ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 17 อัลอิสรออ์ หรือ บะนีอิสรออีล  (อ่าน 5439 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลอิสรออ์ อายะฮฺที่ 50 - 52


คำแปล R1.
50. Say (O Muhammad) "Be you stones or iron,"
51. "Or some created thing that is yet greater (or harder) in your breasts (thoughts to be resurrected, even then you shall be resurrected)" then, they will say: "Who shall bring us back (to life)?" say: "He who created you first!" then, they will shake their heads at You and say: "When will that be?" say: "Perhaps it is near!"
52. On the day when He will call you, and you will answer (His Call) with (words of) his praise and obedience, and you will think that you have stayed (in this world) but a little while!


คำแปล R2.
50. จงประกาศเถิด! “พวกท่านจงเป็นหินหรือเป็นเหล็กเสียเถิด”
51. หรือจงเป็นสิ่งถูกสร้างอันใดก็ตามจากสิ่งที่รู้สึกเป็นเรื่องใหญ่ในหัวอกของพวกเจ้า(ต่อการที่มันจะฟื้นขึ้นมาอีกได้ เช่น ฟ้า เป็นต้น) แต่ต่อไปไม่นานสิ่งเหล่านั้นก็จะถามว่า “ใครหนอที่ให้พวกเรากลับ(มามีชีวิตอีก)?” จงตอบเถิด “พระผู้ทรงเนรมิตพวกเจ้ามาแต่ครั้งแรกเริ่มนั่นเอง” แล้วพวกนั้นก็จะส่ายศีรษะด้วยความดูถูกเจ้าพร้อมกับถามว่า “แล้วมันจะอุบัติขึ้นเมื่อใดเล่า?” จงตอบเถิด “มันอาจจะอุบัติขึ้นในเวลาใกล้ ไ นี้ก็ได้”
52. ในวันซึ่งพระองค์ทรงเรียกพวกเจ้า แล้วพวกเจ้าก็ตอบรับด้วยการสรรเสริญพระองค์ และพวกเจ้าคิดว่าพวกเจ้ามิได้อาศัยอยู่(ในโลกดุนยาช้านานเท่าใดเลย)นอกจาก(เป็นเวลา)เพียงเล็กน้อยเท่านั้น


คำแปล R3.
50.จงบอกพวกเขาเถิดว่า “แม้พวกท่านจะเป็นหินหรือเหล็ก
51’ หรือแม้แต่สิ่งที่แข็งกว่านี้ ซึ่งพวกท่านคิดอยู่ในหัวอกว่าไม่อาจจะถูกทำให้เกิดขึ้นใหม่อีกได้ก็ตาม” แล้วพวกเขาจะถามว่า “ใครเล่าที่จะนำเรากลับมามีชีวิตอีก?” จงบอกพวกเขาว่า “ก็พระองค์ผู้ทรงทำให้พวกท่านมีชีวิตขึ้นในครั้งแรกไงเล่า” แล้วพวกเขาก็จะส่ายหัวแก่เจ้าและถามว่า “แล้วเมื่อไหร่มันจะเกิดขึ้น?” จงบอกพวกเขาว่า “บางทีมันอาจจะเร็ว ๆ นี้ก็ได้
52. วันนั้น เมื่อพระองค์เรียกพวกท่าน พวกท่านก็จะสนองตอบด้วยการลุกขึ้นและสรรเสริญพระองค์ และพวกท่านจะคิดว่าพวกท่านอยู่ในสภาวะเช่นนี้เพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น”


คำแปล R4.
50. จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด หากพวกท่านเป็นหินหรือเหล็ก
51. หรือกำเนิดใดจากที่แข็งยิ่งในหัวอกของพวกท่านก็ตาม ดังนั้นพวกเขาจะกล่าวว่า ผู้ใดเล่าจะให้เรากลับขึ้นมาอีก? จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด พระองค์ผู้ทรงบังเกิดพวกท่านเป็นครั้งแรก แล้วพวกเขาก็สั่นศีรษะของพวกเขาแก่เจ้าพลางกล่าวว่า เมื่อใดเล่า? จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด หวังว่ามันใกล้เข้ามาแล้ว
52. วันที่พระองค์จะทรงเรียกร้องพวกเจ้าและพวกเจ้าจะตอบสนองด้วยการสรรเสริญพระองค์และพวกเจ้าจะนึกว่ามิได้อยู่ (ในโลกนี้) เว้นแต่เพียงชั่วครู่เท่านั้น


คำแปล R5.
๕๐. โอ้มุฮำมัด จงกล่าวเถิดแก่เหล่าชนผู้ปฏิเสธเรื่องการฟื้นคืนชีพใหม่จากสุสานว่าพวกเจ้าจงเป็นหินหรือเหล็ก
๕๑. หรือจงเป็นสิ่งถูกสร้างใด ๆ ก็ได้ เช่น ภูเขา ชั้นฟ้าและแผ่นดิน อันเป็นที่ยากยิ่งในหัวอกของพวกเจ้าที่คิดว่าสิ่งนั้น ๆ จะถูกประจุชีวิตไม่ได้ แปลว่า หากพวกเจ้าถูกให้กลายเป็นสิ่งใด เช่น เป็นหินหรือเหล็กเป็นต้น ที่พวกเจ้าเองก็หนักใจ หินหรือเหล็กนั้นยังห่างต่อการคืนชีพได้ยิ่งนักแล้วไซร้อัลเลาะห์ก็ทรงให้ชีวิตขึ้นได้แก่พวกเจ้าทั้งที่มีสภาพเป็นหินหรือเหล็ก ? ทั้งนี้เพราะไม่มีเลยแม้สักสิ่งเดียวที่บังอาจฝืนพลานุภาพของพระองค์ นับประสาอะไรกับกระดูกและส่วนที่เปื่อยเป็นผุยผงของพวกเจ้า ไม่ช้าดอกพวกเหล่านั้นจะเอ่ยถามว่า ใครเป็นผู้นำพวกเราคืนมามีชีพดังเดิม ? เจ้าจงบอกแก่พวกเหล่านั้นเถิด อัลเลาะห์ผู้ทรงสร้างพวกเจ้าแต่หนแรกจากที่พวกเจ้ายังมิได้มีอะไรเลยนั่นแหละ เป็นผู้ให้พวกเจ้าคืนชีพมาอีก เพราะว่าผู้ทรงมีพลานุภาพในการสร้างแต่แรกนั้นย่อมมีพลานุภาพในการคืนชีพซึ่งง่ายกว่าได้แน่นอน แล้วอีกไม่ช้าพวกเหล่านั้นจะส่ายหัวให้แก่เจ้าเพราะซาบซึ้งในความอัศจรรย์พลางถามในเชิงเย้ยหยันด้วย และฉงนด้วยว่า แล้วเรื่องการคืนชีพจากสุสานนี้เมื่อไรจะมี ? เจ้าจงกล่าวเถิดแก่พวกเหล่านั้น หวังใจว่าการกำเนิดชีวิตใหม่จากสุสานนั้นจวนจะเกิดขึ้นอยู่แล้ว
๕๒. ในวันที่พระองค์ทรงเรียกพวกเจ้าให้อุบัติขึ้นจากสุสานโดยมีอิสรอฟีลเป็นผู้เป่าประจุชีพอีกหนหนึ่ง แล้วพวกเจ้าจะตอบรับคำประกาศเรียกของพระองค์ให้พวกเจ้าฟื้นคืนชีพจากสุสาน ตามพระบัญชาของพระองค์ ทั้งพวกเจ้ายังคาดคิดว่าตนนั้นได้มีชีวิตอยู่ในภพดุนยาไม่นานเลย ทั้งนี้เกิดแต่เหตุที่พวกเจ้ากำลังแลเห็นความโกลาหลอยู่นั้น


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลอิสรออ์ อายะฮฺที่ 56 - 59


คำแปล R1.
56. Say (O Muhammad): "Call unto those besides him whom you pretend [to be gods like angels, Iesa (Jesus), 'Uzair (Ezra), etc.]. they have neither the power to remove the adversity from you nor even to shift it from you to another person."
57. Those whom they call upon [like 'Iesa (Jesus) - son of Maryam (Mary), 'Uzair (Ezra), angel, etc.] desire (for themselves) means of access to their Lord (Allah), as to which of them should be the nearest and they ['Iesa (Jesus), 'Uzair (Ezra), angels, etc.] hope for his Mercy and fear his torment. Verily, the torment of your Lord is something to be afraid of!
58. And there is not a town (population) but we shall destroy it before the Day of Resurrection, or punish it with a severe torment. That is written in the Book (of Our Decrees)
59. And nothing stops us from sending the Ayat (proofs, evidences, signs) but that the people of old denied them. and we sent the she-camel to Thamud as a clear sign, but they did her wrong. and we sent not the signs except to warn, and to make them afraid (of destruction).


คำแปล R2.
56. จงประกาศเถิด! พวกท่านจงเรียกร้องบรรดาผู้ที่พวกเจ้าคาดคิด(ว่าเป็นพระเจ้า ไม่ว่ามลาอิกะฮฺหรืออีซาหรืออุไซ้ร์)นอกเหนือจากพระองค์(อัลเลาะฮฺ)เถิด แต่พวกนั้นไม่มีอำนาจคลี่คลายเภทภัยจากพวกเจ้าได้ และ(ไม่มีอำนาจ)ผันแปรเภทภัยนั้น
57. พวกเหล่านั้นเองก็ยังเรียกร้องอีกทั้งแสวงหาสิ่งที่จะนำสู่องค์อภิบาลของพวกเขาเองว่าผู้ใดจากพวกเขาที่ใกล้ชิดที่สุด(ต่อองค์อภิบาล) และพวกเขาก็ยังหวังความเมตตาของพระองค์และกลัวการลงโทษของพระองค์ แท้จริงการลงโทษขององค์อภิบาลของเจ้านั้นเป็นสิ่งที่น่ากลัวยิ่งนัก
58. และไม่ว่าจะเป็นเมืองใดก็ตาม(ที่ชาวเมืองประพฤติความชั่วช้าและเนรคุณ)นอกจากเราจะทำลายล้างมัน(ชาวเมืองนั้น) ก่อนถึงวันชาติหน้า หรือทำการลงโทษมันอย่างร้ายแรง สิ่งนั้นมีลิขิตไว้แล้วในแผ่นบันทึก
59. และไม่อาจห้ามเราได้ การที่เราจะส่งสัญญาณ(ปาฏิหาริย์)ต่าง ๆ (ให้อุบัติขึ้น)นอกจากบรรพชนได้กล่าวหาสัญญาณ(ในทำนองเดียวกันนั้น)เป็นเรื่องเท็จ(ที่อุบัติขึ้นไม่ได้) และเราได้ให้มีอูฐตัวเมียปรากฏขึ้น(เป็นปาฏิหาริย์แก่นบีซอลิหฺใน)พวกสะมูดเพื่อเป็นเครื่องตริตรอง แต่แล้วพวกนั้นกลับทุจริตต่อสิ่งนั้น(ด้วยการฆ่ามัน แล้วพวกเขาก็ถูกทำลายล้าง) และเรามิได้ส่งบรรดาสัญญาณต่าง ๆ (ให้ปรากฏขึ้นเพื่ออื่นใดเลย)นอกจากเพื่อเตือนให้ขยาดกลัว


คำแปล R3.
56. จงกล่าวแก่พวกเขาว่า “พวกท่านขอความช่วยเหลือต่อพระเจ้าทั้งหลายที่พวกท่านถือว่าเป็น(ผู้ช่วยเหลือของพวกท่าน) อื่นไปจากอัลลอฮฺ แต่พวกมันไม่สามารถที่จะปลดเปลื้องความทุกข์ยากลำบากของพวกท่านหรือเปลี่ยนแปลงมันได้
57. แท้จริงแล้ว บรรดาที่พวกเขาเรียกร้องขอความช่วยเหลือก็หาทางเข้าไปหาพระผู้อภิบาลของมันและแข่งขันกันที่จะเข้าใกล้อัลลอฮฺโดยหวังในความเมตตาของพระองค์และกลัวการลงโทษของพระองค์ แท้จริงการลงโทษของพระผู้อภิบาลของสูเจ้านั้นเป็นที่น่าสะพรึงกลัว
58. ไม่มีเมืองไหนที่เราจะไม่ทำลายก่อนวันฟื้นคืนชีพหรือลงโทษด้วยความรุนแรง นี่ได้ถูกลิขิตเอาไว้แล้วในบันทึกอันนิรันดร
59. และไม่มีสิ่งใดที่จะยับยั้งเราจากการสงสัญญาณต่าง ๆ ได้นอกจากคนรุ่นก่อนได้ปฏิเสธที่จะยอมรับมัน (ตัวอย่างเช่น) เราได้ส่งอูฐตัวเมียมาเป็นสัญญาณต่อพวกษะมูด แต่พวกเขาได้ปฏิบัติต่อมันอย่างเหี้ยมโหด ในขณะที่เราได้ส่งสัญญาณต่าง ๆ มาเพื่อเป็นการเตือน


คำแปล R4.
56. จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด พวกท่านจงเรียกร้องบรรดาสิ่งที่พวกท่านกล่าวอ้างอื่นจากพระองค์ พวกมันไม่มีอำนาจที่จะปลดเปลื้องความทุกข์ยากและเปลี่ยนแปลงมันจากพวกท่านได้
57. เหล่านั้นที่พวกเขาวิงวอนนั้น พวกมันก็ยังหวังที่จะหาทางเข้าสู่พระเจ้าของพวกมันว่า ผู้ใดในหมู่พวกมันจะเข้าใกล้ที่สุดและพวกมันยังหวังในความเมตตาของพระองค์ และกลัวการลงโทษของพระองค์ แท้จริงการลงโทษของพระเจ้าของเจ้านั้นควรน่าระวัง
58. และไม่มีหมู่บ้านใดเว้นแต่เราเป็นผู้ทำลายมันก่อนถึงวันกิยามะฮ หรือเป็นผู้ลงโทษมันด้วยการลงโทษอย่างสาหัส นั่นมันได้ถูกบันทึกไว้แล้วในบันทึก
59. ไม่มีสิ่งใดยับยั้งเราโดยที่เราจะส่งสัญญาณต่าง ๆ เว้นแต่ว่าพวกสมัยก่อน ๆ ได้ปฏิเสธมัน และเราได้ให้อูฐตัวเมียเป็นที่ประจักษ์แจ้งแก่พวกษะมู แต่พวกเขาได้ทารุณมัน และเรามิได้ส่งสัญญาณต่างๆ เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเป็นการเตือนสำทับเท่านั้น


คำแปล R5.
๕๖. โอ้ มุฮำมัด เจ้าจงกล่าวเถิด ทั้งแก่พวกยะฮูดีและนะซอรอว่า พวกเจ้าจงเรียกหาซิ บรรดาผู้ที่มิใช่ข้า จะเป็นมลาอิกะห์ก็ได้ และอุไซร์ก็ได้ ที่พวกเจ้าครุ่นคิดถึงเขาว่าเป็นพระเจ้า พวกนั้นก็ไม่สามารถจะขจัดภัยให้ปลอดจากพวกเจ้าได้ และไม่ได้แม้กระทั่งจะผลักให้พ้นไปตกแก่ผู้ที่นอกจากพวกเจ้า
๕๗. พวกนั้น (มลาอิกะห์ อีซา และอุไซร์) เองยังต้องเรียกหา ยังหวังอยู่ว่าในหมู่ของพวกตนนั้นใครจะเข้าชิดถึงอัลเลาะห์ องค์พระผู้อภิบาลของตนยิ่งกว่ากัน และยังมั่นหมายในความโปรดปรานีของพระองค์ด้วย ซ้ำยังกลัวการลงโทษทัณฑ์จากพระองค์อีก ไฉนถึงพวกเจ้าจะเรียกหาเอาพวกเขาเหล่านั้นเป็นเจ้า แน่แท้ โทษทัณฑ์จากอัลเลาะห์ องค์พระผู้อภิบาลแห่งเจ้า (มุฮำมัด) นั้นน่าครั่นคร้ามนัก
๕๘. และมีอยู่แว่นแคว้นหนึ่งเท่านั้นที่เรา(อัลเลาะห์) มุ่งประสงค์จะทำลายล้างประชาชนแห่งแว่นแคว้นนั้นที่เป็นคนดีให้ตายลงสิ้นก่อนถึงวันกิยามะห์ก็มี หรือที่เราประสงค์จะลงโทษอย่างรุนแรง แก่ผู้ชั่วช้าด้วยถูกฆ่า ถูกจับเป็นเชลยหรืออื่น ๆ ก็มี ข้อที่ทรงเอาชีวิตก็ดี หรือทรงเอาโทษด้วยประการทั้งปวงที่กล่าวนี้ย่อมมีบันทึกอยู่แล้วในสารบบแห่งแผ่นทะเบียนเดิม (เลาหุลมะห์ฟูต)ที่แขวน ณ ใต้ฟ้าชั้นเก้า

มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ มีว่า ชนชาวนครมักกะห์กล่าวท้าทายท่านนบัมุฮำมัด ซล. ให้แปรสภาพภูเขาเป็นทองคำ หรือให้เลื่อนภูเขาซ่อฟาไปเสียให้พ้นจากที่ เพื่อพวกเขาจะได้ทำการเพาะปลูกพืชพันธุ์ลงแทน ณ ที่นั้นพวกเขาบอกว่า ถ้าท่านทำตามประสงค์ของพวกเราได้แล้ว พวกเราจะยอมเชื่อตามท่าน ฝ่ายท่าน นบีมุฮำมัด ก็ขอวิงวอนต่ออัลเลาะห์ให้การเป็นไปตามที่พวกชาวมักกะห์เรียกร้อง อัลเลาะห์ตรัสแก่มุฮำมัด ซล.ว่า “เราจะกระทำตามที่พวกนี้เรียกร้องก็ได้” แต่พวกนี้ไม่ยอมเชื่อดอก เราก็จำต้องลงโทษด้วยการล้างชาติพันธุ์พวกนี้เสียตามธรรมเนียมที่เราเคยกระทำมาแล้วกับบรรพชนชาวมักกะห์ แต่เรานี้มิได้ปรารถนาจะล้างชาติพันธุ์ชาวมักกะห์เลย เพราะในภายหน้าจะมีชนบางเหล่ายอมศรัทธา และอีกบางเหล่าที่เป็นบุตรหลานของเหล่าผู้มีศรัทธานั้นก็จะมีศรัทธาด้วย ศรัทธาชนนี้แหละที่จะช่วยเหลือเจ้าในกาลภายหน้า แวกิจการของเจ้าก็จะบรรลุผลสำเร็จ โองการมีลงมาว่า
๕๙. ย่อมไม่เป็นอุปสรรคแก่เรา(อัลเลาะห์) ในอันที่เราจะลงสัญญาณต่าง ๆ มาแก่ชนชาวนครมักกะห์ ตามที่เรียกร้องนอกจากเหล่าชนมักกะห์ยุคก่อน ๆ เท่านั้น ที่พวกเขาพยายามเรียกร้องจะให้มีสัญญาณขึ้นแก่พวกเขา ครั้นเมื่อเรา (อัลเลาะห์) ได้ลงสัญญาณมาแล้ว พวกเขา ต่างหาว่าเรื่องสัญญาณนั้นเป็นเท็จ และเราก็ได้ลงโทษล้างชาติพันธุ์พวกเขามาแล้ว ฉะนั้นในครั้งนี้ เราจะลงสัญญาณใดมาแก่ชาวนครมักกะห์ก็ได้ แต่ถ้าชาวนครมักกะห์หาว่าสัญญาณที่ลงมาเป็นเท็จ เราก็ต้องชาติพันธุ์พวกเขานี้อีกเช่นกัน เรานี้จะผ่อนเวลาให้ยาวนานออกไปสำหรับพวกเขา เพราะในอนาคตพวกเขาบางคนที่เชื่อมุฮำมัดก็มี ซึ่งพวกเขาย่อมจะมีบุตรหลานเป็นชนผู้มีศรัทธา กลุ่มชนผู้มีศรัทธา(มุอ์มิน)เหล่านี้เอง จะช่วยเหลือมุฮำมัด แล้วกิจการทั้งสิ้นของมุฮำมัดย่อมจะสำเร็จประสงค์ได้ ทั้งเรา(อัลเลาะห์) ก็เคยได้นำอูฐตัวเมียมาสู่ซอลิห์ผู้เป็นศาสนทูตของพวกซะมู๊ดไว้เป็นสิ่งแปลกตาแล้วด้วย อันอูฐนั้นผลุดออกจากเนื้อแข็งแท่งหินก้อนเขื่องได้ เป็นปรากฏการณ์ที่ประหลาด ชี้ถึงความเป็นศาสนทูตแท้ของซอลิห์ แต่พวกเขากลับปฏิเสธสัญญาณแห่งอูฐตัวเมียนั้นเสีย ดังนั้นพวกซะมู๊ดผู้ซึ่งเป็นประชาชนของซอลิห์จึงถูกล้างชาติพันธุ์สูญสิ้นไป เรานั้นมิได้ลงสัญญาณต่าง ๆ มาเพื่ออะไร หากแต่เพียงให้ขยาดกลัว เพื่อชนทั้งหลายจะได้เกิดศรัทธาเท่านั้น

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลอิสรออ์ อายะฮฺที่ 60 - 63


คำแปล R1.
60. And (remember) when we told you: "Verily! Your Lord has encompassed mankind (i.e. they are in his Grip)." And we made not the vision which we showed you (O Muhammad as an actual eye-witness and not as a dream on the night of Al-Isra') but a trial for mankind, and likewise the accursed tree (Zaqqum, mentioned) in the Qur'an. We warn and make them afraid but it only increases them in naught save great disbelief, oppression and disobedience to Allah.
61. And (remember) when we said to the angels: "Prostrate unto Adam." they prostrated except Iblis (Satan). He said: "Shall I prostrate to one whom you created from clay?"
62. [Iblis (Satan)] said: "See? This one whom you have honoured above me, if you give me respite (keep me alive) to the Day of Resurrection, I will surely seize and mislead his offspring (by sending them astray) all but a few!"
63. (Allah) said: "Go, and whosoever of them follows you, Surely! Hell will be the recompense of you (all) an ample recompense.


คำแปล R2.
60. และเมื่อครั้งที่เราได้ดลใจเจ้าว่า แท้จริงองค์อภิบาลของเจ้านั้นได้แวดล้อมมวลมนุษย์ไว้(ด้วยอำนาจและความรอบรู้)” และเรามิได้ดลบันดาลปรากฏการณ์ (แห่งค่ำเมียะรอจ)อันทำให้เจ้าได้มองเห็น(ความมหัศจรรย์ต่าง ๆ เพื่อประโยชน์อื่นใดทั้งสิ้น)นอกจากเป็นข้อทดสอบหนึ่งสำหรับมวลมนุษย์ และ (เราได้ดลบันดาลให้มี)ต้นไม้ที่ถูกสาปแช่งไว้ในอัลกุรอาน(คือต้นซากูม ซึ่งอยู่ในนรกดังมีระบุใน 37/62 และ 44/43 ให้เป็นข้อทดสอบเช่นเดียวกัน) และเราเตือนพวกเขาให้หวั่นกลัว(ในอาญาสิทธิ์ของเรา)แต่มิได้เพิ่มพูนสิ่งใดแก่พวกเขาทั้งสิ้นนอกจากความล่วงละเมิดอันใหญ่หลวงเท่านั้น
61. และเมื่อครั้งที่เราได้รับสั่งแก่มลาอิกะฮฺ”พวกเจ้าจงน้อมคารวะต่ออาดัมเถิด!” พวกเหล่านั้นก็น้อมคารวะเป็นอันดีนอกจากอิบลีส มันกล่าว(แย้ง)ว่า “จะให้ข้าพเจ้าน้อมคารวะต่อผู้ที่พระองค์ได้สร้างมาจากดินกระนั้นหรือ?”
62. มันกล่าวว่า “พระองค์ทรงเห็นประการใด)โปรดบอกข้าพเจ้าด้วย)เกี่ยวกับ(อาดัม)ผู้นี้ซึ่งพระองค์ได้ยกย่องเขาให้เหนือกว่าข้าพเจ้า ขอสาบาน! หากแม้นพระองค์เนิ่นเวลาแก่ข้าพเจ้าจวบถึงวันชาติหน้า แน่นอนข้าพเจ้าจะหลอกลวงเผ่าพันธุ์ของเขา(ให้หลงทางให้จงได้) นอกจากจำนวนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
63. (อัลเลาะฮฺตรัสแก่อิบลีสว่า) “เจ้าจงไปเสียเถิด (จากสวรรค์และอยู่ไปจวบถึงวันนั้นตามที่เจ้าขอ) แล้วผู้ใดก็ตามจากพวกเขา(เผ่าพันธุ์ของอาดัม)ได้ประพฤติตามเจ้า แน่นอน นรกยะฮันนัมจะเป็นสิ่งตอบแทนพวกเจ้า(และพวกนั้น)อย่างครบครัน”


คำแปล R3.
60. และ(มุฮัมมัด)จงนึกถึงเมื่อตอนที่เราได้บอกเจ้าตั้งแต่แรกว่าพระผู้อภิบาลของเจ้าได้ทรงล้อมผู้คนเหล่านี้ไว้ และเราได้ทำสิ่งที่เราได้แสดงแก่เจ้านี้ และต้นไม้ที่ถูกสาปแช่งในกุรอาน เป็นเครื่องทดสอบสำหรับคนเหล่านี้ เราได้เตือนพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่การเตือนแต่ละครั้งก็จะมีแต่ทำให้พวกเขาดื้อรั้นยิ่งขึ้น
61. และจงจำเมื่อตอนที่เราได้บัญชาแก่บรรดามลาอิกะฮฺว่า “จงนบนอบต่ออาดัม” ทั้งหมดต่างก็นบนอบนอกจากอิบลีส มันได้ตอบว่า “จะให้ฉันนบนอบต่อผู้ที่พระองค์ทรงสร้างมาจากดินกระนั้นหรือ?”
62. แล้วมันก็กล่าวอีกว่า “พระองค์ทรงพิจารณาดูหน่อยซิ นี่นะหรือที่พระองค์ทรงยกย่องให้เหนือกว่าฉัน? ถ้าหากพระองค์ทรงผ่อนปรนเวลาให้แก่ฉันไปจนถึงวันแห่งการฟื้นขึ้น ฉันจะทำลายพงศ์พันธุ์ของเขาให้หมดสิ้น จะมีก็แต่เพียงน้อยนิดเท่านั้นที่สามารถช่วยตัวเองให้ปลอดภัยไปจากฉันได้”
63. อัลลอฮฺได้ทรงกล่าวว่า “ จงออกไปให้พ้น นรกเป็นรางวัลอย่างพร้อมสรรพแล้วสำหรับสูเจ้าและผู้ปฏิบัติตามสูเจ้า


คำแปล R4.
60. และจงรำลึกเมื่อเรากล่าวแก่เจ้าว่า แท้จริงพระเจ้าของเจ้าทรงรอบรู้ในเรื่องของมนุษย์และมิได้ทำให้การฝันซึ่งเราได้เจ้าเห็นเพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเป็นการทดสอบแก่มนุษย์ และต้นไม้ (ซักกูม) ที่ถูกสาปในอัลกุรอาน และเราได้ทำให้พวกเขาหวาดกลัว ดังนั้น มันมิได้เพิ่มสิ่งใดแก่พวกเขา นอกจากการดื้อรั้นมาก
61. และจงรำลึกเมื่อเรากล่าวแก่มะลาอิกะฮว่า จงสุญูดต่ออาดัม ดังนั้นพวกเขาได้สุญูดเว้นแต่อิบลีส มันกล่าวว่า ฉันจะสุญูดต่อผู้ที่พระองค์ทรงสร้างจากดินกระนั้นหรือ
62. มันกล่าวว่า พระองค์ทรงเห็นแล้วมิใช่หรือ เขาผู้นี้ที่พระองค์ทรงให้เกียรติมากกว่าฉันหากพระองค์ทรงโปรดประวิงเวลาแก่ฉันจนถึงวันกิยามะฮ แน่นอนฉันจะทำลายล้างลูกหลานของเขาให้หมดสิ้น เว้นแต่เพียงเล็กน้อย
63. พระองค์ตรัสว่า เจ้าจงไปให้พ้น  ดังนั้นผู้ใดในหมู่พวกเขาปฏิบัติตามเจ้า แท้จริงนรกคือการตอบแทนของพวกเจ้า.เป็นการตอบแทนที่สมบูรณ์


คำแปล R5.
๖๐. โอ้ มุฮำมัด จงกล่าวเพื่อเป็นคติธรรมสำหรับประชาชนของเจ้าให้ทราบถึงในขณะที่เรา (อัลเลาะห์) บอกแก่เจ้าว่าแท้จริงองค์พระผู้อภิบาลแห่งเจ้าทรงมีพลานุภาพและความรอบรู้สกัดล้อมเหล่าชนชาวกุรอยช์อยู่แล้ว กล่าวคือทรงให้เหล่าชนชาวกุรอยช์มักกะห์ตกอยู่ในอำนาจของพระองค์ มุฮำมัดเอ๋ย จงบอกแก่คณะชนในสกุลกุรอยช์ชาวมักกะห์ให้รู้ตัวไว้ด้วย เจ้าอย่ากลัวคนใดเลย พระองค์นี้แหละทรงเป็นองค์คุ้มครองตัวเจ้าให้รอดพ้นการถูกพวกกุรอยช์ลอบสังหาร แต่ในชั้นแค่เจ้าจะถูกข่มเหงรังแกและก่อให้เจ้าได้รับความเดือดร้อนอยู่บ่อย ๆ นั้น เราจะเฉยไว้เพราะเป็นเรื่องจิปาถะ และนอกจากปรากฏการณ์ต่าง ๆ กับปรากฏการณ์เกี่ยวกับต้นไม้มหาภัย ที่ขึ้นอยู่ก้นบึ้งแห่งขุมนรก อันมีบ่งอยู่ในพระคัมภีร์อัล-กุรอาน ซึ่งเจ้าได้แลเห็นมาด้วยสายตาตัวเองขณะขึ้นสู่ฟ้าในราตรีแห่งการเดินทางของเจ้าจากมัสยิดอัล-หะรอมไปยังมัสยิดอัล-อักซอ แล้วเรา(อัลเลาะห์) ยังบันดาลให้เจ้าได้แลเห็นความว้าวุ่นของปวงชนชาวนครมักกะห์ ผู้ปฏิเสธหาว่าเป็นปรากฏการณ์เท็จ ๆ อีกด้วย เช่น ปรากฏการณ์เกี่ยวกับต้นไม้หมาภัยในนรก พวกนี้กลับหาว่าเป็นไฟไหม้ต้นไม้ ดังนั้นในเมื่อมุฮำมัดแจ้งถึงปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่ตนเองไปเห็นมาให้ชาวมักกะห์ทราบ ชาวมักกะห์บางกลุ่มถึงกลับสละคืนจากความนับถือในพระศาสดามุฮำมัด หันมาเคารพสักการะเทวรูปทันที ทั้งเรา(อัลเลาะห์) จะกระทำให้พวกเขาหวั่นกลัวต้นไม้มหาภัยนั้นด้วย แต่การกระทำของเรานี้หาได้ซ้ำเติมสิ่งใดแก่พวกเขาไม่ นอกจากยิ่งไร้ศรัทธาอย่างร้ายแรง
๖๑. และ โอ้มุฮำมัด จงกล่าวเพื่อเป็นคติธรรมแก่ประชาชนของเจ้าให้ทราบถึงขณะที่เรา (อัลเลาะห์) บอกแก่เหล่ามลาอิกะห์ว่า พวกเจ้าจงโค้งศีรษะคำนับอาดำเถิด พวกมลาอิกะห์เหล่านั้นก็โค้งคำนับแสดงความเคารพอาดำ เว้นแต่อิบลีส มัน(อิบลีส) บอกว่า มิเป็นการสมควรที่ฉันต้องโค้งคำนับให้แก่อาดำ ผู้ที่พระองค์ทรงสร้างเขาขึ้นมาจากดิน
๖๒. มัน(อิบลีส) กล่าวว่า ขอพระองค์จงบอกแก่ฉันให้ทราบถึงชาย(อาดำ) ผู้นี้ซิ ที่พระองค์ทรงยกย่องเหนือกว่าฉัน โดยทรงบัญชาใช้ให้ต้องโค้งคำนับเขา ก็ฉันนี้ประเสริฐกว่าเขายิ่งนัก ด้วยว่าพระองค์ทรงสร้างฉันขึ้นจากไฟ ซึ่งดีเลิศกว่าดินเป็นไหน ๆ ขอกล่าวโดยจริงว่าถ้าพระองค์จะทรงประวิงกาลให้ฉันไว้จนถึงวันกิยามะห์ ฉันจักลวงอนุชนของเขา(อาดำ)ทั้งสิ้นให้หลงงมงายจนได้ ยกเว้นแต่บางคนที่พระองค์ทรงคุ้มรักษาไว้เท่านั้น อันมีเหล่าศาสดาเป็นต้น
๖๓. พระองค์ตรัสแก่อิบลีสว่า เจ้าจงลงไปรออยู่จนกว่าจะถึงวาระแห่งการเป่าสังข์ครั้งแรก แล้วถ้าผู้ใดในหมู่ของพวก(อนุชนของอาดำ) นั้นยอมตามเจ้า แน่นอนนรกยะฮันนำคือค่าตอบแทนสำหรับเจ้าและพรรคพวกของเจ้า เป็นค่าตอบแทนที่ครบครัน


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลอิสรออ์ อายะฮฺที่ 64 - 65


คำแปล R1.
64. "And Istafziz [literally means: befool them gradually] those whom you can among them with your voice (i.e. songs, music, and any other call for Allah's disobedience), make assaults on them with your cavalry and your infantry, mutually share with them wealth and children (by tempting them to earn money by illegal ways usury, etc., or by committing illegal sexual intercourse, etc.), and make promises to them." but Satan promises them nothing but deceit.
65. "Verily! My slaves (i.e. the true believers of Islamic Monotheism), you have no authority over them. And All-Sufficient is your Lord as a Guardian."


คำแปล R2.
64. “และเจ้าจงยั่วยวนให้(หลงตามเจ้า)ด้วยเสียงของเจ้า (เช่นเสียงดนตรี เสียงร้องเพลงเป็นต้น) แก่บุคคลที่เจ้าสามารรถในหมู่พวกเขาเถิด และจงระดมบุกพวกเขาด้วย(ผู้ขี่)ม้าของเจ้า ผู้เดินเท้าของเจ้า(เพื่อไล่ต้อนให้พวกเขาไปสู่ความชั่วช้า) และเจ้าจงร่วมกับพวกเขาในทรัพย์สินและลูก ๆ (ของพวกเขาเพื่อทำให้พวกเขาหลงเพลิดเพลินและคลั่งไคล้ในสองปรพการนี้จนลืมคำสั่งของเรา) และจงให้สัญญาแก่พวกเขา(ว่าจะให้พวกเขาประสบผลถ้าเชื่อตามเจ้า) แต่มารร้ายจะไม่สัญญา(ที่เป็นจริง)แก่พวกเขา นอกจากเป็นเพียงมายาการเท่านั้น
65. แท้จริงข้าทาสของข้านั้น เจ้าย่อมไม่มีอำนาจเหนือพวกเขา(ที่จะบังคับให้ทำตามเจ้า เพราะอำนาจดังกล่าวเป็นของข้าเท่านั้น) และโดยองค์อภิบาลของเจ้า(เพียงพระองค์เดียว) ก็เป็นการพอเพียงแล้วที่ทรงเป็นผู้รับมอบหมาย (ของทุก ๆ คนเพื่อความรอดพ้นจากมายาการของมาร้าย)


คำแปล R3.
64. สูเจ้าจะล่อลวงใครก็ได้ด้วยการเชิญชวนของสูเจ้าตามที่สูเจ้าสามารถ จงระดมขบวนทหารม้าและพลเดินเท้าของเจ้ามาต่อต้านพวกเขา จงเป็นหุ้นส่วนกับพวกเขาในทรัพย์สินและลูก ๆ ของพวกเขา และหลอกลวงพวกเขาด้วยสัญญาเท็จ และสัญญาของมารนั้นมิใช่สิ่งใดนอกไปจากการหลอกลวง
65. แท้จริงแล้ว สูเจ้าไม่มีอำนาจใด ๆ เหนือปวงบ่าวของฉัน” และพระผู้อภิบาลของเจ้านั้นเพียงพอแล้วสำหรับเจ้าในการเป็นผู้คุ้มครอง


คำแปล R4.
64. และเจ้าจงยั่วยวนผู้ที่เจ้าสามารถทำให้เขาหลงในหมู่พวกเขาด้วยเสียงของเจ้า และชักชวนพวกเขาให้เห็นพ้องด้วยด้วยม้าของเจ้าและด้วยเท้าของเจ้า และจงร่วมกับพวกเขาในทรัพย์สินและลูกหลาน และจงสัญญาพวกเขา และชัยฏอนมิได้ให้สัญญาใดๆ แก่พวกเขา เว้นแต่เป็นการหลอกลวงเท่านั้น
65. แท้จริงปวงบ่าวของข้านั้น เจ้าไม่มีอำนาจใดๆ เหนือพวกเขา และพอเพียงแล้วที่พระเจ้าของเจ้าเป็นผู้คุ้มครอง


คำแปล R5.
๖๔. ทั้งเจ้าจงย่องไปหาบางคนในพวกเหล่านั้นที่เจ้าสามารถชักชวนได้ ด้วยเสียงเพลงบ้าง ด้วยดนตรีการบ้าง และด้วยประการอื่นอันเป็นสิ่งชั่วช้าบ้าง จงใช้ทหารม้ากับทหารราบของเจ้าไล่ต้อนพวกเหล่านั้นไปสู่ความชั่วเถิด จงร่วมมีส่วนกับพวกเหล่านั้น (พวกเจริญตามเจ้า) ในทรัพย์สินที่ไม่ชอบธรรม และในการประพฤติชั่ว รวมทั้งบรรดาลูกหลานของพวกเหล่านั้น และจงให้สัญญากับพวกเหล่านั้นไว้ด้วยเถิดว่า การฟื้นชีวิตใหม่จากสุสานก็ดี การตอบสนองโทษทัณฑ์ก็ดี จะไม่มีขึ้นเลย แต่ไชตอนหาได้ให้สัญญากับพวกเหล่านั้นในทั้งสองประการนี้ไม่ หากแต่เพียงล่อลวงให้เป็นความสูญเสียเท่านั้น
๖๕. แท้จริงปวงบ่าวผู้มีศรัทธาแห่งข้า(อัลเลาะห์) นั้น ตัวเจ้าย่อมไม่มีอำนาจใดที่จะถืออิทธิพลเหนือพวกเหล่านั้นได้เลย มีอัลเลาะห์องค์พระผู้อภิบาลของเจ้า(มุฮำมัด) ทรงเป็นองค์คุ้มรักษาพวกเหล่านั้น ให้รอดพ้นจากการลวงล่อของไชตอนก็เพียงพออยู่แล้ว


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลอิสรออ์ อายะฮฺที่ 66 - 69


คำแปล R1.
66. Your Lord is He who drives the ship for you through the sea, in order that you may seek of his Bounty. Truly! He is ever Most Merciful towards you.
67. And when harm touches you upon the sea, those that you call upon besides Him vanish from you except Him (Allah alone). But when He brings you safely to land, you turn away (from Him). And man is ever ungrateful.
68. Do you then feel secure that He will not cause a side of the land to swallow you up, or that He will not send against you a violent sand-storm? Then, you shall find no Wakil (guardian one to guard you from the torment).
69. Or do you feel secure that He will not send you back a second time to sea and send against you a hurricane of wind and drown you because of your disbelief, then you will not find any avenger therein against us?


คำแปล R2.
66. องค์อภิบาลของพวกเจ้าผู้ทรงดลบันดาลแด่พวกเจ้าให้เรือวิ่งไปในท้องทะเลเพื่อพวกเจ้าจะได้แสวงหาความโปรดปรานของพระองค์ แท้จริงพระองค์ทรงเมตตาต่อพวกเจ้ายิ่งนัก
67. และเมื่อเภทภัยได้สัมผัสพวกเจ้าในท้องทะเล ผู้ที่พวกเจ้าเคยวอนขอก็หนีหายไปหมดนอกจากพระองค์ (อัลเลาะห์)เท่านั้น (ที่ทรงคุ้มครองและช่วยเหลือพวกเจ้า) แต่ครั้นเมื่อพระองค์ได้ให้พวกเจ้าปลอดภัยสู่ภาคพื้นดิน พวกเจ้าก็หันหลังให้(พระองค์) และปกติของมนุษย์เป็นผู้อกตัญญูยิ่ง
68. แล้วพวกเจ้า(คิดว่าจะ)ปลอดภัยกระนั้นหรือ(หลังจากพ้นมาจากเภทภัยของท้องทะเลแล้ว) พระองค์ดลบันดาลให้ธรณีสูบพวกเจ้าอีกก็ได้ หรือพระองค์ส่งพายุกรวดกระหน่ำพวกเจ้า แล้วภายหลังพวกเจ้าก็ไม่พบผู้รับมอบหมายใด ๆ สำหรับพวกเจ้าเลย(ที่จะช่วยเหลือได้
69. หรือพวกเจ้า(คิดว่า)ปลอดภัยต่อการที่พระองค์ทรงจัดการให้พวกเจ้าย้อนกลับไป(ประสบเภทภัย)ในนั้น(ท้องทะเล)อีกครั้งหนึ่ง จากนั้นพระองค์ทรงส่งลมพายุมาทำลายล้างพวกเจ้า แล้วทรงดลบันดาลพวกเจ้าให้จมน้ำตายเพราะความเนรคุณของพวกเจ้า หลังจากนั้นพวกเจ้าไม่พบผู้ช่วยเหลือคนใดทำให้พ้นจาก(การลงโทษของ)เราได้


คำแปล R3.
66. พระผู้อภิบาลของสูเจ้าคือผู้ทรงทำให้เรือของสูเจ้าแล่นในทะเลเพื่อที่สูเจ้าจะได้แสวงหาความโปรดปรานจากพระองค์ แท้จริงพระองค์ทรงเมตตาแก่สูเจ้าเสมอ
67. และเมื่อทุกข์ภัยประสบแก่สูเจ้าในทะเล บรรดาผู้ที่สูเจ้าเรียกร้องขอความช่วยเหลือก็ไม่ได้ช่วยสูเจ้านอกจากอัลลอฮฺ (ที่ช่วยสูเจ้า) แต่เมื่อพระองค์ทรงช่วยสูเจ้าให้ขึ้นบกด้วยความปลอดภัย สูเจ้าก็หันห่างออกไปจากพระองค์ แท้จริงแล้วมนุษย์นั้นเนรคุณเสมอ
68. สูเจ้าคิดว่าจะปลอดภัยหรือที่อัลลอฮฺไม่ได้ทำให้สูเจ้าจมหายไปใต้แผ่นดินหรือส่งพายุหินกระหน่ำใส่สูเจ้าและสูเจ้าจะไม่พบผู้ใดที่จะคุ้มครองสูเจ้าจากมัน ?
69. หรือสูเจ้าไม่กลัวว่าพระองค์จะส่งสูเจ้าไปยังทะเลอีกครั้งหนึ่งและกระหน่ำสูเจ้าด้วยพายุร้ายและทำให้สูเจ้าจมน้ำเพราะการเนรคุณของสูเจ้าและสูเจ้าจะไม่พบผู้ใดที่ถามเราถึงจุดจบของสูเจ้า ?


คำแปล R4.
66. พระเจ้าของพวกเจ้าคือผู้ทรงให้เรือแล่นตามท้องทะเล เพื่อพวกเจ้าจะได้แสวงหาความโปรดปรานของพระองค์ แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงเมตตาแก่พวกเจ้าเสมอ
67. และเมื่อทุกขภัยประสบแก่พวกเจ้าในท้องทะเล ผู้ที่พวกเจ้าวิงวอนขอก็จะสูญหายไปเว้นแต่พระองค์เท่านั้น ต่อมาเมื่อพระองค์ทรงช่วยให้พวกเจ้ารอดพ้นขึ้นบก พวกเจ้าก็หันหลังออกไป และมนุษย์นั้นเป็นผู้เนรคุณเสมอ
68. พวกเจ้าจะปลอดภัยละหรือ หากพระองค์จะทรงให้ริมฝั่งนั้นถล่มลงไปกับพวกเจ้าหรือจะทรงส่งลมหอบกรวดกระหน่ำลงมาใส่พวกเจ้าแล้วพวกเจ้าจะไม่พบผู้ใดเป็นผู้คุ้มครองพวกเจ้าเลย
69. หรือพวกเจ้าจะปลอดภัยละหรือ หากพระองค์จะทรงนำพวกเจ้ากลับไปในนั้นอีกครั้งหนึ่ง แล้วทรงส่งลมพายุร้ายกระหน่ำพวกเจ้า แล้วให้พวกเจ้าจมน้ำตายเพราะพวกเจ้าเนรคุณ หลังจากนั้นพวกเจ้าก็จะไม่พบผู้ใดแก้แค้นแทนเรา


คำแปล R5.
๖๖. องค์พระผู้อภิบาลแห่งพวกเจ้าผู้ทรงให้พวกเจ้าได้ใช้เรือล่องไปในท้องทะเลเพื่อพวกเจ้าแสวงให้ได้มาซึ่งส่วนแห่งความโปรดปรานีจากพระองค์ในทางการค้า แน่แท้พระองค์ทรงเป็นองค์ทรงปรานียิ่งต่อพวกเจ้า ในประการที่ทรงให้เรือเป็นยานบริการสำหรับพวกเจ้า
๖๗. ทั้งเมื่อได้มีภัยร้ายแรงได้อุบัติขึ้นแก่พวกเจ้า ณ ท้องทะเลด้วยเกรงจะจมน้ำตายเหล่าเทวรูปผู้ซึ่งพวกเจ้าต่างเคารพสักการะอยู่ก็หายวับไปจากพวกเจ้า ซึ่งพวกเจ้าจะเรียกหามัน(เทวรูป)มิได้ จะทรงอยู่ก็แต่เพียงพระองค์เท่านั้นก็เพราะพวกเจ้าตกอยู่ในความคับขัน อัลเลาะห์เท่านั้นที่จะทรงเป็นผู้กำจัดความคับขันได้ ครั้นเมื่อพระองค์ทรงช่วยเหลือให้พวกเจ้าพ้นภัยจากการจมน้ำตายและขึ้นสู่บกได้แล้ว พวกเจ้าก็เมินเสียจากการถือเอกภาพแห่งพระองค์ ด้วยว่ามนุษย์นั้นย่อมเป็นผู้เนรคุณในพระกรุณาธิคุณแห่งพระองค์ยิ่งนัก
๖๘. อัลเลาะห์ตรัสถามในเชิงตำหนิว่า พวกเจ้ายังวางใจอยู่หรือที่พระองค์จะทรงให้พวกเจ้าถูกสูบลงใต้ธรณี เช่น กอรูน หรือจะทรงให้พายุพัดกระหน่ำพวกเจ้าเช่นประชาชนของพระศาสดาลู๊ต แล้วภายหลังพวกเจ้าก็อย่าได้หมายหาผู้พิทักษ์พวกเจ้าอีกเลย
๖๙. หรือยังจะวางใจต่อการที่พระองค์จะทรงให้พวกเจ้าย้อนคืนไปที่ทะเลนั้นอีกหนหนึ่ง และทรงให้พายุพัดทลายหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง ตลอดทั้งเรือของพวกเจ้า อันจะทำให้เจ้าจมน้ำตาย ทั้งนี้ฐานที่พวกเจ้าได้ทรยศแล้วภายหลังพวกเจ้าก็อย่าได้หมายหาผู้ทรงเคราะห์การนั้นเพื่อตัวพวกเจ้า จากเรา(อัลเลาะห์) อีกเลย


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลอิสรออ์ อายะฮฺที่ 70 - 74


คำแปล R1.
70. And indeed we have honoured the children of Adam, and we have carried them on land and sea, and have provided them with At-Taiyibat (Lawful good things), and have preferred them above many of those whom we have created with a marked preference.
71. (And remember) the day when we shall call together all human beings with their (respective) Imam [their Prophets, or their records of good and bad deeds, or their Holy Books like the Qur'an, the Taurat (Torah), the Injeel (Gospel), etc.]. So whosoever is given his record in his right hand, such will read their records, and they will not be dealt with unjustly in the least.
72. And whoever is blind in this world (i.e., does not see Allah's signs and believes not in Him), will be blind in the Hereafter, and more astray from the path.
73. Verily, they were about to tempt you away from that which we have revealed (the Qur'an) unto you (O Muhammad), to fabricate something other than it against us, and then they would certainly have taken you a friend!
74. And had we not made you stand firm, you would nearly have inclined to them a little.


คำแปล R2.
70. ขอยืนยัน! แท้จริงเราได้ยกย่องมวลมนุษย์ทั้งหลายและเราได้ให้พวกเขาขี่พาหนะในภาคพื้นดินและท้องทะเล และเราได้ให้ปัจจัยยังชีพที่ดีต่าง ๆแก่พวกเขา และเราได้ให้พวกเขาเลอเลิศเหนือกว่าสรรพสิ่งอันมากมายที่เราได้ดลบันดาลไว้อย่างล้นเหลือ
71. (จงนึกถึง)วัน(ชาติหน้า) ซึ่งเราเรียกมนุษย์ทุกคนพร้อมกับผู้นำของพวกเขา ดังนั้นผู้ใดได้รับบันทึกของเขาด้วยมือขวาของเขา แน่นอนพวกเหล่านั้นจะได้อ่านบันทึกของเขา(ด้วยความชื่นชมยินดี) และพวกเขาไม่ถูกทุจริตเลยแม้สักเล็กน้อยก็ตาม
72. และผู้ใดอยู่ในโลกนี้อย่างคนตาบอด แน่นอนในโลกหน้าเขาก็เป็นคนตาบอดและเป็นผู้หลงทางเป็นอย่างยิ่ง
73.และแท้จริงพวกเขาเกือบจะทำให้เจ้าไขว้เขวไปจากโองการที่เราได้ดลให้แก่เจ้าเพื่อเจ้าจะได้ป้ายความเท็จให้แก่เราในสิ่งอื่นจาก(ที่เราได้โองการมาให้)นั้น และบัดนั้นเองพวกเขา (ชาวอกตัญญู)ก็จะยึดตัวเจ้าไว้เป็นสหาย(ร่วมอุดมการณ์)ของพวกเขา
74. และมาดแม้นเรามิได้ทำให้เจ้าแน่นแฟ้น(อยู่กับสัจธรรม)แน่นอนเจ้าก็คงเกือบจะเห็นสอดคล้องกับพวกเขาบ้างสักเล็กน้อย


คำแปล R3.
70. มันเป็นความโปรดปรานที่เราได้ให้เกียรติแก่ลูก ๆ ของอาดัม และได้ประทานความจำเริญแก่พวกเขาด้วยการขนส่งโดยสารบนบกและในทะเล และได้ประทานสิ่งที่ดีและบริสุทธิ์แก่พวกเขาและยกย่องพวกเขาให้เหนือกว่าสิ่งถูกสร้างอื่น ๆ ของเราอีกมากมาย
71. (ลองนึกถึงภาพของ)วันที่เราจะเรียกทุกหมู่ชน พร้อมด้วยบรรดาผู้นำของหมู่ชนเหล่านั้น แล้วบรรดาผู้ที่ถูกยื่นบันทึกของพวกเขาให้ในมือขวาของพวกเขาจะอ่านบันทึกของพวกเขาและพวกเขาจะไม่ถูกอธรรมแม้แต่น้อยนิด
72. (ในทางตรงกันข้าม คนที่ดำเนินชีวิตเหมือน)คนตาบอดในโลกนี้ จะตาบอดในโลกหน้าด้วย ไม่ เขาจะหลงทางออกไปไกลยิ่งกว่าคนตาบอดคลำทางเสียอีก
73. (โอ้ มุฮัมมัด) คนพวกนี้หาทางทุกอย่างที่จะหลอกลวงเจ้าให้ออกจากสิ่งที่เราได้วะฮีย์แก่เจ้าเพื่อที่เจ้าจะได้สร้างเรื่องเท็จบางอย่างในนามของเรา ถ้าหากเจ้าทำเช่นนั้น พวกเขาก็จะคบเจ้าเป็นเพื่อน
74. มันอาจเป็นไปได้บ้างที่เจ้าอาจจะโน้มไปทางพวกเขา ถ้าพวกเราไม่ได้ให้ความเข้มแข็งแก่เจ้า


คำแปล R4.
70. และโดยแน่นอน เราได้ให้เกียรติแก่ลูกหลานของอาดัม และเราได้บรรทุกพวกเขาทั้งทางบกและทางทะเล และได้ให้ปัจจัยยังชีพที่ดีทั้งหลายแก่พวกเขา และเราได้ให้พวกเขาดีเด่นอย่างมีเกียรติเหนือกว่าผู้ที่เราได้ให้บังเกิดมาเป็นส่วนใหญ่
71. วันที่เราจะเรียกร้องมหาชนทั้งหลาย พร้อมด้วยบันทึกของพวกเขา ดังนั้นผู้ใดที่บันทึกของเขาถูกยื่นให้ทางขวาของเขา (เขาเหล่านั้นก็จะได้อ่านบันทึกของพวกเขา โดยที่พวกเขาจะไม่ถูกอธรรมแม้แต่น้อย
72. และผู้ใดบอดในโลกนี้ ดังนั้นเขาก็จะบอดในปรโลกด้วย และหลงทางอย่างไกลยิ่ง
73. และหากว่าพวกเขาจะทำให้เจ้าหลงไปจากที่เราได้วะฮีแก่เจ้า เพื่อเจ้าจะได้กุสิ่งอื่นขึ้นแก่เรา และเมื่อนั้นแหละพวกเขาก็จะคบเจ้าเป็นเพื่อนสนิท
74. และหากว่าเรามิได้ให้เจ้าตั้งมั่นอยู่บนความจริงแล้ว โดยแน่นอนยิ่ง เจ้าอาจจะโน้มเอียงไปทางพวกเขาบ้างเล็กน้อย


คำแปล R5.
๗๐. และแน่แท้เรา (อัลเลาะห์) ได้ยกบรรดาอนุชนของอาดำให้ประเสริฐ ทั้งในด้านความรู้ การพูดจา ในด้านรูปร่างอันสันทัด และในด้านความบริสุทธิ์สะอาด แม้กระทั่งเมื่อตายลงแล้ว รวมทั้งกิจประการอื่น ๆ ทั้งเรา(อัลเลาะห์) ได้ให้พวกเขาไปโดยทางบกด้วยอาศัยสัตว์พาหนะและในน่านน้ำด้วยอาศัยเรือ ตลอดทั้งเรา(อัลเลาะห์) ได้อำนวยแก่พวกนั้นให้ได้รับซึ่งโภคลาภอันดีทั้งเป็นสัตว์ เช่น เนื้อ นม ฯลฯ และที่เป็นพืช เช่นผลไม้และเมล็ดพืชต่าง ๆ ทั้งเรา (อัลเลาะห์) ยังได้เชิดชูพวกเขาให้เลิศยิ่งกว่าเหล่าสัตว์เลี้ยงและสัตว์ป่าที่เราสร้างขึ้นมาเป็นอันมากอีกด้วย
๗๑. โอ้มุฮำมัด จงกล่าวเถิดแก่ปวงชนของเจ้าเพื่อเป็นอุดมคติไว้ว่าในวันกิยามะห์นั้นเป็นวันที่เรา(อัลเลาะห์) จะเรียกขานปวงชนแต่ละคนควบด้วยชื่อของแต่ละศาสดาซึ่งเป็นผู้นำแห่งพวกเขา เช่น เอ่ยเรียกประชากรของอิบรอฮีม ประชากรของมูซา เป็นต้น เรื่อยมาจนถึงประชากรของมุฮำมัด หรือเรา(อัลเลาะห์)จะเรียกขานปวงชนของแต่ละพวกดังกล่าวตามสภาพแห่งกรรมอันพวกเขาถูกบันทึกไว้ เช่น เรียกว่า โอ้ผู้ทรงคุณความดี และโอ้ ผู้ทรงความชั่ว ถ้าผู้ใดได้รับสารบันทึกของตนด้วยมือขวาแสดงว่าผู้นั้นเป็นพวกมีคุณธรรม และมีสติปัญญาอยู่ในภาคภพดุนยาพวกเขาจะอ่านสารบันทึกของพวกเขา ทั้งพวกเขาจะไม่ถูกคดโกงเลยแม้สักน้อยเท่ารอยขีดของเมล็ดอินทผลัม
๗๒. ถ้าผู้ใดเป็นคนหัวใจบอดอยู่ในภาคภพนี้ หามีความฉลาดไม่ ในวันปรภพเขาผู้นั้นก็ยิ่งบอดหนักขึ้นจนไม่สามารถมองเห็นหนทางรอดพ้นจากขุมนรก ทั้งเขายังหลงห่างจากหนทางอันชาญฉลาดสำหรับการตระเตรียมเสบียงเป็นอุปกรณ์เมื่อครั้งอยู่ภาคภพดุนยาอีกด้วย
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ มีสาเหตุเริ่มขึ้นในชนผู้อาศัยอยู่ในเมืองตออิฟ ขอร้องต่อมุฮำมัด ซล.ว่า ให้ยกฐานะบริเวณแผ่นดินชื่อวัจญ์ อันเป็นส่วนหนึ่งของเมืองตออิฟเป็นเขตห้าม เช่นเดียวกับนครมักกะห์ เช่นจะถือเป็นบาปในเมื่อทำลายต้นไม้ และล่าสัตว์เดรัจฉานที่ล้ำเข้ามาในเขตห้าม ชนพวกนี้พยายามเฝ้าเวียนขอร้องมุฮำมัดให้ทำตามประสงค์ของตนอย่างไม่หยุดยั้งเลย จึงมีโองการลงมาว่า
๗๓. และพวกเขานั้นเกือบอยู่แล้วเทียวที่จะทำให้เจ้าพลั้งจากโองการข้อซึ่งเราได้ดลลงมายังเจ้า เพื่อเจ้าจะได้ป้ายคำอย่างอื่นเป็นเท็จพาดพิงถึงเรา เมื่อ เจ้ากระทำเช่นนั้นแล้วก็เท่ากับพวกเขานั้นมัดเอาตัวเจ้าไว้เป็นคู่คิด


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลอิสรออ์ อายะฮฺที่ 75 - 77


คำแปล R1.
75. In that case, we would have made you taste a double portion (of punishment) in this life and a double portion (of punishment) after death. And then you would have found none to help you against us.
76. And verily, they were about to frighten you so much as to drive you out from the land. But in that case they would not have stayed (therein) after you, except for a little while.
77. (This was Our) Sunnah (rule or way) with the Messengers we sent before you (O Muhammad), and you will not find any alteration in Our Sunnah (rule or way, etc.).


คำแปล R2.
75. ณ บัดนั้น! เราก็จักให้เจ้าได้ลิ้มรส(การลงโฑทษอัน)ทวีคูณขณะใช้ชีวิต(ทางโลกนี้)และทวีคูณขณะอุบัติความตาย หลังจากนั้น(เมื่อถึงวาระแห่งโลกหน้า) เจ้าก็จะไม่พบผู้ใดให้ความช่วยเหลือแก่เจ้าเพื่อพ้นจาก(การลงโทษของ)เราได้
76. และอันที่จริง พวกเขาเกือบจะขับไล่เจ้าจากแผ่นดินเพื่อพวกเขาจะได้ทำให้เจ้าออกไปให้พ้นแผ่นดินนั้น และ ณ บัดนั้น! พวกเขาก็จะไม่อาศัยอยู่หลังจากเจ้า(ถูกขับออกไป)ยกเว้นเพียง(ระยะเวลา)เล็กน้อย(พวกเขาก็จะถูกลงโทษอย่างแน่นอน
77. (วิธีการลงโทษดังกล่าวนั้น)เป็นแบบแผนแห่งบรรดาศาสนทูตของเราที่ได้แต่งตั้งมาก่อนหน้าเจ้า และเจ้าจะไม่พบการผันแปรเกิดขึ้นกับแบบแผนของเรา


คำแปล R3.
75. แต่ถ้าหากเจ้าทำเช่นนั้น เราจะให้เจ้าลิ้มรสการลงโทษเป็นสองเท่าทั้งในโลกนี้และในโลกหน้าด้วยเช่นกัน และเจ้าจะไม่พบผู้ช่วยเหลือใดมาขัดขวางเราได้
76. และคนเหล่านี้พยายามหาทางขจัดเจ้าออกไปจากแผ่นดินและขับไล่เจ้าออกไปจากนั้น แต่ถ้าหากพวกเขาทำเช่นนั้น พวกเขาจะไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้นาน
77. นี่คือวิธีการของเรากับบรรดารอซูลที่เราได้ส่งมาก่อนเจ้า และเจ้าจะไม่พบการเปลี่ยนแปลงในวิธีการของเรา


คำแปล R4.
75. ถ้าเช่นนั้น แน่นอนเราก็จะให้เจ้าลิ้มรส (การลงโทษ) สองเท่าในชีวิตนี้ และสองเท่าเมื่อยามตาย แล้วเจ้าจะไม่พบผู้ช่วยเหลือแก่เจ้าให้พ้นจาก (การลงโทษของ) เรา
76. และหากพวกเขายุแหย่ให้เจ้าออกจากแผ่นดิน เพื่อขับไล่เจ้าออกไป และเมื่อนั้นพวกเขาจะไม่พำนักอยู่นานหลังจากเจ้า (ออกไปแล้ว) เว้นแต่ช่วงเวลาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
77. นี่คือแนวทางของผู้ที่เราได้ส่งเขามาก่อนเจ้าจากบรรดารอซูลของเรา และเจ้าจะไม่พบการเปลี่ยนแปลงในแนวทางของเราแต่ประการใด


คำแปล R5.
๗๕. เมื่อตัวเจ้าโน้มเอียงไปเป็นฉะนั้น เรา(อัลเลาะห์) ก็จะให้เจ้าได้ลิ้มโทษหนักเมื่อยังเป็น และอีกในเมื่อตายไป สู่ปรภพ แล้วในภายหลังเจ้าจะหาผู้ใดเป็นคนสงเคราะห์ให้พ้นจากการลงโทษของเรามิได้เลย
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ มีมูลเดิมว่า ขณะที่พวกยะฮูดีกล่าวแก่มุฮำมัดว่า ถ้าท่านเป็นศาสนทูตจริงท่านก็ต้องไปอยู่เมืองซีเรีย(ชาม)ซิ เพราะว่าเมืองนี้เป็นนครของพวกศาสดาและพวกศาสนทูต จึงมีโองการลงมาว่า
๗๖. และพวกยะฮูดีเหล่านั้นเกือบจะขับเจ้าโดยใช้เล่ห์และความเป็นศัตรูให้เจ้าต้องหนีออกจากแผ่นดินของนครมะดีนะห์ไประทมทุกข์ ณ ดินแดนซีเรียอยู่แล้ว และเมื่อเป็นอย่างประสงค์ของพวกเขาที่จะขับเจ้าให้พ้นจากนครมะดีนะห์ตามที่กล่าวนั้น อีกไม่ช้านัก พวกเขาก็จะเข้ามาอยู่แทนที่เจ้าในนครแห่งนี้เสียเลย แต่ถึงกระนั้น พวกเขาจะถูกทำลายหายนะอยู่ดี
๗๗. แนวแห่งการลงโทษให้เกิดหายนะสูญเสียแก่ปวงชนผู้ขับไล่พระศาสนทูตของตนออกไปจากดินแดนนั้น ก็เป็นนัยเดียวกับที่บรรดาศาสนทูตของเรา(อัลเลาะห์) อันเราเคยแต่งตั้งมาแล้วก่อนจากเจ้านั่นเอง กล่าวคือ เมื่อเหล่าศาสนทูตในยุคก่อนถูกแต่งตั้งมา ปวงชนมักจะขับไล่เหล่าศาสนทูตไปพ้นดินแดน แล้วในที่สุด ปวงชนเหล่านั้นก็ถูกลงโทษถึงหายนะ ทั้งเจ้าจะไม่พบเลยว่าแนว ทางแห่งการลงโทษของเราเปลี่ยนแปรเป็นอย่างอื่น


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลอิสรออ์ อายะฮฺที่ 78 - 82


คำแปล R1.
78. Perform As-Salat (Iqamat-as-Salat) from mid-day till the darkness of the night (i.e. the Zuhr, 'Asr, Maghrib, and 'Isha' prayers), and recite the Qur'an in the early dawn (i.e. the morning prayer). Verily, the recitation of the Qur'an in the early dawn is ever witnessed (attended by the angels in charge of mankind of the day and the night).
79. And in some parts of the night (also) offer the Salat (prayer) with it (i.e. recite the Qur'an in the prayer), as an additional prayer (Tahajjud optional prayer Nawafil) for you (O Muhammad). It may be that your Lord will raise you to Maqaman Mahmuda (a station of praise and glory, i.e. the highest degree in Paradise!).
80. And aay (O Muhammad): My Lord! Let my entry (to the city of Al-Madinah) be good, and likewise my exit (from the city of Makkah) be good. And grant me from you an authority to help me (or a firm sign or a proof).
81. And say: "Truth (i.e. Islamic Monotheism or this Qur'an or Jihad against polytheists) has come and Batil (falsehood, i.e. Satan or polytheism, etc.) has vanished. Surely! Batil is ever bound to vanish."
82. And we send down from the Qur'an that which is a healing and a mercy to those who believe (in Islamic Monotheism and act on it), and it increases the Zalimun (polytheists and wrong-doers) nothing but loss.


คำแปล R2.
78. เจ้าจงดำรงละหมาดในยามตะวันคล้อยจวบจนถึงยามค่ำคืนเถิดรวมทั้งการละหมาดในยามรุ่งอรุณด้วย เพราะแท้จริงการละหมาดในยามรุ่งอรุณนั้นเป็นที่ได้รับการเป็นสักขีพยาน(ในความประเสริฐของมัน)
79. และบางส่วนของยามกลางคืนเจ้าจงตื่นขึ้นทำละหมาด “ตะฮัจยุด” เถิด เป็นละหมาดที่แถมให้แก่เจ้า หวังว่าองค์อภิบาลของเจ้าคงจะแต่งตั้งเจ้าในตำแหน่งอันควรสรรเสริญ
80. และเจ้าจงกล่าวเถิดว่า “โอ้องค์อภิบาล!โปรดนำข้าพเจ้าเข้าสู่ทางอันเป็นสัจจะ และจงนำข้าพเจ้าออกในทางที่เป็นสัจจะและโปรดประทานอำนาจที่ได้รับการช่วยเหลือจากพระองค์แก่ข้าพเจ้า
81. และเจ้าจงกล่าวว่า “สัจธรรมมา โมฆธรรมย่อมสลาย เพราะแท้จริงแล้ว สิ่งโมฆะย่อมเป็นสิ่งที่ต้องสลายอย่างแน่นอน”
82. และเราให้อัลกุรอานลงมาเป็นสิ่งบำบัดและเป็นความเมตตาแก่ศรัทธาชนทั้งปวง และจะไม่เพิ่มพูนแก่บรรดาทุจริตชน นอกจากความขาดทุน


คำแปล R3.
78. จงดำรงนมาซตั้งแต่ดวงตะวันคล้อยไปจนถึงความมืดของกลางคืน และจงอ่านกุรอานในยามรุ่งอรุณ เพราะการอ่านกุรอานในยามรุ่งอรุณจะเป็นพยาน
79. นอกจากนี้แล้ว จงนมาซตะฮัจญุดในยามกลางคืน นี่เป็นการนมาซเพิ่มเติมสำหรับเจ้า ทั้งนี้เพื่อที่พระผู้อภิบาลของเจ้าจะได้ยกย่องเจ้าให้อยู่ในตำแหน่งที่ได้รับการสรรเสริญ
80. และจงกล่าววิงวอนว่า “โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน ที่ไหนก็ตามที่จะทรงนำฉันไป โปรดได้ทรงนำฉันไปกับสัจธรรม และโปรดได้ทรงประทานอำนาจจากพระองค์เพื่อทรงช่วยฉันด้วยเถิด”
81. และจงประกาศว่า “สัจธรรมได้มาแล้วและความเท็จได้มลายหายไปเพราะความเท็จนั้นเป็นสิ่งที่จะต้องสูญสิ้นเสมอ”
82. เราได้ประทานแก่เจ้าผ่านทางกุรอานซึ่งสิ่งที่เป็นการบำบัดและเป็นความเมตตาแก่บรรดาผู้ศรัทธาถึงแม้ว่ามันจะไม่เพิ่มสิ่งใดนอกจากการขาดทุนให้แก่บรรดาผู้สร้างความอธรรม


คำแปล R4.
78. จงดำรงการละหมาดไว้ตั้งแต่ตะวันคล้อยจนพลบค่ำ และการอ่านยามรุ่งอรุณ แท้จริงการอ่านยามรุ่งอรุณนั้นเป็นพยานยืนยันเสมอ
79. และจากบางส่วนของกลางคืนเจ้าจงตื่นขึ้นมาละหมาดในเวลาของมัน เป็นการสมัครใจสำหรับเจ้า หวังว่าพระเจ้าของเจ้าจะทรงให้เจ้าได้รับตำแหน่งที่ถูกสรรเสริญ
80. และจงกล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ได้ทรงโปรดนำข้าพระองค์เข้าตามทางเข้าที่ชอบธรรม และได้ทรงโปรดนำข้าพระองค์ออกตามทางออกที่ชอบธรรม  และทรงโปรดให้ข้าพระองค์มีอำนาจที่เข้มแข็ง ซึ่งได้รับการช่วยเหลือจากพระองค์
81. และจงกล่าวเถิด เมื่อความจริงปรากฏขึ้นและความเท็จย่อมมลายไป แท้จริงความเท็จนั้นย่อมมลายไปเสมอ
82. และเราได้ให้ส่วนหนึ่งจากอัลกุรอานลงมา ซึ่งเป็นการบำบัดและความเมตตาแก่บรรดาผู้ศรัทธาและมันมิได้เพิ่มอันใดแก่พวกอธรรม นอกจากการขาดทุนเท่านั้น

 
คำแปล R5.
๗๘. โอ้ มุฮำมัด จงดำรงละหมาดเถิด แต่อาทิตย์คล้อยจนประจวบกลางคืนอันได้แก่เวลาบ่าย (ซุห์ริ) เวลาเย็น (อัสร์) เวลาค่ำ (มัฆริบ) และเวลาดึก (อิชาอ์) รวมทั้งยามรุ่งอรุณ (ซุบห์) ด้วย แท้จริงการละหมาดในยามรุ่งอรุณนั้นอยู่ในความจดจ่อของเหล่ามลาอิกะห์ ทั้งภาคกลางคืนและภาคกลางวันที่คอยจดบันทึก ทั้งความดีและความชั่วทั้งปวง มลาอิกะห์ยังมาอำนวยความปลอดภัยให้แก่มนุษย์ทั้งในยามละหมาดตอนรุ่งอรุณและละหมาดตอนเย็นอีกด้วย
๗๙. ทั้งในกลางคืน เจ้าก็จงตื่นขึ้นปฏิบัติละหมาดตะฮัจยุดตอนดึกสงัดเพื่อแก่การอดิเรก(ลำไพ่) สำหรับเจ้า พร้อมด้วยการพร่ำอ่านพระคัมภีร์อัล-กุรอานเถิด ส่วนสำหรับผู้ที่นอกจากประชากรของเจ้า การทำละหมาดในยามดึกสงัดนี้ถือเป็นภาคจำเป็น(ฟัรดุ์)อีกโสดหนึ่งต่างหากจากห้าเวลาของแต่ละวัน จึงเป็นที่หวังได้ว่า องค์พระผู้อภิบาลของเจ้าคงจะเลื่อนตำแหน่งอันประเสริฐให้แก่เจ้า คนทั้งหลายจะอยู่ในยุคก่อนก็ดีหรือยุคหลังก็ดีย่อมจะสรรเสริญเจ้า ตำแหน่งอันประเสริฐนั้นหมายถึงความสงเคราะห์ของมุฮำมัด เพื่อให้ประชากรของตนออกพ้นจากขุมนรก
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ มีลงมาในขณะที่มุฮำมัด ซล. ได้รับบัญชาให้อพยพจากนครมักกะห์ไปสู่นครมะดีนะห์
๘๐. และโอ้มุฮำมัด จงกล่าวเถิดว่า โอ้องค์พระผู้อภิบาลแห่งข้าพระองค์ขอพระองค์ได้โปรดให้ข้าพระองค์ได้เข้าไปสู่นครมะดีนะห์อย่างปลื้มปีติ ไม่เห็นสิ่งใด ๆ อันข้าพระองค์ไม่ชอบ ขอพระองค์ได้โปรดให้ข้าพระองค์ออกพ้นไปจากนครมักกะห์อย่างหายห่วง และขอได้โปรดให้อำนาจแห่งชัยชนะจากพระองค์แก่ข้าพระองค์ได้มีชัยเหล่าศัตรูด้วยเถิด
๘๑. ทั้งเจ้าจงกล่าวเถิด ขณะที่เจ้าเข้าสู่นครมักกะห์ในคราวที่เจ้าพิชิตนครมักกะห์ได้ว่า ศาสนาอิสลามมีมาแล้ว แต่ ศาสนาแห่งความไร้ศรัทธาพินาศลง กล่าวคือขณะที่มุฮำมัด ซล.พิชิตนครมักกะห์ จนสามารถเข้ายึดครองได้นั้น ปรากฏว่ารอบ ๆ ไบตุลเลาะห์มีเทวรูปสถิตอยู่ถึง ๓๖๐ รูป มุฮำมัดใช้ไม้เท้าที่ถืออยู่ฟาดและกระทุ้งที่ดวงตาของเหล่าเทวรูปจนกระทั่งเทวรูปคว่ำคะมำลงระเนระนาดหมดสิ้น ทั้งปากก็เอ่ยถ้อยคำดังกล่าวข้างต้นด้วย แน่แท้ เทวรูปอันเป็นสิ่งเหลวไหลนั้น มลายลงสิ้น
๘๒. และเรา(อัลเลาะห์) ได้ดลอัล-กุรอานลงมา ที่บางแห่งเป็นสิ่งบำบัดโรคทั้งภายในและภายนอกได้ก็มี รวมทั้งที่รักษาโรคแห่งกายตนก็มี ความจริงการอ่านอัล-กุรอานด้วยหมายเอาสิริมงคล(บะร่อกะห์)นั้นจะสามารถป้องกันโรคภัยได้เป็นส่วนมาก ทั้งอัล-กุรอานเป็นความปรานีแก่ปวงศรัทธาชนด้วย แต่เหล่าชนกาฟิรจะไม่มีอะไรเพิ่มขึ้นนอกจากยิ่งขาดทุน


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลอิสรออ์ อายะฮฺที่ 83 - 87


คำแปล R1.
83. And when we bestow Our Grace on man (the disbeliever), he turns away and becomes arrogant, far away from the Right Path. And when evil touches him he is in great despair.
84. Say (O Muhammad to mankind): "Each one does according to Shakilatihi (i.e. his way or his Religion or his intentions, etc.), and your Lord knows best of him whose path (religion, etc.) is right."
85. And they ask you (O Muhammad) concerning the Ruh (the Spirit); say: "The Ruh (the Spirit): it is one of the things, the knowledge of which is only with my Lord. And of knowledge, you (mankind) have been given only a little."
86. And if we willed we could surely take away that which we have revealed to you by Inspiration (i.e. this Qur'an). Then you would find no protector for you against us in that respect.
87. Except as a Mercy from your Lord. Verily! His Grace unto you (O Muhammad) is ever great.


คำแปล R2.
83. และเมื่อเราได้โปรดปรานแก่มวลมนุษย์เขาก็หันหลังให้ และเบี่ยงสีข้างของเขา(ออกอย่างจองหอง)และเมื่อเภทภัยได้สัมผัสเขา เขาก็ท้อแท้ใจ
84. จงประกาศเถิด! “ทุก ๆ คนย่อมกระทำไปตามทัศนะของเขาเอง แต่องค์อภิบาลของพวกท่านทรงรอบรู้ยิ่งนักว่าใครที่ได้รับการชี้นำแนวทาง(อันถูกต้อง)ที่สุด”
85. และพวกเขา(ยะฮูดี)จะถามเจ้าถึงเรื่องจิตวิญญาณ จงคอบเถิดว่า “อันจิตวิญญาณนั้นเป็นหนึ่งจากกิจกรรมแห่งองค์อภิบาลของฉัน และพวกท่านไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น(มากมายนัก) นอกจากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
86. ขอยืนยัน! หากแม้นเราประสงค์ เราก็จักลบล้างในโองการที่เราให้แก่เจ้าไว้แล้ว หลังจากนั้น เจ้าจะไม่พบผู้ใดรับมอบหมายสำหรับตัวเจ้าที่จะขัดขวางเราด้วย (การนำ) โองการนั้น ๆ (มามอบแก่เจ้าใหม่)
87. ยกเว้นเป็นความเมตตาจากองค์อภิบาลของเจ้าเท่านั้น (ที่เจ้าได้รับมาจากพระองค์) แท้จริงความโปรดปรานของพระองค์ย่อมยิ่งใหญ่สำหรับเจ้า


คำแปล R3.
83. (มนุษย์นั้นเป็นสิ่งถูกสร้างที่แปลก) เมื่อเราได้ประทานความโปรดปรานแก่เขา เขากลับทำตัวยโสโอหังและหันหลังให้ แต่เมื่อเคราะห์กรรมประสบแก่เขา เขาก็เริ่มสิ้นหวัง
84. (โอ้ นบี) จงกล่าวแก่พวกเขา “ทุกคนกำลังปฏิบัติตามทางของตนเอง แต่พระผู้อภิบาลของพวกท่านเท่านั้นที่รู้ดีที่สุดว่าใครอยู่บนแนวทางที่เที่ยงตรง”
85. พวกเขาถามพวกเจ้าเกี่ยวกับ “วิญญาณ” จงบอกเถิดว่า “วิญญาณนั้นมาโดยคำบัญชาของพระผู้อภิบาลของฉัน แต่พวกท่านได้รับความรู้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
86. (โอ้ มุฮัมมัด) ถ้าเราประสงค์ เราอาจจะเอาสิ่งที่เราได้วะฮีย์แก่เจ้ากลับมาจากเจ้าหมด แล้วเจ้าจะไม่พบใครที่ช่วยเจ้าในการนำมันกลับมาจากเรา
87. ทั้งหมดที่เจ้าได้รับนั้นก็โดยความเมตตาจากพระผู้อภิบาลของเจ้า แท้จริงความโปรดปรานของพระองค์ที่มีต่อเจ้านั้นใหญ่หลวงนัก


คำแปล R4.
83. และเมื่อเราให้ความโปรดปรานแก่มนุษย์เขาเหินห่างและปลีกตัวออกไปข้าง ๆ และเมื่อความชั่วประสบแก่เขาเขาก็เบื่อหน่ายหมดอาลัย
84. จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด ทุกคนจะกระทำตามรูปแบบของเขา ฉะนั้น พระเจ้าของพวกท่านทรงรู้ดียิ่งถึงผู้ที่เขาได้รับแนวทางอย่างถูกต้อง
85. และพวกเขาจะถามเจ้า เกี่ยวกับวิญญาณจงกล่าวเถิดว่า เรื่องวิญญาณนั้นเป็นไปตามพระบัญชาของพระเจ้าของฉัน และพวกท่านจะไม่ได้รับความรู้ใด ๆ เว้นแต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
86. และหากเราประสงค์ แน่นอนเราจะเอาสิ่งซึ่งเราได้วะฮีแก่เจ้าไปเสีย และเจ้าจะไม่พบผู้คุ้มครองคนใดเหนือเราในเรื่องนี้สำหรับเจ้า
87. แต่ว่ามันเป็นพระเมตตาจากพระเจ้าของเจ้า แท้จริงความโปรดปรานของพระองค์ที่มีต่อเจ้านั้นใหญ่หลวงนัก


คำแปล R5.
๘๓. เมื่อเรา (อัลเลาะห์) อำนวยความผาสุกแก่เหล่ามนุษย์ผู้เป็นกาฟิรแล้ว เขากลับหักหักกตัญญูและตีตนออกห่างไม่ยอมแม้กระทั่งจะขอวิงวอนต่อเรา ครั้นเมื่อความทุกข์ร้าย อาทิความขัดสนและความคับแค้นลำเค็ญมาแผ้วพานเขา เขาก็สิ้นหวังเสียแล้วจากความปรานีแห่งอัลเลาะห์
๘๔. โอ้มุฮำมัด จงกล่าวเถิดว่า ทั้งในพวกเราและพวกท่านทุกคนจะกระทำกิจตามแบบแผนของพระองค์ องค์พระผู้อภิบาลแห่งพวกเจ้าทรงทราบดีถึงผู้ที่ได้รับแนวทางเที่ยงธรรมยิ่งกว่ากัน
๘๕. โอ้ มุฮำมัด พวกเหล่านั้นที่เป็นชนยะฮูดีจะไต่ถามเจ้าถึงเรื่องชีวิต อันเป็นภาวะซึ่งทำให้ร่างกายเป็นอยู่ได้ เจ้าจงกล่าวตอบพวกเหล่านั้นเถิดว่า อันชีวิตนั้นเป็นกิจหนึ่งภายใต้ความรู้ขององค์พระผู้อภิบาลของฉัน พวกท่านจะรู้ได้ก็แต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
๘๖.และว่า โดยที่จริงแล้ว ถ้าเรา(อัลเลาะห์) ประสงค์ เราจะให้พระคัมภีร์อัล-กุรอานที่เราดลกระแสโองการมายังเจ้าสูญไปก็ได้ ด้วยลบมันออกเสียจากความทรงจำของผู้อ่านปากเปล่าบ้างและลบออกจากเนื้อกระดาษที่มีจดบันทึกไว้บ้าง แล้วในภายหลังเจ้าจะหาใครเป็นผู้ทำการแทนเหนือกว่าเรา(อัลเลาะห์) ในเรื่องเรียกคืนอัล-กุรอานด้วยการบันทึกใหม่ หรือคืนความทรงจำตามเดิมอีกมิได้เลย
๘๗. เท่าที่เรายังคงพระคัมภีร์อัล-กุรอานไว้ดังเดิมนี้มิใช่อื่น หากแต่ยังมีความปรานีจากองค์พระผู้อภิบาลของเจ้าอยู่ แน่นอนความกรุณาของพระองค์อันมีแก่เจ้านั้นใหญ่หลวงนัก นั่นคือพระองค์ทรงมอบพระคัมภีร์อัล-กุรอานลงมายังเจ้า ทรงให้ตำแหน่งอันทรงเกียรติถึงขนาดสามารถช่วยเหลือประชากรของตนเองออกพ้นขุมนรกได้ และทรงอำนวยสิ่งอื่น ๆ แก่เจ้าอีกด้วย


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลอิสรออ์ อายะฮฺที่ 88 - 94


คำแปล R1.
88. Say: "If the mankind and the jinns were together to produce the like of this Qur'an, they could not produce the like thereof, even if they helped one another."
89. And indeed we have fully explained to mankind, in this Qur'an, every kind of similitude, but most mankind refuse (the truth and accept nothing) but disbelief.
90. And they say: "We shall not believe in you (O Muhammad), until you cause a spring to gush forth from the earth for us;
91. "Or you have a garden of date-palms and grapes, and cause rivers to gush forth in their midst abundantly;
92. "Or you cause the heaven to fall upon us in pieces, as you have pretended, or you bring Allah and the angels before (us) face to face;
93. "Or you have a house of adorn able materials (like silver and pure gold, etc.), or you ascend up into the sky, and even then we will put no faith in your ascension until you bring down for us a book that we would read." Say (O Muhammad): "Glorified (and exalted) be my Lord (Allah) above all that evil they (polytheists) associate with him! Am I anything but a man, sent as a Messenger?"
94. And nothing prevented men from believing when the guidance came to them, except that they said: "Has Allah sent a man as (His) Messenger?"


คำแปล R2.
88. จงประกาศเถิด! มาดแม้นมนุษย์และญินรวมกันเพื่อจะนำมาซึ่งสิ่งที่เหมือนอัลกุรอานนี้ แน่นอนพวกเขาจะไม่(สามารถ)นำมาซึ่งสิ่งที่เหมือนนั้นได้เลย และมาดแม้นพวกเขาต่างคนต่างจะช่วยเหลือซึ่งกันและกันก็ตาม
89. ขอยืนยัน! แท้จริงเราได้แจกแจงไว้แก่มวลมนุษย์ในอัลกุรฺอานนี้ซึ่งข้ออุปมาทุก ๆ ชนิด แต่แล้วส่วนมากของมนุษย์กลับขัดขืน อีกทั้งคัดค้ายอย่างถึงที่สุด
90. และพวกเขากล่าวว่า “เราจะไม่ศรัทธาต่อท่านจนกว่าท่านจะทำให้แผ่นดินนี้มีน้ำพุพุ่งออกมาจากแผ่นดิน(มักกะฮฺนี้)ให้เรา(ได้เห็นชัดแจ้ง)”
91. “หรือท่านจะมีสวนจากอินทผลัมและองุ่นแล้วท่านก็ทำให้มีธารน้ำพวยพุ่งอยู่ในท่ามกลางสวนนั้น”
92. “หรือท่านจะทำให้แผ่นดินร่วงตกลงมาหล่นทับเราเป็นเสี่ยง ๆ เหมือนเช่นที่ท่านคิด หรือท่านนำอัลเลาะฮฺและมลาอิกะฮฺมาปรากฏต่อหน้า(พวกเรา)”
93. “หรือว่าท่านมีบ้านที่ทำมาจากทองคำหรือท่านเหาะขึ้นไปในท้องฟ้า และเราจะยังไม่ศรัทธาเพียงเพราะการที่ท่านขึ้นไปได้เท่านั้น (ถ้าสมมติว่าท่านสามารถขึ้นไปได้จริง) นอกจากท่านจะนำคัมภีร์หนึ่งที่ท่านอ่านลงมาให้เรา(ได้เห็นเป็นที่ประจักษ์ชัดด้วยสายตาจริง ๆ)” จงประกาศเถิด! องค์อภิบาลของฉันทรงประเสริฐยิ่งนัก ฉันนี้หาใช่ผู้ใดไม่ นอกจากเป็นเพียงสามัญชนธรรมดา ที่ถูกแต่งตั้งเป็นศาสนทูตเท่านั้น(หาใช่มลาอิกะฮฺไม่)
94. และไม่(มีสิ่งใด)ยับยั้งมวลมนุษย์ต่อการที่พวกเขาจะศรัทธา เมื่อสิ่งชี้นำได้มาสู่พวกเขา นอกจากพวกเขากล่าวว่า “อัลเลาะฮฺทรงแต่งตั้งสามัญชนให้เป็นศาสนทูตกระนั้นหรือ?”


คำแปล R3.
88. จงกล่าวเถิดว่า “แม้มนุษย์และญินจะรวมกันเพื่อที่จะนำมาซึ่งสิ่งที่เหมือนกุรอานนี้ พวกเขาก็ไม่อาจที่จะนำสิ่งใดที่เหมือนกับกุรอานได้ ถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะช่วยกันก็ตาม”
89. ในกุรอานนี้เราได้ใช้วิธีการต่าง ๆ ที่จะทำให้มนุษย์เข้าใจ แต่ส่วนมากของพวกเขาก็ยังคงดึงดันอยู่ในการปฏิเสธ
90. และพวกเขากล่าวว่า “เราจะไม่ศรัทธาในสิ่งที่ท่านกล่าวจนกว่าท่านจะทำให้น้ำพุพุ่งออกมาจากแผ่นดินเพื่อเรา
91. หรือให้มีสวนอินทผลัมและองุ่นเกิดขึ้นแก่ท่านและทำให้ลำน้ำหลายสายไหลเข้าไปในสวนนั้น
92. หรือจนกว่าท่านจะทำให้ฟ้าร่วงลงมาบนเราเป็นเสี่ยง ๆ ตามที่ท่านขู่เราหรือนำเอาอัลลอฮฺและมลาอิกะฮฺมาปรากฏต่อหน้าเรา
93. หรือให้มีบ้านทองคำหลังหนึ่งเกิดขึ้นสำหรับท่าน หรือท่านทะยานขึ้นไปบนฟ้า และเราจะไม่เชื่อในการทะยานขึ้นไปของท่านจนกว่าท่านจะนำคัมภีร์เล่มหนึ่งที่เราอ่านได้มาให้เรา” (โอ้มุฮัมมัด) จงบอกพวกเขาว่า “พระผู้อภิบาลของฉันนั้นทรงบริสุทธิ์ยิ่ง ฉันเคยอ้างหรือว่าฉันเป็นสิ่งใดนอกไปจากรอซูลที่เป็นมนุษย์คนหนึ่ง?”
94. เมื่อใดก็ตามที่ทางนำได้มายังมนุษย์ ไม่มีสิ่งใดที่ห้ามพวกเขาจากการศรัทธานอกจาก(ข้อแก้ตัว)ที่พวกเขากล่าวว่า “อัลลอฮฺได้ส่งมนุษย์มาเป็นรอซูลของพระองค์ด้วยหรือ?”


คำแปล R4.
88. จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด แน่นอนหากมนุษย์และญินรวมกันที่จะนำมาเช่นอัลกุรอานนี้ พวกเขาไม่อาจจะนำมาเช่นนั้นได้ และแม้ว่าบางคนในหมู่พวกเขาเป็นผู้ช่วยเหลือแก่อีกบางคนก็ตาม
89. และโดยแน่นอนเราได้อธิบายแก่มนุษย์แล้ว จากทุกอุทาหรณ์ในอัลกุรอานนี้ แต่ส่วนมากของมนุษย์ปฏิเสธไม่ยอมรับนอกจากการไม่ศรัทธา
90. และพวกเขากล่าวว่า เราจะไม่ศรัทธาต่อท่าน จนกว่าท่านจะทำให้แผ่นดินแตกออกเป็นลำธารแก่เรา
91. หรือให้ท่านมีส่วนอินทผลัม และองุ่นให้มันแยกเป็นลำน้ำหลายสาย พวยพุ่งออกมาท่ามกลางมัน
92. หรือท่านทำให้ชั้นฟ้าหล่นลงมาบนพวกเราเป็นเสี่ยง ๆ ตามที่ท่านอ้าง หรือนำอัลลอฮและมะลาอิกะฮมาให้เราเห็นต่อหน้า
93. หรือให้ท่านมีบ้านที่ประดับประดาไว้หนึ่งหลัง หรือท่านขึ้นไปบนชั้นฟ้า และเราจะไม่ศรัทธาสำหรับการขึ้นไปของท่านจนกว่าท่านจะนำคัมภีร์เล่มหนึ่งลงมาให้เราได้อ่าน จงกล่าวเถิด มหาบริสุทธิ์แห่งพระเจ้าของฉัน ฉันมิได้เป็นอื่นใด นอกจากเป็นมนุษย์ เป็นรอซูล
94. และไม่มีสิ่งใดที่จะห้ามมนุษย์ให้พวกเขาศรัทธา เมื่อแนวทางที่ถูกต้องมายังพวกเขาแล้ว นอกจากพวกเขาจะกล่าวว่า อัลลอฮฺทรงแต่งตั้งมนุษย์ธรรมดาเป็นรอซูลกระนั้นหรือ


คำแปล R5.
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ เพื่อจะตอบโต้ถ้อยคำของพวกเหล่านั้นที่พูดว่า “ถ้าพวกเราประสงค์” พวกเราก็สามารถพูดจาให้เพราะพริ้ง เหมือนกับอัล-กุนอานได้ จึงมีพระคำลงมาว่า
๘๘. โอ้ มุฮำมัดว่าโดยที่จริงแล้วถ้ายินและมนุษย์ร่วมมือกันในอันจะให้มีส่วนเหมือนอัล-กุรอานนี้ขึ้น ด้วยให้เกิดมีทั้งความไพเราะชัดเจน และมีความเหมาะสมกับทุกสถานการณ์ของแต่ละยุคแล้วไซร้ พวกเขาก็จะให้มีขึ้นเหมือนอย่าง (อัล-กุรอาน) นั้นมิได้แน่เทียว แม้ว่าพวกเขาต่างฝ่ายต่างช่วยเหลือกันก็เอาเถิด
๘๙. ความจริงเรา (อัลเลาะห์) ก็ได้แจกแจง อุทาหรณ์ทุกลักษณะความซึ่งแปลกประหลาดอย่างไม่เคยมีมาก่อนเลยไว้ในอัล-กุรอานนี้แล้ว เพื่อมวลมนุษย์จะได้ถือเป็นคติธรรม แต่ปวงชนชาวนครมักกะห์ส่วนมากไม่เพียงแต่ดื้อรั้น ยังปฏิเสธเสียอีกด้วย
๙๐. แล้วพวกเหล่านั้นกล่าวว่า พวกเราจะเชื่อท่านมิได้เลย จนกว่าท่านจะทำให้มีน้ำพุทะลักขึ้นจากแผ่นดินสำหรับพวกเรา
๙๑. หรือจะให้มีสวนของท่านขึ้นสักแห่งหนึ่งเป็นสวนอินทผลัมและองุ่น แล้วให้เกิดธารน้ำอยู่ท่ามกลางแห่งสวนนั้นด้วยก็ได้
๙๒. หรือท่านจะทำให้ฟ้าหล่นลงเป็นเสี่ยง ๆ มาทับพวกเราตามที่ท่านมั่นหมายไว้ดังในกรณีที่ท่านเคยพูดว่า “ถ้าเราประสงค์แล้ว เราจะให้พวกท่านถูกธรณีสูบลงไปถึงก้อนบึ้งหรือจะให้ฟ้าแตกเป็นก้อน ๆ หล่นมาทับพวกท่าน” หรือว่าท่านจะเอาอัลเลาะห์ด้วย และมลาอิกะห์ด้วยมาเป็นองค์พยาน ยืนยันคำอ้างของท่านว่า เป็นความถูกต้องด้วยก็ได้
๙๓. หรือท่านจะมีบ้านเป็นทองคำ หรือว่าท่านจะไต่บันไดขึ้นสู่ฟ้าก็ได้ ทั้งพวกเราจะเชื่อเพียงการร่ายคาถาของท่านด้วยคำอ่านจากพระคัมภีร์อัล-กุรอานอีกก็มิได้ จนกว่าท่านจะนำคัมภีร์จากฟ้า อันพวกเราอ่านได้ความในนั้นว่า เจ้าคือผู้จริงมาสู่พวกเรานั่นแหละ โอ้มุฮำมัด จงนึกประหลาดใจเถิด ต่อการที่พวกเหล่านั้น เร้าขอให้มีหกประการดังกล่าวแล้วอุบัติขึ้น เจ้าจงกล่าวเถิดแก่พวกเหล่านั้นว่า มหาบริสุทธิ์แห่งองค์อภิบาลของข้าพระองค์ ผู้ซึ่งใช่ว่าจะเนรมิตให้สิ่งหกประการที่พวกเหล่านั้นเร้าขออุบัติขึ้นได้ก็หาไม่ อันตัวฉัน(มุฮำมัด) นี้มิใช่ใครอื่น หากแต่คือมนุษย์ผู้ถูกแต่งเป็นศาสนทูตเหมือนกับคณะศาสนทูตอื่น ๆ ที่ไม่อาจนำเครื่องหมายใด ๆ มาตามคำวอนขอของประชากรด้วยตัวเองได้เลย นอกจากโดยมีอนุมัติมาแต่พระองค์เท่านั้น
๙๔. และในขณะได้มีกระแสโองการมาแล้ว หามีอันใดหักห้ามมนุษย์มิให้เชื่อกระแสโองการนั้นได้เลย นอกจากพวกเขาจะกล่าวถามเป็นนัยของปฏิเสธว่า อัลเลาะห์ทรงแต่งตั้งมนุษย์ เช่นเดียวกับพวกเขาเป็นศาสนทูตหรือ ? ขอพระองค์จงแต่งตั้งมลาอิกะห์เป็นศาสนทูตบ้างซิ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 20, 2013, 05:00 AM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลอิสรออ์ อายะฮฺที่ 95 - 98


คำแปล R1.
95. Say: "If there were on the earth, angels walking about in peace and security, we should certainly have sent down for them from the heaven an angel as a Messenger."
96. Say: "Sufficient is Allah for a witness between me and you. Verily! He is the All-Knower, the All-Seer of his slaves."
97. And he whom Allah guides, he is led aright; but he whom He sends astray for such you will find no Auliya' (helpers and protectors, etc.), besides him, and we shall gather them together on the Day of Resurrection on their faces, blind, dumb and deaf, their abode will be Hell; whenever it abates, we shall increase for them the fierceness of the Fire.
98. That is their recompense, because they denied our Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.) and said: "When we are bones and fragments, shall we really be raised up as a new creation?"


คำแปล R2.
95. จงประกาศเถิด! มาดแม้นในแผ่นดินมีแต่มลาอิกะฮฺที่เดินอย่างสงบ แน่นอนเราจักส่งมลาอิกะฮฺหนึ่งลงมาจากฟากฟ้าเป็นศาสนทูตสำหรับพวกเขา
96. จงประกาศเถิด! ย่อมเพียงพอแล้วด้วยการที่อัลเลาะฮฺทรงเป็นสักขีพยานระหว่างฉันและระหว่างพวกท่าน เพราะแท้จริง พระองค์ทรงตระหนักยิ่ง อีกทั้งทรงมองเห็นมวลข้าทาสของพระองค์”
97. และผู้ใดที่อัลเลาะฮฺทรงชี้นำเขา แน่นอนเขาย่อมเป็นผู้ได้รับการชี้นำ(ที่อยู่ในทางถูก) และผู้ใดซึ่งอัลเลาะฮฺปล่อยเขาให้หลงผิด แน่นอนเจ้าจะไม่พบบรรดาผู้คุ้มครองสำหรับพวกเขานอกเหนือจากพระองค์เลย และเราทำการชุมนุมพวกเขาในวันชาติหน้าโดยพวกเขาคว่ำหน้า(เดินต่างเท้า) ในสภาพตาบอด เป็นใบ้และหูหนวก ที่อยู่ของพวกเขาคือนรกยะฮันนัม ทุกครั้งที่มันมอดลง เราก็เพิ่มความเผาไหม้แก่พวกเขายิ่งขึ้น
98. นั้น! เป็นสิ่งตอบแทนพวกเขาเพราะเหตุพวกเขาได้ปฏิเสธโองการต่าง ๆ ของเรา และพวกเขากล่าวว่า “เมื่อพวกเรา(ตายไป)เหลือแต่กระดูกและเน่าเปื่อยเป็นผุยผงไปแล้ว เราจะยังถูกฟื้นขึ้นมาในกำเนิดใหม่อีกกระนั้นหรือ?”


คำแปล R3.
95. จงบอกพวกเขาว่า “ถ้าหากมลาอิกะฮฺอยู่บนโลกและไปไหนมาไหนได้โดยสงบ แน่นอนเราจะส่งมลาอิกะฮฺผู้หนึ่งมาเป็นรอซูลยังพวกเขา”
96. (โอ้ มุฮัมมัด) จงบอกพวกเขา “อัลลอฮฺก็พอแล้วสำหรับการเป็นพยานสำหรับพวกท่านและฉัน เพราะพระองค์ทรงรู้ดีและทรงเฝ้าดูสิ่งที่บ่าวของพระองค์กำลังทำอยู่
97. ใครก็ตามที่อัลลอฮฺทรงนำทางเขาผู้นั้นก็จะอยู่ในหนทางที่ถูกต้องและใครก็ตามที่อัลลอฮฺทรงปล่อยให้หลงทางเจ้าจะไม่พบผู้คุ้มครองและผู้ช่วยเหลือใดอื่นสำหรับพวกเขานอกจากพระองค์ ในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ เราจะรวมไว้บนหน้าของพวกเขา ตาบอด เป็นใบ้และหูหนวก ที่พำนักของพวกเขาคือนรก เมื่อใดก็ตามที่ไฟมอด เราก็ให้มันลุกโชนขึ้นอีกสำหรับพวกเขา
98. นี่คือการตอบแทนสำหรับพวกเขา เพราะพวกเขาปฏิเสธสัญญาของเราและกล่าวว่า “เราจะถูกทำให้ฟื้นคืนชีพมาใหม่อีกกระนั้นหรือ ในเมื่อเราได้กลายเป็นกระดูกและผุกร่อนแล้ว ?”


คำแปล R4.
95. จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด หากมะลาอิกะฮเดินสัญจรอย่างสงบในแผ่นดิน แน่นอนเราจะส่งมะลักหนึ่งลงมาจากฟากฟ้า เป็นรอซูลแก่พวกเขา
96. จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด พอเพียงแล้วที่อัลลอฮทรงเป็นพยาน ระหว่างฉันและพวกท่านแท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้ ทรงมองเห็นปวงบ่าวของพระองค์
97. และผู้ใดที่อัลลอฮทรงแนะแนวทาง เขาก็จะเป็นผู้อยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง และผู้ใดที่อัลลอฮทรงให้หลงทางแล้ว ดังนั้นสูเจ้าจะไม่พบอีกเลยสำหรับพวกเขา ซึ่งบรรดาผู้คุ้มครองอื่นจากพระองค์และเราจะชุมนุมพวกเขาในวันกิยามะฮ ถูกลากคว่ำหน้า โดยมีสภาพเป็นคนตาบอด เป็นใบ้และหูหนวก ที่พำนักของพวกเขาคือนรกญะฮันนัมทุกครั้งที่มันมอดเราได้เพิ่มการเผาไหม้ลุกโชนแก่พวกเขา
98. นั่นคือการตอบแทนของพวกเขา โดยแน่นอน พวกเขาปฏิเสธศรัทธาต่อโองการทั้งหลายของเรา และพวกเขากล่าวว่า เมื่อเราเป็นกระดูกและร่วนยุ่ยแล้ว แท้จริงเราจะถูกให้ฟื้นขึ้นเพื่อกำเนิดใหม่ได้อย่างไร


คำแปล R5.
๙๕. โอ้มุฮำมัด จงกล่าวเถิดแก่ชนเหล่านั้นว่า ถ้าที่หน้าแผ่นดินนี้มีมลาอิกะห์เดินไปมาอยู่ ตั้งภูมิลำเนาอยู่ด้วยแล้วไซร้ เรา(อัลเลาะห์) จะส่งมลาอิกะห์จากฟากฟ้ามาเป็นศาสนทูตแก่เขาเหล่านั้นแน่นอน เพราะธรรมดาของผู้เป็นศาสนทูตแล้วย่อมได้รับแต่งตั้งมาจากบุคคลในหมู่ชนเดียวกัน ทั้งนี้เนื่องด้วยการเจรจาโต้ตอบกันระหว่างปวงชนกับตัวศาสนทูตก็ดี และความเข้าใจกันโดยง่ายระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ดีย่อมเป็นความสะดวกสบาย
๙๖. โอ้ มุฮำมัด จงกล่าวเถิดแก่ชนเหล่านั้นว่า เป็นความเพียงพอแล้วที่มีอัลเลาะห์ทรงเป็นองค์พยานอยู่ท่ามกลางระหว่างฉันกับพวกท่าน ว่าฉันคือศาสนทูตได้รับแต่งตั้งจากอัลเลาะห์มาสู่พวกท่านให้เผยปรากฏการณ์อัศจรรย์ขึ้น และว่าฉันได้นำบรรดาโองการที่ฉันได้รับแต่พระองค์มาประกาศแก่พวกท่านโดยทั่วถึงแล้ว ด้วยพระองค์นั้นทรงเป็นองค์รอบรู้ยิ่ง ทรงเป็นองค์แลเห็นยิ่ง ถึงปวงบ่าวของพระองค์ตลอดทั้งภายภาคนอกและภาคใน
๙๗. แล้วถ้าผู้ใดที่อัลเลาะห์ทรงชี้แนวธรรมให้ ผู้นั้นย่อมเป็นผู้อยู่ในธรรม และถ้าผู้ใดที่พระองค์ให้หลงงมงายออกนอกแนวธรรมแล้ว เจ้าจะไม่ได้พบใครอื่นจากพระองค์เลยที่เป็นผู้คุ้มครอง คอยชี้แนวธรรมให้พวกเขานั้น ทั้งในวันกิยามะห์ หลังจากมีการฟื้นชีวิตขึ้นใหม่จากแหล่งสุสานแล้ว เรา(อัลเลาะห์) ยังจะต้อนพวกเขาให้เอาหน้าเดินไถเถือกไป ส่วนเท้าก็ชี้ตรงขึ้นฟ้า ไหนนัยน์ตาก็ยังจะบอด ปากก็ยังจะใบ้ และหูยังจะหนวกอีก ซ้ำขุมนรกยะฮันนำยังเป็นที่พำนักอาศัยของเขาด้วย คราวใดที่เปลวเพลิงราลง เรา(อัลเลาะห์) ก็ยิ่งเพิ่มเปลวไฟลุกโชนขึ้นเต็มที่แก่พวกเขานั้น
๙๘. การลงโทษพวกเขานั่นแหละ คือค่าตอบแทนสำหรับพวกเขา ฐานที่พวกเขาไม่เชื่อบรรดาโองการของเรา แต่พวกเขากลับเอ่ยเป็นเชิงปฏิเสธ เรื่องการถูกฟื้นชีวิตขึ้นจากแหล่งสุสานว่า ก็ในเมื่อพวกเราเป็นกระดูกและเป็นดินไปแล้ว พวกเรายังจะถูกบังเกิดขึ้นในรูปกำเนิดใหม่อีกได้หรือ ? พวกเราจะถูกสร้างขึ้นเป็นเช่นนั้นหาได้ไม่


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลอิสรออ์ อายะฮฺที่ 99 – 100


คำแปล R1.
99. See they not that Allah, who created the heavens and the earth, is able to create the like of them. And He has decreed for them an appointed term, whereof there is not doubt. But the Zalimun (polytheists and wrong-doers, etc.) refuse (the truth the message of Islamic Monotheism, and accept nothing) but disbelief.
100. Say (to the disbelievers): "If you possessed the treasure of the mercy of my Lord (wealth, money, provision, etc.), then you would surely hold back (from spending) for fear of (being exhausted), and man is ever miserly!"


คำแปล R2.
99. พวกเขาไม่รู้หรือว่า แท้จริงอัลเลาะฮฺพระผู้ทรงบันดาลฟากฟ้าและแผ่นดิน ย่อมทรงอานุภาพที่จะบันดาลเหมือนพวกเขาได้ และพระองค์ได้กำหนดอายุขัยแก่พวกเขาโดยไม่มีข้อสงสัยในนั้นเลย แต่แล้วทุจริตชนทั้งหลายกับดื้อดึงอีกทั้งเนรคุณเป็นอย่างยิ่ง
100. จงประกาศเถิด! มาดแม้นพวกท่านทั้งหลายมีสิทธิ์ครอบครองบรรดาคลังแห่งพระเมตตาธิคุณขององค์อภิบาลของฉัน แน่นอนพวกท่านก็คงยับยั้งความกลัว (ความสิ้นเปลืองใน) การใช้จ่ายไว้ได้โดยพลัน และปกติของมนุษย์นั้น เป็นผู้ตระหนี่อย่างยิ่ง


คำแปล R3.
99. พวกเขาไม่คิดหรือว่า อัลลอฮฺผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิรทรงมีอำนาจที่จะสร้างสิ่งที่เหมือนกับพวกเขาได้ ? พระองค์ได้ทรงกำหนดเวลาสำหรับทำให้พวกเขาฟื้นขึ้นมาไว้แล้วโดยไม่ต้องสงสัย แต่บรรดาผู้สร้างความอธรรมยังคงดึงดันปฏิเสธ
100. (โอ้ มุฮัมมัด) จงกล่าวแก่พวกเขา “ถ้าหากคลังสมบัติแห่งความเมตตาของพระผู้อภิบาลของฉันอยู่ในความครอบครองของพวกท่าน พวกท่านก็คงจะหน่วงมันไว้ ด้วยกลัวว่ามันจะถูกใช้จ่ายหมดไป แท้จริงมนุษย์นั้นใจแคบเสมอ”


คำแปล R4.
99. พวกเขาไม่เห็นดอกหรือว่า แท้จริงอัลลอฮผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน พระองค์เป็นผู้ทรงอานุภาพที่จะสร้างเยี่ยงพวกเขา และทรงกำหนดเวลาหนึ่งสำหรับพวกเขา ไม่มีการสงสัยใด ๆ ในนั้น แต่พวกอธรรมปฏิเสธไม่ยอมรับนอกจากการไม่ศรัทธา
100. จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด หากพวกท่านครอบครองขุมแห่งความเมตตาของพระเจ้าของฉัน เมื่อนั้นพวกท่านก็จะหน่วงเหนี่ยวมันไว้ เพราะกลัวการบริจาค และมนุษย์นั้นเป็นคนตระหนี่


คำแปล R5.
๙๙. พวกเขานั้นไม่รู้ดอกหรือว่า อัลเลาะห์ผู้ทรงสร้างบรรดาชั้นฟ้าทั้งเจ็ดและผืนแผ่นดิน เป็นองค์มีพลานุภาพในการสร้างแบบอย่างของมนุษยชาติตัวเล็ก ๆ เช่นพวกเขาได้ และทรงกำหนดวาระกาลแห่งความตายและการฟื้นชีพจากสุสานสำหรับพวกเขาได้โดยไม่มีข้อสงสัยเลย แต่พวกกาฟิรมิเพียงแต่จะดื้อดึงเท่านั้น ยังปฏิเสธในข้อที่เกี่ยวกับกำหนดกาลอีกด้วย
๑๐๐. โอ้มุฮำมัดจงกล่าวเถิดแก่ชนเหล่านั้นว่า แม้พวกท่านได้ครองแหล่งคลังแห่งปัจจัยยังชีพก็ดี แห่งน้ำฝนก็ดี อันเป็นคลังแห่งความปรานีจากองค์พระผู้อภิบาลของฉันไซร้ พวกท่านย่อมตระหนี่เหนียวแน่นด้วยกลัวจะสิ้นเปลืองขึ้นทันที เพราะเหตุแห่งการบริจาค อันมนุษย์นั้นก็เป็นคนขี้ตระหนี่อยู่แล้ว


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลอิสรออ์ อายะฮฺที่ 101 - 104


คำแปล R1.
101. And indeed we gave to Musa (Moses) nine clear signs. Ask then the Children of Israel, when he came to them, then Fir'aun (Pharaoh) said to him: "O Musa (Moses)! I think you are indeed bewitched."
102. [Musa (Moses)] said: "Verily, you know that these signs have been sent down by none but the Lord of the heavens and the earth as clear (evidences i.e. proofs of Allah's Oneness and his Omnipotence, etc.). and I think you are, indeed, O Fir'aun (Pharaoh) doomed to destruction (away from all good)!"
103. So he resolved to turn them out of the land (of Egypt). But we drowned him and all who were with him.
104. And we said to the Children of Israel after him: "Dwell in the land, then, when the final and the last promise comes near [i.e. the Day of Resurrection or the descent of Christ ['Iesa (Jesus), son of Maryam (Mary) on the earth]. We shall bring you altogether as mixed crowd (gathered out of various nations).[Tafsir Al-Qurtubi, Vol. 10, Page 338]


คำแปล R2.
101. ขอยืนยัน! แท้จริงเราได้มอบสัญลักษณ์อันชัดแจ้งเก้าประการแก่มูซา ดังนั้นเจ้าจงสอบถามวงศ์วานแห่งอิสรออีลเถิด เมื่อมูซาได้มา(ประกาศสัจธรรม) สู่พวกเขาแล้วฟิรเอาน์ได้กล่าวแก่เขาว่า “แท้จริงฉันมั่นใจว่าท่านเป็นเพียงผู้ถูกมายากลเท่านั้น โอ้มูซา! (หาใช่ศาสนทูตไม่)”
102. มูซาจึงตอบว่า “ท่านก็ทราบว่าไม่มีผู้ใดส่งบรรดาสัญลักษณ์เหล่านี้ได้หรอก นอกจากองค์อภิบาลแห่งฟากฟ้าและแผ่นดินเพื่อเป็นเครื่องสังเกต(เป็นพยานยืนยันในความสัจจะของฉัน) และฉันมั่นใจว่าท่านนั้นเป็นผู้ประสบความหายนะอย่างแน่นอน
103. แต่ฟิรเอาน์มีความปรารถนาที่จะขับพวกเขา(พวกอิสรออีล)ให้ออกพ้นไปจากแผ่นดิน(อียิปต์) ดังนั้นเราจึงให้เขาและไพร่พลที่(เดินทัพ)พร้อมกับเขาจมน้ำตายหมดสิ้น
104. และเราได้มีบัญชาแก่พวกวงศ์วานของอิสรออีลภายหลังจากเขา(ได้จมน้ำตายแล้ว)ว่า “พวกเจ้าจงพำนักอยู่ในแผ่นดิน(ชาม)เถิด ครั้นเมื่อมีสัญญาสุดท้าย(วันชาติหน้า)ได้ปรากฏขึ้นแล้ว เราก็จะนำพวกเจ้าทั้งหลายมาอยู่ปะปนกัน


คำแปล R3.
101. และเราได้ให้สัญญาณที่ชัดแจ้ง 9 อย่างแก่มูซา ดังนั้นสูเจ้าจงถามวงศ์วานของอิสรออีลเกี่ยวกับมัน เมื่อสัญญาณเหล่านั้นได้มาอยู่ต่อหน้าฟิรเอาน์ เขาก็ได้กล่าวว่า “มูซาเอ๋ย ฉันถือว่าท่านถูกอาคมอย่างแน่นอน”
102. มูซาได้ตอบว่า “ท่านรู้ดีว่าไม่มีใครนอกจากพระผู้อภิบาลแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินที่ส่งสัญญาณเหล่านี้ลงมาเพื่อเป็นที่เปิดตา และฟิรเอาน์เอ๋ย ฉันถือว่าท่านต่างหากที่เป็นคนจะได้รับความหายนะ”
103. ในที่สุดฟิรเอาน์ก็คิดที่จะขจัดมูซาและวงศ์วานออกไปจากแผ่นดิน แต่เราได้ทำให้เขาและพวกพ้องทั้งหมดของเขาจมน้ำตาย
104. และเราได้กล่าวแก่พวกวงศ์วานอิสรออีลว่า “ตอนนี้สูเจ้าจงตั้งหลักแหล่งอยู่ในแผ่นดินและเมื่อเวลาแห่งการฟื้นคืนชีพที่ถูกกำหนดไว้มาถึง เราจะรวมสูเจ้าเข้าไว้ด้วยกัน”


คำแปล R4.
101. และโดยแน่นอน เราได้ให้แก่มูซาสัญญาณต่างๆ อันแจ่มชัด 9 ประการ ดังนั้น เจ้าจงถามวงศ์วานของอิสรออีลเมื่อเขา (มูซา) มายังพวกเขา ฟิรเอานได้พูดกับเขาว่า โอ้ มูซาเอ๋ย แท้จริงฉันคิดว่าท่านถูกเวทมนต์อย่างแน่นอน
102. เขากล่าวว่า โดยแน่นอนท่านย่อมรู้ดีว่าไม่มีผู้ใดประทานสิ่งเหล่านี้ นอกจากพระเจ้าแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเพื่อเป็นพยาน และแท้จริงฉันคิดว่าแน่นอนท่าน โอ้ฟิรเอานเอ๋ย เป็นผู้หายนะแล้ว
103. ดังนั้น เขา (ฟิรเอานฺ) ต้องการที่จะย้ายพวกเขาออกไปจากแผ่นดิน ฉะนั้น เราจึงให้เขาจมน้ำตายและผู้ที่อยู่ร่วมกับเขาทั้งหมด
104. และเราได้กล่าวแก่วงศ์วานของอิสรออีลหลังจากเขาว่า“จงพำนักอยู่ในดินแดนนี้ ดังนั้นเมื่อสัญญาแห่งวันอาคิเราะฮได้มาถึง เราจะนำพวกเจ้าทั้งหมดมารวมไว้ด้วยกัน


คำแปล R5.
๑๐๑. ความจริงเรา (อัลเลาะห์) ให้มูซาได้รับบรรดาเครื่องหมายซึ่งแสดงชัดเก้าอย่าง คือ ทำให้มือด่างหลังจากชักออกจากคอเสื้อ ไม้เท้ากลายเป็นงู น้ำท่วม ให้เกิดมีตั๊กแตนทำลายพืชพันธุ์และผลไม้ ให้ตัวหมัดก่อความเดือดร้อน ให้มีกบเกลื่อนกลาดตามบ้านช่องตลอดทั้งในอาหาร ให้น้ำดื่มเป็นเลือด ให้ทรัพย์สมบัติกลายเป็นก้อนหิน และให้เกิดแห้งแล้งถึงขนาดทำให้ผลไม่ผลิผลน้อย โอ้มุฮำมัด เจ้าจงไต่ถามชนในตระกูลอิสรออีลดูเถิดถึงเรื่องระหว่างมูซา ฟิรเอาน์และพวก เพื่อว่าพวกมุชริกจะได้ยอมรับว่าเจ้าคือ ผู้พูดเป็นสัจจริงในเรื่องราวของมูซา เมื่อเขา(มูซา) ได้ไปถึงพวกในตระกูลอิสรออีลเหล่านั้นแล้ว ฟิรเอาน์จึงพูดแก่เขา(มูซา) ว่า โอ้มูซาฉันคิดว่าตัวท่านนี้ถูกครอบงำด้วยวิทยากลเสียแล้ว สติปัญญาของท่านต้องวิกลเป็นแน่
๑๐๒. พระองค์อัลเลาะห์ตรัสว่า โดยที่แท้แล้วเจ้าก็รู้อยู่ว่า หามีผู้ใดที่ลงสิ่งทั้งเก้าเหล่านี้มา เพื่อให้เป็นที่น่าพินิจไม่นอกจาก อัลเลาะห์ องค์พระผู้อภิบาลแห่งบรรดาชั้นฟ้าทั้งเจ็ดและผืนแผ่นดินเท่านั้น แต่เจ้ากลับปฏิเสธของจริงเสีย โอ้ฟิรเอาน์ ข้า(อัลเลาะห์) ย่อมรู้ว่าเจ้านั้นคือผู้หายนะหรือผู้ถูกขจัดให้ออกห่างจากคุณธรรม
๑๐๓. แต่เขา(ฟิรเอาน์) ต้องการจะขับพวกเหล่านั้นคือทั้งมูซาและชนแห่งตระกูลอิสรออีลออกจากแผ่นดินอียิปต์ เรา(อัลเลาะห์) จึงให้เขา(ฟิรเอาน์) และพวกพ้องทั้งหมดของเขา(ฟิรเอาน์) จมน้ำตาย
๑๐๔. และหลังจากเราให้จมน้ำตายกันหมดสิ้นแล้วนั้น เรา(อัลเลาะห์) ได้สั่งแก่ชนแห่งสกุลอิสรออีลว่า พวกเจ้าจงพักอาศัยอยู่ ณ แผ่นดินซีเรีย(ชาม)และแผ่นดินอียิปต์เถิด ครั้นเมื่อถึงวาระแห่งวันปรภพแล้ว เรา(อัลเลาะห์) จะนำพวกเจ้าและพรรคพวกของฟิรเอาน์มาปะปนกัน และเราจะตัดสินท่ามกลางพวกเจ้าทั้งปวง เสร็จแล้วก็จะจำแนกชนผู้มีศรัทธาออกจากชนกาฟิร


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลอิสรออ์ อายะฮฺที่ 105 - 109


คำแปล R1.
105. And with truth we have sent it down (i.e. the Qur'an), and with truth it has descended. And we have sent you (O Muhammad) as nothing but a bearer of glad tidings (of Paradise, for those who follow your message of Islamic Monotheism), and a Warner (of Hell-fire for those who refuse to follow your message of Islamic Monotheism).
106. And (it is) a Qur'an which we have divided (into parts), in order that you might recite it to men at intervals. And we have revealed it by stages. (In 23 years).
107. Say (O Muhammad to them): "Believe in it (the Qur'an) or do not believe (in it). Verily! Those who were given knowledge before it (the Jews and the Christians like 'Abdullah bin Salam and Salman Al-Farisi), when it is recited to them, fall down on their faces in humble prostration."
108. And they say: "Glory be to our Lord! Truly, the Promise of our Lord must be fulfilled."
109. And they fall down on their faces weeping and it adds to their humility.


คำแปล R2.
105. และโดยสัจจะ เราได้มอบสิ่งนั้น (อัลกุรอาน) ลงมา และโดยสัจจะ สิ่งนั้นได้ลงมา และเรามิได้ส่งเจ้ามา(เพื่ออื่นใด) นอกจากให้เป็นผู้แจ้งข่าวดี และเป็นผู้ตักเตือน(แก่มวลมนุษยชาติ)
106. และเราจำแนกกุรอาน(ให้ทยอยลงมาตามเหตุการณ์ต่าง ๆ) เพื่อเจ้าจะได้อ่านให้มนุษย์(ฟัง)อย่างช้า ๆ (พวกเขาจะได้เข้าใจง่าย) และเราได้ทยอยลงกุรอานมา(เป็นครั้งคราว ไม่รวมลงมาครั้งเดียวจบ)
107. จงประกาศเถิด! “ท่านทั้งหลายจงศรัทธาต่อกุรอานเถิด หรือท่านทั้งหลายจงอย่าศรัทธา(ก็ตาม สุดแต่พวกท่านจะเลือกดอา เพราะจะศรัทธาหรือไม่ศรัทธาก็ไม่ได้ทำให้สัจธรรมแห่งอัลกุรอานลดน้อยลงเลย) 108. แท้จริงบรรดาผู้มีความรู้ก่อนหน้านั้น เมื่อกุรอานถูกอ่านให้พวกเขาฟัง พวกเขาก็รีบหมอบลงจรดคางของพวกเขาเพื่อกราบ(นมัสการต่ออัลเลาะฮฺ)
109. และพวกเขากล่าวว่า “ทรงบริสุทธิ์ยิ่งนัก องค์อภิบาลของเรา แท้จริงสัญญาแห่งองค์อภิบาลของเราย่อมถูกกระทำ(ให้สัมฤทธิ์ผล)เสมอ”
และพวกเขาหมอบลงจรดคางพลางร่ำไห้ และอัลกุรอานเพิ่มพูลความนอบน้อมแก่พวกเขา


คำแปล R3.
105. เราได้ส่งกุรอานลงมาด้วยสัจธรรม และด้วยสัจธรรมที่มันได้ลงมา (โอ้ มุฮัมมัด) เราไม่ได้ส่งเจ้ามาเพื่ออื่นใดนอกจากเพื่อแจ้งข่าวดี (แก่บรรดาผู้ศรัทธา) และตักเตือน (บรรดาผู้ปฏิเสธ)
106. และเราได้ส่งกุรอานนี้ลงมาเป็นตอนเพื่อที่เจ้าจะได้ค่อย ๆ อ่านให้แก่ผู้คนทีละตอน และเราได้ประทานมันลงมาเป็นคราว ๆ (ตามสถานการณ์)
107. (โอ้ มุฮัมมัด) จงกล่าวแก่พวกเขาว่า “ไม่ว่าพวกท่านจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม บรรดาผู้ที่ได้รับความรู้ก่อนหน้านี้ พวกเขาจะก้มหน้าลงกราบเมื่อมันได้ถูกอ่านแก่เขา
108. และพวกเขาจะกล่าวว่า “มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระผู้อภิบาลของเรา สัญญาของพระองค์จะเป็นจริงอย่างครบถ้วนแน่นอน”
109. และพวกเขาจะก้มหน้าลงจรดพื้น พลางร้องไห้เมื่อพวกเขาได้ยินมัน และนี่ได้ทำให้พวกเขาถ่อมตัวมากขึ้น


คำแปล R4.
105. และด้วยความจริง เราได้ประทานมัน (อัลกุรอาน) ลงมา และด้วยความจริงมันได้ลงมาและเรามิได้ส่งเจ้าเพื่ออื่นใด นอกจากเพื่อเป็นผู้แจ้งข่าวดี และเป็นผู้ตักเตือน
106. และอัลกุรอาน เราได้แยกมันไว้อย่างชัดเจน เพื่อเจ้าจะได้อ่านมันแก่มนุษย์อย่างช้า ๆ และเราได้ประทานมันลงมาเป็นขั้นตอน
107. จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด พวกท่านจะศรัทธาในมันหรือไม่ศรัทธาก็ตาม แท้จริง บรรดาผู้ได้รับความรู้ก่อนหน้ามันนั้น เมื่อมันได้ถูกอ่านแก่พวกเขาพวกเขาจะหมอบราบลง ใบหน้าจรดพื้นเพื่อสุญด
108. และพวกเขาจะกล่าวว่า มหาบริสุทธิ์แห่งพระเจ้าของเรา สัญญาของพระเจ้าของเรานั้นแน่นอน ย่อมถูกปฏิบัติให้ครบถ้วน
109. และพวกเขาจะหมอบราบลงใบหน้าจรดพื้นพลางร้องไห้ และมันจะเพิ่มการสำรวมแก่พวกเขา


คำแปล R5.
๑๐๕. และเพื่อแก่เอกภาพ แห่งเรา เราจึงได้ดลพระคัมภีร์อัล-กุรอานลงมาและเพื่อสัจธรรมไม่ว่าจะโดยเป็นข้อใช้หรือข้อห้ามก็ดี จะเป็นบทสัญญาให้เข้าสวรรค์หรือเข้าขุมนรกก็ดี พระคัมภีร์อัล-กุรอานจึงมีลงมา ซึ่งสัจธรรมเหล่านั้นจะไม่มีการเปลี่ยนแปงเลย โอ้มุฮำมัด เรา(อัลเลาะห์) มิได้แต่งตั้งเจ้าเพื่ออะไรนอกจากให้เป็นผู้แพร่ข่าวดีแก่ผู้มีศรัทธาให้ปลื้มปีติด้วยการเข้าสู่สวรรค์และเป็นผู้ตักเตือนชนผู้ไร้ศรัทธาให้หวาดกลัวการเข้าสู่ขุมนรกเท่านั้น
๑๐๖. ทั้งอัล-กุรอานนั้นเรา(อัลเลาะห์) ก็ยังได้แยกลงมาเป็นระยะ ๆ ยังภาคพิภพนี้ถึง ๒๐ งวด ในเวลา ๒๐ หรือ ๒๓ ปีเพื่อเจ้าจะได้อ่านให้ปวงชนฟังอย่างบรรจงและเชื่องช้า อันจะก่อให้พวกเขาเกิดความเข้าใจในเนื้อหาแห่งอัล-กุรอานเป็นอย่างดีและเรา(อัลเลาะห์) ได้ดลพระคัมภีร์ อัลกุรอานทะยอยกันมาทีละเล็กทีละน้อยตามสถานการณ์อีกด้วย
๑๐๗. โอ้ มุฮำมัดจงกล่าวเถิดแก่ชนกาฟิรชาวนครมักกะห์ว่า “พวกเจ้าจงเชื่อพระคัมภีร์อัล-กุรอานนั้นเถิด หรืออย่าเชื่อก็ได้” ใช่ว่าการเชื่อของพวกเจ้านั้นจะเพิ่มความบริสุทธิ์แก่พระคัมภีร์อัลกุรอานก็หาไม่ และความไม่เชื่อของพวกเจ้าก็เช่นกัน ใช่ว่าจะลดความสำคัญของอัลกุรอานลงได้ไม่ แน่แท้ผู้ศรัทธาทั้งฝ่ายยะฮูดี เช่น อับดุลเลาะห์บุตรสลาม และฝ่ายนัซรอนี เช่น ซัลมานอัลฟาริซีย์ ผู้ซึ่งมีคุณวุฒิอยู่ก่อนจากพระคัมภีร์อัล-กุรอานถูกประทานลงมานั้น เมื่อพระคัมภีร์อัล-กุรอานถูกนำมาอ่านให้พวกเขาฟัง พวกเขาก็ก้มหน้าลงกราบแสดงความเคารพต่ออัลเลาะห์ทันที
๑๐๘.พลางกล่าวว่า มหาบริสุทธิ์แด่องค์พระผู้อภิบาลแห่งข้าพระองค์ ผู้ซึ่งจะทรงผิดสัญญาก็หามิได้ ด้วยว่าสัญญาจากองค์อภิบาลแห่งข้าพระองค์ ที่ว่าจะทรงมอบพระคัมภีร์อัล-กุรอาน ลงมาก็ดี จะทรงแต่งตั้งมุฮำมัดมาเป็นพระศาสนทูตตามปรากฏอยู่ในโบราณคัมภีร์นั้น สัมฤทธิ์ผลแล้ว
๑๐๙. พวกเขายังก้มหน้าลงกราบ พลางร่ำไห้อีกด้วย ทั้งพระคัมภีร์ อัลกุรอานนี้ก็ยิ่งทวีความนอบน้อมถ่อมตนแก่พวกเขาอีก


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลอิสรออ์ อายะฮฺที่ 110 - 111


คำแปล R1.
110. Say (O Muhammad): "Invoke Allah or invoke the Most Beneficent (Allah), by whatever name you invoke Him (it is the same), for to Him belong the best Names. And offer your Salat (prayer) neither aloud nor in a low voice, but follow a way between.
111. And say: "All the praises and thanks be to Allah, who has not begotten a son (nor an offspring), and who has no partner in (His) Dominion, nor he is low to have a Wali (helper, protector or supporter). And magnify him with all the magnificence, [Allahu-Akbar (Allah is the Most Great)]."


คำแปล R2.
110. จงประกาศเถิด! “ท่านทั้งหลายจงเรียกพระนาม “อัลเลาะฮฺ” หรือจงเรียกพระนาม “อัรเราะห์มาน-ผู้ทรงเมตตา” ไม่ว่านามใดก็ตามที่พวกท่านเรียก แน่นอนสำหรับพระองค์ทรงมีพระนามอันไพจิตรอยู่มากมาย (ถึง 99 พระนาม) และเจ้าจงอย่าทำละหมาดด้วยเสียงอันดัง(จนเกินไป) และเจ้าจงอย่าทำละหมาดแผ่วเบา(จนเกินไป) และเจ้าจงแสวงหาทาง(วิธีการละหมาดในระดับปานกลาง)ระหว่าง(ที่กล่าวมา)นั้น
111. และจงประกาศเถิด! “มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะอัลเลาะฮฺ ซึ่งพระองค์ไม่รับรองสิ่งใดเป็นบุตร และพระองค์ไม่มีภาคีใด ๆ ในอำนาจปกครอง และพระองค์ไม่มีผู้ช่วยเหลือให้พ้นจากความตกต่ำ (เพราะพระองค์สูงส่งโดยสมบูรณ์) และจงถวายสดุดีความยิ่งใหญ่ของพระองค์โดยแท้จริงเถิด


คำแปล R3.
110. (โอ้ นบี) จงบอกพวกเขา “พวกท่านจะเรียกพระองค์ด้วยนามอัลลอฮฺหรือ อัร-เราะฮฺมานก็ได้ เพราะมันก็เหมือนกัน เพราะพระนามทั้งหมดของพระองค์ประเสริฐยิ่ง และจงอย่าอ่านเสียงดังหรือแผ่วเบาในการนมาซของเจ้าแต่จงปฏิบัติตามทางสายกลางระหว่างทั้งสองนี้
111. และจงกล่าว “บรรดาการสรรเสริญเป็นของอัลลอฮฺผู้มิได้ทรงกำเนิดบุตรและไม่ได้มีหุ้นส่วนใด ๆ ในอาณาจักรของพระองค์ และมิทรงจำเป็นต้องมีผู้ช่วยเหลือใด” และจงประกาศความยิ่งใหญ่ของพระองค์ด้วยการสดุดีความเกรียงไกรของพระองค์


คำแปล R4.
110. จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด พวกท่านจงเรียกอัลลอฮหรือจงเรียกอัรเราะหมานเถิด อันใดก็ตามที่เจ้าเรียก สำหรับพระองค์นั้นพระนามสวยงามยิ่ง และอย่ายกเสียงดังในเวลาละหมาดของเจ้า และอย่าลดให้ค่อยเช่นกัน แต่จงแสวงหาทางระหว่างนั้น (ปานกลาง)
111. และจงกล่าวเถิดมุฮัมมัด การสรรเสริญทั้งมวลเป็นของอัลลอฮ ซึ่งไม่ทรงตั้งพระบุตรและไม่มีภาคีใด ๆ ร่วมกับพระองค์ในอำนาจ และไม่มีผู้ช่วยเหลือใด ๆ แก่พระองค์ให้พ้นจากความต่ำต้อยและจงให้ความเกรียงไกรแด่พระองค์อย่างกึกก้อง


คำแปล R5.
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ มีอยู่ว่า ในค่ำคืนหนึ่งพระศาสนทูตมุฮำมัด ซล.ได้แสดงเคารพโดยการก้มลงกราบและใจขณะก้มกราบอยู่นั้นท่านกล่าวถ้อยคำว่า “โอ้ อัลเลาะห์ โอ้องค์พระผู้มีเมตตายิ่ง” ฝ่ายอะบูยะฮัลอยู่ใกล้ ๆ ได้ยินถ้อยคำของมุฮำมัดก็กล่าวว่า มุฮำมัดเคยห้ามพวกเราบูชาพระเจ้าหลายองค์ แต่ตัวเองกลับวอนขอต่อพระเจ้าสององค์ จึงมีโองการลงมาว่า
๑๑๐. โอ้มุฮำมัดจงกล่าวแก่คณะของอะบูยะฮัลเถิดว่า พวกเจ้าจงเรียกหาอัลเลาะห์ หรือจงเรียกหา (อัล-เราะห์มาน) องค์ผู้เมตตายิ่งเถิด ไม่ว่าพระนามอันใดจากทั้งสองที่พวกเจ้าเรียกหา ก็คือพระนามอันไพจิตรสำหรับพระองค์ ซึ่งทั้งสองนี้เป็นเพียงพระนามส่วนหนึ่งจากบรรดาพระนามอันไพจิตรทั้งหมด ๙๙ พระนาม หาใช่องค์แห่งอัลเลาะห์ไม่ ฉะนั้นหากผู้ใดจดจำไว้จนขึ้นใจ ผู้นั้นได้เข้าสู่สวรรค์ ทั้งเจ้าอย่าเปล่งเสียงดังขณะเจ้ากำลังอ่านอยู่ในละหมาด ด้วยเกรงว่าพวกกาฟิรมุชริกจะได้ยินเสียง เกรงว่าพวกเหล่านั้นจะด่าเจ้าและด่าพระคัมภีร์อัล-กุรอานรวมทั้งอัลเลาะห์ผู้มอบอัล-กุรอานลงมาด้วย แต่เจ้าอย่าออกเสียงแผ่วเบานักเลยในขณะเจ้าอ่านในละหมาดที่ว่านั้น ทั้งนี้เพื่อว่าคณะสาวกของเจ้าจะได้สดับฟังเอาคุณประโยชน์ได้ เจ้าจงแสวงหาเอาแต่ทางเป็นกลาง ๆ เถิด ด้วยการอ่านไม่ดังนักและไม่แผ่วเบานัก
๑๑๑. โอ้ มุฮำมัด เจ้าจงกล่าวเถิดว่า การสรรเสริญนั้นเป็นสิทธิแห่งอัลเลาะห์ผู้ซึ่งไม่ถือเอาใด ๆ เป็นบุตรทั้งไม่มีคู่ภาคีใด ๆ สำหรับพระองค์ในความเป็นพระเจ้า และมิต้องมีผู้สงเคราะห์พระองค์ ด้วยเกรงว่าจะตกต่ำอีกด้วย และจงให้เกียรติอันยิ่งใหญ่ต่อพระองค์โดยครบถ้วน ในข้อซึ่งจะให้พระองค์ปราศจากการถือสิ่งใดเป็นบุตร การมีผู้เป็นภาคีและความตกต่ำ ตลอดถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่ควรคู่แก่พระองค์

----------------------------------------------------------
 
ดำรัสของอัลลอฮฺผู้ทรงยิ่งใหญ่เป็นจริงเสมอ (صدق الله العظيم)
จบสูเราะฮฺที่ 17 อัลอิสรออ์
والسلام عليكم ورحمة الله وبركاته


 

GoogleTagged