อักขรวิธีในภาษาญี่ปุ่น
ภาษาญี่ปุ่นใช้อักษรคันจิ (อักษรจีน) กับอักษร "คานะ"ซึ่งใช้แทนเสียง
2 ชุดที่รู้จักกันดี คือ "ฮิรากานะ" กับ "คาตาคานะ"
คือ
"อักษรคันจิ" ใช้แสดงความหมาย
"อักษระคาตาคะนะ" ใช้สะกดคำศัพท์ที่มาจากภาษาต่างประเทศ
(ที่ไม่ได้แปลงเป็นอักษรคันจิ) เช่น ศัพท์หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์
"อักษรฮิรากานะ" อักษรคันจิกับคาตาคานะนั้น ใช้เขียนคำที่แสดงความหมายหลักๆ
เปรียบเสมือนอิฐแต่ละก้อนที่ใช้ในการก่อสร้าง โดยมีอักษรฮิรากานะ
เป็นเสมือนปูนที่ใช้ฉาบอิฐแต่จะก้อนเข้าด้วยกัน
คำว่า "คันจิ" แปลว่า "อักษรจีน" เป็นตัวอักษรที่ญี่ปุ่นนำเข้ามาจาก
ประเทศจีนพร้อมๆกับศาสนาพุทธและวัฒนธรรมอื่นๆ
อักษรจีนจำนวนมากเข้ามาพร้อมกับเสียงอ่านตามภาษาจีนซึ่งกลายมาเป็น
เสียงอ่านที่เรียกว่า "เสียงอง" แต่อาจผิดเพี้ยนไปจากเสียงเดิมในภาษาจีนบ้าง
ต่อมาอักษรคันจิถูกนำไปแทนคำในภาษาญี่ปุ่นที่มีความหมาย
เหมือนอักษรนั้นๆ แล้วอ่านออกเสียงเป็นภาษาญี่ปุ่นคำนั้นเลย
ซึ่งเรียกว่า "เสียงคุน"
อักษรส่วนใหญ่มีความหมายตรงกับคำหลายๆคำในภาษาญี่ปุ่น
ทำให้เกิดเสียงอ่านทั้งแบบ ON และ KUN หลายเสียง
อักษรคันจิบางตัวมีเสียงที่มาจากภาษาจีน (เสียงON) มากกว่า 1 เสียง
เพราะเสียงอ่านแต่ละเสียงเข้ามาในญี่ปุ่นต่างยุคสมัย ต่างวิธีการ
และมาจากต่างภูมิภาคของจีน บางคำยังแตกความหมายออกไป
ทำให้เกิดเสียงใหม่ขึ้นด้วย
เรื่องเสียงอ่าน
เสียงอง (ON) หรือ เสียงคุน (KUN)
เรานำอักษรคันจิมาใช้เขียนทั้งศัพท์ที่มาจากภาษาจีน
และศัพท์ที่มาจากภาษาญี่ปุ่นเอง
คำศัพท์ที่มาจากภาษาจีนมักปรากฏเป็นอักษรคันจิตั้งแต่ 2 ตัวข้ึนไป
ในขณะที่คำศัพท์ในภาษาญี่ปุ่นมักจะเขียนด้วยอักษรคันจิตัวเดียว
คำศัพท์ที่มาจากภาษาจีนมักจะเป็นคำประสม แต่คำภาษาญี่ปุ่น
จะเป็นคำๆเดียวที่แทนด้วยอักษรคันจิตัวเดียว (แต่ก็มิได้หมายความว่า
จะไม่มีคำประสมที่เป็นคำภาษาญี่ปุ่นเลย)
และเมื่อคำประสมที่มีทั้งคำที่เป็นคำจีน และคำญี่ปุ่น
ผู้อ่านจึงมักมีปัญหาเกี่ยวกับเสียงอ่านของคันจิว่าควรอ่านด้วยเสียง ON
หรือ เสียง KUN น่าเสียดายทีี่ไม่มีหลักเกณฑ์ตายตัวที่จะยึดได้
อย่างไรก็พอสรุปกฎทั่วไปตามที่พบเห็นบ่อยๆ ได้ดังนี้
กฎข้อที่ 1 โดยปกติอักษรคันจิในคำศัพท์ประสม 1 คำ จะอ่านออกเสียง
ประเภทเดียวกันทุกตัว เช่น
เสียงONทั้งหมด เช่น 制度化 (เซโดกะ)
เสียงKUNทั้งหมด เช่น 安値 (ยะสุเนะ)
กฎข้อที่ 2 คำศัพท์ประสมมักอ่านด้วยเสียง ON เช่น 音楽 (องกะกุ)
กฎข้อที่ 3 คำศัพท์ประสมที่มี Okurigana มักจะอ่านออกเสียง KUN
เช่น 乗り換える (โนริกะเอรุ)
กฎข้อที่ 4 อักษรคันจิที่ปรากฎอยู่ตัวเดียว มักอ่านออกเสียง KUN เช่น
この子は大きい子だ。อ่านว่า โกะโนะ-โกะ-วะ-โอกี้-โกะ-ดะ
แม้จะมีข้อยกเว้นอยู่บ้าง แต่กฎข้างต้นก็พอจะใช้เป็นแนวทางได้
ทั้งน้ีต้องอาศัยความคุ้นเคยกับอักษรคันจิเช่นกัน
คัดลอกมาจากหนังสือ KODANSHA'S COMPACT KANJI GUIDE
หน้าที่ 1-5
ปล.ดังนั้นเราต้องอาศัยการท่องจำและหัดเขียน
เพราะนั่นคือการทำให้เราได้คุ้นเคยกับอักษรคันจิ
พอเราจดจำได้และคุ้นเคย พอเห็นปุ๊บเราจะอ่านได้
หรือบางครั้งแม้อ่านไม่ได้ เราก็พอจะรู้ความหมายของคำๆนั้น
พี่หรือแม้แต่เจ้าของภาษายังต้องพกพาดิกติดตัว
หรือต้องโหลดโปรแกรมของดิกมาไว้ในโทรศัพท์มือถือ
เพื่อเช็คคำหรือตัวอักษรคันจิอยู่บ่อยครั้งว่าเราเขียนถูกม้ัย
ที่ว่าแม่นแล้วยังมีพลาดเลยค่ะ...พี่เจอคำผิดในโฆษณาบ่อยๆก็มี
ขนาดทีวีญี่ปุ่นยังรณรงค์ให้มีการเขียนบทพูดเป็นซับไตเติ้ลเลยค่ะ
เวลาดูทีวีญี่ปุ่น เราก็ได้เรียนรู้คำศัพท์และการเขียนอักษรเหล่านั้น
ไปด้วย... ^^
ดังนั้น...วิธีที่จะทำให้เราแยกเสียงได้ หนีไม่พ้น การฝึกฝนและท่องจำ
