-1-
ผมเป็นลูกชายคนเล็กครับ มีพี่สาว ๑ คน อายุมากกว่าผม ๒ ปี พ่อจากเราไปตั้งแต่ผมอายุไม่ถึง ๑ ขวบเต็ม เราสองคนโตมาโดยมีแม่ที่เป็นทั้งพ่อและแม่ในเวลาเดียวกัน เลี้ยงดู อบรม สั่งสอน และปลูกฝังเรื่องศาสนามาตั้งแต่เราจำความได้ ชาวบ้านต่างชื่นชมว่าแม่เป็นหญิงเก่ง เลี้ยงลูกเพียงลำพังจนได้ดิบได้ดี แต่ลึกๆแล้วแม่ผมคงไม่ต้องการเป็นหญิงเก่งและมีชีวิตที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนโดยไร้คนเคียงคู่อย่างทุกวันนี้หรอก
แม่ผมรักพ่อมาก และรักลูกมากจริงๆ รักมากจนผมคิดว่า แม่รักตัวเองน้อยกว่ารักคนอื่นเสมอ ภาพของแม่ที่ผมเห็นตั้งแต่เล็กจนโต คือแม่เหนื่อย แม่ลำบาก และดิ้นรนเพื่อครอบครัวมาตลอด จะว่าไปแล้วธรรมชาติของผู้หญิงคือเพศที่อ่อนแอ ต้องการการดูแลและปกป้อง แต่ด้วยบริบทและสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของผม แม่ผมจึงทำเป็นอ่อนแอไม่ได้ แม้จะอ่อนแอแค่ไหน ผมรู้เสมอว่าแม่ผมเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ผู้หญิงที่คาดหวังต่อการปกป้อง ดูแล เลี้ยงดู และเอาใจใส่จากสามี เมื่อพ่อผมไม่อยู่แล้ว ผมซึ่งเป็นผู้ชายคนเดียวในบ้านจึงต้องทาหน้าที่แทนพ่อผมต่อผู้หญิงที่ผมรักทั้งสองคน
แม่ผมเป็นคนพูดน้อย การจากไปของพ่อคงสร้างความเจ็บปวดและสะเทือนใจกับแม่มาก ผมจึงไม่เคยได้ยินเรื่องราวของพ่อจากปากแม่เท่าไหร่ มีอยู่ครั้งหนึ่งเมื่อผมยังเด็ก ผมเคยถามแม่ไปว่า “ทำไมแม่ถึงไม่แต่งงานใหม่?” คำตอบที่ผมได้รับคือ แม่อยากมีพ่อเป็นสามีในสวรรค์ ผมไม่รู้หรอกครับว่าพ่อผมเป็นคนยังไง หรือดีแค่ไหน แต่พอเข้าใจได้ว่าเป็นคนดีทีเดียวละ เพราะคนดีอย่างแม่ผมอยากจะดูแลต่อและแม่ก็อยากมีพ่อดูแลแม่ในสวนสวรรค์เช่นกัน
-2-
เมื่อผมอายุ ๒๐ ปี อุสตาซที่ผมรักท่านหนึ่ง แนะนำให้ผมเขียนบันทึกถึงลูกของผม เข้าใจไม่ผิดหรอกครับ ท่านให้ผมเขียนถึงลูกของผมจริงๆ ทั้งที่ตอนนั้นผมยังไม่มีลูก และยังไม่รู้ว่าคู่ครองของผมอยู่ตรงส่วนไหนของโลกใบนี้ ผมจึงถามอุสตาซไปว่า ทำไมจึงให้ผมเขียนบันทึกถึงลูกผม ทั้งที่แม้แต่เรื่องคู่ครองเอง ก็ยังไม่มีอยู่ในความคิดของผมเลย
ณ ตอนนั้น อุสตาซตอบผมว่า มนุษย์ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อโดดเดี่ยวหรืออยู่เพียงลำพัง แต่อุสตาซเองก็ไม่อยากพูดเรื่องคู่ครองในเวลาที่ไม่เหมาะสมกับเด็กหนุ่มที่มิได้มีความสุกงอมทางความคิด เพราะการพูดเรื่องคู่ครองและการแต่งงานไม่ถูกกาลเทศะ มันจะทำให้หัวใจของเราว้าวุ่นได้ ผมก็เป็นเด็กหนุ่มนี่ครับ อุสตาซพูดเรื่องลูก นั่นก็หมายถึงการพูดเรื่องคู่ครองกลายๆ ซึ่งมันอาจจะทำให้ผมว้าวุ่น เปล่าเลย อุสตาซไม่ได้พูดเรื่องคู่ครอง อุสตาซพูดเรื่องครอบครัว จริงอยู่ว่าการสร้างครอบครัวนั้น ต้องเกิดจากการมีคู่ครอง แต่ชายหนุ่มและหญิงสาว มักเพ้อฝันเรื่องคู่ครอง เรื่องความรักเฉกเช่นคู่รักมากจนลืมเป้าหมายที่หนักแน่นกว่า นั่นคือการสร้างอุมมะฮฺ การสร้างครอบครัวเพื่อรับใช้อัลลอฮฺ เราจึงมักเจอคำถามที่ตื้นเขินจากชายหนุ่มว่า ผู้หญิงคนนั้นสวยแค่ไหน เธอหวานหรือเปล่าเจอคำถามจากหญิงสาวว่าผู้ชายคนนั้นคมเข้มไหม โรแมนติคมากหรือเปล่า อุสตาซไม่ได๎ปฏิเสธเรื่องความรู้สึกนะ มันเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ แต่มันจะไม่ใช่สาระที่สาคัญที่สุดที่ผู้ศรัทธามั่นจะไปมุ่งกับมัน จนกลายเป็นคนเพ้อเจ้อ เพ้อฝัน ที่จินตนาการแต่เรื่องหวานชื่นเหมือนคู่รักจนหัวใจมีปัญหาและฟุ้งซ่าน
-3-
“ภายใต้ความมุ่งหวังต่อการสร้างอุมมะฮฺเพื่ออัลลอฮฺ มันจะเป็นกรอบให้เธอเลือกคู่ครองด้วยศรัทธาและศาสนอย่างแท้จริง ที่อุสตาซให้เธอเขียนบันทึกถึงลูก ก็เพื่อให๎เธอมีความมุ่งมั่นต่อการเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่ออัลลอฮฺมากขึ้น เพื่อให้เธอตระหนักต่อการใช๎ชีวิตในหนทางที่ถูกต้องมากขึ้น เพื่อให้เธอมีแรงจูงใจต่อการเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกของเธอเอง เพราะแน่นอนเราไม่อาจเก็บดอกผลที่สมบูรณ์จากต้นที่เป็นโรค เมื่อเธอเป็นคนดี อัลลอฮฺก็จะส่งคู่ครองที่ดีให้ อินชาอัลลอฮฺ แม้การเขียนบันทึกถึงลูก มันอาจจะดูเหมือนเรื่องตลก และข้ามขั้นเรื่องคู่ครองไป แต่อุสตาซคิดว่ามันอาจจะทำให้เธอมีเป้าหมายและหนักแน่นต่อการรับใช้อัลลอฮฺมากขึ้น เพราะเมื่อเธอเขียนถึงลูกและความคาดหวังต่อลูก มันก็คือการตอกย้ำต่อตัวเธอเองว่าเธอต้องเป็นอย่างนั้นเช่นกัน” “ญะซากัลลอฮุค็อยร็อนอุสตาซครับ” หลังสิ้นคาแนะนำ ของอุสตาซจนบัดนี้ ผมยังไม่เคยเขียนบันทึกถึงลูกผมหรอกครับ ผมเขียนเพียงถ้อยคำสั้นๆ ไว้ในกระดาษ มันไม่ได้เป็นบันทึก แต่เป็นข้อเตือนใจให้ผม ซึ่งเขียนติดไว้ในตาแหน่งที่มองเห็นได้ทุกวันก่อนออกจากบ้านและกลับมา ข้อความที่ว่า
“แน่นอนเราไม่อาจเก็บดอกผลที่สมบูรณ์จากต้นที่เป็นโรค” ยังคงดังในโสตประสาทและหนักแน่นอยู่ในใจผมเรื่อยมา
-จบ-
ตอนนี้ผมเป็นชายวัยกลางคนที่มีครอบครัวแล้ว เราได้รับความเมตตาจากอัลลอฮฺมากมาย ผมพยายามทำหน้าที่อันมีเกียรติของผู้เป็นพ่อและสามีอย่างดีที่สุด นี่คืออะมานะฮฺที่ยิ่งใหญ่ ถ้าผมต้องจากไปก่อน ก็ยังอยากได๎รับเกียรตินี้อีกครั้งในสวรรค์ อินชาอัลลอฮฺ ผมอยากให้ภรรยาของผมตอบเหมือนแม่ของผม เมื่อครั้งที่ผมถามแม่วำ ทำไมแม่ไม่แต่งงานใหม่!
‘رَبَّنَا هَبْ لَنَا مِنْ أَزْوَاجِنَا وَذُرِّيَّاتِنَا قُرَّةَ أَعْيُنٍ وَاجْعَلْنَا لِلْمُتَّقِينَ إِمَامًا’
“โอ้พระผู้อภิบาลของเรา ขอทรงโปรดประทานแก่เราซึ่งคู่ครองและลูกหลาน ให้เป็นที่รื่นรมย์แก่สายตาของเรา
และขอทรงโปรดให้เราเป็นแบบอย่างแก่บรรดาผู้ยาเกรง”
(อัลฟุรกอน : ๗๔)
[หนังสืองานว่ะลีมมะฮตุ้นนิกาห์ ซอฟวัน-รอฮานี | นุรุดดีน | 23 มีนาคม 2556]