ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 19 สูเราะฮฺมัรฺยัม  (อ่าน 4115 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ มัรฺยัม อายะฮฺที่ 64 - 67


คำแปล R1.
64. And we (angels) descend not except by the command of your Lord (O Muhammad). To Him belongs what is before us and what is behind us, and what is between those two, and your Lord is never forgetful,
65. Lord of the heavens and the earth, and all that is between them, so worship Him (alone) and be constant and patient In his worship. Do you know of any who is similar to him? (Of course none is similar or coequal or comparable to him, and He has none as partner with Him). [There is nothing like unto Him and He is the All-Hearer, the All-Seer].
66. And man (the disbeliever) says: "When I am dead, shall I then be raised up alive?"
67. Does not man remember that We created him before, while he was nothing?


คำแปล R2.
64. (ยิบรออีล ได้กล่าวกับนบีมุฮำมัดว่า)และเราจะไม่(มีสิทธิและโอกาส)ลงมาได้หรอก นอกจากโดยพระบัญชาแห่งองค์อภิบาลของท่าน เพราะพระองค์ทรงสิทธิในสิ่งที่อยู่ต่อหน้าเรา สิ่งที่อยู่เบื้องหลังของเรา และที่อยู่ระหว่างนั้น และองค์อภิบาลของท่าน มิใช่ผู้หลงลืมเลย
65. ทรงเป็นองค์อภิบาลแห่งฟากฟ้าและแผ่นดิน รวมทั้งสรรพสิ่งระหว่างทั้งสอง ดังนั้นเจ้าจงนมัสการพระองค์ และจงอดทนเพื่อการนมัสการพระองค์เถิด เจ้ารู้ว่ามีคู่เทียบเทียมกับพระองค์กระนั้นหรือ?
66. และมนุษย์พากันพูดว่า “เมื่อฉันได้ตายไปแล้ว ฉันยังจะออก(จากสุสาน)มามีชีวิตอีกกระนั้นหรือ?”
67. และมนุษย์ไม่ระลึกบ้างหรือว่า อันที่จริงเราได้สร้างเขามาเมื่อก่อนหน้านั้นโดยที่เขาไม่เป็นอะไรเลย


คำแปล R3.
64. (โอ้ มุฮัมมัด) เราจะไม่ลงมานอกจากว่าเราจะได้รับบัญชาจากพระผู้อภิบาลของเจ้า ของพระองค์คือทุกสิ่งที่อยู่ต่อหน้าเราและทุกสิ่งที่อยู่ข้างหลังเราและทุกสิ่งที่อยู่ระหว่างนั้นและพระผู้อภิบาลของเจ้าไม่เคยหลงลืม
65. พระองค์คือพระผู้อภิบาลแห่งชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดิน และที่อยู่ในระหว่างทั้งสองนั้น ดังนั้นจงเคารพภักดีพระองค์และรับใช้พระองค์อย่างแน่วแน่ เจ้ารู้จักผู้ใดอื่นที่เสมอเหมือนพระองค์บ้างไหม?
66. และมนุษย์กล่าวว่า “อะไรกัน เมื่อฉันตายไปแล้วฉันจะถูกทำ ให้กลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกกระนั้นหรือ ?”
67. มนุษย์จำไม่ได้หรือว่าเราได้สร้างเขาขึ้นมาในตอนแรก เมื่อเขาไม่ได้เป็นอะไรเลย ?


คำแปล R4.
64. และเรา (ญิบรีล) มิได้ลงมา เว้นแต่ด้วยพระบัญชาของพระเจ้าของท่าน สำหรับพระองค์นั้น สิ่งที่อยู่ระหว่างเบื้องหน้าของเราและสิ่งที่อยู่เบื้องหลังของเรา และสิ่งที่อยู่ระหว่างทั้งสองและพระเจ้าของท่านนั้นมิทรงหลงลืมสิ่งใดเลย
65. พระเจ้าแห่งบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดินและสิ่งที่อยู่ระหว่างทั้งสอง ดังนั้นจงเคารพภักดีต่อพระองค์ และจงอดทนต่อการเคารพภักดีพระองค์สูเจ้ารู้หรือว่ามีผู้ใดเสมอเหมือนพระองค์
66. และมนุษย์ (กาฟิร) กล่าวว่า เมื่อฉันตายไปแล้ว ฉันจะถูกให้ออกมา ในสภาพมีชีวิตจริงหรือ
67. มนุษย์ไม่คิดบ้างหรือว่า แท้จริงเราได้บังเกิดเขามาแต่กาลก่อน โดยที่เขามิได้เป็นสิ่งใดมาก่อนเลย


คำแปล R5.
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ เมื่อกระแสโองการแห่งอัลเลาะห์มิได้ถูกดลมายังมุฮำมัดเป็นเวลานานถึง ๑๕ วัน บางกระแสว่า ๔๐ วัน ยังผลให้มุฮำมัดรู้สึกวิตกกังวลอย่างหนัก ข้างฝ่ายมุชริกก็พูดถากถางมุฮำมัดอยู่ว่า อัลเลาะห์ทรงทอดทิ้งและกริ้วมุฮำมัดแล้ว ดังนั้นมุฮำมัดจึงเอ่ยถามท่านยิบรออีลว่า อะไรหรือมาหักห้ามท่านมิให้มาเยือนฉัน ครั้นแล้วอัลเลาะห์ได้ดลโองการต่อไปนี้กับอีกบทอัล-ดุฮา (อยู่ในบทอัล-ดุฮาส่วนที่ ๓๐)
๖๔. ยิบรออีลกล่าวแก่มุฮำมัดว่า เราจะลงมายังท่าน หาได้ไม่ นอกจากโดยบัญชาจากอัลเลาะห์องค์พระผู้อภิบาลของเจ้าให้มาสู่ท่านชั่วครั้งหนึ่ง ๆ เท่านั้น ด้วยพระองค์นั้นทรงไว้ซึ่ง ความรอบรู้ถึงบรรดากิจการที่มี ณ ภายหน้าของเราในภพอาคิเราะห์และบรรดากิจการที่มีแต่หนหลังของเราในภาคภพดุนยาทั้งบรรดากิจการที่มีอยู่ระหว่างนั้น คือระหว่างเวลาปัจจุบันจนถึงเวลาแห่งอาคิเราะห์ปรากฏ และใช่ว่าองค์พระผู้อภิบาลแห่งเจ้าทรงละทิ้งเจ้าด้วยเหตุแห่งการดลโองการลงมาล่าช้าก็หาไม่
๖๕. อัลเลาะห์คือองค์พระผู้อภิบาลแห่งบรรดาฟ้าทั้งเจ็ดและแผ่นดินอีกทั้งบรรดาที่มีอยู่ระหว่างทั้งสองนั้นด้วย ฉะนั้นเจ้าจงเคารพบูชาหระองค์ และจงอดทนเพื่อการเคารพบูชาพระองค์ ท่านจะตระหนักแน่ว่าพระองค์ทรงมีคูเทียบเทียมอยู่หรือ ? เปล่าเลย ท่านย่อมรู้แน่ว่า ไม่มีใด ๆ เช่น เหล่าเทวรูป สมควรมีสิทธิ์ได้รับขนานนามว่าพระเจ้าหรือพระผู้เอกะ หรืออัลเลาะห์ หรือองค์พระผู้อภิบาลแห่งบรรดาชั้นฟ้าทั้งเจ็ดและแผ่นดินเลย
๖๖. ฝ่ายมนุษย์ผู้ปฏิเสธเรื่องการเกิดชีพใหม่ได้แก่ อุบัยย์บุตรของค็อลฟ์หรือวลีดบุตรของมุฆีเราะห์จะกล่าวปฏิเสธเป็นนัยของคำถามว่า ในเมื่อฉันตายลงแล้วฉันจะยังถูกให้ผุดขึ้นมาเป็นอีกหรือ?
๖๗. อัลเลาะห์ตรัสตอบคำถามของอุบัยย์ บุตรของค็อลฟ์หรือวะลีดบุตรของมุฆีเราะห์ว่า เขา (อุบัยย์หรือวะลีด) จะไม่ระลึกบ้างเลยหรือว่า เรา(อัลเลาะห์) นี้ได้สร้างเขาขึ้นจากแต่ก่อนเขายังไม่เป็นอะไรอยู่เลย ฉะนั้นจึงสมควรอย่างยิ่งที่เขาจะต้องระลึกว่าพระองค์มีพลานุภาพ ที่จะประกอบโครงสร้างที่สลายไปในสุสาน ให้กลับคืนเป็นร่างดังเดิมได้


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ มัรฺยัม อายะฮฺที่ 68 - 71


คำแปล R1.
68. So by your Lord, surely, we shall gather them together, and (also) the Shayatin (devils) (with them), then we shall bring them round Hell on their knees.
69. Then indeed we shall drag out from every sect all those who were worst in obstinate rebellion against the Most Beneficent (Allah).
70. Then, verily, we know best those who are Most Worthy of being burnt therein.
71. There is not one of you but will pass over it (Hell); this is with your Lord; a decree which must be accomplished.


คำแปล R2.
68. ดังนั้น ขอสาบานต่อองค์อภิบาลของเจ้า แท้จริงเราจักรวมพวกเขาและพวกมารไว้(ในที่เดียวกัน)หลังจากนั้นเราจะนำพวกเขาให้มาปรากฏตัวอยู่รอบนรกยะฮันนัม โดยพวกเขาคุกเข่าลง(ด้วยความหวาดหวั่น)
69. หลังจากนั้นเราจะคัดมาจากแต่ละกลุ่มว่าผู้ใดบ้างในพวกเขาที่มีความทรยศอย่างร้ายกาจต่อองค์ผู้ทรงเมตตา
70. หลังจากนั้น เราย่อมรู้ถึงบรรดาผู้สมควรยิ่งที่จะเข้าไปสู่นรกนั้น
71. และไม่มีใครจากพวกเจ้า(พ้นจากนรกได้) นอกจากต้องผ่านมันไปอย่างแน่นอน สิ่งนั้นเป็นภาระที่ถูกกำหนดไว้แล้ว โดยองค์อภิบาลของเจ้า


คำแปล R3.
68. ด้วยพระผู้อภิบาลของเจ้า เราจะรวบรวมพวกเขาและพวกมารเข้าไว้ด้วยกัน และเราจะให้พวกเขาไปนั่งคุกเข่าอยู่รอบ ๆ นรก
69. แล้วจากทุกหมู่คณะ เราจะเลือกเอาคนที่ดื้อรั้นที่สุดต่อผู้ทรงกรุณาปรานี
70. เรารู้ดีว่า คนไหนในหมู่พวกเขาที่สมควรที่จะถูกโยนลงนรกมากที่สุด
71. และไม่มีใครในหมู่สูเจ้าที่จะไม่ถูกนำมาปรากฏต่อหน้าขอบเขตนรก เพราะนี่เป็นสิ่งที่ได้ถูกกำหนดไว้ ซึงพระผู้อภิบาลของเจ้าจะนำมาใช้


คำแปล R4.
68. ดังนั้นด้วยพระนามของพระเจ้าของเจ้าแน่นอนเราจะชุมนุมพวกเขาพร้อมด้วยบรรดาชัยฏอนแล้วเราจะนำพวกเขาให้มาคุกเข่าอยู่รอบ ๆ นรก
69. แล้วแน่นอนที่สุดเราจะดึงออกจากทุก ๆ คณะ ใครในหมู่พวกเขาที่ดื้อรั้นที่สุดต่อพระผู้ทรงกรุณาปรานี
70. แล้วแน่นอนที่สุด เรารู้ดียิ่งถึงบรรดาผู้ที่เหมาะสมยิ่งที่จะเข้าไปอยู่ในนรก
71. และไม่มีผู้ใดในหมู่พวกเจ้า นอกจากจะเป็นผู้ผ่านเข้าไปในมัน มันเป็นสิ่งที่กำหนดไว้แน่นอนแล้วสำหรับพระเจ้าของเจ้า


คำแปล R5.
๖๘. ขออ้างองค์พระผู้อภิบาลแห่งเจ้าเป็นประกันว่า เราจะรวมพวกเขาผู้ปฏิเสธเรื่องการฟื้นขึ้นใหม่จากแหล่งสุสาน กับเหล่าไซตอนไว้ด้วยกันในสายโซ่เส้นเดียว ครั้นแล้วเราจะให้พวกเขาไปสู่อยู่รอบขุมนรกยะฮันนำพลางคุกเข่าอีกด้วย
๖๙. แล้วเราจะคัดจากทุก ๆพวกเอาแต่ผู้ที่บังอาจกับอัลเลาะห์องค์ผู้ปรานียิ่ง
๗๐. แล้วเราก็รู้อยู่แต่บรรพกาลจนบัดนี้ว่าบรรดาชนเหล่านั้นคือผู้สมควรยิ่งที่จะเข้าสู่ขุมนรกยะฮันนำและถูกเผาผลาญในที่แห่งนั้น เราจึงเริ่มนำเหล่าชนผู้สมควรมากกว่าสู่ขุมนรกและถูกเผาผลาญก่อนผู้ซึ่งยังมีความสมควรน้อยกว่า
๗๑. และในหมู่พวกเจ้าไม่ว่าที่เป็นมุอ์มินหรือชนกาฟิรยกเว้นแต่เหล่าศาสดาและเหล่าศาสนทูต จะเป็นอื่นใดมิได้นอกจากได้สู่ที่นรกแห่งนั้น การที่ชนมุอ์มินและกาฟิรเข้าสู่ขุมนรกยะฮันนัมนั่นแหละเป็นไปตามรูปการอันตายตัวจากองค์พระผู้อภิบาลของเจ้า 


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ มัรฺยัม อายะฮฺที่ 72 - 76


คำแปล R1.
72. Then we shall save those who use to fear Allah and were dutiful to Him. And we shall leave the Zalimun (polytheists and wrongdoers, etc.) therein (humbled) to their knees (in Hell).
73. And when Our clear Verses are recited to them, those who disbelieve (the rich and strong among the pagans of Quraish who live a life of luxury) say to those who believe (the weak, poor companions of Prophet Muhammad who have a hard life): "Which of the two groups (i.e. believers and disbelievers) is best in (point of) position and as regards station (place of council for consultation)."
74. And how many a generation (past nations) have we destroyed before them, who were better in wealth, goods and outward appearance?
75. Say (O Muhammad) whoever is in error, the Most Beneficent (Allah) will extend (the rope) to him, until, when they see that which they were promised, either the torment or the Hour, they will come to know who is worst in position, and who is weaker in forces. [This is the answer for the Verse No.19:73]
76. And Allah increases in guidance those who walk aright [true believers in the Oneness of Allah who fear Allah much (abstain from all kinds of sins and evil deeds which he has forbidden), and love Allah much (perform all kinds of good deeds which He has ordained)]. And the righteous good deeds that last, are better with your Lord, for reward and better for resort.


คำแปล R2.
72. หลังจากนั้น เรายังความรอดพ้นแก่บรรดาผู้มีจิตยำเกรงและเราทิ้งทุจริตชนทั้งหลายไว่ใน(นรก)นั้นในอาการคุกเข่า(ด้วยความหวาดหวั่นและระทมทุกข์)
73. และเมื่อบรรดาโองการของเราอันแจ้งชัดถูกอัญเชิญแก่พวกเขา พวกไร้ศรัทธาก็จะพูดกับพวกมีศรัทธาว่า”(ระหว่างเรากับท่านนั้น)ฝ่ายใดจะมีที่อยู่ที่ดีกว่าและมีสถานะสังคมที่งดงามกว่า”
74. และมีประชาชาติตั้งเท่าไรแล้วที่เราได้ทำลายล้างก่อนหน้าพวกเขา ทั้ง ๆ ที่พวกนั้นมีเครื่องอำนวยสุขและสภาพที่สวยงามเป็นที่สุด
75. จงประกาศเถิด “ผู้ใดตกอยู่ในความหลงผิด แน่นอนพระองค์ผู้ทรงเมตตาก็จักปล่อยเขาให้ยืนยง(ในความหลงผิดนั้น)จนกระทั่งเมื่อพวกเขาได้เห็นสิ่งที่เขาถูกสัญญาไว้” ซึ่งอาจจะเป็นการลงโทษ(ในโลกนี้) และอาจจะเป็นกาลอวสานของโลกนี้ แล้วพวกเขาก็จะรู้ว่าใครกันที่มีสถานะอันเลวร้ายและมีแนวร่วมที่อ่อนแอ
76. และอัลเลาะฮฺทรงเพิ่มพูนสิ่งชี้นำ(คืออัลกุรอาน)แก่บรรดาผู้รับการชี้นำ และบรรดากิจกรรมอมตะที่ดีงามนั้น ย่อมมีผลตอบแทนอันประเสริฐสุด ณ องค์อภิบาลของเจ้าและมีที่กลับอันดีเยี่ยม


คำแปล R3.
72. และเราจะช่วยบรรดาผู้สำรวมตนจากความชั่ว (ในโลกนี้)ให้รอดพ้น และจะละทิ้งพวกที่ละเมิดให้นั่งคุกเข่าอยู่ในนั้น
73. และเมื่ออายะฮฺอันชัดเจนของเราได้ถูกอ่านให้พวกเขา บรรดาผู้ปฏิเสธได้กล่าวกับบรรดาผู้ศรัทธาว่า “บอกเราหน่อยสิ ในสองฝ่ายนี้ ฝ่ายไหนจะมีฐานะดีกว่าและมีสังคมที่เหนือกว่า?”
74. และกี่ชั่วคนแล้วที่เราได้ทำลายไปก่อนหน้าพวกเขา คนที่มั่งคั่งกว่าพวกเขาและสวยงามหรูหรากว่าพวกเขา
75. จงบอกพวกเขาว่า”พระผู้ทรงกรุณาปรานีได้ทรงให้ระยะเวลาแก่บรรดาผู้หลงผิดจนกระทั่งเมื่อคนเหล่านั้นเห็นสิ่งที่พวกเขาได้ถูกเตือนสำทับไว้ นั่นคือการลงโทษของอัลลอฮฺหรือเวลาแห่งการฟื้นคืนชีพ แล้วพวกเขาจะรู้เองว่าใครที่เคราะห์ร้ายกว่าและฝ่ายไหนอ่อนแอกว่า
76. ในทางตรงข้าม อัลลอฮฺจะทรงเพิ่มทางนำแก่ผู้ปฏิบัตตามทางนำ และการทำความดีที่ถาวรนั้นดีกว่าในสายตาของพระผู้อภิบาลของเจ้าในเรื่องของการตอบแทนและในบั้นปลายของพวกเขา


คำแปล R4.
72. แล้วเราจะให้บรรดาผู้ยำเกรงรอดพ้นแล้วเราจะปล่อยให้บรรดาผู้อธรรมคุกเข่าอยู่ในนั้น
73. และเมื่อโองการทั้งกลายอันแจ่มแจ้งของเรา ถูกอ่านขึ้นแก่พวกเขา บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธากล่าวแก่บรรดาผู้ศรัทธาว่า ฝ่ายใดในสองฝ่ายนี้จะมีฐานะดีกว่า และมีเกียรติทางสังคมมากกว่า
74. และกี่มากน้อยแล้วประชาชาติก่อนพวกเขาเราได้ทำลายพวกเขา โดยที่พวกเขามีสิ่งของ เครื่องใช้และรูปร่างลักษณะดีกว่า
75. จงกล่าวเถิด ผู้ที่อยู่ในความหลงผิดนั้น พระผู้ทรงกรุณาปรานีจะทรงผ่อนผันให้เขาระยะหนึ่ง จนกระทั่งเมื่อพวกเขาได้เห็นสิ่งที่พวกเขาถูกสัญญาไว้ว่า จะเป็นการลงโทษในโลกนี้หรือจะเป็นการลงโทษในปรโลก แล้วพวกเขาก็จะรู้ว่าใครจะมีฐานะชั่วร้ายกว่าและมีกำลังพลน้อยกว่า
76. และอัลลอฮฺจะทรงเพิ่มแนวทางที่ถูกต้องให้แก่ผู้ที่อยู่ในแนวทางนั้น และการงานที่ดีที่ยั่งยืนนั้นดียิ่ง ณ ที่พระเจ้าของเจ้า ในการตอบแทนรางวัล และดียิ่งในการกลับ (ไปสู่พระองค์)


คำแปล R5.
๗๒. ครั้นหลังจากนั้นแล้ว เราจะให้บรรดา(มุอ์มิน) ผู้ที่ยำเกรงต่อการถือภาคีและความไร้ศรัทธาได้พ้นภัยจากการร้อนเกินไปและหนาวเกินไปในขุมนรกยะฮันนำเหมือนดังที่ท่านนบีอิบรอฮีมหาได้ร้อนเพราะฤทธิ์แรงแห่งเพลิงนั้นไม่ ทั้งเราจะปล่อยทิ้งปวงทรชนผู้ถือภาคีและเหล่าไร้ศรัทธาให้ทรุดเข่าอยู่ ณ ที่ (ยะฮันนำ) แห่งนั้น และถูกเผาผลาญด้วยเพลิงร้อนแรง
๗๓. และในเมื่อบรรดาโองการแห่งอัล-กุรอานอันชัดแจ้งของเราซึ่งมีเนื้อความกล่าวชมเชยคนมุอ์มินและตำหนิชนกาฟิรได้ถูกอ่านขึ้นแก่พวกเขาทั้งผู้เป็นชนมุอ์มินและชนกาฟิรเมื่อได้รับแล้ว บรรดาชนกาฟิรผู้มีฐานะมั่งคั่งได้กล่าวแก่บรรดาชนผู้มีศรัทธาผู้อยู่ในฐานะยากจนข้นแค้นว่าระหว่างพวกเรากับพวกท่าน ทั้งสองฝ่ายใครจะมีบ้านเรือนดีกว่ากันและใครจะมีคูหารับแขกงดงามกว่ากัน โดยภายในเจตนาแล้วพวกกาฟิรจะแสดงให้เห็นว่าฝ่ายตนนั่นเหนือกว่า
๗๔. และมากต่อมากแล้วที่เรา(อัลเลาะห์)ได้ทำลายล้างปวงชนชาวตำบลต่าง ๆ ในครั้งก่อนจากพวกเขา (กาฟิรในยุคปัจจุบัน) ทั้งที่พวกเขาในยุคก่อนนั้นก็มีทรัพย์และสิ่งน่าพิสมัยดีเหลือยิ่งกว่าเหล่ากาฟิรในปัจจุบัน ดังนั้นเราจึงจะทำลายพวกกาฟิรปัจจุบันเหมือนดังเราได้เคยทำลายพวกกาฟิรยุคก่อน ๆ ดังกล่าวด้วย
๗๕. โอ้มุฮัมมัดจงกล่าวเถิดแก่ชนกาฟิรผู้มั่งมีที่อวดฐานะแก่มุอ์มินผู้ยากจนว่าพวกตนมีทุกอย่างดีกว่าพวกมุอ์มินว่า ผู้ใดตกอยู่ในความงมงายจะด้วยความไร้ศรัทธาก็ดีหรือความโง่ก็ดี หรือความหลงระเริงลืมนึกถึงความเป็นไปในบั้นปลายก็ดีแล้วไซร้ อัลเลาะห์องค์ทรงยิ่งในความปรานีจะทรงค่อย ๆ ให้ผู้นั้นอยู่ยืนไปด้วยการยิ่งทวีความหลงระเริงให้บ้าง ด้วยการยืดอายุให้บ้าง และด้วยการให้ยิ่งเจริญในสมบัติพัดสถานเพื่อจับจ่ายใช้สอยได้คล่อง ณ ภาคภพนี้ ทั้งนี้เป็นการผลักดันผู้นั้นให้ฮึกเหิมในอันจะประพฤติการชั่วช้า จนกระทั่งเมื่อพวกเขา(ผู้ตกอยู่ในสภาพดังกล่าว) ได้แลเห็นสิ่งที่พวกเขาถูกสัญญาไว้ ได้แก่โทษทัณฑ์ในรูปการถูกฆ่าบ้างและถูกจับเป็นเชลยบ้าง และวันกิยามะห์ อันเกี่ยวข้องกับนรกยะฮันนำและพวกเขาก็จะต้องวิ่งเข้าไปสู่นรกยะฮันนำนั้นบ้างแล้วนั่นแหละ พวกเขาทั้งฝ่ายมุอ์มินและฝ่ายกาฟิร ถึงได้รู้ว่าใครคือผู้มีสถานพักอันเลวนัก และยังจะได้รู้ว่าใครเป็นผู้ด้วยบริวารอีกด้วย สำหรับผู้เป็นบริวารคอยช่วยเหลือพวกกาฟิรนั้นได้แก่บรรดาไซตอน ส่วนผู้เป็นบริวารที่คอยช่วยเหลือคนมุอ์มินคือเหล่ามลาอิกะห์ เช่นที่เคยมีเหล่ามลาอิกะห์ลงมาช่วยในครั้งทำศึกที่บัดร์ จากนัยแห่งโองการนี้เพ่งเนื้อความว่าคณะชนมุอ์มินย่อมได้รับตอบแทนที่พักและมีบริวารดีเลิศกว่าฝ่ายกาฟิร
๗๖. ทั้งอัลเลาะห์จะทรงให้พระคัมภีร์อัล-กุรอานที่ถูกดลลงมาเป็นที่ชี้แนวธรรมเพิ่มขึ้นแก่บรรดาชนผู้ได้รับแนวธรรมให้ดำรงอยู่ในศรัทธาส่วนความประพฤติชอบอันถาวรนั้นผู้ปฏิบัติย่อมได้บุญกุศลอย่างดียิ่งจากองค์อภิบาลของเจ้า(มุฮำมัด) ทั้งแหล่งอันจะกลับไปสู่ก็ยังเลิศยิ่งด้วย


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ มัรฺยัม อายะฮฺที่ 77 - 80


คำแปล R1.
77. Have you seen him who disbelieved in Our Ayat (this Qur'โn and Muhammad) and (yet) says: "I shall certainly be given wealth and children [if I will be alive (again)],"
78. Has he known the unseen or has he taken a covenant from the Most Beneficent (Allah)?
79. Nay! We shall record what he says, and we shall increase his torment (in the Hell);
80. And we shall inherit from him (at his death) all that he talks of (i.e. wealth and children which we have bestowed upon him in this world), and he shall come to us alone.


คำแปล R2.
77. เจ้าสังเกตเห็น(เป็นที่น่าประหลาด)ไหม? ผู้ที่คัดค้านบรรดาโองการของเรา พร้อมกันนั้นเขาพูดว่า “ขอสาบาน ฉันต้องได้ทรัพย์และลูก(ในวันชาติหน้า)อย่างแน่นอน”
78. เขารู้สิ่งเล้นรับหรือว่าเขาได้ทำสัญญากับองค์ผู้ทรงเมตตาไว้(ว่าจะได้สิ่งดังกล่าว
79. เป็นไปไม่ได้ ต่อไปเราจะบันทึกสิ่งที่เขาพูด และเราจะยืนยงแก่เขาในการลงโทษตลอดไป
80. และเราจะสืบทอดมรดกของเขา สิ่งที่เขาพูด (โดยบันดาลให้เขาสูญทรัพย์และลูกทั้งหมดที่เคยมีฬนโลกด้วยการตายของเขา) และเขาจะมาหาเราอย่างเดียวดาย


คำแปล R3.
77. เจ้าเห็นไหม พวกคนที่ปฏิเสธอายะฮฺทั้งหลายของเราและคุยว่า “ฉันจะยังคงได้รับทรัพย์สินและลูกหลานอยู่ต่อไป ?”
78. อะไรนะ สิ่งพ้นญาณวิสัยได้ถูกเปิดเผยแก่พวกเขากระนั้นหรือ? หรือพวกเขาได้รับคำสัญญาจากพระผู้ทรงกรุณาปรานี
79. ไม่มีทาง เราจะบันทึกที่พวกเขาโอ้อวดไว้ และจะเพิ่มการลงโทษเขามากยิ่งขึ้น
80. และเราจะรับช่วงสิ่งที่พวกเขากล่าวอ้างไว้ และเขาจะปรากฏตัวต่อหน้าเราเพียงผู้เดียว

 
คำแปล R4.
77. เจ้าเห็นหรือไม่ว่า ผู้ที่ปฏิเสธโองการทั้งหลายของเรา แล้วเขากล่าวอ้างว่า ฉันจะได้รับทรัพย์สมบัติและลูกหลานนั้น
78. เขาล่วงรู้ในสิ่งเร้นลับหรือว่าเขาได้รับคำมั่นสัญญา จากพระผู้ทรงกรุณาปรานี
79. เปล่าเลย เราจะบันทึกสิ่งที่เขากล่าวและเราจะเพิ่มการลงโทษแก่เขาอีกระยะหนึ่ง
80. และเราจะรับช่วงจากเขาสิ่งที่เขากล่าวไว้ และเขาจะมาหาเราอย่างโดดเดี่ยว


คำแปล R5.
๗๗. โอ้มุฮำมัด เจ้าเห็นเป็นที่น่าประหลาดไหมเล่าในเรื่องราวของกาฟิรคนนี้ชื่อว่า อาซีย์บุตรของวาอิล ได้เคยว่าจ้างค่อบ๊าบบุตรของอัล-อะร็อต ช่างทองให้ทำเครื่องรูปพรรณแต่ไม่ยอมจ่ายค่ากำเหน็จ ค่อบ๊าบจึงไปทวงค่ากำเหน็จจากอาซีย์พร้อมกับพูดให้อาซีย์นึกกลัวบาปว่า ท่านนี้จะต้องถูกฟื้นคืนชีพอีกจากสุสานหลังจากตายแล้ว ฝ่ายอาซีย์แทนที่จะกลัวกลับพูดเหยียดหยามและล้อเล่นว่า ค่อบ๊าบเชื่อเรื่องงมงายไร้สาระว่า ฉันขอปฏิญาณว่า ฉันจะถูกฟื้นชีพจากสุสานมาใหม่อีกอย่างท่านเชื่อ กล่าวคืออาซีย์ เป็นผู้ซึ่งนอกจากจะไร้ศรัทธาต่อบรรดาโองการของเรา(อัลเลาะห์)อันว่าด้วยเรื่องการฟื้นชีพใหม่จากสุสานแล้ว ซ้ำยังพูดว่าฉันจะนำเอาทรัพย์ค่าจ้างทำเครื่องรูปพรรณใช้หนี้ท่านด้วย กับลูกอีกคนด้วยมาให้ โอ้มุฮำมัด เจ้าจงประหลาดใจเถิดว่า
๗๘. เขา(อาซีย์) ได้แลเห็นสิ่งที่ยังเร้นลับอยู่แล้วหรือ ที่เขารู้ว่าจะมีทรัพย์และมีบุตรขึ้นได้ หรือว่าเขาได้ไปผูกพันสัญญามาจากอัลเลาะห์องค์ทรงยิ่งในความปรานีแล้ว ว่าเขาจะนำเอาสิ่งดังกล่าวมาชดใช้
๗๙. หามิได้ เอาเถอะ แล้วเราจะแจ้งผลแห่งบาปให้อาซีย์ได้ทราบตามที่เราได้บันทึกแล้วถึงเรื่องของทรัพย์บ้างและเรื่องบุตรบ้างดังที่เขากล่าวอ้างอยู่นั้น อันผลแห่งบาปก็จะเป็นไปตามที่ว่า และเรา(อัลเลาะห์) จะขยายโทษอีกส่วนหนึ่งฐานที่เขาได้อ้างเรื่องทรัพย์และบุตรให้เขาได้รับเพิ่มขึ้นอีกทบ กับโทษแห่งความไร้ศรัทธาของเขาด้วย
๘๐.  ทั้งเรา (อัลเลาะห์) ยังจะถอนคืนเอาสิ่งทั้งสองคือทรัพย์และบุตรที่เขา(อาซีย์) อ้างถึงจากเขาด้วยเราให้เขาตายจากพิภพนี้ แล้วในวันกิยามะห์เขาจะมาสู่ที่เราอย่างเดียวดาย ไม่มีทั้งทรัพย์และบุตรหลานและพวกพ้องเลยอีกด้วย


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ มัรฺยัม อายะฮฺที่ 81 - 87


คำแปล R1.
81. And they have taken (for worship) Aliha (gods) besides Allah, that they might give them honour, power and glory (and also protect them from Allah's punishment etc.).
82. Nay, but they (the so-called gods) will deny their worship of them, and become opponents to them (on the Day of Resurrection).
83. See you not that we have sent the Shayatin (devils) against the disbelievers to push them to do evil.
84. So make no haste against them; we only count out to them a (limited) number (of the days of the life of this world and delay their term so that they may increase in evil and sins).
85. The day we shall gather the Muttaqun (pious - see V.2:2) unto the Most Beneficent (Allah), like a delegate (presented before a king for honour).
86. And we shall drive the Mujrimun (polytheists, sinners, criminals, disbelievers in the Oneness of Allah, etc.) to Hell, in a thirsty state (like a thirsty herd driven down to water),
87. None shall have the power of intercession, but such a one as has received permission (or promise) from the Most Beneficent (Allah).


คำแปล R2.
81. และพวกเขาได้อุปโลกน์สิ่งอื่นจากอัลเลาะฮฺ ขึ้นเป็นพระเจ้าต่าง ๆ เพื่อให้สิ่งเหล่านั้นคอยสงเคราะห์พวกเขา
82. เป็นไปไม่ได้! เพราะพวก(พระเจ้าสมมติต่าง ๆ)เหล่านั้นจะปฏิเสธในการสักการะของพวกเขา และพวกนั้นจะเป็นคูอริกับพวกเขา
83. เจ้าไม่สังเกตหรือ? แท้จริงเราได้ส่งบรรดามารร้ายให้อยู่กับพวกไร้ศรัทธา โดยพวกมันคอยยุยงพวกเขาต่าง ๆ นา (ให้ทำบาปและก่อการทรยศ)
84. ดังนั้นเจ้าจงอย่าเร่งรีบแก่พวกเขา(ที่จะให้รับโทษทัณฑ์) เพราะความเป็นจริงเรากำหนดเวลา(ที่พวกเขาจะรับโทษ)ไว้แก่พวกเขาเอง
85. ในวันซึ่งเราจะชุมนุมมวลชนที่มีความยำเกรงสู่องค์ผู้ทรงเมตตา โดยพวกเขาขี่พาหนะมา
86. และเราไล่ต้อนพวกคนบาปสู่นรกยะฮันนัม(เหมือนเช่นฝูงสัตว์ที่)กระหายน้ำ
87. พวกเขาไม่มีอำนาจสงเคราะห์(ผู้อื่น) ยกเว้นผู้ที่ได้ทำสัญญาต่อองค์ผู้ทรงเมตตาไว้เท่านั้น(ด้วยการสัญญามั่นและประพฤติแต่ความดีงามตามคำบัญชาของพระองค์(จึงจะสงเคราะห์ได้)


คำแปล R3.
81. คนเหล่านี้ได้ตั้งพระเจ้าอื่น ๆ นอกจากอัลลอฮฺขึ้นมาเพื่อที่พระเจ้าเหล่านั้นจะได้เป็นผู้สนับสนุนพวกเขา
82. แต่พวกเขาหาได้มีผู้สนับสนุนใด ๆ ทั้งสิ้น สิ่งเหล่านั้นทั้งหมดจะปฏิเสธการสักการะบูชาของพวกเขาและเป็นปฏิปักษ์ต่อพวกเขา
83. เจ้ามิเห็นหรือว่าในหมู่ผู้ปฏิเสธนั้น เราได้ส่งพวกมารคอยยุแหย่พวกเขาให้ต่อต้านสัจธรรม
84. ดังนั้น เจ้าไม่ต้องร้อนรนในเรื่องการลงโทษที่จะมายังพวกเขา เพราะเรากำลังนับวันของพวกเขาอยู่
85. วันนั้นกำลังใกล้เข้ามาแล้วเมื่อเราจะนำบรรดาผู้สำรวมตนจากความชั่วมาปรากฏต่อพระผู้ทรงกรุณาอย่างแขกผู้มีเกียรติ
86. และเราจะต้อนผู้ทำความผิดลงนรกเหมือนฝูงสัตว์ที่กระหาย
87. ในเวลานั้น ไม่มีใครที่สามารถจะขอไถ่โทษได้นอกจากผู้ที่ได้รับอนุญาตจากพระผู้ทรงกรุณาปรานี


คำแปล R4.
81. และพวกเขาได้ยึดเอารูปปั้นต่าง ๆ เป็นพระเจ้าอื่นจากอัลลอฮฺ เพื่อที่จะเป็นพลังอำนาจแก่พวกเขา
82. เปล่าเลย รูปปั้นเหล่านั้นจะปฏิเสธการเคารพบูชาของพวกเขา และพวกมันจะเป็นปฏิปักษ์ต่อพวกเขา
83. เจ้ามิเห็นดอกหรือว่า แท้จริงเราได้ปล่อยให้ชัยฏอนมีอำนาจเหนือพวกที่ปฏิเสธศรัทธาเพื่อมันจะได้ยุแหย่พวกเขาอย่างจริงจัง
84. ดังนั้น เจ้าอย่าได้เร่งร้อนต่อพวกเขา แท้จริงเราได้นับวันที่เหลือสำหรับพวกเขาไว้แล้วด้วยการนับที่แน่นอน
85. วันที่เราจะรวมบรรดาผู้ยำเกรง ให้มาชุมนุมต่อหน้าพระผู้ทรงกรุณาปรานีเป็นกลุ่ม ๆ
86. และเราจะไล่ต้อนบรรดาผู้มีความผิดไปยังนรก อย่างสัตว์ที่กระหายน้ำเป็นฝูง ๆ
87. พวกเขาไม่มีอำนาจในการชะฟาอะฮฺ นอกจากผู้ที่ได้ทำสัญญาไว้กับพระผู้ทรงกรุณาปรานี


คำแปล R5.
๘๑. อีกทั้งปวงชนกาฟิรชาวนครมักกะห์เล่า พวกเขาเหล่านี้ยังได้นับถือด้วยให้การเคารพสักการะเหล่าเทวรูปเป็นพระเจ้าผู้มิใช่อัลเลาะห์ด้วยซ้ำ เพื่อต้องการจะให้พวกเทวรูปเหล่านั้นเป็นผู้อนุเคราะห์พวกตนในการช่วยขอต่ออัลเลาะห์มิให้เอาโทษ
๘๒. จะมีผู้ใดยับยั้งโทษดังกล่าวที่พระองค์จะทรงลงแก่พวกเขามิได้ พวกเทวรูปเหล่านั้นย่อมจะปฏิเสธซึ่งการสักการะของพวกเขา(กาฟิรมักกะห์) และซ้ำร้ายเหล่าเทวรูปยังจะเป็นคู่อริกับพวกเขาเสียด้วย
๘๓. โอ้มุฮำมัด เจ้ามิได้เห็นเป็นที่น่าประหลาดหรือ? ในบรรดาถ้อยคำของเหล่ากาฟิรในความเพลินอยู่ในทางหลงใหล และการปักใจเด็ดขาดสู่ความไร้ศรัทธา หลังจากรู้แจ้งถึงความจริงแล้วว่า เรา(อัลเลาะห์) นี้ได้ส่งเหล่าไซตอนไปครองเหล่ากาฟิรไว้ พวกไซตอนมันจะได้ยุยงพวกกาฟิรเหล่านั้นยิ่งขึ้น ด้วยอุบานลวงล่อชวนให้พวกกาฟิรเห็นการกระทำชั่วเป็นความงามและรักกิเลส
๘๔. โอ้มุฮำมัด เจ้าอย่าเพ่อรีบให้สูญเสียแก่พวกกาฟิรเหล่านั้นด้วยอยากให้มีการลงทัณฑ์โดยเร็วแก่พวกนั้นเลย เพื่อเจ้าและปวงชนผู้มีศรัทธา(มุอ์มิน)จะได้โล่งใจพ้นจากความเลวร้ายของพวกนั้นและเพื่อแผ่นดินจะได้ว่างเว้นจากการก่อหายนะของพวกนั้นด้วย อันที่จริงเรา(อัลเลาะห์) ก็ได้กำหนดเวลาที่กว่าจะถึงการลงโทษไว้อย่างจำกัดสำหรับพวกนั้น ในเพียงไม่กี่วันและไม่กี่ชั่วลมหายใจเข้าออกอยู่แล้ว
๘๕. โอ้มุฮำมัด จงกล่าวเถิดแก่ปวงชนของเจ้าเพื่อให้ได้ถือเป็นคติว่า วันกิยามะห์นั้นคือวันที่เรา(อัลเลาะห์) จะรวบรวมพวกที่ยำเกรงด้วยหัวใจของพวกเขามีศรัทธาโดยขึ้นอูฐเป็นสัตว์พาหนะไปสู่องค์ทรงยิ่งในความปรานี เพื่อรับส่วนแห่งพระกรุณาธิคุณ อันอูฐนั้นเป็นสัตว์ตัวผู้มีอานทำด้วยทับทิมก็มี ละท่เป็นตัวเมีอัประดับปรดาด้ยทองค ซึ่งที่บังเหียนทำด้วยมรกตก็มี
๘๖. แล้วเรา(อัลเลาะห์) จะไล่ต้อนพวกกาฟิรไปยังนรกยะฮันนำทั้งเท้าเปล่าและกระหายด้วย
๘๗. มนุษย์ทั้งปวงไม่ว่าที่เป็นมุอ์มินหรือกาฟิร พวกเขาย่อมไม่มีสิทธิในการสงเคราะห์เพื่อให้ผู้อื่นล่วงพ้นหรือได้รับสงเคราะห์จากผู้อื่นให้ตนล่วงพ้นโทษได้เลย เว้นแต่ผู้ซึ่งได้ถือคำมั่นจากอัลเลาะห์องค์ทรงยิ่งในความปรานีที่ว่าหามีพระเจ้าอื่นใดไม่นอกจากอัลเลาะห์ และหาได้มีการหลบพ้นจากอันตรายได้ไม่ และหาได้มีพละกำลังใด ๆ ที่จะทำดีได้ไม่ นอกจากโดยอัลเลาะห์เท่านั้น


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ มัรฺยัม อายะฮฺที่ 88 - 91


คำแปล R1.
88. And they say: "The Most Beneficent (Allah) has begotten a son (or offspring or children) [as the Jews say: 'Uzair (Ezra) is the son of Allah, and the Christians say that he has begotten a son ['Iesa (Christ)], and the pagan Arabs say that He has begotten daughters (angels, etc.)]."
89. Indeed you have brought forth (said) a terrible evil thing.
90. Whereby the heavens are almost torn, and the earth is split asunder, and the mountains fall in ruins,
91. That they ascribe a son (or offspring or children) to the Most Beneficent (Allah).


คำแปล R2.
88. และพวกเขา(ชาวยิว)กล่าวว่า “องค์ผู้ทรงเมตตาทรงมีบุตร”
89. ขอยืนยัน แท้จริงพวกเจ้าได้นำมาซึ่งเรื่องหนึ่งที่ผิดร้ายแรงยิ่งนัก
90. ฟากฟ้าเกือบจะแตก แผ่นดินเกือบจะแยก และภูเขาเกือบจะถล่ม เนื่องจากสิ่ง(ที่พวกเขาพูดไว้)นั้น
91. เพราะพวกเขาได้อ้างอิงบุตรแก่องค์ผู้ทรงเมตตา


คำแปล R3.
88. พวกเขากล่าวว่าพระผู้ทรงกรุณาปรานีทรงตั้งพระบุตรขึ้น
89. ช่างไร้เหตุผลสิ้นดีที่สูเจ้าคิดเรื่องบัดซบนี้ขึ้นมา
90. มันทำให้ชั้นฟ้าแทบถล่ม แผ่นดินทลายและภูเขาแตกสลายเป็นเสี่ยง
91. ที่พวกเขาอ้างว่าพระผู้ทรงกรุณาปรานีจะทรงรับใครเป็นพระบุตร

 
คำแปล R4.
88. และพวกเขากล่าวว่า พระผู้ทรงกรุณาปรานีทรงตั้งพระบุตรขึ้นเพื่อพระองค์
89. แน่นอนที่สุด พวกเจ้าได้นำมาซึ่งสิ่งร้ายแรงยิ่งใหญ่
90. ชั้นฟ้าทั้งหลายแทบจะพังทลายลงมาและแผ่นดินก็แทบจะถล่มลึกลงไป และขุนเขาทั้งหลายก็แทบจะยุบทลายลงมาเป็นเสี่ยง ๆ
91. ที่พวกเขาอ้างพระบุตรแก่พระผู้ทรงกรุณาปรานี


คำแปล R5
๘๘. . ยังมีพวกหนึ่งมี ๓ คณะ ได้แก่ยะฮูดี นะซอรอและชาวอาหรับ ต่าง. ได้กล่าวว่า อัลเลาะห์. องค์ทรงยิ่งด้วยความปรานีทรงมีบุตร กล่าวคือยะฮูดีบางคนกล่าวว่าอุไซร์เป็นบุตรของอัลเลาะห์ ส่วนนะซอรอบางคนว่าอีซาเป็นบุตรของพระองค์และชาวอาหรับบางคนคิดว่ามลาอิกะห์เป็นบุตรีของพระองค์
๘๙. อัลเลาะห์ได้ตรัสตำหนิพวกทั้งสามที่กล่าวเช่นนั้นว่า . แท้จริงพวกเจ้าได้ก่อเรื่องร้ายแรงขึ้นแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องไร้สาระที่ไม่อาจยอมรับและเป็นจริงได้
๙๐. . ซึ่งฟ้าทั้ง ๗ ชั้น. เกือบจะแตกลง แผ่นดินเกือบจะแยกแล้วสูบพวกเหล่านั้นจมลงไป. และภูเขาก็เกลือบจะถล่มครืนลงมาทับพวกเหล่านั้น. อีกตามนัยแห่งคำพูดอันไร้สาระ. ดังกล่าวนั้น
๙๑. . ที่พวกเขาทั้ง ๓ คณะ. อ้างว่าอัลเลาะห์. องค์ทรงยิ่งด้วยความปรานีทรงมีบุตร


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ มัรฺยัม อายะฮฺที่ 92 - 95


คำแปล R1.
92. But it is not suitable for (the Majesty of) the Most Beneficent (Allah) that He should beget a son (or offspring or children).
93. There is none in the heavens and the earth but comes unto the Most Beneficent (Allah) as a slave.
94. Verily, He knows each one of them, and has counted them a full counting.
95. And everyone of them will come to Him alone on the Day of Resurrection (without any helper, or protector or defender).


คำแปล R2.
92. และเป็นไปไม่ได้ ที่องค์ผู้ทรงเมตตาจะมีบุตร
93. ไม่ว่าทุก ๆ สิ่งในฟากฟ้า และแผ่นดิน นอกจากต้องมาสู่องค์ผู้ทรงเมตตาด้วยความนอบน้อม (เหมือนกันทั้งสิ้น)
94. แน่นอนที่สุด พระองค์ได้จำกัดพวกเขาไว้ และพระองค์ได้นับจำนวนพวกเขาไว้อย่างครบถ้วน
95. และพวกเขาทั้งหมด จะต้องมาสู่พระองค์ในวันชาติหน้าอย่างเดียวดาย


คำแปล R3.
92. มันมิใช่เรื่องเลยที่พระผู้ทรงกรุณาปรานีจะทรงรับใครเป็นพระบุตร
93. ทุกคนที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินกำลังจะถูกนำมารวมต่อหน้าพระผู้ทรงกรุณาปรานีในฐานะบ่าวคนหนึ่ง
94. เพราะพระองค์ทรงล้อมรอบพวกเขาไว้และทรงรักษาบัญชีของพวกเขาไว้อย่างเข้มงวด
95. และทุกคนจะถูกนำตัวมาต่อหน้าพระองค์เป็นรายตัวในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ


คำแปล R4.
92. และไม่เป็นการบังควรแก่พระผู้ทรงกรุณาปรานี ที่พระองค์จะทรงตั้งพระบุตรขึ้น
93. ไม่มีผู้ใดในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเว้นแต่เขาจะมายังพระผู้ทรงกรุณาปรานีในฐานะบ่าวคนหนึ่ง
94. แน่นอนที่สุด พระองค์ทรงรอบรู้ถึงพวกเขาและทรงนับพวกเขาอย่างถี่ถ้วนไว้แล้ว
95. และทุกคนในพวกเขาจะมายังพระองค์ในวันกิยามะฮฺอย่างโดดเดี่ยว


คำแปล R5.
๙๒. อัลเลาะห์ตรัสโต้คำพูดของพวกทั้งสามว่า . และไม่เป็นการควรเลยที่อัลเลาะห์องค์ทรงยิ่งด้วยความปรานีจะทรงมีบุตร
๙๓. . ทุก ๆ คนในบรรดาชั้นฟ้าทั้งเจ็ด . และแผ่นดินเพียงแต่จะมาสู่การสอบสวนของอัลเลาะห์. องค์ทรงยิ่งด้วยความปรานีในวันกิยามะห์. ในฐานะบ่าวผู้นอบน้อม. เท่านั้นถึงว่าอุไซร์กับอีซาเองก็เป็นส่วนหนึ่งจากกลุ่มบ่าวนั้นด้วย หาใช่บุตรของพระองค์ไม่
๙๔. . โดยแน่นอนพระองค์ย่อมทรงไว้ซึ่งความรอบ. รู้ถ้วนทั่วถึงแต่ละหมู่ชน. ในหมู่พวกนั้นและทรงนับพวกเหล่านั้นไว้เป็นรายคน รายตัวและรายการของเขาแต่ละสิ่งละอย่าง. ด้วย จึงไม่มีอะไรเลยที่จะหลบหนีพ้นไปจากความรู้ของพระองค์ได้
๙๕. . และพวกเหล่านั้นทุกคนย่อมมาสู่การสอบสวนของ. พระองค์ในวันกิยามะห์อย่างตัวเปล่า ไร้ทั้งทรัพย์สินและผู้คอยหักห้ามการลงโทษจากพระองค์. อีกด้วย


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ มัรฺยัม อายะฮฺที่ 96 - 98


คำแปล R1.
96. Verily, those who believe [in the Oneness of Allah and in his Messenger (Muhammad)] and work deeds of righteousness, the Most Beneficent (Allah) will bestow love for them (in the hearts of the believers).
97. So we have made this (the Qur'an) easy in your own tongue (O Muhammad), only that you may give glad tidings to the Muttaqun (pious and righteous persons - see V.2:2), and warn with it the Ludda (most quarrelsome) people.
98. And how many a generation before them have we destroyed! Can you (O Muhammad) find a single one of them or hear even a whisper of them?



คำแปล R2.
96. แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธาและประพฤติแต่ความดี องค์ผู้ทรงเมตตาจะทรงดลบันดาลให้พวกเขามีความรักอาลัย(ซึ่งกันและกัน)
97. อันที่จริงเราได้สัมฤทธิอัลกุรอานด้วยภาษาของเจ้า เพื่อเจ้าจะได้นำไปแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้ยำเกรงและเจ้านำไปตักเตือนแก่ผู้ที่ชอบโต้เถียง
98. และมีประชาชาติตั้งเท่าไรแล้วที่เราได้ทำลายก่อนหน้าพวกเขา เจ้าประสบกับผู้ใดในพวกเขาบ้างหรือ หรือเจ้าได้ยินเสียงแว่วของพวกเขาบ้าง


คำแปล R3.
96. แน่นอน ใกล้เวลาแล้วที่พระผู้ทรงกรุณาปรานีจะทำให้หัวใจของบรรดาผู้ศรัทธาและประกอบการดีเต็มไปด้วยความรัก
97. ดังนั้น (โอ้ มุฮัมมัด) เราได้ทำให้กุรอานนี้ง่ายและเราได้ส่งมันลงมาในภาษาของเจ้าเพื่อที่เจ้าจะได้แจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้สำรวมตนจากความชั่วและเตือนพวกคนที่ดื้อรั้น
98. และเราได้ทำลายผู้คนก่อนหน้าพวกเขาไปเท่าไหร่แล้ว เจ้าเคยพบร่องรอยใด ๆ ของพวกเขาหรือได้ยินเสียงกระซิบใด ๆ จากพวกเขาบ้างไหม?


คำแปล R4.
96. แท้จริง บรรดาผู้ศรัทธาและประกอบคุณงามความดีทั้งหลายนั้น พระผู้ทรงกรุณาปรานีจะทรงโปรดปรานความรักใคร่แก่พวกเขา
97. แท้จริง เราได้ทำให้อัลกุรอานเป็นภาษาที่ง่ายแก่เจ้า เพื่อว่าเจ้าจะได้นำมันไปแจ้งเป็นข่าวดีแก่บรรดาผู้ยำเกรง และเจ้าจะได้นำมันไปตักเตือนหมู่ชนที่ดื้อรั้น
98. และกี่มากน้อยแล้วจากประชาชาติในอดีต เราได้ทำลายพวกเขา เจ้าได้เห็นผู้ใดในหมู่พวกเขาหรือได้ยินเสียงกระซิบของพวกเขาบ้างไหม


คำแปล R5.
๙๖. . แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธาและได้ประพฤติชอบซึ่งเคยถูกพวกกาฟิรโกรธแค้นสมัยเมื่อยังอยู่นครมักกะห์นั้นอัลเลาะห์. องค์ทรงยิ่งด้วยความปรานีจะทรงให้พวกเหล่านั้นมีความผูกพันรักใคร่. กันเมื่อศาสนาอิสลามได้เจริญรุ่งเรืองขึ้นแล้วและพวกเหล่านั้นก็เกิดความรักใคร่ซึ่งกันและกัน ทั้งพระองค์เองก็โปรดปรานีพวกเหล่านั้นด้วยในภาคภพดุนยา หรือมิฉะนั้นในวันกิยามะห์ เมื่อคุณความดีของพวกเหล่านั้นแต่ละคนถูกนำเสนอขึ้นต่อหน้าพยาน พระองค์ก็จะทรงถอนความริษยาออกจากใจของพวกเหล่านั้นให้สิ้นไปโดยมิคำนึงว่าใครจะมีคุณความดีมากกว่าใคร
๙๗. . แน่แท้ เรา(อัลเลาะห์)ได้มอบพระคัมภีร์อัล-กุรอานลงมา โดย. ให้พระคัมภีร์นั้นง่ายด้วยเป็นภาษาอาหรับอัน. เป็นภาษาของเจ้า เจ้าจะได้นำมันเพื่อแจ้งความปีติแก่เหล่าผู้มีความยำเกรง เพราะความมีศรัทธา . และจะได้นำมันเพื่อตักเตือนกลุ่มชนกาฟิรชาวนครมักกะห์. ผู้เถียงแข็งด้วยข้อเสีย ๆ หาย ๆ ให้หวั่นกลัว. ด้วย
๙๘. อัลเลาะห์ตรัสเพื่อปลอบใจมุฮำมัดและเพื่อเตือนพวกกาฟิรมักกะห์ ให้เกรงกลัวว่า โอ้มุฮำมัด . และมากต่อมากแล้วที่เรา (อัลเลาะห์) . ได้ทำลายประชาชาติ. ยุคก่อน ๆ จากพวกกาฟิร. เหล่านั้นจนสูญสลายหมดสิ้น . เจ้ายังจะพบเห็นคนใดในหมู่พวกเหล่านั้นหรือยังได้ยินแว่วเสียงของพวกเหล่านั้นอยู่อีกหรือ แน่นอนเจ้าจะไม่แลเห็นหรือได้ยินเสียงแว่วของคนใดในหมู่พวกเหล่านั้นเลย ทั้งนี้เพราะได้สาบสูญกันไปหมดแล้ว

----------------------------------------------------------------------------------

 ดำรัสของอัลลอฮฺผู้ยิ่งใหญ่เป็นสัจจะ (صدق الله العظيم)
จบตอนที่ 19 สูเราะฮฺ มัรฺยัม
والسلام عليكم ورحمة الله وبركاته

 

GoogleTagged