อัสลามุอะลัยกุม วะเราะมาตุลลอฮฺ วะบารอกาตุ
ครั้งหนึ่งในสมัยของเคาะลิฟะห์ ฮิชาม อิบนุ อับดิลมาลิก
ได้เกิดความแห้งแล้งกันดารในเขตชานเมือง
เหล่าชนอาหรับจึงได้มุ่งหน้าเพื่อร้องทุกข์ต่อท่านเคาะลิฟะห์
แต่พวกเขาก็หวั่นเกรงไม่กล้าพูด ปรากฎว่าในกลุ่มชาวอาหรับ
นั้นมี วิรดาสฺ อิบนุ หะบีบ ซึ่งขณะนั้นยังเยาวัยรวมอยู่ด้วย
ขณะที่ทุกคนเข้าเฝ้าฯ และอ้ำอึ้ง
สายตาของเคาะลิฟะห์ก็มุ่งไปยังวิรดาสฺและพลางกล่าวขึ้น
แก่ราชองครักษ์ว่า
"นี่มันอะไรกัน ใครๆอยากจะเข้าเฝ้าฯต่อฉันก็ได้เข้า
แม้กระท่ังเด็กๆ! "
วิรดาสฺผู้เยาวัย จึงกล่าวขึ้นว่า
"โอ้ ท่านผู้นำปวงชนผู้ศรัทธา พวกเราประสบกับความแห้งแล้ง
กันดารมาเป็นเวลาถึง 3 ปี ปีแรกนั้นได้ละลายไขมัน
ปีที่สองได้กัดกินก้อนเนื้อและปีที่สามมันได้ทำให้กระดูกนั้นกลวง
โบ๋จากไขกระดูก และพวกท่านนั้นมีทรัพย์สินอย่างเหลือเฟือ
ถ้าหากว่าทรัพย์สินนั้นเป็นสิทธิ์ของพระองค์อัลลอฮฺแล้วไซร้
ก็จงแจกจ่ายแบ่งปันมันแก่มวลบ่าวของพระองค์เถิด
และถ้าหากว่าทรัพย์นั้นเป็นสิทธิ์ของพวกเราแล้วไซร้
ดังนั้น ด้วยเหตุใดเล่าพวกท่านจึงกักมันไว้ไม่ให้แก่พวกเรา
และถ้าหากว่าทรัพย์สินนั้นเป็นสิทธิของพวกท่าน
ก็ขอจงบริจาคทรัพย์นั้นแก่พวกเราเถิด เพราะแท้จริง
พระองค์อัลลอฮฺจะทรงตอบแทนแก่บรรดาผู้บริจาค
และพระองค์จะไม่ทรงให้ผลานิสงค์ของผู้ประพฤติดีนั้นสูญเปล่า"
เคาะลีฟะห์ ฮิชาม จึงกล่าวขึ้นว่า
"เจ้าเด็กน้อยผู้นี้ไม่ได้ทิ้งช่องทางใดใน 3 ประการให้เป็นข้ออ้าง
ในการบอกปัดเลยแม้แต่น้อย"
ว่าแล้วพระองค์ก็ทรงบัญชาให้มอบเงินแก่ชาวอาหรับชนบทเหล่านั้นเป็นจำนวน 100 ดินารฺ และมอบเงินแก่วิรดาสฺ เด็กน้อยนั้น
เป็นจำนวน 1,000 ดินารฺ เด็กน้อยวิรดาสฺจึงกล่าวว่า
"โอ้ ท่านผู้นำปวงชนผู้ศรัทธา ขอพระองค์ทรงมอบเงินนั้น
เป็นของแถมแก่ชาวอาหรับเหล่านั้นเถิด เพราะข้าพระองค์
เกรงว่า ที่พระองค์มอบให้นั้นจะไม่เพียงพอสำหรับพวกเขา"
เคาะลิฟะห์ ฮิชาม จึงกล่าวว่า
"เจ้าไม่ต้องการได้เงินจำนวนนั้นกระนั้นหรือ? "
เด็กน้อยวิรดาสฺ ตอบว่า
"ข้าพระองค์ไม่มีความประสงค์อยากจะได้เป็นกรณีพิเศษ
โดยที่ชาวมุสลิมทั่วไปมิได้รับ!"
และแล้วเด็กน้อยวิรดาสฺ ก็เดินออกจากท้องพระโรง
พร้อมกับฝูงชนอย่างผู้มีเกียรติ ถึงแม้ว่าเขาจะด้อยอาวุโส
กว่าบุคคลเหล่านั้นก็ตามที
(คัดจาก ตัรฺบียะตุลเอาลาด 1/307)
ที่มา: จากหนังสือ คัดมาให้คิด โดยอาจารย์อาลี เสือสมิง
หน้าที่ 144-145
วัสลามค่ะ