สูเราะฮฺ อัลอิสรออ์ อายะฮฺที่ 110 - 111คำแปล R1.110. Say (O Muhammad): "Invoke Allah or invoke the Most Beneficent (Allah), by whatever name you invoke Him (it is the same), for to Him belong the best Names. And offer your Salat (prayer) neither aloud nor in a low voice, but follow a way between.
111. And say: "All the praises and thanks be to Allah, who has not begotten a son (nor an offspring), and who has no partner in (His) Dominion, nor he is low to have a Wali (helper, protector or supporter). And magnify him with all the magnificence, [Allahu-Akbar (Allah is the Most Great)]."คำแปล R2.110. จงประกาศเถิด! “ท่านทั้งหลายจงเรียกพระนาม “อัลเลาะฮฺ” หรือจงเรียกพระนาม “อัรเราะห์มาน-ผู้ทรงเมตตา” ไม่ว่านามใดก็ตามที่พวกท่านเรียก แน่นอนสำหรับพระองค์ทรงมีพระนามอันไพจิตรอยู่มากมาย (ถึง 99 พระนาม) และเจ้าจงอย่าทำละหมาดด้วยเสียงอันดัง(จนเกินไป) และเจ้าจงอย่าทำละหมาดแผ่วเบา(จนเกินไป) และเจ้าจงแสวงหาทาง(วิธีการละหมาดในระดับปานกลาง)ระหว่าง(ที่กล่าวมา)นั้น
111. และจงประกาศเถิด! “มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะอัลเลาะฮฺ ซึ่งพระองค์ไม่รับรองสิ่งใดเป็นบุตร และพระองค์ไม่มีภาคีใด ๆ ในอำนาจปกครอง และพระองค์ไม่มีผู้ช่วยเหลือให้พ้นจากความตกต่ำ (เพราะพระองค์สูงส่งโดยสมบูรณ์) และจงถวายสดุดีความยิ่งใหญ่ของพระองค์โดยแท้จริงเถิดคำแปล R3.110. (โอ้ นบี) จงบอกพวกเขา “พวกท่านจะเรียกพระองค์ด้วยนามอัลลอฮฺหรือ อัร-เราะฮฺมานก็ได้ เพราะมันก็เหมือนกัน เพราะพระนามทั้งหมดของพระองค์ประเสริฐยิ่ง และจงอย่าอ่านเสียงดังหรือแผ่วเบาในการนมาซของเจ้าแต่จงปฏิบัติตามทางสายกลางระหว่างทั้งสองนี้
111. และจงกล่าว “บรรดาการสรรเสริญเป็นของอัลลอฮฺผู้มิได้ทรงกำเนิดบุตรและไม่ได้มีหุ้นส่วนใด ๆ ในอาณาจักรของพระองค์ และมิทรงจำเป็นต้องมีผู้ช่วยเหลือใด” และจงประกาศความยิ่งใหญ่ของพระองค์ด้วยการสดุดีความเกรียงไกรของพระองค์คำแปล R4.110. จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด พวกท่านจงเรียกอัลลอฮหรือจงเรียกอัรเราะหมานเถิด อันใดก็ตามที่เจ้าเรียก สำหรับพระองค์นั้นพระนามสวยงามยิ่ง และอย่ายกเสียงดังในเวลาละหมาดของเจ้า และอย่าลดให้ค่อยเช่นกัน แต่จงแสวงหาทางระหว่างนั้น (ปานกลาง)
111. และจงกล่าวเถิดมุฮัมมัด การสรรเสริญทั้งมวลเป็นของอัลลอฮ ซึ่งไม่ทรงตั้งพระบุตรและไม่มีภาคีใด ๆ ร่วมกับพระองค์ในอำนาจ และไม่มีผู้ช่วยเหลือใด ๆ แก่พระองค์ให้พ้นจากความต่ำต้อยและจงให้ความเกรียงไกรแด่พระองค์อย่างกึกก้องคำแปล R5.มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ มีอยู่ว่า ในค่ำคืนหนึ่งพระศาสนทูตมุฮำมัด ซล.ได้แสดงเคารพโดยการก้มลงกราบและใจขณะก้มกราบอยู่นั้นท่านกล่าวถ้อยคำว่า “โอ้ อัลเลาะห์ โอ้องค์พระผู้มีเมตตายิ่ง” ฝ่ายอะบูยะฮัลอยู่ใกล้ ๆ ได้ยินถ้อยคำของมุฮำมัดก็กล่าวว่า มุฮำมัดเคยห้ามพวกเราบูชาพระเจ้าหลายองค์ แต่ตัวเองกลับวอนขอต่อพระเจ้าสององค์ จึงมีโองการลงมาว่า๑๑๐. โอ้มุฮำมัดจงกล่าวแก่คณะของอะบูยะฮัลเถิดว่า พวกเจ้าจงเรียกหาอัลเลาะห์ หรือจงเรียกหา (อัล-เราะห์มาน) องค์ผู้เมตตายิ่งเถิด ไม่ว่าพระนามอันใดจากทั้งสองที่พวกเจ้าเรียกหา ก็คือพระนามอันไพจิตรสำหรับพระองค์ ซึ่งทั้งสองนี้เป็นเพียงพระนามส่วนหนึ่งจากบรรดาพระนามอันไพจิตรทั้งหมด ๙๙ พระนาม หาใช่องค์แห่งอัลเลาะห์ไม่ ฉะนั้นหากผู้ใดจดจำไว้จนขึ้นใจ ผู้นั้นได้เข้าสู่สวรรค์ ทั้งเจ้าอย่าเปล่งเสียงดังขณะเจ้ากำลังอ่านอยู่ในละหมาด ด้วยเกรงว่าพวกกาฟิรมุชริกจะได้ยินเสียง เกรงว่าพวกเหล่านั้นจะด่าเจ้าและด่าพระคัมภีร์อัล-กุรอานรวมทั้งอัลเลาะห์ผู้มอบอัล-กุรอานลงมาด้วย แต่เจ้าอย่าออกเสียงแผ่วเบานักเลยในขณะเจ้าอ่านในละหมาดที่ว่านั้น ทั้งนี้เพื่อว่าคณะสาวกของเจ้าจะได้สดับฟังเอาคุณประโยชน์ได้ เจ้าจงแสวงหาเอาแต่ทางเป็นกลาง ๆ เถิด ด้วยการอ่านไม่ดังนักและไม่แผ่วเบานัก
๑๑๑. โอ้ มุฮำมัด เจ้าจงกล่าวเถิดว่า การสรรเสริญนั้นเป็นสิทธิแห่งอัลเลาะห์ผู้ซึ่งไม่ถือเอาใด ๆ เป็นบุตรทั้งไม่มีคู่ภาคีใด ๆ สำหรับพระองค์ในความเป็นพระเจ้า และมิต้องมีผู้สงเคราะห์พระองค์ ด้วยเกรงว่าจะตกต่ำอีกด้วย และจงให้เกียรติอันยิ่งใหญ่ต่อพระองค์โดยครบถ้วน ในข้อซึ่งจะให้พระองค์ปราศจากการถือสิ่งใดเป็นบุตร การมีผู้เป็นภาคีและความตกต่ำ ตลอดถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่ควรคู่แก่พระองค์----------------------------------------------------------
ดำรัสของอัลลอฮฺผู้ทรงยิ่งใหญ่เป็นจริงเสมอ (صدق الله العظيم)
จบสูเราะฮฺที่ 17 อัลอิสรออ์
والسلام عليكم ورحمة الله وبركاته