แสงไฟของชัยตอน

[nada-yoru]

Tweet

อัสลามุอะลัยกุม วะเราะมาตุลลอฮฺ วะบารอกาตุ

ก่อนอื่นต้องขออนุญาตเจ้าของบทความที่จะเขียนต่อไปนี้
ซึ่งก็คือ อาจารย์ มุสตอฟา อาลี โต๊ะลง
ผู้เป็นเจ้าของหนังสือ "ออร่า มหัศจรรย์แห่งแสงบนเรือนร่าง
มุมมองด้านวิทยาศาสตร์และศาสนศาสตร์"

ซึ่งบทความดังกล่าวนี้ข้าน้อยเห็นว่ามีประโยชน์อย่างยิ่ง
และอยากให้คนที่ไม่มีหนังสือเล่มนี้อ่านได้อ่านดูน่ะค่ะ
เพื่อเป็นการจุดประกายให้คนอยากทำสิ่งดีๆ...

[nada-yoru]

"แสงไฟของชัยตอน"

เมื่อบ่าวผู้ศรัทธามีความศรัทธาอย่างแท้จริง
แน่นอนชัยตอนจะมีความหวาดกลัวและหนีห่างจากเขา
เนื่องจากรัศมีที่พุ่งออกมาจากหัวใจ พร้อมทั้งได้รับสนับสนุน
จากรัศมีของเหล่ามะลาอิกะห์ที่เข้ามาห้อมล้อม
ฉะนั้น เมื่อแสงออร่าของเรือนร่างเข้มข้น
แสงจากเปลวไฟของชัยตอนจะถอยห่างออกไป
แต่เมื่อแสงออร่าแผ่วบาง แสงจากเปลวไปย่อมต้องประชิดตัว

[nada-yoru]

แท้จริงอัลลอฮฺทรงสร้างมะลาอิกะห์มาจากรัศมี
สร้างญินมาจากไฟ และสร้างมนุษย์มาจากดิน

ดังที่ท่านศาสดาได้กล่าวว่า

"มะลาอิกะห์ถูกสร้างมาจากรัศมี ญินถูกสร้างมาจากเปลวไฟ
และมนุษย์ถูกสร้างมาจากสิ่งที่เคยบอกลักษณะให้แก่พวกท่านมาแล้ว(คือถูกสร้างมาจากดิน)"

(บันทีกโดยมุสลิม)

สำหรับญินนั้น มีกลุ่มหนึ่งที่ถูกเรียกว่า "กอรีน"
ซึ่งกอรีนนั้นจะมีมาพร้อมกับมนุษย์ทุกคนตั้งแต่กำเนิด
มันมีหน้าที่คอยกระซิบกระซาบมนุษย์ และคอยแต่งแต้มความชื่นชอบ
ในการปฏิบัติตามอารมณ์ใฝ่ต่ำและความชั่วร้ายแก่มนุษย์
และแน่นอน อัลกุรอ่านได้กล่าวถึงกอรีนไว้ว่า

"และผู้ใดผินหลังจากการรำลึกถึงพระผู้ทรงกรุณาปรานี
เราจะให้ชัยตอนตัวหนึ่งแด่เขา และมันก็จะเป็นสหาย(กอรีน)ของเขา"
(อัซซุครุฟ :36)

ท่านศาสดามูฮัมหมัด ซอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
ได้เคยกล่าวถึงกอรีนไว้ว่า

"ไม่มีคนหนึ่งคนใดจากพวกท่าน นอกเสียจากสหาย(กอรีน)จากจำพวกญิน
และสหาย(กอรีน)จากจำพวกมะลาอิกะห์จะถูกมอบหมายให้กับเขา"

แล้วบรรดาอัครสาวกของท่านศาสดาก็ได้กล่าวว่า

"แล้วท่านล่ะ โอ้ ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ!"

ท่านศาสดาจึงกล่าวตอบไปว่า

"และฉันนั้น แท้จริงอัลลอฮฺได้ทรงช่วยเหลือฉันเกี่ยวกับกอรีนนี้
แล้วมันก็ได้เข้ารับอิสลาม ดังนั้น มันจึงไม่สั่งใช้ฉันนอกเสียจากสิ่งที่ดีงาม"

(บันทึกโดยมุสลิม)

สรุปได้ว่า มนุษย์เรานั้นถูกห้อมล้อมด้วยแสงรัศมีที่มาจากมะลาอิกะห์
หรือ เรียกได้ว่า แสงที่อยู่เหนือแสงอัลตร้าไวโอเลต
และด้วยแสงจากเปลวไฟที่มาจากชัยตอน ซึ่งนั่นคือแสงที่อยู่ต่ำกว่าแสงอินฟาเรด

[nada-yoru]

เหตุที่กล่าวว่า รัศมีของมะลาอิกะห์คือแสงที่อยู่เหนือแสงอัลตร้าไวโอเลต
(แสงสีม่วง) และแสงจากเปลวไฟของชัยตอนคือแสงที่อยู่ต่ำกว่าแสงอินฟาเรด
(แสงสีแดง)นั้น เพราะได้มีวจนะของท่านศาสดามูฮัมหมัด ซอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
ที่สอดคล้องกับแนวทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ว่า

"เมื่อท่านทั้งหลายได้ยินเสียงไก่ขัน ท่่านทั้งหลายจงขอวิงวอนจากอัลลอฮฺ
เพราะแท้จริงไก่ได้เห็นบรรดามะลาอิกะห์
และเมื่อท่านทั้งหลายได้ยินเสียงลาร้อง ท่านทั้งหลายจงขอให้อัลลอฮฺ
ทรงปกป้องจากชัยตอน เพราะแท้จริงลาได้เห็นชัยตอน"
(บันทึกโดยบุคอรีและมุสลิม)

จากหะดิษบทนี้ชี้ชัดว่า ความสามารถของระบบการมองเห็นของมนุษย์มีขีดจำกัด
ต่างจากความสามารถในการมองเห็นของลา โดยระบบการมองเห็นของลา
ก็แตกต่างจากการมองเห็นของไก่ เพราะความสามารถในการมองเห็นของมนุษย์
ถูกจำกัดมิให้สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ต่ำกว่าแสงอินฟาเรด
และสิ่งที่อยู่เหนือแสงอัลตร้าไวโอเลตได้ ซึึ่งต่างจากลาและไก่

เหตุุที่ไก่สามารถมองเห็นมาละอิกะห์นั้น เพราะมะลาอิกะห์ถูกสร้างมาจากรัศมี
หรือแสงที่อยู่เหนือแสงอัลตร้าไวโอเลต (แสงสีม่วง)
และลาสามารถเห็นญินและชัยตอนได้ ก็เพราะมันถูกสร้างมาจากไฟ
หรือแสงที่ต่ำกว่าแสงอินฟาเรด (แสงสีแดง) นั้นเอง

ดังนั้นลาจึงไม่สามารถเห็นมะลาอิกะห์ และไก่จึงไม่สามารถเห็นญินและชัยตอนได้

[nada-yoru]

เมืื่อบ่าวผู้ศรัทธามีความศรัทธาอย่างแท้จริง
แน่นอนชัยตอนจะมีความหวาดกลัวและหนีห่างจากเขา
เนื่องจากรัศมีที่พุ่งออกมาจากหัวใจของเขา พร้อมทั้งได้รับการสนับสนุน
จากรัศมีของเหล่ามะลาอิกะห์ที่เข้ามาห้อมล้อม
ซึ่งดังกล่าวนี้จะไม่เกิดขึ้น นอกเสียจากต่อเมื่อศรัทธาต่ออัลลอฮฺฝันแน่น
และมั่นคงในจิตใจ เพราะท่านศาสดามูฮัมหมัด ซอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
ได้เคยกล่าวกับท่านอุมัรฺ บุตร อัลค็อฏฏ็อบว่า

"แน่นอนชัยตอนได้หนีห่างจากท่าน อุมัรฺเอ๋ย!"

(บันทึกโดย อะฮฺมัด ติรมีซีย์ และอิบนุฮัมบาน)

ลักษณะนี้ถือเป็นลักษณะของบรรดาผู้ที่มีศรัทธาต่ออัลลอฮฺอย่างแรงกล้า
ที่ทำให้ชัยตอนและความชั่วร้ายต่างๆหนีห่างจากเขา

ในกรณีตรงกันข้าม เมื่อมนุษย์หมกมุ่นอยู่กับสิ่งต้องห้ามและชั่วช้า
จิตใจจะเกิดความหวาดหวั่น เป็นผลทำให้พลังคลื่นแม่เหล็กทางชีวภาพ
หรือออร่าอ่อนลง จนเป็นเหตุให้แสงจากเปลวไฟของชัยตอนเข้าปกคลุม
เหนือเรือนร่างของเขา จึงทำให้ถูกครอบงำจากชัยตอนได้ง่าย


"บรรดาผู้กลับกลอกประดุจดัง ชายผู้หนึ่งที่จุดเพลิงขึ้นมา
และแล้วเมื่อเพลิงนั้นได้ทำให้สิ่งที่อยู่รอบๆตัวเขาสว่างชัดขึ้น
อัลลอฮฺได้ทรงออกไปพร้อมกับเก็บรัศมีของพวกเขาไปด้วย
และพระองค์ก็ทรงทิ้งให้พวกเขาอยู่ในความมืดมิด อันเป็นเหตุให้พวกเขา
มองไม่เห็น พวกเขาทั้งหูหนวก เป็นใบ้ ตาบอด
ดังนั้น พวกเขาจะไม่กลับมายังหนทางที่ถูกต้อง"

(อัลบะกอเราะห์ 17-18)

ฉะนั้น เมื่อแสงออร่าของเรือนร่างเข้มข้น
แสงจากเปลวไฟของชัยตอนจะถอยห่างออกไป แต่เมื่อแสงออร่าแผ่วบาง
แสงจากเปลวไฟของชัยตอนย่อมต้องประชิดตัว...


ที่มา: หนังสือ ออร่า มหัศจรรย์แห่งแสงบนเรือนร่าง
มุมมองด้านวิทยาศาสตร์และศาสนศาสตร์
โดย อาจารย์ อะห์หมัดมุสตอฟา อาลี โต๊ะลง

[nada-yoru]

โอ้...อัลลอฮฺ...โปรดนำข้าพระองค์สู่ทางเที่ยงตรงด้วยเถิด
ซึ่งมิใช่ทางของพวกที่ถูกกริ้ว พวกที่หลงผิด...อามีน...

[คนรู้น้อย]

อามีนครับ