ผู้เขียน หัวข้อ: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม  (อ่าน 11989 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม
« ตอบกลับ #120 เมื่อ: พ.ค. 06, 2015, 12:53 AM »
0
hai, watashi wa matte imasu(ฉันจะรอคะ)
 
party: party: yippy: yippy:

ปล.รู้ว่าแต่งประโยคผิด แต่ก็จะพิมพ์คะ

ที่แต่งมาไม่ผิดนะคะ... ^o^

งั้นพี่ขอพูดกลับ(ตามมารยาทอันดีของชาวญี่ปุ่น) ว่า

お待たせしました。อ่านว่า โอมะตะเซชิมะชิตะ
แปลว่า ขอโทษที่ให้รอค่ะ

上に書きました。อ่านว่า อุเอะนิ-กะกิมะชิตะ
แปลว่า เขียนเอาไว้แล้วข้างบนค่ะ

กระทู้ก่อนหน้าพี่เอามาฝากให้กันแล้วนะคะ
ลองเข้าไปอ่านดูน้าา ถ้าไม่เข้าใจตรงไหน ถามได้ๆ

แนะนำให้ซื้อหนังสือ
"KODANSHA'S COMPACT KANJI GUIDE ฉบับภาษาไทย"
มาไว้ในครอบครอง เพราะมันมีประโยชน์มาก พีี่ไม่เคยทอดทิ้งมันได้เลย
ไปไหนยังจะเอามันไปด้วย เมื่อก่อนใช้ไม่เป็น แต่พอได้ใช้ พี่เปิดหาคำศัพท์
ที่เกี่ยวกับคันจิได้คล่องมากขึ้นเรื่อยๆ เร็วยิ่งกว่าหากับดิกไฟฟ้าซะอีก

แต่ถ้ามีแล้ว ไม่ว่ากันค่ะ ^^

"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ FuyuChan

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 61
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม
« ตอบกลับ #121 เมื่อ: พ.ค. 06, 2015, 01:01 AM »
0
อ้างถึง
hai, watashi wa matte imasu(ฉันจะรอคะ)
 
   

ปล.รู้ว่าแต่งประโยคผิด แต่ก็จะพิมพ์คะ

ที่แต่งมาไม่ผิดนะคะ... ^o^


แปลกเหมือนกันนะคะ บางครั้งสิ่งที่เรามั่นใจว่าถูกแน่ๆ ดันไม่ถูก

ส่วนที่เราคิดว่า มันต้องผิดแหงๆ ดันถูก

ไม่ใช่อะไรหรอกคะ แค่อยากบอกว่า เป็นงี้บ่อยคะ

แต่ก็ดีใจมาาาาาก  smile: smile:

ส่วนหนังสือที่พี่ nada แนะนำนั้น น้องยังไม่มีครอบครองเลยคะ
อินชาอัลลอฮฺ ถ้าเจอก็จะซื้อคะ

หนังสือเกี่ยวกับภาษาญี่ปุ่นที่ครองครองอยู่ก็มีอยู่ 2 เล่มคะ
เกี่ยวกับบทสนทนา 1 เล่ม
ส่วนอีกเล่มนึงเป็นเรื่อง โดเรมอนสอนคันจิ คะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 06, 2015, 01:08 AM โดย FuyuChan »

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม
« ตอบกลับ #122 เมื่อ: พ.ค. 06, 2015, 04:13 AM »
0
อ้างถึง
hai, watashi wa matte imasu(ฉันจะรอคะ)
 
   

ปล.รู้ว่าแต่งประโยคผิด แต่ก็จะพิมพ์คะ

ที่แต่งมาไม่ผิดนะคะ... ^o^


แปลกเหมือนกันนะคะ บางครั้งสิ่งที่เรามั่นใจว่าถูกแน่ๆ ดันไม่ถูก

ส่วนที่เราคิดว่า มันต้องผิดแหงๆ ดันถูก

ไม่ใช่อะไรหรอกคะ แค่อยากบอกว่า เป็นงี้บ่อยคะ

แต่ก็ดีใจมาาาาาก  smile: smile:

ส่วนหนังสือที่พี่ nada แนะนำนั้น น้องยังไม่มีครอบครองเลยคะ
อินชาอัลลอฮฺ ถ้าเจอก็จะซื้อคะ

หนังสือเกี่ยวกับภาษาญี่ปุ่นที่ครองครองอยู่ก็มีอยู่ 2 เล่มคะ
เกี่ยวกับบทสนทนา 1 เล่ม
ส่วนอีกเล่มนึงเป็นเรื่อง โดเรมอนสอนคันจิ คะ



ส่วนพี่จะเป็นประมาณว่า...สิ่งที่คิดว่าเราต้องได้มันแน่ๆ มันไม่มีทางหลุดมือเราไปได้หรอก
แต่เอาเข้าจริง สิ่งนั้นกลับหลุดลอยไปหน้าตาเฉย สั่นคลอนความมั่นใจเราลงฮวบๆ
ส่วนสิ่งที่เราไม่คาดคิดว่าจะได้ กลับได้มาอย่างงงๆ hehe

พี่จึงเชื่อว่า...สิ่งใดถ้าอัลลอฮฺจะให้แล้วใครขวางไม่ได้
และหากสิ่งที่อัลลอฮฺไม่ให้ ใครก็ให้ไม่ได้น่ะค่ะ...

จริงๆมีหนังสืออีกหลายเล่มที่อยากแนะนำ หนังสือที่สอนเกี่ยวกับ
หลักไวยากรณ์ที่อ่านง่าย เข้าใจง่ายนั้น พี่ชอบหนังสือไวยากรณ์
ท่ีแบ่งเป็นระดับๆของค่าย ABK  ของพี่มีตั้งแต่ระดับ 4 จนไปถึงระดับ 1
แต่ไม่แน่ใจว่าปัจจุบันเขายังมีวางขายหรือปรับปรุงหลักสูตรไปแล้วรึยัง
เพราะมันมีไว้สำหรับเรียนเพื่อสอบวัดระดับภาษา แต่ว่าอ่านเข้าใจง่าย

ส่วนของค่ายอื่นนั้น พี่เคยซื้อมาอ่าน ก็ดีแต่ว่าอ่านเข้าใจยากเท่านั้นเองค่ะ

จริงๆ การศึกษาภาษาญี่ปุ่น มันขึ้นอยู่กับว่า เราอยากได้แค่การสื่อสาร
สนทนาอย่างเดียว หรือว่า อยากได้ทั้งการฟัง พูด อ่าน เขียน ด้วย
ซึ่งเสต็ปมันจะค่อนข้างแตกต่างกันค่ะ...

ของพี่เรียนเพื่อจะให้ได้ทั้งหมด เลยล่อซะปีครึ่งในโรงเรียนสอนภาษาที่ญี่ปุ่น
ซึ่งก็ยังได้ความรู้มาแค่หางอึ่งอยู่ดี คือ ภาษายังไม่ค่อยเท่าไหร่
ไปต่อยอดเอาตอนเรียนมหาลัย พูดคุยกับเจ้าของภาษาเยอะๆ อ่านบทความ
ฟังข่าว ฟังบรรยายทางวิชาการ(มันจะได้ศัพท์วิชาการ)
ไปดูนิทรรศการภาพเขียน(มันจะได้เห็นแนวคิดและวัฒนธรรมของคนญี่ปุ่น
และได้ศัพท์เฉพาะด้านมา) อ่านป้านโฆษณาที่มีตัวอักษรญี่ปุ่น (มันจะได้ศัพท์การขาย)
แม้แต่สลากอาหารพี่ก็อ่าน (มันจะได้ศัพท์เกี่ยวกับอาหาร) 
หรือป้ายรถ ป้ายสถานที่พี่ก็นั่งท่อง (มันจะได้รู้ชื่อเฉพาะและวิธีอ่านที่แปลกไปจากที่เคยเรียน
ในห้องเรียน) แล้วก็ฟังเขาด่ากัน (อันนี้ไม่ใช่เพื่อสอดรู้สอดเห็นน้า แต่เพื่อจะได้รู้จักคำไม่สุภาพ)
ฟังเด็กวัยรุ่นมันโม้กัน (อันนี้จะได้รู้ศัพท์ประหลาดๆที่อาจารย์ในห้องเรียน
จะไม่มีวันสอนเราอย่างแน่นอน)

และให้ลองฟังเพลงรัก (จะได้รู้ว่าเวลาคนมันอินในความรักหรือตกในหลุมรัก
เขาจะถ่ายทอดความรู้สึกห่วงหาอาลัยอาวรณ์กันขนาดไหน) อิอิ
แบบว่าคนญี่ปุ่นเขาสุดๆอ่ะ พี่ว่าคนไทยเราถ่ายทอดอารมณ์รักกันคนละแบบกับญี่ปุ่นนะ
ตอนฟังแรกๆ งงสุดๆ อะไรว้า ภาษาง่ายๆแท้ๆ แปลได้ แต่ทำไมเราไม่เข้าใจ เหอๆ

แต่พออยู่ๆไป เริ่มซึมซับ ก็เริ่มเข้าใจ....

ส่วนละครหรืออะนิเมชั่นของญี่ปุ่นนั้น บางเรื่องเศร้าโศก
หรือไม่ก็อัศวินผู้กอบกู้โลกทำนองนี้ซะมากอ่ะ...
ปัจจุบันไม่ค่อยได้ติดตามดู ไม่รู้เขาเปลี่ยนแนวไปแล้วยัง
เมื่อก่อนนะ ดูแล้วนั่งปาดน้ำตา กินข้าวไม่ลง สงสารนางเอก
ทีี่ตายตอนจบแทบทุกเรื่องหรือไม่ก็พระเอกตาย...
หรือไม่อีกทีก็กอดคอกันตายทั้งคู่....โศกเศร้าอาดูรสูญเสียกันแบบ
ไม่เห็นใจคนดูที่ถ่างตารอลุ้นตั้งแต่ต้นเรื่องเลย...

นางเอกหรือไม่ก็พระเอกต้องเป็นโรคร้ายสักโรคนึงให้เราลุ้นกัน
จนนั่งไม่ติด แค่บางประโยคนึงที่นางเอกพูดตอนใกล้ตาย
ทำเอาคนดูน้ำตาแตก ไหลพรากๆ นั่นคือภาพของละครหรือซีรี่ย์ญี่ปุ่น
ที่คนไทยอีกหลายคนอาจมองว่าไม่น้ำเน่า
แต่คนที่ดูจนชีช้ำกะหล่ำปลีมาหลายยก มันก็ทำให้รู้ว่า
อันนี้มันเน่าแบบญี่ปุ่นน้า hehe

เน่าแบบไทยก็แบบนึง เน่าแบบเกาหลีก็อีกสไตล์ เน่าแบบญี่ปุ่นก็อย่าท่ี่
พี่บรรยายไว้อ่ะ...ส่วนซีรี่ย์ฝรั่งใช่ว่าจะไม่น้ำเน่า...เหอๆ

ปัจจุบันเริ่มเดาทางละครได้ เลยทำให้หมดสนุกทีี่จะดู...
จึงทำให้รู้ว่า กาลเวลาทำให้บางอย่างกร่อยได้เหมือนกัน...อิอิ

ดังนั้น...พี่เอาใจช่วยนะ สู้ๆ ภาษามีอยู่ในทุกซอกทุกมุม
ข้างกล่องสลากขนมขบเคี้ยวนั่นล่ะแน่นอน...^^

"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม
« ตอบกลับ #123 เมื่อ: พ.ค. 06, 2015, 05:44 AM »
0
เสริมอีกนิด....

สำหรับพี่ ถ้าให้เทียบระหว่าภาษาไทยกับภาษาญี่ปุ่น อย่างไหนยากกว่ากัน
ถ้าให้มองในแง่ว่า คนๆนึงเกิดมาแล้วต้องเลือกเริ่มต้นใหม่
พี่มองว่า หลักภาษาไทยยากกว่าค่ะ นั่นเพราะ

ทุกๆภาษาเราต้องท่องจำคำศัพท์ แต่ภาษาไทยนั้นมีพยัญชนะมากแล้ว
ยังไม่พอ ยังมีสระไม่รู้ตั้งกี่รูปเข้ามาข้องเกี่ยว แล้วไหนจะมีเรื่องวรรณยุกต์
ที่มากำกับเรื่องเสียง แล้วยังมีมาตราต่างๆ อย่าง แม่กด กม กน เกย เกอว อะไรนี่อีก
ซ้ำยังมีคำเป็นคำตาย คำไทยแท้ คำไทยผสม คำสมาธสนธิ คำบาลีสันสกฤต
ทุกวันนี้พี่ยังเขียนผิดเขียนถูกอยู่เลย...อิอิ

แต่ภาษาญี่ปุ่นนั้น แค่เราท่องจำอักษรฮิรากานะได้แล้ว มันอ่านง่ายเลย
ท่องไม่ยากด้วยนะไอ้อักษรฮิรากานะ ต่อมาก็ท่องตัวคาตะคานะว่ามันเขียนยังไง
เพราะเราได้รูปแบบเสียงมาจากการท่องฮิรากานะแล้ว ลดทอนเวลาไปได้อีกหนึ่ง
ต่อมาก็เริ่มจับตัวคันจิ เรื่องหยิบดินสอพร้อมกับหาสมุดหนาๆไร้เส้นแล้วเริ่ม
ขีดเส้นเป็นตัวอักษรคันจิ ในขณะที่ขีดเส้น เรานับเส้นไปด้วย พอเสร็จเราดูมัน
แล้วเราพยายามจำหน้าตามัน จำเสียงของมัน จำความหมายของมัน
คือได้ในขณะนั้นพร้อมๆกันเลย ลดทอนเวลาลงไปได้อีก

คือพอได้ตามเสต็ปนั้นแล้ว เราก็เริ่มจับอะไรพวกนั้นมาเข้าพวก
คือเรียนรู้เรื่องหลักไวยากรณ์ ซึ่งแรกๆอาจยากหน่อย แต่ญี่ปุ่นวางรูปแบบเอาไว้
อย่างที่ไม่อาจดิ้นได้ง่ายๆ เราก็แค่อาศัยท่องจำว่าลักษณะการใช้
แล้วหัดแต่งประโยคไปเรื่อย ถ้าได้ยินใครพูดอะไรก็พยายามจดจำมา
แล้วลองมาศึกษาดูว่า มันตรงกับหลักไวยากรณ์ตัวไหน

หลักการใช้ภาษาของเขา มีระดับสุภาพ อันนี้ใช้ได้กับทุกผู้ทุกนาม
เรียกว่ารูป (ます)masu form ถ้าใช้ภาษายังไม่คล่อง ยังไม่ชัวร์
ให้ใช้ระดับภาษานี้ในรูป masu form ไปก่อน ใช้ไปเรื่อยๆ

พอใช้ masu form ชำนาญแล้ว ก็เริ่มหัดใช้คำแบบสนิทสนม
เรียกว่ารูปพจนานุกรม หรือ shishyo form (เรื่องราวปัจจุบัน) / ta form
(สำหรับเรื่องราวที่เป็นอดีต)

หัดผันรูปกริยาต่างๆให้เป็นในรูปแบบทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคต และรูปปฏิเสธดูบ่อยๆ
ท่องจำให้ขึ้นใจ มันจะมีหลักการอยู่เช่นกัน พอได้ตรงนี้แล้วสบายบื๋อเลย

และเมื่อทุกอย่างคล่องแล้ว ค่อยไต่ระดับภาษาสุภาพขั้นสูงต่อไป
(อันนี้เอาไว้ใช้ในวงธุรกิจ ตอนเป็นนักเรียนพี่ไม่ได้ใช้เลย)

คือ...ถ้าจะให้ได้ทั้ง ฟัง พูด อ่าน เขียน ไปในคราวเดียวกัน แม้ใช้เวลานาน
แต่ว่าคุ้มนั้น ลองยึดเสต็ปดังกล่าวดูค่ะ...ถ้ามีความพยายามสูง ไม่นานเราก็จะได้
ภาษาเขามาใช้ในชีวิตประจำวัน....

แต่เราต้องไม่อายที่จะพูด ต่อให้มันอาจจะเป็นการพูดผิดหลักภาษา
หรือว่าสื่อสารผิดพลาด แต่ให้เราจำไว้แค่ว่า ความผิดพลาดคือ ครูชั้นยอด
และคำพูดและคติประจำใจที่ต้องหัดท่องเอาไว้เสมอ เวลาสื่อสารกับคนญี่ปุ่นคือ

1.คำทักทาย

2.คำขอบคุณ

3.คำขอโทษ

4.ถ้าไม่เข้าใจ เราต้องบอกเขาตรงๆว่าเราฟังเขาไม่เข้าใจ
ให้เขาพูดอธิบายให้เราฟังอีกครั้ง จนเราแน่ใจว่าเราเข้าใจแล้วจริงๆ
แล้วขอคำยืนยันจากเขาว่าเรากับเขาเข้าใจตรงกันแล้ว...
อย่าปล่อยความไม่เข้าใจเอาไว้ให้เขาคิดว่าเราเข้าใจแล้ว
เพราะมันอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายที่บางครั้งประเมิณค่าไม่ได้

5.อย่ากลัวที่จะถูกตำหนิว่าเราสมองช้า...เข้าใจอะไรยากเย็น ใจเราต้องด้านพอ
ที่จะรับทุกๆคำตำหนิ...คิดเสียว่า คำตำหนิเป็น ครูชั้นยอด

6.อย่าท้อเมื่อไม่อาจสื่อสารกับเขาได้ตรงเป้าหมาย หรืออย่าหมดใจ
เมื่อเห็นว่าเขาเข้าใจเราผิด เนื่องจากเราพูดไม่ถูก สื่อสารผิดพลาด
หรือสื่อสารไม่ได้ในบางครั้ง...แต่ให้ยิ้มให้คู่สนทนามากๆ

7.ให้จบบทสนทนาด้วยการขออภัยในความผิดพลาดที่เราอาจเผลอทำไป
ทุกครั้งที่สนทนากัน บอกเขาไปตรงๆว่าภาษาเรานั้นยังอ่อนแอนัก
เช่นประโยคนี้พี่ท่องเอาไว้และยังคงใช้มาจนทุกวันนี้ว่า

私の日本語がまだ下手です。申し訳ございません。
อ่านว่า วะตะชิ-โนะ-นิฮงโกะ-ก๊ะ-มะดะ-เฮะตะ-เดะสุ.
โมอิชิวะเกะ-โกะไซอิมะเซน

แปลว่า ภาษาญี่ปุ่นของฉันยังไม่ได้เรื่องอยู่เลยค่ะ
ต้องขอประทานโทษด้วยจริงๆ

นี่เป็นแบบในรูปสุภาพมากๆค่ะ...

แต่ถ้าพูดกับเพื่อนหรือคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกันที่เป็นเจ้าของภาษา
เราจะพูดในรูปแบบนี้

私の日本語がまだ下手なんです。申し訳ない。
อ่านว่า วะตะชิ-โนะ-นิฮงโกะ-ก๊ะ-มะดะ-เฮะตะ-นันเดะสุ.
โมอิชิวะเกะไน่

แปลว่า ภาษาญี่ปุ่นของฉันไม่ได้เรื่องเลย...ขอโทษ (ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ)


คำว่า 申し訳ございません อ่านว่า โมอิชิวะเกะ-โกะไซอิมะเซน
คำๆนี้ แปลว่า ขอประทานโทษ
คือนัยยะของคำๆนี้คือ ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ ยามที่โดนตำหนิติเตียนแล้วเรายอมรับ
โดยดุษฏี เราก็จะพูดคำๆนี้เช่นกัน...หรือเรื่องบางเรื่องที่ถูกขอร้องมา
แล้วเราไม่สามารถทำได้ เราก็ใช้ประโยคนี้พูดออกไป คือมันเป็นทั้งการกล่าวขอโทษ
เป็นทั้งการน้อมรับผิดไปด้วยในตัวที่เราไม่อาจทำอะไรได้ดีไปกว่านี้ในขณะนั้น
พี่อยากให้น้องท่องจำเอาไว้ให้ขึ้นใจ

และอีกคำนึง เมื่อเราจะเริ่มขอร้องใครให้ทำสิ่งใด เป็นประโยคสุภาพมากๆ
คนฟังจะรู้สึกดีเวลาเราเริ่มต้นด้วยประโยคนี้คือ

お世話になっております。อ่านว่า โอเซวะนิ-นัตเตะ-โอริมะสุ
แปลว่า ขอความอนุเคราะห์ด้วยนะคะ

คือปกติคนญี่ปุ่นมักจะเริ่มต้นด้วยคำนี้เวลาติดต่อธุระปะปังกับใคร
เหมือนกับว่า เราอาจต้องพึ่งพาเขา เลยพูดคำนี้เอาไว้เป็นการเปิดฉาก
ประโยคนี้พี่ก็อยากให้ท่องจำให้ขึ้นใจด้วยค่ะ

หรือถ้าเจอพรรคพวก เพื่อนร่วมงานคนญี่ปุ่นที่เราจะต้องมาร่วมงานกัน
เราจะเริ่มเปิดบทสนทนาด้วยคำว่า

お楽しみさまです。อ่านว่า โอทะโนชิมิ-สะมะเดะสุ
แปลว่า ขอความสุขจงมีแด่ท่าน (ประมาณนี้)


ส่วนอีกประโยค เวลาจบการสนทนาในกรณีที่เราพูดเสียยาวเหยียด
ในที่ประชุมหรือพูดอธิบายรายงานหรือเรื่องราวบางอย่าง
เราจะจบด้วยคำสั้นๆว่า

 以上です。อ่านว่า อิ๊โจ่เดะสุ  แปลว่า ขอจบเพียงเท่านี้

ก่อนจะจบปิดฉากว่า

よろしくお願い致します。อ่านว่า โยโรชิกุ-โอเนะกะอิตะชิมะสุ
แปลว่า ฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ

(มันเป็นฟอร์มของเขาน่ะค่ะที่ต้องเอ่ยประโยคแบบนี้
พี่เองคาดว่า น่าจะแปลเป็นไทยได้ประมาณนี้) ^^


ปล.ทุกๆประโยคเหล่านี้ที่พี่พิมพ์ไว้ อยากให้ท่องจำเอาไว้ให้ขึ้นใจ
แล้วมันจะเกิดผลที่ดียิ่งในการสื่อสารกับคนญี่ปุ่นจ่ะ... ^^

เมื่อเกิดทำอะไรผิดพลาด ขอให้พูดอย่างสุภาพและอ่อนน้อมถ่อมตนว่า
申し訳ございません(โมอิชิวะเกะโกะไซอิมะเซน) ^^

เป็นอันว่าใช้ได้ hehe

"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ FuyuChan

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 61
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม
« ตอบกลับ #124 เมื่อ: พ.ค. 06, 2015, 08:16 PM »
0
อ้างถึง
私の日本語がまだ下手です。申し訳ございません。
อ่านว่า วะตะชิ-โนะ-นิฮงโกะ-ก๊ะ-มะดะ-เฮะตะ-เดะสุ.
โมอิชิวะเกะ-โกะไซอิมะเซน

คำนี้ได้ยินบ่อยมากคะ

ส่วนคำอื่นๆอีกเช่น
 
คังเกไน , บะกา , ทซึกะเรตะ , มะซึ ,ฮัพเพียวตะชิมัส บลาๆๆๆๆ





ออฟไลน์ FuyuChan

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 61
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม
« ตอบกลับ #125 เมื่อ: พ.ค. 06, 2015, 08:24 PM »
0

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม
« ตอบกลับ #126 เมื่อ: พ.ค. 07, 2015, 06:33 AM »
0
อ้างถึง
私の日本語がまだ下手です。申し訳ございません。
อ่านว่า วะตะชิ-โนะ-นิฮงโกะ-ก๊ะ-มะดะ-เฮะตะ-เดะสุ.
โมอิชิวะเกะ-โกะไซอิมะเซน

คำนี้ได้ยินบ่อยมากคะ

ส่วนคำอื่นๆอีกเช่น
 
คังเกไน , บะกา , ทซึกะเรตะ , มะซึ ,ฮัพเพียวตะชิมัส บลาๆๆๆๆ






1.関係ない อ่านว่า คังเคนะอิ (คังเคไน่) แปลว่า ไม่สัมพันธ์กัน ไม่ข้องเกี่ยวกัน
เอาไว้พูดเวลา เห็นอะไรที่ไม่เข้าร่องเข้ารอย หรือเวลาที่บอกปัดว่าตน
ไม่ข้องเกี่ยวกับสิ่งนั้นๆหรือเหตุการณ์นั้น

เป็นคำท่ีพี่ไม่ชอบพูดเลยค่ะ เว้นแต่ว่า เจออะไรไม่เข้าร่องเข้ารอย
แต่สำหรับการพูดเพื่อบอกปัดเช่นพูดบอกปัดความรับผิดชอบเนี่ย
คนญี่ปุ่นเขาไม่ค่อยปลื้มกัน แต่ก็เจอคนชอบปัดความรับผิดชอบเยอะค่ะ...
เลยได้ยินคำแบบนี้จากปากพวกเขาบ่อยมาก แบบไม่ขอยุ่งเกี่ยวนะ อะไรประมาณนี้

แต่ในทางบวกก็พูดแต่เฉพาะว่า...ยามที่เราเห็นว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้ไม่สัมพันธ์กัน


2.バカ อ่านว่า บะก้า แปลว่า บ้า โง่ ไร้สาระ ไม่เป็นประโยชน์
ถ้าเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากๆใช่ด่ากันเล่นๆได้ค่ะ เป็นการเย้าหยอกกัน
แต่ถ้าไม่สนิทกันห้ามพูดเด็ดขาด

ถ้าเป็นคนไทยก็ให้ความรู้สึกประมาณว่า
"ขาดหุ้น" "ไม่เต็มบาท" อะไรทำนองนี้อ่ะ อิอิ

คนฝั่งคันโต (โตเกียว/ไซตะมะ) เขาจะใช้ว่ากันค่ะ ไม่ถึงกับเป็นคำหยาบคาย
แต่อย่างใด...แต่ถ้าเอาคำนี้ไปต่อว่าคนฝั่งคันไซ (เกียวโต/โอซาก้า)
รับรองได้ว่า เขาจะโกรธหน้าดำหน้าแดงเลยทีเดียว
 

3.疲れた อ่านว่า ซึกะเรต่ะ  แปลว่า เหนื่อยจัง (คือพูดตอนที่ทำอะไรมาเหนื่อยๆ)
เป็นคำบ่นค่ะ ^^

4. "มะซึ" พี่ไม่เคยได้ยิน แต่ถ้าเป็น まずい อ่านว่า มะซึอิ
อันนี้จะแปลว่า ไม่อร่อย ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้การ ไม่เหมาะ เป็นเรื่อง

เอาไว้ติรสชาติอาหารก็ได้ เอาไว้ติผลงานก็ได้
เอาไว้บ่นตอนเจอสถานการณ์ย่ำแย่ก็ได้
หรือเอาไว้พูดตอน "งานเข้า" ก็ได้

5.ฮัพเพียวตะชิมัส อันนี้พี่ก็ไม่เคยได้ยิน แต่ที่เคยได้ยินคือ "ฮัพเพียวอิตะชิมะสุ"
มาจาก...

発表+致す (ฮัพเพียว+ อิตะสุ)
発表 อ่านว่า ฮัพเพียว  แปลว่า การรายงาน การประกาศให้คนรู้ 
致す อ่านว่า อิตะสุ  แปลว่า ทำ (เป็นคำสุภาพของ する(suru))
พอจับมารวมกันเป็นประโยคได้ว่า

発表致します อ่านว่า ฮัพเพียว-อิตะชิมะสุ
แปลว่า การทำการรายงาน หรือการทำการประกาศให้ทุกคนทราบ

เช่นเวลา เราจะรายงานหน้าช้ันเรียน เราก็จะพูดคำนี้
ว่าเราจะเริ่มทำการรายงานแล้วนะ...


ปล.รอบนี้ได้ยินมาแต่คำที่ติดไปทางด้านลบแทบทุกคำเลยน้าาาา...
มีแค่คำสุดท้าย ที่ดูดีที่สุด...อิอิ

ส่วนเรื่องบทความที่เอามาให้ใหม่นั้น แปะโป้งไว้ก่อนนะจ๊ะ ^^

"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ FuyuChan

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 61
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม
« ตอบกลับ #127 เมื่อ: พ.ค. 07, 2015, 01:26 PM »
0
อ้างถึง
5.ฮัพเพียวตะชิมัส อันนี้พี่ก็ไม่เคยได้ยิน แต่ที่เคยได้ยินคือ "ฮัพเพียวอิตะชิมะสุ"
มาจาก...

発表+致す (ฮัพเพียว+ อิตะสุ)
発表 อ่านว่า ฮัพเพียว  แปลว่า การรายงาน การประกาศให้คนรู้ 
致す อ่านว่า อิตะสุ  แปลว่า ทำ (เป็นคำสุภาพของ する(suru))
พอจับมารวมกันเป็นประโยคได้ว่า

発表致します อ่านว่า ฮัพเพียว-อิตะชิมะสุ
แปลว่า การทำการรายงาน หรือการทำการประกาศให้ทุกคนทราบ

คำที่มีเสียงอิ เสียงอุ ส่วนใหญ่จะได้ยินไม่ชัด
น้องเลยคิดว่า มันคือ ฮัพเพียวตะชิมะสุ
นอกจากว่า ต้องไปเปิดหาจากพจนานุกรมก่อนจึงจะรู้ว่ามี อุ ด้วย

 cool2: cool2:


อ้างถึง
4. "มะซึ" พี่ไม่เคยได้ยิน แต่ถ้าเป็น まずい อ่านว่า มะซึอิ
อันนี้จะแปลว่า ไม่อร่อย ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้การ ไม่เหมาะ เป็นเรื่อง

มะซึ ที่น้องหมายถึงมันแปลว่า  อันดับแรก,ขั้นแรก ประมาณนี้คะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 07, 2015, 05:11 PM โดย FuyuChan »

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม
« ตอบกลับ #128 เมื่อ: พ.ค. 07, 2015, 08:10 PM »
0
อ้างถึง
5.ฮัพเพียวตะชิมัส อันนี้พี่ก็ไม่เคยได้ยิน แต่ที่เคยได้ยินคือ "ฮัพเพียวอิตะชิมะสุ"
มาจาก...

発表+致す (ฮัพเพียว+ อิตะสุ)
発表 อ่านว่า ฮัพเพียว  แปลว่า การรายงาน การประกาศให้คนรู้ 
致す อ่านว่า อิตะสุ  แปลว่า ทำ (เป็นคำสุภาพของ する(suru))
พอจับมารวมกันเป็นประโยคได้ว่า

発表致します อ่านว่า ฮัพเพียว-อิตะชิมะสุ
แปลว่า การทำการรายงาน หรือการทำการประกาศให้ทุกคนทราบ

คำที่มีเสียงอิ เสียงอุ ส่วนใหญ่จะได้ยินไม่ชัด
น้องเลยคิดว่า มันคือ ฮัพเพียวตะชิมะสุ
นอกจากว่า ต้องไปเปิดหาจากพจนานุกรมก่อนจึงจะรู้ว่ามี อุ ด้วย

 cool2: cool2:


อ้างถึง
4. "มะซึ" พี่ไม่เคยได้ยิน แต่ถ้าเป็น まずい อ่านว่า มะซึอิ
อันนี้จะแปลว่า ไม่อร่อย ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้การ ไม่เหมาะ เป็นเรื่อง

มะซึ ที่น้องหมายถึงมันแปลว่า  อันดับแรก,ขั้นแรก ประมาณนี้คะ


ใช่ค่ะ มันเป็นเช่นนั้น เพราะเวลาพูด ลิ้นคนจะรัว คำที่ลงเสียงไม่หนัก
มักจะได้ยินไม่ชัดเจน แต่เวลาพูดนั้น เราจะใส่เสียงของมันไปด้วยนะคะ
เพราะถ้าไม่ใส่ จะทำให้ภาษาเขาเพี้ยนได้
คือ ปกติสำหรับผู้ไม่ใช่เจ้าของภาษานั้น จะพูดไม่ค่อยชัดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ถ้าเราไม่ใส่เสียงของตัวที่ซ่อนอย่าง อิ หรืออุ เข้าไปด้วย
มันจะยิ่งทำให้เพี้ยนเข้าไปใหญ่ค่ะ...

อย่างคำว่า ない (นะอะ) ถ้าพูดรัวๆ ก็อาจจะได้ยินว่า "ไน่"
แต่ต้นเสียงตอนเราเปล่่งออกไปคือ นะอิ

ต้องลองหัดออกเสียงทุกอักขรของอักษรดูค่ะ แล้วจะพบว่า
สำเนียงของเราจะค่อยๆเข้าใกล้เจ้าของภาษาเรื่อยๆ

^o^

ส่วน "มะซึ" ถ้าอย่างที่น้องว่าคือตัวนี้

先ず(まず)อ่านว่า มะซุ (mazu)
แปลว่า ก่อนเริ่ม แรกเริ่ม

มักใช้พูดตอนกล่าวเกริ่นนำ ^^


ลองถามที่สงสัยมาได้เลยนะคะ...
หรือไปเจออะไรดีๆมาก็เอามาลงให้กันต่อนะคะ
อินชาอัลลอฮฺ พี่จะพยายามค่อยๆอธิบายไปเรื่อยๆด้วย
ตามพื้นความรู้ที่พี่มี ซึ่งยังไม่มากเท่าไหร่นัก
คงต้องศึกษากันต่อไปเช่นกันจ่ะ ^o^

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 07, 2015, 08:21 PM โดย nada-yoru »
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ FuyuChan

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 61
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม
« ตอบกลับ #129 เมื่อ: พ.ค. 07, 2015, 10:30 PM »
0
อยากให้พี่nada

- ช่วยให้ความกระจ่างการใช้ wa กับ ga ด้วยคะ

- "หวังว่าคงจะไม่ลืม" ภาษาญี่ปุ่นพูดว่าไงคะ
 
ถ้าหากเราจะเชิญชวนให้ทำด้วยกัน แล้วใช้คำว่า อิชโชวนิ
ขอถามว่า กริยาต้องอยู่ในรูปของ V+shou หรือปล่าวคะ

ปล.แล้วก็จะมาเตือนนิดนึงคะ

อ้างถึง
ส่วนเรื่องบทความที่เอามาให้ใหม่นั้น แปะโป้งไว้ก่อนนะจ๊ะ ^^

# คืนนี้ขอเยอะไปหน่อย นึกได้ก็ต้องพิมพ์เลย ไม่งั้นจะลืมคะ อิอิ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 07, 2015, 10:44 PM โดย FuyuChan »

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม
« ตอบกลับ #130 เมื่อ: พ.ค. 09, 2015, 02:01 AM »
0
อยากให้พี่nada

- ช่วยให้ความกระจ่างการใช้ wa กับ ga ด้วยคะ

- "หวังว่าคงจะไม่ลืม" ภาษาญี่ปุ่นพูดว่าไงคะ
 
ถ้าหากเราจะเชิญชวนให้ทำด้วยกัน แล้วใช้คำว่า อิชโชวนิ
ขอถามว่า กริยาต้องอยู่ในรูปของ V+shou หรือปล่าวคะ

ปล.แล้วก็จะมาเตือนนิดนึงคะ

อ้างถึง
ส่วนเรื่องบทความที่เอามาให้ใหม่นั้น แปะโป้งไว้ก่อนนะจ๊ะ ^^

# คืนนี้ขอเยอะไปหน่อย นึกได้ก็ต้องพิมพ์เลย ไม่งั้นจะลืมคะ อิอิ

ตอบคำถามที่ 1

เรื่อง は(wa) が (ga) เอาแบบขั้นพื้นฐานนะคะ

は(wa) จะวางอยู่ข้างหลังประธานของประโยคค่ะ
が(ga) จะวางอยู่ข้างหลังกรรมของประโยค กับ วางอยู่หน้าคำคุณศัพท์


คำตอบของคำถามที่ 2

"หวังว่าคงจะไม่ลืม" ถ้าประโยคนี้เป็นการเตือนว่าอย่าลืมจะใช้ประโยค
ในภาษาญี่ปุ่นว่า

忘れないようにね อ่านว่า วะสุเรนะอิ-โย่หนิเนะ

หรือ

忘れずに~してね!อ่านว่า วะสุเรซุนิ-ชิเต๊ะเนะ

忘れないで~」อ่านว่า วะสุเรนะอิเด๊ะ

หรือเป็นทางการหน่อยก็จะเป็น

忘れないようご注意ください。
อ่านว่า วะสุเรนะอิ-โย่หนิ-โก่ะจูอิ-กุดะซะอิ
แปลว่า โปรดระวังว่าอย่าลืมนะคะ
(เป็นรูปสุภาพที่จะไม่ใช้กับคนสนิทกันนัก)

แต่ถ้าในกรณีคู่รักที่บอกว่า "อย่าลืมฉัน" จะประมาณนี้ค่ะ

君が僕を忘れないように 僕が君をおぼえている
อ่านว่า คิมิ-ก๊ะ-โบะกุ-โวะ-วะสุเรนะอิ-โย่หนิ
โบะกุ-ก๊ะ-กิมิ-โวะ-โอโบะเอเต๊ะอิหรุ

แปลว่า คุณอย่าลืมผมนะ...ส่วนผมก็จะจดจำคุณเอาไว้


คำตอบของคำถามที่ 3 เรื่องประโยคเชิญชวน
แบบฟอร์มจะเป็นดังตัวอย่าง เช่น

日本へ行きましょう。 อ่านว่า นิฮง-เฮะ-อิกิมะโชอุ
แปลว่า ไปประเทศญี่ปุ่นกันเถอะ

日本語を勉強しましょう。อ่านว่า นิฮงโกะ-โวะ-เบ็งเกียว-ชิมะโชอุ
แปลว่า เรียนภาษาญี่ปุ่นกันเถอะ

ふるさとへ帰りましょう。อ่านว่า ฟุรุสะโตะ-เฮะ-คาเอะริมาโชอุ
แปลว่า กลับบ้านเกิดกันเถอะ

ใช้รูป กริยา+ しょう ค่ะ

แต่ถ้าเป็นคำเชิญชวนแบบคนสนิทกัน จะใช้ดังตัวอย่างข้างล่างค่ะ

日本へ行こう。อ่านว่า นิฮง-เฮะ-อิโกอุ
แปลว่า ไปประเทศญี่ปุ่นกันเถอะ

日本語を勉強しよう。อ่านว่า นิฮงโกะ-โวะ-เบ็งเกียว-ชิโยอุ
แปลว่า เรียนภาษาญี่ปุ่นกันเถอะ

ふるさとへ帰ろう。อ่านว่า ฟุรุสะโตะ-เฮะ-คาเอะโรอุ
แปลว่า กลับบ้านเกิดกันเถอะ

ในกรณีที่จะใช้ 一緒に อ่านว่า อิชโชนิ แปลว่า ด้วยกัน
นั้น จะใช้เมื่อเราจะร่วมด้วยกันกับเขา มิใช่การเชื้อเชิญให้ทำอย่างนั้น
อย่างนี้ เพราะบางครั้งเราชวนให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ก็จริง
แต่เราไม่ได้จะร่วมด้วยกันกับเขาเสมอไป

ดังนั้น ในกรณีที่เราจะร่วมด้วยกันกับเขา ก็ให้ใส่ "อิชโชนิ" วางไว้ข้างหน้าค่ะ

เช่น เราชวนเขาไปญี่ปุ่นก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะไปกับเขา
แต่ต้องการเชื้อเชิญให้เขาไปญี่ปุ่น  อย่างนี้ไม่ต้องใส่ "อิชโชนิ"


ปล.ส่วนเรื่องบทความ อินชาอัลลอฮฺ ค่อยมาต่อนะคะ ^o^
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ FuyuChan

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 61
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม
« ตอบกลับ #131 เมื่อ: พ.ค. 12, 2015, 08:29 PM »
0
shiken wa owarimashita dakedo shukudai mada arimasu

สอบเสร็จแล้ว แต่ยังมีงานที่ค้างอยู่อีก  frown frown

#ผิดถูกตรงไหน ช่วยชี้แนะด้วยนะคะ  loveit:

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม
« ตอบกลับ #132 เมื่อ: พ.ค. 12, 2015, 10:20 PM »
0
shiken wa owarimashita dakedo shukudai mada arimasu

สอบเสร็จแล้ว แต่ยังมีงานที่ค้างอยู่อีก  frown frown

#ผิดถูกตรงไหน ช่วยชี้แนะด้วยนะคะ  loveit:


แต่งประโยคได้ 2 แบบ

แบบที่1 ใช้รูป masu form

試験が終わりましたが、課題はまだあります。
(shiken ga owarimashita-ga, kadai wa mada arimasu.)

ปกติจะใช้ ga หน้า Owarimasu น่ะค่ะ แล้วถ้าจะใช้รูปแบบของ masu form
ก็จะตามหลังด้วย ga แทนที่จะเป็น kedo

รูปแบบที่ 2 เป็นแบบรูปทั่วไป

試験が終わったけど、課題はまだあるよ。
(Shiken ga owatta-kedo, kadai wa mada aru-yo~)

หรือจะแบบนี้ก็ไม่เป็นไรค่ะ

試験が終わったけど、課題はまだあります。
(Shiken ga owatta-kedo, kadai wa mada arimasu.)

ซึ่งคำว่า "งาน" ที่ค้างไว้...ที่คิดว่า น่าจะใช้คำว่า
課題(Kadai)ซึ่งแปลว่า หัวข้อ การบ้าน หัวขอปัญหาที่ต้องเก็บไปแก้ไข

แทนคำว่า

宿題(Shyukudai) แปลว่า การบ้าน

ซึ่งคำว่า Kadai จะกินกว้างมาก ตอนพี่อยู่ในมหาวิทยาลัย
บรรดาอาจารย์จะมอบหมายงานให้ไปทำ ซึ่งท่านจะเรียกงานที่มอบหมายมา
ให้ทำว่า Kadai

แต่ถ้าเป็นกรณีแบบฝึกหัดก็จะใช้คำว่า Shyukudai

ซึ่งงานที่ค้างๆไว้สำหรับนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัยแล้ว
มันจะมีพวกหัวข้อที่รับมาจากอาจารย์ให้ต้องเก็บไปทำเป็นการบ้าน
นั่นล่ะค่ะ ที่เขาเรียกว่า Kadai ในวงธุรกิจ ชิ้นงานที่เราทำเขาก็เรียกว่า Kadai
คำนี้ใช้อย่างกว้างขวางมาก...แต่คำว่า Shyukudai มันทำให้พี่นึกถึงแบบฝึกหัด
ของเด็กในโรงเรียนน่ะค่ะ...เพราะตอนเรียนโรงเรียนภาษาอาจารย์ผู้สอนจะให้
แบบฝึกหัดกลับไปทำเป็นการบ้านเสมอ และท่านเรียกแบบฝึกหัดที่ให้ไปทำเป็นการบ้านว่า
Shyukudai พี่เลยมองว่า สองคำนี้มีความเหมือน หากก็แตกต่างกันอยู่ในเรื่องการนำไปใช้

ลองแต่งประโยคมาใหม่นะคะ...ส่วนเรื่องบทความที่แปะโป้งไว้
คงต้องทดเวลาออกไปอีกค่ะ เพราะอาจต้องอธิบายยาว... ^^

"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ FuyuChan

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 61
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม
« ตอบกลับ #133 เมื่อ: พ.ค. 14, 2015, 10:38 PM »
0
ในรูปทั่วไป จะพูดว่า วันนี้มีอะไรให้ทานมั้ย?? kyou,nani taberu?

mainichi watashi wa yokuruto wo taberu yo~ (ฉันกินโยเกิร์ตทุกวัน)

ผิดถูก ชี้แนะด้วยนะคะ
อาริกาโตะ เนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 16, 2015, 09:12 AM โดย FuyuChan »

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม
« ตอบกลับ #134 เมื่อ: พ.ค. 26, 2015, 07:43 AM »
0
ในรูปทั่วไป จะพูดว่า วันนี้มีอะไรให้ทานมั้ย?? kyou,nani taberu?

mainichi watashi wa yokuruto wo taberu yo~ (ฉันกินโยเกิร์ตทุกวัน)

ผิดถูก ชี้แนะด้วยนะคะ
อาริกาโตะ เนะ


今日何をたべるのかな? อ่านว่า เกียว-นะนิ-โวะ-ตะเบรุโหน่ะ-ก่ะนะ?
แปลว่า...วันนี้จะกินอะไรดีนะ?

ส่วนประโยคที่ว่าฉันกินโยเกิร์ตทุกวันนั้น แต่งประโยคได้ถูกต้องแล้วค่ะ ^^

毎日私はヨクルットを食べるよ〜
อ่านว่า ไมนิจิ-วะตะชิวะ-โยกุรุตโต่ะ-โวะ-ตะเบหรุโย

น้องฟุยุแต่งประโยคเก่งขึ้นมากๆค่ะ...^^

"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

 

GoogleTagged