ผู้เขียน หัวข้อ: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม  (อ่าน 11927 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ FuyuChan

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 61
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม
« ตอบกลับ #45 เมื่อ: เม.ย. 05, 2015, 11:36 PM »
0
จากภาพที่หนูโพสต์ หากกะอยากจะเสริมในส่วนของ grammar นึดนึงหรือมากๆก็ยินดีนะคะ

ปล.ปูเสื่อรอพลางๆคะ

# วัยกำลังมีไฟที่จะเรียนรู้อยู่คะ (ไฟลุกโชนเลยก็ว่าได้)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เม.ย. 05, 2015, 11:40 PM โดย FuyuChan »

ออฟไลน์ FuyuChan

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 61
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม
« ตอบกลับ #46 เมื่อ: เม.ย. 05, 2015, 11:45 PM »
0


ทำไมถึงกะบอกว่าชอบฤดูใบไม้ร่วง กะยังไม่ให้คำตอบเลย

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม
« ตอบกลับ #47 เมื่อ: เม.ย. 06, 2015, 12:28 AM »
0
จากภาพที่หนูโพสต์ หากกะอยากจะเสริมในส่วนของ grammar นึดนึงหรือมากๆก็ยินดีนะคะ

ปล.ปูเสื่อรอพลางๆคะ

# วัยกำลังมีไฟที่จะเรียนรู้อยู่คะ (ไฟลุกโชนเลยก็ว่าได้)

งั้นจะขอยกเอาประโยคดังกล่าวในภาษาญี่ปุ่นมาเลยนะคะ
(จะเขียนตามแนวนอนนะคะเพราะในรูปเป็นการเขียนในแนวตั้ง)

ขอเกริ่นก่อนว่า...หลักการเขียนและการอ่านในภาษาญี่ปุ่น
ถ้าเขียนเป็นแนวตั้ง เราจะอ่านจากขวาไปซ้าย และจากบนลงล่าง...
แต่หากอยู่ในแนวนอน จะอ่านจากซ้ายไปขวาค่ะ ^^

毎日の中に
いいことがなくても、
きっと何か見つければ、
いいことはあるはず。

อ่านว่า

ไมนิจิ-โนะ-นะกะนิ
อี๊โกโตะก๊ะ-นะกุเต๊ะโหมะ,
คิตโตะ-นะหนิก่ะ-มิสึเคเรบ่ะ,
อี้โกโตะวะ-อะรุฮาซุ.

ในกรณีนี้พี่จะแปลว่า

"ในทุกๆวันนั้น...แม้ดูไม่ได้มีเรื่องราวดีๆนัก...
แต่...ถ้าเราได้ค้นหา...ย่อมต้องค้นเจอว่า
มีเรื่องราวดีๆอยู่ในนั้นอย่างแน่นอน..."

ซึ่งในประโยคทั้งหมดนั้น จะมีหลักการใช้ไวยากรณ์อยู่ ไม่แน่ใจว่า
น้องฟุยุจังได้เรียนมาบ้างแล้วรึยัง
(พี่นั้นเรียนภาษาญี่ปุ่นกับครูญี่ปุ่นในโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นที่โตเกียว
ตั้งแต่ตอนนับศูนย์คือไม่มีอะไรติดตัวไปเลย เวลาบอกหลักการใช้ไวยากรณ์
อาจไม่ตรงกับครูที่สอนในไทยก็อาจเป็นได้ในเชิงลึก
เพราะครูญี่ปุ่นเขาสอนโดยใช้หลักการหาประโยคมาให้เราสังเกต
หาโน่นนี่มาให้อ่าน แต่งประโยคต่างมาเปรียบเทียบ
และให้ทำแบบฝึกหัดถึงความแตกต่างของการใช้ไวยากรณ์ต่างๆว่าใช้กับอะไรยังไง
ดังนั้น ความรู้ที่ได้จึงเกิดมาจากการสังเกต สั่งสม ไม่ได้เกิดมาจากความจำเพียงอย่างเดียว
แต่มันหลอมเป็นความนึกคิดเข้าไปด้วย และพี่มองว่ามันคือธรรมชาติของภาษาเขาน่ะค่ะ)

ซึ่งหลักๆในประโยคนี้มี

。。。。なくても、
きっと。。。。
。。。。見つければ、
。。。。はず。


いいことがなくても、อ่านว่า อี้โกะโตะก๊ะ นะกุเต๊ะโหมะ
ตัวประโยคนี้ แปลตรงๆว่า ถึงแม้ไม่มีเรื่องดีๆแต่... (แต่ซ่อนความรู้สึกว่าอาจจะมีเรื่องดีๆอยู่ก็ได้)
เลยมีคำว่าแต่...ซึ่งเป็นการส่งทอดประโยคนี้ไปสู่ประโยคต่อไปเพื่อบอกถึงความแตกต่าง
หรือประโยคบอกล้างกัน...เพราะเขาใช้คำว่า ....nakutemo (。。。なくても、)
ซึึ่งจะมีแบบ 。。。なければ、ด้วย แต่เขาไม่เลือกมาใช้ในวลีนี้...
เพราะหมายจะส่งต่อไปยังประโยคถัดไปเพื่อสื่อนัยยะแห่งการค้นหา....
นั่นคือ

きっと何か見つければ、อ่านว่า คิตโตะ-นะนิก่ะ-มิสึเคเรบ่ะ
ประโยคนี้แปลตรงๆเลยไม่ได้ เพราะมันจำเป็นต้องมีประโยคมารองรับ
แต่อยากให้รู้ว่า เมื่อมีคำว่า kitto....mitsukereba(きっと....見つければ、)
ย่อมต้องสื่อถึงการค้นหาอะไรบางอย่างเพื่อการค้นเจอในประโยคที่จะมารองรับหลังจากนี้
เพราะ kitto (きっと)แปลว่า ....แน่นอน (คือต้อง...แน่ๆ)
ส่วนคำว่า ....mitsukereba(。。。見つければ、)นั้นแปลว่า ถ้าได้ค้นหา,ถ้าได้มองหา
ซึ่งต้องมีประโยคที่มารองรับต่อ นั่นก็คือ

いいことはあるはず。อ่านว่า อี้โกะโตะวะ-อะรุฮาซุ
แปลโดยตรงเลยคงไม่ได้...เพราะต้องดูที่ประโยคก่อนหน้า
เนื่องจากประโยคนี้ย่อมมีประโยคนำหน้าแน่นอน...แต่ถ้าจะแปลจริงๆ
พอจะแปลได้ว่า ย่อมต้องมีเรื่องดีๆ (โดยธรรมดาสามัญทั่วไป)
เพราะใช้วลีว่า aruhazu (。。。あるはず)
เนื่องจากวลีดังกล่าวนั้น หมายถึง...ย่อมต้องมีโดยปกติสามัญทั่วไปอยู่แล้ว
คือ มีโดยที่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรือเป็นการมีเพราะความไม่ตั้งใจ
หรือ ประมาณว่า...มันย่อมจะต้องมี ไม่มีไม่ได้ แต่มันขึ้นอยู่กับเราว่า
เราจะเห็นหรือไม่เห็นมันเท่านั้น ซึ่งไม่เกี่ยวว่าเราจะเห็นหรือไม่
(อันนี้พอนึกภาพออกมั้ยคะ) เหมือนพระเจ้าที่ย่อมต้องมีอยู่แล้ว
แต่มนุษย์มากมายคิดว่าไม่มี เพราะเขาไม่รู้จัก ไม่เห็น ไม่ใคร่ครวญ
นี่แหล่ะค่ะ การใช้วลี ....aruhazu คือ มันย่อมต้องมีสิ (ประมาณนี้)

เราเลยต้องเอาสองวลีมารวมกันดังนี้

きっと何か見つければ、いいことはあるはず。
ถ้าเราได้ค้นหา...ย่อมต้องค้นเจอว่ามีเรื่องราวดีๆอยู่ในนั้นอย่างแน่นอน
 
เลยรวมๆกันได้ใจความว่า

"ในทุกๆวันนั้น...แม้ดูไม่ได้มีเรื่องราวดีๆนัก...
แต่...ถ้าเราได้ค้นหา...ย่อมต้องค้นเจอว่า
มีเรื่องราวดีๆอยู่ในนั้นอย่างแน่นอน..."


พี่จึงบอกว่า...ประโยคทั้งหมดนั้น มีการสร้างประโยคเริ่มแล้วส่งต่อประโยคหนึ่ง
ไปสู่อีกประโยคหนึ่ง และส่งต่อๆกันไปอีกจนจบประโยคและมันมีข้อผูกพันต่อกัน
สัมพันธ์กันโดยดี มีประโยคเริ่มที่สร้างมาแล้วมีการบอกล้างในประโยคถัดไป
โดยใช้ nakutemo (なくても、)เป็นวลีแบ่งก้ันระหว่างประโยคเริ่มและประโยคจบ

จึงให้สังเกตว่า หากมี nakutemo(なくても、)ในประโยคใด
ให้รู้ว่า...หน้าวลีดังกล่าวกับหลังวลีดังกล่าวเป็นถ้อยคำที่ขัดแย้ง
และเป็นเหตุเป็นผลซึ่งกันและกัน
เพราะมันแปลว่า ถึงแม้ไม่มี....แต่ว่า....

เช่น

何かなくても、あなたがいます。อ่านว่า นะนิก๊ะ-นะกุเต๊ะโหมะ,อะนะตะก๊ะ-อิมาสุ
แปลว่า ถึงแม้ไม่มีอะไรแต่ก็ยังมีเธออยู่

ซึ่งความลึกซึ้งของการใช้วลีดังกล่าว มันมีการสอดแทรกเหตุผลลึกๆเข้าไปข้างในด้วย
จึงมีคำคมหรือประโยคดีๆมากมายในภาษาญี่ปุ่นมักเอาวลีดังกล่าวมาใช้แต่งประโยค
หรือถ้อยคำดีๆกันน่ะจ๊ะ ^^

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เม.ย. 06, 2015, 12:36 AM โดย nada-yoru »
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ FuyuChan

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 61
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม
« ตอบกลับ #48 เมื่อ: เม.ย. 06, 2015, 12:45 AM »
0
ขอเเนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการละกัน

ชื่อ ซัยนับ ชื่อเล่น จ๊ะ(ซึ่งหมายถึงพี่ สาเหตุที่ใช้ชื่อเล่นนี้เพราะ เป็นคนโตคะ ซึ่งคนโต ภาษาใต้จะเรียกว่า จ๊ะ)

ปัจจุบันเรียนอยู่ชั้นปี 3 คณะศึกษาศาสตร์ สาขาการสอนอิสลามศึกษา มหาวิทยาลัยฟาฏอนี (ต้องขอบอกว่าเรียนด้านครู แต่มาดไม่ให้เอาซะเลย เพราะเป็นคนเงียบๆคะ)

เป็นคนจ.ปัตตานี

ณ ตอนนี้สนใจและกำลังเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่น(ด้วยตนเอง ศึกษาผ่านอินเตอร์เน็ต) จากแต่ก่อนที่ไม่มีพื้นฐานเลย ก็เริ่มศึกษาและหัดคัดตัวฮิรางานะ คะตะคะนะ จนพอจะจำและเขียนได้

ส่วนเรื่องกฎไวยกรณ์ คงได้แค่พื้นๆจริงๆคะ เช่น การแสดงความเป็นเจ้าของ ประโยคบอกเล่า ปฏิเสธ ในรูปแบบของสำนวนสุภาพคะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เม.ย. 06, 2015, 01:03 AM โดย FuyuChan »

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม
« ตอบกลับ #49 เมื่อ: เม.ย. 06, 2015, 12:57 AM »
0


ทำไมถึงกะบอกว่าชอบฤดูใบไม้ร่วง กะยังไม่ให้คำตอบเลย


อ่าาาา...พี่ลืม...อิอิ

ที่ชอบเพราะว่า ใบเมเปิ้ลที่เปลี่ยนสีในฤดูนี้สวยมากค่ะ...
บรรยากาศมันดูอบอุ่นปนเหงาๆแปลกๆดี...

คือ...เหมือนใบไม้ที่ก่อนจะร่วงลาต้น มันส่งสีสันสวยงามให้คนได้ยลโฉมมัน
เป็นครั้งสุดท้าย ให้ความอบอุ่นใจ หากก็แฝงไปด้วยความเหงาที่ซ่อนเร้นเอาไว้
ในบรรยากาศนั้นด้วย...พอฤดูใบไม้ร่วงมาถึงทีไร พี่ชอบไปนั่งใต้ต้นเมเปิ้ลจ๊ะ
มองดูความเปลี่ยนแปลงของมัน...มันสวยมากๆ...สวยกว่าดอกซากุระสำหรับพี่มากเลย
ทั้งๆที่มันก็แค่ใบไม้...แต่มันก็ยังมีช่วงเวลาที่สวยงามของมัน...

ถ้าเป็นประเทศไทยเราซึ่งไม่มีฤดูใบไม้ร่วงเหมือนญี่ปุ่น ก็จะตรงกับช่วงที่เขาเรียกว่า
"ปลายฝน ต้นหนาว"

ช่วงฤดูใบไม้ร่วง...ใบไม้จะสวยเพื่อบอกลาต้น ที่จะต้องไปทนกับความหนาวที่รออยู่ข้างหน้า
ในฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้า
เพราะฤดูหนาวต้นไม้หัวโล้นค่ะ ไม่มีใบ หิมะก็มาเกาะอีก หนาวแล้วก็ยิ่งหนาวเข้าไปอีก...
นับว่า ต้นไม้มันอึดและทนจริงๆค่ะ พอสิ้นฤดูหนาว ความอบอุ่นเข้ามา
ใบไม้ก็เริ่มผลิใบแย้มออกมาใหม่...

สำหรับพี่...เลยคิดว่า ใบไม้ในฤดูใบไม้ร่วงมันไม่ต่างจากคนที่พยายามสร้างสรรค์
สิ่งดีๆ ภาพดีๆ ภาพสวยๆเอาไว้ให้คนอื่นๆได้ยลก่อนที่จะจากโลกไปน่ะค่ะ...

ใบไม้มันยังทำได้ดีและได้จากไปอย่างสวยงาม เราเป็นคน ต้องทำได้มากกว่านั้น...

มันจึงเป็นความประทับใจที่พี่มีต่อ "ฤดูใบไม้ร่วง" ค่ะ...

และมันทำให้พี่นึกถึง ต้นยางผลัดใบที่บ้านเกิดด้วย...^^

ญี่ปุ่นเรียกใบเมเปิ้ลที่เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงว่า 紅葉(もみじ、こうよう)
อ่านว่า โมมิจิ,โคโย แต่พี่ชอบเรียกมันว่า "โมมิจิ"
และนำชื่อนี้ไปตั้งชื่อร้านศิลปะงานฝีมือของญี่ปุ่นให้กับพี่ที่รู้จักสนิทกันด้วย
พร้อมกับปักครอสติชให้พี่เขาโดยใช้ชื่อสาวในรูปชิ้นงานนั้นที่พี่เขาชอบ
ซึ่งหญิงสาวในชุดยูกะตะผู้นั้นยืนอยู่ท่ามกลางใบไม้สีสันสวยงามมากมาย
ที่กำลังร่วงพรูจากต้นของมันให้ว่า

"อากิโกะ" ซึ่งแปลว่า "หญิงสาวแห่งฤดูใบไม้ร่วง"

 ^^

เพราะพี่เขากับพี่เราต่างชอบฤดูใบไม้ร่วงเหมือนๆกัน
ด้วยเหตุผลคล้ายๆกัน นับว่าเป็นความบังเอิญก็ว่าได้
ที่ได้เจอคนที่คิดคล้ายๆกัน รู้สึกคล้ายๆกัน มีมุมมองคล้ายๆกัน
ชอบอะไรคล้ายๆกัน ทั้งๆท่ีอายุห่างกันเป็นรอบๆ...อิอิ

พี่เลยดีใจที่อย่างน้อยการไปอยู่ที่ญี่ปุ่นได้ทำให้เราได้เจอกัน รู้จักกัน...
อัลฮัมดุลิลลาฮฺ ^^



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เม.ย. 06, 2015, 01:05 AM โดย nada-yoru »
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม
« ตอบกลับ #50 เมื่อ: เม.ย. 06, 2015, 01:40 AM »
0
ขอเเนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการละกัน

ชื่อ ซัยนับ ชื่อเล่น จ๊ะ(ซึ่งหมายถึงพี่ สาเหตุที่ใช้ชื่อเล่นนี้เพราะ เป็นคนโตคะ ซึ่งคนโต ภาษาใต้จะเรียกว่า จ๊ะ)

ปัจจุบันเรียนอยู่ชั้นปี 3 คณะศึกษาศาสตร์ สาขาการสอนอิสลามศึกษา มหาวิทยาลัยฟาฏอนี (ต้องขอบอกว่าเรียนด้านครู แต่มาดไม่ให้เอาซะเลย เพราะเป็นคนเงียบๆคะ)

เป็นคนจ.ปัตตานี

ณ ตอนนี้สนใจและกำลังเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่น(ด้วยตนเอง ศึกษาผ่านอินเตอร์เน็ต) จากแต่ก่อนที่ไม่มีพื้นฐานเลย ก็เริ่มศึกษาและหัดคัดตัวฮิรางานะ คะตะคะนะ จนพอจะจำและเขียนได้

ส่วนเรื่องกฎไวยกรณ์ คงได้แค่พื้นๆจริงๆคะ เช่น การแสดงความเป็นเจ้าของ ประโยคบอกเล่า ปฏิเสธ ในรูปแบบของสำนวนสุภาพคะ



อายุน้อยกว่าพี่หลายปีเลยนะเนี่ย...ฮ่าาาาา
คิดถูกแล้วที่แทนตัวเองว่าพี่อ่ะ...อิอิ
เพราะรู้สึกว่าเป็นพี่จริงๆ...เนื่องจากเห็นน้องบอกว่ากำลังศึกษาอยู่
ตอนแรกพี่คิดว่า ศึกษาป.ตรีสาขาภาษาญี่ปุ่นเสียอีก

แสดงว่า...นี่คืออนาคตของแม่พิมพ์ของเด็กๆเลยนะเนี่ย...ส่งเสริมๆค่ะ
และไม่แนะนำให้มองว่าตัวเองมาดไม่ให้ที่จะเป็นครู
เพราะเมื่อก่อนตอนเรียนภาษาญี่ปุ่น กำลังเตรียมตัวกันเพื่อสอบเอ็นฯ
เข้ามหาลัยที่นั่น เพื่อนๆพี่มักเอียงคอ มองพี่ แล้วถามว่า
"แกแน่ใจนะว่าจะเรียนออกแบบจริงๆอ่ะ" ไอ้เราก็บอกว่า
"ถ้าไม่แน่จะเลือกเรียนรึ มันก็ต้องแน่ใจแล้วสิ..."

เพื่อนพี่เลยมักพูดกันว่า สภาพพี่ไม่ให้ มาดนักออกแบบไม่มี
เพราะพี่เป็นคนไม่ได้แต่งตัวตามกระแส ไม่หวือหวา ค่อนข้างแต่งตัวง่ายๆ
อาจจะค่อนไปทางเชยๆน่ะนะถ้าเทียบกับกระแสที่สาวๆเขากำลังฮิตกัน
คือขอให้สะอาดไม่ซกมกก็พอแล้ว เดินไปไหนไม่ส่งกลิ่น
ให้ชาวบ้านเดือดร้อนต้องปิดจมูก หรือหอมจนต้องเหลียวหลัง
แล้วเดินตามกลิ่นเรามา...อิอิ เพราะความสวยความงามเราพยายาม
เก็บซ่อนเอาไว้ให้ใครบางคนมอง(แม้มีไม่มากแต่ก็พอมีล่ะเนอะ)...เหอๆ

ก็เลยดูไม่ค่อยบรรเจิดในสายตาประชาชี
แต่พี่เชื่อในดีกรีว่าตัวเองสอบติดสาขานี้ชัวร์
และอัลลอฮฺก็อนุมัติให้สอบติดและได้เรียนจนจบมาด้วยดี...
อัลฮัมดุลิลลาฮฺ

พอเพื่อนมันรู้ว่า ผลงานพี่ได้รางวัลระดับภาค มันก็แทบพลัดตกจากเก้าอี้
มันไม่เชื่อว่า หน้าอย่างพี่จะทำได้ ประมาณว่า
สภาพอย่างนี้เนี่ยนะออกแบบผลงานจนได้รางวัล...
พี่ยังหัวเราะกับมันเลยว่า...ทุกอย่างในโลกล้วนไม่แน่นอน
อย่าเพิ่งด่วนตัดสินซี...

ใครเขาจะแต่งตัวกันอย่างไร จะวิ่งตามรถไฟ(เทรน) ก็ช่างเขา
เราขอเป็นเราอย่างเต็มพิกัด ไม่ขัดแย้งแต่อาจขัดตาชาวบ้านบ้าง
ก็ช่างมันเต๊อะ ในเมื่อมันก็ไม่ได้ส่งผลเดือดร้อนให้ใคร
พี่ไม่ได้กินหิน กรวดทรายตามท้องถนนจนมั่งมีศรีสุข ร่ำรวยล้นฟ้านี่นา...
ฮ่าาาาา (อันนี้แอบกัดพวกชอบกินหินจ่ะ)

เมื่อก่อนเป็นมุสลิม ตอนนี้ก็ยังเป็นมุสลิมอยู่ค่ะ...อิอิ
และก็เหนียตไว้พร้อมดุอาว่าขอให้ได้เป็น มุอ์มินตราบสิ้นลมหายใจ...

ส่วนอาชีพอะไรที่พอจะทำได้ และมีความสามารถพอที่จะทำ
เป็นงานสุจริต พ่ีทำได้หมด ไม่มียกเว้น...
แต่ขอให้ได้ทำอิบาดะฮฺด้วยเท่านั้นเองค่ะ ^^

มันคือจุดยืนอันแสนขม บางคนอาจว่าไม่น่าดูชม
แต่ก็ทำให้ลมหายใจเรายังมีอัลลอฮฺอยู่...

แค่นี้ก็....อัลฮัมดุลิลลาฮฺ...

อื่นใดจะอิ่มใจเท่ากับการได้พยายามหาหนทาง
เพื่อที่จะให้ได้อยู่ใกล้ชิดกับพระผู้อภิบาล...ไม่มีอีกแล้ว....

เมื่อก่อนหลงใหลคลั่งไคล้ดุนยาสุดเหวี่ยง...แต่ตอนนี้ขอเหวี่ยงมันออกไปบ้าง
เอาแค่พอจำเป็นๆเท่านั้นค่ะ...ใครว่าเรามักน้อยเกินไปก็ อัลฮัมดุลิลลาฮฺ
(เพราะนั่นหมายถึงเขากำลังชมเรา)

ใครว่าเราเรื่องมาก ยุ่งยากเกินไปก็ อัลฮัมดุลิลลาฮฺ
(เพราะเขากำลังสรรเสริญและให้เกียรติเราอยู่)

ปล.เรื่องภาษาญี่ปุ่นขอให้สู้ๆนะคะ พี่เอาใจช่วย มีอะไรสงสัยถามมาได้เลย
ถ้าพี่แว้บเข้ามาในนี้ จะพยายามตอบตามที่ได้เรียนรู้มาค่ะ
อาจมีผิดมีพลาดบ้างเป็นธรรมดาค่ะ...^^

เจออะไรไม่เข้าใจหรือทะแม่งๆ ท้วงติงได้เสมอ อย่าได้เกรงใจน้าาาา

ปล.อีกที...พี่เป็นสาวใต้ บ้านเกิดอยู่จังหวัดพัทลุง
ตอนนี้พักอาศัยอยู่ที่กทม.ค่ะ...

แหลงใต้ชัดที่สุด ส่วนภาษาอื่นๆ ไม่ชัดสักภาษา....
แต่ก็พอฟังกันเข้าใจ...ฮ่าาาาาาา

เพราะปัญหามันอยู่ที่ลิ้นของเรานี่แหล่ะค่ะ
บางครั้งมันก็ไม่ได้กระดิกตามใจเราอย่างที่เราอยากให้มันเป็น
ทองแดงบ้างไรบ้าง เป็นเรื่องธรรมดาเนอะ hehe

ดังนั้น อย่าอายที่จะพูดภาษาอื่นค่ะ...ต้องด้านเข้าไว้
ท่องไว้อย่่างนี้นะ แล้วจะได้พูดภาษาอื่นๆหลายๆภาษา
แม้ไม่ชัดสักภาษา แต่เจ้าของภาษาเขาเข้าใจเราแน่นอน... 555
ว่าเรานั้นได้พยายามสุดๆแล้ว ^o^

"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม
« ตอบกลับ #51 เมื่อ: เม.ย. 06, 2015, 03:02 AM »
0
ถ้าไปเจอข้อความหรือบทความดีๆ ถ้อยคำดีๆในเพจเพสบุ๊ค
เอามาลงให้กันด้วยนะคะ....เผื่อพี่จะได้ใช้มันเป็นไกด์ให้...
เพราะจะไปเอามาลงเอง คอมฯส่วนตัวที่ใช้อยู่ ณ ตอนนี้มันเข้าเฟสไม่ได้
ต้องใช้คอมตัวอื่น ที่สำคัญ ตัวอื่นมันดันพิมพ์ญี่ปุ่นไม่ได้ด้วยซี

มีแต่ตัวนี้แหล่ะที่พิมพ์ได้ถนัดหน่อย...^^

จริงๆอยากนำคลิปวิดิโอที่คนญี่ปุ่นเขาทำขึ้นเพื่อเผยแผ่อิสลาม
ให้กับคนญี่ปุ่น...มันดูสร้างสรรค์เอามากๆเลยค่ะ
ภาพอะไรก็ดูแบบว่าน่าสนใจ การนำเสนอของเขาแตกต่าง
จากของคนไทยทำมาก...พี่เองเมื่อก่อนนั่งดู
แล้วอยากจะทำมันขึ้นมาบ้าง แต่ไม่ได้จบด้านนั้นโดยตรง
ปัจจุบัน ก็พยายามขวนขวายอยู่ค่ะ เพราะเคยไปนั่งช่วยพี่เขา
ตัดต่อพวกคลิปวิดิโอมาบ้าง แต่ก็ไม่ได้เก่งอะไรเลย...
และอุปกรณ์มันก็ไม่เอื้ออำนวยเท่าไหร่ด้วย

เคยดูคลิปที่อุลามะฮฺเราพูดบรรยาย
แล้วกินใจ จับใจจนอยากจะทำเป็นซับไตเติ้ลเป็นภาษาญี่ปุ่น
เพื่อให้คนญี่ปุ่นได้ศึกษา ได้เข้าใจหลักการ หลักศรัทธา
และได้ซาบซึ้งถึงความรักความเมตตาจากอัลลอฮฺบ้าง
เพราะมันยังไม่ค่อยมีนะอะไรแบบนั้นน่ะ ของไทยเรา
มีการซับไตเติ้ลให้ แต่ของญี่ปุ่นไม่ค่อยเห็นนัก...
คือเท่าๆที่พี่เคยๆดูมาเมื่อก่อนน่ะค่ะ
(เพราะปัจจุบันคอมฯเจ้าปัญหาเข้าดูคลิปวิดิโอ
ในยูทูบไม่ได้ซะแล้ว) เหอๆ

อินชาอัลลอฮฺ...มีโอกาสก็อยากจะลองทำดูค่ะ....

ดังนั้น...น้องฟุยุจัง(ขอเรียกอย่างนี้แหล่ะ ^^) หัดเรียนไว้นะคะ
เผื่อวันนึงเราอาจจะได้ช่วยกัน อินชาอัลลอฮฺ

^o^

เพราะมุสลิมที่เข้าใจ ฟัง พูด อ่าน เขียน พิมพ์ดีดภาษาญี่ปุ่นได้
เท่าที่พี่รู้จักมีน้อยถึงน้อยมาก แค่ 5 คนเอง
และก็ดันอยู่กันกระจัดกระจายซะด้วย...ตั้งแต่เรียนจบมา
ยังไม่เคยได้เจอกันเลยค่ะ... hehe

ปล.พี่ยังเคยถามตัวเองว่า อะไรดลใจพี่ให้เลือกไปเรียนญี่ปุ่น
ทั้งๆที่ไม่เคยมีมันอยู่ในหัว และสามารถเลือกที่อื่นๆได้
อย่างอิสระ แต่พี่เชื่อว่า...อัลลอฮฺย่อมต้องมีเหตุผลของพระองค์
และเราก็มีสิทธิ์ทีี่จะเลือกทำด้วย...ก็คิดว่าทางนี้คงเป็นอีกทาง
ที่จะช่วยในเรื่องการทำงานด้านศาสนาได้บ้าง...
ก็หวังว่าอัลลอฮฺจะอำนวยความสะดวกให้...อินชาอัลลอฮฺ

^^

"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ FuyuChan

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 61
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม
« ตอบกลับ #52 เมื่อ: เม.ย. 06, 2015, 09:34 AM »
0
อ้างถึง
เคยดูคลิปที่อุลามะฮฺเราพูดบรรยาย
แล้วกินใจ จับใจจนอยากจะทำเป็นซับไตเติ้ลเป็นภาษาญี่ปุ่น
เพื่อให้คนญี่ปุ่นได้ศึกษา ได้เข้าใจหลักการ หลักศรัทธา
และได้ซาบซึ้งถึงความรักความเมตตาจากอัลลอฮฺบ้าง
เพราะมันยังไม่ค่อยมีนะอะไรแบบนั้นน่ะ ของไทยเรา
มีการซับไตเติ้ลให้ แต่ของญี่ปุ่นไม่ค่อยเห็นนัก...

สงสัยน้องต้องไปศึกษาทางด้านไอทีเพิ่มอีกด้านนึง

เผื่อซักวันจะได้มีโอกาส ได้ทำและเกิดขึ้นจริงๆ อินชาอัลลอฮฺ

--------------------------------------------------------

น้องได้ดาวน์โหลดโปรแกรมใส่ซับ ฝังซับมาเรียบร้อยแล้วคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เม.ย. 06, 2015, 12:37 PM โดย FuyuChan »

ออฟไลน์ FuyuChan

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 61
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม
« ตอบกลับ #53 เมื่อ: เม.ย. 06, 2015, 12:41 PM »
0
http://

โอ มิ ซุ = น้ำ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เม.ย. 06, 2015, 12:47 PM โดย FuyuChan »

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม
« ตอบกลับ #54 เมื่อ: เม.ย. 06, 2015, 01:26 PM »
0
เอาเป็นบทความภาษาญี่ปุ่นจิ...อิอิ
เอาที่มีภาษาญีี่ปุ่น...แล้วเดี๋ยวพ่ีจะได้บอกว่าอะไรตรงไหนเป็นอย่างไรไง
^^
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ FuyuChan

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 61
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม
« ตอบกลับ #55 เมื่อ: เม.ย. 06, 2015, 01:44 PM »
0
จัดไปคะ


ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม
« ตอบกลับ #56 เมื่อ: เม.ย. 06, 2015, 02:41 PM »
0
จัดไปคะ



อ่าาาาา...อันนี้บทความที่เป้นภาษาไทยกับญี่ปุ่นไปทางเดียวกันเลย
ขึ้นอยู่ว่าใครจะคิดเอาคำใดในภาษาไทยมาใช้แทนในภาษาญี่ปุ่นค่ะ
ถ้าเป็นแบบพี่...พี่จะใช้อย่างนี้นะ

思いやりの言葉
というのは時として短く、
簡単に言えてしまうものですが、
その響きは相手の心に
いつまでも残ります。

อ่านว่า

โอโมอิยาหริ-โนะ-โกะโตะบะ
โต๊ะอิอุ-โนะวะ-โตกิ-โตะชิเต๊ะ-มิจิกะกุ
คันตันนิ-อิเอชิเต๊ะ-ชิมาอุ-โมโนเดะสุก๊ะ
โซโนะ-ฮิบิกิ-วะ-ไอเตะโนะ-โกโกโระนิ
อิซึมาเด๊ะโม่ะ-โนโกริมะสุ

แปลว่า

คำพูดปลอบโยนเพื่อแสดงความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นนั้น
แม้บางคราวอาจดูสั้นไป
ราวกับพูดมันออกมาได้อย่างง่ายดาย...แต่...
ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม
เสียงสะท้อนสั้นๆและง่ายดายเช่นนั้น
มันยังคงตกค้างอยู่ภายในใจของอีกฝ่ายหนึ่งเสมอ


ปล.เอาไว้จะมาแจกแจงในเชิงรายละเอียดปลีกย่อยนะคะ
ว่าทำไมพี่แปลแบบนี้ ทำไมพ่ีกับ Mother Teresa
ถึงแปลได้แตกต่างกัน ซึ่งโดยภาพรวมแล้วคล้ายกัน ^^

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เม.ย. 06, 2015, 03:13 PM โดย nada-yoru »
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม
« ตอบกลับ #57 เมื่อ: เม.ย. 06, 2015, 03:12 PM »
0
เอาคำศัพท์มาลงก่อน

1. 思いやり(おもいやり)อ่านว่า โอโมอิยาหริ (Omoiyari)
เป็นคำนาม แปลว่า ความเห็นอกเห็นใจ น้ำใจ การปลอบโยน การปลอบขวัญ

2.言葉(ことば)อ่านว่า โกโตะบ่ะ (Kotoba)
เป็นคำนาม แปลว่า ถ้อยคำ คำพูด คำกล่าว ภาษา

3.時(とき)อ่านว่า โตกิ (Toki)
เป็นคำนาม แปลว่า เวลา ชั่วโมง ตอน กรณี ยุค สมัย ฤดู

4.短い(みじかい)อ่านว่า มิจิกะอิ (Mijikai)
เป็นคำคุณศัทพ์ แปลว่า สั้น (ใจ)ร้อน

5.簡単(かんたん)อ่านว่า คันตัน (Kantan)
เป็นคำคุณศัพท์ แปลว่า ง่าย

6.言う(いう)อ่านว่า อิอุ (Iu)
เป็นคำกริยา แปลว่า พูด กล่าว บอก เรียก
พอเป็น 言える(いえる)อ่านว่า อิเอะหรุ (Ieru)
ซึ่งอยู่ในรูปความสามารถ ก็จะแปลว่า พูดได้ บอกได้ สามารถกล่าวได้

7.響き(ひびき)อ่านว่า ฮิบิกิ (Hibiki)
เป็นคำนาม แปลว่า เสียงก้อง อิทธิพล แรงสั่นสะเทือน ความรู้สึกที่ได้ยิน

8.相手(あいて)อ่านว่า ไอเต่ะ (Aite)
เป็นคำนาม แปลว่า อีกฝ่ายหนึ่ง คู่กรณี ฝ่ายตรงข้าม

9.心(こころ)อ่านว่า โกโกะโร่ะ
เป็นคำนาม แปลว่า หัวใจ(ที่เป็นนามธรรม) ใจ จิต แก่นแท้

10.いつまでも อ่านว่า อิซึมาเดะโม่ะ (Itsumademo)
เป็นวลี แปลว่า ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม ตลอดกาล เสมอไป

11.残る(のこる)อ่านว่า โนะโกหรุ (Nokoru)
เป็นคำกริยา แปลว่า หลงเหลือ ตกค้าง คงอยู่ สืบทอด


ส่วนหลักไวยากรณ์ เดี๋ยวค่อยมาต่อจ่ะ อินชาอัลลอฮฺ ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เม.ย. 06, 2015, 03:18 PM โดย nada-yoru »
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ FuyuChan

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 61
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม
« ตอบกลับ #58 เมื่อ: เม.ย. 06, 2015, 07:04 PM »
0
อ้างถึง
6.言う(いう)อ่านว่า อิอุ (Iu)
เป็นคำกริยา แปลว่า พูด กล่าว บอก เรียก
พอเป็น 言える(いえる)อ่านว่า อิเอะหรุ (Ieru)
ซึ่งอยู่ในรูปความสามารถ ก็จะแปลว่า พูดได้ บอกได้ สามารถกล่าวได้

อิอุ กับ ฮานาซุ ใช้แทนกันได้มั้ยคะ

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม
« ตอบกลับ #59 เมื่อ: เม.ย. 07, 2015, 03:05 AM »
0
อ้างถึง
6.言う(いう)อ่านว่า อิอุ (Iu)
เป็นคำกริยา แปลว่า พูด กล่าว บอก เรียก
พอเป็น 言える(いえる)อ่านว่า อิเอะหรุ (Ieru)
ซึ่งอยู่ในรูปความสามารถ ก็จะแปลว่า พูดได้ บอกได้ สามารถกล่าวได้

อิอุ กับ ฮานาซุ ใช้แทนกันได้มั้ยคะ

บางกรณีแทนกันได้ค่ะ...แต่ไม่ค่อยเห็น...
เพราะ...

話す(はなす)อ่านว่า ฮานาสุ แปลว่า พูด คุย
เหมือนกับเราพูดคุยสนทนากับคนโน้นคนนี้ จะใช้ฮานาสุค่ะ
แต่ถ้าเป็นการบอกเล่า มันจะใช้แบบ อิอุ

จริงๆทั้งสองคำนี้ ไม่เหมือนกันเลยก็ว่าได้ค่ะ
ทั้งโดยความหมายและหลักการใช้...มันอาจดูคล้ายๆแต่ก็ไม่เหมือนกัน

อย่างเช่น

愛と言う言葉のために、なんでもできる。
(あいということばのために、なんでもできる。)
อ่านว่า อะอิ-โต๊ะอิอุ-โกโตบ่ะ-โนะ-ตาเม่ะนิ,นันเดะโม่ะ-ดิคิหรุ

แปลว่า เพื่อคำว่ารักแล้วอะไรๆเราก็สามารถทำได้ทั้งนั้น

愛 แปลว่า ความรัก
言葉 แปลว่า ถ้อยคำ

สังเกตได้ว่าหลังคำว่า 愛 จะมีต่อท้ายคำว่า と言う(という)หรือ โต๊ะ-อิอุ
ซึ่งประมาณว่า เรากำลังจะขยายความของคำว่า "อะอิ" หรือตัวของความรัก
โดยใช้ โต๊ะ-อิอุ ต่อท้าย

เพราะเมื่อใดที่เราต้องการขยายคำนามใดๆ หรือเพื่อจะสื่อความหมาย
ของคำใดๆ เราจะต่อท้ายหลังคำดังกล่าวด้วยคำว่า と言う
เพื่อเป็นการบอกเล่าเท้าความค่ะ...จะไม่ใช้ と話す(とはなす)
หรือ โต๊ะฮานาสุ อย่างแน่นอนจ่ะ ^^


แต่จะมีเวลาเรากำลังพูดคุยกับเพื่อนอยู่ แล้วเราเกิดไม่อยาก
ฟังในสิ่งที่เพื่อนบอก ในสิ่งที่เพื่อนเล่าให้เราฟัง
เราจะพูดกับเพื่อนว่า

(ちょっと)言わないで! อ่านว่า อิวานะอิเด๊ะ!
(ちょっと)言わないでください。อ่านว่า อิวะนาอิเด๊ะกุดะซะอิ

แปลว่า ได้โปรดอย่าพูด หรือ ได้โปรดอย่าเล่าอีกเลย

แทนที่จะใช้คำว่า

話さないで! อ่านว่า ฮานาซะนะอิเด๊ะ!
話さないでください!อ่านว่า ฮานาซะอินะอิเด๊ะกุดะซะอิ!

แปลว่า ได้โปรดอย่าพูด หรือ ได้โปรดอย่าคุยกัน

คือในกรณีนี้ จะถูกห้ามว่าอย่าพูดคุยกันน่ะค่ะ

อย่างเช่นคุณครูเล็งเห็นแล้วว่านักเรียนพูดคุยกันส่งเสียงดังมาก
รบกวนการสอน จึงใช้ประโยคนี้เพื่อขอให้ทำการหยุดพูดคุย
สนทนากัน

ซึ่งต่างจากการบอกให้หยุดพูดหยุดเล่าแบบด้านบน

เพราะ อิวานะอิเด๊ะกุดะซะอิ นั้น จะขอให้หยุดเล่า
มากกว่าจะขอให้หยุดพูดคุย คือ เราไม่อยากฟังไม่อยากได้ยิน
ที่สิ่งที่เขาเอามาพูดให้ฟัง เราเลยบอกว่า หยุดพูดถึงเรื่องนั้นซะ
ด้วยประโยคที่ว่า 言わないでください。

พอจะget มั้ยอ่ะ... ^^
ถ้ายังบอก เดี๋ยวพี่จะลองหาตัวอย่างมาให้ดูอีก

คือการพูดคุยแบบเล่าโน่นเล่านี่
กับการพูดคุยแบบสนทนาพาที มันจะไม่เหมือนกันค่ะ

"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

 

GoogleTagged