และที่ผมเคยฟังมา ครับ
เมื่อคนอื่นทำร้ายเราหนึ่งครั้งเราก็โต้ตอบเขาหนึ่งครั้งด้วยวิธีเดียวกัน- ท่าน นบีมูซา
เมื่อมีคนมาทำร้ายเรา เราก็เฉยๆไม่โต้ตอบใดๆทั้งสิ้น-ท่าน นบีอีซา
เเละเมื่อมีคนมาทำร้ายเรา เราไม่โต้ตอบใดๆทั้งสิ้นเเถมให้อภัยให้เขาเเละดุอาให้อีก- ท่านนบี มูฮัมหมัด P.B.U.H
คุ้นๆเคยๆฟังมาอย่างนี้
ใครพอมีข้อมูลเพิ่มเติม ไหม
ข้อมูลเพิ่มเติมจากบอร์ดนะบีมุฮัมหมัดค่ะ
ท่านนบีมูฮัมหมัด ซอลลอลลอฮูอลัยฮีวะซัลลัม คือผู้ที่มีแบบฉบับและมารยาทดีที่สุดที่เราสมควรเอาแบบอย่าง
ท่านมีทัศนคติที่ดีต่อผู้อื่นเสมอ ไม่เคยมีอคติกับผู้ใด
ถูกต้องยิ่ง แม้พวกกุฟฟารและพวกมุชริกีนจะทำร้ายท่านจนเลือดตกยางออก แต่ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่อคติกับพวกเขาและไม่สาปแช่งแต่ท่านกลับขอดุอาอ์แก่พวกมุชริกีนกุฟฟารความว่า
اَللَّهُمَّ أهْدِ دَوْساً
"โอ้ อัลเลาะฮ์ โปรดทรงประทานทางนำแก่เผ่าเดาซ์ด้วยเทอญ" รายงานโดยมุสลิม
ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ขอดุอาอ์ให้แก่กลุ่มชนของท่านที่เป็นพวกมุชริกีน ความว่า
اَلَلَّهُمَّ أهْدِ قَوْمِى فَإِنَّهُمْ لاَ يَعْلَمُوْنَ
"โอ้ อัลเลาะฮ์ โปรดทรงประทานทางนำแก่กลุ่มชนของฉันด้วยเถิด เพราะแท้จริงพวกเขาเป็นกลุ่มชนที่ไม่รู้"
ดัง นั้นท่านญิบรีล อะลัยฮิสลามจึงกล่าวว่า อัลเลาะฮ์ทรงสัจจริงที่ได้เรียกชื่อท่านว่า ผู้เมตตาเอ็นดูยิ่งและมีความเมตตายิ่ง (ดู หนังสือ นูรุลยะกีน ของท่านชัยค์ มุฮัมมัด อัลคุฏรีย์ หน้า 56)
และ
ท่านรอซูล (ซ.ล.) ผู้เปี่ยมล้นไปด้วยความเมตตา ผู้ถูกชาวกุฟฟารดูถูก และเย้ยหยัน ได้ปฏิเสธการช่วยเหลือจากญิบรออีลในการที่จะทำลายล้างชนเผ่าที่รังแกท่าน แต่ท่านรอซูล (ซ.ล.)ได้กล่าวว่า
" ถึงแม้ว่า ผู้คนเหล่านี้จะไม่ยอมรับอิสลาม แต่ฉันหวังจากอัลลอฮฺว่า จะต้องมีผู้คนจากเผ่าพันธ์ของเขาที่จะภักดีต่ออัลลอฮฺ "
بَسْمِ اللهِ الرَّحْمنِ الرَّحِيْمِ
นบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ศาสนทูตผู้มีความเมตตา
เอกบุรุษผู้เป็นหัวหน้าแห่งสากลโลก คือท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ศาสนทูตที่ถูกส่งมาสู่มวลมนุษยชาติทั้งหลาย ตลอดจนบรรดาวัตถุต่างก็ได้รับความปลอดภัยด้วยเหตุการส่งท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ดังนั้นประชาชาติของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมนั้นจะรอดพ้นปลอดภัยจากสิ่งที่เคยบังเกิดขึ้นกับประชาชาติยุคก่อน ซึ่งบ้างก็ถูกสาปให้เป็นลิงเฉกเช่นพวกยิว หรือถูกธรณีสูบ ตลอดจนบรรดาก้อนหินก็ปลอดภัยจากการทำให้เป็นหินร้อนเพื่อลงโทษชาวนรก ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ถูกส่งมายังมนุษย์และญินนั้นเพื่อวางบทบัญญัติแก่พวกเขาให้พ้นจากความลุ่มหลง ถูกส่งไปมายังวัตถุและสรรพสิ่งทั้งหลาย พื้นดินถูกทำให้สะอาดและเป็นสถานที่ใช้ทำการสุยูดได้ ก็เพื่อเป็นเกียรติและสร้างความปีติยินดีแก่พวกมันทั้งหลาย ดังกล่าวนั้นอัลเลาะฮ์ตะอาลาได้ทรงประกาศฐานันดรของท่านนบี มุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไว้ความว่า
وَمَا أَرْسَلْنَاكَ إِلاَّ رَحْمَةً لِلْعَالَمِيْنَ
"และเราไม่ได้ส่งเจ้ามานอกจากเป็นความเมตตาแก่สากลโลกทั้งหลาย" อัลอัมบิยาอฺ 107
ดังนั้นอัลเลาะฮ์ตะอาลาได้ส่งท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ก็เพื่อเป็นความเมตตาแก่สากลโลก เมตตาต่อมนุษยชาติ ไม่ว่าจะเป็น ชาย , หญิง , และเด็ก , เมตตาต่อสาราสัตว์ทั้งหลาย เมตตาต่อผู้ศรัทธา เมตตาพวกมุนาฟิกีน ให้ความปลอดภัยแก่พวกเขา ไม่ประกาศรบและจับมาเป็นเฉลยเพราะคำนึงถึงการรับอิสลามของพวกเขาแม้จะเพียงภายนอกก็ตาม อีกทั้งยังเมตตาต่อพวกกุฟฟารโดยไม่ถูกทำลายถอนรากถอนโคนเฉกเช่นประชาชาติก่อนหน้านั้นที่ทำการปฏิเสธศาสนทูตของพวกเขา แต่สำหรับกุฟฟารในประชาชาติของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมแล้วนั้น อัลเลาะฮ์ทรงประวิงเวลาการลงโทษต่อพวกเขาเพื่อเป็นเกียรติแก่ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมนั่นเอง
ท่านอบูฮุร็อยเราะฮ์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า “ได้ถูกกล่าวแก่ท่านศาสนทูตมุฮัมมัด ว่า โอ้ ศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ ท่านจงขอดุอาอ์ ให้ความวิบัติประสบแก่พวกตั้งภาคีเถิด ท่านกล่าวว่า ฉันมิได้ถูกส่งมาเพื่อสาปแช่ง แต่ทว่าฉันถูกส่งมาเพื่อความเมตตา” รายงานโดยมุสลิม (4704)
ท่านอะบูฮุร็อยเราะฮ์ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุได้กล่าวว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้กล่าวในขณะกล่าวสุนทรพจน์ว่า "แท้จริงฉันคือความเมตตาที่เป็นสิ่งกำนัล(แด่พวกท่านที่รักทั้งหลาย)" สุนันดาริมีย์ 1/21
اللهُمَّ صَلِّ عَلَي سَيِّدِنَا مُحَمَّدٍ وَعَلَي آلَهِ وَصَحْبِهِ وَسَلَّمَ وَالْحَمْدُ للهِ رَبِّ العَالَمِيْنَ
اَللَّهُمَّ صَلِّ عَلىَ مُحَمَّدٍ وَعَلىَ آلِ مُحَمَّدٍ
ถ้าเราศึกษาประวัติของท่านนะบีมุฮัมหมัด ซอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
เราจะซาบซึ้งถึงคุณธรรมและความดีงามของจิตใจท่าน
รู้ถึงระดับอีหม่านในหัวใจท่าน...
เพราะท่านเป็นผู้ที่ยิ่งในความเมตตา...ท่านไม่ถือสาประชาชาติ
ของท่าน ไม่ว่าท่านจะถูกทำร้ายอย่างไร ท่านก็ไม่ถือสา
ซ้ำยังเมตตาและให้อภัยพร้อมทั้งขอดุอาฮ์ให้อีก...
ซึ่งการจะทำตามแบบฉบับของท่านได้มิใช่เรื่องง่ายเลย...
ข้าน้อยจึงมองว่า...การให้อภัย คือทานอันยิ่งใหญ่
คือการให้อันยิ่งใหญ่ ยิิ่งเราให้อภัยคนที่ทำร้ายเราอย่างแสนสาหัสได้
ซึ่งเป็นอะไรที่ยากนัก การให้ดังกล่าวจะไม่สูญเปล่า...
ครั้งหนึ่ง ข้าน้อยเคยแบกความเจ็บปวดจากการถูกกระทำเอาไว้
แล้วรอวันดูคนๆนั้นพบกับความวิบัติ...ไม่ได้ขอดุอาฮฺหรือสาปแช่งเขา
เพราะแน่ใจว่า อัลลอฮฺเห็นในสิ่งที่เขาได้กระทำไว้กับเรา
และพระองค์จะตอบแทนเขาอย่างแน่นอน...
แต่เมื่อวันที่เราได้เห็นเขาคนนั้นพบกับความวิบัติ
จากที่คิดว่าเราจะมีความสุขที่ได้เห็นในสิ่งที่รอคอยมานาน
มันกลับไม่ได้สร้างความสุขให้กับเราเลย...พอความรู้สึกสงสาร
เข้าสู่หัวใจ ความละอายที่ใจเรารอคอยดูวันที่คนอื่นพบกับความวิบัติ
ก็เกิดขึ้น...ยิ่งเมื่อวันที่ได้อ่านประวัติท่านนะบี ก็ยิ่งทำให้ซาบซึ้ง
รู้แล้วว่า การได้เห็นคนๆนึงประสบกับความวิบัติในชีวิต
มันไม่ใช่ภาพที่จะสร้างความสุขในหัวใจใครได้เลยจริงๆ...
การให้อภัยต่างหากที่ทำให้ใจเราเบาขึ้นและมีความสุข
สุขที่ได้ให้อภัย แม้เขาคนนั้นไม่เคยขออภัยกับเราเลยก็ตาม...
แต่เมื่อข้าน้อยยังเป็นคนธรรมดา การจะรู้สึกให้อภัยได้ในทุกๆ
สถานการณ์ ทุกๆสภาวะจึงไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ
มันคงต้องหัดหัวใจเราอยู่ตลอดเวลา...ให้รู้จักให้อภัย...
ไม่แล้ว...เรานี่แหล่ะที่จะทุกข์ใจ....
วัสลามค่ะ