่อยากพูดเรื่องคู่ครองในเวลาที่ไม่เหมาะสมกับเด็กหนุ่มที่มิได้มีความสุกงอมทางความคิด เพราะการพูดเรื่องคู่ครองและการแต่งงานไม่ถูกกาลเทศะ มันจะทำให้หัวใจของเราว้าวุ่นได้ ผมก็เป็นเด็กหนุ่มนี่ครับ อุสตาซพูดเรื่องลูก นั่นก็หมายถึงการพูดเรื่องคู่ครองกลายๆ ซึ่งมันอาจจะทำให้ผมว้าวุ่น เปล่าเลย อุสตาซไม่ได้พูดเรื่องคู่ครอง อุสตาซพูดเรื่องครอบครัว จริงอยู่ว่าการสร้างครอบครัวนั้น ต้องเกิดจากการมีคู่ครอง แต่ชายหนุ่มและหญิงสาว มักเพ้อฝันเรื่องคู่ครอง เรื่องความรักเฉกเช่นคู่รักมากจนลืมเป้าหมายที่หนักแน่นกว่า นั่นคือการสร้างอุมมะฮฺ การสร้างครอบครัวเพื่อรับใช้อัลลอฮฺ เราจึงมักเจอคำถามที่ตื้นเขินจากชายหนุ่มว่า ผู้หญิงคนนั้นสวยแค่ไหน เธอหวานหรือเปล่าเจอคำถามจากหญิงสาวว่าผู้ชายคนนั้นคมเข้มไหม โรแมนติคมากหรือเปล่า อุสตาซไม่ได๎ปฏิเสธเรื่องความรู้สึกนะ มันเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ แต่มันจะไม่ใช่สาระที่สาคัญที่สุดที่ผู้ศรัทธามั่นจะไปมุ่งกับมัน จนกลายเป็นคนเพ้อเจ้อ เพ้อฝัน ที่จินตนาการแต่เรื่องหวานชื่นเหมือนคู่รักจนหัวใจมีปัญหาและฟุ้งซ่าน

-3-
“ภายใต้ความมุ่งหวังต่อการสร้างอุมมะฮฺเพื่ออัลลอฮฺ มันจะเป็นกรอบให้เธอเลือกคู่ครองด้วยศรัทธาและศาสนอย่างแท้จริง ที่อุสตาซให้เธอเขียนบันทึกถึงลูก ก็เพื่อให๎เธอมีความมุ่งมั่นต่อการเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่ออัลลอฮฺมากขึ้น เพื่อให้เธอตระหนักต่อการใช๎ชีวิตในหนทางที่ถูกต้องมากขึ้น เพื่อให้เธอมีแรงจูงใจต่อการเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกของเธอเอง เพราะแน่นอนเราไม่อาจเก็บดอกผลที่สมบูรณ์จากต้นที่เป็นโรค เมื่อเธอเป็นคนดี อัลลอฮฺก็จะส่งคู่ครองที่ดีให้ อินชาอัลลอฮฺ แม้การเขียนบันทึกถึงลูก มันอาจจะดูเหมือนเรื่องตลก และข้ามขั้นเรื่องคู่ครองไป แต่อุสตาซคิดว่ามันอาจจะทำให้เธอมีเป้าหมายและหนักแน่นต่อการรับใช้อัลลอฮฺมากขึ้น เพราะเมื่อเธอเขียนถึงลูกและความคาดหวังต่อลูก มันก็คือการตอกย้ำต่อตัวเธอเองว่าเธอต้องเป็นอย่างนั้นเช่นกัน” “ญะซากัลลอฮุค็อยร็อนอุสตาซครับ” หลังสิ้นคาแนะนำ ของอุสตาซจนบัดนี้ ผมยังไม่เคยเขียนบันทึกถึงลูกผมหรอกครับ ผมเขียนเพียงถ้อยคำสั้นๆ ไว้ในกระดาษ มันไม่ได้เป็นบันทึก แต่เป็นข้อเตือนใจให้ผม ซึ่งเขียนติดไว้ในตาแหน่งที่มองเห็นได้ทุกวันก่อนออกจากบ้านและกลับมา ข้อความที่ว่า “แน่นอนเราไม่อาจเก็บดอกผลที่สมบูรณ์จากต้นที่เป็นโรค” ยังคงดังในโสตประสาทและหนักแน่นอยู่ในใจผมเรื่อยมา

-จบ-
ตอนนี้ผมเป็นชายวัยกลางคนที่มีครอบครัวแล้ว เราได้รับความเมตตาจากอัลลอฮฺมากมาย ผมพยายามทำหน้าที่อันมีเกียรติของผู้เป็นพ่อและสามีอย่างดีที่สุด นี่คืออะมานะฮฺที่ยิ่งใหญ่ ถ้าผมต้องจากไปก่อน ก็ยังอยากได๎รับเกียรตินี้อีกครั้งในสวรรค์ อินชาอัลลอฮฺ ผมอยากให้ภรรยาของผมตอบเหมือนแม่ของผม เมื่อครั้งที่ผมถามแม่วำ ทำไมแม่ไม่แต่งงานใหม่!

‘رَبَّنَا هَبْ لَنَا مِنْ أَزْوَاجِنَا وَذُرِّيَّاتِنَا قُرَّةَ أَعْيُنٍ وَاجْعَلْنَا لِلْمُتَّقِينَ إِمَامًا’
 “โอ้พระผู้อภิบาลของเรา ขอทรงโปรดประทานแก่เราซึ่งคู่ครองและลูกหลาน ให้เป็นที่รื่นรมย์แก่สายตาของเรา
และขอทรงโปรดให้เราเป็นแบบอย่างแก่บรรดาผู้ยาเกรง”
(อัลฟุรกอน : ๗๔)

[หนังสืองานว่ะลีมมะฮตุ้นนิกาห์ ซอฟวัน-รอฮานี | นุรุดดีน | 23 มีนาคม 2556]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มี.ค. 29, 2013, 10:15 AM โดย - ครูจริงใจ- »

ท่าน ฮะซัน อัลบัศรีย์ (ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ) กล่าวว่า :
 
วัลลอฮฺ คนที่เป็นมุอฺมินจริงๆนั้น ท่านจะเห็นว่าเขาจะไม่ตำหนิใครเลยนอกจากตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด
จะคิดว่าตนคือผู้บกพร่องเสมอจะเสียใจ และโทษตนเอง ...แต่ คน ฟาญิร (ไม่ดี) จะกระทำโดยไม่สนใจสิ่งใดและไม่เคยโทษตนเอง..

ออฟไลน์ BasemDeen

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 260
  • Respect: +9
    • ดูรายละเอียด
Re: -บั น ทึ ก ๑ บ ร ร ทั ด-
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มี.ค. 29, 2013, 11:20 AM »
0
ว้าวววววววววว myGreat:

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: -บั น ทึ ก ๑ บ ร ร ทั ด-
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มี.ค. 30, 2013, 12:21 AM »
+1
เมื่อเราสามารถข้ามพ้นช่วงวัยรุ่นมาได้แล้ว...
เราจะรู้ว่า...การจะเลือกใครสักคนมาเป็นคู่ชีวิตนั้น
มิใช่เรื่องฉาบฉวยเลย...ยิ่งเราได้รู้ว่าการแต่งงานนั้น
มีเป้าหมายเพื่ออะไร...เราก็จะยิ่งคิด...

ข้าน้อยเป็นคนนึงที่พ่อกับแม่มักพูดให้จินตนาการถึงลูกของตัวเอง
เอาไว้...ว่าอยากได้ลูกแบบไหน...พ่อบอกว่าอยากได้ลูกแบบไหน
ก็จงเป็นคนแบบนั้น...และอยากให้ลูกปฏิบัติกับเราเช่นไร
ก็จงปฏิบัติกับพ่อแม่เช่นนั้น...นั่นเพราะ...ลูกเราไม่เหมือนเรา
ก็คงไม่ใช่ลูกเรา...

และหากเราเป็นคนดี ก็จงมั่นใจได้เลยว่า อัลลอฮฺจะส่งคนที่
เหมาะจะอยู่กับเรามาให้ในที่สุด...
แม้เราจะรู้สึกว่าเราซวยจริงๆที่ได้แต่งงานกับคนแบบนี้
เราไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเขาจะเป็นแบบนี้...
แต่พ่อกับแม่บอกว่า...คนเรานั้นสามารถเปลี่ยนแปลงกันได้
สำคัญก็คือ...เราเป็นคนดี เป็นที่รักของอัลลอฮฺหรือยัง...
หากเราทำหน้าที่ของลูกที่ดี ทำหน้าที่ของบ่าวที่ดี...
สิ่งดีๆจะบังเกิดขึ้นกับชีวิตของเราด้วยอนุมัติของอัลลอฮฺ...

ดัังนั้น...การวาดหวังว่าจะต้องได้คนหน้าตาดี ร่ำรวย
และเกิดมาจากตระกูลสูงส่งมีหน้ามีตา จึงมิใช่ปัจจัยสำคัญ
ในการจะทำให้ชีวิตคู่มีความสุขสงบ....
เพราะหากใจเราไม่สงบอยู่กับอัลลอฮฺ...ก็ยากที่เราจะมีความสุขสงบ
ไม่ว่าจะอยู่ ณ แห่งหนใด...

อัลลอฮฺจึงเป็นที่สุด...อัลลอฮฺทรงใหญ่สุด...

ยังบอกกับตัวเองทุกวันว่า....หากอัลลอฮฺมิให้เราได้เคียงคู่ใคร
ในดุนยานี้...อาคิเราะห์ยังมี...หากว่าเราได้เป็นชาวสวรรค์...

เคยบอกกับพ่อและแม่ว่า...หนูไม่ได้แค่อยากแต่งงานกับใครก็ได้
แต่อยากแต่งกับคนที่พร้อมจะเดินทางไปอาคิเราะห์ด้วยกันกับหนู
ช่วยดูแลกันและกัน จูงมือกันเพื่อข้ามผ่านดุนยาไปสู่อาคิเราะห์...
เพื่อจะได้อยู่ในสวนสวรรค์ของอัลลอฮฺด้วยกันนิรันดร...

และในชีวิตก็ได้เจอะเจอกับคนที่ดีแสนดีอยู่ประจำ
เพียงแต่คนที่เจอมานั้น...ไม่มีใครที่จะฝันตรงกันก็เท่านั้น...


พอได้อ่านเรื่องนี้แล้วโดนเลย...

ขอบคุณผู้นำเสนอค่ะ
ขออัลลอฮฺทรงตอบแทนนะคะ...

วัสลามค่ะ




"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ Hanata'

  • awan-pelangi (◕‿◕✿)
  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 146
  • เพศ: หญิง
  • Respect: +5
    • ดูรายละเอียด
Re: -บั น ทึ ก ๑ บ ร ร ทั ด-
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ก.ค. 30, 2013, 10:16 PM »
0

ไม่ว่าจะเป็นบทความที่หนึ่ง หรือ สอง

 ซึ้ง mycry และ สะกิดใจ  loveit: Nuda มากมายเลยค่ะ

jazakallahhukhairan สำหรับบทความดีดี  myGreat:
جاواهكن بالا       تتفكن ايمان      مورهكن رزقي

 

GoogleTagged