ผู้เขียน หัวข้อ: เมื่อวะฮาบีนำเสนอแนวทางโจมตีของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์(แบบนอกเรื่อง)  (อ่าน 5123 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป

อัสลามุอะลัยกุ้มครับท่านพี่น้อง

        ผมได้ไปอ่านข้อความหนึ่งที่วะฮาบีได้นำเสนอเรื่องซิฟัตเพื่อเอามาโจมตีอัลอะชาอิเราะฮ์  โดยอ้างอิงตำราของอุลามาอ์อัลอะชาอิเราะฮ์เอง  ดังนั้น เราจึงสามารถจับเท็จวะฮาบีย์ได้อย่างแน่นอน  เราไม่ควรที่จะให้พวกเขาอธิบายแนวทางอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์โดยอ้างตำราอุลามาอ์ของอัลอะชาอิเราะฮ์  เพื่อให้ดูเหมือนว่าพวกเขามีแนวทางเหมือนวะฮาบี  ทั้งที่พวกเขาไม่เกี่ยวข้องกับวะฮาบี

อ้างจาก: วะฮาบีย์link=topic=1051.msg9554#msg9554 date=1186951066
       นอกเรื่องแต่เกี่ยวเนื่อง
ขอนอกประเด็นหน่อยหนึ่ง แต่เนื้อหายังเกี่ยวเนื่องกับที่ได้นำเสนอก่อนหน้านี้แล้ว เนื่องจากว่าเนื้อหาในหนังสือที่เขียนโดยอธิการบดีมหาวิทยาลัยอิสลาม ยะลา ที่ชื่อ Haqiqat ahlussunnah waljama’ah (ข้อเท็จจริงของอะฮฺลุสสุนนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺ) ซึ่งอยู่ในโครงการงานแปลของห้องสมุดอิกเราะอ์ -ชุดที่ 1 ได้นำเสนอในหน้าหลักของเว็บไซต์ไปแล้ว- ได้ยกตัวอย่างกรณีความเชื่อของมุอฺตะวิละฮฺที่ยังคงมีอิธิพลต่อความเชื่อของอะชาอิเราะฮฺจนกระทั่งเวลาปัจจุบัน ดังนี้...

ส่วนหนึ่งของตัวอย่างการยึดมั่นของมุอฺตะซิละฮฺที่มีอิทธิพลอย่างชัดเจนต่ออะกีดะฮฺอะชาอิเราะฮฺกุลลาบิยะฮฺจนกระทั่งเวลาปัจจุบันคือ การตีความอายะฮฺ
الرحمن على العرش استوى
“พระผู้อภิบาลผู้ทรงเมตตาทรงอยู่สูงเหนืออะรัช” (ฏอฮา/5)
โดยอะชาอิเราะฮฺได้ให้ความหมายของอายะฮฺนี้ว่า “อิสเตาลา” หมายถึง “ครอบครอง” ซึ่งความหมายเช่นนี้เป็นการยึดมั่นของมุอฺตะซิละฮฺ (มะกอลาตอัลอิสลามิยีน หน้า 157, 211, อัลอิบานะฮฺ หน้า 120) ที่ค้านกับการให้ความหมายของอะฮฺลุสสุนนะฮฺวัลญะมาอะฮฺ (ที่ให้ความหมายว่า “อะลา วัรตะฟะอา หมายถึง อยู่สูงเหนือ)

แต่ทว่าบรรดาอุละมาอ์และแกนนำสายอะชาอิเราะฮฺกุลลาบิยะฮฺส่วนใหญ่ต่างให้น้ำหนักกับความหมายดังกล่าว และเชื่อว่านั่นคือการยึดมั่นที่ถูกต้องของอะฮฺลุสสุนนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺ (ดูเพิ่มเติมใน อัลอิรชาด ของ อิมาม อัลหะเราะมัยน์ หน้า 40, อัลอิกติศอด ฟี อัลอิอฺติกอด ของอิมาม อัลเฆาะซาลีย์ หน้า 38, อะสาส อัตตักดีส ของอิมาม อัรรอซีย์ หน้า 202, ฆอยะตุลมะรอม ของ อัลอามิดีย์ หน้า 141, อัลอัสมาอ์ วัสศิฟาต ของอัลบัยฮะกีย์ เล่ม 2 หน้า 309) แต่แท้ที่จริงแล้ว ไม่ได้เป็นเช่นนั้น วัลลอฮุอะอฺลัม

เรามาร่วมเป็นสักขีพยานต่อการยืนยันของแกนนำมุอฺตะวิละฮฺ และการปฏิเสธของบรรดาอุละมาอ์ที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับสิ่งดังกล่าว ดังนี้

1. กอฎีอับดุลญับบาร อัลมุอฺตะซิลีย์ กล่าวว่า “แท้จริงความหมายของ “อิสตะวา” คือ “อิสเตาลา” (การครอบครอง) (ตันซีฮฺ อัลกุรอาน อัน อัลมะฏออิน ของกอฎี อับดุลญับบาร หน้า 175, 199, 253, ชัรหฺอัลอุศูล อัลค็อมสะฮฺ หน้า 226 อัลมุคตะศ็อล ฟีอุศูลิดดีน หน้า 333)

2. อัลบัยฮะกีย์ -หลังจากที่ท่านได้ยกทัศนะของบรรดาสะลัฟศอลิหฺจากกลุ่มอะฮฺลิสสุนนะฮฺวัลญะมาอะฮฺ เกี่ยวกับความหมายของคำว่า “อิสตะวา” ที่แปลว่า “อะลา วัรตะฟะอา” (อยู่สูงเหนือ) หรือ อิสตะวาโดยไม่ทราบวิธีการ (استوى بلا كيف) (อัลอัสมาอ์ วัสศิฟาต เล่ม 2 หน้า 303-308)- ท่านก็กล่าวยืนยันว่า “บนแนวทางนี้แหละที่บ่งบอกโดยมัซฮับอิมามอัชชาฟิอีย์ (วะศิยะฮฺอัลอิมามมุหัมมัด บิน อิดรีส อัชชาฟิอีย์ หน้า 39) และนี่แหละคือทัศนะของอะหมัด บิน หันบัล, อัลหุเสน บิน อัลฟัฎล์ อัลบะยะลีย์ และอบูสุลัยมาน อัลค็อตฏอบีย์...” (อัลอัสมาอ์ วัสศิฟาต เล่ม 2 หน้า 308)

อัลบัยฮะกีย์ยังกล่าวอีกว่า “อิสตะวา” ในอายะฮฺนี้ ไม่ใช่มีความหมาย “อิสเตาลา” (ปกครองและควบคุม) เพราะคำว่า “อิสตีลาอ์” จะให้ความหมายของการเอาชนะที่อาจจะเกิดความอ่อนแอ (เพลี่ยงพล้ำ) ได้” (อัลอัสมาอ์ วัสศิฟาต เล่ม 2 หน้า 310)

       ดังนั้น เราต้องช่วยกันนำเสนอชี้แจงเพื่อไม่ให้วะฮาบีย์นำสัจจะธรรมมาปนกับความเท็จและบิดอะฮ์ในเรื่องอะกีดะฮ์  เพราะฉะนั้น  เราต้องช่วยกันชี้แจงให้ชัดเจนระหว่างแนวทางของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์กับแนวทางของซุนนะฮ์วะฮาบีย์  เพื่อพี่น้องจะได้ไม่สับสนครับ  ฝาก ๆ กันด้วยนะครับ  น้องอัลฯ คุณอัสวาร  และท่านอื่นๆ

วัสลาม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ย. 12, 2007, 07:35 AM โดย al-azhary »

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
พี่น้องโปรดนำเสนอเปรียบเทียบระหว่างแนวทางอะฮ์ลิสซุนนะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์กับแนวทางวะฮาบีนะครับ  ฝากด้วยครับ น้องอัลฯ  คุณอัสวาร  น้องกอวี  คุณ bashir และพี่น้องท่านอื่นๆ  ;)

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
       นอกเรื่องแต่เกี่ยวเนื่อง
ขอนอกประเด็นหน่อยหนึ่ง แต่เนื้อหายังเกี่ยวเนื่องกับที่ได้นำเสนอก่อนหน้านี้แล้ว เนื่องจากว่าเนื้อหาในหนังสือที่เขียนโดยอธิการบดีมหาวิทยาลัยอิสลาม ยะลา ที่ชื่อ Haqiqat ahlussunnah waljama’ah (ข้อเท็จจริงของอะฮฺลุสสุนนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺ) ซึ่งอยู่ในโครงการงานแปลของห้องสมุดอิกเราะอ์ -ชุดที่ 1 ได้นำเสนอในหน้าหลักของเว็บไซต์ไปแล้ว- ได้ยกตัวอย่างกรณีความเชื่อของมุอฺตะวิละฮฺที่ยังคงมีอิธิพลต่อความเชื่อของอะชาอิเราะฮฺจนกระทั่งเวลาปัจจุบัน ดังนี้...

อัลอะชาอิเราะฮ์ในปัจจุบันนั้น มีสองแนวทาง  ดังที่พวกเราได้นำเสนอชี้แจงไปแล้ว  แต่การโจมตีอัลอะชาอิเราะฮ์ของวะฮาบีย์ปัจจุบันนั้น  เขาจะพยายามยัดเยียดให้อัลอะชาอิเราะฮ์เป็นฝ่ายที่ตีความเพียงอย่างเดียวเท่านั้น  แล้วก็ทำการวิจารณ์   นั่นคือการกระทำของผู้ที่มีความอคติต่ออัลอะชาอิเราะฮ์  โดยไม่มุ่งหวังที่จะทำความเข้าใจหลักอะกีดะฮ์ของอัลอะชาอิเราะฮ์ที่นักปราชญ์ส่วนใหญ่ให้การรับรองเลย 

การตีความ  "อิสติวาอ์"  อยู่ในความหมายของ  "อำนาจปกครอง"  นั้น  เหตุใดที่วะฮาบีย์กล่าวหาว่ายังคงมีอิทธิพลต่อความเชื่อของอัลอะชาอิเราะฮ์อย่างเดียว  ทั้งที่ท่านอิมาม อิบนุญะรีร อัฏฏ๊อบรีย์  ได้ทำการตีความเช่นเดียวกัน  หรือว่าท่านอิบนุญะรีร อัฏฏ๊อบรีย์  ได้รับอิทธิพลมาจากมั๊วะตะซิละฮ์ด้วย!?
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ส่วนหนึ่งของตัวอย่างการยึดมั่นของมุอฺตะซิละฮฺที่มีอิทธิพลอย่างชัดเจนต่ออะกีดะฮฺอะชาอิเราะฮฺกุลลาบิยะฮฺจนกระทั่งเวลาปัจจุบันคือ การตีความอายะฮฺ
الرحمن على العرش استوى
“พระผู้อภิบาลผู้ทรงเมตตาทรงอยู่สูงเหนืออะรัช” (ฏอฮา/5)
โดยอะชาอิเราะฮฺได้ให้ความหมายของอายะฮฺนี้ว่า “อิสเตาลา” หมายถึง “ครอบครอง” ซึ่งความหมายเช่นนี้เป็นการยึดมั่นของมุอฺตะซิละฮฺ (มะกอลาตอัลอิสลามิยีน หน้า 157, 211, อัลอิบานะฮฺ หน้า 120) ที่ค้านกับการให้ความหมายของอะฮฺลุสสุนนะฮฺวัลญะมาอะฮฺ (ที่ให้ความหมายว่า “อะลา วัรตะฟะอา หมายถึง อยู่สูงเหนือ)

การตีความว่า "ปกครอง" ระหว่างมั๊วะตะซิละฮ์กับอัลอะชาอิเราะฮ์นั้น มีความแตกต่างกัน  ซึ่งผมจะนำเสนอต่อไป 

ส่วนประเด็นที่เขาบอกว่า "ที่ค้านกับการให้ความหมายของอะฮฺลุสสุนนะฮฺวัลญะมาอะฮฺ (ที่ให้ความหมายว่า “อะลา วัรตะฟะอา หมายถึง อยู่สูงเหนือ)"  ผมขอชี้แจงดังกล่าวนี้ครับ

คำว่า "อะลา"  عَلا  "พระองค์ทรงสูง"นั้น 

1. อะฮ์ลิสซุนนะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์มีทัศนะว่า  >-------------------------------> อัลเลาะฮ์ทรงสูงส่ง

2. วะฮาบีย์มีทัศนะว่า  >-------------------------------------------------------> อัลเลาะฮ์ทรงอยู่สถานที่สูง  และยิ่งกว่านั้น วะฮาบีย์จะให้ความหมายถึงการ "นั่ง"

อธิบายเพิ่มเติม

1. แนวทางของอัลอะชาอิเราะฮ์นั้น  เชื่อว่าอัลเลาะฮ์ทรงสูงส่งในเชิงนามธรรมและทรงมีคุณลักษณะที่สูงส่ง

ท่านอิบนุหะญัร อัลอัสกอลานีย์กล่าวว่า

 ولا يلزم أن يكون جهتى العلو والسفل محالا على الله أن لا يوصف بالعلو ، لأن وصفه بالعلو من جهة المعنى ، والمستحيل كون ذلك من جهة الحس ولذلك ورد فى صفته العالى والعلى والمتعالى ، ولم يرد ضد ذلك ,إن كان قد أحاط بكل شىء علما جل وعز

ความว่า  “ ไม่จำเป็น กับการที่สองทิศสูง(บน)และทิศล่างนั้น เป็นสิ่งเป็นไปไม่ได้ต่ออัลเลาะฮฺ  กับการทำให้อัลเลาะฮฺไม่มีคุณลักษณะที่สูงส่ง  เพราะลักษณะความสูงส่งของพระองค์นั้น  มาจากด้านความหมาย(นามธรรม)  และเป็นสิ่งที่เป็นไม่ได้ กับสิ่งดังกล่าว(ความสูงส่ง)มาจากด้านที่สัมผัสได้(มีสถานที่อยู่สูง) และด้วยเหตุดังกล่าวนี้ คำว่า   العالى والعلى والمتعالى (หมายถึงพระองค์ทรงสูงส่งยิ่ง) จึงมีมาอยู่ในลักษณะของพระองค์  และไม่มีระบุมาโดยขัดกับสิ่งดังกล่าว  และหากแม้ว่าพระองค์ทรงห้อมล้อมทุกๆ สิ่งกับความรอบรู้สักทีก็ตาม”  ดู  ฟัตหฺ  อัลบารีย์ เล่ม 6 หน้า 136

2.  วะฮาบีย์เชื่อว่าอัลเลาะฮ์ทรงอยู่สูงในเชิงรูปธรรม  หมายถึง อัลเลาะฮ์ทรงอยู่ในสถานที่ที่สูง  ยิ่งกว่านั้น 

ส่วนความหมายคำว่า "อิรตะฟะอ้า" إرتفع นั้น 

1. อะฮ์ลิสซุนนะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์ให้ความหมายว่า >------------------------------->  คือบัญชาของพระองค์ได้ขึ้นไปสู่ฟากฟ้า

2. วะฮาบีย์ให้ความหมายว่า >------------------------------------------------------->  คืออัลเลาะฮ์ได้ขึ้นไปสู่ฟากฟ้าด้วยซาตของพระองค์

ท่านอัลบัยฮะกีย์ นักปราชญ์อัลอะชาอิเราะฮ์ กล่าวว่า

ومراده بذلك والله أعلم إرتفاع أمره

"จุดมุ่งของท่านอบีอาลียะฮ์ ด้วยกับสิ่งดังกล่าว(คืออิรตะฟะอ้า) - วัลลอฮุอะลัม - คือบัญชาของพระองค์ได้ขึ้นไป"  ดู หนังสืออัลอัสมาอฺวะอัศศิฟาต หน้า 383

ดังนั้น  พี่น้องคงเห็นถึงความแตกต่างและการให้ความหมายอันเหมาะสมยิ่งสำหรับความยิ่งใหญ่ของอัลเลาะฮ์ตาอาลาแล้วนะครับว่า แนวทางใหน?
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
อ้างจาก: วะฮาบีย์link=topic=1051.msg9554#msg9554 date=1186951066
แต่ทว่าบรรดาอุละมาอ์และแกนนำสายอะชาอิเราะฮฺกุลลาบิยะฮฺส่วนใหญ่ต่างให้น้ำหนักกับความหมายดังกล่าว และเชื่อว่านั่นคือการยึดมั่นที่ถูกต้องของอะฮฺลุสสุนนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺ (ดูเพิ่มเติมใน อัลอิรชาด ของ อิมาม อัลหะเราะมัยน์ หน้า 40, อัลอิกติศอด ฟี อัลอิอฺติกอด ของอิมาม อัลเฆาะซาลีย์ หน้า 38, อะสาส อัตตักดีส ของอิมาม อัรรอซีย์ หน้า 202, ฆอยะตุลมะรอม ของ อัลอามิดีย์ หน้า 141, อัลอัสมาอ์ วัสศิฟาต ของอัลบัยฮะกีย์ เล่ม 2 หน้า 309) แต่แท้ที่จริงแล้ว ไม่ได้เป็นเช่นนั้น วัลลอฮุอะอฺลัม

ที่ไม่ได้เป็นเช่นนั้น  เพราะวะฮาบีย์จะให้ความหมายว่า อัลเลาะฮ์ทรงอยู่บนสถานที่สูงโดยนั่งอยู่บนบัลลังก์  นั่นแหละคือแนวทางของวะฮาบีย์ที่อ้างว่ามันคือแนวทางของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์!?

แสดงว่าต่างฝ่ายก็ต่างอ้างว่าตนเองคืออะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์!?   
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
เรามาร่วมเป็นสักขีพยานต่อการยืนยันของแกนนำมุอฺตะวิละฮฺ และการปฏิเสธของบรรดาอุละมาอ์ที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับสิ่งดังกล่าว ดังนี้

1. กอฎีอับดุลญับบาร อัลมุอฺตะซิลีย์ กล่าวว่า “แท้จริงความหมายของ “อิสตะวา” คือ “อิสเตาลา” (การครอบครอง) (ตันซีฮฺ อัลกุรอาน อัน อัลมะฏออิน ของกอฎี อับดุลญับบาร หน้า 175, 199, 253, ชัรหฺอัลอุศูล อัลค็อมสะฮฺ หน้า 226 อัลมุคตะศ็อล ฟีอุศูลิดดีน หน้า 333)

การเชื่อมั่นในเรื่อง "อิสติวาอ์" ที่อยู่ในความหมายของ "ปกครองหรือครอบครอง" ระหว่างมั๊วะติซะละฮ์กับอัลอะชาอิเราะฮ์นั้นต่างกันครับ

1. แนวทางสะลัฟ (แนวทางที่หนึ่งของอัลอะชาอิเราะฮ์) >--> เชื่อว่า  ให้อ่านผ่านมันไปโดยไม่ได้เจาะจงความหมาย และมอบหมายความรู้ไปยังอัลเลาะฮ์

2. อัลอะชาอิเราะฮ์แนวทางที่สอง >-------------> เชื่อว่า  อัลอิสติวาอ์  ตีความว่า  ปกครอง  โดยชื่อว่า อัลอิสติวาอ์นั้นเป็นซีฟัตหนึ่งของอัลเลาะฮ์

3. มั๊วะตะซิละฮ์ >--------------------------------> เชื่อว่า  อัลอิสติวาอ์  นั้น ตีความว่า ปกครอง  แต่พวกเขาไม่เชื่อว่าอัลอิสติวาอ์เป็นซีฟัตของอัลเลาะฮ์

4. วะฮาบีย์ >------------------------------------->  เชื่อว่า  อิสติวาอ์ คือ การนั่งของอัลเลาะฮ์  และเชื่อว่าการนั่งนั้นเป็นซีฟัตของอัลเลาะฮ์

ข้อสังเกตุ 2 ประการ

หนึ่ง :  การตีความว่าปกครองระหว่างมั๊วะตะซิละฮ์กับอัลอะชาอิเราะฮ์นั้น มีผลต่างกัน  เมื่อตีความแล้ว  อัลอะชาอิเราะฮ์ถือว่าอัลอิสติวาอ์นั้นเป็นซีฟัตของอัลเลาะฮ์ แต่มั๊วะตะซิละฮ์ปฏิเสธว่ามันเป็นซีฟัตของอัลเลาะฮ์  ดังนั้น ความเชื่อของมั๊วะตะซิละฮ์กับอัลอะชาอิเราะฮ์นั้น  จึงมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

สอง : วะฮาบีย์ทำการตัฟซีร(อธิบาย)อิสติวาอ์ ว่ามันคือการนั่ง  ซึ่งเป็นซีฟัตของอัลเลาะฮ์  สำหรับอัลอะชาอิเราะฮ์นั้น เชื่อในอิสติวาอ์ แต่ให้ความหมายว่าปกครอง ซึ่งเป็นซีฟัตของอัลเลาะฮ์

ท่านพี่น้องจงเป็นสักขีพยายนและทำการใตร่ตรองครับว่า  แนวทางใดที่เหมาะสมกับความยิ่งใหญ่ของอัลเลาะฮ์ตาอาลา! 
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
2. อัลบัยฮะกีย์ -หลังจากที่ท่านได้ยกทัศนะของบรรดาสะลัฟศอลิหฺจากกลุ่มอะฮฺลิสสุนนะฮฺวัลญะมาอะฮฺ เกี่ยวกับความหมายของคำว่า “อิสตะวา” ที่แปลว่า “อะลา วัรตะฟะอา” (อยู่สูงเหนือ) หรือ อิสตะวาโดยไม่ทราบวิธีการ (استوى بلا كيف) (อัลอัสมาอ์ วัสศิฟาต เล่ม 2 หน้า 303-308)- ท่านก็กล่าวยืนยันว่า “บนแนวทางนี้แหละที่บ่งบอกโดยมัซฮับอิมามอัชชาฟิอีย์ (วะศิยะฮฺอัลอิมามมุหัมมัด บิน อิดรีส อัชชาฟิอีย์ หน้า 39) และนี่แหละคือทัศนะของอะหมัด บิน หันบัล, อัลหุเสน บิน อัลฟัฎล์ อัลบะยะลีย์ และอบูสุลัยมาน อัลค็อตฏอบีย์...” (อัลอัสมาอ์ วัสศิฟาต เล่ม 2 หน้า 308)

วะฮาบีย์อ้างอิงตัดต่อบิดเบือนครับ  เพราะว่าคำว่า “บนแนวทางนี้....เป็นมัซฮับอัชชาฟิอีย์”  ตามที่อิมามอัลบัยฮะกีย์กล่าวไว้นั้น   ไม่ใช่ให้ความหมายว่า “อิสติวาอ์ คือ อะลา , อิรตะฟะอ้า”   แต่แนวทางของอิมามชาฟิอีย์ที่อิมามอัลบัยฮะกีย์ได้กล่าวไว้นั้นคือ  การมอบหมายโดยอ่านผ่านมันไปและไม่ต้องตัฟซีร(เหมือนกับวะฮาบีย์)  ซึ่งก่อนจากหน้านั้น  ท่านอัลบัยฮะกีย์ได้กล่วาไว้ว่า

“สำหรับ อัลอิสติวาอ์ นั้น  บรรดานักปราชญ์ของรุ่นยุคก่อน – ขออัลเลาะฮ์ทรงพึงพอพระทัยต่อพวกเขาด้วยเถิด -  ไม่ทำการตัฟซีรมันและไม่พูดเกี่ยวกับมัน”

“ท่านอิมามมาลิกกล่าวว่า....อัรเราะห์มาน(คืออัลเลาะฮ์) ทรง “อิสตะวา” เหนืออะรัช ตามที่พระองค์ทรงพรรณนาให้กับพระองค์เอง และจะไม่พูดว่ามีรูปแบบอย่างไร  และรูปแบบอย่างไรนั้น  ถูกปฏิเสธออกจากพระองค์”

“ท่านร่อเบี๊ยะอฺ อัรเราะอฺ (อาจารย์ของท่านอิมามมาลิก) ได้ถูกถามว่า  อิสติวาอ์ นั้นอย่างไรหรือ?  ท่านกล่าวว่า  รูปแบอย่างไรนั้นไม่เป็นที่รู้ได้  และการอิสติวาอ์นั้นไม่ใช่สิ่งที่ถูกคิดขึ้นมาได้เลย และจำเป็นบนฉันและบนท่านต้องศรัทธาด้วยกับอิสติวาอ์ดังกล่าวทั้งหมด”

“ท่านซุฟยาน บิน อุยัยนะฮ์ กล่าวว่า  ทุกสิ่งที่อัลเลาะฮ์ทรงพรรณนาไว้กับพระองค์เองในคัมภีร์อัลกุรอานนั้น  การตัฟซีรมันคือการอ่านมัน(ให้ผ่านไป) และทำการหยุดนิ่งบนมัน(โดยไม่พูดเกี่ยวกับมัน)”

“ท่านมุฮัมมัด บิน อิสฮาก กล่าวว่า  อัลเลาะฮ์ทรงอิสติวาเหนืออะรัช โดยไม่มีวิธีการ”

และท่านอิมามอัลบัยฮะกีย์กล่าวต่อจากนั้นว่า :

"บรรดาสิ่งที่รายงานมาจากสะลัฟที่เหมือน ๆ กับสิ่งดังกล่าวนี้  มีมากมาย  และบนแนวทางนี้แหละที่บ่งบอกโดยมัซฮับอิมามอัชชาฟิอีย์ และนี่แหละคือทัศนะของอะหมัด บิน หันบัล, อัลหุเสน บิน อัลฟัฎล์ อัลบะยะลีย์ และอบูสุลัยมาน อัลค็อตฏอบีย์...” (อัลอัสมาอ์ วัสศิฟาต เล่ม 2 หน้า 308 และหน้า 379 – 380 ตีพิมพ์มักตะบะฮ์อัลอัซฮะรียะฮ์)

และคำว่า “และบนแนวทางนี้” ( وعلى هذه الطريقة ) นี้  ไม่ใช่หมายถึง “บนอะกีดะฮ์นี้”  เพราะคำว่า “และบนแนวทางนี้” นั้น  หมายถึง แนวทางหรือวิธีการมอบหมาย(ตัฟวีฏ)ที่อิมามชาฟิอีย์นำมาใช้เป็นเครื่องมือในการตัดสินต่ออายะฮ์อัลกุรอานที่พูดถึงเรื่องซีฟัตของอัลเลาะฮ์  และแนวทางนี้ก็จะนำไปสู่การยึดมั่นศรัทธาว่า อัลเลาะอ์ทรงบริสุทธิ์จากการไปคล้ายและเหมือนกับมัคโลคในทุกรูปแบบ  ซึ่งแนวทางนั้นไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน  แต่ขอให้มีจุดหมายอะกีดะฮ์เดียวกัน คือ เพื่อให้ยึดมั่นและศรัทธาว่าอัลเลาะฮ์ทรงมีคุณลักษณะที่บริสุทธิ์จากการไปคล้ายและเหมือนกับมัคโลค   

ตัวอย่างเช่น

1. สะลัฟ >--------------------------->  ใช้แนวทางการมอบหมายกับความหมายและรูปแบบวิธีการไปยังอัลเลาะฮ์ พร้อมเชื่อในความหมายที่บริสุทธิ์ในคุณลักษณะของพระองค์จากการไปคล้ายเหมือนกับมัคโลค

2. ค่อลัฟ >--------------------------->  ใช้แนวทางการตีความให้อยู่ในความหมายที่บริสุทธิ์ในคุณลักษณะของพระองค์จากการไปคล้ายเหมือนกับมัคโลค

แต่วะฮาบีย์ทำการตัฟซีรอธิบาย ซึ่งไม่ได้อยู่ในแนวทางของสลัฟตามนัยยะที่ท่านอัลบัยฮะกีย์ได้กล่าวถ่ายทอดแนวทางของสะลัฟไว้

ดังนั้น  สะลัฟและค่อลัฟนั้น แม้แนวทางอ้างหลักการจะต่างกัน แต่จุดมุ่งหมายอะกีดะฮ์เดียวกัน  นั่นคือยืนยันและเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของอัลเลาะฮ์จากคุณลักษณะที่ไปคล้ายเหมือนกับมัคโลค
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
อัลบัยฮะกีย์ยังกล่าวอีกว่า “อิสตะวา” ในอายะฮฺนี้ ไม่ใช่มีความหมาย “อิสเตาลา” (ปกครองและควบคุม) เพราะคำว่า “อิสตีลาอ์” จะให้ความหมายของการเอาชนะที่อาจจะเกิดความอ่อนแอ (เพลี่ยงพล้ำ) ได้” (อัลอัสมาอ์ วัสศิฟาต เล่ม 2 หน้า 310)

ไม่ใช่เป็นคำพูดของท่านอัลบัยฮะกีย์เองนะครับ  แต่เป็นแค่คำพูดของทัศนะบางส่วนเท่านั้น  ทำไมเมื่ออัลเลาะฮ์ทรง  ปกครองและควบคุม แล้ว ทำไมต้องต้องไปคิดว่าการปกครองของอัลเลาะฮ์อาจจะเกิดความอ่อนแอ!! ล่ะครับ  เราเชื่อมั่นว่าอัลเลาะฮ์ทรงปกครองและควบคุมอย่างโดยสมบูรณ์แบบโดยไม่อ่อนแอไม่ได้หรือครับ?!  และการปกครองของอัลเลาะฮ์นั้น  ทำไมต้องสมมุติว่าอ่อนแอด้วย!?  ดังนั้น การปกครองของอัลเลาะฮ์นั้น  ย่อมไม่มีผู้ใดมาทำให้พระองค์ทรงอ่อนแอและเพลี่ยงพล้ำได้หรอกครับ

คำกล่าวที่อิมามอัลบัยฮะกีย์ที่วะฮาบีย์อ้างมานั้น  หากเราอ่านต่อจากนั้นเลย  จะพบว่าท่านอิมามอัลบัยฮะกีย์กล่าวถ่ายทอดต่อจากนั้นความว่า :

“และส่วนหนึ่งจากสิ่งที่มาสนับสนุนในสิ่งที่เราได้กล่าวมันไว้นั้น  คือคำตรัสของอัลเลาะฮ์ อัซซะวะญัลล่า  ความว่า “หลังจากนั้นพระองค์ “อิสติวา”ไปสู่ฟากฟ้า โดยที่มันเป็นกลุ่มควัน”  อัลอิสติวาอ์ ไปสู่ฟากฟ้านั้น  คือการมุ่งเจตนาสู่การสร้างฟ้ากฟ้า  ดังนั้น  ในขณะที่อนุญาตให้การมุ่งเจตนาสู่ฟากฟ้าคือการอิสติวาอ์  แน่นอน ก็อนุญาตให้ความมีพลังอำนาจ(อัลกุดเราะฮ์ของพระองค์) อยู่เหนืออะรัช(บัลลังก์) นั้น คือ อิสติวาอ” 

ซึ่งคำพูดตรงนี้วะฮาบีย์ไม่ยอมนำมากล่าว  เพราะว่าไม่ตรงกับสิ่งที่ตนเองจะเอาครับ
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
มีการอ้างอิงแบบท่อนๆ มีการเสริมตัดต่อให้ตรงกับสิ่งที่ตนต้องการ ทำไมวะฮาบีย์ถึงเป็นเช่นกันเหมือนกันทั่วไปเลยน่ะ  :-X

ออฟไลน์ sufriyan

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 526
  • เพศ: ชาย
  • 0000
  • Respect: +16
    • ดูรายละเอียด
ผมก็เจออย่างนี้บ่อยเหมือนกันครับ หลายครั้งที่ต้องอธิบาย และเอาหนังสือตัวจริงไปให้ดู ว่ามีการตัดต่อย่างไร

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
จากการที่ได้สัมผัสกับวะฮาบีที่พอรู้บ้างจะพบว่า...หลายๆคนเข้าใจว่าเขามีอะกีดะที่ถูกต้องกว่าททัศนะอื่นและก็คติดว่า อะกีดะของเขานั้น เป็นอะกีดะเดียวกับสลัฟตามที่พวกเขาอ้างว่าเจริญรอยตาม........

วาฮาบีย์เข้าใจว่า การที่อัลลอฮ์(ซบ)ได้ดำรัสคำไว้อัลกรุอ่านคัมภีร์ของพระองค์ทีมีการ พูดถึงพระหัตถ์หรือมือ หรือเท้าหรือปากหรือแขนนั้น ฯลฯสิ่งวที่กล่าวมานี้ วะฮ่าบีย์เชื่อว่าอัลลออ์ต้องมีสิ่งนั้น..ดั่งที่อัลกรุอ่านกล่าว 
ฉนั้นพวกเขาก็ทิ้งความเข้าใจไว้เพียงแค่นั้น   โดยไม่มีการกล่าวถึงรูปแบบว่าเป็นอย่างไร  แต่พวกเขาอ้างว่า ไม่มีการตีความเป็นอย่างใดทั้งสิ่ง แม้ว่าอัลกรอ่านบอกว่า
มือก็คือมือ เท้าก็คือเท้า ปากก็คือปาก ฯลฯ โดยไทม่ต้องไปสนใจว่าสิ่งที่กล่าวถึงในอัลกรุอ่านจะเป็นอย่างไร แต่ให้เพียงรู้ว่า ..พระองค์ไม่อะไรเหมือนและไม่เหมือนอะไรเมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งถูกสร้าง...แต่วะฮาบีย์เชื่อว่า   อัลลอฮ์(ซบ)นั้นทรงมีสิ่งดังกล่าว..แน่แต่เป็นอย่างไรไม่รู้..โดยอ้างว่า เหล่านี้แหล่ะอะกีดะของสลัฟ..ในอดีต....

และกล่าวหาว่า การตีความเป็นอย่างอื่นนั้นเป็นบิดอะที่ชั่วร้าย...เช่น จากพระหัตถ์(มือ)นั้นเป็น..การอำนาจหรือการปกครอง  วะฮาบีย์ก็จะอ้างว่ามันเป็นการเปลี่ยนอัลกรุอ่านและบางคนกล่าวว่า ผู้หนึ่งผู้ใดเปลี่ยนแปลงโองการ ....ตกมุรตัด.....

ทั้งที่เนื้อแท้ตัวอักษรและภาษาในอัลกรุอ่านยังคงเป็นเนื้อหาเดิมแต่การให้ความหมายเพื่อความเข้าใจและเหมาะสมยกระดับกับพระผู้สูงส่งของพระองค์..สำหรับเราผู้เป็นบ่าวที่ต่ำต้อยแล้ว.......เป็นวายิบความ(จำเป็น)ที่มุสลิมต้องให้เกียติในกระทำต่อพระผู้เป็นเจ้า..แม้กระทั่งการใช้คำพูดแลบะการสื่อความหมาย....

แต่  ด้วยความไม่รู้ของวาฮาบีย์..บางคน..ถึงขนาดกล้าฮุกมอะกีดะอาชาอีเราะจากดมัสหับทั้ง4 ว่าเป็นมุนาฟิกหรือกุฟุร..เพราะเปลี่ยนแปลงอัลกรุอ่าน..

...นะอูซุบิ้ลลามิ้นนซาลิค..วามินชารีมาคอลัก...


นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
และกล่าวหาว่า การตีความเป็นอย่างอื่นนั้นเป็นบิดอะที่ชั่วร้าย...เช่น จากพระหัตถ์(มือ)นั้นเป็น..การอำนาจหรือการปกครอง  วะฮาบีย์ก็จะอ้างว่ามันเป็นการเปลี่ยนอัลกรุอ่านและบางคนกล่าวว่า ผู้หนึ่งผู้ใดเปลี่ยนแปลงโองการ ....ตกมุรตัด.....
...นะอูซุบิ้ลลามิ้นนซาลิค..วามินชารีมาคอลัก...

     วะฮาบีมีหลักการศาสนาที่มักง่ายในการฮุกุ่มแนวทางอื่นจากตน  ฮุกุมกาเฟรบ้างแหละ  ฮุกุ่มเป็นพวกมุชริกีนบ้างแหละ ฮุกุ่มบิดอะฮ์บ้างแหละ ฮุกุ่มผู้อื่นตกมุรตัดบ้างแหละ  ที่ฮุกุ่มอย่างนั้นเพราะพวกเขาคิดว่าตนเองเท่านั้นที่ถูก  คนอื่นผิดหมด  เลยถูกฮุกุ่มที่มักง่ายกันเป็นแถว  ดังนั้นศาสนาอิสลามของวะฮาบีทำการฮุกุ่มกันมักง่ายถึงขนาดนี้เชียวหรือ  วัลอิยาซุบิลลาฮ์มินซาลิก  :-X

ออฟไลน์ asha-ira

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 23
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
อยากให้พวกเขานำข้อเขียนของอธิบดีวิทยาลัยอิสลามยะลามานำเสนออีก  เพื่อทางเราจะได้ทำการชี้แจงข้อเท็จจริงในการอ้างอิงของเขาครับ

 

GoogleTagged