ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 20 สูเราะฮฺ ฏอ ฮา  (อ่าน 4711 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Salmann

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 17
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
โอ้ ละเอียดดีจังครับ  mycool:

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ฏอฮา อายะฮฺที่ 83 - 89


คำแปล R1.
83. "And what made you hasten from your people, O Musa (Moses)?"
84. He said: "They are close on my footsteps, and I hastened to you, O my Lord, that you might be pleased."
85. (Allah) said: "Verily! We have tried your people in your absence, and As-Samiri has led them astray."
86. Then Musa (Moses) returned to his people in a state of anger and sorrow. He said: "O my people! Did not your Lord promise you a fair promise? Did then the promise seem to you long in coming? Or did you desire that wrath should descend from your Lord on you, so you broke your promise to me (i.e disbelieving in Allah and worshipping the calf)?"
87. They said: "We broke not the promise to you, of our own will, but we were made to carry the weight of the ornaments of the [Fir'aun's (Pharaoh)] people, then we cast them (into the fire), and that was what As-Samiri suggested."
88. Then he took out (of the fire) for them a statue of a calf which seemed to low. They said: "This is your Ilah (God), and the Ilah (God) of Musa (Moses), but [Musa (Moses)] has forgotten (his god).'"
89. Did they not see that it could not return them a word (for answer), and that it had no power either to harm them or to do them good?


คำแปล R2.
83. “และอะไรทำให้เจ้ารีบจากพวกพ้องของเจ้ามา โอ้มูซา”
84. เขากล่าวว่า “พวกเหล่านั้นอยู่ถัดข้าพเจ้าออกไปไม่ไกลเลย ข้าพเจ้ารีบมาหาพระองค์เพื่อพระองค์จะได้โปรดปราน(ข้าพเจ้า)”
85.พระองค์ทรงตรัสว่า “แท้จริงเราได้ปล่อยให้พวกพ้องของเจ้าปั่นป่วนภายหลังจากเจ้า(ได้จากพวกเขามา)และ(ชายผู้หนึ่งชื่อ)ซามิรีได้ทำให้พวกเขาหลงผิด (ด้วยการชักชวนให้หล่อรูปโคทองคำทำการกราบไหว้บูชา)
86. แล้วมูซาก็กลับมายังพรรคพวกของเขาอย่างโกรธจัดทั้งเสียใจยิ่ง เขากล่าวว่า “พวกพ้องของฉัน องค์อภิบาลของพวกท่านมิได้ให้สัญญาอันดีงามแก่พวกท่านไว้ดอกหรือ(ว่าจะประทานคัมภีร์เมื่อครบ 40 วัน) เป็นเพราะสัญญานั้นยาวนานสำหรับพวกท่านกระนั้นหรือ หรือเป็นเพราะพวกท่านปรารถนาที่จะให้ความกริ้วจากองค์อภิบาลของพวกท่านประสบแก่พวกท่าน พวกท่านจึงได้ผิดสัญญาของฉัน(ด้วยการกราบไหว้รูปหลอมโคทองนั้น)
87. พวกเขาตอบว่า “เรามิได้ผิดสัญญาของท่านโดยพลการของเราเองดอก แต่ทว่าพวกเราต้องรับภาระแบกหามบรรดาสัมภาระที่เป็นเครื่องประดับของคนพวกนั้น(ชาวอียิปต์ ฝ่ายฟิรเอาน์) ดังนั้นเราจึงโยนมัน(ลงไปในกองไฟ และหลอมมันเป็นรูปโคทอง) แล้วซามิรีก็โยนในลงไปเหมือนกัน
88. แล้วเขา(ซามิรี)ก็นำรูปโคทองออกมาให้พวกเขา มันมีร่างกาย(ครบถ้วน) อีกทั้งส่งเสียงร้อง พวกเขาจึงกล่าวว่า “นี่แหละพระเจ้าของพวกท่าน และพระเจ้าของมูซา แต่เขาลืมเสียแล้ว”
89. พวกเขาไม่สังเกตหรือว่า รูปโคนั้นไม่ได้โต้ตอบคำพูดกับพวกเขาเลย และมันไม่มีอำนาจที่จะให้โทษและให้คุณแก่พวกเขาด้วย


คำแปล R3.
83. “มูซาเอ๋ย อะไรเล่าที่ทำให้เจ้ารีบเร่งมาที่นี่ก่อนผู้คนของเจ้า?”
84. เขากล่าว่า “พวกเขากำลังตามฉันมา ฉันรีบมาหาพระองค์ก่อน โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน เพื่อที่พระองค์จะทรงโปรดปรานฉัน”
85. พระองค์ทรงกล่าวว่า “เราได้ทดลองผู้คนของเจ้าหลังจากเจ้า และชาวซามิรีได้ทำให้พวกเขาหลงผิด”
86. มูซาได้กลับไปหาผู้คนของเขาด้วยความโกรธและเศร้าใจ เมื่อไปถึงที่นั่น เขาได้กล่าวว่า “โอ้หมู่ชนของฉัน พระผู้อภิบาลของพวกเจ้ามิได้ทรงทำสัญญาที่ดีกับพวกเจ้ากระนั้นหรือ? คำสัญญานั้นนานเกินไปสำหรับพวกเจ้ากระนั้นหรือ? หรือพวกเจ้าต้องการให้ความกริ้วของพระผู้อภิบาลของเจ้าเกิดขึ้นแก่พวกเจ้า พวกเจ้าถึงได้ละเมิดสัญญาของพวกเจ้ากับฉัน?”
87. พวกเขาตอบว่า “เราไม่ได้ละเมิดสัญญากับท่านตามอำเภอใจของเรา แต่ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะเรารู้สึกว่า เครื่องประดับของผู้คนเหล่านั้นเป็นภาระหนักแก่เรา และเราเพียงแต่โยนมันลงไป หลังจากนั้น ชาวซามิรีก็เอาสิ่งเช่นเดียวกันนี้วางลงมาด้วย
88. แล้วเขาได้หลอมมันออกมาเป็นรูปวัวเตี้ยทั้งตัว แล้วพวกเขาก็ตะโกนว่า “นี่คือพระเจ้าของพวกท่านและพระเจ้าของมูซา แต่มูซาได้ลืมไป”
89. พวกเขาไม่เห็นหรือว่ามันไม่ได้ตอบคำวิงวอนของพวกเขา และไม่มีอำนาจใด ๆ ที่จะให้โทษและให้คุณแก่พวกเขาได้?


คำแปล R4.
83. และอะไรเล่าที่ทำให้เจ้ารีบเร่งออกจากกลุ่มชนของเจ้า โอ้ มูซาเอ๋ย
84. เขากล่าวว่า พวกเขาเหล่านั้นตามหลังข้าพระองค์มาอยู่แล้ว และข้าพระองค์ได้รีบเร่งมายังพระองค์เท่านั้น โอ้พระเจ้าของข้าพระองค์ก็เพื่อให้พระองค์ทรงพอพระทัยเท่านั้น
85. พระองค์ตรัสว่า แท้จริงเราได้ทดสอบกลุ่มชนของเจ้า หลังจากที่เจ้าได้จากมา และซามิรีย์ก็ได้ทำให้พวกเขาหลงทาง
86. มูซาได้กลับมายังกลุ่มชนของเขาด้วยความกริ้วโกรธเสียใจ เขากล่าวว่า โอ้กลุ่มชนของฉันเอ๋ย พระเจ้าของพวกท่านมิได้ทรงสัญญากับพวกท่านด้วยสัญญาที่ดีดอกหรือ คำมั่นสัญญานั้นนานเกินไปสำหรับพวกท่านกระนั้นหรือ หรือว่าพวกท่านประสงค์ที่จะให้ความกริ้วจากพระเจ้าของพวกท่าน เกิดขึ้นแก่พวกท่าน พวกท่านจึงได้บิดพลิ้วสัญญาของฉัน
87. พวกเขากล่าวว่า เรามิได้บิดพลิ้วสัญญาของท่าน ตามความสมัครใจของเราดอก แต่ว่าเราต้องแบกน้ำหนักเครื่องประดับของพรรคพวกอย่างมากมายเราจึงโยนมันลงไป เช่นเดียวกัน ซามิรีย์ก็ได้โยนมันลงไปด้วย
88. แล้วซามิรีย์ก็ได้ทำลูกวัวออกมาเป็นรูปร่างมีเสียงร้อง พวกเขาจึงกล่าวว่า นี่คือพระเจ้าของพวกท่าน และพระเจ้าของมูซา แต่เขาลืมเสีย
89. พวกเขาไม่รู้ดอกหรือว่า มันไม่อาจจะให้คำตอบแก่พวกเขา และมันไม่สามารถจะให้โทษและให้คุณแก่พวกเขาเลย


คำแปล R5.
๘๓. และเราได้กล่าวว่าโอ้มูซาเพราะอะไรเล่าที่ทำให้เจ้ามาเร็ว โดยเจ้ามาเพียงลำพังคนเดียวปราศจากพวกของเจ้าซึ่งความจริงแล้วมูซาได้ใช้ฮารูนให้เดินไปพร้อมกับพวกบนีอิสรออีลตามทางของมูวาและให้ไปพร้อมกันที่ภูเขาตูริซีนาเพื่อรับการประทานคัมภีร์เตารอต
๘๔. มูซากล่าวว่า พวกนั้นอยู่ใกล้ข้า พวกเขากำลังเดินมาตามรอยข้า แต่ข้ารีบร้อนมาหาพระองค์เพียงลำพังเพื่อพระองค์ยินดีต่อข้ายิ่งขึ้น
มูลเหตุของการประทานโองการนี้ สมัยหนึ่งฟิรเอาน์ได้เคยออกกฎหมายฆ่าเด็กผู้ชาย ปรากฏว่าผู้หญิงชาวบนีอิสรออีลเมื่อคลอดลูกออกมาเป็นชายก็พยายามซ่อนลูกของเขาไว้ตามหุบเขาตามถ้ำ ฯลฯ มลาอิกะห์ (เทวทูต) จะช่วยคุ้มครองดูแลเด็กเหล่านั้นจนโต แล้วจึงจะปล่อยออกมาปะปนกับผู้คนทั้งหลาย มูซา ซามิรี เป็นเด็กคนหนึ่งที่ยิบรออีล(เทวทูต)เลี้ยงไว้ แต่เป็นคนปากกับใจไม่ตรงกัน (มุนาฟิก) และเป็นผู้สร้างความหลงผิด โดยทำให้พวกพ้องเป็นพวกถือภาคีด้วยการเคารพบูชารูปโคทอง
๘๕. อัลเลาะห์ทรงโองการว่า แท้จริงเราทำให้พวกเจ้าเกิดระส่ำระสายภายหลังจากเจ้าทิ้งพรรคพวกไว้เบื้องหลังและซามิรีได้เข้ามาสร้างความหลงผิดแก่พวกเขา จนทุกคนหันมาสักการะรูปโคทองคำ
๘๖. หลังจากมูซาเดินทางไปรับการประทานคัมภีร์เตารอตครบ ๔๐ วันแล้ว มูซาก็กลับมาหาพวกเขาอย่างโกรธเคืองและเสียใจยิ่งเนื่องจากเห็นพวกนั้นกำลังร้องรำทำเพลงรอบ ๆ รูปโคทอง เขากล่าวกับพรรคพวกที่ตามเขาไป ๗ คนว่า เสียงนั้นเป็นเสียงของพวกถือภาคี มูซากล่าวว่า พวกพ้องของข้าเอ๋ย พระผู้อภิบาลของเจ้ามิได้ให้สัญญาอันเป็นสัจจะกับพวกเจ้าหรือว่าพระองค์จะประทานเตารอตกับเจ้าเมื่อครบ ๔๐ วันแล้วหรือเพราะระยะเวลาแห่งสัญญาที่ข้าต้องจากพวกเจ้าไปนานกว่า ๔๐ วัน หรือเพราะพวกเจ้ามุ่งหมายจะรับความกริ้วจากองค์พระผู้อภิบาลของเจ้า พวกเจ้าจึงได้ผิดสัญญา ด้วยการเคารพบูชารูปโคทอง
๘๗. มูซากล่าวว่า พวกเจ้าผิดสัญญากับข้าเพราะความจริงพวกเจ้าให้สัญญากับข้าว่าพวกเจ้าจะดำรงอยู่ในการตามห้ามตามใช้ของอัลเลาะห์จนกระทั่งข้ากลับมา หรือพวกเจ้าผิดสัญญาต่อข้าที่หยุดยืนอยู่กับที่ไม่ติดตามไป พวกเขากล่าวว่า เราไม่ผิดสัญญาต่อท่านด้วยความประสงค์ของเราเองหรอก แต่ทว่าเป็นเพราะพวกเราต้องแบกสิ่งหนัก ๆ ที่เป็นเครื่องประดับของพวกกิบตีซึ่งเป็นพรรคพวกของฟิรเอาน์ ซึ่งพวกเราขอยืมเครื่องประดับนั้นไปแต่งฉลองในวันตรุษ เมื่อออกพ้นอียิปต์ไปแล้ว พวกเราได้โยนเครื่องประดับนั้นทิ้งลงไปในไฟโดยคำชวนของซามิรี และซามิรีก็โยนลงไปเหมือนกัน โดยให้คำแนะนำว่า กว่ามูซาจะกลับมาก็ช้า พวกเราจะต้องแบกความหนักอยู่ แล้วชวนให้โยนเครื่องประดับเหล่านั้นลงไปเพื่อให้พ้นความทรมานจากการแบกของหนักเหล่านั้น
๘๘. เมื่อซามิรีโยนเครื่องประดับนั้นลงไป เขาได้เอาก้อนดินที่เก็บจากรอยเท้าม้าของยิบรออีล (เทวทูต) ใส่ลงไปในปากรูปโคทองบ เมื่อหลอมครบ ๓ วันแล้ว ซามิรี ได้นำรูปโคทองออกมาให้แก่พวกนั้น เป็นรูปโคทองที่มีเรือนกายและมีเสียงร้อง และเขากล่าวว่า นี่คือพระเจ้าของพวกเจ้า และพระเจ้าของมูซา แต่มูซาเขาลืม จึงขึ้นไปเฝ้าพระเจ้าที่ภูเขาตูริซีนา
๘๙. อัลเลาะห์ตรัสว่า ทำไม พวกเขาไม่เห็นหรือ แท้จริงมัน(รูปโคทอง) มิได้โต้ตอบคำพูดต่อพวกเขา และมันมิได้มีสิทธิในคุณและโทษแก่พวกเขาเลย


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ฏอฮา อายะฮฺที่ 90 - 94


คำแปล R1.
90. And Harun (Aaron) indeed had said to them beforehand: "O my people! You are being tried in this, and verily, your Lord is (Allah) the Most Beneficent, so follow me and obey my order."
91. They said: "We will not stop worshipping it (i.e. the calf), until Musa (Moses) returns to us."
92. [Musa (Moses)] said: "O Harun (Aaron)! What stopped you when you saw them going astray?
93. "That you followed me not (according to my advice to you)? Have you then disobeyed my order?"
94. He [Harun (Aaron)] said: "O son of my mother! Seize (me) not by my beard, nor by my head! Verily, I feared lest you should say: 'You have caused a division among the Children of Israel, and you have not respected my word!' "


คำแปล R2.
90. ขอยืนยัน แท้จริงฮารูนได้กล่าวเตือนห้ามพวกเขาไว้ก่อนแล้วว่า “โอ้พวกพ้องของฉัน อันที่จริงพวกท่านต้องได้ประสบความปั่นป่วนเพราะมัน และแท้จริงองค์อภิบาลของพวกท่าน คือองค์ผู้ทรงเมตตายิ่ง ดังนั้นพวกท่านจงตามฉัน และจงเชื่อฟังคำสั่งของฉันเถิด
91. พวกเขากล่าวว่า “พวกเราจะทำการกราบไหว้มันเรื่อยไป จนกว่ามูซาจะกลับมาหาพวกเรา”
92. มูซากล่าว(กับฮารูน)ว่า “โอ้ฮารูน! อะไรที่ห้ามท่านไว้เมื่อท่านเห็นพวกเขาหลงผิด”
93. มิให้ท่านติดตามฉัน(ขึ้นไปบอกให้ทราบ) ท่านฝ่าฝืนคำสั่งของฉันกระนั้นหรือ
94. ฮารูนตอบว่า “โอ้ ผู้เป็นบุตรร่วมมารดาของฉัน ท่านอย่าจับเคราและศีรษะของฉันซิ (สาเหตุที่ฉันไม่ขึ้นไปบอกกับท่านนั้น)เป็นเพราะฉันกลัวท่านจะพูดกับข้าพเจ้าว่า “ท่านทำให้เกิดการแตกแยกระหว่างวงศ์วานอิสรออีล และท่านมิได้เอาใจใส่คำสั่งของฉัน(ที่ให้ท่านดูแลพวกนั้นแทนฉัน)”


คำแปล R3.
90. ฮารูนได้กล่าวเตือนผู้คนเหล่านั้นแล้วโดยกล่าวว่า “นี่ พวกท่านทั้งหลายพวกท่านด้สร้างความเสียหายเพราะสิ่งนี้ขึ้นมาแล้ว เพราะแท้จริงพระผู้อภิบาลของพวกท่านคือพระผู้ทรงกรุณาปรานีต่างหาก ดังนั้นจงปฏิบัติตามฉันและเชื่อฟังคำสั่งของฉัน”
91. แต่พวกเขาตอบว่า “เราจะไม่เลิกเคารพบูชามันจนกว่ามูซาจะกลับมายังเรา”
92. (หลังจากตำหนิผู้คนแล้วมูซาก็ได้หันไปยังฮารูน)และกล่าวว่า “ฮารูน อะไรที่ขัดขวางท่านไว้เมื่อท่านเห็นพวกเขาหลงผิด?
93. ไม่ปฏิบัติตามฉัน อะไรท่านฝ่าฝืนคำสั่งของฉันด้วยหรือ?”
94. ฮารูนกล่าวว่า “โอ้ลูกของแม่ของฉัน จงอย่ากระชากเคราและดึงผมของฉัน ฉันกลัวว่าท่านจะต้องพูดเมื่อกลับมาว่า “ท่านได้สร้างความแตกแยกขึ้นในหมู่ลูกหลานอิสรออีลอีกแล้วและท่านไม่ใส่ใจคำพูดของฉัน”


คำแปล R4.
90. และโดยแน่นอน ฮารูนกล่าวกับพวกเขาก่อนว่า โอ้กลุ่มชนของฉันเอ๋ย แท้จริงพวกท่านถูกทดสอบให้หลงเสียแล้ว และแท้จริงพระเจ้าของพวกท่านนั้นคือพระผู้ทรงกรุณาปรานี ดังนั้นพวกท่านจงปฏิบัติตามฉัน และจงเชื่อฟังคำสั่งของฉัน
91. พวกเขากล่าวว่า เรายังคงจะบูชามันโดยจะจงรักภักดี (ต่อมัน) จนกว่ามูซาจะกลับมาหาพวกเรา
92. (เมื่อมูซากลับมาแล้ว) เขากล่าวว่า โอ้ฮารูนเอ๋ย อันใดเล่าที่ยับยั้งท่าน เมื่อท่านเห็นพวกเขาหลงผิด
93. ทำไมท่านจึงไม่ปฏิบัติตามฉัน ท่านฝ่าฝืนคำสั่งของฉันกระนั้นหรือ
94. ฮารูน กล่าวว่า โอ้ลูกของแม่ฉันเอ๋ย อย่าดึงเคราและศีรษะของฉันซิ แท้จริงฉันกลัวว่า ท่านจะกล่าว(แก่ฉัน) ว่า ท่านได้ก่อการแตกแยกขึ้นในหมู่วงศ์วานอิสรออีล และท่านไม่คอยฟังคำสั่งของฉัน


คำแปล R5.
๙๐.และก่อนหน้าที่มูซาจะกลับลงมาจากเขาตูริซีนา ฮารูนได้กล่าวกับพวกบนีอิสรออีลว่า โอ้พวกพ้องเอ๋ยพวกท่านได้เกิดระส่ำระสายเพราะรูปโคทองนั้นและแท้จริงองค์พระผู้อภิบาลของเจ้านั้นคือพระผู้ทรงเมตตา หาใช่รูปโคทองนั้นไม่ ดังนั้นพวกเจ้าจงตามข้าและภักดีต่อคำสั่งของข้าเถิด
๙๑. พวกบนีอิสรออีลกล่าวกับฮารูนว่า พวกเราจะยังคงยืนหยัดเคารพบูชารูปโคทองตลอดไป และคงพักอยู่ ณ ที่นี้จนกว่ามูซาจะกลับมาหาเรา
๙๒. มูซากล่าวหลังจากกลับจากภูเขาตูริซีนาว่า โอ้ฮารูนอะไรเล่าคืออุปสรรคที่ห้ามท่าน เมื่อท่านเห็นพวกเขาเหล่านั้นหลงผิด
๙๓. มิให้ท่านติดตามฉันขึ้นไปบนภูเขาตูริซีนาเพื่อรายงานให้ฉันทราบ ดังนั้นท่านได้ฝ่าฝืนคำสั่งของฉัน โดยท่านยังอยู่กับพวกที่หลงผิด มูซามีความโกรธมากจึงได้ดึงเคราของฮารูนและจับศีรษะไว้
๙๔. ฮารูนกล่าวว่า โอ้มูซา ผู้เป็นบุตรร่วมมารดาของข้า ท่านอย่าจับเคราของข้าและอย่าจับศีรษะของข้า สาเหตุที่ข้ามิได้ห้ามปรามพวกนั้นเป็นเพราะเหตุว่าข้ากลัวท่านจะกล่าวหาข้าว่า “ท่านได้ทำความแตกแยกในระหว่างเผ่าพันธุ์แห่งอิสรออีลและท่านมิได้รอฟังคำสั่งของข้าพเจ้าเลย”


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ฏอฮา อายะฮฺที่ 95 - 99
 

คำแปล R1.
95. [Musa (Moses)] said: "And what is the matter with you. O Samiri? (i.e. why did you do so?)"
96. (Samiri) said: "I saw what they saw not, so I took a handful (of dust) from the hoof print of the Messenger [Jibrael's (Gabriel) horse] and threw it [into the fire in which were put the ornaments of the Fir'aun's (Pharaoh) people, or into the calf]. Thus my inner-self suggested to me.
97. Musa (Moses) said: "Then go away! And verily, your (punishment) in this life will be that you will say: "Touch me not (i.e. you will live alone exiled away from mankind); and verily (for a future torment), you have a promise that will not fail. And look at your Ilah (God), to which you have been devoted. We will certainly burn it, and scatter its particles in the sea."
98. Your Ilah (God) is only Allah, the one (La ilaha illa Huwa) (none has the right to be worshipped but He). He has full knowledge of all things.
99. Thus we relate to you (O Muhammad) some information of what happened before. And indeed we have given you from us a reminder (this Qur'an).


คำแปล R2.
95. มูซากล่าว(กับซามิรี)ว่า “แล้วท่านเล่าเป็นอย่างไร โอ้ซามิรี”
96. เขาตอบว่า “ข้าพเจ้ารู้ในสิ่งที่พวกเขาไม่รู้ แล้วข้าพเจ้าได้กำฝุ่นจากรอย(เท้าม้า)ของทูต(ยิบรีล)มากำหนึ่ง แล้วข้าพเจ้าก็โปรยมันลงไป(ในรูปโคที่หลอมขึ้น)และตามนั้นแหละที่อารมณ์ของฉันได้ทำให้ฉันเห็นดีเห็นงาม”
97. มูซากล่าวว่า “เจ้าจงไปเสียเถิด แล้วสำหรับในชีวิตนี้ เจ้าจะต้องพูดว่า “กระทบไม่ได้” (ต่อมาซามิรีก็ป่วยด้วยโรคชนิดหนึ่งซึ่งใครกระทบไม่ได้จริง ๆ ) และแท้จริงสำหรับเจ้านั้นมีนัดหมายหนึ่งซึ่งเจ้าจะผิดนัดไม่ได้ และเจ้าจงพินิจไปยังพระเจ้าของเจ้าที่เจ้าเฝ้าบูชามันเถิด ขอสาบาน เราจะจัดการเผามันเสีย แล้วเราจะโปรยมันลงไปในท้องทะเลจนหมดสิ้น
98. อันที่จริงพระเจ้าของพวกท่านทั้งหลายคืออัลเลาะฮฺ ผู้ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ความรู้ของพระองค์ทรงครอบคลุมกว้างขวางในทุก ๆ สิ่ง
99. เช่นนั้น เราแถลงแก่เจ้าถึงเรื่องราวของเหตุการณ์ที่ล่วงพ้นมาในอดีต และแท้จริงเราได้นำมาแก่เจ้าซึ่งคำเตือน(อัลกุรอาน)จากเรา


คำแปล R3.
95. (แล้วมูซาก็หันไปยังชาวซามิรี) และกล่าวว่า “โอ้พวกซามิรี เจ้าจะพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้?”
96. เขาได้ตอบว่า “ฉันได้เห็นสิ่งที่พวกเขาไม่เห็น ดังนั้นฉันจึงได้เอาฝุ่นกำมือหนึ่งจากรอบเท้าของรอซูลและขว้างมัน(ไปยังโคบูชา)เพราะจิตใจฉันนึกขึ้นมาได้”
97. มูซาได้กล่าวว่า “จงไปเสีย ตอนนี้เจ้าจะต้องพูดตลอดชีวิตของเจ้าเองว่า “จงอย่าแตะต้องฉัน” และมีเวลาที่ถูกกำหนดไว้สำหรับการชำระบัญชีเจ้าอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ จงมองดูพระเจ้าของเจ้าซึ่งเจ้าฝักใฝ่บูชา เราจะเผามันให้เป็นจุณและจะโปรยขี้เถ้าของมันลงไปในทะเล
98. (มนุษย์เอ๋ย) พระเจ้าของเจ้าคืออัลลอฮิองค์เดียว ผู้ทรงไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกไปจากพระองค์ พระองค์ทรงรอบรู้ครอบคลุมทุกสรรพสิ่ง”
99. (โอ้ มุฮัมมัด) ด้วยเหตุนี้เราจึงได้บอกเล่าแก่เจ้าถึงเรื่องราวเหตุการณ์ในอดีต และเราได้ประทานข้อตักเตือนแก่เจ้าจากเราเอง


คำแปล R4.
95. มูซากล่าวว่า เจ้าต้องการอะไร โอ้ซามิรีย์เอ๋ย 
96. เขากล่าวว่า ฉันเห็นในสิ่งที่พวกเขามองไม่เห็น ดังนั้น ฉันจึงกำเอากอบหนึ่งจากรอยของรอซูล (หมายถึงญิบรีล) แล้วฉันได้โยนมันลงไปและเช่นนั้นแหละจิตใจของฉันได้เห็นดีเห็นงาม
97. มูซากล่าวว่า ท่านจงออกไป แท้จริงสำหรับท่านในชีวิตนี้จะได้รับการลงโทษโดยท่านกล่าวว่า อย่ามาแตะต้องฉัน และแท้จริงสำหรับท่านนั้นมีสัญญาหนึ่ง ท่านจะไม่ถูกทำให้ผิดสัญญาและจงดูพระเจ้าของท่านซึ่งท่านยึดถือบูชามันแน่นอนเราจะเผามัน แล้วเราจะโปรยมันลงในทะเลให้กระจาย
98. แท้จริง พระเจ้าของพวกท่านนั้นคือ อัลลอฮฺ ซึ่งไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ พระองค์ทรงแผ่ความรอบรู้ในยังทุกสิ่ง
99. เช่นนี้แหละ เราได้บอกเล่าข่าวคราวที่ได้เกิดขึ้นแต่กาลก่อนแก่เจ้า และแน่นอน เราได้ให้ข้อเตือนสติ จากเราแก่เจ้า


คำแปล R5.
๙๕. และมูซากล่าวกับซามิรีว่า แล้วสภาพของเจ้าเล่าเป็นอย่างไร โอ้ซามิรี
๙๖. ซามิรีกล่าวตอบว่า ข้าพเจ้ารู้ในสิ่งที่พวกเขาไม่รู้ แล้วข้าพเจ้าได้เอาดินจากรอยเท้าม้าของอิสรออีล(เทวทูต) แล้วข้าพเจ้าโยนมันลงไปในปากรูปโคทองนั้น และดังกล่าวนี้แหละที่อารมณ์ของข้าพเจ้าได้เห็นดีเห็นงามแก่ข้าพเจ้า
๙๗. (มูซา) กล่าวว่า เจ้าจงไปเสียเถิด แท้จริงสำหรับเจ้านั้น ในชั่วชีวิตของเจ้า เจ้าจะกล่าวกับผู้ที่เจ้าเห็นว่า “ท่านสัมผัสกับข้าพเจ้าไม่ได้ ท่านอย่าเข้าใกล้ข้าพเจ้า” หมายถึงว่าจะต้องอยู่ไปเดียวดาย ไม่พบใครและไม่สัมผัสใคร และซามิรีก็พเนจรไปตามทะเลทรายอย่างยถากรรม ล้อมรอบไปด้วยศัตรูและสัตว์ร้าย เมื่อเขาไปกระทบใครหรือใครมากระทบเขา ทั้งสองก็จะเป็นไข้ทันที และแท้จริงสำหรับเจ้านั้น มีนัดหมายเพื่อการลงโทษเจ้า ที่เจ้าจะผิดนัดนั้นและหลบหนีไม่ได้ ถึงอย่างไรเจ้าก็จะต้องประสบการลงโทษนั้นอย่างแน่นอน และเจ้าจงมองไปยังรูปโคทองที่เจ้ายึดถือเป็นพระเจ้าของเจ้าซึ่งเจ้าได้ทำการสักการะมาตลอดเวลาซิ แท้จริงเราจะเผามันอย่างแน่นอน หลังจากนั้นเราจะโปรยเถ้าถ่านของมันลงไปในทะเลให้หมดสิ้น และนบีมูซาก็ทำอย่างนั้นจริง ๆ คือจัดการเชือดรูปโคทองคำนั้นแล้วเผาจนเหลือแต่เถ้าถ่าน จึงนำไปโปรยที่ชายทะเล เพื่อให้ลมทะเลพัดเถ้านั้นไป
๙๘. แท้ที่จริงพระเจ้าของพวกท่านทั้งหลายคืออัลเลาะห์ ซึ่งไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์เท่านั้น พระองค์ทรงรอบรู้อย่างกว้างขวางและแผ่ไพศาลครอบคลุมแก่ทุกสิ่งทุกอย่าง
๙๙. โอ้มุฮำมัด เรื่องราวและประวัติอันเกี่ยวด้วยมูซาตามที่กล่าวมาเช่นนั้นแหละเราได้แถลงแจ้งไขให้เจ้ารับทราบไว้ มันเป็นส่วนหนึ่งจากข่าวประวัติของประชาชาติที่ได้ล่วงพ้นมาก่อนเมื่ออดีต และแท้จริงเราได้ประทานอัล-กุรอานแก่เจ้า ซึ่งเป็นคำตักเตือนจากเรา


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ฏอฮา อายะฮฺที่ 100 - 104
 

คำแปล R1.
100. Whoever turns away from it (this Qur'an i.e. does not believe in it, nor acts on its orders), verily, they will bear a heavy burden (of sins) on the Day of Resurrection,
101. They will abide in that (state in the Fire of Hell), and evil indeed will it be that load for them on the Day of Resurrection;
102. The day when the trumpet will be blown (the second blowing): that day, we shall gather the Mujrimun (criminals, polytheists, sinners, disbelievers in the Oneness of Allah, etc.) Zurqa: (blue or blind eyed with black faces).
103. In whispers will they speak to each other (saying): "You stayed not longer than ten (days)."
104. We know very well what they will say, when the best among them in knowledge and wisdom will say: "You stayed no longer than a day!"


คำแปล R2.
100. ผู้ใดหันเหออปจากคเตืนั้น แน่นอนเขาจต้องแบทษัในชาติหน้า (ด้วยนรก)
101. พวกเขาเข้าประจำถาวรในนั้น และเป็นการแบกที่ชั่วช้าสำหรับพวกเขาในโลกหน้า
102. ในวันที่มีการเป่าลงไปในศูรฺ และเราชุมนุมคนบาปทั้งหลายในวันนั้น โดยพวกเขามีดวงตาอันช้ำชอก (เพราะความโศกเศร้า)
103. พวกเขากระซิบระหว่างพวกเขากันเองว่า “พวกเขามิได้พำนักอยู่(ในโลกดุนยานานเท่าใดเลย) นอกจากเพียงสิบวันเท่านั้น”
104. เรารอบรู้ยิ่งนักในสิ่งที่พวกเขาพูด เพราะแม้แต่ผู้มีความคิดเป็นเลิศที่สุดในพวกเขาก็พูดว่า “พวกท่านมิได้พำนักอยู่(นานเท่าใดเลย)นอกจากเพียงวันเดียวเท่านั้น” (เพราะความทรมานในนรกนั้นสาหัสยิ่งนักจนรู้สึกว่าชีวิตในโลกดุนยาผ่านไปชั่ววันเดียวเท่านั้น)


คำแปล R3.
100. ใครก็ตามที่หันไปจากมัน เขาจะแบกภาะหนักในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ
101. เขาจะเป็นผู้แบกภาระนั้นตลอดไปและมันจะเป็นภาระอันหนักหน่วงที่เขาจะต้องแบกในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ
102. วันนั้นเมื่อแตรจะถูกเป่า และเราจะรวมผู้ทำผิดทั้งหลายที่ตาพร่ามัว (ด้วยความกลัว)
103. พวกเขาจะซุบซิบกันว่า “พวกท่านอยูบนโลกแทบไม่ถึงสิบวันเอง”
104. เรารู้ดีว่าพวกเขาจะพูดอะไร (เรารู้ด้วยว่า) ในตอนนั้นคนที่มีความคิดอ่านที่ดีที่สุดในหมู่พวกเขาจะกล่าวว่า “ความจริงแล้วพวกท่านอยู่แค่วันเดียวเท่านั้น”


คำแปล R4.
100. ผู้ใดหันหลังให้อัลกุรอาน แท้จริงเขาจะแบกโทษหนักในวันกิยามะฮฺ (อยุ่ในนรก)
101. พวกเขาจะพำนักอย่างถาวรอยู่ในนั้น และโทษหนักนั้นเป็นความชั่วช้าสำหรับพวกเขาในวันกิยามะฮฺเสียนี่กระไร
102. วันซึ่งสังข์จะถูกเป่า และในวันนั้นเราจะรวมนักโทษทั้งหลายที่มีตาสีฟ้าไว้ด้วยกัน
103. พวกเขาจะกระซิบกระซาบระหว่างกันว่า พวกท่านมิได้พักในโลกนี้นอกจากเพียง 10 วัน เท่านั้น
104. เรารู้ดียิ่งในสิ่งที่พวกเขากล่าวกัน เมื่อผู้มีความคิดที่ดียิ่งกล่าวว่า พวกท่านมิได้พักอยู่ นอกจากเพียงวันเดียวเท่านั้น


คำแปล R5.
๑๐๐. ผู้ใดหันเหจากอัล-กุรอานนั้นและไม่ยอมเชื่อถือ แน่นอนเขาจะต้องแบกบาปอันหนักในปรภพ
๑๐๑. พวก(ที่ไม่ยอมเชื่ออัล-กุรอาน) เขาจะ ต้องพำนักถาวรในนั้น และการแบกบาปของเขาเป็นความต่ำต้อยสำหรับพวกเขายิ่งในปรภพ
๑๐๒. ในวันที่มีการเป่าสังข์ครั้งที่สอง และเราได้รวบรวมทุรชนผู้เนรคุณ สภาพในวันนั้น พวกเขาทั้งหมดจะมีตาเป็นสีเขียวและใบหน้าของพวกเขาหมองคล้ำ เพราะความวิตกกังวลในบาปที่ตนได้ประกอบไว้ในอดีต
๑๐๓. พวกเขากระซิบกระซาบกันในระหว่างพวกเขาเองในเหตุการณ์ที่กำลังประสบอยู่ ด้วยความทุรนทุรายและเหน็ดเหนื่อย พวกเขาเกิดความกลัวสุดขีด พวกเขากล่าวกันว่า “ท่านทั้งหลาย ความจริงแล้วมิได้พำนักอยู่ในภพดุนยาโลกนี้นานมากนักเลยนอกจากเพียงสิบวันเท่านั้น แล้วทำไมจึงต้องมาตกทุกข์รับโทษอันแสนสาหัสอย่างนี้เล่า”
๑๐๔. เราทราบดีถึงสิ่งที่พวกเขาพูดกัน เพราะผู้มีความคิดเห็นอันเที่ยงธรรมของพวกเขาเองก็ยังพูดว่า “ความจริงพวกท่านทั้งหลายมิได้พำนักอยู่ในภพดุนยานอกจากเพียงวันเดียวเท่านั้นเอง” ด้วยความทรมานอันแสนสาหัสที่เขาประสบในนรก ทำให้เขาลืมอดีตแห่งภพดุนยาโดยสิ้นเชิง จนคิดว่าเขาใช้ชีวิตอยู่ในนั้นเพียงวันเดียว


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ฏอฮา อายะฮฺที่ 105 - 110
 


คำแปล R1.
105. And they ask you concerning the mountains, say; "My Lord will blast them and scatter them as particles of dust.
106. "Then He shall leave it as a level smooth plain.
107. "You will see therein nothing crooked or curved."
108. On that day mankind will follow strictly (the voice of) Allah's caller, no crookedness (that is without going to the right or left of that voice) will they show Him (Allah's caller). And all voices will be humbled for the Most Beneficent (Allah), and nothing shall you hear but the low voice of their footsteps.
109. On that day no intercession shall avail, except the one for whom the Most Beneficent (Allah) has given permission and whose word is acceptable to Him.
110. He (Allah) knows what happens to them (his creatures) in this world, and what will happen to them (in the Hereafter), and they will never compass anything of his knowledge.


คำแปล R2.
105. และพวกเขาจะถามเจ้าถึงเรื่องภูเขา ดังนั้น จงตอบเถิดว่า “องค์อภิบาลของฉันจะโปรยมันเป็นผุยผง
106. และพระองค์ทรงปล่อยมันไว้เป็นพื้นอันเตียนโล่ง อีกทั้งราบเรียบ(ไร้พืชพันธุ์ใด ๆ)”
107. เจ้าไม่เห็นในนั้น(ภูเขา)ความลาดและความชัน(ของมัน อีกต่อไป)
108. ในวันนั้นพวกเขาจะติดตามผู้ประกาศ(คืออิสรอฟีล) ซึ่งเขาไม่มีโอกาสบ่ายเบี่ยงได้เลย บรรดาเสียงต่าง ๆ จะสงบเงียบต่อองค์ผู้ทรงเมตตา ดังนั้นเจ้าจะไม่ได้ยิน(เสียงใด ๆ ทั้งสิ้น) นอกจากเป็นเพียงเสียงแว่วเท่านั้น
109. ในวันนั้นการสงเคราะห์ไม่อำนวยผล(แก่ผู้ใดทั้งสิ้น) นอกจากผู้ที่องค์พระผู้ทรงเมตตาได้ทรงอนุญาตแก่เขา และทรงยินยอมในคำพูดของเขาเท่านั้น (จึงจะให้การสงเคราะห์ผู้อื่นได้)
110. พระองค์ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ต่อหน้าพวกเขา (คือโลกนี้) และเบื้องหลังของพวกเขา (คือโลกหน้า) แต่พวกเขาไม่มีความรู้ครอบคลุมสิ่งนั้นได้เลย


คำแปล R3.
105. พวกเขาถามเจ้าเกี่ยวกับภูเขา จงตอบพวกเขาว่า “พระผู้อภิบาลของฉันจะทำให้มันกลายเป็นผงธุลีที่กระจายว่อน
106. แล้วพระองค์จะทำให้ผืนดินราบเตียนเป็นทุ่งโล่ง
107. ในนั้นเจ้าจะไม่เห็นทั้งที่ลุ่มและที่ดอน”
108. ในวันนั้นผู้คนทั้งหลายจะตรงมายังผู้เรียกโดยไม่มีใครกล้าแสดงความดื้อดึง และเสียงทั้งหลายก็จะเบาลงต่อหน้าพระผู้ทรงกรุณาปรานี และเจ้าจะไม่ได้ยินสิ่งใดนอกจากเสียงพึมพำเบา ๆ
109. ในวันนั้นการไถ่โทษแทนจะไม่อำนวยประโยชน์อันใด เว้นแต่แก่ผู้ที่พระผู้ทรงกรุณาปรานีจะอนุมัติและพระองค์ยินดีที่จะฟังถ้อยคำของเขา
110. พระองค์ทรงรู้ดีถึงทุกสิ่งที่อยู่ต่อหน้าพวกเขา และสิ่งที่อยู่หลังพวกเขา แต่ผู้อื่นไม่มีความรู้ดีถึงสิ่งนั้น


คำแปล R4.
105. และพวกเขาจะถามเจ้าเกี่ยวกับภูเขา จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) พระเจ้าของฉันจะทรงทำให้มันแตกออกเป็นผุยผง
106. แล้วจะทรงปล่อยให้มันเป็นที่ราบโล่งเตียน (ไม่มีต้นไม้และสิ่งก่อสร้าง)
107. สูเจ้าจะไม่เห็น ณ ที่นั้น ที่ลุ่มและที่ดอน
108. วันนั้นพวกเขาจะติดตามผู้ร้องเรียกไปโดยไม่มีการอิดเอื้อนแต่ประการใด เสียงทั้งหลายก็จะลดค่อยลงต่อพระผู้ทรงกรุณาปรานี เจ้าจะไม่ได้ยินเสียงใด นอกจากเสียแผ่วเบา
109. วันนั้น การชะฟาอะฮ์ จะไม่เกิดประโยชน์อันใด นอกจากผู้ที่พระผู้ทรงกรุณาปรานีทรงอนุญาตแก่เขา และพระองค์ทรงพอพระทัยในคำพูดของเขาเท่านั้น
110. พระองค์ทรงรอบรู้สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ข้างหน้าพวกเขา และสิ่งต่าง ๆที่อยู่ลับหลังพวกเขาและความรู้ของพวกเขาไม่อาจจะเท่าเทียมความรู้ของพระองค์ได้


คำแปล R5.
๑๐๕. โอ้ มุฮำมัด และพวกกาฟิรมักกะห์เขาจะถามเจ้าเป็นเชิงดูถูกในเรื่องที่เกี่ยวกับภูเขาว่าจะมีสภาพเป็นอย่างไรในภพหน้า เพราะเจ้าเคยอ้างว่าทุกสิ่งในภพนี้จะต้องเสียหายและมนุษย์ทุกคนจะฟื้นขึ้นมาใหม่จากสุสานเพื่อรับสนองผลกรรม ฉะนั้นภูเขาจะฟื้นขึ้นมาอีกหรือไม่ ดังนั้นเจ้าจงกล่าวตอบเหล่านั้นเถิดว่า อันภูเขาทั้งหมดนั้นพระผู้อภิบาลของข้าจะละลายมันให้แหลกละเอียดเป็นผุยผงเหมือนฝุ่นทรายที่ลอยละล่องไปตามกระแสลมพัด ไม่มีร่องรอยของภูเขาเหลือให้เห็นเลย
๑๐๖. แล้วพระองค์ทรงปล่อยมันไว้ให้เป็นพื้นที่เตียนโล่ง ไม่มีต้นไม้และหิน และให้เป็นพื้นที่ราบ ไม่มีสูงต่ำ ไม่มีลาด ไม่มีเนิน
๑๐๗. เจ้าจะไม่เห็นภูเขานั้นลาดต่ำและสูงเป็นเนิน เหมือนกับที่เคยเห็นเมื่อก่อนที่มันจะถูกทำลายจนเป็นผุยผงดังกล่าวแล้ว
๑๐๘. ในวันนั้น พวกมนุษย์ทั้งหลายเขาจะออกมาจากสุสานติดตามอิสรอฟีลผู้เรียกตัวทุก ๆ คนไปสู่สถานที่ชุมนุมเพื่อการพิจารณาผลกรรม (มะห์ซัร) เขาเรียกด้วยสุรเสียงของเขาว่า “พวกเจ้าทั้งหลายจงมุ่งหน้าไปยังอัลเลาะห์องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด” ซึ่งไม่มีผู้ใดเลยที่จะบ่ายเบี่ยงคำเรียกของอิสรอฟีลเขานอกจากทุกคนจะต้องติดตามเสียงเรียกของเขาขึ้นมาจากสุสานอย่างง่ายดาย ไม่มีการเหลียวซ้ายแลขวา และไม่มีความสามารถใดที่จะขัดขืน นอกจากจะเดินตามเสียงเรียกนั้นไปอย่างสงบ เสียงต่าง ๆ ของมนุษย์จำนวนนับไม่ถ้วนในวันนั้นจะเงียบสงบต่อองค์พระผู้เมตตายิ่ง ไม่มีใครพูดจาอะไรเลย เพราะทุกคนยำเกรงในอำนาจและพระเกียรติอันสูงส่งขององค์พระผู้เป็นเจ้า ดังนั้นเจ้าจึงไม่ได้ยินเสียงอื่นใดทั้งสิ้นนอกจากเสียงแผ่วเบาอันเกิดจากการย่ำเท้าของแต่ละคนเพื่อมุ่งไปสู่สถานชุมนุม(มะห์ซัร)ดังกล่าวแล้ว เปรียบได้ดังเสียงเดินของฝูงอูฐกระนั้น
๑๐๙. ในวันนั้นไม่มีการสงเคาระห์ใด ๆ ที่อำนวยประโยชน์แก่ผู้ใดได้ นอกจากบุคคลที่พระองค์ผู้ทรงเมตตาได้อนุญาตไว้ให้เขาเท่านั้น ว่าเขาใช้บารมีสงเคราะห์ผู้อื่นได้ ที่พระองค์ทรงยินยอมให้เขาได้เอื้อนเอ่ยวาจาอันแสดงถึงเอกภาพทางศรัทธาที่มีต่อพระองค์อัลเลาะห์ ในขณะที่เขามีชีวิต กล่าวคือ ผู้ใดเสียชีวิต โดยรักษาสถานภาพแห่งอิสลามอย่างมั่นคงและสมบูรณ์จนแสดงออกเป็นวาจาออกมาในขณะนั้นได้อย่างชัดเจน เขาก็มีสิทธิที่จะได้รับการสงเคราะห์ของผู้อื่นหรือมีสิทธิให้การสงเคราะห์แก่ผู้อื่น ซึ่งบุคคลที่สามารถใช้บารมีของตนช่วยเหลือสงเคราะห์ผู้อื่นได้ในวันนั้นก็มีแต่นบีต่าง ๆ อุละมาอ์ และคนซอลิห์ (ที่เคร่งครัดในศาสนา)
๑๑๐. พระองค์ทรงรอบรู้ในสิ่งที่อยู่ต่อหน้าของพวกเขาในภพอาคิเราะห์นี้และสิ่งที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาเมื่ออดีตในภพ(ดุนยา)ที่พ้นมาแล้ว และความรู้ของพวกเขาไม่อาจครอบคลุมสิ่งดังกล่าวนั้นได้เลย พวกเขาไม่อาจทราบถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ทั้งรายสรุปและรายละเอียดไม่ว่าจะเป็นปัจจุบันขณะนั้นหรืออดีตที่พ้นไปแล้วก็ตาม นอกจากพระองค์อัลเลาะห์เท่านั้นที่ทรงรอบรู้จริง ๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เม.ย. 22, 2013, 06:48 AM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ฏอฮา อายะฮฺที่ 111 - 114


คำแปล R1.
111. And (all) faces shall be humbled before (Allah), the ever living, the one who sustains and protects all that exists. and he who carried (a burden of) wrongdoing (i.e. he who disbelieved in Allah, ascribed partners to him, and did deeds of his disobedience), became indeed a complete failure (on that day).
112. And he who works deeds of righteousness, while he is a believer (in Islamic Monotheism) then he will have no fear of injustice, nor of any curtailment (of his reward).
113. And thus we have sent it down as a Qur'an in Arabic, and have explained therein in detail the warnings, in order that they may fear Allah, or that it may cause them to have a lesson from it (or to have the honour for believing and acting on its teachings).
114. Then high above all be Allah, the true King. And be not in haste (O Muhammad) with the Qur'an before its revelation is completed to you, and say: "My Lord! Increase me in knowledge."


คำแปล R2.
111. และใบหน้าทั้งหลายใน(วันกิยามะฮฺ)ยอมสยบต่อพระผู้ทรงชีวิต พระผู้ทรงดำรงโดยพระองค์เอง และผู้แบกไว้แต่ความทุจริตย่อมประสบความล้มเหลวอย่างแน่นอน
112. และผู้ใดประพฤติความดีโดยเขามีจิตศรัทธา แน่นอนเขาย่อมไม่หวาดกลัวความทุจริต และไม่หวาดกลัวความบกพร่อง(จะเกิดขึ้นกับตัวเขาในการรับสนองผลตอบแทนจากอัลเลาะฮฺ)
113. และเช่นนั้น เราได้ลงอัลกุรอานเป็นภาษาอาหรับ และเราได้แจกแจงไว้ในนั้นซึ่งสัญญาการลงโทษบางอย่าง เพื่อพวกเขาจะได้มีความยำเกรงหรือย้ำคำตักเตือนแก่พวกเขา (ให้มั่นคงและหนักแน่นยิ่งขึ้น)
114. แท้จริง ทรงสูงส่ง องค์อัลเลาะฮฺผู้ทรงปกครอง ผู้ทรงสัจจะ และเจ้าอย่าเร่งรัดใน(การถ่ายทอด)อัลกุรอาน(สู่ผู้อื่น) ก่อนที่การประทานอัลกุรอานส่วนนั้นแก่เจ้าจะเรียบร้อยลง (โดยยิบรออีลสื่อจนหมดข้อความ) และเจ้าจงวิงวอนต่อพระองค์เถิดว่า “โอ้องค์อภิบาล โปรดเพิ่มพูนความรู้แก่ข้าพเจ้าเถิด”


คำแปล R3.
111. และใบหน้าของพวกเขาจะสยบต่อพระผู้ทรงชีวิตและผู้ทรงดำรงอยู่เป็นนิจกาล และคนที่ขาดทุนก็คือคนที่แบกภาระแห่งความอธรรมไว้
112. แต่ใครที่กระทำความดีและเป็นผู้ศรัทธา เขาก็จะไม่กลัวความอธรรมใด ๆ และจะไม่ถูกลิดรอนสิทธิใด ๆ
113. และ(โอ้มุฮัมมัด) ด้วยเหตุนั้น เราจึงได้ประทานกุรอานเป็นภาษาอาหรับลงมา และในนั้นเราได้ให้ข้อตักเตือนด้วยวิธีต่าง ๆ เพื่อที่ว่าพวกเขาจะได้เกรงกลัวหรือช่วยเตือนให้พวกเขาได้เข้าใจ
114. ดังนั้นอัลลอฮฺผู้ทรงเป็นกษัตริย์ที่แท้จริงจึงทรงสูงส่งยิ่ง และจงอย่ารีบเร่งอ่านกุรอานก่อนที่การวะฮีย์มันลงมายังเจ้าจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ และจงวิงวอนว่า “ข้าแต่พระผู้อภิบาลของฉัน โปรดเพิ่มพูนความรู้แก่ฉันด้วยเถิด”


คำแปล R4.
111. และใบหน้าทั้งหลาย ได้สยบลงต่อพระผู้ทรงเป็นอยู่เสมอ พระผู้ทรงอมตะ และแน่นอน ผู้ที่แบกเอาความอธรรมไว้ (ชิริก) ต้องประสบกับการขาดทุนอย่างแน่นอน
112. และผู้ใดปฏิบัติคุณงามความดีทั้งหลายโดยที่เขาเป็นผู้ศรัทธา เขาจะไม่กลัวความอธรรมและการบั่นทอนใด ๆ
113. และเช่นนั้นแหละ เราได้ให้กุรอานเป็นภาษาอาหรับลงมาแก่เขา และเราได้กล่าวซ้ำในนั้นซึ่งข้อตักเตือน หวังว่าพวกเขาจะมีความยำเกรงหรือเกิดข้อเตือนใจแก่พวกเขา
114. ดังนั้น อัลลอฮฺคือพระผู้ทรงสูงส่งยิ่ง พระผู้ทรงอำนาจอันแท้จริง และเจ้าอย่ารีบเร่งในการอ่านอัลกุรอาน ก่อนที่วะฮีย์ของพระองค์จะจบลง และจงกล่าวเถิด ข้าแต่พระเจ้าของข้า พระองค์ขอพระองค์ทรงโปรดเพิ่มพูนความรู้แก่ข้าพระองค์ด้วย

 
คำแปล R5.
๑๑๑. ใบหน้าของมนุษย์ทั้งหลายในวันนั้นต่างก้มสยบอยู่ต่อหน้าองค์พระผู้ทรงชนม์ ผู้ทรงดำรงโดยพระองค์เอง และแท้จริงอันบุคคลที่แบกความทุจริตโดยการถือภาคีในศรัทธาของเขาย่อมขาดทุนอย่างแน่นอน เพราะพวกเขาจะต้องเข้าสู่ขุมนรก
๑๑๒. และผู้ใดปฏิบัติความดีงามต่าง ๆ เป็นการภักดีในคำสั่งห้าม คำสั่งใช้ของพระองค์โดยเคร่งครัด โดยที่เขาเป็นผู้มีศรัทธาอย่างสมบูรณ์บริสุทธิ์ แน่นอนเขาจะไม่ต้องกลัวว่าจะถูกทุจริตในวันนั้น ด้วยการเพิ่มเติมความชั่วให้เกินไปกว่าการปฏิบัติจริง และเขาไม่ต้องกลัวว่าจะถูกลดความดีที่ได้กระทำไว้ให้เหลือน้อยไปกว่าการปฏิบัติจริงของเขาเมื่ออดีต
๑๑๓. และดังเช่นเรื่องราวที่เราได้แถลงไว้นั้น ซึ่งได้แก่ประวัติอันเร้นลับต่าง ๆ เราได้ประทานอัล-กุรอานลงมาโดยให้เป็นภาษาอรับ และเราได้กล่าวสัญญาลงโทษซ้ำไว้ในนั้น เพื่อพวกเจ้าจะได้ยำเกรง หรือ อัล-กุรอานนี้จะได้ให้ข้อรำลึกใหม่แก่พวกเขา จากการได้ทราบถึงความวิบัติหายนะของชนชาติในสมัยโบราณ ซึ่งจะทำให้พวกเขาเกิดอนุสติสำนึกและมัวิจารณญาณยิ่งขึ้น
๑๑๔. พระองค์อัลเลาะห์ผู้ทรงใช้และห้าม ทรงให้ปฏิบัติทุกอย่างด้วยใจจริง โดยสัญญาให้กุศลแก่ผู้ทำตามพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงสิทธิในการปกครองของพระองค์ ทรงสัจจะในการเป็นพระเจ้าของพระองค์ อัลเลาะห์ซึ่งมีคุณลักษณะดังกล่าวนั้นทรงสูงส่งยิ่งเหนือลักษณะซึ่งไม่สมควรกับพระองค์ดังพวกมุชริกเคยกล่าวไว้ เช่น อัลเลาะห์ทรงมีบุตร เป็นต้น และโอ้มุฮำมัดเจ้าอย่ารีบร้อนในการถ่ายทอดอัล-กุรอานไปสู่มวลมนุษย์ก่อนที่ยิบรออีล(เทวทูต)จะแจ้งความหมายจากการดลโองการของอัล-กุรอานแก่เจ้าให้เสร็จสมบูรณ์ และจงกล่าวว่า โอ้องค์พระผู้อภิบาลของข้า ขอพระองค์ทรงโปรดเพิ่มพูนความรู้ในอัลกุรอานแก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ ฏอฮา อายะฮฺที่ 115 – 119


คำแปล R1.
115. And indeed we made a covenant with Adam before, but he forgot, and we found on his part no firm will-power.
116. And (remember) when we said to the angels: "Prostrate yourselves to Adam." they prostrated (all) except Iblis (Satan), who refused.
117. Then we said: "O Adam! Verily, this is an enemy to you and to your wife. So let him not get you both out of Paradise, so that you be distressed in misery.
118. Verily, you have (a promise from Us) that you will never be hungry therein nor naked.
119. And you (will) suffer not from thirst therein nor from the sun's heat.


คำแปล R2.
115. ขอยืนยัน แท้จริงเราได้ให้สัญญาแก่อาดัม ไว้แต่ก่อนแล้ว (ในเรื่องเกี่ยวกับการห้ามเข้าใกล้ต้นไม้ต้นหนึ่งในสวรรค์) แต่เขาลืม(สัญญานั้น) และเราไม่พบว่าตัวเขาจะมีความเข้มงวด(ต่อสัญญาดังกล่าวเลย)
116. และเมื่อเรารับสั่งแก่มวลมลาอิกะฮฺว่า “พวกเจ้าจงคารวะต่ออาดัมเถิด ซึ่งพวกนั้นก็แสดงความคารวะเป็นอันดี ยกเว้นอิบลีสเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่มันขัดขืน
117. ดังนั้นเราจึงรับสั่งว่า “โอ้อาดัม แท้จริง อิบลีสผู้นี้เป็นศัตรูของเจ้า ดังนั้นเจ้าจงอย่าปล่อยให้มันเป็นเหตุนำเจ้าทั้งสองออกจากสวรรค์ แล้วเจ้าจะประสบความลำเค็ญ
118. แท้จริงสำหรับเจ้าในสวรรค์นั้น เจ้าจะไม่หิว และเจ้าจะไม่เปลือยกาย
119. และเจ้าจะไม่กระหาย และเจ้าไม่สัมผัสความร้อนของดวงอาทิตย์ขณะอยู่ในนั้น


คำแปล R3.
115. และเราได้ให้คำบัญชาแก่อาดัมก่อนหน้านี้แล้ว แต่ว่าเขาได้ลืมมัน และเราไม่พบการยืนยันอย่างแน่วแน่ของเขา
116. และจงนึกถึงเมื่อตอนที่เราได้กล่าวแก่มลาอิกะฮฺว่า “จงกราบต่ออาดัม” ดังนั้น พวกเขาทั้งหมดจึงได้กราบ ยกเว้นอิบลีสที่ปฏิเสธ
117. ดังนั้น เราจึงได้กล่าวว่า “อาดัมเอ๋ย นี่คือศัตรูของเจ้าและภรรยาของเจ้า ดังนั้นจงอย่าปล่อยให้มันทำให้เจ้าทั้งสองต้องถูกขับไล่ออกจากสวนสวรรค์และต้องทุกข์ยากลำบาก
118. เพราะในนี้มีสิ่งที่ทำให้เจ้าไม่ต้องหิวและไม่ต้องเปลือยกาย
119. และเจ้าไม่ต้องกระหายและไม่ต้องตากแดด”


คำแปล R4.
115. และโดยแน่นอน เราได้ให้คำมั่นสัญญาแก่อาดัมแต่กาลก่อน แต่เขาได้ลืม และเราไม่พบความมั่นใจอดทนในตัวเขา
116. และเมื่อเรากล่าวแก่บรรดามะลาอิกะฮฺว่า จงสุญูดคารวะแก่อาดัม และพวกเขาได้สุญูดนอกจากอิบลีส มันได้ดื้อดึง
117. แล้วเราได้กล่าวว่า โอ้อาดัมเอ๋ย  แท้จริงนี่คือศัตรูของเจ้าและของภริยาของเจ้า ดังนั้นอย่าให้มันทำให้เจ้าทั้งสองออกจากสวนสวรรค์  แล้วเจ้าจะได้รับความลำบาก
118. แท้จริงในสวนสวรรค์นั้น เจ้าจะไม่หิวและจะไม่ต้องเปลือยกาย
119. และแท้จริงในสวนสวรรค์นั้น เจ้าจะไม่กระหายน้ำ และจะไม่ตากแดด


คำแปล R5.
๑๑๕. เราขอยืนยันด้วยสัจจะว่า แท้จริงเราได้เอาสัญญากับอาดัมไม่ให้เขาบริโภคต้นไม้ในสวรรค์ แต่แล้วเขาก็ลืมและเราไม่ประทานความอดทนแก่เขา
๑๑๖. และโอ้มุฮำมัด เจ้าจงกล่าวแก่ปวงประชากรของเจ้าเพื่อเป็นคติว่า ในเวลาที่เราได้โองการกับบรรดามลาอิกะห์ว่าพวกเจ้าจงก้มศีรษะเคารพอาดัม พวกนั้นก้มศีรษะเว้นแต่อิบลีสซึ่งเป็นบิดาของญินเท่านั้นที่ ดื้อดึง โดยถือว่าตนเองดีกว่าอาดัม
๑๑๗. เราจึงกล่าวว่า โอ้อาดัม แท้จริงอิบลีสนี้เป็นศัตรูของเจ้าและเฮาวาภรรยาของเจ้า ดังนั้นเจ้าจงอย่าให้มันนำเจ้าทั้งสองออกจากสวรรค์และเป็นเหตุให้เจ้าต้องเหน็ดเหนื่อยลำบากด้วยการทำงานหนักต่าง ๆ
๑๑๘. อันที่จริง สำหรับเจ้านั้น ในสวรรค์ข้าให้เจ้าไม่ต้องหิว ไม่ต้องเปลือยกาย
๑๑๙. และแท้จริงเจ้านั้นไม่กระหายและไม่ร้อนเพราะความร้อนจากดวงอาทิตย์เพราะในสวรรค์ไม่มีดวงอาทิตย์


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ฏอฮา อายะฮฺที่ 120 - 124


คำแปล R1.
120. Then Shaitan (Satan) whispered to him, saying: "O Adam! Shall I lead you to the tree of Eternity and to a Kingdom that will never waste away?"
121. Then they both ate of the tree, and so their private parts appeared to them, and they began to stick on themselves the leaves from Paradise for their covering. Thus did Adam disobey his Lord, so he went astray?
122. Then his Lord chose him, and turned to him with Forgiveness, and gave Him Guidance.
123. (Allah) said:"Get you down (from the Paradise to the earth), both of you, together, some of you are an enemy to some others. Then if there comes to you guidance from Me, then whoever follows My guidance shall neither go astray, nor fall into distress and misery.
124. "But whosoever turns away from My Reminder (i.e. neither believes in this Qur'an nor acts on its orders, etc.) verily, for him is a life of hardship, and we shall raise him up blind on the Day of Resurrection."


คำแปล R2.
120. แต่แล้วมารร้ายได้กระซิบลวงเขาว่า “โอ้อาดัม ฉันจะชี้ให้ท่านดูต้นไม้แห่งความนิรันดรและอำนาจอันไม่สลายจะเอาไหม”
121. และคนทั้งสอง (คืออาดัมกับเฮาวา)ก็บริโภคผลจากต้นไม้นั้น แล้วส่วนอวัยวะอนาจารแห่งคนทั้งสองก็ประจักษ์ชัดแก่คนทั้งสอง และทั้งสองรีบจัดการเด็ดใบไม้ในสวรรค์มาปิดอำพรางส่วนอนาจารของทั้งสองนั้น และอาดัมได้ฝ่าฝืนองค์อภิบาลของเขา ดังนั้นเขาจึงพลาดพลั้ง(ไม่สมหวัง)
122. หลังจากนั้นองค์อภิบาลของเขาได้คัดเลือกเขา(ให้เป็นศาสดา)และทรงลุแก่โทษให้เขา และทรงชี้นำเขา (สู่หนทางอันเที่ยงตรง)
123. พระองค์ทรงตรัสว่า “เจ้าทั้งสองจงลงไปจากสวรรค์เถิดโดยพร้อมเพรียงกัน ซึ่งต่างฝ่ายต่างเป็นศัตรูซึ่งกันและกัน ดังนั้นถ้าหากได้มีสิ่งชี้นำจากข้าได้มาถึงพวกเจ้าแล้วผู้ใดประพฤติตามสิ่งชี้นำของข้า แน่นอนเขาจะไม่หลงผิดและเขาจะไม่ลำเค็ญ
124. ส่วนผู้ใดหันเหออกจากคำเตือนของข้า แน่นอน เขาจะต้องพบกับการดำรงชีพอันคับแค้น และเราจะรวบรวมเขาในวันชาติหน้าในสภาพตาบอด


คำแปล R3.
120. แต่มารได้กระซิบหลอกลวงเขาโดยกล่าวว่า “อาดัมเอ๋ย เอาไหม ฉันจะนำเจ้าไปยังต้นไม้ที่ทำให้ชีวิตเป็นอมตะและอาณาจักรอันนิรันดร?”
121. ในที่สุดทั้งสอง (อาดัมและเฮาวา)ก็ได้กินผลไม้(จากต้นไม้ต้องห้าม) แล้วสิ่งพึงอายของทั้งสองก็ถูกเปิดเผยต่อกันและกัน ทั้งสองจึงได้เริ่มปกปิดตัวเองด้วยใบไม้จากสวนนั้น อาดัมได้ฝ่าฝืนคำสั่งพระผู้อภิบาลของเขา ดังนั้น เขาจึงหลงผิด
122. หลังจากนั้นพระผู้อภิบาลได้ทรงเลือกเขาและทรงอภัยโทษแก่เขาและได้ประทานทางนำแก่เขา
123. พระองค์ทรงกล่าวว่า “เจ้าทั้งสอง(มนุษย์และชัยฏอน)จงออกไปจากที่นี่ เจ้าจะเป็นศัตรูต่อกันและกัน หลัวจากนี้ถ้าหากสูเจ้าได้รับทางนำจากฉัน ใครก็ตามที่ปฏิบัติตามทางนำนั้น เขาก็จะไม่หลงทางและจะไม่เศร้าหมอง
124. และใครก็ตามที่หันห่างไปจากการตักเตือนของฉัน เขาก็จะมีชีวิตที่เป็นทุกข์ในโลกนี้ และในวันฟื้นคืนชีพเราจะให้เขาฟื้นขึ้นมาเป็นคนตาบอด”


คำแปล R4.
120. ต่อมาชัยฏอนมารร้ายได้กระซิบกระซาบเขา มันกล่าวว่า อาดัมเอ๋ย ฉันจะชี้แนะแก่ท่านไปยังต้นไม้ที่อยู่เป็นนิจตลอดกาลและการมีอำนาจที่ไม่สูญสลายเอาไหม
121. ดังนั้น เขาทั้งสองจึงกินจากต้นไม้นั้น สิ่งพึงสงวนของทั้งสองจึงถูกเผยแก่เขาทั้งสอง เขาทั้งสองจึงเริ่มเอาใบไม้ของสวนนั้นมาปกปิดบนตัวของเขาทั้งสอง และอาดัมได้ฝ่าฝืนพระเจ้าของเขา เขาจึงหลงผิด
122. ภายหลัง พระเจ้าของเขาทรงคัดเลือกเขาแล้วทรงอภัยโทษให้แก่เขา และทรงแนะทางที่ถูกต้องให้เขา
123. พระองค์ตรัสว่า เจ้าทั้งสองจงออกไปจากสวนสวรรค์ทั้งหมด โดยบางคน (ลูกหลาน) ในหมู่พวกเจ้าเป็นศัตรูกับอีกบางคน บางทีเมื่อมีคำแนะนำ (ฮิดายะฮฺ) จากข้ามายังพวกเจ้า แล้วผู้ใดปฏิบัติตามคำแนะนำ (ฮิดายะฮฺ) ของข้า เขาก็จะไม่หลงผิด และจะไม่ได้รับความลำบาก
124. และผู้ใดผินหลังจากการรำลึกถึงข้า แท้จริงสำหรับเขาคือ การมีชีวิตอยู่อย่างคับแค้น และเราจะให้เขาฟื้นคืนชีพในวันกิยามะฮฺในสภาพของคนตาบอด

 
คำแปล R5.
๑๒๐. แต่แล้วไซตอนมารร้ายได้ล่อลวงเขา(อาดัม) มันกล่าวว่า โอ้อาดัม เจ้าจะเชื่อไหม ข้าจะชี้ชวนให้เจ้าดูต้นไม้แห่งนิรันดร ผู้ใดบริโภคจะคงอยู่ในสวรรค์ตลอดไป และมีกรรมสิทธิ์อันไม่สลาย มีชีวิตอยู่ตลอดกาล ไม่ตาย
๑๒๑. แล้วเขาทั้งสอง อาดัมและเฮาวาก็บริโภคผลไม้จากต้นไม้นั้น ต่อจากนั้นส่วนอันพึงสงวนจากคนทั้งสองก็ปรากฏซึ่งกันและกัน เนื่องจากเครื่องนุ่งห่มที่ได้จากสวรรค์ได้หลุดจากเรือนกายไปหมดสิ้น ทั้งสองจึงได้เอาใบไม้สวรรค์ (ใบมะเดื่อ) มาต่อกันยาวและกว้างเพื่อปิดบังของสงวนของเขาทั้งสอง และอาดัมได้ขัดขืนต่อ การห้ามของพระผู้อภิบาลของเขาด้วยการบริโภคผลไม้จากต้นไม้สวรรค์นั้น ดังนั้นเขาจึงหลงผิดต่อสิ่งที่ได้รับบัญชาใช้
๑๒๒. หลังจากนั้นองค์พระผู้อภิบาลของเขาได้ทรงโปรดให้อาดัมเข้าใกล้พระองค์ด้วยการได้รับความยกย่องและตำแหน่งพระศาสดา พระองค์ทรงรับการขอลุกะโทษของเขา และพระองค์ทรงแนะนำให้เขารู้จักการให้อภัย
๑๒๓. อัลเลาะห์ทรงโองการว่า โอ้อาดัมและเฮาวา เจ้าทั้งสองจงลงไปจากสวรรค์พร้อมกับลูกหลานของเจ้าทั้งสอง ซึ่งต่อไปบรรดาลูกหลานของเจ้าทั้งสองจะมีบางส่วนเป็นศัตรูกับอีกบางส่วนและถ้าได้รับการชี้นำจากข้า คือคัมภีร์และศาสดามาถึงพวกเจ้า ดังนั้นผู้ใดปฏิบัติตามการชี้นำของข้า เขาก็จะไม่หลงผิดจากหนทางเที่ยงตรงในภพนี้ และไม่ประสบความลำบากในภพหน้าอย่างแน่นอน
๑๒๔. และ ถ้าผู้ใดผินออกจากการระลึกถึงข้าและเขาไม่ศรัทธาในคัมภีร์และศาสดาในทั้งสองอย่างนั้น แท้จริงเขาจะประสบกับการดำเนินชีวิตอันคับแค้นด้วยการถูกลงโทษในสุสานและในภพหน้าเราจะรวบรวมเขาผู้ที่ผินออกจากคัมภีร์และศาสดาโดยให้เขาตาบอด


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ฏอฮา อายะฮฺที่ 125 - 128


 
คำแปล R1.
125. He will say:"O my Lord! Why have You raised me up blind, while I had sight (before)."
126. (Allah) will say: "Like this, Our Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.) came unto you, but you disregarded them (i.e. you left them, did not think deeply in them, and you turned away from them), and so this day, you will be neglected (in the Hell-fire, away from Allah's Mercy)."
127. And thus do we requite him who transgresses beyond bounds [i.e. commits the great sins and disobeys his Lord (Allah) and believes not in His Messengers, and His revealed Books, like this Qur'an, etc.], and believes not in the Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.) of his Lord, and the torment of the Hereafter is far more severe and more lasting.
128. Is it not a guidance for them (to know) how many generations we have destroyed before them, in whose dwellings they walk? Verily, in this are signs indeed for men of understanding.


คำแปล R2.
125. เขา(ผู้หันเห)กล่าวว่า “โอ้องค์อภิบาล! เพราะเหตุใดพระองค์จึงต้องรวบรวมข้าพเจ้าในสภาพตาบอด ทั้ง ๆ ที่แต่เดิมข้าพเจ้าตาดี
126. พระองค์ตรัสว่า “เช่นนั้น (เพราะ)เมื่อโองการต่าง ๆ ของเราได้มาสู่เจ้า เจ้าก็ลืมเลือนโองการเหล่านั้นและเช่นนั้นในวันนี้ เจ้าจึงถูกลืมด้วย
127. และเช่นนั้น เราตอบแทนผู้ที่ละเมิดและไม่ยอมศรัทธาในบรรดาโองการขององค์อภิบาลของเขา และแน่นอน การลงโทษในโลกหน้าย่อมร้ายแรงและจีรังอย่างที่สุด
128. แล้วพระองค์มิได้ชี้แจงให้พวกเขาได้ทราบหรือว่า “มีจำนวนประชาชาติตั้งมากมายเท่าไรแล้วที่เราได้ทำลายล้าง โดยพวกเขายังเดินเหินอยู่ในที่อยู่อาศัยของพวกเขาเอง แท้จริงในสิ่งนั้นย่อมเป็นนานาสัญลักษณ์สำหรับมวลผู้มีปัญญา


คำแปล R3.
125. เขาจะกล่าวว่า “ข้าแต่พระผู้อภิบาล ทำไมพระองค์จึงทรงให้ฉันฟื้นขึ้นมาเป็นคนตาบอดที่นี่ ในขณะที่ฉันเป็นคนมองเห็นในโลก
126. พระองค์ทรงกล่าวว่า “นั่นแหละ เมื่ออายะฮฺทั้งหลายของเรามายังสูเจ้า สูเจ้าก็ลืมมัน(ราวกับว่าสูเจ้าตาบอด) ดังนั้น วันนี้สูเจ้าจึงถูกลืมบ้าง”
127. ในทำนองนี้เองที่เราลงโทษตอบแทนบรรดาผู้ละเมิดขอบเขตและไม่ศรัทธาในอายะฮฺทั้งหลายของเรา(ในโลกนี้) และแน่นอน การลงโทษแห่งโลกหน้านั้นสาหัสและยาวนานกว่า
128. พวกเขายังไม่รับทางนำใด ๆ (จากบทเรียนแห่งประวัติศาสตร์)อีกหรือว่า กี่ชั่วคนแล้วก่อนหน้าพวกเขาที่เราได้ทำลายไปซึ่งที่อยู่อาศัยของคนพวกนี้ พวกเขาก็ยังเดินทางไปมาอยู่? ความจริงแล้วในนั้นมีสัญญาณมากมายสำหรับคนที่มีสติปัญญา


คำแปล R4.
125. เขากล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ทำไมพระองค์จึงทรงให้ข้าพระองค์ฟื้นคืนชีพขึ้นมาในสภาพของคนตาบอดเล่า ทั้ง ๆ ที่ข้าพระองค์เคยเป็นคนตาดี มองเห็น
126. พระองค์ตรัสว่า เช่นนั้นแหละ เมื่อโองการทั้งหลายของเราได้มีมายังเจ้า เจ้าก็ทำเป็นลืมมัน และในทำนองเดียวกัน วันนี้เจ้าก็จะถูกลืม
127. และเช่นเดียวกัน เราจะตอบแทนผู้ที่ล่วงละเมิดขอบเขต และไม่ศรัทธาต่อโองการทั้งหลายของพระเจ้า และแน่นอน การลงโทษในปรโลกนั้นสาหัสยิ่ง และยาวนานยิ่ง
128. ยังมิเป็นที่ประจักษ์ชัดแก่พวกเขาดอกหรือว่า กี่มากน้อยแล้ว เราได้ทำลายประชาชาติก่อนหน้าพวกเขาหลายชั่วศตวรรษ โดยที่พวกเขา (กุฟารมักกะฮฺ) ได้ไปพบเห็นมาในที่พำนักอาศัยของพวกเขา แท้จริง ในการลงโทษเช่นนั้นแหละเป็นนิทัศน์อุทาหรณ์สำหรับบรรดาผู้มีสติปัญญา


คำแปล R5.
๑๒๕. เขา กล่าวว่าโอ้องค์พระผู้อภิบาลของข้าเพราะเหตุใดพระองค์จึงรวบรวมข้าในสภาพตาบอดทั้ง ๆ ที่แต่เดิมเมื่อข้าอยู่ในโลกก่อน (ดุนยา) ข้าก็มองเห็น
๑๒๖. พระองค์ตรัสว่า และดังเช่นที่เจ้าลืมสัญลักษณ์ของข้าที่ได้มาสู่เจ้านั้นและไม่เชื่อ ในวันนี้เจ้าก็จะถูกลืมเช่นเดียวกันโดยเจ้าจะถูกทิ้งลงไปในขุมนรก
๑๒๗. และเช่นนั้นแหละที่เราได้ตอบแทนผู้ละเมิดที่ผินออกจากคัมภีร์และศาสดาตลอดจนผู้ถือภาคี และผู้ไม่ศรัทธาในสัญลักษณ์ของพระผู้อภิบาลของเขา และแน่นอนที่สุด การลงโทษในภพหน้านั้นร้ายแรงและยั่งยืนยิ่งนัก ยิ่งกว่าการลงโทษในภพนี้และในสุสาน
๑๒๘. พวกกาฟิรมักกะห์ลืมเลือนกับการบังเกิดความเสียหายแก่ประชากรในยุคก่อนจากเขา เจ้าไม่ชี้แจงให้พวกนั้นได้เจรจาหรือว่า ตั้งมากมายเท่าไรแล้วที่เราได้ให้ความเสียหายแก่ประชากรจากยุคก่อนพวกนั้น ซึ่งไม่กลับจากการพูดเท็จต่อบรรดาศาสดา โดยพวกนั้นเดินวนเวียนอยู่ในที่พักของพวกนั้นในการเดินทางไปสู่เมืองชาม ประเทศซีเรียและอื่น ๆ จากนั้น แท้จริงในความเสียหายเหล่านั้นเป็นสัญลักษณ์อันให้สติกับผู้มีปัญญา 


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ ฏอฮา อายะฮฺที่ 129 - 132


คำแปล R1.
129. And had it not been for a word that went forth before from your Lord, and a term determined, (their punishment) must necessarily have come (in this world).
130. So bear patiently (O Muhammad) what they say, and glorify the praises of your Lord before the rising of the sun, and before its setting, and during some of the hours of the night, and at the sides of the day (an indication for the five compulsory congregational prayers), that you may become pleased with the reward which Allah shall give you.
131. And strain not your eyes in longing for the things we have given for enjoyment to various groups of them (polytheists and disbelievers In the Oneness of Allah), the splendour of the life of this world that we may test them thereby. But the provision (good reward in the Hereafter) of your Lord is better and more lasting.
132. And enjoin As-Salat (the prayer) on your family, and be patient In offering them [i.e. the Salat (prayers)]. We ask not of you a provision (i.e. to give us something: money, etc.); we provide for you. And the good end (i.e. Paradise) is for the Muttaqun (pious - see V.2:2).


คำแปล R2.
129. และมาดแม้นไม่มีประกาศิตจากองค์อภิบาลของเจ้าได้ล่วงพ้นมาก่อน (ว่าจะลงโทษพวกเขาในวันชาติหน้า) แน่นอนการทำลายล้างจะต้องอุบัติขึ้น(ในโลกนี้)เป็นแม่นมั่น และเป็นระยะเวลาที่ถูกกำหนดไว้อย่างแน่ชัด
130. ดังนั้นเจ้าจงอดทนต่อสิ่งที่พวกเขาพูดและจงถวายสดุดีความบริสุทธิ์พร้อมกับสรรเสริญในองค์อภิบาลของเจ้าก่อนตะวันขึ้นและก่อนตะวันตกและบางส่วนของเวลากลางคืน เจ้าก็จงถวายสดุดีความบริสุทธิ์ในเวลากลางวัน (ก็เช่นเดียวกัน)เพื่อเจ้าจะได้มีความยินดี(ในรางวัลที่จะได้รับในการปฏิบัติดังกล่าว
131. และเจ้าอย่าทอดสายตาของเจ้าไปยังสิ่งที่เราได้มอบให้เป็นความสุขแก่บางกลุ่มชนจากพวกเขา (ชาวเนรคุณ) สิ่งนั้นเปรียบดังดอกไม้แห่งชีวิตทางโลกนี้ เพื่อเราจะได้ทดสอบพวกเขาในสิ่งนั้น และโชคผลแห่งองค์อภิบาลของเจ้านั้น ย่อมประเสริฐสุดและจีรังยั่งยืนอย่างที่สุด
132. และเจ้าจงใช้ให้ครอบครัวของเจ้าทำละหมาด และจงมีความอดทนเพื่อการนั้น เราไม่ขอปัจจัยใด ๆ จากเจ้า เราต่างหากที่ให้ปัจจัยแก่เจ้าและความสุขบั้นปลายย่อมเป็นของผู้ยำเกรง


คำแปล R3.
129. หากพระผู้อภิบาลของเจ้ามิได้ประกาศิตไว้ก่อนและมีกำหนดเวลาผ่อนผันให้ แน่นอนการตัดสินพวกเขาจะต้องเกิดขึ้นทันทีเดี๋ยวนี้เลย
130. ดังนั้นเจ้า (มุฮัมมัด) จงอดทนต่อสิ่งที่พวกเขากล่าวและจงสดุดีพระผู้อภิบาลของเจ้าด้วยการสรรเสริญพระองค์ก่อนดวงอาทิตย์ขึ้นและก่อนดวงอาทิตย์ตก และจงสดุดีพระองค์ในบางเวลาของกลางคืนและในตอนปลายทั้งสองของวัน เพื่อที่เจ้าจะได้รู้สึกอิ่มเอิบใจ
131. และจงอย่ามองทรัพย์สินแห่งโลกนี้ที่เราได้ประทานแก่ผู้คนต่าง ๆ ด้วยสายตาที่อิจฉา เพราะเราได้ประทานสิ่งเหล่านั้นเพื่อทดสอบพวกเขา และปัจจัยที่อนุมัติของพระผู้อภิบาลของเจ้านั้นดีกว่าและยั่งยืนกว่า
132. และจงกำชับคนในครอบครัวของเจ้าในเรื่องนมาซ และเจ้าเองก็ปฏิบัติมันอย่างเคร่งครัดด้วย เราไม่ได้ขอปัจจัยใด ๆ จากเจ้า เพราะเราต่างหากที่เป็นผู้ประทานปัจจัยแก่เจ้า และความบั้นปลายนั้นมีไว้สำหรับผู้สำรวมตนจากความชั่ว


คำแปล R4.
129. และหากมิใช่ลิขิตจากพระเจ้าของเจ้า ถูกบันทึกไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว แน่นอน การลงโทษจะเกิดขึ้นทันทีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
130. ดังนั้น เจ้าจงอดทนต่อสิ่งที่พวกเขากล่าวร้าย และจงแซ่ซ้องสดุดีด้วยการสรรเสริญพระเจ้าของเจ้า ก่อนตะวันขึ้นและก่อนตะวันลับลงไป และส่วนหนึ่งจากเวลากลางคืน ก็จงแซ่ซ้องสดุดีและปลายช่วงของเวลากลางวัน เพื่อเจ้าจะได้พออกพอใจ
131. และเจ้าจงอย่าทอดสายตาของเจ้าไปยังสิ่งที่เราได้ให้ความเพลิดเพลินแก่บุคคลประเภทต่าง ๆ ของพวกกุฟฟาร ซึ่งความสุขสำราญในโลกดุนยา เพื่อเราจะได้ทดสอบพวกเขาในการนี้ และการตอบแทนของพระเจ้านั้น ดียิ่งกว่าและจีรังยิ่งกว่า
132. และเจ้าจงใช้ครอบครัวของเจ้า ให้ทำละหมาด และจงอดทนในการปฏิบัติ เรามิได้ขอเครื่องยังชีพจากเจ้า เราต่างหากเป็นผู้ให้เครื่องยังชีพแก่เจ้า และบั้นปลายนั้นสำหรับผู้ที่มีความยำแกรง


คำแปล R5.
๑๒๙. และมาดแม้นประกาศิตแห่งองค์พระผู้อภิบาลของเจ้าไม่มีมาก่อนแต่เดิมแล้วไซร้ แน่นอนการทำลายต้องเกิดมีขึ้นแก่เขาในโลกนี้อย่างแน่นอน และ การทำลายพวกเขาในภพหน้าก็เป็นอายุขัยที่ถูกกำหนดไว้แล้ว
๑๓๐. โอ้ มุฮำมัด ดังนั้นเจ้าจงอดทนสิ่งที่พวกเขาพูดแสดงการไม่ศรัทธาที่พวกกาฟิรมักกะห์กล่าวกับเจ้าและเจ้าจงถวายพิสุทธิคุณด้วยการทำละหมาดกราบไหว้พระผู้เป็นเจ้า พร้อมกับกล่าวสรรเสริญองค์พระผู้อภิบาลของเจ้าในเวลาก่อนตะวันขึ้นและก่อนตะวันตกและในเวลากลางคืนเจ้าจงถวายพิสุทธิคุณด้วยการละหมาดมักริบและอีซา และในเวลากลางวันด้วยการละหมาดดุฮฺริ เพื่อเจ้าจะได้ยินดีในกุศลที่เจ้าได้รับ
๑๓๑. และเจ้าอย่าได้ทอดสายตาของเจ้าไปยังสิ่งต่าง ๆ ที่เราได้ให้อภิรมย์ ชื่นชม และเป็นความสุข แก่บรรดาประเภทต่าง ๆ จากพวกสิ่งถูกสร้าง (มรรคโลก) ทั้งหลายนั้น ซึ่งพวกนั้นได้รับความมีชีวิตชีวาประดุจดังดอกไม้แห่งชีวิตในโลกนี้เพื่อเราจะทำความวุ่นวายแก่พวกเขาในสิ่งนั้น โดยพวกเขาหลงใหลในสิ่งอภิรมย์ดังกล่าวแล้ว เราจะตอบแทนด้วยการลงโทษในโลกหน้า และการให้เครื่องยังชีพของพระผู้อภิบาลของเจ้าในสวรรค์นั้นย่อมดียิ่งกว่าที่พวกเขาได้รับในภพนี้และจีรังกว่าที่จะได้รับในภพนี้
๑๓๒. และโอ้มุฮำมัดเจ้าจงใช้ให้ครอบครัวของเจ้าทำละหมาด และเจ้าจงอดทนเพื่อสิ่งนั้น และเราไม่ร้องขอเจ้าในเรื่องการครองชีพของพวกเจ้า เราต่างหากที่ให้เครื่องยังชีพแก่เจ้าและอื่น ๆ และผลสุดท้าย คือสวรรค์นั้นย่อมได้แก่ผู้เกรงกลัวอัลเลาะห์


-----------------------------------------------------------------------

สูเราะฮฺ ฏอฮา อายะฮฺที่ 133 - 135


 
คำแปล R1.
133. They say: "Why does he not bring us a sign (proof) from his Lord?" Has there not come to them the proof of that which is (written) in the former papers [Scriptures, i.e. the Taurat (Torah), and the Injeel (Gospel), etc. about the coming of the Prophet Muhammad].
134. And if we had destroyed them with a torment before this (i.e. Messenger Muhammad and the Qur'an), they would surely have said: "Our Lord! If only you had sent us a messenger, we should certainly have followed Your Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.), before we were humiliated and disgraced."
135. Say (O Muhammad): "Each one (believer and disbeliever, etc.) is waiting, so wait you too, and you shall know who are they that are on the Straight and even Path (i.e. Allah's Religion of Islamic Monotheism), and who are they that have let themselves be guided (on the right Path).


คำแปล R2.
133. และพวกเขากล่าวว่า “”ไฉนเขา (มุฮำมัด) จึงมินำสัญลักษณ์ (ปาฏิหาริย์)หนึ่งใดจากองค์อภิบาลของเขามา(แสดงให้ปรากฏต่อพวกเรา)” และการชี้แจง(ของอัลกุรอาน)ในสิ่งที่มีปรากฏในคัมภีร์ก่อน ๆ มิได้มาสู่พวกเขาดอกหรือ
134. และมาดแม้นว่า เราได้ทำลายล้างพวกเขาด้วยการลงโทษก่อนหน้าเขา(มุฮำมัด ทำการประกาศศาสนา) แน่นอนพวกเขาก็ต้องพูดว่า “โอ้องค์อภิบาลของเรา ไฉนพระองค์ไม่แต่งตั้งศาสนทูตมายังเราเล่า เราจะได้ประพฤติตามโองการของพระองค์ (ตามคำประกาศของศาสนทูตนั้น) ก่อนที่เราจะอัปยศและอดสู(ในโลกหน้า)
135. จงประกาศเถิด “ทุกคนต่างรอคอย(ผลที่จะประสบแก่ตน) ดังนั้น พวกท่านจงรอคอยเถิด แล้วพวกท่านก็จะรู้เองว่าใครกันที่เป็นชาวหนทางอันเที่ยงตรง และผู้ใดที่ได้รับการชี้นำ


คำแปล R3.
133. พวกเขากล่าวว่า “ทำไมเขาจึงไม่นำเอาสัญญาณหนึ่งจากพระผู้อภิบาลของเขามายังเราล่ะ?” ก็สัญญาณอันชัดแจ้งที่มีอยู่ในคัมภีร์ก่อนหน้านี้มิได้มาถึงพวกเขากระนั้นหรือ?
134. และถ้าหากเราได้ทำลายพวกเขาด้วยการลงโทษก่อนที่มันจะมาถึงพวกเขาก็จะกล่าวว่า “ข้าแต่พระผู้อภิบาลของเราทำไมพระองค์ไม่ส่งรอซูลคนหนึ่งมายังเราเพื่อที่เราจะได้ปฏิบัติตามอายะฮฺทั้งหลายของพระองค์ก่อนที่เราจะต้องได้รับความอัปยศอดสู?”
135. (โอ้ มุฮัมมัด) จงบอกพวกเขาว่า “ทุกคนกำลังรอคอยผลสุดท้าย ดังนั้นพวกเจ้าก็จงคอยด้วยเช่นกัน เพราะในไม่ช้า พวกท่านจะได้รู้ว่าใครที่กำลังปฏิบัติตามทางอันเที่ยงตรงและใครที่ถูกนำทาง


คำแปล R4.
133. และพวกเขากล่าวว่า ทำไมเขาจึงไม่นำสัญญาณหนึ่งจากพระเจ้าของเขามาให้เรา หรือว่าหลักฐานอันชัดแจ้งที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์ต่าง ๆ สมัยก่อนนั้น มิได้มีมายังพวกเขาดอกหรือ
134. และหากเราทำลายพวกเขาด้วยการลงโทษก่อนการให้อัลกุรอานลงมา แน่นอนพวกเขาก็กล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของเราทำไมพระองค์ท่านจึงไม่ส่งรอซูลมายังพวกเรา เพื่อเราจะได้ปฏิบัติตามโองการของพระองค์ท่าน ก่อนที่เราจะได้รับความต่ำต้อยและความอัปยศ
135. จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด ทุกคนเป็นผู้คอย ดังนั้น พวกท่านจงคอยเถิด แล้วพวกท่านจะได้รู้ว่าใครคือ พวกที่อยู่ในแนวทางอันเที่ยงตรง และใครคือผู้ที่อยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง


คำแปล R5.
๑๓๓. พวกกาฟิรมักกะห์กล่าวว่า แม้เขา (มุฮำมัด) ไม่นำสัญลักษณ์จากองค์พระผู้อภิบาลของเขามาถึงพวกเราซึ่งสัญลักษณ์นั้นเป็นส่วนหนึ่งที่พวกเขาท้าวทวง ความแจ้งชัดที่มีในคัมภีร์ก่อน ๆ มิได้มาสู่พวกเจ้าดอกหรือ รวมไปถึงอัล-กุรอานด้วย ซึ่งในแต่ละคัมภีร์ก็ได้มีระบุถึงเรื่องราวต่าง ๆ ของประชากรในอดีต และความหายนะของประชากรนั้นที่กล่าวไว้ในคัมภีร์ แต่ข้อระบุในคัมภีร์เหล่านั้นไม่พอเพียงกับพวกนั้นหรือ ที่เป็นปาฏิหาริย์ (มัวะยิซาต) จนพวกนั้นต้องท้วงสิ่งอื่นจากนั้น
๑๓๔. และมาดแม้นเราให้ความเสียหายเกิดแก่พวกเขา (กาฟิรมักกะห์) ด้วยการลงโทษพวกนั้นก่อนหน้าเขา (มุฮำมัด) จะมาประกาศหลักธรรมแห่งอิสลามแก่พวกเขา พวกนั้นก็จะกล่าวว่า โอ้องค์พระผู้อภิบาลของเรา ทำไมพระองค์ไม่โปรดแต่งตั้งศาสดามายังพวกเราเพื่อเราปฏิบัติตาม ก่อนที่พวกเราจะเข้าสู่นรกยะฮันนัมด้วยการได้รับการเหยียดหยามและการประจาน
๑๓๕. เจ้าจงกล่าวกับพวกนี้เถิดว่า เราและพวกเจ้าทั้งสิ้นต่างรอคอยมองดูผลบั้นปลาย ดังนั้นเจ้าทั้งหลายจงรอคอยเถิด ต่อไปพวกเจ้าจะทราบว่าใครเป็นเจ้าของหนทางเที่ยงตรง และการได้รับการชี้แนวทางเที่ยงตรง เราหรือพวกเจ้า


-----------------------------------------------------------------------
 
ดำรัสของอัลลอฮฺผู้ทรงยิ่งใหญ่เป็นสัจจะ (صدق الله العظيم  )
จบตอนที่ 20 สูเราะฮฺ ฏอฮา
والسلام عليكم ورحمة الله وبركاته

 

GoogleTagged